ตอนที่ 4 : Mad Dog : Chapter 3
ตรวจคำผิดครั้งที่ 1
Noted : เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ = จีซอง
“แต่คนอย่างนายไม่มีสิทธิ์ล่ามเรา ไทเลอร์”
เจ้าของผิวขาวเอ่ยกับทรูอัลฟ่าหนุ่มด้วยน้ำเสียงรื่นหูที่ฟังยังไงก็ดูไม่ได้ทำให้น่ากลัวเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวนั้นกำลังดื้อดึงอย่างถึงที่สุด เผลอ ๆ อาจจะเข้าขั้นที่เรียกว่าโกรธก็คงจะว่าได้ แต่มันก็ดูขัดกับสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นอย่างชัดเจน
ภาพลักษณ์อ่อนหวานและกิริยาแสนสุภาพดั่งเช่นชนชั้นสูงไม่ได้ทำให้เจ้าตัวดูน่าเกรงขามแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ เพราะมันกลับทำให้ในสายตาคนผิวสีแทนเห็นเพียงแต่กระต่ายตัวขาว
ฝ่ามือใหญ่ที่กำรอบข้อเท้าเล็กยังคงไม่คลายแรงลงแม้แต่น้อย นอกเสียจากจะทรุดลงนั่งยอง ๆ เพื่อมองใบหน้าของคนที่นั่งอยู่กับพื้นอย่างเงียบ ๆ และนั่นก็นับว่าเป็นการกดดันที่ยอดเยี่ยมเสียจนคุณหนูเยลเวอร์ตันถึงกับเม้มปากแน่น
“อยู่เฉย ๆ มันยากมากนักหรือ..”
“....”
“รู้บ้างไหมว่าถ้าออกไปข้างนอก นายจะต้องเจอกับอะไรบ้าง?”
คางได้รูปถูกบีบให้เงยหน้าขึ้นเชิดมองยามที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มกำลังพูด จนทำให้คนที่ปิดปากเงียบนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสบตากับคนตาดุโดยตรงในระยะใกล้ชิด
“มันคงไม่มีอะไรแย่สำหรับเราไปมากกว่านี้”
แมดส์ ไทเลอร์ หัวเราะในลำคอกับคำตอบของโอเมก้าตัวขาวที่ดูจะอ่อนต่อโลกเสียเหลือเกิน เจ้าตัวคงคิดแค่เพียงหากได้ออกไปจากที่นี่ก็จะช่วยทำให้หลุดพ้น แต่ก็คงลืมนึกไปว่าข้างนอกนั่นที่เต็มไปด้วยอันตรายเกินกว่าจะคาดเดานั้นมันโหดร้ายยิ่งกว่าการถูกกักขังเสียอีก
“คิดน้อยเสียจริง”
“แล้วทำไมเราถึงต้องอยู่เฉย ๆ เพื่อรอเวลาส่งตัวกัน...”
“.....”
“ต่อให้พี่จะสัญญา เราก็รู้อยู่แก่ใจว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้”
ยังไงเสีย เธียร์ เยลเวอร์ตัน ก็ต้องถูกส่งไปให้อัลฟ่าของอีกเมือง มันคงเป็นไปได้ยากเหลือเกินสำหรับการที่ ดีแลน เยลเวอร์ตัน จะช่วยเหลือเจ้าของผิวขาวได้ ไม่มีทางเสียหรอก…
“ต่อให้นายหนีออกไป ฉันก็จะตามไปลากนายกลับมาที่นี่เหมือนเดิม”
“.....”
