ตอนที่ 38 : Mad Dog : Chapter 33
ค่ายพักแรมขนาดย่อมของเหล่าทหารจากฮาร์เดนเจอร์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรีนเลคหลายช่วงภูเขา ภายในกระโจมพักแรมหลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางค่าย ย่อมเป็นที่พักของเหล่าทหารยศสูง รวมไปถึงคุณชายเลนนิกซ์เองก็ด้วย
อัลฟ่าญาติผู้น้องของคุณหนูเยลเวอร์ตันมีสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เมื่อบทสนทนาหลังมื้ออาหารค่ำเริ่มจะไม่เข้าหูของคุณชายเลนนิกซ์สักเท่าไหร่
“เราไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อขนาดนี้..” หนึ่งในทหารยศใหญ่ที่ร่วมเดินทางมากับคุณชายเลนนิกซ์เอ่ยปาก พลางจ้องใบหน้าของอัลฟ่ารุ่นคราวลูกตัวเองที่ยังคงอวดดี และจองหองสมกับเป็นพวกเลนนิกซ์
“นี่เป็นคำสั่งของฉัน” เอ็ดมันด์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่ากำลังไม่พอใจ สีหน้าของเจ้าตัวเองก็ฉายชัดถึงความหงุดหงิด เพราะบทสนทนาของพวกอัลฟ่าหัวโบราณที่พยายามจะข่มตัวเอง
“ลืมแล้วหรือ ว่าเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเอาตัวเยลเวอร์ตันกลับไป..”
“…..”
“เราจะไม่จับเป็นคุณหนูเยลเวอร์ตัน”
หัวคิ้วเข้มของคุณชายเลนนิกซ์แอบกระตุกเล็กน้อย เมื่อประเด็นในวงสนทนาเริ่มไม่ใช่สิ่งที่เอ็ดมันด์อยากจะฟัง
“หวังว่าหลานคงจะไม่ลืมเป้าหมาย ที่ทำให้เราต้องเดินมาที่นี..” เอ็ดมันด์หันไปสบตากับคนเป็นลุงของตัวเอง ก่อนที่จะพยักหน้ารับผู้อาวุโสที่ขึ้นชื่อว่ามีเชื้อสายจากตระกูลเดียวกัน
“พวกเราจะไม่ใช่ขี้ข้าของเยลเวอร์ตันอีกต่อไป”
มันถึงเวลาที่เยลเวอร์ตันจะได้รับบทเรียนราคาแพงจากเลนนิกซ์เสียที..
เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ อาจไม่มีความทะเยอทะยานเทียบเท่าคนในตระกูล ที่หวังจะไขว่คว้าอำนาจและบารมี แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนพวกนั้นมักจะใช้เขาเพื่อเป็นบันได เพื่อปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุด หากหัวหน้าตระกูลของเยลเวอร์ตันเอะใจเพียงสักนิด ก็คงไม่ต้องถูกตลบหลังและซ้อนแผนเช่นนี้
ช่างเป็นโชคร้ายของตระกูลเยลเวอร์ตัน ที่ถึงแม้จะมีทายาทแต่ก็กลับไม่สามารถสืบทอดการปกครองเมืองได้ ไม่ว่าจะทั้งตัวบุตรชายคนโตอย่างดีแลน เยลเวอร์ตัน ที่จู่ ๆ ก็ได้ชีวิตใหม่ด้วยการต้องแต่งงานแทนน้องชายของตัวเอง และย้ายไปอยู่ที่คาร์เลียนอย่างที่คงจะไม่ได้มีวันกลับมาเหยียบฮาร์เดนเจอร์ ส่วนเธียร์ เยลเวอร์ตัน เองก็หลบหนีออกไปจากฮาร์เดนเจอร์
ต่อให้เลนนิกซ์อยากจะคิดโค่นล้มเยลเวอร์ตันในโอกาสนี้เช่นไร แต่การที่ทายาทของเยลเวอร์ตัน ยังมีชีวิตอยู่ มันก็ไม่ต่างจากเสี้ยนหนามที่พร้อมจะกลับมาทิ่มแทงได้ทุกเมื่อ
ทั้งดีแลนและเธียร์ต้องถูกกำจัดด้วยกันทั้งคู่ และคนที่จะกำจัดได้ง่ายมากที่สุด ก็ย่อมเป็นเพียวโอเมก้าผู้น้องที่หัวอ่อนยิ่งกว่าอะไรดี ส่วนอัลฟ่าผู้พี่อย่างดีแลนเอง ก็กำลังถูกคนของเลนนิกซ์เข้าไปปั่นป่วนในคาร์เลียน และรอจังหวะที่จะแทรกซึมเพื่อเข้าไปถึงตัวอีกฝ่าย
แม้จะมีความผูกพัน แต่ความทะเยอทะยานและความโลภ กลับทำให้คุณชายเลนนิกซ์หลงลืมทุกอย่าง ราวกับมีเมฆหมอกบังตาจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้
“จะมีแต่เพียงเลนนิกซ์เท่านั้น..”
รอยยิ้มแสยะของอีไลคล้ายจะพอใจกับผลลัพธ์จากหลานชายอย่างเอ็ดมันด์ แววตาซึ่งกระหายในอำนาจ และความทะเยอทะยานในตัวของอัลฟ่าหนุ่ม มันช่างเหมาะสมกับการช่วงชิงอำนาจอันหอมหวาน
“รีบลงมือเสีย ในตอนที่เรายังมีโอกาส”
คุณชายเลนนิกซ์ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม เมื่อทุกคนออกไปจนหมด หลงเหลือแต่อัลฟ่าหนุ่มและคนรับใช้ ที่คอยยืนเฝ้าอยู่ห่าง ๆ
“เด็กนั่นล่ะ?”
คุณชายเลนนิกซ์เอ่ยถาม ทั้งที่สายตาของเจ้าตัวยังไม่ละออกจากดาบที่วางอยู่ตรงหน้า มันยังคงเงางามและสะอาดเอี่ยมอยู่เสมอเพราะได้รับการดูแลอย่างดี ไร้คราบเลือดและไร้ซึ่งตัวบ่งบอกว่ามันเคยผ่านการคร่าชีวิตผู้คนมานักต่อนัก
คนสนิทของเอ็ดมันด์ผายมือให้เจ้าตัวเดินออกไปยังทางที่มีใครอีกคนรออยู่ ใช้เวลาเพียงไม่นาน อัลฟ่าหนุ่มก็เดินมาถึงบริเวณชายป่าอีกด้านของค่ายพักแรม เบต้าหนุ่มผิวขาวมีสีหน้าไม่พอใจไม่น้อย เมื่อเห็นใบหน้าระรื่นของคุณชายเลนนิกซ์ที่ปล่อยให้เจ้าตัวรออยู่นานสองนาน
“ต้องขอโทษด้วยที่ต้องให้รอ เผอิญว่าฉันมีเรื่องให้ต้องพูดคุยนิดหน่อย..”
“ทำไมถึงยังไม่เอาตัวพี่ชายนายกลับไปเสียที” ควินน์ เดอเกล เอ่ยถามด้วยน้ำเสียไม่พอใจ ก่อนที่จะเหลือบมองเลนนิกซ์ที่ยังมีท่าทีสบาย ๆ
“ฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก..”
“แล้วนายไม่กลัวเยลเวอร์ตันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นหรือ”
ทั้งที่ควินน์อุตส่าห์พาเยลเวอร์ตันออกมาให้ถึงมือแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมเลนนิกซ์ถึงยังไม่จัดการอะไรให้มันเรียบร้อย ขืนรอเวลาไปมากกว่านี้ แมดส์อาจจะระแคะระคายอะไรบางอย่างขึ้นมาก็ได้
“จะบอกหรือไม่บอก มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องกลัว”
“…..”
“คนแค่หยิบมือเดียวน่ะหรือ จะสู้ทหารของฮาร์เดนเจอร์ได้..”
“นั่นไม่ได้อยู่ในข้อตกลง” ควินน์เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ ทั้งรอยยิ้มชวนขนลุกของเอ็ดมันด์ หรือแม้กระทั่งคนสนิทของเจ้าตัวที่ยกยิ้มเหยียดให้กับควินน์เองก็ด้วย
“ไม่มีข้อตกลงอะไรทั้งนั้น”
“นาย…”
“แต่สิ่งที่ฉันต้องการมากกว่าการได้ตัวเยลเวอร์ตันก็คือ ลมหายใจของแมดส์ ไทเลอร์”
“!!!”
