ตอนที่ 37 : Mad Dog : Chapter 32
เส้นทางของการเดินกลับสู่หมู่บ้านล้วนถูกห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ ดอกไม้ที่บานสะพรั่ง และแข่งกันอวดความงามกันให้ละลานตา แต่ความสดใสของมวลดอกไม้กลับถูกกลบด้วยความเศร้าหมอง ใบหน้าอ่อนล้าของเธียร์ทำให้เจ้าตัวไม่ต่างจากดอกไม้ซึ่งกำลังเหี่ยวเฉา
คล้ายกับมีหนามแหลมที่มองไม่เห็น คอยทิ่มแทงฝ่าเท้าของเธียร์ ในแต่ละย่างก้าวซึ่งกำลังเหยียบย่ำ
มันเป็นบาดแผลที่ไร้ร่องรอย แต่กลับเจ็บปวดทุกชั่ววินาที
คราบน้ำตาที่เคยเปรอะเปื้อนใบหน้า แม้จะถูกเช็ดออกไปจนไม่หลงเหลือ ก็ยังทิ้งร่องรอยแดงช้ำบริเวณดวงตาและจมูก ไว้เด่นชัดบนใบหน้าของคุณหนูเยลเวอร์ตัน
เธียร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมองหน้าแมดส์เหมือนเดิมได้หรือไม่..
สิ่งที่เจ้าตัวได้เผชิญมาเมื่อไม่นาน กำลังสั่นคลอนทั้งความรู้สึก และความคิดของเธียร์ ให้เจ้าตัวเกิดความรู้สึกมากมายที่ตอกย้ำความรู้สึกซึ่งเคยหลงลืมมันไปได้
‘หวังว่าฉันจะได้คำตอบที่น่าพอใจสำหรับเรื่องนี้..’
หากคำตอบที่คุณชายเลนนิกซ์ต้องการได้รับ มันคือการที่เขาต้องยอมกลับไปฮาร์เดนเจอร์ มันจะคุ้มแล้วหรือกับสิ่งที่เขารักษาไว้ได้ และต้องสูญเสียไป
ยังไม่ทันเริ่มต้นใหม่ได้อย่างใจหวัง เจ้าดอกแม็กโนเลียก็กลับถูกพายุใหญ่ซัดโครมเข้าอีกครั้ง แม้มันจะแข็งแรงและสามารถเผชิญกับความยากลำบากได้สักแค่ไหน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่บอบช้ำเสียเมื่อไหร่
ฝ่ามือที่แสนไร้ค่าของเขา จะสามารถช่วยเหลือทุกคนได้อย่างไร
มือหนึ่งข้างที่พยายามจะไขว่คว้าเพื่อช่วยชีวิตของเอนยา ก็ยังคงถูกฉุดรั้งด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ซึ่งถูกจับแน่นด้วยมือใหญ่ของคนที่เป็นคนมอบชีวิตใหม่ให้กับตนเอง
ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ก็ไม่มีทางทำให้เธียร์เจ็บปวดน้อยลง ทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นตัวเลือกต่างมีความสำคัญกับเธียร์ที่ไม่แพ้กัน
คนหนึ่งที่เลี้ยงดูและคอยดูแลเจ้าตัวมาตลอดในวันที่เขาถูกครอบครัวทอดทิ้ง ส่วนอีกคนคือความรักในอีกรูปแบบหนึ่งที่เข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่เธียร์ไม่เคยได้รับ
ชีวิตของผู้คนในกรีนเลคไม่สมควรที่จะต้องมาเสีย เพียงเพราะตัวปัญหาเช่นเขา.. สิ่งที่ควินน์พูดกับเขา มันไม่ผิดเลยสักนิด
คนในกรีนเลคไม่มีทางยินดีและต้อนรับเขา หากรับรู้ว่าเขาคือใคร..
