ตอนที่ 18 : Mad Dog : Chapter 15
NOTE : เอเลนา ไทเลอร์ = นานะ or อิม จินอา(After School)
ความเพลิดเพลินในการสำรวจสองข้างทางที่เต็มไปด้วยร้านรวง เริ่มค่อย ๆ จางหายไปอย่างน่าใจหาย คุณหนูเยลเวอร์ตันยังคงลอบสังเกตท่าทางของแมดส์อย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ก้าวเท้าเดินขนาบข้างอีกคน ใบหน้าเรียบนิ่งที่เธียร์มักจะเห็นมันอยู่บ่อย ๆ กลับดูเฉยเมยมากกว่าเดิม
มีหลายคำถามเหลือเกินที่เธียร์อยากจะเอ่ยถามไทเลอร์ในตอนนี้ แต่มันก็คงไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมสักเท่าไหร่นักและสิ่งที่ค้างคาใจเพียวโอเมก้าในตอนนี้เป็นอย่างมาก ก็คงเป็นชื่อของใครอีกคนหนึ่งซึ่งเธียร์ไม่เคยได้ยินมันมาก่อน
‘เชส ไทเลอร์’
ชื่อเรียกที่พ่อค้าร้านผ้าหลุดเอ่ยเรียกทรูอัลฟ่าข้างกาย สร้างความเคลือบแคลงใจให้กับเธียร์ ทั้งที่ไม่ใช่ชื่อของตัวเองแต่ไทเลอร์กลับเออออไปตามคำพูดของพ่อค้าผ้า ไหนจะการแสดงออกที่ไม่เหมือนเคยนั่นก็ด้วย
แมดส์ ไทเลอร์ คนที่คุณหนูเยลเวอร์ตันรู้จัก ไม่มีทางที่จะพูดคุยกับคนรอบข้างได้อย่างหน้าตาเฉย แม้จะไม่ได้มากมายนัก แต่มันก็ผิดนิสัยของแมดส์อย่างเห็นได้ชัด
สุดทางเดินของร้านรวงที่เรียงรายของเมือง ทางเดินยังคงทอดยาวต่อออกไปในอ่าวซึ่งอยู่ติดกับเมืองนี้ ลมทะเลที่พัดกระทบในยามเย็น ประกอบกับดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มทน ก็นับว่าเป็นภาพจริงที่สวยงามกว่าภาพที่ถูกวาดขึ้นมาเป็นไหน ๆ
“จะกินหรือจะมอง ก็เลือกทำสักอย่างเถอะคุณหนู”
ขนมปังอุ่น ๆ ในมือขาวซึ่งได้มาจากร้านขนมปังที่ทั้งเธียร์และแมดส์เดินผ่านมาเมื่อสักครู่ แทบจะหลุดออกจากมือขาว เมื่อเธียร์นั้นสะดุ้งตกใจเพราะสายตาของไทเลอร์ที่หันมามองตัวเอง
รสชาติหอมหวานของน้ำผึ้งและเนื้อเค้กนุ่มลิ้น ยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเธียร์ หลังจากที่เจ้าตัวได้ลองชิมฮันนี่เค้กชิ้นเล็ก ๆ จากโอเมก้าสาวเจ้าของร้าน ผู้ใจดีหยิบยื่นให้กับเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยความเอ็นดู
‘รสชาติหวานกำลังดีจริง ๆ ด้วย’
เมื่อได้ลิ้มลองของหวานเข้าไปหนึ่งคำ ก็ทำให้เพียวโอเมก้าตัวขาวอมยิ้มจนแก้มปริ แม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะไม่กล้าขออนุญาตทรูอัลฟ่าข้างกายให้แวะร้านขนมปังก็ตาม