ยังไม่ทันที่ควินน์จะได้ขยับตัว ปลายดาบคมก็จ่อเข้าที่ลำคอของเด็กหนุ่ม ก่อนที่แขนทั้งสองข้างจะถูกไพล่ไปด้านหลัง และถูกจำกัดอิสระในทันที
ควินน์ เดอเกล แสนจะเจ็บใจตัวเองที่ดันถูกหลอกง่าย ๆ ซ้ำยังต้องถูกจับอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เด็กหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนว่าการที่เจ้าตัวได้พบเจอกับ เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ อย่างบังเอิญในช่วงบ่ายในวันนั้นจะทำให้เขาต้องกลายเป็นแบบนี้
ความจริงจากปากเอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ ที่บอกกับเขาว่าเพื่อนเล่นคนใหม่ของตนคือคนจากตระกูลที่เขาเกลียดชัง ควินน์ยอมรับเลยว่าวินาทีนั้นที่เขาได้รับรู้ความจริง เขาโกรธและรู้สึกเกลียดเธียร์ขึ้นมาอย่างไม่ต้องหาเหตุผล เขาไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งแมดส์ วินซ์ และเมเลค จะหลอกเขาได้ขนาดนี้
ข้อแลกเปลี่ยนที่เอ็ดมันด์ให้เขาพาเธียร์ออกมาเจอเจ้าตัว มันย่อมแลกกับการที่จะให้คนพวกนี้ออกไปให้ห่างจากกรีนเลค แต่แล้วเอ็ดมันด์ก็กลับปล่อยเธียร์กลับมา ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ควินน์ร้อนใจเป็นอย่างมา จนทำให้เจ้าตัวต้องลอบออกมาพบกับอีกฝ่าย เพื่อทวงไถ่ข้อตกลงที่เคยได้พูดคุยกันเอาไว้
“น่าเสียใจแทนเธียร์นะ ที่ไว้ใจคนอย่างนายโดยไม่คิดเผื่อใจไว้”
“…..”
“ยิ่งเธียร์ห่วงคนอื่นมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้ฉันทำอะไรได้ง่ายมากขึ้น”
“…..”
“คิดดูสิว่าตอนนี้.. ฉันมีทั้งนาย ทั้งคนสนิทของเธียร์ขนาดนี้ ฉันจะบีบเธียร์แค่ไหนก็ย่อมได้”
“…..”
“หรือบางที ฉันอาจจะไม่ต้องเสียแรงฆ่าแมดส์ ไทเลอร์ เลยด้วยซ้ำ”
“…..”
“แต่ฉันว่าวิธีนั้นมันคงจะโหดร้ายกับเธียร์ไปเสียหน่อย.. คนกำลังท้องกำลังไส้คงไม่เหมาะเท่าไหร่มั้งที่จะฆ่าใคร”
“ทะ ท้อง?”
“มันคงเป็นข้อเสียของเบต้าอย่างนาย…” เอ็ดมันด์ตบใบหน้าของเบต้าหนุ่มเบา ๆ อย่างต้องการจะหยอกเย้า แต่นั่นก็ไม่ต่างจากการกระทำที่กำลังดูถูกควินน์อยู่ “กลิ่นน้ำนมที่ฉันได้จากตัวเธียร์ มันจะเป็นอะไรกันได้อีกล่ะ?”
แววตาสั่นไหวของควินน์ที่เอาแต่จ้องหน้าอัลฟ่าจากฮาร์เดนเจอร์ เต็มไปด้วยความสับสนที่เกิดจากความรู้สึกที่กำลังสั่นคลอน ไปตามคำบอกเล่าของอัลฟ่าตรงหน้า
ถ้าเด็กในท้องของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน คือลูกของ แมดส์ ไทเลอร์ มันไม่เท่ากับว่าการกระทำที่ไร้การไตร่ตรองของเขา จะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทั้งสองคน และอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดขึ้นมาแล้วต้องแยกจากกัน
“แกหลอกฉัน?”
“ใครหลอกนายกัน เท่าที่เห็น มันก็เป็นความต้องการของนายทั้งนั้น… ทั้งที่ไม่อยากให้เธียร์อยู่ที่นี่ หรือแม้กระทั่งอยากจะกันเธียร์ให้ออกห่างจากทุกคน…”
“…..”
“แค่ฉันบอกว่าเธียร์คือคนจากตระกูลเยลเวอร์ตัน นายเองก็พร้อมจะสาดความเกลียดชังใส่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
ความเกลียดชังในชั่วพริบตาในตอนนั้นของควินน์ มันกำลังตามสนองเบต้าหนุ่มในตอนนี้
“แก…”
“ฉันเอาตัวเธียร์ไปแน่ นายไม่ต้องห่วงไปหรอก..”
“….”
“ทันทีที่ฉันได้ตัวเธียร์ กรีนเลคย่อมไม่มีความหมายสำหรับฉัน”
รวมถึงชีวิต แมดส์ ไทเลอร์ เองก็ด้วย.. หมาบ้าถ้าไม่ฆ่ามันให้ตาย สักวันมันก็ต้องย้อนกลับมากัดพวกเขา
“ไม่ต้องกลัว..”
แมดส์จับมือคนตัวขาวที่ยืนอยู่ข้างกายตัวเองไว้แน่น ความอบอุ่นจากฝ่ามือที่ถูกถ่ายทอดจากการสัมผัส ล้วนแล้วแต่ทำให้เพียวโอเมก้าตัวเล็กรู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งอก แต่ทว่าความกดดันบางอย่างก็ยังคงทำให้เจ้าตัวได้แต่ก้มหน้านิ่ง โดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาใคร แม้กระทั่งวินซ์หรือเมเลคที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ตาม
“พวกเขาจะไม่เกลียดเราใช่ไหม”
เธียร์ไม่รู้ว่าตัวเองต้องใช้ความกล้าแค่ไหน ที่จะออกมาด้านนอก หลังจากที่เธียร์เอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในรัง แม้กระทั่งตอนนอนเขาก็ยังหลบเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามจากอัลฟ่า และตอนนี้เขาก็ออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง ยืนอยู่ข้าง ๆ คู่ชีวิตที่คอยจับมือเขาไว้ตลอดเวลา เพื่อบ่งบอกว่าอีกฝ่ายยังอยู่กับเขาเสมอ และจะไม่ยอมปล่อยให้เขาหายไปไหน
“อย่ากลัวว่าคนอื่นจะเกลียดเรา มากกว่าสนใจคนที่หวังดีกับเราเลยเธียร์”
“…..”
มันก็น่าแปลกดีเหมือนกันที่ความเกลียดชัง มีผลกับความรู้สึกของคนเรา มากกว่าความรักและความหวังดีจากคนรอบกาย มันเหมือนกับว่าน้ำหนักของคำพูดที่มาจากความเกลียดชังนั้นมากกว่าจนทำให้ทุกครั้งที่ได้รับฟัง มันจะยังคงจดจำอยู่ในสมอง ฝังลึกลงไปเรื่อย ๆ และพร้อมจะตอกย้ำเราทุกเมื่อ
“พี่รู้ว่าเรากำลังกลัว..”
หากต้องได้รับความเกลียดชังมากมายเหมือนกับชีวิตในฮาร์เดนเจอร์ มันก็ไม่ต่างจากการผลักเธียร์ให้ตกนรกทั้งเป็นอีกครั้ง ความสุข ความสบายใจนับตั้งแต่มาอยู่ที่กรีนเลค มันจะหายไปในชั่วพริบตาอย่างแน่นอน เมื่อทุกคนได้รับรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธียร์เป็นใคร
“ฉันเชื่อว่าพวกเขาไม่มากก็น้อย ต้องเข้าใจคุณหนูอย่างแน่นอน..” วินซ์ คลาเวน ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าหนึ่งข้าง ก่อนที่จะแหงนหน้ามองเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง
เธียร์สบตากับอัลฟ่าผมเทาตรงหน้าด้วยความรู้สึกขลาดกลัว ดวงตาที่คลอหน่วงไปด้วยน้ำตา ย่อมพร้อมจะไหลลงมาทุกเมื่อ จนสุดท้ายแล้วเพียวโอเมก้าตัวขาวก็ถูกคนข้างกายดึงเข้าไปกอดหลวม ๆ
“ไหนสัญญากับพี่ว่าจะไม่ร้องไห้..”
แมดส์ ไทเลอร์ ถามคนที่เอาแต่ซุกใบหน้าลงบนหน้าอกของตัวเอง ซ้ำยังกอดแมดส์เสียแน่น จนกลายเป็นว่าคนที่เป็นฝ่ายดึงอีกคนมากอด ทำได้แค่ลูบแผ่นหลังบางเพียงเท่านั้น
“ถะ ถ้าพวกเขาเป็นเหมือนควินน์ เราจะทำยังไง อึก”
“…..”
“ฮึก ระ เราไม่อยากต้องรับผิดแทนพวกเขาอีก คะ..แค่ต้องเป็นคนในตระกูลนั้นมันก็มากพอแล้ว”
ตระกูลที่ไม่เคยยินดีในการมีชีวิตอยู่ของเขา ไม่แม้แต่จะทำให้เขารู้สึกถึงคำว่าครอบครัว มันสมควรแล้วหรือที่เขาจะได้รับความเกลียดชังเหล่านั้น
มันเป็นคำถามที่เธียร์ได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แต่คำตอบก็ยังคงเป็นคำตอบเดิม
คำตอบที่ว่า สุดท้ายแล้วเขาก็คือเยลเวอร์ตัน..
“ถ้าคุณหนูคิดแบบนั้น มันก็ไม่ต่างจากการเหมารวมพวกเราไปก่อน เหมือนกับที่คุณหนูเคยโดนเหมารวมจากคนอื่น” เมเลคอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา เจ้าของผิวสีแทนยังคงยืนกอดอกมองอีกฝ่ายนิ่ง ๆ ก่อนจะละสายตาไปมองยังชาวบ้านด้านหลังที่มารวมตัวกันในตอนนี้
“…..”
“พวกเราเรียนรู้ที่จะให้อภัยได้ เพียงแต่จะไม่มีวันลืมก็เท่านั้น..”