“มันยังไม่ถึงเวลาที่นายจะได้ออกไปจากที่นี่”
แววตาที่ไร้ความเห็นใจพวกนั้นของทรูอัลฟ่าหนุ่มย่อมทำให้คนมองยิ่งรู้สึกถูกกดลงต่ำลงไปอีกเสียจนกลายเป็นเพียงดอกไม้ที่กำลังเหี่ยวเฉาซึ่งพร้อมจะร่วงโรย
ตาสวยไล่มองตามมือหนาที่มีโซ่อยู่ในมือผ่านม่านน้ำตาที่ทำให้การมองเห็นเริ่มพร่าเลือนเต็มที ก่อนที่ทุกอย่างจะเด่นชัดขึ้น เมื่อม่านน้ำตาก่อนหน้าถูกกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาเม็ดโตรินรดบนแก้มขาวเป็นระยะ เสียงของโซ่ที่ลากกับพื้นเมื่อมือหนานั้นดึงรั้งมันออกมา ย่อมเป็นเสียงที่หลอกหลอนอยู่ในหัวของคนที่ถูกล่ามมาพักใหญ่ได้อย่างไม่ยาก
“อย่างน้อยการออกไปจากที่นี่ มันก็ทำให้เราไม่ต้องถูกล่ามแบบนี้”
เธียร์กลืนก้อนที่จุกบริเวณลำคอตนเองลงอย่างยากลำบาก หลังจากเอ่ยประโยคนั้นออกไป มือขาวซึ่งเคยเท้าไปกับพื้นด้านหลังเพื่อทรงตัวเอื้อมมาลูบเบา ๆ บริเวณข้อเท้าของตัวเองซึ่งยังคงมีรอยสีแดงที่ยังไม่ทันจางหายในครั้งก่อน แผลที่ยังไม่ทันหายดี มันคงย่อมจะต้องเจ็บปวดเพิ่มอีกน่าดูหากต้องกลับมาอยู่ในสภาพแบบเดิม แววตาโศกเอาแต่ทอดมองข้อเท้าของตัวเองนิ่ง ในขณะที่มือขาวยังคงไล้ตามรอยแผลที่ทำให้ผิวขาวจัดนั้นมีตำหนิด้วยสีแดงช้ำ
“ไม่ล่ามเราได้หรือเปล่า..”
มือนุ่มอย่างคนที่ไม่เคยแตะต้องงานหนักสัมผัสลงบนหลังมือสีเข้มเบา ๆ ในขณะที่ตาใสนั้นช้อนขึ้นมองทรูอัลฟ่าหนุ่มอีกครั้งด้วยท่าทีอ่อนลง จนเรียกได้ว่าไม่หลงเหลือความดื้อรั้นไว้ให้ได้เห็น
แมดส์ ไทเลอร์ ยังคงนิ่งเงียบเพื่อรอดูว่าคนอย่างคุณหนูเยลเวอร์ตันจะทำอะไรได้อีกนอกจากนี้ และมันก็เป็นความรู้สึกที่ผิดคาดเหลือเกินสำหรับไทเลอร์ที่ประมาทโอเมก้าตัวขาวจนเกินไป
“นายจะขังเราไว้ในนี้ก็ได้ แต่เราขอแค่อย่าล่ามเรา..”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน เข็ดขยาดกับโซ่ตรวนพวกนี้ที่จำกัดอิสระของตัวเองเต็มทน ด้วยความหนักของมันย่อมทำให้การเดินไปไหนมาไหนของเจ้าตัวนั้นยากลำบากกว่าปกติ ไหนจะคมของมันที่เสียดสีกับผิวอ่อน จนเกิดเป็นความเจ็บแสบนั่นก็ยิ่งทำให้เธียร์แทบไม่อยากจะขยับตัวไปไหนบ่อย ๆ เมื่อถูกล่ามด้วยโซ่เส้นใหญ่
“นายทำตัวนายเอง..”
