ตอนที่ 13 : [SPECIAL] Mad Dog : Beautiful
NOTE : เป็นสเปนิด ๆ หน่อย ๆ ตอนช่วงเวลาที่คุณหนูกับนายแมดส์ยังอยู่ที่ปราสาทกลางทะเลสาบนะคะ เตือนก่อนนะคะว่ามันสั้นมาก
“เราอยากลองทำเอง ให้เราทำเถอะนะ”
เสียงพูดคุยที่ไม่ดังมากนักจากบริเวณสวนหย่อมข้างปราสาทหลังเก่าซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลสาบ คงเป็นที่แปลกตานักสำหรับใครที่ได้มาพบเห็นเหตุการณ์ในตอนนี้ สวนดอกไม้ที่กำลังงอกงาม เต็มไปด้วยเหล่าดอกไม้หลากสีซึ่งกำลังแข่งกันอวดความสวยงาม มุมเล็ก ๆ ของสวนดอกไม้ที่ถูกจับจองด้วยเพียวโอเมก้าตัวขาวที่นั่งอยู่บนผืนเสื่อขนาดเล็ก เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวกายของอีกฝ่ายต้องสัมผัสกับพื้นดินอันสกปรก ในขณะที่ทรูอัลฟ่าเจ้าของผิวสีที่อยู่ใกล้ ๆ ก็กลับนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นดินอย่างไม่กลัวเลอะเทอะแต่อย่างใด
สวนดอกไม้กับคุณหนูเยลเวอร์ตันมันคงเป็นภาพที่เข้ากันได้ดี แต่ในขณะเดียวกันที่พอมีทรูอัลฟ่าหนุ่มรวมเข้าไปด้วย มันก็ย่อมทำให้เป็นภาพที่ประหลาดเสียหน่อย เมื่อคนหนึ่งดูจะมีความสุขกับการได้ออกมาอยู่ในสวนนี่ แต่อีกคนกลับเอาแต่ทำหน้าเรียบนิ่งและไร้ซึ่งความดื่มด่ำไปกับธรรมชาติตรงหน้า
“มันสกปรก”
“สกปรกก็ล้างได้นะ” คุณหนูเยลเวอร์ตันยังคงดึงดันที่จะร้องขอให้ตัวเองได้ปลูกดอกไม้ตามที่ตั้งใจ แต่ทว่าไทเลอร์กลับไม่ยินยอมที่จะให้คุณหนูเยลเวอร์ตันได้ทำมันด้วยตัวเอง
“จะทำให้ได้เลยสินะ” ไทเลอร์หันไปมองเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มที่เอาแต่นั่งทำตาใสใส่ตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “แล้วทำเป็นใช่ไหม?”
เจ้าของผมสีเข้มส่ายหัวไปมาจนกลุ่มผมนุ่มขยับไปตามจังหวะที่ขยับ ริมฝีปากบางได้แต่ยกยิ้มเจื่อน ๆ เมื่อถูกสายตาของทรูอัลฟ่าหนุ่มมองมาด้วยความกดดัน
“เราไม่เคยทำหรอก” คนที่ดูกระตือรือร้นกับการได้ออกมาข้างนอกตัวปราสาทเอ่ยอ้อมแอ้ม “แต่เราอยากทำจริง ๆ นะไทเลอร์”
การใช้ชีวิตอยู่แต่ในปราสาทที่อุดอู้อยู่แรมปี มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันรู้สึกอยากจะทำอะไรที่ตนไม่เคยได้ทำ อย่างเช่นวันนี้ที่เจ้าตัวนั้นรบวรวมความกล้าของไทเลอร์ออกมานั่งเล่นข้างนอกตัวปราสาทก็เช่นกัน
“ให้มันได้แบบนี้สิคุณหนู” คนที่ถูกอ้อนวอนทางสายตาถึงกับเบือนหน้าหนีดวงตาใส แต่ก็ยังไม่วายถูกคนตัวขาวนั้นตามมารบเร้าด้วยการขยับตัวลงมานั่งใกล้ ๆ
“ก็เรามีนายช่วยแล้วนี่” นอกจากจะมัดมือชกให้ไทเลอร์เรียบร้อยแล้ว คุณหนูเยลเวอร์ตันก็ยังส่งยิ้มจนตาปิดมาให้คนที่หน้านิ่วคิ้วขมวด “สอนเราหน่อยแล้วกันนะไทเลอร์”
“มันใช่เรื่องของฉันไหม” แมดส์ยังคงไม่ลดความปากร้ายของตัวเอง “แค่นี้ดอกไม้ก็เต็มสวนไปหมดแล้วคุณหนู”
“ถ้าไม่อยากสอนก็ไม่เห็นจะต้องพูดกับเราแบบนี้เลย” คนตัวขาวเมินหน้าหนี ก่อนจะเขยิบตัวกลับไปนั่งบนเสื่อเหมือนดังเดิม แล้วคว้าเอาอุปกรณ์ที่จะใช้ในการปลูกดอกไม้ในครั้งนี้มาไว้ในมือ ด้วยท่าทางที่ดูงก ๆ เงิ่น ๆ จนเป็นที่ขัดหูขัดตาคนที่มองอยู่อย่างไทเลอร์
