ตอนที่ 17 : Mad Dog : Chapter 14
“ไม่ใช่ว่าฉันจะอดทนได้ทุกครั้งหรอกนะคุณหนู” แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยบอกเธียร์ หลังจากที่ปล่อยเพียวโอเมก้าตัวผอมให้ลงไปนั่งบนพื้นที่ว่างดี ๆ แทนที่จะมานั่งบนตัวของทรูอัลฟ่าหนุ่ม
“ระ เราไม่ได้ตั้งใจ”
“ระวังตัวเอาไว้หน่อยก็ดี” คนตาดุที่ยังคงนอนอยู่เอ่ยบอกคนตัวขาวที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “ลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเป็นเพียวโอเมก้า”
เธียร์ไม่มีทางลืมว่าตัวเองเป็นเพียวโอเมก้า และก็ไม่เคยลืมเช่นกันว่าคนตรงหน้าคือทรูอัลฟ่า
“เราจะไม่ทำมันอีก” แววตาของ แมดส์ ไทเลอร์ ที่เธียร์ได้เห็นมันชั่วครู่หนึ่งตอนที่เจ้าตัวนั่งอยู่บนตัวอีกฝ่าย มันทำให้คนตัวขาวตระหนักได้ถึงความขลาดเขลาของตัวเอง
นัยน์ตาสีอ่อนยังคงเปล่งประกายในความมืด แววตาของนักล่าที่ปรากฏอยู่ในสายตาคม หากไทเลอร์คิดจะขย้ำเธียร์ขึ้นมาจริง ๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่องยากสักนิด
“ฉันเตือนก็เพราะหวังดี..”
“….”
“คู่แห่งโชคชะตามันอาจจะชักจูงสัญชาตญาณของเราก็จริง แต่หากวันหนึ่งคุณหนูได้เจอกับคนที่รักคุณหนู เรื่องงี่เง่าพวกนี้มันก็คงไม่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของคุณหนูอีก”
“นายรังเกียจเราขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“พักผ่อนเถอะคุณหนู” แมดส์ ไทเลอร์ ดึงแขนเล็กของคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้านิ่งให้ล้มตัวลงนอน ด้านคุณหนูเยลเวอร์ตันเองก็ไม่ได้ขืนตัวเองแต่อย่างใด แต่การที่เจ้าตัวขยับตัวเบียดตัวชิดไปทางอีกฝั่ง และนอนหันหลังให้กับทรูอัลฟ่าหนุ่ม มันก็ชัดเจนแล้วว่าคุณหนูเยลเวอร์ตันไม่อยากจะพูดคุยกับคนตาดุมากแค่ไหน
เธียร์ไม่เคยนึกชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้
เขาไม่ได้อยากใกล้ชิดไทเลอร์
ไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรจากทรูอัลฟ่านักฆ่าเลยสักนิด
สิ่งเดียวที่คุณหนูเยลเวอร์ตันเฝ้าโหยหามันมาตลอดนั่นก็คืออิสระ หาใช่ความรักที่ต้องเรียกร้องจากอีกฝ่ายเช่นนี้
นึก ๆ ดูแล้วมันก็ไม่แปลกที่ไทเลอร์จะเอ่ยกับเขาเช่นนั้น… ขนาดย้อนมองตัวเองดู เธียร์ก็รู้สึกละอายเหลือเกินที่เผลอทำตัวแบบนั้นออกไป ทั้งที่มันไม่ใช่นิสัยของตัวเอง
วรรณะที่อยู่ต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารคือสิ่งที่ทำให้การกระทำพวกนั้นของเธียร์ช่างดูด้อยค่า ไม่ว่าจะเป็นโอเมก้าหรือเพียวโอเมก้า ก็ยังคงเป็นกลุ่มคนที่ไม่สามารถเลือกอะไรได้ คำอ้อนวอนหรือแม้กระทั่งคำขอร้องพวกนั้น มันก็ไม่สามารถทำให้คนที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารนั้นสนใจ
น้ำลายเหนียวหนืดถูกกลืนลงไปในลำคอ ขณะที่เปลือกตาสีอ่อนพยายามข่มตาปิดลง แต่มันก็คงไม่สามารถห้ามให้หยดน้ำอุ่นไหลรินลงมาได้