“เราทำเพื่อตัวเองเพราะไม่เคยมีใครช่วยเราได้”
เธียร์ตอบทรูอัลฟ่าหนุ่มตรงหน้าได้ไม่เต็มเสียงนัก แต่มันก็ยังคงดังมากพอที่จะทำให้คนซึ่งอยู่ใกล้แค่เพียงลมหายใจรินรดนั้นได้ยินอย่างชัดเจน
“ความดื้อรั้นของนายมันจะเป็นภัยกับตัวเอง”
“เราเป็นอย่างที่นายว่าจริง ๆ หรือ?” เจ้าของตาใสยังคงเอ่ยถามไทเลอร์ด้วยความสงสัย “ถ้าเกิดเราออกไปข้างนอกนั่นแล้วเป็นอันตรายขึ้นมาจริง ๆ นายจะช่วยเราไหม..”
“ก็ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น..”
“งั้นนายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเมื่อไหร่เราจะได้ออกไปจากที่นี่.. บอกให้เราฟังหน่อยว่าอย่างน้อยเรายังมีหวังที่จะได้ออกไป…”
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” แมดส์ ไทเลอร์ ตอบอีกฝ่ายเสียงเรียบ ก่อนจะดึงมือออกจากฝ่ามือของโอเมก้าตัวขาว แต่ก็คงไม่ทันฝ่ามือนุ่มที่คว้าฝ่ามือหนาไว้อีกครั้งด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาไม่ต่างจากครั้งแรก สายตาคมไล่มองมือขาวที่สัมผัสมือของตัวเองด้วยความครุ่นคิด
“โซ่พวกนี้มันทำให้เราเจ็บ..”
คำอ้อนวอนของคุณหนูเยลเวอร์ตันนั้นไม่ต่างจากมนต์ที่สะกดให้เจ้าของผิวสีแทนนั้นนิ่งงัน จนเผลอลืมที่จะดึงมือออกจากอีกฝ่ายไปเสียสนิท
“เราสัญญาว่าต่อไปนี้เราจะไม่ดื้อกับนายอีก”
ใบหน้างดงามของเพียวโอเมก้าแนบซบลงกับต้นแขนด้านขวาของแมดส์ช้า ๆ จนผิวแก้มนิ่มแนบชิดไปกับกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขนของอีกฝ่าย จนเห็นความแตกต่างของสีผิวที่ชัดเจน กลิ่นหอมจาง ๆ ของเยลเวอร์ตันยังคงลอยฟุ้งชวนให้ดอมดม ปลายจมูกโด่งของทรูอัลฟ่าหนุ่มสูดดมความหอมที่ลอยปะปนในอากาศเข้าไปเสียเฮือกใหญ่
“ต่อรองเก่งนักนะคุณหนู” กิริยาของโอเมก้าที่แสดงออกไม่ต่างจากการเชื้อเชิญ ย่อมทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มนึกสนุก แมดส์ ไทเลอร์ ไม่รู้หรอกว่าภายใต้ตาใสเหมือนอัญมณีน้ำดีกำลังซุกซ่อนเล่ห์กลอะไรอยู่ แต่ด้วยสัญชาตญาณของอัลฟ่า มันก็ย่อมรู้สึกถูกกระตุ้นเป็นธรรมดา “ทำแบบนี้มันคงไม่ดีเท่าไหร่..”
“เราจะไม่ผิดสัญญา”
“....”
ประโยคที่จู่ ๆ ก็โพล่งขึ้นมานั้นย่อมทำให้ แมดส์ ไทเลอร์ ขมวดคิ้วแน่นมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก ความหัวร้อนที่เคยมีก่อนหน้านี้แม้จะยังไม่หายไปจนหมดแต่ก็ดูจะเบาบางลง เมื่อโอเมก้าตัวขาวนั้นไม่คิดจะมีปากเสียงกับตัวเองให้ได้หัวเสียเพิ่ม
“เชื่อเรานะไทเลอร์”
สัมผัสเย็นเยียบบริเวณข้อเท้าเล็กที่แนบกับความเย็นของเหล็กนั้นคงเป็นคำตอบสุดท้ายของ แมดส์ ไทเลอร์ ได้ดีจนทำให้โอเมก้าตัวขาวนั้นหลับตาลงอย่างจำยอม ก้อนเนื้อในอกนั้นบีบรัดเสียจนชาหนึบไปทั่วอกอย่างเช่นทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับความรู้สึกขมขื่น
“คงยกเว้นให้ไม่ได้หรอกเยลเวอร์ตัน...”