ดวงตาใสของเพียวโอเมก้าจากฮาร์เดนเจอร์ ที่เมียงมองร้านขนมอยู่ตลอดทาง ย่อมทำให้ไทเลอร์รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นคงอยากจะลิ้มรสอาหารพวกนั้นไม่น้อย เธียร์เอาแต่มองตาละห้อย ทั้งยังลอบกลืนน้ำลายอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังคงไม่เอ่ยปากบอกกับแมดส์สักคำว่าต้องการอะไร
จนในที่สุดก็เป็นทรูอัลฟ่าหนุ่มที่อดทนเห็นสายตาละห้อยของเธียร์ไม่ไหว ถึงได้จับข้อมือของอีกฝ่ายแล้วพาเดินเข้ามาในร้านขนมที่อยู่ใกล้ที่สุดในตอนนั้น
‘หัวหน้าไทเลอร์จะไม่ลองชิมกันหน่อยหรือ’ โอเมก้าสาวเจ้าของร้านที่เข้าใจว่าแมดส์คือเชส เอ่ยคะยั้นคะยอให้เจ้าตัวได้ลองชิมฮันนี่เค้ก ท่ามกลางความกระอักกระอ่วนของคนที่ไม่เคยคิดจะชอบของหวานเช่นแมดส์
‘ไม่เป็นไร’ แมดส์ตอบปฏิเสธ
‘ถึงจะไม่ชอบ แต่ถ้าได้ลองชิมสักนิด อาจจะชอบขึ้นมาก็ได้นะคะ’ โอเมก้าสาวยังคงคะยั้นคะยอไม่เลิก รวมไปถึงสายตาของคุณหนูเยลเวอร์ตันก็ด้วย
‘เราว่ามันไม่ได้หวานมากนะไทเลอร์’ เธียร์ เยลเวอร์ตัน เอ่ยบอกทรูอัลฟ่าข้างกาย เมื่อเห็นว่าอีกคนยังคงลังเลอยู่
‘หวานไม่หวาน เดี๋ยวก็รู้’
เมื่อแมดส์พูดจบ เจ้าตัวก็คว้ามือเรียวของคุณหนูเยลเวอร์ตันขึ้นมา ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะงับเอาฮันนี่เค้กชิ้นเล็กซึ่งเหลืออยู่ในมือของเธียร์อยู่อีกครึ่งหนึ่งเข้าปาก ปลายลิ้นนิ่มแตะสัมผัสเอาความหวานของน้ำผึ้งที่ติดมือขาว จนทำให้เธียร์รับรู้ถึงความร้อนจากปลายลิ้นของทรูอัลฟ่าหนุ่ม
การกระทำอันน่าตกใจและแปลกประหลาด สร้างความตกใจให้กับเธียร์ รวมไปถึงโอเมก้าสาวที่ยืนเอามือพัดหน้าตัวเองเบา ๆ อยู่เช่นกัน
‘หลอกกันหรือคุณหนู..’ ดวงตาดุคมจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มของคุณหนูเยลเวอร์ตันที่เอาแต่นิ่ง ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไปที่ทำให้เพียวโอเมก้าจากฮาร์เดนเจอร์ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ‘ตรงไหนที่มันเรียกว่าไม่หวาน ในเมื่อมันหวานมากจนติดลิ้นขนาดนี้’
‘ระ เราไม่ได้หลอกนายเสียหน่อย..’
ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของคนที่ถูกสัมผัสด้วยการกระทำอันน่าใจสั่น ละลักละล่ำตอบคนตัวสูงกว่าเสียงเบา ตัวเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มได้แต่หันไปยกยิ้มแก้เก้อกับโอเมก้าสาว อย่างไม่รู้จะทำเช่นไรกับสถานการณ์ตรงหน้า
เค้กชิ้นเล็กที่ถูกตัดแบ่งไว้ตรงหน้าก็มี แต่ไทเลอร์ก็กลับเลือกจะกินขนมที่เหลือซึ่งอยู่ในมือของเธียร์หน้าตาเฉย
‘น่าเสียดายที่ฉันไม่ชอบของหวาน..’