แม้ไทเลอร์จะไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจอออกมาชัดเจน แต่ด้วยสายตาหรือคำพูดพวกนั้น มันก็ทำให้เธียร์รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร แม้มันจะมีหลายอย่างที่มักจะทำให้เธียร์รู้สึกดีมากแค่ไหนก็ตาม ยามที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับทรูอัลฟ่าผิวเข้ม
ตัวตนอันแสนเลืองลางของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน มันยิ่งจืดจางหลือเกิน เมื่อถูกเมินเฉยจากคนที่เจ้าตัวอยากจะมีตัวตนในสายตาของใครคนนั้นอย่าง แมดส์ ไทเลอร์
แมดส์ ไทเลอร์ ที่เหมือนจะเข้าถึงได้ยาก แต่ในบางครั้งก็กลับทำให้เธียร์รู้สึกว่าวสามารถเข้าใกล้อีกฝ่ายได้มากขึ้นกว่าเดิม ถึงอย่างนั้นระยะห่างที่มันลดลงก็กลับไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาระหว่างคนทั้งคู่ ในแววตาคู่คมที่แอบซ่อนความรู้สึกต่าง ๆ ไว้มากมาย ก็ยังคงว่างเปล่าเหมือนเคย เมื่อมองมาที่ เธียร์ เยลเวอร์ตัน
ณ ตอนนี้ เธียร์ก็คงต้องยอมรับแล้วจริง ๆ ว่าตัวเองไม่สามารถฝืนโชคชะตาของตัวเองได้
เขาอึดอัดเหลือเกินกับสิ่งที่เป็นอยู่ สิ่งที่ แมดส์ ไทเลอร์ ทำในตอนนี้ มันก็ไม่ต่างจากการทำให้เธียร์เหลือที่พึ่งเป็นแค่อีกฝ่ายเพียงคนเดียว
ที่พึ่งที่สมควรจะทำให้เขามั่นใจ แต่ก็กลับแข็งกระด้างและเฉยชาจนเจ็บจี๊ดที่อกของตัวเอง
แมดส์ ไทเลอร์ ก็คงเหมือนสภาพอากาศที่แปรปรวน เมื่อยามดีก็ดีจนน่าใจหาย แต่เมื่อแปรปรวนก็ใจร้ายเสียจนน่าปวดใจ
เพียวโอเมก้าตัวขาวที่พยายามข่มตาหลับสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อเจ้าของกลิ่นไม้หอมข้างกาย ขยับตัวเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจน พร้อมกับวงแขนแข็งแรงที่พาดทับช่วงเอวบางไว้หลวม ๆ แม้ว่าแผ่นหลังของเธียร์จะไม่ได้แนบชิดกับร่างกายของไทเลอร์ แต่ด้วยระยะห่างที่น้อยนิดเช่นนี้ มันก็พอจะทำให้เจ้าตัวรับรู้ถึงไออุ่นจากทรูอัลฟ่าผิวเข้มได้อย่างไม่ยาก
“ฉันไม่เคยคิดรังเกียจนาย..”
“….”
คนที่นอนหันหลังให้กับทรูอัลฟ่าหนุ่มยังคงเงียบฟัง อีกทั้งยังพยายามไม่เอาความรู้สึกของตัวเองลงไปเสี่ยงกับคนอย่างไทเลอร์อีก
ยิ่งหวั่นไหวก็ยิ่งมีแต่เธียร์ที่ต้องเจ็บ..
“ถ้าเลือกได้ ฉันเองก็ไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นคู่แห่งโชคชะตาของฉัน”
“….”
“แต่มันก็โชคร้ายเหลือเกิน ที่คุณหนูเป็นคน ๆ นั้น”
“….”
“อย่ารักฉันเลยดีกว่า..”
แมดส์ ไทเลอร์ รู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ความรู้สึกที่คิดทบทวนมันครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือความรู้สึก เหตุผลก็ยังคงอยู่เหนือความรู้สึกอยู่เสมอ
“หากรักแล้วไม่ได้รับความรักกลับมา คุณหนูจะยังรักอีกหรือ..”