วันแรกใจร้ายอย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงใจร้ายเหมือนเดิม..
“แต่ยังไงคืนนี้ฉันก็ต้องอยู่กับคุณหนูที่นี่”
“มะ.. หมายความว่ายังไง”
“หรือคุณหนูอยากอยู่คนเดียว?” หัวกลมส่ายระรัวทันทีเมื่อถูกถามแบบนั้น แต่มือขาวก็ยังไม่วายจับมือไทเลอร์อยู่ดี
“งั้นไม่ใส่โซ่นี่ได้หรือเปล่า...”
“อย่าคิดหนีฉันอีก”
เพราะต่อให้ เธียร์ เยลเวอร์ตัน หนีอีกสักกี่ครั้ง แมดส์ ไทเลอร์ ก็จะไปตามลากตัวคุณหนูนี่กลับมาเหมือนเดิม
สัมผัสเย็นของโซ่ที่เคยแนบชิดกับข้อเท้าเล็กจางหายไป เมื่อมือหนาวางโซ่ในมือลง ก่อนจะช้อนตัวคนที่ตัวเองฉุดลากขึ้นมาให้ไปนั่งบนเตียงนอนหลังใหญ่ เธียร์ทำได้แค่มองทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นเดินไปหาข้าวของในห้องตัวเองอย่างถือวิสาสะโดยไม่ได้ปริปากเอ่ยว่าคนที่ทำตัวไร้มารยาทแต่อย่างใด
“รอยช้ำที่เข่านั่น..” เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วเจ้าของดวงตาดุก็หยิบยื่นตลับยาขนาดเล็กให้กับคนตัวขาวได้รับมันไปทา
“คงเพราะเมื่อกี้ที่เราล้ม..” เจ้าของรอยฟกช้ำเอ่ยพลางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าเมื่อครู่ที่เจ้าตัวนั้นสะดุดล้มเพราะแรงกระชากของ แมดส์ ไทเลอร์ ด้วยแรงไม่น้อยนัก จนเข่าของเจ้าตัวกระแทกเข้ากับพื้น โชคดีที่มีเพียงแค่รอยช้ำและไร้ซึ่งแผลถลอกที่ทำให้เลือดออก
“ชักช้าแบบนี้ เมื่อไหร่จะได้ทากัน” คนที่มองอยู่เอ่ยก่อนจะหยิบตลับยาในมือของคุณหนูเยลเวอร์ตันคืนมา แล้วจัดการป้ายยาสมุนไพรที่ช่วยรักษาบาดแผลฟกช้ำนั้นลงบนเข่าของอีกฝ่าย
ฟันขาวขบกัดเข้าหาริมฝีปากล่างของตัวเองเพื่อข่มความเจ็บจากน้ำหนักมือของทรูอัลฟ่าที่ทายาให้ตัวเอง และเมื่อแมดส์ ไทเลอร์ เงยหน้าขึ้นมาเห็นคนตัวขาวที่กำลังกัดปากน้ำตาคลอก็ได้แต่ถอนหายใจหนัก ๆ
“ถ้าเจ็บก็แค่บอก จะเงียบทำไม”
ใครจะกล้าพูดกัน.. แค่เห็นใบหน้าหงุดหงิดของไทเลอร์ ก็ทำให้เยลเวอร์ตันแทบจะไม่กล้าเอ่ยแย้งอะไรแล้ว
“เรากลัวนายรำคาญ”
ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษหน้านิ่ง ๆ และตาดุที่ชอบมองด้วยแววตาไร้ความรู้สึกของ แมดส์ ไทเลอร์ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เธียร์ต้องคิดแบบนั้น
“รำคาญหรือกลัว?”