ทางเข้าบริเวณประตูหลังกรีนเลค เต็มไปด้วยเสียงของเกือกม้าที่กระทบกับพื้นดิน อาชาหลากสีต่างเดินแถวอย่างเป็นระเบียบ ธงที่โบกสะบัดอยู่ในมือทหารที่ควบม้าทางด้านหน้า ถือเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าคนเหล่านี้มาจากที่ใด ทหารจำนวนไม่น้อยจากทั้งเดอะฮิลล์และทหารของฟลัมได้เดินทางมาถึงกรีนเลคเร็วกว่ากำหนด หลังจากที่ แมดส์ ไทเลอร์ ตัดสินใจส่งจดหมายไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายคนโต ก่อนหน้าที่เจ้าตัวจะรับรู้จากปากเธียร์ว่าพวกมันใกล้กรีนเลคเข้ามาทุกที
คนของ วินซ์ คลาเวน ที่ออกไปฟลัมเป็นคนนำทางกองทัพทหารขนาดย่อมเข้ามายังกรีนเลค โดยเลือกที่จะใช้อีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งสามารถเดินทางเข้าถึงกรีนเลคได้รวดเร็วกว่าเส้นทางปกติ แม้จะเป็นเส้นทางที่อันตรายกว่าพอสมควร แต่ทุกอย่างก็ราบรื่นไปได้ด้วยดี พวกเขาไม่สูญเสียทหารสักนายในการเดินทางเข้ามายังกรีนเลค
ใบหน้าเจ้าของม้าสีดำสนิทซึ่งเป็นผู้นำทหารในการเดินทางครั้งนี้ ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้มหัวทักทายแมดส์ด้วยท่าทียียวน ไม่ว่าจะด้วยทั้งสายตาหรือท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์
“เลือกที่อยู่ลึกลับใช้ได้นะแมดส์”
“ฉันไม่คิดว่ารีสจะส่งนายมา” แมดส์พยักหน้ารับคำทักทายของแฝดน้อง ก่อนที่จะเหลือบมองลูฟที่ฉีกยิ้มกว้างให้เพียวโอเมก้าข้างกายตนเอง “ฉันเขียนไปในจดหมายแล้วไม่ใช่หรือ ว่าไม่ให้นายมายุ่งกับเรื่องนี้”
“พี่ชายคนโตของเรามีเรื่องวุ่นวายให้ต้องจัดการ แต่ก็ยังมีความเป็นห่วงนาย ถึงได้ส่งฉันมาแทน..” หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เอ่ยตอบตามความจริง ก่อนจะนึกถึงผู้เป็นพี่ชายที่ท่าทางจะหัวหมุนน่าดูกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น ร่างสูงสง่าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ค่อย ๆ เดินสาวเท้าเข้ามาใกล้พี่ชายมากขึ้น หลังจากลงจากหลังม้าเป็นที่เรียบร้อย
“นายควรจะอยู่ดูแลเดอะฮิลล์” พี่ชายฝาแฝดเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ต้องเป็นห่วงเมียกับลูกฉันหรอก พวกเขามีคนที่ไว้ใจได้คอยดูแลอยู่” แม้แมดส์จะพูดถึงเดอะฮิลล์ก็จริง แต่เชสก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายว่ากำลังหมายถึงอะไร ทั้งสายตาที่กำลังไม่พอใจอยู่กลาย ๆ หรือแม้กระทั่งใบหน้าเรียบเฉยนั่นก็ด้วย “แล้วก็ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคุณหนู..”
เชส ไทเลอร์ หันไปพูดคุยกับพี่สะใภ้ตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างพี่ชาย ทรูอัลฟ่ากลิ่นไม้ซีดาร์อดยิ้มไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางตื่น ๆ ของอีกฝ่าย ยามที่ถูกตัวเองทักทาย ก็อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าตัวยังไม่ลืมเหตุการณ์ในห้องทำงานที่เดอะฮิลล์เป็นแน่ ถึงทำให้ใบหน้าขาวนั้นแดงก่ำ
“เมียแกคงไม่ชอบเท่าไหร่ ถ้าเห็นแกมายิ้มให้ใครแบบนี้”
“คิดไปเองอยู่คนเดียวหรือเปล่าพี่ชาย” เชสยกยิ้มล้อเลียน ก่อนจะโน้มตัวกอดทักทายคนเป็นพี่ โดยไม่ลืมที่จะกระซิบประโยคกวนประสาทที่ได้ยินเพียงกันแค่สองคน “จะว่าไป… นายก็ไม่เบาหรอกนะแมดส์ มันยอมฉันไม่ได้เลยสินะ ถึงได้หาหลานให้ฉันได้เร็วขนาดนี้”
“เชส..” แมดส์ ไทเลอร์ กดเสียงต่ำจนน่ากลัว เมื่อได้ยินประโยคน่ารำคาญจากน้องชายฝาแฝดที่ตั้งใจกวนประสาท
“แต่ฉันคิดช่วงเวลานี้ไม่เหมาะเลยสักนิด..” รอยยิ้มของเชสหายไปในทันที ก่อนที่จะหลงเหลือแต่เพียงแววตาจริงจัง “มันอันตรายเกินไปสำหรับคุณหนูและลูกของนาย”
“ฉันรู้”
“ฉันได้แต่คิดว่าตลอดทาง ว่าทำไมคนอย่างนายถึงยอมสัญญาแบบนั้นกับรีส.. แต่คิดเท่าไหร่ ฉันก็คิดไม่ออกว่าเพราะเหตุผลอะไร จนกระทั่งตอนนี้…”
“…..”
“นายอาจไม่ได้ตั้งใจ แต่นายย่อมรู้อยู่แก่ใจตัวเองดี…”
“ต่อให้ไม่มีลูก ฉันก็ต้องทำแบบนั้น”
“…..”
“ยิ่งคิดทบทวน ฉันก็ยิ่งคิดว่าควรแสวงหาความมั่นคงให้กับตัวเอง”
“…..”
“ก่อนที่มันจะสายไปมากกว่านี้..”
“นั่นหมายความว่านายจะเลิกทำในสิ่งที่เคยทำ?”
“ฉันไม่ต้องการอยู่แบบไร้ตัวตน..” อย่างน้อยการมีตัวตนของเขา ก็นับเป็นหลักประกันอย่างหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตที่กำลังเริ่มต้นใหม่ของเธียร์อยู่บนความราบรื่น “มันหมดเวลาที่ฉันจะเป็นแค่เงาของนายเสียที”
หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ตบไหล่คนเป็นพี่ชายหนัก ๆ ก่อนที่จะผละออกมา พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่เป็นการแสดงความยินดีของตัวเอง กับความคิดที่เริ่มเปลี่ยนไปของพี่ชายฝาแฝด
“นายไม่เคยเป็นเงาของฉันตั้งแต่แรกแล้วแมดส์…”
“…..”
“นายมีศักยภาพที่มากกว่าฉันมากแค่ไหน ทำไมฉันจะไม่รู้ มันอยู่ที่นายต่างหากว่าจะเลือกทำหรือเมินเฉย”
“…..”
“ฉันดีใจที่อย่างน้อยในวันนี้ นายคิดก็ได้เสียที ว่าควรทำอะไรเพื่อตัวเอง และเพื่อคนที่นายรัก..”
“นายก็ไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่หรอก”
“อย่างน้อยฉันก็บ้าบิ่นไม่เท่านายหรอกแมดส์”
เชส ไทเลอร์ อาจจะเป็นผู้ปกครองที่ใช้เหตุผลและความประนีประนอมเป็นหลัก ซ้ำยังช่างเจรจามากกว่าที่จะใช้กำลังหากเทียบกับพี่ชายฝาแฝด หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์แม้จะเด็ดขาดแค่ไหน ก็ไม่อาจเด็ดขาดได้เทียบเท่ากับ แมดส์ ไทเลอร์ ที่สามารถตัดสินใจทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว
แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ในเดอะฮิลล์ที่แมดส์มีสิทธิควบคุมคนของเชสบางส่วน มันก็ย่อมทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เห็นอะไรบางอย่างที่แผ่กระจายอยู่รอบตัวพี่ชายฝาแฝด รวมไปถึงพี่ชายคนโตอย่าง รีส เบลเลอมอนท์ ก็เช่นกันที่เห็นศักยภาพบางอย่างในตัวของ แมดส์ ไทเลอร์
“ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นข้อดีหรอกนะ”
“ในบางสถานการณ์คนเราก็จำเป็นต้องใช้มันไม่ใช่หรือ? ซึ่งนายมี”
แมดส์ ไทเลอร์ ส่ายหัวให้กับคำพูดของน้องชายฝาแฝด ก่อนที่จะหันไปพยักหน้าให้กับวินซ์ที่ยืนมองอยู่ ให้ช่วยจัดการผู้ที่เดินทางมาใหม่ให้เรียบร้อย แต่เมเลคที่วิ่งกระหืดกระหอบมาก็ทำให้หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันในทันที
“ควินน์หายตัวไป ฉันตามหาจนทั่วแล้วแต่ก็ไม่มีใครเห็นสักคน”
“ใครอยู่กับควินน์เป็นคนสุดท้าย?”