ไม่ว่าจะทำเช่นไร เธียร์ เยลเวอร์ตัน ก็ยังคงเป็นตัวปัญหาอยู่เสมอ
ดวงอาทิตย์ที่ถูกบดบังแสงสว่างด้วยพายุใหญ่ คงไม่อาจฝืนส่องแสงผ่านเมฆฝนทะมึน ดั่งเช่นเขาในตอนนี้ที่ไม่อาจทำอะไรได้สักอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก
ตั้งแต่เดินกลับมาถึงหมู่บ้าน ด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธียร์เอาแต่หลบเลี่ยงการพบเจอผู้คนในหมู่บ้าน แม้กระทั่งคลาเวนเองก็ถูกหลบหน้า จนทำให้อัลฟ่าผมเทาได้แต่มองตามแผ่นหลังของเธียร์ที่เริ่มห่างออกไปเรื่อย ๆ ในขณะที่คนตัวขาวเริ่มตัวเล็กลงเรื่อย ๆ เพราะระยะห่างที่เพิ่มมากขึ้น กลับมีหนึ่งความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาในใจของ วินซ์ คลาเวน จนทำให้เจ้าตัวอดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่น้อย
‘ทำไมถึงได้ดูโดดเดี่ยวขนาดนี้กัน..’
นั่นคือสิ่งที่อัลฟ่าผมเทาคิดกับตัวเองอยู่ในใจ ก่อนจะไล่มองไปรอบ ๆ เพื่อหาใครอีกคนที่ควรจะอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูเยลเวอร์ตัน แต่ในตอนนี้กลับหายไปอย่างไร้วี่แวว
กลิ่นไม้หอมอันอบอวลของแมดส์ ขับกล่อมให้เพียวโอเมก้าตัวเล็กที่กำลังจมดิ่งอยู่กับความโศกเศร้า เริ่มรู้สึกสงบขึ้นมากกว่าเดิม ปลายคางสวยซบเกยลงบนกองผ้าที่รายล้อมอยู่รอบตัว ในอ้อมแขนเล็กยังคงตระกองกอดเสื้อตัวใหญ่ของทรูอัลฟ่าเจ้าของกลิ่นไม้หอมไว้แน่น หยดน้ำตาที่ไหลรินเลอะผืนผ้ากระจายไปวงกว้าง บนเสื้อผ้าที่ถูกใช้ทำเป็นรังขนาดย่อมของเพียวโอเมก้า
ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ที่ทำให้เธียร์รู้สึกต้องการความอบอุ่น เป็นสิ่งที่ทำให้เธียร์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองถึงได้หยิบเสื้อผ้าและข้าวของต่าง ๆ ที่มีกลิ่นของแมดส์มาทำอะไรเช่นนี้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ตัวเองขดตัวนอนบนความนุ่มของผืนผ้า
แว่วเสียงเปิดประตูบ้านพักและเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินด้วยน้ำหนัก ซึ่งเธียร์คุ้นเคยเป็นอย่างดี ทำให้เจ้าตัวรับรู้ถึงการมาถึงของ แมดส์ ไทเลอร์ ที่คงจะกลับมาถึงบ้านพักแล้วในตอนนี้
ทั้งที่รู้ว่าคนรักของตัวเองกลับมา.. แต่เธียร์กลับยิ่งกอดตัวเองแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังหวาดกลัวสิ่งที่ตัวเองมองไม่เห็น
“เธียร์..”
เสียงเรียกของทรูอัลฟ่าคู่ชีวิตที่ดังขึ้นในห้องนอน ทำให้คนที่แอบมาทำรังและซุกตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ ถึงกับยกมือขึ้นปิดริมฝีปากของตัวเองแน่น เพื่อไม่ให้หลุดเสียงสะอื้นไห้ที่ตีตื้นขึ้นมาจุกบริเวณลำคอ
เงาคนที่เกิดขึ้นเพราะแสงของเทียนในห้องซึ่งถูกจุดขึ้น ทำให้เธียร์มองเห็นทรูอัลฟ่าหนุ่มที่ยังคงเดินวนไปวนมา และเรียกหาตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่เธียร์จะเอ่ยขานรับอีกฝ่าย เหมือนทุกครั้งที่เคยเป็นยามถูกเรียกหา
แค่คิดว่าถ้าวันหนึ่ง เขาไม่สามารถอยู่ตอบรับอีกฝ่ายได้ ในยามที่แมดส์เรียกหา หัวใจของเธียร์ก็กลับบีบรัดอย่างรุนแรง จนรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งอก
สุดท้ายเสียงสะอื้นที่พยายามกลั้นมาตลอดของเธียร์ ก็หลุดออกมาให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มได้ยิน แม้มันจะเป็นเสียงที่เบาแค่ไหน แต่สำหรับคนประสาทไวอย่างแมดส์ ย่อมได้ยินมันอย่างชัดเจน ดวงตาคมกริบตวัดมองไปทางตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ ซึ่งถูกเปิดแง้มไว้นิด ๆ ปลายผ้าสีสะอาดที่ห้อยลงมาอย่างไม่เรียบร้อย สร้างความแปลกใจให้กับแมดส์ไม่น้อย
“อยู่ในนั้นหรือ..”