“ก็อาจจะทั้งคู่” เธียร์ตอบได้ไม่เต็มเสียงนัก “เราเดาใจนายไม่ถูกหรอกว่ากำลังคิดอะไร”
“เชื่อเถอะว่าถ้านายมองฉันออก บางทีนายอาจจะไม่อยากรู้แล้วก็ได้ว่าฉันคิดอะไร”
“แล้วตอนนี้นายคิดอะไรอยู่...” มือที่กำลังหมุนปิดตลับยานั้นชะงักลงเล็กน้อย ก่อนที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มจะเดาะลิ้นอย่างชอบใจกับคำถามของโอเมก้าตัวขาว
“ก็คงกำลังคิดว่ากลิ่นของคุณหนูในตอนนี้มันเริ่มจะชัดขึ้นเรื่อย ๆ แล้วน่ะสิ”
ตาใสเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะขยับถอยหนีทรูอัลฟ่าตรงหน้าอย่างไม่ต้องคิด คนตัวเล็กกว่าพลิกตัวไปหยิบกล่องยาเล็ก ๆ ที่บรรจุเม็ดยาขนาดเล็ก ก่อนจะเปิดมันและหยิบเข้าปากตัวเองในทันที คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่เจ้าตัวมักจะกินเสมอเพื่อลดระดับกลิ่นของตัวเองนั้นหมดฤทธิ์ ถึงได้ทำให้ไทเลอร์เริ่มได้กลิ่นหอมของดอกแมกโนเลียที่ชัดขึ้น แตกต่างจากก่อนหน้าที่เป็นเพียงแค่กลิ่นจาง ๆ
“นายควรออกไปก่อน..”
กว่ายาจะออกฤทธิ์ก็คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก มันคงไม่ดีต่อตัวทรูอัลฟ่าที่จมูกไวกว่าอัลฟ่าปกติสักเท่าไหร่ นั่นคือสิ่งที่เธียร์คิด
“กลัวว่าฉันจะทำอะไรนายหรือยังไง”
“สัญชาตญาณไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะไว้ใจ”
“ไม่ว่าจะปกติหรือเพราะสัญชาตญาณ ฉันก็ควบคุมตัวเองไม่ได้สักเท่าไหร่”
“....”
“เพราะฉะนั้นนายเองก็ควรระวังตัวเองให้มากขึ้นเยลเวอร์ตัน”
*
หลังจากที่ไทเลอร์ออกไปจากห้อง คนตัวขาวก็ถึงได้มีช่วงเวลาได้หายใจหายคอได้สะดวก การอยู่ใกล้ทรูอัลฟ่าอย่างไทเลอร์นั้นย่อมมีความรู้สึกอึดอัดที่ไม่ต่างจากการถูกกดให้อยู่ต่ำ มันเป็นเรื่องปกติที่โอเมก้ามักจะรู้สึกได้หากอยู่ใกล้พวกที่มีเพศรองต่างจากตัวเอง กลิ่นไม้ลึกลับที่เธียร์ไม่รู้จักให้ความรู้สึกถึงความร้อนผ่าว และอันตรายที่แฝงอยู่ภายในตัวของแมดส์อย่างชัดเจน
ยิ่งยามที่ดวงตาเฉยชาซึ่งเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวจ้องมองมาที่ตน มันก็ยิ่งข่มขวัญคนมองได้อย่างไม่ยากเย็น
เสื้อผ้าสีเข้มที่ชื้นเหงื่อผสมไปกับกลิ่นประจำตัวถูกถอดออกจากร่างกาย ก่อนที่ เธียร์ เยลเวอร์ตัน จะก้าวเท้าลงไปในอ่างอาบน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายที่เต็มไปด้วยคราบเหงื่อเหนียวเหนอะหนะ ผิวกายขาวกระจ่างฉายชัดท่ามกลางแสงสลัวของแสงไฟที่ถูกจุดให้ความสว่างภายในห้องน้ำ