หาก แมดส์ ไทเลอร์ ชื่นชอบขนมรสหวานขึ้นมาล่ะก็ ขนมที่ว่ามันก็คงจะเป็นของหวานชิ้นโปรดที่ไทเลอร์ไม่มีทางแบ่งให้ใครได้ลิ้มรสมันอีก นอกเสียจากตัวเอง
สายตาดุคมที่หากพินิจมองดูดี ๆ ก็จะเห็นถึงความแพรวพราวของ แมดส์ ไทเลอร์
ยิ่งดวงตาคู่นี้ใช้จ้องมองเธียร์มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเปล่งประกายบางอย่างขึ้นมาเป็นครั้งคราว จนทำให้เพียวโอเมก้าตัวขาวต้องคอยหลบตาอยู่เสียทุกครั้ง
ความหวานของน้ำผึ้งสด มีหรือ จะสู้ความหอมหวานของเพียวโอเมก้าได้…
“เราต้องกลับที่พักก่อนจะค่ำ..”
คนที่เคยทอดมองออกไปยังทะเลเบื้องหน้าอยู่ครู่ใหญ่ ราวกับพาตัวเองดำดิ่งไปกับน้ำทะเลสีเข้ม เอ่ยบอกคุณหนูเยลเวอร์ตันที่เอาแต่ยืนจ้องตัวเองมาสักพักใหญ่
“นายมายืนทำหน้ายักษ์อยู่ข้าง ๆ แบบนี้ ใครจะกล้ากินกันเล่า”
ทรูอัลฟ่าที่ถูกเปรียบเปรยว่าทำหน้ายักษ์ ถึงกับคาดโทษคนตัวขาวไว้ในใจ แน่นอนว่าไทเลอร์ย่อมรับรู้ถึงคำถามมากมายที่แสดงออกผ่านทางสายตาของเธียร์ แต่ด้วยเพราะอารมณ์ที่ยังไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมด ก็ทำให้แมดส์เลือกที่จะเมินเฉยต่ออีกฝ่าย
“พูดแบบนี้แสดงว่าจะไม่กิน?” แมดส์ ไทเลอร์ เหลือบมองขนมปังในมือของคนตัวขาวนิดหน่อย ก่อนที่จะเบนสายตากลับไปมองใบหน้าจิ้มลิ้ม
“นายซื้อให้เราแล้ว เราก็ต้องกินสิ” คนตัวขาวว่าก่อนจะก้มลงกัดขนมปังในมือของตัวเอง แก้มขาวที่มีเนื้อนุ่มนิ่มกว่าส่วนอื่นป่องขึ้นเล็กน้อย เมื่อภายในปากของเธียร์นั้นมีของกิน
“มองตาละห้อยเสียขนาดนั้น ถ้าไม่ซื้อให้ ฉันก็คงต้องทนมองอีกนาน” ทรูอัลฟ่าหนุ่มว่า
“ลองกินดูไหม..” ขนมในมือของเธียร์ถูกหยิบยื่นมาให้แมดส์ แต่คนผิวเข้มก็กลับส่ายหน้าปฏิเสธในทันที จนทำให้คนตัวขาวแอบเบะปากน้อย ๆ “บางทีขนมปังนี่ อาจจะน่าสนใจกว่าเรื่องที่นายกำลังคิดอยู่ก็ได้นะ”
“ไม่มีทาง..” แมดส์ ไทเลอร์ แค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะสนใจขนมในมือของตัวเอง เธียร์เองก็ไม่อยากรบเร้าอีกฝ่ายมากไปกว่าเดิม เจ้าของใบหน้าน่ารักหันหน้าออกไปทางทะเลตรงหน้าอีกครั้ง พลางเอ่ยประโยคที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับ
“อยากพูดอะไรให้เราฟังไหม..”
ทางด้าน แมดส์ ไทเลอร์ เองก็เลือกที่จะหันหน้ามองออกไปทางเดียวกับคนตัวขาวข้างกาย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธียร์ แม้จะอ่อนลงมากแค่ไหนแล้ว แต่สำหรับคู่แห่งโชคชะตาแล้วมันก็ยังคงหอมติดจมูกอยู่ไม่คลาย
“ฉันไม่มีอะไรจะเล่าให้ฟังหรอก..”