ฝ่ามือของแมดส์เอื้อมไปจับบานไม้ซึ่งถูกแง้มเปิดออกมา เพื่อหวังจะเปิดมันออก แต่ก็ถูกขัดด้วยน้ำเสียงติดสั่นเครือของเธียร์ ที่ร้องขัดออกมาเสียงดัง
“อย่าเปิด”
แม้กลิ่นของแมดส์จะทำให้เธียร์สงบลงก็จริง แต่เพียวโอเมก้าตัวขาวยังคงไม่ต้องการที่จะพบเจออีกฝ่ายในตอนนี้ ความปลอดภัยของรังที่เจ้าตัวสร้างขึ้นในตู้หลังนี้ ยังคงไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่มย่าม และรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวนี้
ทางด้าน แมดส์ ไทเลอร์ เองก็ยอมปล่อยมือที่เคยจับบานไม้นั้นออก แล้วถอยลงมานั่งที่ปลายเตียงนอน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ สมองของแมดส์กำลังใคร่ครวญและคิดพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าดอกแม็กโนเลียของตัวเองเป็นเช่นนี้
“เราอยากอยู่คนเดียว”
เพียงแค่ประโยคเดียวของคนที่หลบอยู่ในตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ ก็กลับทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจ น้ำเสียงที่สั่นจนจับได้ มันบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวนั้นกำลังร้องไห้ และไหนจะประโยคที่เหมือนการขับไล่กลาย ๆ ก็ยิ่งทำให้ทรูอัลฟ่าผิวแทนเกิดความรู้สึกสับสน ชนิดที่ไม่อาจปะติดประต่อเรื่องราวใด ๆ ได้
“พี่จะนั่งรออยู่ตรงนี้” แม้จะเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงต้องการอยู่กับตัวเอง แต่แมดส์เองก็ไม่สามารถปล่อยให้เธียร์อยู่คนเดียวได้ “ให้พี่อยู่เถอะเธียร์”
แก้วตาใสที่ถูกเคลือบด้วยน้ำสีใสซึ่งยังคงคลอหน่วง สะท้อนให้เห็นแม้ในความมืด ที่มีเพียงแสงสว่างอันน้อยนิดจากบานประตูที่ถูกแง้มเข้ามา
คำขอร้องของแมดส์ถูกตอบรับด้วยเสียงครางในลำคอเบา ๆ ของเธียร์ ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มหน้าลงซุกเสื้อที่ตัวเองกอดไว้แน่น และปล่อยให้หยดน้ำตาได้ไหลออกมาเงียบ ๆ
ทั้งที่เธียร์คิดว่าตัวเองเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว แต่สุดท้ายเจ้าดอกแม็กโนเลีย ก็ยังคงเปราะบาง คล้ายจะแตกสลายได้ทุกเวลา
แมดส์ ไทเลอร์ ได้แต่นั่งฟังเสียงร่ำไห้ของเธียร์อย่างเงียบ ๆ ฝ่ามือใหญ่ยังคงบีบคลายเข้าหากัน เพื่อข่มความกระวนกระวายในใจของตน แม้จะสามารถเปิดประตูตู้เสื้อผ้าแล้วพาอีกฝ่ายออกมาได้ แต่แมดส์ก็ไม่คิดจะทำเช่นนั้น เพื่อรุกล้ำเขตหวงห้ามที่อีกฝ่ายไม่ต้องการให้ใครเข้าไป
เขาไม่เคยเห็นเธียร์เสียศูนย์ จนถึงขั้นปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกเช่นนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณหนูตัวขาวไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยเลยสักครั้ง ที่เจ้าตัวจะหวาดกลัวจนต้องหลบซ่อนเช่นนี้