เส้นผมสีเข้มแนบลู่ไปตามใบหน้าจนเผยให้เห็นโครงหน้าที่ชัดเจนของคุณหนูเยลเวอร์ตัน กระดูกบริเวณช่วงลาดไหล่ที่ไล่มาจนถึงไหปลาร้าขึ้นชัดเจนเสีย จนไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่ใครหลายคนจะมองว่าคนตัวขาวนั้นดูขี้โรคและอ่อนแอ
เสียงปิดประตูด้านนอกนั้นทำให้คนที่กำลังอาบน้ำอยู่เงียบ ๆ ต้องหันไปมองทางประตูห้องน้ำ ก่อนที่เจ้าตัวจะจัดการอาบน้ำให้เสร็จเรียบร้อย
บานประตูห้องน้ำที่เปิดออกพร้อม ๆ กับเจ้าของผิวขาวเนียนที่อยู่ในชุดนอนสีสบายตา เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว ย่อมดูรุ่มร่ามเมื่ออยู่บนร่างกายของโอเมก้าตัวผอม ทรูอัลฟ่าหนุ่มที่กลับเข้ามาอีกครั้งเองก็อยู่ในชุดที่ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่นักในสภาพของเสื้อผ้า แต่ที่แตกต่างก็คงหนีไม่พ้นร่างกายแข็งแรงที่ยังดูชัดเจนไปเสียทุกสัดส่วนนั้นต่างหาก
“คุณหนูควรจะเช็ดตัวไม่ใช่หรือ” สรรพนามที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มมักจะใช้เรียก เธียร์ เยลเวอร์ตัน ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนตัวขาวรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่
“เราเหนียวตัว..”
โกหกทั้งเพ ใครจะไปเชื่อกัน กลิ่นแปลกประหลาดที่มาจากพวกน้ำมันหอมระเหยที่กลบกลิ่นของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน จนจางลงยิ่งกว่าเดิมต่างหากที่เป็นสาเหตุให้คุณหนูเยลเวอร์ตันอาบน้ำ
“กลิ่นฉุนเสียจนแสบจมูก..”
หอมแค่ไหนก็ยังคงไม่ลื่นจมูกเท่ากับกลิ่นกายที่แท้จริงของคุณหนูเยลเวอร์ตัน
เมื่อได้ยิน แมดส์ ไทเลอร์ บอกเช่นนั้น คนตัวขาวก็แอบยกยิ้มเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ เพราะความรู้สึกที่มั่นใจว่าตัวเองจะปลอดภัยจากอีกฝ่ายมากขึ้น
“นายน่าจะนอนตรงนั้นได้..”
นิ้วเรียวสวยของคุณหนูเยลเวอร์ตันชี้ไปทางเก้าอี้ตัวยาวที่มีพื้นที่มากพอให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มนอนได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปเปิดตู้ไม้ภายในห้องและหยิบผ้าห่มผืนใหม่ออกมาให้อีกฝ่าย
“คงไม่เป็นไร” แมดส์ปฏิเสธผ้าห่มในมือคนตัวขาว เมื่อพิจารณาแล้วว่าที่นอนในคืนนี้ของตัวเองนั้นเพียงพอ
“ถ้าไม่เอาไปห่ม ก็เอาไปรองนอนเสีย” เพราะอย่างน้อยผ้าห่มนี่ก็สามารถช่วยเพิ่มความนุ่มจากเบาะแข็ง ๆ ที่ถูกวางไว้ สายตาที่ส่งมาแกมบังคับของเยลเวอร์สามารถทำให้ แมดส์ ไทเลอร์ ยอมรับผ้าผืนนั้นมาอย่างจำใจ
“จงใจอาบน้ำกลบกลิ่นตัวเอง แต่ดันให้ผ้าห่มที่มีแต่กลิ่นตัวเองมา นี่คิดดีแล้วใช่ไหมคุณหนู..”