เสียงทุ้มต่ำของแมดส์ไม่ได้เอ่ยห้วนเหมือนเคย แต่ประโยคที่ว่าก็กลับบาดลึกลงไปในใจของคนฟัง คุณหนูเยลเวอร์ตันได้แต่กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น เพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นในลำคอของตัวองได้หลุดออกมาให้คนใจร้ายได้รับรู้
“ทำไมถึงรักไม่ได้?”
“….”
“ต้องให้เรารักแค่ไหนถึงจะพอ..”
มันไม่ใช่ว่ารักมากหรือรักน้อย หากเป็นความรักมันก็คือรัก
ความรักคงเป็นสิ่งเดียวที่ยากสำหรับ แมดส์ ไทเลอร์ ความรักที่เป็นเศษเสี้ยวของความรู้สึก ซึ่งตกหล่นหายไปเมื่อนานมาแล้ว มันคงยากที่จะเรียกคืนความรู้สึกเหล่านั้นให้กลับมาฟูฟ่องเหมือนดั่งเดิม
ความรู้สึกมากมายของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน เป็นสิ่งที่ แมดส์ ไทเลอร์ ไม่อาจจะตอบแทนกลับคืนไปได้ แม้จะมีความรู้สึกดี ๆ ในบางครั้งที่อยู่ใกล้ แต่ใครกันจะรู้ดีเท่ากับตัวทรูอัลฟ่าหนุ่ม ยิ่งใกล้กันมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งผลักให้แมดส์สร้างระยะห่างของความรู้สึกพวกนั้นมากขึ้น
“ต่อให้รักมากแค่ไหน ถ้าหากไม่รักมันก็คือไม่รัก”
ความรู้สึกของเขามันคงไม่สามารถแตกสลายไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว..
ในเมื่อไม่มีทางประกอบมันกลับมาไม่ได้ ก็ขอให้มันอย่าแหลกละเอียดไปมากกว่านี้อีกเลย
ใบหน้าดุคมของทรูอัลฟ่าที่เอาแต่ขมวดคิ้วอยู่แทบตลอดเวลา เป็นผลมาจากปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นโดยอย่างไม่ทันได้ทันเตรียมการรับมือล่วงหน้า ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวไม่ได้สังเกตอาการของคุณหนูเยลเวอร์ตัน แต่เพราะคิดว่าอาการพวกนั้นมันคือเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศภายนอก
“คุณหนูจะใกล้ครบกำหนดฮีทเมื่อไหร่?”
แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยถามคนที่ใช้น้ำลูบหน้าลูบตาของตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจัง กลิ่นหอมของเจ้าดอกแม็กโนเลียที่หวานฉ่ำเพิ่มมากขึ้น เป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าคุณหนูเยลเวอร์ตันคงเหลือเวลาอีกไม่มากสำหรับการฮีทที่กำลังจะมาถึง
“อีกแปดวัน..”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน จดจำเรื่องพวกนี้ของตัวเองได้เป็นอย่างดี และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าคนเป็นพ่อนั้นใจร้ายกับตัวเองเหลือเกิน เพราะหากเธียร์จะต้องกลับไปกับพวกคาร์เลียนจริง ๆ มันก็เท่ากับว่าช่วงเวลาฮีทของเขาจะต้องตรงกับเวลาที่ถึงคาร์เลียนอย่างพอดิบพอดี
“มันก็มีความเป็นไปได้ว่าที่คุณหนูฮีทเร็วขึ้น เพราะกลิ่นของไทเลอร์”
การที่เพียวโอเมก้าอยู่ใกล้กับคู่แห่งโชคชะตา มันก็เหมือนเชื้อเพลิงชั้นดีที่กำลังถูกเร่งปฏิกิริยา กลิ่นของทรูอัลฟ่าย่อมมีส่วนกระตุ้นทำให้เพียวโอเมก้านั้นฮีทเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างห้ามไม่ได้
“ตะ แต่เราไม่มียา..”
