ตอนที่ 47 : (ตัวอย่าง) ตอนพิเศษในเล่ม Mad Dog: ตอนที่ 3
“ท่านแม่…”
น้ำเสียงหงอย ๆ ของคุณหนูเบลเลอมอนท์เอ่ยเรียกผู้เป็นแม่ที่กำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ในห้อง เท้าเล็กก้าวเดินเตาะแตะพร้อมใบหน้าเศร้า ๆ เข้ามาหามารดาของตน มือเล็กเอื้อมมาดึงชายเสื้ออย่างต้องการได้รับความสนใจ ในขณะที่ดวงตาใสแจ๋วเริ่มคลอหน่วงไปด้วยน้ำตา ส่วนมือเล็กอีกข้างหนึ่งก็ปัดเส้นผมยาวสลวยไปทางด้านหลังอย่างลวก ๆ แก้มทั้งสองข้างของคุณหนูเฟลิเซียขึ้นสีชมพูอ่อน จากการที่เจ้าตัวรีบวิ่งกระหืดกระหอบมาหาคนเป็นแม่
ชุดสีสันสดใสและเส้นผมสีอ่อนบวกด้วยใบหน้าจิ้มลิ้ม ย่อมทำให้คุณหนูเบลเลอมอนท์ดูน่ารักน่าเอ็นดู ดวงตากลมที่โค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวยามยกยิ้มหวาน นับได้ว่าถอดแบบจากเธียร์มาแทบทั้งหมด
“ไหนใครสัญญากับแม่ว่าจะไม่ร้องไห้กันน้า..” เจ้าของใบหน้างดงามที่เป็นต้นแบบของคุณหนูเบลเลอมอนท์ฉีกยิ้มเอ็นดูลูกสาวของตน พลางลูบเรือนผมสีอ่อนที่เจ้าตัวได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้เป็นพ่อ
“ให้ลูกไปกับท่านแม่ด้วยไม่ได้หรือ” เฟลิเซียเอ่ยอ้อนคนเป็นแม่ด้วยการเข้าไปกอดอ้อนเธียร์ จนคนเป็นแม่ได้แต่หัวเราะเบา ๆ กับท่าทีงอแงของลูกสาว
“ไว้ถ้าหนูโตกว่านี้ แม่สัญญาว่าจะพาไปหาท่านลุง..” น้ำเสียงอ่อนโยนของเธียร์สามารถหลอกล่อให้คุณหนูเบลเลอมอนท์คล้อยตามได้อยู่เสมอ ซ้ำยังทำให้ดวงตาใสเริ่มมีประกายสดใสแทนหยดน้ำตาที่คลอหน่วง
“ก็ได้..” เฟลิเซียยอมพยักหน้ารับคำสัญญาของคนเป็นแม่ แต่ก็ยังไม่วายกอดอ้อนเธียร์อยู่นานสองนาน เสียงเจื้อยแจ้วของสองแม่ลูกดำเนินไปเรื่อย ๆ เมื่อหนูน้อยมีคำถามมากมายที่ตนสงสัย
ตุ๊กตาตัวเล็กถูกหยิบยื่นมาตรงหน้าเธียร์โดยฝีมือคุณหนูเฟลิเซีย มันเป็นตุ๊กตาที่เธียร์จดจำได้ดีว่าตนนั้นเป็นคนเย็บมันให้ลูกสาวกับมือ และเจ้าตัวก็หวงแหนตุ๊กตากระต่ายตัวเล็กนี้มาก หวงถึงขั้นที่ว่าหากวันใดเอนยานำมันไปซัก เจ้าตัวก็จะตามไปดูอยู่ใกล้ ๆ และเฝ้ารอจนกว่ามันจะแห้งสนิท
“ให้แม่หรือ?”
“ท่านแม่จะได้คิดถึงลูก..” คำตอบอันแสนไร้เดียงสาของหนูน้อย สร้างรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธียร์ มือขาวรับเจ้าตุ๊กตาตัวเล็กมาไว้ในมือ ก่อนเอ่ยถามลูกสาวของตนด้วยความสงสัย
“ถ้าหนูให้โอลีฟกับแม่ แล้วคืนนี้หนูจะนอนหลับหรือ?”