“พูดให้ฟัง ไม่ได้หมายความว่าต้องเล่าอะไรสักหน่อย” เธียร์แย้ง หลังจากที่กลืนขนมปังลงไปจนหมด เพียวโอเมก้าตัวขาวไม่ได้ผินหน้าไปมองคนด้านข้างแต่อย่างใด นอกเสียจากจะมองภาพพระอาทิตย์ที่กำลังตกอย่างช้า ๆ ตรงหน้า
แน่นอนว่าคำยอกย้อนของเธียร์ ทำให้แมดส์หยุดคิดไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองซีกหน้าด้านข้างของคุณหนูเยลเวอร์ตันที่รับกับแสงแดดสีนวลตา
ในขณะที่ดวงตาของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน สะท้อนภาพของดวงอาทิตย์ที่ยังคงสว่างไสว แต่ดวงตาของ แมดส์ ไทเลอร์ ก็กลับสะท้อนภาพของทะเลมืดหม่นที่เจ้าตัวมองมันอยู่
แสงสว่างกับความมืดมิดอย่างเช่นพวกเขาทั้งคู่ มันไม่มีทางที่อยู่ด้วยกันได้
แค่มุมมองความคิดหรือการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน มันก็ยิ่งสะท้อนถึงเหตุผลหลาย ๆ อย่าง ให้ไทเลอร์ได้ฉุกคิดถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ
“แล้วคุณหนูอยากฟังเรื่องอะไรกันล่ะ?”
“นายเป็นใครกันแน่?” เธียร์ เยลเวอร์ตัน ไม่ลังเลที่จะคว้าโอกาสที่แมดส์เปิดให้ตัวเอง
“เป็นใครที่ว่า คุณหนูหมายถึงอะไรกันล่ะ?
“ชื่อ เชส ไทเลอร์ ที่คนพวกนั้นเรียกนายกัน มันคืออะไร?”
“เชสก็คือเชส”
“….”
“และฉันก็คือฉัน”
“เราคิดถูกแล้วจริง ๆ ที่ไม่ได้คาดหวังกับคำตอบของนาย” เธียร์ เยลเวอร์ตัน เอ่ยออกไปตามที่ใจ
“แล้วคุณหนูจะอยากรู้มันไปทำไมกัน?”
“อย่างน้อยมันก็อาจจะทำให้เรารู้จักนายมากขึ้นกว่านี้…”
“….”
“ถึงนายจะเก็บความรู้สึกเก่งแค่ไหน แต่เราก็เห็น…”
สายตาที่สั่นไหวของไทเลอร์ ยามเมื่อถูกเรียกชื่อของใครอีกคนหนึ่ง ทำไมเธียร์จะไม่เห็นมันกัน…
“ช่างสังเกตจริง ๆ นะ” ทรูอัลฟ่าหนุ่มเหยียดยิ้มเล็ก ๆ บนมุมปาก ด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วนในใจไม่น้อย
“มันก็ไม่เห็นแปลกตรงไหนที่นายจะเจ็บปวดเหมือนกับคนอื่นเขา..”
“….”
“นายไม่ได้ไร้ความรู้สึกหรอกไทเลอร์…”
หากไทเลอร์เป็นพวกไร้ความรู้สึกจริง ๆ มันก็คงไม่มีทางที่เธียร์จะได้รับการดูแลจากอีกฝ่ายเช่นนี้
“นานมากแล้วต่างหากที่ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนี้..”
“….”
“คุณหนูคิดว่ามันจะมีอีกสักกี่เหตุผลกัน ที่ทำให้คนเข้าใจว่าฉันเป็นใครอีกคน นอกเสียจากหน้าตา”
“?”
“คุณหนูไม่จำเป็นต้องรู้จักน้องชายของฉันหรอก”
“หน้าตาเหมือนกัน?” เธียร์หันหน้ากลับมามองคนที่มองตัวเองอยู่ก่อนแล้ว ด้วยสายตาที่ไม่สามารถซ่อนความตกใจของตัวเองไว้ได้ “หมายถึงฝาแฝดน่ะหรือ…”
“ก็แค่หน้าตาที่เหมือน…”
“….”