สิ่งเดียวที่จะช่วยให้เธียร์พ้นจากอาการฮีทที่รุนแรงในรอบสามเดือน คงมีแค่ยาระงับฮีทเท่านั้น
“ทำไมฉันถึงลืมคิดเรื่องนี้ไปได้” ทรูอัลฟ่าหนุ่มพึมพำอย่างหงุดหงิดไม่น้อย ทั้งตัวแมดส์และเพื่อนไม่มีทางเดือดร้อนสักเท่าไหร่กับฮีทของโอเมก้า เพราะเขาทั้งคู่ต่างมียาระงับอาการรัทและป้องกันฮีทของโอเมก้า พกติดตัวเอาไว้ตลอดกันอยู่แล้ว คนที่ลำบากที่สุดในตอนนี้ก็คงเป็น เธียร์ เยลเวอร์ตัน เสียมากกว่า
“แล้วนายจะเอายังไงต่อ?” เมเลค ฟิทซ์รอย เอ่ยถามเพื่อนสนิทที่เครียดอย่างเห็นได้ชัด “เราไม่มีทางถึงกรีนเลคทันก่อนที่คุณหนูจะฮีทแน่นอน”
“ขะ ขอโทษนะ..”
ใบหน้าเคร่งเครียดของเมเลคและแมดส์ ย่อมทำให้เพียวโอเมก้าตัวขาวรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก การเดินทางที่ต้องช้าลงมันก็เพราะเขา ไหนจะปัญหาที่เกิดจากตัวเขามันก็เป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ เสียด้วย
“มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ทรูอัลฟ่าหนุ่มตอบ ส่วนคนฟังเองก็ได้แต่ก้มหน้ารับ นับตั้งแต่เมื่อคืนวันก่อนที่ไทเลอร์เอ่ยบอกกับเธียร์เช่นนั้น มันก็ทำให้คนตัวขาวเริ่มเว้นระยะห่างจากแมดส์มากขึ้น ทั้งที่ใจจริงนั้นอึดอัดจนแทบบ้า
เขาที่พยายามอยู่ฝ่ายเดียว มันจะต่างอะไรกับการปรบมือข้างเดียวกัน
เจ้าของผิวสีเข้มใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดคุยเพื่อนสนิทของตัวเอง และคำพูดของไทเลอร์ก็ทำให้เมเลคแทบจะค้านในทันที แต่ก็ติดที่ว่ามันเป็นการตัดสินใจอันเด็ดขาดของแมดส์
“เราจะพักกันที่ฟลัมสักระยะหนึ่ง”
นี่มันไม่ได้อยู่ในแผนการเดินทางที่วางไว้เลยสักนิด การเข้าไปในเมืองใหญ่อย่างฟลัม นอกจากจะไม่ส่งผลดีกับตัวของเพียวโอเมก้าที่จะถูกจับตามองได้ง่ายแล้ว ตัวของ แมดส์ ไทเลอร์ ก็จะได้รับความเสี่ยงในการถูกพบเจอเช่นกัน
ถ้าจะพูดให้ถูก ฟลัมคงเป็นสถานที่ที่ แมดส์ ไทเลอร์ แสนจะรังเกียจเลยก็ว่าได้
“ฉันว่ามันไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับเรา”
“แต่เราไม่มีทางเลือก” แมดส์ตอบกลับอย่างไม่คิดลังเล มันไม่มีทางที่พวกเขาจะเดินทางไปถึงกรีนเลคได้ทัน และคนที่จะทรมานมากที่สุดก็คือคุณหนูเยลเวอร์ตัน
“ทางการจ้องจับตัวนายอยู่ ลืมไปแล้วหรือ?” คนที่ถูกทางการหมายหัวด้วยค่าตัวสูงลิบอย่าง แมดส์ ไทเลอร์ หากเดินเข้าไปในเมืองใหญ่เช่นนี้ มันก็เท่ากับหลงเข้าไปในวงล้อมชัด ๆ
“ไม่เคยมีใครเห็นหน้าฉัน..”
“….”