มันเป็นเพราะอะไรกัน? ทำไมอยู่ ๆ เธียร์ถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ ในเพียงแค่ชั่วระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย ผลที่เกิดขึ้นมันต้องมีสาเหตุ เพียงแต่แมดส์ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ก็เท่านั้น
ความไม่สบายใจและความรู้สึกที่เจ็บปวดของเพียวโอเมก้า ย่อมส่งผลต่อความรู้สึกของแมดส์เช่นกัน ความรู้สึกหน่วงในอกราวกับมีหินก้อนใหญ่ถ่วงเอาไว้ มันยากเกินกว่าที่จะยกออกไปได้ในตอนนี้
เขาอยากโอบกอดอีกฝ่ายในตอนที่เจ้าตัวกำลังเสียใจ แต่แมดส์กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง นอกเสียจากทนรับฟังความเจ็บปวดที่ไม่มีท่าทีจะลดน้อยลงของอีกฝ่าย
รอยยิ้มสวยงามที่เปลี่ยนให้โลกของแมดส์เต็มไปด้วยชีวิต มันมีค่าเกินกว่าที่จะถูกทดแทนด้วยน้ำตาที่มีแต่ความเจ็บปวด แม้จะไม่เคยอ้อนวอนหรือสวดภาวนา แต่ในตอนนี้แมดส์กลับอยากจะอ้อนวอนให้โชคชะตาช่วยเห็นใจคนที่เขารักสักนิดก็ยังดี
เสียงก่อกแก่กบริเวณหน้าตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ เรียกความสนใจของเธียร์ที่แอบซ่อนอยู่ภายในตู้เสื้อผ้า เป็นเจ้าลูกแมวตัวเล็กที่ตะกายเล่นบริเวณบานประตูไม้ จนทำให้เกิดเสียงของเล็บที่ขูดกับไม้ เสียงร้องแหลม ๆ ของมันที่แม้ไม่ได้ดังมากนัก แต่ก็พอจะทำให้เพียวโอเมก้าสนใจมัน
ดวงตาสีฟ้าสว่างของมันยังคงจ้องมองเธียร์ด้วยความสงสัย ก่อนที่จะตะเกียกตะกายเข้ามาในตู้เสื้อผ้า และปีนป่ายบนกองผ้าหนานุ่มจนสามารถเดินไปถึงตัวของเธียร์ได้ มือขาวยื่นมาลูบขนนิ่มของมันเบา ๆ และปล่อยให้มันได้เดินสำรวจในรังของตัวเองได้อย่างตามใจชอบ
“หวังว่าโซเฟียคงจะไม่รบกวนเรา..”
แผ่นหลังกว้างของทรูอัลฟ่าผิวเข้มเอนพิงกับประตูตู้เสื้อผ้า ในจังหวะที่อีกฝ่ายขยับตัวลงมานั่งที่พื้นด้านล่าง หลังจากที่ปล่อยให้เจ้าเหมียวตัวเล็กได้เข้าไปอยู่กับคนตัวขาว แม้จะอยู่ใกล้กันสักเพียงใด แต่แมดส์ก็กลับยังรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถดูแลอีกฝ่ายได้ดีพอ
แมดส์ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางเหม่อมองปลายเตียงด้วยความรู้สึกคล้ายจะสิ้นหวัง ความเหน็ดเหนื่อยในการทำงานทั้งวันนี้ ไม่อาจเทียบเท่าปัญหาที่กำลังเผชิญในตอนนี้
“เราขอโทษ..”
“ขอโทษพี่เรื่องอะไร” แมดส์คุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้แข็งจนเกินไป ในการพูดคุยกับคนที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของบานประตูไม้
“สำหรับทุกอย่าง”
“อยากเล่าอะไรให้พี่ฟังไหมเธียร์..”
“…..”
“ช่วยพูดอะไรก็ได้ ให้พี่รับรู้ความรู้สึกของเราตอนนี้ได้หรือเปล่า”
“…..”
“อย่างน้อยพี่จะได้รู้ ว่าควรทำอย่างไร ให้คนรักคนเดิมของพี่กลับมา”
แล้วถ้าหากต้องจากกันขึ้นมา เขาจะกลับมาหาอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน..