“น่าจะเป็นวินซ์ เมื่อคืนฉันเห็นหมอนั่นคุยกับควินน์” เมเลคว่า
“ควินน์หายตัวไปหรือ?” เธียร์ที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่เอ่ยถามอย่างช่วยไม่ได้ เพียวโอเมก้าตัวเล็กไม่ได้พบกับควินน์อีกเลย นับตั้งแต่วันที่ควินน์เดินหนีเจ้าตัวกลับมาที่หมู่บ้านก่อน หากนับดูแล้วก็เป็นช่วงเวลาสามวันแล้ว
“ฉันว่าข้อสงสัยของนายอาจจะเป็นเรื่องจริง”
แมดส์ ไทเลอร์ หันหน้ามามองเธียร์ก่อนที่จะส่งสายตาปรามเมเลคให้หยุดพูด เพราะเกรงว่าการคาดเดาของตนจะสร้างความลำบากใจให้กับเธียร์
“งั้นนายหาจังหวะคุยกับวินซ์ไปก่อนก็แล้วกัน ฉันจะพาเธียร์กลับไปพักก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที”
“แต่ว่าควินน์หายไป..” เธียร์เอ่ยแย้งด้วยความกังวล แม้จะเจ็บปวดกับคำพูดของเด็กหนุ่ม แต่การที่อีกฝ่ายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในช่วงเวลาที่พวกฮาร์เดนเจอร์กำลังใกล้กรีนเลคเข้ามาทุกที มันย่อมเป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ควรปล่อยผ่าน
“พวกเราไม่ปล่อยให้เด็กนั่นหายไปหรอกคุณหนู” เมเลคว่าก่อนจะยักคิ้วให้คนตัวขาวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “บางทีควินน์อาจจะแค่ออกไปเที่ยวเล่นตามประสาก็ได้”
“กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะคุณหนู ไม่มีอะไรต้องให้กังวลอีกต่อไป” เชส ไทเลอร์ ช่วยพูดกับเธียร์ให้อีกแรง “มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่ ถ้าคุณหนูจะต้องทนอยู่ท่ามกลางอัลฟ่ามากมายขนาดนี้”
คุณหนูตัวขาวเหลือบมองรอบตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่จะพบเห็นสายตาของอัลฟ่าที่มาจากเดอะฮิลล์และทหารของฟลัม ต่างลอบมองตัวเองอยู่เป็นระยะ ร่างกายนุ่มนิ่มเบียดตัวเข้าหาทรูอัลฟ่าคู่ชีวิตในทันที ในขณะที่ริมฝีปากบางเริ่มเม้มแน่นเพราะความประหม่า
“เชื่อเถอะว่าถ้านายไปพูดแบบนี้กับแอชเชอร์ รายนั้นไม่ฟังนายแน่นอน” ลูฟที่ยืนอยู่ข้างหลังเชสอดเอ่ยแซวไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทของตัวเองดูท่าจะโน้มน้าวใจคุณหนูเยลเวอร์ตันได้อย่างง่ายดาย
“เผลอ ๆ ฉันจะได้รอยข่วนที่หน้ากลับมาด้วยน่ะสิ” เชสลอบหัวเราะเบา ๆ เมื่อนึกถึงคนรักของตัวเองที่ชักจะดุขึ้นทุกวัน แถมยังอารมณ์แปรปรวนจนเอาใจไม่ถูก
“เอาล่ะ คราวนี้ฉันได้เรื่องกลับไปฟ้องแอชเชอร์แล้วหนึ่งเรื่อง”
“ถ้าคิดว่าคุ้มกับให้เซเบอร์กัดนายอีกรอบ ก็ลองดูสิเชอร์ชิล..”
เสียงบ่นโอดโอยของลูฟทำให้เธียร์ยิ้มออกมาได้นิด ๆ กับบรรยากาศที่ผ่อนคลายลงกว่าเดิม จนแทบไม่หลงเหลือความตึงเครียดอย่างที่เคยมีก่อนหน้านี้
เสียงฝนซึ่งกำลังเทกระหน่ำ และเสียงฟ้าร้องที่ทำให้รับรู้ถึงความสั่นสะเทือนของแผ่นดิน ทำให้เพียวโอเมก้าตัวขาวที่ถูกสั่งให้อยู่ภายในห้อง ได้แต่กอดเข่าหลบมุมอยู่ในรังของตัวเองเงียบ ๆ เสียงจากทางด้านนอกที่เต็มไปด้วยเสียงตะโกนจนฟังไม่ได้ศัพท์ สลับกับเสียงฟ้าฝนที่ช่างไม่เป็นใจในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความโกลาหล
‘ถ้าไม่ใช่พี่หรือเชสมาเรียก ห้ามเปิดประตูให้ใครเด็ดขาด เข้าใจไหมเธียร์’
มือเย็นเฉียบของแมดส์ที่จับมือขาวไว้แน่น หลังจากที่เจ้าตัวฝ่าฝนกลับมาหาคนตัวขาวที่บ้าน ก่อนจะเอ่ยสั่งเธียร์ด้วยความร้อนรน
‘เกิดอะไรขึ้น?’
‘พวกมันกำลังเริ่มโจมตีกรีนเลค…’ แมดส์ว่า ‘มันคงหาจังหวะที่พวกเราหละหลวมมากที่สุด’ ซึ่งนั่นก็คือช่วงเวลาที่ฟ้าฝนกำลังโหมกระหน่ำ แม้จะไม่ใช่สภาพอากาศที่เอื้ออำนวย แต่มันก็ย่อมน่าเสี่ยงไม่น้อยในการโจมตี
‘พี่ไม่ไปได้ไหม..’ มือขาวจับมือคนผิวเข้มไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยขอร้องในสิ่งที่เธียร์รู้ว่ามันเป็นคำขอที่โง่ที่สุด ‘เรากลัว..’
‘เมเลคจะอยู่กับเรา.. ไม่ต้องห่วง’
‘เราไม่ได้ห่วงตัวเอง..’ เธียร์ก็แค่กลัวว่ามันอาจจะเกิดเรื่องที่ไม่ดีกับคนรักของตัวเอง ‘แต่เราเป็นห่วงพี่’
‘ถ้าเป็นห่วงกัน ก็ดูแลตัวเองกับลูกให้ดี..’
เสียงกุกกักด้านนอกทำให้คนที่ขดตัวอยู่ในรังของตัวเองได้แต่เงี่ยหูฟังเงียบ ๆ แต่ว่าเสียงของฟ้าที่ร้องครืน ๆ และเสียงของหยาดฝนที่ตกกระทบกับหลังคาของบ้าน ก็ทำให้เกิดเสียงอื้ออึงเกินกว่าจะจับเสียงเคลื่อนไหวได้นอกได้
เธียร์ไม่กล้าแม้แต่จะตะโกนเรียกเมเลคเลยสักนิด ในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าใครกันที่กำลังเดินวนเวียนอยู่ในบ้าน จะเป็นเมเลคหรือใคร สิ่งเดียวที่ช่วยข่มความกลัวของเธียร์เอาไว้ได้ ก็คงเป็นโซเฟียที่อยู่ในอ้อมกอดและกำลังหลับสบาย
“พะ..พี่เธียร์” เสียงเรียกเบา ๆ ที่ดังจากด้านนอกห้อง ทำให้เพียวโอเมก้าตัวเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เสียงที่เธียร์คุ้นเคยและได้ยินตลอดในช่วงเวลาที่อยู่กรีนเลค ทำให้เจ้าตัวจดจำได้ในทันทีว่ามันคือเสียงของ ควินน์ เดอเกล “พี่อยู่ในนั้นหรือเปล่า…”
มือเรียวสวยเผลอบีบเข้าหากันแน่นอย่างชั่งใจ แต่เพราะควินน์ที่หายตัวไป จนทำให้ใครหลายคนตามหาตัวให้วุ่น เมื่อเจ้าตัวโผล่กลับมาในสถานการณ์แบบนี้ ก็ย่อมทำให้เธียร์อดเป็นห่วงไม่ได้ ว่าเจ้าตัวต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือเปล่าจากตัวเอง เพราะเธียร์เองก็พึ่งรู้มาก่อนหน้านี้เช่นกัน ว่าควินน์อาจจะถูกจับเป็นตัวประกันเหมือนกับเอนยา
บางทีควินน์อาจจะหนีออกมาจากที่นั่นก็เป็นได้...