“ลูกจะกอดโซเฟียแทน ส่วนท่านแม่ก็กอดโอลีฟ ท่านแม่จะได้คิดถึงลูกอย่างไรล่ะ”
คำตอบแสนน่าเอ็นดูของเฟลิเซียยิ่งทำให้เธียร์ยิ้มแก้มปริ ก่อนจะจัดการส่งเจ้าตุ๊กตากระต่ายไปให้เอนยาเพื่อให้เจ้าหล่อนจัดการทุกอย่างต่อ
“แม่ต้องคิดถึงหนูมากแน่ ๆ”
“ลูกก็เหมือนกัน..” มือป้อมลูบหลังคนเป็นแม่เบา ๆ คุณหนูตัวน้อยเลียนแบบการกระทำของแม่ที่มักจะปลอบโยนตัวเองแบบนี้เสมอ “ท่านพ่อก็ด้วย..”
บุคคลที่สามซึ่งถูกกล่าวถึงทำให้เธียร์แอบรู้สึกหนักใจนิดหน่อย เมื่อตนต้องทิ้งลูกสาวให้อยู่กับคนเป็นพ่อ ไม่ใช่ว่าแมดส์ลูกไม่ได้ดีหรืออะไร แต่เพราะพ่อลูกคู่นี้มักจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยต่างหาก ถึงทำให้เธียร์คิดหนักในตอนนี้
แม้จะได้หน้าตาที่ถอดแบบมาจากเธียร์ แต่เฟลิเซียก็มีนิสัยบางอย่างที่คล้ายกับพ่อของเขา
“สัญญากับแม่ก่อนว่าหนูจะไม่ดื้อไม่ซนกับท่านพ่อ..”
“ฟังดูยากจังเลยท่านแม่” นางฟ้าตัวน้อยยู่ปากเล็กน้อย และยังส่ายหน้าปฏิเสธจนเส้นผมสีอ่อนพลิ้วไหว “ลูกไม่อยากสัญญา”
เฟลิเซียครุ่นคิดอย่างหนัก เมื่อเห็นสายตาของคนเป็นแม่ที่กำลังมองเธออย่างเป็นห่วง เด็กน้อยกวัดแกว่งมือของตนเองไปมาอยู่ครู่หนึ่ง มือเล็กของเธอเอื้อมไปจับแก้มของคนเป็นแม่ ก่อนเสียงใสจะเอื้อนเอ่ยประโยคที่ทำให้เจ้าของกลิ่นดอกแมกโนเลียยิ้มได้
“ลูกจะไม่เจ็บตัว ลูกสัญญา…”
เธียร์ใช้เวลาพูดคุยกับลูกสาวอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะเดียวกันมือขาวก็จัดเครื่องแต่งกายของลูกสาวให้เรียบร้อย แปรงผมอันเล็กในมือขาวค่อย ๆ ไล่หวีเส้นผมสีอ่อนของนางฟ้าตัวน้อย เพื่อจัดทรงผมของเจ้าตัวเล็กให้เข้าทรงตามเดิม
เสียงฮัมเพลงเบา ๆ ในลำคอของเฟลิเซีย บ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดีมากแค่ไหน ในยามที่มีคนคอยแปรงผมให้ตนเอง บานกระจกใหญ่ที่สะท้อนภาพของหนูน้อยและคนเป็นแม่ ทำให้เอนยาที่ยืนมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อดนึกถึงคุณหนูของเธอเมื่อครั้งยังเยาว์วัย
ไม่ว่าจะแม่หรือลูกก็ยังคงงดงามไม่แพ้กัน..