“ฮึก…”
เขายังเป็นคนเดิมอยู่เสมอ.. และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนเป็นใครอีกคนที่แมดส์ไม่เคยรู้จัก
“แค่ฟังเสียงร้องไห้ มันก็เจ็บเกินพอ”
เสียงของทรูอัลฟ่าคู่ชีวิตที่แอบสั่นไม่น้อยในช่วงท้ายประโยค มีหรือที่คนฟังอย่างเธียร์จะไม่ได้ยิน
เรื่องราวต่าง ๆ ที่เธียร์ได้พบเจอในวันนี้ มันหนักหนาเกินกว่าที่เขาจะรับไหว เขาสูญเสียความไว้ใจของควินน์ไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ซ้ำยังเจ็บปวดกับคำพูดของอีกฝ่ายจนแทบไปไม่เป็น ความสัมพันธ์ของมิตรภาพที่เขากำลังได้สัมผัส พลันพังทลายลงไปในชั่วพริบตา เพียงเพราะความจริงที่เขาเป็นเยลเวอร์ตัน มันช่างไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่เลือกเกิดไม่ได้เช่นเขา
ยามได้รับความรักว่าหอมหวานแค่ไหน ยามที่ได้รับความเกลียดชังกลับคืน ก็ย่อมฝืนทนจนเต็มกลืน
ยิ่งได้รับรู้ความเจ็บปวดของพวกเขา มันก็ยิ่งทำให้เธียร์ไม่กล้าที่จะเห็นแก่ตัว และทำลายความสงบสุขของคนที่นี่ได้อีก
เพียงแค่เขาจากไป ทุก ๆ อย่างในกรีนเลค ก็จะยังคงเหมือนเดิม ทุกคนจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างที่เคยเป็นมา ไร้ซึ่งสงครามและการเข่นฆ่า แต่อีกด้านหนึ่งสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม มันก็คงเป็นความรู้สึกของคนที่รักเธียร์มากที่สุดอย่าง แมดส์ ไทเลอร์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดที่เธียร์จะก้าวผ่านกำแพงที่อีกฝ่ายสร้างเอาไว้
เขาต้องผ่านความเจ็บปวดและเหตุการณ์ตั้งมากมายมาเท่าไหร่ เพื่อให้ได้ความรักจากคน ๆ นี้ที่ไม่เคยคิดจะรักใคร
เธียร์รู้สึกโหยหาความอบอุ่นจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายเหลือเกินในตอนนี้ แต่อีกใจหนึ่งเขากลับกำลังหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้า เพียงแค่เขาเอื้อมมือผลักบานประตูเสื้อผ้านี้ออกไป เขาก็จะได้รับอ้อมกอดของแมดส์ อ้อมกอดที่คุ้นเคยและเป็นที่พักพิงให้เขาอยู่เสมอ
แมดส์ ไทเลอร์ ที่เป็นดั่งบ้านหลังใหญ่ซึ่งปกป้องเขาจากเรื่องเลวร้ายทุกอย่าง..
เขาควรทำอย่างไร… ควรเลือกทางไหนให้เราไม่ต้องเจ็บปวดกัน?
ถ้อยคำในอดีตที่เราเคยพูดคุยกัน หลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำของเธียร์ซ้ำ ๆ จนทำให้เจ้าตัวฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา ในขณะที่กำลังถึงเดินทางมาถึงทางแยกที่ต้องเลือกเดิน
เพียวโอเมก้าตัวเล็กเอื้อมมือที่สั่นเทาของตัวเองไปดันประตูด้านหนึ่งให้เปิดออก ก่อนที่จะเผลอขดตัวเข้าหากัน ยามที่แสงสว่างทางด้านนอกได้ลอดเข้ามาในรังที่มืดหม่น คำอนุญาตกลาย ๆ ในแง่ของการกระทำ ย่อมทำให้คนที่นั่งพิงอยู่กับตู้เสื้อผ้าค่อย ๆ ไล่มองภาพที่เผยให้เห็นเมื่อประตูด้านหนึ่งได้เปิดออก
กองผ้าที่ถูกทับถมจนหนานุ่มคล้ายรังย่อม ๆ นั้นมีร่างของเพียวโอเมก้าตัวขาวที่นอนขดตัวอยู่บนนั้น และเมื่อได้เอื้อมมือไปเปิดประตูอีกฝั่งซึ่งยังไม่ถูกเปิด ก็ทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มมองภาพตรงหน้าได้อย่างเต็มตา แววตาคู่คมสั่นไหวไม่ต่างจากเปลวเทียนที่ถูกสายลมพัดผ่าน
ภาพที่เธียร์เอาแต่ขดกอดตัวเองแน่น จนทำให้ร่างกายผอมนั้นดูเล็กลงกว่าเดิม จนคล้ายกับสัตว์เล็กที่กำลังหวาดกลัวเมื่อถูกล่า ซ้ำยังไม่กล้าที่จะสบตาของแมดส์ เนื้อตัวของอีกฝ่ายยังคงสั่นเทา จากแรงสะอื้นฮักซึ่งเป็นผลพวงมาจากการร้องไห้ ใบหน้าน่ารักแดงก่ำไปหมดไม่เว้นแม้กระทั่งจมูกโด่ง มันช่างเป็นภาพที่น่าปวดใจสิ้นดี
ฝ่ามือของแมดส์ที่ยื่นไปหาอีกฝ่าย มันสั่นเทาไม่แพ้ไหล่ของเธียร์เลยสักนิด และมันก็ยิ่งสั่นเทาขึ้นมากกว่าเดิม เมื่อมือขาวนั้นยกขึ้นมาหมายจะจับมือเขา แต่ก็กลับชักมือกลับไป เหมือนกำลังไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง
หรือว่านี่จะเป็นการปฏิเสธทางอ้อมที่เพียวโอเมก้าตรงหน้ากำลังบอกเขากัน
“กอดตัวเองแบบนั้น มันช่วยให้รู้สึกดีขึ้นหรือ..”