บานประตูตู้เสื้อผ้าถูกผลักออกมาอย่างช้า ๆ ก่อนขาเรียวของเพียวโอเมก้าจะยื่นออกมาแตะสัมผัสพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ เพราะอุณหภูมิด้านนอกที่กำลังลดต่ำ นัยน์ตาคู่สวยล้อแสงเทียนภายในห้องที่ถูกจุด จนเกิดเป็นความสวยงามเมื่อสะท้อนในนัยน์ตา เธียร์ยังคงจดจ้องบานประตูใหญ่ซึ่งอยู่ตรงหน้าตัวเอง พลางก้าวเดินไปที่ประตูอย่างเชื่องช้า และหูของเจ้าตัวยังคงได้ยินเสียงเรียกของควินน์ดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
แสงสว่างจากฟ้าแลบทำให้เพียวโอเมก้าเผลอสะดุ้งเป็นระยะ แต่ก็พยายามข่มความกลัวของตัวเองเอาไว้ให้ลึกที่สุด มือเรียวเอื้อมไปปลดล็อกประตูห้องช้า ๆ และดึงมันเข้าหาตัว เพื่อให้มันเปิดออกกว้าง
“นายเลือกทางนี้เอง”
ฝ่ามือใหญ่ของอัลฟ่าตัวสูงที่ตบบานประตูไม้จนเกิดเสียงดังลั่น และสั่นสะเทือนไปทั้งประตู ทำให้เธียร์รีบผลักบานประตูเพื่อปิด แต่ก็สายเกินไปสำหรับเธียร์ที่ตัดสินใจผิดพลาด หางตาของเจ้าตัวมองเห็นเมเลคที่นอนสลบเหมือด พร้อมกับกองเลือดจำนวนไม่น้อย ส่วนควินน์เองก็ถูกจำกัดอิสระก็ถูกกระชากไปอีกด้านหนึ่งจนพ้นสายตา
เธียร์ก้าวถอยเข้าไปในห้องอย่างจนมุม เมื่อถูกผลักเข้ามาในห้องนอนที่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปสำหรับเจ้าตัว ตาสวยกวาดหาข้าวของที่พอจะเป็นอาวุธให้กับตัวเองอีกครั้ง แต่มันก็กลับไม่ไวเท่าเอ็ดมันด์ที่พุ่งตัวเข้ามาหาตัวเอง
“นายจะไม่ได้สิ่งที่นายต้องการกลับไปสักอย่าง…”
เธียร์เอ่ยบอกญาติผู้น้องของตัวเอง พลางเบือนหน้าไปมองควินน์ที่มองหน้าตัวเองอยู่ทางด้านหลัง มุมปากของเด็กหนุ่มมีร่องรอยของการถูกทำร้าย จนมีคราบเลือดเกาะอยู่บริเวณมุมปาก ซ้ำยังมีรอยช้ำที่ใบหน้าซีกขวาจนเห็นได้ชัดอีกด้วย
“ฉันอุตส่าห์ให้นายเลือกแล้วแท้ ๆ นะเธียร์”
“ทางเลือกที่บีบฉันหมดทุกทาง มันไม่เรียกว่าทางเลือกหรอกนะเอ็ด”
“ก็เลือกเอาว่าจะยอมไปกับฉันดี ๆ หรือจะให้ฉันฆ่าเด็กนี่ก่อน” คุณชายเลนนิกซ์เสนอทางเลือกบีบบังคับคนตัวขาวขึ้นไปอีก ก่อนที่จะฉวยโอกาสทีเผลอของเพียวโอเมก้า ในการล็อกตัวอีกฝ่ายไว้อย่างแน่นหนา
“ปล่อย!” เธียร์ร้องเสียงดังลั่น เจ้าตัวพยายามจะสะบัดตัวออกจากอัลฟ่าตัวสูง แต่ก็ยากลำบากมากเกินไป เมื่อเอ็ดมันด์คว้าไหล่ของเจ้าตัวและบีบเสียเต็มแรง
ยิ่งเห็นแววตาที่ไม่มีความสั่นไหวของเอ็ดมันด์ เธียร์ก็รับรู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้ขู่ตัวเองตามที่ปากพูดอย่างแน่นอน
“คิดอีกที คงไม่ต้องให้นายเลือกแล้ว..” เอ็ดมันด์หันไปพยักหน้าให้กับทหารอีกคนที่คุมตัวควินน์อยู่ เพื่อเป็นสัญญาณให้เจ้าตัวได้ลงมือทำอะไรสักอย่าง ให้เพียวโอเมก้าที่กำลังดื้อดึง ได้เห็นเสียทีว่าเจ้าตัวนั้นไม่มีทางเลือกอีกต่อไปแล้ว
เสียงกรีดร้องของควินน์ดังขึ้นอย่างเจ็บปวด เมื่อปลายดาบเล่มคมเฉือนเข้าที่บริเวณต้นแขนของควินน์ จนทำให้เลือดมากมายไหลซึมจนเลอะเสื้อผ้าเป็นบริเวณกว้าง
“นายมันบ้าไปแล้วเอ็ดมันด์!”
“ยินดีด้วยที่นายช่วยชีวิตนังโสโครกนั่นได้ แต่ก็น่าเสียใจเช่นกัน ที่นายคงจะรักษาชีวิตเด็กนี่ไม่ได้”
“อย่าทำอะไรเขา..”
แม้จะรู้สึกดีใจอยู่ลึก ๆ ว่าคนสนิทของตัวเองสามารถรอดออกมาได้จากการถูกจับเป็นตัวประกัน ตามแผนที่แมดส์และเชสวางไว้ แต่ทว่าหมากในเกมอีกตัวหนึ่งที่โผล่เข้ามาในกระดาน ก็ย่อมทำให้เกิดความวุ่นวายที่ไม่สามารถควบคุมได้
“ฉันจำเป็นต้องฟังคนที่ผิดคำพูดอย่างนายด้วยหรือ?”
“ขะ ขอร้องล่ะเอ็ดมันด์..” เธียร์เอ่ยอ้อนวอนต่อคนที่ยังยกยิ้มกับความเจ็บปวดของคนอื่น มือขาวเอื้อมบีบแขนของเอ็ดมันด์แน่น เพื่อหวังให้อีกฝ่ายใจเย็นลงกว่านี้ “ขะ เขาไม่เกี่ยว อึก”
“…..”
“ทำไม อึก ต้องดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยว นะ นายจะมาตามตัวพี่กลับไปทำไม ฮึก ขะ ขอ ชีวิตที่เป็นอิสระให้กันเถอะ”
“…...”
“ละ เลิกเอาคำว่าเยลเวอร์ตันมาทำร้ายกันสักที ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันยังไม่พออีกหรือ
“…..”
“ทะ ทำไมพี่ต้องหนี อึก ทะ ทำไมพี่ถึงเลือกชีวิตของตัวเองไม่ได้ เคยมีสักครั้งไหมที่พวกนายจะเห็นพี่เป็นครอบครัว”
ไม่เคยเลยสักครั้ง.. ไม่เคยเลยจริง ๆ
แม้แต่เศษเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึก ก็ไม่เคยคิดสงสารเขาบ้างเลยหรือ ทั้งที่เขาหนีมาไกลขนาดนี้ แต่คนพวกนั้นก็พยายามจะไล่ตามเขา
“ขะ เขาเป็นคู่แห่งโชคชะตาของพี่ อึก ปะ เป็นคนเดียวที่ทำให้พี่อยากมีชีวิต หลังจากที่นายเคยทำร้ายพี่ นายจำได้ไหมเอ็ด ว่านายเคยทำอะไรกับพี่ไว้บ้าง จำได้หรือเปล่า! ฮึก ทั้งที่นายเป็นคนผิด แต่พวกเขากลับเอาแต่โทษพี่คนเดียว อึก มันทรมานแค่ไหนที่ต้องจมอยู่กับความรู้สึกแบบนั้น! นายเคยเข้าใจบ้างหรือเปล่า!”
แม้แต่เอ็ดมันด์ที่รู้ดีอยู่แก่ใจ ก็ไม่เคยเหลียวแลที่จะมาช่วยเหลือเขาซึ่งรับความผิดนั้นไปเต็ม ๆ
เธียร์หอบลมหายใจเข้าออกด้วยความยากลำบาก เมื่อทั้งคำพูดและทุกอย่างต่างหลั่งไหลออกมาจากความรู้สึกข้างในของเจ้าตัว หยดน้ำตามากมายที่ไหลออกมามันยังเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ กับค่าของความเป็นคนที่เขาเคยสูญเสียไปก่อนหน้านี้ ส่วนทางด้านควินน์เองที่ยืนมองอยู่เงียบ ๆ และข่มความเจ็บของบาดแผลไว้ ก็ได้แต่เบือนหน้าหนีภาพอันน่าเจ็บปวดตรงหน้า
ทั้งที่เธียร์ยอมคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องอีกฝ่ายแล้ว แต่เลนนิกซ์เองก็ยังเฉยเมยและมองข้ามทุกอย่างโดยไม่คิดใส่ใจ ราวกับสิ่งที่เธียร์พูดมันเป็นแค่คำพูดไร้สาระ..
“เกิดเป็นเพียวโอเมก้าว่าต่ำแค่ไหน… เกิดเป็นเยลเวอร์ตันมันยิ่งกว่าความอัปยศของชีวิตนี้เสียอีก..”