เมื่อใกล้ถึงเวลาออกเดินทางของเธียร์มากเท่าไหร่ ยัยหนูเฟลิเซียก็ยิ่งรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมากเท่านั้น คุณหนูตัวน้อยไม่เคยต้องห่างกับแม่ของตนเป็นระยะเวลาหลายวันขนาดนี้มาก่อน ต่อให้จะพูดคุยกันมาบ้างแล้วแต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าใจหายอยู่ดีสำหรับเฟลิเซีย
ทางด้านผู้ปกครองฮาร์เดนเจอร์ที่ยืนสังเกตท่าทางของลูกสาวอยู่พักใหญ่ ก็ตัดสินใจอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนของตน ในขณะที่ริมฝีปากหยักเอ่ยอวยพรภรรยาของตนให้เดินทางอย่างปลอดภัย
“พี่จะดูแลลูกให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วง” แมดส์กล่าวพลางก้มมองท่าทีของลูกสาวที่เอาแต่มองหน้าคนเป็นแม่ “ขอให้เราเดินทางไปคาร์เลียนอย่างปลอดภัย”
“ลูกจะเป็นเด็กดีกับท่านพ่อ..” เฟลิเซียเอ่ยบอกคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงติดสั่นน้อย ๆ แขนเล็กคล้องคอคนเป็นพ่อแน่น พลางซุกใบหน้าน่ารักลงกับไหล่กว้างของผู้เป็นพ่อ
เจ้าของผิวขาวน้ำนมได้แต่ส่งยิ้มเอ็นดูลูกสาวของตนเอง และเผื่อแผ่รอยยิ้มหวานไปให้สามีที่ยืนทำหน้านิ่งอย่างรักษามาด แน่นอนว่ารอยยิ้มของเธียร์ทำให้แมดส์ยอมยกยิ้มเล็ก ๆ พลันส่งแขนอีกข้างโอบเอวคนตัวเล็กกว่า
“เราฝากลูกด้วยนะ..”
“ไม่เชื่อใจพี่หรือ?”
เธียร์ส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อถูกคนเป็นสามีถามเช่นนั้น แท้ที่จริงแล้วคนที่เธียร์ไม่เชื่อใจนั้นคือลูกสาวของเจ้าตัวมากกว่า รายนี้น่ะแสบยิ่งกว่าใคร
“เรากลัวพี่จะเลี้ยงลูกไม่ไหวมากกว่า..”
“เฟลิเซียก็ตัวแค่นี้ ทำไมพี่จะดูแลไม่ไหว”
เมื่อเห็นแมดส์มั่นอกมั่นใจแบบนี้ เธียร์ก็ไม่อยากจะขัดความคิดของอีกฝ่าย แต่จากการประเมินคร่าว ๆ แล้ว เพียวโอเมก้าตัวขาวฟันธงได้เลยว่าหลังจากเดินทางกลับมาจากคาร์เลียน คงต้องมีเรื่องวุ่นวายมากมายเกิดขึ้นที่นี่อย่างแน่นอนในระหว่างที่เจ้าตัวไม่อยู่
“ถ้าเรากลับมาแล้วลูกได้แผล เราจะโกรธพี่จริง ๆ ด้วย”
พอได้ยินคนรักพูดแบบนี้แล้วแมดส์ก็รู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ ราวกับเป็นลางบอกเหตุในอนาคต
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เธียร์เดินทางออกจากฮาร์เดนเจอร์ไปยังคาร์เลียน ทรูอัลฟ่าลูกหนึ่งก็ต้องค้บพบว่าการเลี้ยงลูกด้วยตนเอง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
“ท่านพ่อ.. ลูกอยากออกไปเดินเล่นในเมือง” เฟลิเซียเอ่ยบอกผู้เป็นพ่อตามตรง ก่อนจะปีนป่ายขึ้นไปหาคนเป็นพ่อซึ่งนั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้ โดยได้รับการช่วยเหลือจากแมดส์ซึ่งคอยประคองเจ้าตัวเล็กให้สามารถขึ้นมานั่งบนตักตนเองได้
แมดส์ก้มหน้ามองลูกสาวของตนที่ทำตาปริบ ๆ ใส่ ซ้ำยังกอดแขนอ้อนและใช้ใบหน้าถูไถต้นแขนแกร่ง จนเรียกได้ว่างัดทุกลูกอ้อนเพื่อมาอ้อนขอคนเป็นพ่อเลยก็ว่าได้
ไม่บ่อยครั้งนักที่แมดส์จะพาลูกสาวออกไปเดินเล่นในเมือง ครั้งล่าสุดที่แมดส์พาเฟลิเซียงก็คงเป็นราว ๆ สองถึงสามเดือนที่แล้วเห็นจะได้
แมดส์จำได้ดีว่าท่าทีตื่นเต้นของเฟลิเซีย ยามที่ได้ออกไปพบเจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา และสิ่งต่าง ๆ อันแปลกใหม่ มันสร้างความสุขให้กับเจ้าตัวมากแค่ไหน
“ถ้าพ่อพาหนูออกไป หนูจะต้องทำอย่างไรบ้าง..”