“….”
ทั้งที่อยู่ตรงหน้า แต่แมดส์กลับไม่กล้าแม้จะแตะต้องเธียร์แม้แต่น้อย มันกลัวหรือเหลือเกินว่าดอกแม็กโนเลียตรงหน้า จะแตกสลายอีกครั้งจนไม่อาจประกอบได้
“ถ้ากอดตัวเองมันช่วยให้เจ็บน้อยลง แล้วเราจะมีพี่ไว้ทำไม”
ดวงตาใสที่รื้นไปด้วยน้ำตาช้อนมองใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง เจ้าตัวปล่อยโฮออกมาอย่างไม่สามารถกลั้นได้อีกต่อไป ร่างผอมค่อย ๆ ยอมขยับตัวออกมาจากรังอันแสนหวงแหน ก่อนที่จะคลานเข้าไปโผกอด คนที่พร้อมกอดตัวเองอยู่เสมอ
เจ้าของใบหน้าคมได้แต่กอดปลอบอีกฝ่ายเงียบ ๆ และปล่อยให้เธียร์ได้ร้องไห้จนกว่าที่เจ้าตัวจะพอใจ จะมากกว่านี้หรือจะนานกว่านี้ เขาก็ยังรอได้ หากมันจะทำให้เธียร์ยอมพูดอะไรออกมาบ้าง
“ควินน์รู้เรื่องของเราแล้ว..”
ประโยคแรกที่เธียร์ยอมเอ่ยออกมา นับตั้งแต่ร้องไห้อยู่สักพัก ทำให้แมดส์เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะสื่อถึง และเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่ถูกเล่าออกมาอย่างช้า ๆ มันก็เป็นคำตอบในหลายคำถามที่แมดส์เฝ้าถามอีกฝ่ายอยู่ในใจ
อันที่จริงแมดส์เองก็ไม่รู้สึกผิดคาดเท่าไหร่ กับการที่เคยคาดเดาไว้ล่วงหน้า สำหรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเช่นนี้ แมดส์รู้ดีว่าควินน์ไม่ใช่เด็กโง่ ซ้ำยังเป็นเด็กฉลาดที่สังเกตคนรอบข้างอยู่ตลอด แต่เพราะควินน์คืออีกคนที่แมดส์ไว้ใจ เจ้าตัวถึงได้เลือกอีกฝ่ายให้อยู่ใกล้กับเธียร์มากที่สุด อย่างน้อยเขาก็หวังว่าควินน์จะเข้าใจเธียร์บ้าง หากได้รู้จักกับอีกฝ่าย
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ ควินน์ เดอเกล เด็กหนุ่มไม่อาจยอมรับความจริงที่เธียร์เป็นคนของตระกูลเยลเวอร์ตันได้ และแมดส์เองก็ไม่อาจคาดเดาเด็กหนุ่มได้ว่าจะรักษาความลับนี้ต่อไปได้หรือเปล่า
หากไม่เป็นความลับ ทุกคนในกรีนเลคก็คงจะได้รับรู้ ว่าแท้ที่จริงแล้ว คู่ชีวิตของ แมดส์ ไทเลอร์ ก็คือคนในตระกูลเลวระยำที่คนในหมู่บ้านแสนจงเกลียดจงชัง
“กลิ่นอะไร?”
แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยถามขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเจ้าตัวได้กลิ่นบางอย่างที่ไม่ใช่กลิ่นหอมของเจ้าดอกแม็กโนเลีย ปลายจมูกได้รูปสูดดมกลิ่นที่ว่าบนตัวของเธียร์ ก่อนจะขบคิดไปชั่วครู่หนึ่ง
“เราเจอเอ็ดมันด์..” เธียร์เอ่ยตอบออกมาด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนที่จะยอมสบตากับแมดส์ เพราะคิดว่ากลิ่นที่แมดส์กำลังพูดถึงอาจจะเป็นกลิ่นของเอ็ดมันด์
ไม่ใช่… นั่นมันไม่ใช่คำตอบที่แมดส์ต้องการเลยสักนิด
“เลนนิกซ์งั้นหรือ?”
“พ..พวกเขาหาเราเจอแล้ว…ทุกคนที่นี่กำลังตกอยู่ในอันตราย” ในขณะที่แววตาของเธียร์กำลังสั่นไหวเพราะความกลัว สายตาของแมดส์เองก็เต็มไปด้วยความวูบไหวไม่แพ้กัน
“พวกมันไม่ได้ทำอะไรเราใช่ไหม”
สายตากดดันของแมดส์ ทำให้เพียวโอเมก้าจำต้องยอมเปิดปากเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ฟัง แม้เธียร์จะมีความคิดที่อยากจะปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้แมดส์ได้รับรู้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำมันได้
เธียร์ไม่อาจทำร้ายคนที่ตัวเองรัก ได้ด้วยการคิดแทนอีกฝ่าย ว่าทางเลือกนี้ดีที่สุดสำหรับอีกฝ่าย เขาจะปล่อยมือของแมดส์ที่จับเขาอยู่ตลอดได้อย่างไรกัน
ถ้าหากไร้เขาที่จับมือของทรูอัลฟ่าตรงหน้า ใครกันจะคอยอยู่ข้างอีกฝ่าย..
หากเธียร์ยังเป็นคนเก่าในวันวาน เขามั่นใจว่าตัวเองย่อมเลือกที่จะยอมเชือดใจตัวเอง แล้วกลับไปฮาร์เดนเจอร์เพื่อแลกกับทุกอย่างที่ไม่ต้องสูญเสีย โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของแมดส์ที่ไม่ได้เลือกอะไร
แต่เธียร์ในวันนี้ ไม่ใช่เธียร์คนเก่าเหมือนวันวาน.. เขาเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา ความเชื่อใจของเขาที่มีต่อแมดส์มันยังคงมั่นคง และไม่อาจเปลี่ยนไป แม้จะมีชั่วขณะหนึ่งที่เขาสับสน
‘ถ้าพี่ต้องเลือกชีวิตตัวเอง แล้วไม่มีเรา มันจะมีประโยชน์อะไรกันล่ะเธียร์’
‘ต่อให้เหลือทางเลือกเพียงทางเดียว เราก็ต้องไปด้วยกัน จะไม่มีการเลือกแค่ใครคนหนึ่ง..’
ประโยคเหล่านั้นของแมดส์ มันทำให้เธียร์ฉุกคิดทางเลือกอีกทางหนึ่งขึ้นมาในเสี้ยววินาที ที่ตัวเองกำลังหลงทางจนไม่อาจหาทางออกได้ แม้จะไม่ใช่คำสัญญาแต่มันก็ไม่ต่างจากคำมั่นที่แมดส์ได้ให้กับเธียร์
ทางเลือกที่ว่าซึ่งหมายถึง แมดส์ ไทเลอร์
“ข..ขอโทษที่เราคิดแทนพี่ จนเคยคิดว่าเราควรไปจากที่นี่”
แม้จะเป็นแค่เพียงความคิดชั่ววูบ แต่เพียวโอเมก้าตัวเล็กกลับรู้สึกผิดที่คิดอะไรโง่ ๆ แบบนั้น
“พี่ไม่ให้ไป”
“เราเสียใครไปไม่ได้อีกแล้ว..”
“…..”
“ไม่ว่าจะเป็นพี่ เอนยา หรือว่าทุกคนในกรีนเลค..”
“…..”
“เราไม่อยากให้ฝันร้ายพวกนั้น กลับมาทำร้ายพี่อีก”
ไม่ใช่เพียงแค่แมดส์ที่กลัวเธียร์จะแตกสลายอีกครั้ง เธียร์เองก็หวาดกลัวเหมือนกัน ว่าแมดส์จะต้องเจ็บปวดกับอดีตที่อาจถูกรื้อฟื้น
“พวกมันไม่มีสิทธิ์ควบคุมใครทั้งนั้น..”
“…..”