“ทุกคนล้วนรู้จักแต่หมาบ้า แต่ไม่เคยรู้จักฉันในฐานะ แมดส์ ไทเลอร์”
เมเลค ฟิทซ์รอย ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าอะไรที่ทำให้หมาบ้าอย่างแมดส์ยอมเสี่ยงได้มากขนาดนี้ มันอาจจะจริงอย่างที่ไทเลอร์พูด ว่าไม่มีใครเคยเห็นหน้าเจ้าตัว หรือ ไม่มีใครเคยรู้จักเจ้าตัวจริง ๆ แต่อย่าลืมสิ ว่าคนของทางการที่เคยเจอกับแมดส์ ย่อมจดจำได้ดีว่าหมาบ้าที่ใครตามล่าตัวนั้นเป็นเช่นไร
“แล้วฉันจะห้ามอะไรนายได้”
“ฉันไม่ยอมจนตรอกง่าย ๆ หรอกฟิทซ์รอย”
ทางด้านของเพียวโอเมก้าที่นั่งฟังบทสนทนาของทรูอัลฟ่าและเพื่อน ก็ได้แต่บีบมือเข้าหากันเพื่อลดความกังวลของตัวเอง อาการต่าง ๆ ที่เป็นอยู่มันฟ้องชัดเจนว่าเขาเหลือเวลาน้อยเต็มทน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการฮีทครั้งแรกของเธียร์มันยังคงฝังใจเจ้าตัว จนทำให้อดกลัวไม่ได้ว่ามันอาจจะซ้ำรอยขึ้นอีกในสถานการณ์ที่เพียวโอเมก้าต้องอยู่กับอัลฟ่าเช่นนี้
ต่อให้ไว้ใจมากแค่ไหน หากถูกควบคุมด้วยสัญชาตญาณมันก็ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน..
“อีกนานแค่ไหนหรือกว่าที่เราจะถึงฟลัม” เธียร์เอ่ยถามเพื่อความมั่นใจของตัวเอง “พวกนายไม่ต้องหายาให้เราก็ได้ ขอแค่หาที่ที่ไหนสักที่หนึ่ง แล้วขังเราไว้ในนั้นก็พอ”
สิ่งที่คุณหนูเยลเวอร์ตันพูดออกมา มันเป็นตัวสะท้อนได้อย่างดีว่าตระกูลเยลเวอร์ตันปฏิบัติต่อเชื้อสายของตัวเองอย่างไร
การที่โอเมก้าต้องต่อสู้กับการฮีทของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยสักนิด ต่อให้จะถูกขังไว้ในห้องไม่ให้พบเจอกับใครก็ตาม ความรู้สึกและสัญชาตญาณที่เรียกร้อง หากไม่ได้รับการเติมเต็มมันก็ทรมานไม่ต่างจากการฆ่าตัวเองทั้งเป็น
“ยาพวกนั้นมันไม่ได้หายากเกินความสามารถฉันหรอกคุณหนู”
ก็น่าตลกดีเหมือนกัน.. ทั้งที่บอกว่าไม่ให้เขารัก แต่ก็ยังคงทำทุกอย่างเหมือนปกติจนน่าใจหาย ไทเลอร์ยังดูแลเขาเหมือนเดิมทุกอย่าง ในขณะเดียวกันก็ยังรักษาระยะห่างไม่ให้เธียร์ได้เข้าใกล้มากจนเกินไป
ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไร ไทเลอร์จะกอดเขาทำไมในทุกคืนที่ผ่านมา…
พวกเขาทั้งสามคนเดินทางมาถึงฟลัมในช่วงตอนบ่ายแก่ ๆ ร้านรวงในเมืองค่อนข้างคึกคัก และเต็มไปด้วยผู้คนคราครั่งที่ต่างออกมาแวะเวียนซื้อของกันให้เต็มทางเดิน การผ่านเข้ามาในเมืองที่ง่ายดายเช่นนี้ คงต้องขอบคุณใบหน้าของ แมดส์ ไทเลอร์ ที่ถอดแบบพิมพ์เดียวมากับน้องชายฝาแฝดอย่าง เชส ไทเลอร์ หรือ หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่ใคร ๆ ต่างรู้จักกันดี
ใบเบิกทางชั้นดีเช่นนั้นแม้จะสร้างความง่ายดายในการผ่านเข้าเมือง แต่เชื่อเถอะว่าในอีกไม่นาน มันจะกลายเป็นความวุ่นวายที่ทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มได้หงุดหงิดใจเป็นอย่างแน่