“ถ้าเทียบกันแล้ว หมอนั่นดีกว่าคนแบบฉันเยอะ”
“แต่สำหรับฉัน นายคือคนที่ดีที่สุดที่ฉันเคยเจอ.. ต่อให้บางครั้งนายจะใจร้ายกับฉันมากแค่ไหนก็ตาม”
มือนิ่มของคนเพียวโอเมก้าตัวเล็กที่ยกขึ้นแตะต้นแขนแข็งแรง พร้อมกับส่งรอยยิ้มละมุนให้กับทรูอัลฟ่าหนุ่ม
“ประหลาดคน..” แมดส์ยังคงมองรอยยิ้มของเธียร์ด้วยแววตาเรียบนิ่ง ทั้งที่ตัวเองกำลังเกิดอาการแปลก ๆ อยู่ในใจจนน่าหงุดหงิดก็ตามแน่
“อย่างน้อยเราก็เรียนรู้แล้วว่า คนอย่างนายมันปากร้ายแต่ใจดี..”
“ไปเอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้น”
“ทุกอย่างที่นายทำให้เรา…”
“….”
“ถึงตอนนี้เราอาจจะยังจัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้”
“….”
“แต่เราก็เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เราอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับนาย และไม่ต้องทรมานตัวเองอยู่แบบนี้”
แมดส์ ไทเลอร์ รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดภายใต้รอยยิ้มบนใบหน้าจิ้มลิ้มของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน ยามเอ่ยประโยคพวกนั้นออกมา
“อย่าร้องไห้อีกเลยคุณหนู..”
รอยยิ้มที่เคยสวยงามเมื่อครู่ กลับกลายเป็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวเพราะน้ำตาเม็ดโตที่ไหลลงมาจากดวงตาคู่สวย ทุกครั้งที่ใกล้ชิด ทุกครั้งที่สนทนา มันไม่เคยมีครั้งไหนเลยจริง ๆ ที่คุณหนูเยลเวอร์ตันจะไม่เจ็บปวดเพราะไทเลอร์
“รอยยิ้มกับน้ำตา มันไม่ใช่สิ่งที่ควรคู่กันสำหรับคุณหนู”
คนอย่าง เธียร์ เยลเวอร์ตัน ควรคู่กับรอยยิ้มมากยิ่งกว่าน้ำตาจากความเจ็บปวดเป็นไหน ๆ
“ระ เราสัญญาว่าจะไม่รัก..”
“….”
“ระ เรา จะทำให้ได้..”
ไม่ว่าจะพยายามเช่นไร เธียร์ เยลเวอร์ตัน ก็ไม่เคยหาทางที่จะปีนกำแพงในใจที่สูงลิบของ แมดส์ ไทเลอร์ ได้
และมันก็ย้อนแย้งดีเหมือนกันที่คนอย่างแมดส์ กลับรู้สึกสะอึกไม่น้อยกับคำพูดของคุณหนูเยลเวอร์ตัน
“ขอโทษจริง ๆ ที่ความรู้สึกของเรามันอาจจะมากไป จนทำให้นายรำคาญใจ”
ความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าของเธียร์ มันไม่เคยที่จะสำเร็จสักครั้ง เมื่อคนตรงหน้าคือไทเลอร์..
“ไทเลอร์…”
เสียงเรียกของใครคนหนึ่งซึ่งดังจากทางด้านหลัง ทำให้คนที่ถูกเรียกหันกลับไปมองในทันที ก่อนที่สายตาคมจะสบกับสายตาคู่หนึ่งที่ละม้ายคล้ายคลึงกับตัวเอง สมองของแมดส์สั่งการให้เจ้าตัวคว้าข้อมือของเพียวโอเมก้าตัวขาวข้างกายมาจับไว้แน่น ก่อนที่ขายาวจะเริ่มก้าวเดินออกไปจากตรงนี้ในทันที
ผู้หญิงใบหน้าสะสวยในชุดสีขับผิวสว่าง ยังคงจ้องมองการกระทำของคนที่กำลังจะเดินหนีตัวเอง ก่อนที่เธอจะเอ่ยเรียกชายหนุ่มผิวเข้มอีกครั้งได้อย่างไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก
“แมดส์..”