“ฉันทำในสิ่งที่ควรทำ”
“นายกำลังทำลายชีวิตพี่…”
ทำลายทุกอย่างแม้กระทั่งตัวตนของเขา อิสระของเขา หรือแม้แต่ครอบครัวของเขาเองก็ด้วย
ครอบครัวที่เธียร์พึ่งจะได้สัมผัสมันกับตัวเองว่าควรเป็นเช่นไร ครอบครัวที่ไม่ใช่แค่เพราะเลือดเนื้อ แต่เป็นครอบครัวที่เกิดจากความผูกพันและความรัก
อิสระของเขาที่มักจะถูกช่วงชิงจากคนรอบข้างไปอยู่เสมอ มันไม่เคยเป็นของเขา ไม่เคยเลยสักครั้ง
“ไปกับฉัน”
ไม่ว่าเธียร์จะอ้อนวอนและร้องขออีกฝ่ายเท่าไหร่ เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ ก็คงไม่คิดจะรับฟังเขาเลยสักนิด…
แม้ในใจของเธียร์จะร่ำร้องและตะโกนว่าไม่อยากไปจากตรงนี้มากแค่ไหน แต่แรงฉุดกระชากที่ดึงให้เขาต้องเดินตาม มันก็ทำให้เธียร์ต้องจำใจเดินตามเอ็ดมันด์ออกไปจากบ้าน
ท่ามกลางฝนที่ยังคงตกกระหน่ำ เม็ดฝนเล็กใหญ่ทำให้ร่างกายของเพียวโอเมก้าตัวขาวเปียกปอน และรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่างกาย ไหล่บางคู้เข้าหากันเพื่อห่อตัวให้ความอบอุ่นกับตัวเอง แต่มันก็ยากเกินไปสำหรับร่างกายของเพียวโอเมก้า
ดวงตาของเธียร์ยังคงสอดส่ายหาความช่วยเหลือ แต่มันก็ช่างริบหรี่เหลือเกิน เมื่อไม่มีใครเลยสักคนที่จะเห็นเขาในตอนนี้ จะด้วยฝนที่ยังตกหนักหรือเพราะความวุ่นวายจากการถูกโจมตีรอบนอกกำแพงของหมู่บ้านก็เช่นกัน
ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มพร่าเลือนไปด้วยน้ำตา และหยดน้ำฝนที่หนาเม็ด จนไม่อาจแยกได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่
เธียร์กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะต้องกลับไปฮาร์เดนเจอร์จริง ๆ หากไม่มีใครช่วยเหลือตัวเองได้ในตอนนี้ สุดท้ายเขาก็ถูกต้อนจนจนมุมอีกครั้ง มันไร้ทางเลือกและไร้ทางออกจนความอึดอัดในอกถูกกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาของความเจ็บใจ
พวกเขาจะผ่านพายุที่กำลังโหมกระหน่ำนี้ไปได้อย่างไร… เขาไม่รู้เลยจริง ๆ
เอ็ดมันด์พาทั้งเธียร์และควินน์ที่ยังถูกจับเป็นตัวประกันลัดเลาะออกมาทางด้านหลัง จนออกมาถึงยังทะเลสาบซึ่งกลายเป็นสีดำสนิทในยามค่ำคืน เม็ดฝนที่เคยร่วงหล่นเริ่มซาลงเรื่อย ๆ จนพอทำให้มองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจนมากขึ้น และนั่นก็ทำให้เธียร์เห็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ยืนรออยู่ พร้อมด้วยม้าอีกสองสามตัวสำหรับการเดินทาง
“อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้เลยเอ็ดมันด์ จะรีบทำอะไรก็รีบทำเสีย” เธียร์หันไปมองใครอีกคนที่เอ่ยขึ้นมา มือขาวปัดคราบน้ำตาและหยดน้ำที่เปียกปอนบนใบหน้าออก เพื่อมองใครคนนั้นให้เห็นเต็มตา แต่ทว่าใบหน้าที่ตื่นตกใจของเธียร์มันช่างเรียกเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี “ตกใจอะไรหรือเยลเวอร์ตัน…”
“นายจะก่อกบฏหรือเอ็ดมันด์..”
เพียงแค่เห็นใบหน้าของใครคนนั้น เธียร์ก็สามารถเดาได้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างไม่ยาก ใบหน้าของ อีไล เลนนิกซ์ ที่มีรอยแผลเป็นของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลุงของเอ็ดมันด์ มันเป็นผลมาจากการต่อสู้ในครั้งก่อน ที่อีกฝ่ายพยายามจะโค่นล้มอำนาจของเยลเวอร์ตัน แต่กลับทำไม่สำเร็จ ถึงได้ถูกลงโทษและส่งตัวไปอยู่ในคุกซึ่งอยู่บนเกาะ ห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ระยะหนึ่ง
“ฉันจะทำทุกอย่าง เพื่อความมั่นคงของเลนนิกซ์..”
“นายกำลังถูกหลอกใช้” ดีแลน เยลเวอร์ตัน เคยเตือนเธียร์อยู่เสมอถึงนิสัยใจคอของคนที่เคยคิดกบฏคนนี้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าเอ็ดมันด์จะทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้ด้วยความคิดของตัวเอง ไม่ใช่ถูกชักนำด้วยการโน้มน้าวใจของคนที่หวังผลประโยชน์จากการแย่งชิง
“ไม่มีใครหลอกใช้คนอื่นได้เก่งเท่ากับเยลเวอร์ตันแล้วล่ะมั้งคุณหนู..”
“…..”
“จริงไหมล่ะ?” อีกฝ่ายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน และเต็มไปด้วยความชิงชัง
“ฮาร์เดนเจอร์ถึงเวลาที่เปลี่ยนแปลงเสียที.. นายไม่คิดแบบนั้นบ้างหรือ” คุณชายเลนนิกซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ทุกการกดขี่และความไม่ชอบธรรม ควรจะสิ้นสุดที่เยลเวอร์ตัน และเริ่มต้นใหม่ด้วยการปกครองของเลนนิกซ์”
สิ้นสุดที่เยลเวอร์ตัน?
“พวกมันจะฆ่าพี่! อึก” ควินน์ เดอเกล ถูกบีบคออย่างแรง เมื่อเจ้าตัวพลั้งปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป ฝ่ามือใหญ่ของเอ็ดมันด์ไม่แม้แต่ผ่อนแรงที่บีบลำคอขาวเลยสักนิด
แสดงว่าที่ผ่านมาที่เธียร์เคยเข้าใจมาทั้งหมด มันก็ไม่ใช่เรื่องจริงงั้นสิ
เอ็ดมันด์ไม่ได้มีเป้าหมายมาที่นี่เพื่อพาเขากลับไปฮาร์เดนเจอร์.. สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการมันคือชีวิตของเขา
“พวกเราปล่อยเยลเวอร์ตันให้เหลือรอดสักคนไม่ได้จริง ๆ”
หากจะถอนรากถอนโคนเยลเวอร์ตัน ก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามในวันข้างหน้า การโค่นล้มย่อมสมบูรณ์เมื่อไม่มีทายาทในการสืบต่อ
นี่สินะ.. ความน่ากลัวที่แท้จริงของจิตใจคนเรา ความทะเยอทะยานและความโลภไม่เคยเข้าใครออกใคร ทุกคนล้วนแล้วแต่เห็นแก่ตัว เพื่อให้ตัวเองได้มาซึ่งทุกอย่าง
เลนนิกซ์ผลักเบต้าหนุ่มปากสว่างไปอีกทางอย่างรำคาญ ก่อนที่จะดึงตัวของเธียร์ไปยังริมทะเลสาบ แน่นอนว่าคนที่คาดเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดตรงหน้าได้ ย่อมขืนตัวเองอย่างถึงที่สุด เพียวโอเมก้าตัวเล็กทั้งดีดดิ้น และพยายามตะเกียกตะกายในการดิ้นรนจนถึงที่สุด
ทำไมเธียร์จะไม่รู้ ว่าคนพวกนี้กำลังจะทำอะไรกับตัวเอง.. และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธียร์หวาดกลัวมันมากที่สุด
“เยลเวอร์ตันเคยฆ่าคนด้วยวิธีเช่นไร สิ่งนั้นย่อมคืนสนองกับเยลเวอร์ตัน…” รอยยิ้มแสยะของเจ้าของใบหน้าที่มีบาดแผล มันช่างน่าสะอิดสะเอียนและสั่นประสาทคนที่กำลังหวาดกลัวความตาย
พวกม้นกำลังคิดจะฆ่าเขาด้วยการนำเขาไปถ่วงในน้ำ..
“พวกนายมันบ้ากันไปแล้ว!”