ที่พักขนาดเล็กที่ได้มาอย่างเป็นส่วนตัว จากการที่ แมดส์ ไทเลอร์ โยนเงินในถุงจำนวนไม่น้อยให้กับเบต้าชายผู้หนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของที่พักสำหรับเช่าอาศัยค้างคืน เตียงนอนขนาดไม่ใหญ่มาก พร้อมกับฟูกที่นอนสีหม่นซึ่งปูทับด้วยผ้าสีเข้ม คงดีกว่าการนอนตามพื้นเป็นไหน ๆ หากเทียบกับความยากลำบากในก่อนหน้านี้ที่เพียวโอเมก้าตัวขาวต้องเผชิญมา
หลังจากได้ที่พักเป็นที่เรียบร้อย อัลฟ่าผิวสีเข้มอย่างเมเลคก็ขอแยกตัวไปสำรวจเมืองนี้ในทันที เพื่อหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อน ส่วน แมดส์ ไทเลอร์ เองก็พาเพียวโอเมก้าตัวขาวออกมาเดินด้านนอก แทนที่จะอยู่ในห้องที่แสนจะอุดอู้
แม้จะสงสัยไม่น้อยว่าอีกฝ่ายกำลังจะพาตัวเองไปไหน แต่เธียร์ก็ยังคงก้าวเดินขนาบข้างไปพร้อมกับอีกฝ่าย ร้านรวงที่ขายของมากมายตั้งแต่อาหาร ผลไม้สด ไปจนถึงข้าวของมีค่า ต่างเรียงรายอยู่ตลอดทางเดิน ผู้คนที่เบียดเสียดในแต่ละช่วงที่เดินผ่าน ทำให้เธียร์ต้องเขยิบเบียดเข้าหาทรูอัลฟ่าข้างกายด้วยความเคยชิน
เธียร์ เยลเวอร์ตัน ไม่เคยต้องสัมผัสและอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนี้ เสียงจ้อกแจ้กจอแจย่อมชวนทำให้ปวดหัวไม่น้อย เมื่อรวมกับผู้คนที่เบียดเสียดกัน
ความรู้สึกอุ่นที่กอบกุมฝ่ามือเล็กในชั่ววินาที ทำให้เธียร์ก้มลงมองมือของตัวเองที่ถูกทรูอัลฟ่าข้างกายถือวิสาสะจับด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่อาจะสะบัดมือออกได้ เมื่อเจ้าตัวยังคงต้องพึ่งพาคนตัวสูงข้างกายอยู่
ใบหน้าด้านข้างของ แมดส์ ไทเลอร์ ที่สะท้อนกับแสงแดดอ่อน ๆ ในช่วงเย็น แม้จะให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด แต่ในความจริงแล้ว คนข้างกายของเธียร์กลับเย็นชาได้อย่างน่าใจหาย
มือที่กอบกุมกันในยามนี้ ไม่อาจเป็นมือที่สามารถกอบกุมมือของเธียร์ได้ตลอดไป
ฟลัมเป็นแหล่งรวบรวมข้าวของหายากทั้งหลาย แต่กว่าจะได้มาก็ต้องแลกกับเงินมากมายที่ต้องสูญเสีย จึงไม่แปลกสักนิดที่มันจะทำให้เงินมากมายไหลเวียนอยู่ในเมืองนี้ จนกลายเป็นเมืองที่ร่ำรวยมากที่สุดในแดนใต้
เธียร์รับยาเม็ดเล็กมาจากมือใหญ่ของไทเลอร์ ก่อนจะกินมันพร้อมกับน้ำที่ถูกหยิบยื่นมาให้ หลังจากที่เขาทั้งคู่ตระเวนเดินหาร้านขายยาระงับอาการฮีทและยาลดกลิ่นของโอเมก้าจนแทบทั่วเมือง ผลข้างเคียงที่ได้รับรู้จากโอเมก้าที่ขายยาราคาแพงหูฉี่ให้กับพวกเขาสร้างความกังวลอันน่าหนักใจให้กับทั้งทรูอัลฟ่าและเพียวโอเมก้า จนต่างฝ่ายได้แต่นิ่งเงียบด้วยกันทั้งคู่