ทันทีที่เธอเอ่ยเรียกชื่อของทรูอัลฟ่าหนุ่ม ก็ย่อมทำให้เพียวโอเมก้าตัวขาวที่ยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ถึงกับหันขวับมามองเธอ ก่อนที่เธียร์จะขืนตัวไม่ให้แมดส์ได้ลากตัวเองได้ตามใจชอบ
“เขารู้จักนายหรือไทเลอร์..”
แมดส์ ไทเลอร์ ปล่อยมือออกจากแขนของเธียร์ พลางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังร้อนขึ้นมาของตัวเอง
“มันไม่มีอะไร” เจ้าของใบหน้าคมเอ่ยตอบ พลางเหลือบมองผู้หญิงท่าทางดูดีกว่าคนปกติทั่วไป ซึ่งเดินเข้ามาใกล้กับเขาทั้งคู่เรื่อย ๆ
“ทำไมลูกถึงมาอยู่ที่นี่ได้..”
ทันทีที่เจ้าหล่อนเอ่ยออกมาเช่นนั้น ก็ทำให้แมดส์ตวัดสายตาคมกริบใส่เธออย่างไม่พอใจ ในขณะเดียวกันนั้นคนที่ถึงแม้จะดวงตาพร่าเลือนไปด้วยน้ำตาเมื่อครู่ ก็กลับเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เจ้าตัวได้แต่มองหน้าคนทั้งคู่สลับกันไปมา เพื่อไตร่ตรองอะไรบางอย่างที่อดคิดไม่ได้
ผู้หญิงที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับไทเลอร์คนนี้คือใครกัน.. ไหนจะสรรพนามที่ใช้เรียกนั่นก็ด้วย
“แล้วเธอเป็นใครกัน?” เธอหันกลับมาถามคนตัวขาวด้วยความสงสัย
“อย่ามายุ่งกับเรา” ทรูอัลฟ่าหนุ่มเอ่ยเสียงห้วน ก่อนที่จะเมินสายตาของผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่คิดจะสนใจ
“ไทเลอร์..” เจ้าหล่อนเรียกชายหนุ่มตรงหน้าด้วยเสียงที่ฟังดูน่าสงสารเต็มทน
“ต่างคนต่างอยู่เหมือนที่เคยเป็นจะดีกว่า”
หญิงสาวเจ้าของผมสีสว่าง หรือ เอเลนา ไทเลอร์ แทบจะหมดหนทาง เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้นจากปากคนที่เป็นลูกชายแท้ ๆ ของตัวเอง มันเป็นเรื่องปกติที่เธอมักจะออกมาจากในปราสาท เพื่อมาใช้เวลาในช่วงเย็นของทุกวันกับพระอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับบริเวณชายทะเล สถานที่เดิม ๆ ที่เธอจดจำได้ขึ้นใจว่าเป็นสิ่งที่ลูกชายคนโตชอบมันมากแค่ไหน
ลักษณะท่าทางที่คุ้นเคยของชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้เธอไม่ลังเลที่จะก้าวเดินเข้าไปหาและเอ่ยเรียกเจ้าตัว ต่อให้ไม่พบเจอกันมานานแค่ไหน แต่เพราะลูกชายคนเล็กที่เธอเห็นการเติบโต รวมไปถึงใบหน้าของเจ้าตัว ก็ทำให้เธอยิ่งมั่นใจได้เลยว่า ชายหนุ่มตรงหน้าคือลูกชายของตัวเองเป็นแน่ ต่อให้ฝาแฝดจะหน้าตาเหมือนกันแค่ไหน แต่คนเป็นแม่ย่อมแยกได้ทันทีว่าใครเป็นใคร
ภาพตรงหน้าดูน่าสงสัยไม่น้อย เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มที่ร่ำไห้กับลูกชายของเธอ
“ใจคอจะไม่แนะนำให้แม่รู้จักกับเด็กน้อยคนนี้หน่อยหรือ?”