เธียร์กระทืบเท้าใส่เท้าของเลนนิกซ์อย่างแรง ก่อนที่จะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุม แต่เพราะความเจ็บของเท้าที่ได้เลือดจากการเหยียบหินแหลมคมก่อนหน้านี้ ก็ย่อมทำให้เพียวโอเมก้าตัวขาวล้มลุกคลุกคลานอย่างทุลักทุเล เสื้อผ้าที่เคยสะอาดสะอ้านเปื้อนไปด้วยคราบสกปรกของดินที่เปียกชื้นจากฝนที่ตกหนักก่อนหน้านี้
“รีบทำให้เรื่องนี้มันจบเร็ว ๆ สักทีเถอะเธียร์…”
ขาเรียวขาวถูกกระชากอย่างแรง จนทำให้ร่างขาวถูกลากถูไปตามพื้นสกปรก ความเจ็บตามแขนและขาไม่อาจทำให้เธียร์ตกใจเท่ากับท้องของตัวเองที่กระแทกเมื่อครู่เลยสักนิด เพียงแค่คิดถึงตรงนั้น เธียร์ก็รู้สึกชาไปทั้งร่างกาย ปลายนิ้วมือมันยิ่งเย็นเยียบมากขึ้นกว่าเดิม
แมดส์ ไทเลอร์ หายไปไหนกัน ในยามที่เขาต้องการอีกฝ่ายมากที่สุดตอนนี้
รอบตัวของเธียร์ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่แสนเกลียดชัง และพร้อมจะฆ่าเขาอยู่ทุกวินาที
หยาดน้ำจากฟากฟ้า แม้จะชวนให้รู้สึกเหน็บหนาว แต่ก็ไม่อาจเทียบเท่าเธียร์ที่กำลังเจ็บปวดร้าวรานไปทั่วทั้งร่างกาย เนื้อตัวที่สั่นเทาย่อมไม่สามารถควบคุมได้ ยิ่งถูกแตะต้องมากเท่าไหร่ เจ้าดอกแม็กโนเลียก็ยิ่งบอบช้ำมากเท่านั้น
พายุใหญ่หรือจะสู้จิตใจของคนเรา…
มันอาจจะถูกที่แม็กโนเลียสามารถทนทานต่อสภาพอากาศอันเลวร้าย ซึ่งย่อมไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากความตั้งใจของมนุษย์ ที่หมายจะโค่นต้นของมันให้ล้มลง
เสียงร้องลั่นอันเจ็บปวดของทหารที่ยืนคุมเชิงอยู่ เบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี เลือดที่พุ่งกระฉูดที่บริเวณลำคอของเหยื่อผู้โชคร้ายสองคนซึ่งโดนปลายดาบเล่มคมปาดเข้าบริเวณลำคอ
“ชอบลอบกัดจนกลายเป็นสันดานหรือเลนนิกซ์”
หมาบ้าที่กำลังคลั่งอย่างเต็มที่เอ่ยทักเลนนิกซ์ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความกระหายที่ทำให้ทหารหลายนายในบริเวณนั้น ลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“นี่น่ะ แมดส์ ไทเลอร์ ที่ใคร ๆ พูดถึงกัน” อัลฟ่าที่อายุมากที่สุดในนี้เอ่ยตอบ ก่อนจะไล่มองสภาพของแมดส์ที่สะบักสะบอมไม่น้อย
“แล้วที่พวกแกเคยได้ยินมา เขาพูดถึงพี่ชายฉันว่ายังไงกันบ้างล่ะ” หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ปรากฏตัวขึ้นทางอีกด้านหนึ่ง จนทำให้เกิดความสับสน เมื่อใบหน้าของทั้งคู่นั้นละม้ายคล้ายคลึงกันจนเรียกได้ว่าเป็นฝาแฝด “คิดดีแล้วหรือที่จะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่…”
ยามที่ฟ้าแลบจนทำให้ทั่วทั้งบริเวณสว่างจ้า ชั่ววินาทีนั้น ทั้งแมดส์และเชสต่างไม่รีรอที่จะจัดการศัตรูตรงหน้าตัวเอง และปล่อยให้เวลาเสียเปล่าไปสักวินาทีเดียว
หมัดหนักของแมดส์กระแทกเข้าที่ใบหน้าของคุณชายเลนนิกซ์อย่างไม่คิดออมแรง หลังจากที่เจ้าตัวปรี่เข้าไปกระชากเอ็ดมันด์ให้ออกห่างจากเธียร์ แรงเหวี่ยงไม่น้อยของทรูอัลฟ่าที่กำลังบ้าดีเดือดได้ที่ เป็นผลทำให้เอ็ดมันด์กระเด็นไปกระแทกกับต้นไม่ใหญ่ จนรวดร้าวไปทั้งแผ่นหลังซึ่งรับแรงกระแทก
“พี่เธียร์..” ควินน์ เดอเกล ที่หลุดออกมาได้จากการถูกจับกุม รีบวิ่งเข้ามาหาคนที่กระถดตัวหนีไปอีกด้านหนึ่ง สภาพไม่สู้ดีนักของเธียร์ในตอนนี้ช่างไม่น่ามองเลยสักนิด ข้อเท้าขาวที่เกิดรอยแดงช้ำจากการถูกกระชากอย่างแรง และโซ่ตรวนที่พันธนาการขาของเจ้าตัวไว้กับหินก้อนใหญ่ ซึ่งพร้อมจะถ่วงร่างของเธียร์ลงไปใต้น้ำได้ทุกเมื่อ หากหินที่ว่าถูกโยนลงไปในทะเลสาบ
“ฮึก..”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน ยังคงกุมท้องของตัวเองไว้แน่น ทั้งที่เจ็บร้าวไปทั้งร่างกาย เปลือกตาสีอ่อนหลับตาข่มความเจ็บปวด ก่อนที่จะฝืนทนขยับตัวถอยออกให้ห่างจากระยะอันตรายของการต่อสู้ แต่มันก็ช่างยากลำบาก เมื่อขาของเจ้าตัวยังคงถูกรั้งไว้ด้วยหินก้อนใหญ่
“ระ เรา อึก ขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”
“…..”
“เราคิดน้อยไปเองที่เกลียดพี่ เพียงแค่รู้ว่าพี่เป็นเยลเวอร์ตัน” ควินน์เอ่ยบอกทั้งน้ำตา หลังจากที่ถูกจับตัวไปอยู่ในค่ายของเลนนิกซ์ เจ้าตัวก็ได้พบกับอีกหนึ่งตัวประกันที่ถูกจับไว้ จนได้รู้ว่าเธอคือคนสนิทของเธียร์ คนที่ควินน์มีความคิดจะทำร้ายอีกฝ่ายอ้อม ๆ ด้วยการให้เจ้าตัวออกไปจากกรีนเลค
คำบอกเล่าของเจ้าหล่อนที่เอ่ยถึงเรื่องราวของเธียร์ มันยิ่งเหมือนก้อนหินก้อนใหญ่ที่ทุบหัวควินน์อย่างจัง สมองเขาพร่าเบลอไปหมด เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้พูดและกระทำมันกับเธียร์
เขาเอาความเกลียดชังมายึดเป็นที่ตั้ง จนทำให้มองไม่เห็นความจริงที่เขาควรจะเข้าใจ…
โชคชะตาเองก็ช่างเล่นตลกกับใจของคนเราเหลือเกิน ถึงส่งให้ควินน์ได้ไปพบกับเอ็ดมันด์อย่างบังเอิญ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่น่าไว้วางใจ แต่สุดท้ายควินน์ก็กลับเชื่อคำพูดพวกนั้นสนิทใจ และเลือกจะละทิ้งความเชื่อใจที่เคยมีต่อเพื่อนเล่นคนใหม่
“มะ ไม่เป็นไรเลยควินน์”
“เราตั้งใจพาพี่ไปเจอเอ็ดมันด์.. ฮึก ปะ เป็นเราเองที่ตั้งใจหลอกพี่ออกไป” ควินน์สารภาพออกมาอย่างรู้สึกผิด แน่นอนว่าใบหน้าของเธียร์ที่พยายามจะส่งยิ้มให้กับควินน์ กลับหม่นหมองลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
“แม้แต่นายก็ยังใจร้ายกับพี่..”
ทั้งความเป็นห่วง และความหวังดีของเธียร์ ที่เคยมีต่อควินน์มันกลับกลายเป็นความสูญเปล่า
เขาจะต้องเจ็บปวดกับความผิดหวังที่ไว้ใจใครอีกกี่ครั้งกัน ความรู้สึกที่มันพังซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันจะกลับคืนมาได้อย่างไร ทำไม… ทำไมความหวังดีของเขาถึงไร้ค่าได้ขนาดนี้
มือของเธียร์ที่ควินน์ตั้งใจจะช่วยจับ เพื่อพยุงให้อีกฝ่ายลุกขึ้น กลับถูกดึงออกอย่างแรง ด้วยการตอบสนองของเธียร์ ที่ไม่อาจไว้วางใจให้คนตรงหน้าเข้าใกล้ตัวเอง
“ไปเถอะควินน์..”
“…..”
“ไปจากตรงนี้เสีย..”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน ไม่แม้แต่จะมองหน้าของเด็กหนุ่มเลยสักนิด คำเอ่ยไล่ของเธียร์ที่แม้จะไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง แต่มันก็ทำให้ควินน์รู้สึกเจ็บไม่น้อย
“เป็นอย่างไรบ้างคุณหนู” อัลฟ่าผมเทาที่วิ่งมาหยุดตรงหน้าเธียร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน ก่อนจะมองข้อเท้าขาวที่มีโซ่ตรวนเส้นใหญ่ซึ่งล่ามคนตัวเล็กไว้ วินซ์สบถคำหยาบออกมา เมื่อเห็นหินก้อนใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งถูกผูกไว้กับโซ่ที่ล่ามอีกฝ่าย “ไอ้พวกระยำ..”
วินซ์ คลาเวน เหลือบมอง ควินน์ เดอเกล ที่นั่งมองหน้าเธียร์ทั้งน้ำตา แล้วก็ได้แต่เมินหน้าหนี อัลฟ่าผมเทารู้เห็นทุกอย่างว่าควินน์ทำอะไรลงไปบ้าง นับตั้งแต่ได้พูดคุยกับอีกฝ่ายก่อนที่เจ้าตัวจะหายออกไปจากหมู่บ้าน
ควินน์ เดอเกล ทำลายความไว้ใจของพวกเขาอย่าง่ายดาย ราวกับไม่เคยรู้จักนิสัยของพวกเขา..
มิหนำซ้ำยังทำลายความเชื่อใจของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน อย่างไม่คิดไยดี
หากเป็นแบบนี้ มันก็สมควรแล้วที่ควินน์จะได้รับผลตอบแทนเช่นนี้
ทางด้านฝาแฝดไทเลอร์เองก็ต่างจัดการศัตรูที่เหลือน้อยเต็มที่ มีดเล่มถนัดมือของแมดส์เหวี่ยงไปปักเข้าที่กลางหน้าผากของเลนนิกซ์อีกคนอย่างแม่นยำ หลังจากที่จัดการซัดคุณชายเลนนิกซ์เสียจนหมอบไปกับพื้น
แมดส์ใช้ขาเขี่ยอัลฟ่าตัวสูงที่กล้าอวดดีกับตัวเองอย่างไม่ออมแรง เพื่อให้อีกฝ่ายได้นอนหงายและเผชิญหน้ากับตนเอง ทั้งเลือดและฝนที่ตกพรำทำให้เอ็ดมันด์ไม่สามารถมองหน้าทรูอัลฟ่าตรงหน้าได้อย่างชัดเจน แต่กลิ่นอายของความกระหายในการล่าเหยื่อของมัน ก็ยังคงชัดเจนในประสาทสัมผัสที่รับรู้ได้
“ฉันได้ยินทุกอย่างที่แกพูดกับเธียร์..”