“ต้องอยู่ใกล้ ๆ ท่านพ่อตลอด ห้ามไปไหนโดยไม่บอก ถ้าอยากทำอะไรก็ให้บอกท่านพ่อ” เฟลิเซีย เบลเลอมอนท์ ทวนสิ่งที่ตนต้องทำในยามออกไปด้านนอกให้ผู้ปกครองฮาร์เดนเจอร์ได้ฟัง มือเล็กของยัยหนูน้อยยื่นมือมาเกี่ยวก้อยสัญญากับผู้เป็นพ่อ
เมื่อได้รับเกี่ยวก้อยสัญญาจากแมดส์เป็นที่เรียบร้อย เฟลิเซียก็ฉีกยิ้มแป้นพลางก้มลงไปหอมแก้มของบิดาฟอดใหญ่ ก่อนที่จะกระโดดลงไปยืนที่พื้นโดยไม่สนว่าชุดยาว ๆ ของเจ้าตัวจะทำให้ตัวเองล้มหรือไม่
“ระวังหน่อยเฟลิเซีย” คนเป็นพ่อเอ่ยบอกลูกสาวที่ทำอะไรไม่ระมัดระวังด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังนัก
“นิดเดียวเองท่านพ่อ” ยัยหนูตัวน้อยทำเสียงกระเง้ากระงอด ก่อนดึงกระโปรงของตัวเองให้กลับมาเรียบร้อยดังเดิม และส่งยิ้มหวานให้คนเป็นพ่อ เพื่อกลบเกลื่อนการกระทำเมื่อครู่ของตน “งั้นลูกไปเปลี่ยนชุดรอท่านพ่อเลยก็แล้วกัน!”
เมื่อเอ่ยบอกผู้เป็นพ่อเรียบร้อย คุณหนูเบลเลอมอนท์ก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทำงานของคนเป็นพ่อ เจ้าของผมสีอ่อนวิ่งตึงตังไปที่หน้าประตูจนทำให้ผมยาวสลวยของเจ้าตัวเด้งขึ้นลงตามจังหวะการวิ่ง เฟลิเซียหยุดยืนอยู่หน้าประตู ก่อนจะตะโกนร้องบอกให้นายทหารด้านหน้าห้องให้เปิดประตู เพราะเจ้าตัวไม่สามารถเปิดประตูบานใหญ่ที่หนักขนาดนั้นได้ด้วยตนเอง และไม่ลืมที่จะขอบคุณนายทหารพร้อมกับโปรยรอยยิ้มหวาน เพื่อเป็นการตอบแทนผู้คนเหล่านั้นที่คอยช่วยเหลือตนเอง
เสียงตึงตังและเสียงเจื้อยแจ้วของคุณหนูเบลเลอมอนท์ค่อย ๆ ไกลห่างออกจากห้องไปเรื่อย ๆ ในขณะที่แมดส์ได้แต่อมยิ้มกับการกระทำของลูกสาวตนเอง
“ดีใจอะไรขนาดนั้น..” แมดส์บ่นพึมพำกับตนเอง ในขณะที่ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปหยิบจดหมายต่าง ๆ ที่ตนต้องอ่านให้เสร็จสิ้น ก่อนที่จะพานางฟ้าตัวน้อยของตนออกไปเที่ยวเล่นในวันนี้
“นาน ๆ นายท่านจะมีเวลาพาเธอออกไปข้างนอก คุณหนูเธอคงดีใจไม่น้อย” ฌอนเอ่ยตอบคนเป็นเจ้านาย
“ขืนฉันพาลูกออกไปด้านนอกบ่อย ๆ มีหวังแม่เขาคงได้เป็นห่วงกันพอดี” แมดส์ตอบตามตรง “ไว้รอให้เขาโตกว่านี้คงจะเบาใจขึ้นหากต้องออกไปด้านนอก” ด้วยอายุของเฟลิเซียและการรับรู้ต่าง ๆ ทำให้เธียร์ค่อนข้างเป็นกังวลไม่น้อย ผู้ปกครองฮาร์เดนเจอร์เองก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่มากเกินไปอะไร เพราะทั้งเขาและเธียร์ต่างก็เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน มันจึงไม่แปลกนักถ้าเธียร์จะยังมีความกังวลในเรื่องเหล่านี้มากกว่าตัวของเขา
“แต่เพราะนายท่านดูแลคุณหนูได้ นายหญิงถึงได้วางใจอยู่เสมอ..”
HASHTAG #maddogmn
Talk: เมื่อลูกต้องอยู่กับพ่อ…
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารักมากๆเลยค่ะㅠ*ㅠ