“!!!”
คนที่กำลังคลี่ยิ้มน้อย ๆ ถึงกับหน้าเจื่อนไปในทันที เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น น้ำใจที่ตั้งใจหยิบยื่นก่อนหน้านี้ ช่างดูจะเป็นความคิดที่ผิดพลาดไม่น้อย
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าให้ระวังตัว”
*
เช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้นนี้เองก็ดูจะมีเรื่องปวดหัวให้ แมดส์ ไทเลอร์ นั้นได้วุ่นวายตั้งแต่เช้า มันไม่ใช่สาเหตุหลักจากคุณหนูเยลเวอร์ตัน แต่มันกลับเป็นเพราะญาติของเพียวโอเมก้าตัวขาวเสียมากกว่า
การที่ เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ โผล่มาเยี่ยมเยียนคุณหนูเยลเวอร์ตันอย่างไม่บอกกล่าวให้ทราบล่วงหน้านี่เองที่กำลังเป็นปัญหา เด็กหนุ่มที่พึ่งจะเป็นอัลฟ่าอย่างเต็มตัวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยังคงนั่งรออยู่ที่ชั้นล่างของปราสาทกลางทะเลสาบอย่างอารมณ์ดี สายตาของอัลฟ่าตระกูลเลนนิกซ์สอดส่ายมองไปรอบ ๆ อย่างสนใจ ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งซุกซ่อนไปด้วยเล่ห์กลต่าง ๆ ไม่ต่างจากอสรพิษตัวเขื่อง
แมดส์ ไทเลอร์ ที่เป็นฝ่ายออกมารับหน้าแขกในวันนี้ ก็ได้แต่เดินขึ้นมาด้านบนเพื่อพูดคุยกับคุณหนูเยลเวอร์ตัน แต่ทว่าท่าทางที่แปลกประหลาดนั้นของเพียวโอเมก้าตัวขาว ก็สร้างความเคลือบแคลงใจให้กับทรูอัลฟ่าหนุ่มเป็นอย่างมาก
“บอกให้เขากลับไป...”
ยังไม่ทันที่ แมดส์ ไทเลอร์ จะได้เอ่ยอะไร คนตัวขาวก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนจะเมินหน้าหนีอย่างไม่ยอมสบตา
“คุณหนูรู้แล้วหรือว่าแขกวันนี้คือใคร?”
“เราเห็นแล้ว..” เจ้าของริมฝีปากบางเอ่ย ในขณะที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากแม่บ้านคนสนิทที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล “เราไม่ต้องการเจอเขา”
“อย่าเสียมารยาทดีกว่าน่า..”
“ถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างวุ่นวาย นายก็ควรให้พวกเลนนิกซ์ออกไปจากที่นี่” โอเมก้าหญิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ชอบใจนัก ในขณะที่เจ้าตัวเดินเข้าไปหาคนเป็นนายตัวเอง ก่อนจะจับมือขาวที่กำเข้าหาชายเสื้อตัวเองแน่นมาบีบเบา ๆ
“ขอร้องเถอะ ช่วยทำยังไงก็ได้ให้พวกเขาออกไปจากที่นี่” เธียร์ เยลเวอร์ตัน หันกลับมามองหน้า แมดส์ ไทเลอร์ ก่อนจะเป็นฝ่ายอ้อนวอนขอร้องทรูอัลฟ่าหนุ่ม “ได้โปรด..”
ท่าทางหวาดกลัวพวกนั้นที่แสดงออกมา มันดูจะมากกว่าที่ เธียร์ เยลเวอร์ตัน เคยแสดงออกมาต่อหน้า แมดส์ ไทเลอร์ เสียด้วยซ้ำ ริมฝีปากสีระเรื่อเอาแต่พูดว่าไม่อยากเจออัลฟ่าตระกูลเลนนิกซ์ ยิ่งเป็นการตอกย้ำเจตนาที่ชัดเจนของคนตัวขาวได้เป็นอย่างดี
“มีอะไรที่ฉันสมควรรู้ไหม?”