“ยิ่งพวกมันทำแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้พี่อยากทำลายพวกมัน.. ให้มากกว่าการที่ฮาร์เดนเจอร์เคยสว่างไสว”
“…..”
แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกคับแค้นของแมดส์ ทำให้เธียร์ไม่อาจบรรยายสิ่งที่ตัวเองได้เห็นในตอนนี้ได้ มือขาวได้แต่ลูบแผ่นหลังกว้างขึ้นลงอย่างช้า ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายนั้นใจเย็นขึ้น ก่อนที่จะได้ร้อนไปมากกว่านี้
ส่วนแมดส์เองก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมพวกเยลเวอร์ตัน ถึงได้ใช้เอนยามาเป็นเครื่องต่อรองกับคนอย่างเธียร์ เพราะความเป็นห่วงเป็นใย และไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนของเธียร์ คือสิ่งที่พวกมันหยิบยกมาใช้ให้ตัวเองได้เป็นต่อ และจี้จุดเพื่อที่จะสามารถควบคุมเธียร์ได้อย่างง่ายดาย แม้จะให้ทางเลือกกับเจ้าตัวมาก็ตามแต่
เรื่องพวกเยลเวอร์ตันที่เธียร์พบเจอ เป็นเรื่องหนึ่งที่แมดส์คงต้องคิดหนักและคิดให้รอบคอบกว่านี้ แต่อีกเรื่องหนึ่งที่แทรกเข้ามาในตอนนี้ มันก็ทำให้แมดส์รู้สึกร้อนรนไม่แพ้กัน
“ที่พี่ถามเรื่องกลิ่น พี่ไม่ได้หมายถึงกลิ่นคนอื่นเลยสักนิด..”
“….”
กลิ่นน้ำนมที่อบอวลรวมกับกลิ่นดอกแม็กโนเลียของเธียร์ มันจะมีความหมายอะไรอย่างอื่นอีก นอกเสียจาก…
“พี่หมายถึงลูก”
“ล..ลูก”
หยาดน้ำตาที่เคยหยุดไหลไปได้สักพัก กลับเอ่อล้นในดวงตาของเธียร์อีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของแมดส์
แมดส์มั่นใจว่าตัวเองได้กลิ่นน้ำนมมาจากเธียร์อย่างแน่นอน ยิ่งใกล้กันขนาดนี้ เขาก็ยิ่งได้กลิ่นที่เป็นตัวบ่งบอก ว่าเธียร์ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป อันที่จริง เขาควรจะเอะใจ ตั้งแต่อีกฝ่ายทำรัง ในยามที่รู้สึกไม่ปลอดภัยแล้วด้วยซ้ำ
ทั้งการได้ยินและประสาทสัมผัสของเธียร์มันชาไปหมดทั้งร่างกาย.. มีเพียงคำพูดของแมดส์ที่วนอยู่ในหัว เพียวโอเมก้าตัวขาวยังคงตกอยู่ในสภาวะตื่นตกใจ และไม่ทันตั้งตัวสำหรับการยอมรับในเรื่องนี้
“ลูกของเรา..” แมดส์เอ่ยย้ำ มือใหญ่ลูบแก้มขาวของคนที่เหม่อไปชั่วขณะ ริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบลงบนหน้าผากขาวอย่างรักใคร่ คล้ายจะย้ำเตือนให้คนตัวขาวได้มีสติ
เพียวโอเมก้าคู่ชีวิตของแมดส์ไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกทั้งนั้น นอกเสียจากจะกอดแมดส์แน่น และปล่อยให้ความเงียบขับกล่อมบรรยากาศที่เหมือนจะมีความสุข แต่กลับปะปนไปด้วยความทุกข์ลึก ๆ
ต่อให้มันจะยากสำหรับเขาและเธียร์เหลือเกินในตอนนี้ แต่ยังไงพวกเขาก็ต้องผ่านมันไปให้ได้
แม้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร แมดส์ ไทเลอร์ สามารถยอมแลกมันได้ทั้งนั้น
HASHTAG #maddogmn
TALK : ตอนหน้าเป็นมาม่าตอนสุดท้าย แล้วก็จะเข้าสู่ช่วงท้ายเรื่องแล้วนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาา
น้องเก่งมากแงงงงงงงดีใจที่น้องไม่คิดแทนพี่แล้วก็เชื่อใจพี่ขนาดนี้นะคะ;-;
เข้มแข็งขึ้นมากแล้วนะคะคนเก่ง