มองปราดเดียวก็ทำให้เอเลนารู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นโอเมก้า อีกทั้งลักษณะพิเศษบางอย่างที่บ่งชี้ ก็ชัดเจนเหลือเกินว่าคงไม่ใช่โอเมก้าปกติเหมือนคนทั่วไปเป็นแน่
“แม่?” เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มทวนคำ ก่อนจะเบิกตากว้างไม่น้อย เมื่อได้รับรอยยิ้มจากอัลฟ่าหญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ถ้าไม่อยากเดือดร้อน ก็อย่ายุ่งกับเรา..”
แม้ว่าในตอนนี้ เอเลนา ไทเลอร์ จะไม่มีใครคอยติดตาม แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะรอดหูรอดตาของคนในฟลัมไปได้ ยิ่งคนของเบลเลอมอนท์ที่หูตาเป็นสับปะรดก็ยิ่งแล้วใหญ่ แมดส์ไม่ต้องการให้คนพวกนั้นรับรู้ถึงการมีตัวตนของคุณหนูเยลเวอร์ตันและตัวเอง
หากไม่ใช่เพราะคุณหนูเยลเวอร์ตันใกล้จะครบกำหนดฮีทล่ะก็ แมดส์ ไทเลอร์ คงไม่มีทางเหยียบเข้ามาในฟลัมเป็นอันขาด ทางการที่ว่าหมายหัวเขาไว้ มันคงเทียบไม่ได้กับครอบครัวที่เขาละทิ้งมันมาเป็นสิบ ๆ ปี โดยไม่คิดที่จะสนใจว่ายังคงมีอยู่
“เธอใกล้จะฮีทแล้วใช่ไหม?” เอเลนา ไทเลอร์ เมินเฉยคำพูดของลูกชาย และเอ่ยถามเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยออกมาให้ได้กลิ่น แม้จะเบาบางมากแค่ไหน แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าย่อมมองมันออกได้อย่างง่ายดาย
“ยานั่นไม่ได้ผลหรือ?” เธียร์หันกลับไปถามคนข้าง ๆ ด้วยท่าทีร้อนรน “ทำไมถึงยังได้กลิ่น..”
“เห็นทีว่าคนที่จะเดือดร้อน อาจจะเป็นลูกมากกว่านะแมดส์..”
“….”
“เพียวโอเมก้าอย่างเด็กคนนี้ ไม่เหมือนกับโอเมก้าทั่วไปที่ลูกจะอดทนไหว..”
ทรูอัลฟ่าหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อถูกดักทางจากคนเป็นแม่ สายตาที่ถอดแบบเดียวกันมา สร้างความรู้สึกน่ารำคาญใจให้กับแมดส์เป็นอย่างมาก ไหนจะรอยยิ้มเล็ก ๆ ของเอเลนาที่เหมือนจะมองแมดส์ออกเองก็ด้วย
“หมายความว่ายังไง?” เธียร์เอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าหล่อนพูด
“ไม่มีใครเอาชนะสัญชาตญาณของตัวเองได้..”
#maddogmn
Talk : ยังไม่ทันได้เป็นลูกสะใภ้แต่เจอแม่ของแมดส์แล้วนะคะ ;-; อัพตอนต่อไปอีกทีต้นเดือนหน้านะคะ T-T
NOTE : เอเลนา ไทเลอร์ = นานะ or อิม จินอา(After School) เผื่อใครไม่เห็นด้านบนที่โน้ตไว้นะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาาา
ถอดแบบกันมาเลย5555555555เอาเว้ยมีคนรู้ทันแมดส์สนุกละ
อ้ย ตื่นเต้น น้องจะถูกจับได้มั้ย
สนุกแล้วไงทีนี้ นายนี่ได้แม่มา 555555