การกดสัญชาตญาณของตัวเองลงไป แม้จะมีผลดีในช่วงนี้ก็จริง แต่ผลเสียที่จะได้รับตามมาก็คือการที่คุณหนูเยลเวอร์ตันจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่าตัวเองจะฮีทอีกครั้งเมื่อไหร่ อาจจะตรงเวลาหรือไม่ก็อาจจะเร็วกว่านั้นอีกเท่าตัว ทั้งยังไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่าจะฮีทมากน้อยสักเพียงใดในครั้งต่อ
การเป็นโอเมก้าที่อยู่ต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารเช่นนี้ มันช่างไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่เลือกอะไรไม่ได้
“เราพกยาเอาไว้กับตัวตลอด ยังไงเสียถ้าเรากินมันแล้ว เราก็ต้องกินมันไปตลอด…” คุณหนูเยลเวอร์ตันเอ่ยบอกคนข้างกายหลังจากเงียบอยู่นาน “เราจะดูแลตัวเองไม่ให้นายเดือดร้อนอีก”
“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าฉันเดือดร้อน”
“ถึงนายไม่พูด เราก็รู้..” คนผิวขาวดึงมือของตัวเองออกจากฝ่ามือใหญ่อย่างช้า ๆ ก่อนที่จะเสสายตาหนีคนตาดุ
ร้านขายผ้าขนาดใหญ่ที่สามารถหาได้ในเขตการค้านี้ เป็นเป้าหมายของการที่ไทเลอร์พาคุณหนูเยลเวอร์ตันออกมาด้านนอก ชุดตัวยาวที่ถูกตัดไว้อย่างเรียบร้อยมากมายที่ถูกแขวนอยู่บนราวซึ่งเรียงราย กำลังถูกเจ้าของกลิ่นดอกแม็กโนเลียไล่เดินดูอย่างช้า ๆ พลางใช้มือสัมผัสเนื้อผ้าด้วยความระวัง
“คุณหนูลองเลือกดูมาสักสองสามชุด..”
“แค่ชุดเดียวก็พอแล้วไทเลอร์..” คนตัวขาวหันกลับมาตอบเสียงเบา
“ฉันบอกอะไรก็ทำตามนั้นเสีย..” แมดส์ ไทเลอร์ กระซิบบอกคนตัวขาวเพื่อให้ได้ยินกันเพียงสองคน ก่อนจะปล่อยให้คุณหนูเยลเวอร์ตันได้เดินเลือกเสื้อผ้าของตัวเองอย่างอิสระ โดยที่ยังอยู่ในกรอบสายตาของทรูอัลฟ่าหนุ่ม
สายตาของพ่อค้าผ้าที่สำรวจเจ้าของผิวขาวน้ำนม ซึ่งซุกซ่อนใบหน้าเกือบครึ่งอยู่ภายใต้หมวกคลุม แน่นอนว่าสายตาของพ่อค้าผ้าทำให้คนที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ อย่างทรูอัลฟ่าตวัดสายตามองคนช่างสอดรู้ในทันที
“สงสัยอะไรหรือ?” แมดส์ ไทเลอร์ ในคราบ เชส ไทเลอร์ เอ่ยถามเสียงเรียบ
“ปกติไม่เคยเห็นหัวหน้าไทเลอร์พาใครมาเลือกซื้อผ้าเลยสักคน มันก็ต้องสงสัยกันเป็นธรรมดา” หลังจากได้ฟังแบบนั้น ก็พอจะทำให้แมดส์สามารถปะติปะต่อได้ว่าน้องชายฝาแฝดของตัวเอง คงเคยแวะเวียนมาซื้อของที่นี่เป็นแน่
“แล้วได้คำตอบแล้วหรือยังล่ะ” รอยยิ้มมุมปากของคนที่สวมรอยเป็น เชส ไทเลอร์ ไม่ได้ทำให้พ่อค้าผ้าเอะใจแต่อย่างใด ด้วยท่าทางที่คล้ายคลึงและแววตาของแมดส์ที่อ่อนลง นับว่าเป็นการแสดงที่หลอกตาผู้คนได้อย่างแนบเนียน
“ถ้าอย่างงั้นข่าวลือที่หัวหน้าไทเลอร์ปฏิเสธคุณหนูวอร์ตัน ก็คงจะเป็นความจริง”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น” แมดส์ยังคงไหลลื่นไปตามบทสนทนานั้นอย่างไม่มีติดขัด
“แต่ดูเหมือนข่าวลือจะผิดไปเรื่องหนึ่ง..”