ใบหน้าของเอนยาซีดขึ้นในทันที หลังจากที่ไทเลอร์เอ่ยถามออกมาเช่นนั้น
“มะ...ไม่มี”
“ถ้าเธอไม่บอก ก็น่าจะรู้นะว่าฉันจะเค้นถามที่ใคร..”
“....”
“เลือกเอาแล้วกันว่าจะเป็นคนเล่าให้ฉันฟังเอง หรือจะให้ฉันถามจากปากคุณหนูของเธอ”
ทรูอัลฟ่าหนุ่มเดินลงมาจากทางด้านบนด้วยท่าทางไร้ความสำรวมใด ๆ กิริยาไร้มารยาทของคนผิวเข้มตกอยู่ในสายตาของ เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ ตลอดจนอีกฝ่ายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าตนเอง
ผู้คุมคนใหม่ของปราสาทไม่แม้แต่จะเชื้อเชิญแขกที่มาเยือน ย่อมทำให้อัลฟ่าตระกูลเลนนิกซ์ขัดเคืองใจไม่น้อย เพราะหากเป็นปกติแล้ว เขาเองก็แทบเรียกได้ว่าสามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ได้ต้องรับการอนุญาตจากใคร
“เห็นทีว่าวันนี้คุณชายเลนนิกซ์คงจะมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ..” สายตาดุดันสมกับเป็นทรูอัลฟ่าที่หาได้น้อยในดินแดนทางตอนใต้ ยังคงถือดีจนก่อให้คุณชายเลนนิกซ์เกิดความไม่พอใจเล็ก ๆ “คุณหนูไม่ต้องการให้ใครเข้าพบในตอนนี้ทั้งนั้น..”
“เธียร์ไม่ได้บอกหรือว่าฉันเป็นใคร” เจ้าของสีผมสว่างเอ่ยอย่างมั่นใจ “ไม่มีทางที่เธียร์จะปฏิเสธฉัน”
“ถ้านายคือคุณชายเลนนิกซ์ ก็ย่อมถูกต้องแล้วที่คุณหนูไม่ต้องการพบ..” แมดส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ พลางไล่มองอัลฟ่าที่อยู่ตรงหน้าตัวเองอย่างพิจารณา ด้วยสายตาที่ไร้มารยาทอย่างชัดเจน “จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง แต่ยังไงเสีย คุณชายก็ไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปพบคุณหนู”
“อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากดีกว่า”
“เชิญ…”
แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยเพียงสั้น ๆ โดยไม่ได้ผายมือส่งแขกแต่อย่างใด นอกเสียจากจะใช้สายตาของตัวเองขับไล่อีกฝ่ายตรง ๆ
“คิดดีแล้วหรือที่จะรับคำสั่งจากเธียร์..” อัลฟ่าหนุ่มจากตระกูลเลนนิกซ์ยังคงไม่วายเอ่ยข่มขู่
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องทำตามคำสั่งเลนนิกซ์”
“....”
“เมื่อก่อนคุณชายจะเข้าจะออกที่นี่อย่างไร นั่นก็คือเรื่องของอดีต แต่ว่าตอนนี้.. ที่นี่ไม่ต้อนรับคนนอก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”
HASTAG : #maddogmn
TALK : คุยกับนายคนนี้ได้นะคะน้องเธียร์แต่ระวังปากนายคนนี้ไว้หน่อย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาา
เขินตอนน้องอ้อนนรรให้ปลดโซ่ออกมาเลยยยยค่ะ แงงงงงงบ้าไแล้ววววววววววว
ทุกคนรอบตัวน้องดูน่ากลัวหมดเลย แง
เอ่าเลนนิกซ์ร้ายหรอออ