“…..”
“มันผิดคาดไปมากเลยจริง ๆ ที่ฉันดูถูกคนอย่างคุณชายจนเกินไป”
เชส ไทเลอร์ เป็นคนเดียวที่เห็นว่า แมดส์ ไทเลอร์ อดทนมากแค่ไหน ในการหยุดยืนฟังบทสนทนาพวกนั้นนับหลายนาที หมาบ้าเห็นทุกความเป็นไปที่เกิดขึ้น เห็นแม้กระทั่งดวงตาของคนรักที่มีแต่ความสิ้นหวัง คำร้องขอของเธียร์ไม่ได้ทำให้คุณชายเลนนิกซ์เห็นใจเธียร์เลยสักนิด
“คิดจะขึ้นปกครองฮาร์เดนเจอร์ด้วยการฆ่าล้างตระกูลเยลเวอร์ตันงั้นหรือ?”
มันไม่ผิดหรอกที่เลนนิกซ์จะมีความคิดเช่นนั้น แต่กับเธียร์ที่เจ้าตัวย่อมรู้ดีว่าไม่มีทางเป็นเสี้ยนหนาม แต่กลับหวาดระแวงถึงเพียงนี้ มันก็นับว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายเกินจะรับได้
ฝ่าเท้าภายใต้รองเท้าอันแสนหนักของแมดส์ กดลงบนหน้าอกของเลนนิกซ์อย่างแรง จนเจ้าตัวได้แต่กัดฟันกรอดเพื่อข่มความเจ็บปวด
“ไอ้ลูกหมาที่ขี้ขลาดอย่างแก มันไม่มีปัญญาปกครองใครหรอก จำเอาไว้..”
“อึก…”
“ต่อให้เธียร์จะให้อภัยแกสักกี่ครั้ง มันก็ชดใช้ความผิดที่แกคิดจะทำกับเธียร์ไม่ได้”
“…..”
“ทั้งเลนนิกซ์และเยลเวอร์ตัน มันต้องชดใช้ให้กับสิ่งที่เคยทำเอาไว้”
“…..”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมันเคยทำ จะต้องได้รับการเอาคืนอย่างสาสม..
“เอาตัวมันกลับไปส่งให้พวกฮาร์เดนเจอร์ แล้วป่าวประกาศให้ทั่ว ว่าฟลัมจะไม่ยอมรับไมตรีจากฮาร์เดนเจอร์อีกต่อไป”
“แก…”
“ฉันจะบอกอะไรไว้ให้นะเลนนิกซ์..” แมดส์โน้มหน้าลงไปแสยะยิ้มให้กับอัลฟ่าหนุ่มที่ใบหน้าฟกช้ำไปหมด ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ใบหน้าของคุณชายเลนนิกซ์บิดเบี้ยวไม่น้อย “เผื่อคุณชายจะไม่รู้ ว่าเลือดครึ่งหนึ่งในตัวของฉันมันคือของเบลเลอมอนท์”
แมดส์ยอมยกเท้าตัวเองออกจากอกของ เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ แต่ก็ไม่วายที่จะเตะเสยปลายคางของอีกฝ่าย จนเจ้าตัวนั้นสลบไปในทันที แฝดผู้น้องที่ยืนมองอยู่ทางด้านหลังได้แต่มองภาพผู้คนที่ล้มตายด้วยสายตาเฉยเมย
แม้โซ่ตรวนที่ข้อเท้าของเธียร์จะยังไม่ถูกปลดออก แต่เมื่อเพียวโอเมก้าตัวขาวได้รับอ้อมกอดของคู่ชีวิต มันก็ทำให้เจ้าตัวเลือกที่จะขดกายเข้าหาเจ้าของกลิ่นไม้หอมแน่น หยดน้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาจากตาคู่สวยที่แดงช้ำ
“ไม่เป็นอะไรแล้วเธียร์..” แมดส์ก้มหน้าไปหาคนตัวขาว ก่อนจะแนบหน้าผากของตัวเองจนสนิทไปกับหน้าผากของอีกฝ่าย สายตาที่อ่อนลงของแมดส์ต่อให้ปลอบประโลมเศษเสี้ยวความรู้สึกของเธียร์ได้ แต่ก็ไม่อาจช่วยทำให้ร่างกายที่เจ็บปวดของเพียวโอเมก้าตัวเล็กได้ทุเลาลงเลยสักนิด
กลิ่นน้ำนมที่ยังคงลอยออกมาจากตัวเธียร์ ก็ทำให้แมดส์รู้สึกเบาใจไปไม่น้อย ความเสี่ยงในการแท้งของเพียวโอเมก้านับว่าน้อยมาก หากเทียบกับโอเมก้าปกติ แต่ก็นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่แมดส์จะสามารถไว้วางใจได้
หากเธียร์ต้องบาดเจ็บรุนแรงมากกว่านี้ จนส่งผลถึงเด็กที่อยู่ในท้อง เชื่อเถอะว่าคุณชายเลนนิกซ์คงเหลือแค่ชื่อกลับยังฮาร์เดนเจอร์ให้ทุกคนได้พูดถึง และจดจำว่าได้สังเวยชีวิตอยู่ที่กรีนเลค..
“ระ เราเจ็บ..”
“อดทนอีกสักหน่อยนะ..” ทรูอัลฟ่าผิวเข้มช้อนตัวคนตัวขาวไว้แนบอก ก่อนจะก้มลงมองใบหน้าของเธียร์ที่ซุกเข้าหาอกของตัวเอง พลางหลับตาแน่นเพื่อข่มความเจ็บปวดของตัวเอง
“ฉันว่านายควรรีบพาคุณหนูไปที่หน่วยแพทย์..”
“…..”
“คนอย่างเบลเลอมอนท์รอบคอบพอที่จะส่งหมอมาให้นายพร้อมกับทหาร..” เชส ไทเลอร์ เอ่ยตอบข้อสงสัย ก่อนที่จะค่อย ๆ จัดการปลดโซ่ที่ข้อเท้าของคุณหนูเยลเวอร์ตัน
“ขอบใจนายมากนะเชส”
แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยขอบคุณน้องชายฝาแฝดด้วยความขอบคุณจากใจจริง หากไม่ได้ทหารจากเดอะฮิลล์และฟลัมที่ถูกส่งมา แมดส์เองก็ไม่อยากคาดคิดว่ากรีนเลคในตอนนี้จะเป็นเช่นไร
“ฉันไม่นับเรื่องแค่นี้เป็นบุญคุณหรอกแมดส์”
“…..”
“ยังไงนายก็เป็นพี่ชายของฉัน จะให้ฉันทนอยู่เฉยได้อย่างไร”
“ขอบใจทั้งนายทั้งรีสนั่นล่ะ”
“ถ้านายอยากขอบใจรีส เห็นทีว่านายคงจะต้องเข้าไปหาหมอนั่นที่ฟลัม เพราะฉันเองก็ไม่ใช่พวกรับฝากคำขอบคุณเสียด้วยสิ”
ไม่ต้องรอให้ เชส ไทเลอร์ เป็นฝ่ายตะล่อมให้จนมุม แมดส์ ไทเลอร์ ก็รู้ดี ว่าสิ่งที่ตัวเองควรจะทำต่อไปคืออะไร
“ไว้เธียร์หายดีเมื่อไหร่ ฉันจะเข้าไปฟลัม..”
สิ่งที่เขาเคยคิดว่ามันคือการขายวิญญาณตัวเองเพื่อแลกกับความมั่นคงในชีวิต บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่หมาบ้าพร้อมจะทำมันด้วยความเต็มใจก็เป็นได้
สัญญาที่ แมดส์ ไทเลอร์ ได้สร้างเงื่อนไขไว้กับผู้ปกครองฟลัม ในแลกกับการกลับไปเป็นเบลเลอมอนท์ มันช่างคุ้มค่าพอแล้วกับการรักษาเจ้าดอกแม็กโนเลียนี้ไว้กับตนเอง
แม้มันจะบอบช้ำมากสักเพียงใด เขาก็จะยังคงเป็นคนที่คอยเฝ้าดูแล ให้มันได้เติบโตอย่างสวยงามเหมือนเคย และเรียนรู้วิธีในการดูแลเจ้าต้นแม็กโนเลียนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเรี่ยวแรงของมันจะหมดลง
เพราะเธียร์นั้นเปรียบดั่งสิ่งล้ำค่าในชีวิต ที่แมดส์ไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้…
HASHTAG #maddogmn
Talk : ใครจะกล้าทำร้ายลูกกระต่ายของน้องเธียร์กัน...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โคตรใจร้ายเลยอ่ะ แบบมากๆๆๆ
ขอบคุณแมดส์มากที่รักคุณหนูขนาดนี้นะ
นายคือความโชคดีของคุณหนูจริงๆ
ฮือออ เชสส เชสสสส ร้ากกกน๊าาาาาา
ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาา
หลังจากนี้มีความสุขสักทีนะน้องเธียร์ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วนะคะ
ฮือออออเสียน้ำตาเป็นถังแล้ว สงสารน้องเธียร์สุดใจ;__;
😭😭