“….” แมดส์ ไทเลอร์ ไม่ได้ตอบอะไร นอกเสียจากรอฟังในสิ่งทีอีกฝ่ายกำลังจะพูด
“ข่าวลือที่ว่าหัวหน้าไทเลอร์ช่วยเหลืออัลฟ่าจากแดนเหนือยังไงล่ะ”
“หากไม่ช่วยเหลือก็คงจะดูใจจืดใจดำไปหน่อยไม่ใช่หรือ” ถ้าหากเป็น เชส ไทเลอร์ คำตอบที่สมควรจะพูดก็คงจะต้องเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกของแมดส์อย่างชัดเจน
“ก็คงต้องนับถือใจหัวหน้าไทเลอร์จริง ๆ ที่ช่วยเหลืออัลฟ่าตระกูลกบฏอย่างพวกเลสลีย์”
“ฉันก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะช่วยเหลือพวกเลสลีย์..”
รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ระบายบนมุมปากหยัก แม้จะดูถ่อมตนเช่นไรแต่ภายใต้หน้ากากที่แมดส์กำลังสวมใส่อยู่ มันกลับเป็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวเสียจนไม่น่ามอง
เจ้าของผิวขาวน้ำนมที่เดินเข้ามาหา แมดส์ ไทเลอร์ พร้อมกับเสื้อผ้าในมือเพียงแค่ชุดเดียว ส่งสายตาตั้งคำถามใส่ทรูอัลฟ่าหนุ่ม เมื่อได้ยินประโยคที่คนตัวสูงพูดเมื่อครู่
“ที่ร้านพอจะมีเสื้อผ้าที่เป็นเนื้อผ้าแบบนี้อีกบ้างไหม..” เจ้าของเสียงน่าฟังหันไปเอ่ยถามพ่อค้าผ้า ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบกุลีกุจอหายเข้าไปทางด้านหลังร้าน เพื่อหาสิ่งที่ลูกค้าที่มีเงินถุงอย่างหัวหน้าไทเลอร์ต้องการ
“ชุดมันไม่ใหญ่ไปหรือ?” เธียร์เผลอก้าวถอยหนีแมดส์อย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของแมดส์ “ยังไงก็เลือกสีให้มันกลมกลืนกับคนปกติหน่อยก็ดี”
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า..” แม้จะเพียงชั่วครู่ที่เธียร์เห็นทรูอัลฟ่าหนุ่มแสดงความรู้สึกน่ากลัวผ่านทางสายตา มันก็ทำให้เพียวโอเมก้าอดหวาดหวั่นไม่ได้
“ไม่มีอะไร”
“แต่นาย…” เธียร์ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดต่อไปดีไหม จึงได้แต่เม้มปากตัวเองแน่น พลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ “เลสลีย์คือใครกันหรือ?”
“อย่าพูดถึงพวกมัน..”
แม้จะไม่ได้ใช้น้ำเสียงตะคอกใส่กัน แต่ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่กดดัน มันย่อมทำให้เธียร์ต้องพยักหน้ารับคำของอีกฝ่ายในทันที ความอยากรู้ของเขามันคงล้ำเส้นของอีกฝ่ายมากเกินไปสินะ
แล้วทำไม แมดส์ ไทเลอร์ ถึงได้ดูเกลียดชังพวกเลสลีย์ขนาดนั้นกัน?
HASTAG #maddogmn
TALK : เดอะฮิลล์กำลังจะมาถึงในอีกสักสองสามตอนข้างหน้า T-T
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุณหนูสู้ๆนะ ฮึ่บๆๆ เจ้าแมดก็เหมือนกัน สิ่งที่อยู่ในใจและการใช้ชีวิตของตัวเองมันคงเป็นเรื่องลำบากใจจริงๆแหละ ถึงจะไม่ให้เขารักตัวเอง แต่ตัวเองนั่นแหละที่รักเขาไปแล้วเหมือนกัน
ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาา
เธอน่ะชอบน้องแล้วเธออย่ามาปฏิเสธเลยแมดส์
คิดไม่ออกเลยว่าจะลงเอยกันยังไง
แง โป๊ะเพราะแบบนี้นี่เอง ตั้งตารอละเนี่ย