แมดส์ ไทเลอร์ ยังคงตีสีหน้าเรียบนิ่งและลอบมองการกระทำของคุณหนูเยลเวอร์ตันเงียบ ๆ ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ง้ำงอเพราะความขุ่นเคืองก็คงไม่พ้นมาจากคำพูดของแมดส์เมื่อสักครู่
ริมฝีปากบางเอ่ยพึมพำกับตัวเองซึ่งแมดส์เองก็ฟังได้ไม่ถนัดสักเท่าไหร่ แต่จากการสังเกตแล้วก็พอจะเดาได้ว่าคนตัวขาวคงจะกำลังคิดหาวิธีปลูกดอกไม้ใส่ลงไปในกระถางเล็ก ๆ ตรงหน้าอยู่
มือเรียวสวยของคนที่ไม่เคยทำงานหนักมาก่อน พอได้สัมผัสกับพื้นดินก็ดูจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเจ้าตัว แม้จะเลอะเทอะไปบ้างแต่คนที่เคยมีใบหน้าง้ำงอเมื่อครู่ก็กลับยกยิ้มจาง ๆ และเลิกสนใจใครอีกคนที่หนึ่งอยู่ใกล้กับตนเองไปเสียสนิท ดินที่ถูกพรวนไว้ก่อนหน้านี้ค่อย ๆ ถูกกอบใส่ลงไปในกระถางใบเล็กจนได้ประมาณหนึ่ง แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเธียร์นั้นลังเลไม่น้อยว่าตัวเองควรจะต้องทำอย่างไรต่อไปกับต้นอ่อนของดอกไม้ที่ยังคงอยู่กับพื้นดิน
หากออกแรงและใช้น้ำหนักมือที่มากเกินไปก็กลัวว่ารากของดอกไม้นั้นจะเสียหาย อีกทั้งก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจะต้องทำอย่างไรให้ตัวต้นอ่อนนั้นเกิดความเสียหายน้อยที่สุด เพื่อที่จะนำมาปักชำใส่ในกระถางใบเล็กที่เตรียมไว้
“มันต้องทำแบบนี้..”
ทรูอัลฟ่าหนุ่มที่นั่งมองอยู่พักใหญ่ ยื่นมือมาช่วยคนตัวขาวท่ามกลางความงุนงงของคุณหนูเยลเวอร์ตัน เพียวโอเมก้าได้แต่มองเจ้าของผิวสีเข้มนั้นทำทุกอย่างให้ตัวเองดูด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ซึ่งนั่นก็ดูจะขัดกับคำพูดที่ปฏิเสธเธียร์ในตอนก่อนหน้านี้เสียเหลือเกิน
“มันจะโตใช่ไหม?” คนที่เอาแต่มองมือใหญ่ซึ่งกำลังช่วยตัวเองปลูกดอกไม้ลงในกระถาง ความอุ่นร้อนของฝ่ามือที่สัมผัสกันอย่างไม่ได้ตั้งใจในจังหวะหนึ่ง แม้จะเปรอะเปื้อนไปด้วยดินแต่สัมผัสที่แตะกันในชั่ววินาทีก็ยังคงชัดเจน จนทำให้ทั้งเพียวโอเมก้าและทรูอัลฟ่าต่างฝ่ายต่างชะงักด้วยกันทั้งคู่
แม้จะแผ่วเบามากสักแค่ไหน แต่เพราะความเป็นคู่แห่งโชคชะตา ย่อมทำให้ทั้งคู่รับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ต้องพูดออกมาก็สามารถเข้าใจกันได้เอง
เจ้าของใบหน้าคมหันใบหน้ามามองคนตัวขาวที่เฝ้ารอฟังคำตอบของตัวเองตาใส ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเอาแต่ทำหน้าง้ำงอจนน่าดุให้ร้องไห้
“หากคุณหนูอยากให้มันเติบโตจนสวยงามเหมือนพวกดอกไม้ในสวนนี้ คุณหนูก็ต้องดูแลมันให้ดี”
“….”
“แต่อันที่จริงแล้วต่อให้ดูแลดีสักแค่ไหนหรือจะไม่ดูแลยังไง”
“….”
“ถ้าดอกไม้มันจะสวยงาม มันก็สามารถเติบโตได้ด้วยตัวของมันเอง”
มันก็เหมือนกับเจ้าดอกแม็กโนเลียสีขาวบริสุทธิ์ที่สามารถเติบโตมาได้อย่างดีด้วยตัวเอง ทั้งที่มันไม่เคยได้รับการเฝ้าทะนุถนอมและดูแลเฉกเช่นต้นไม้อื่น
“งั้นเราจะดูแลมันเอง”
“ก็ขอให้มันเติบโตอย่างดีแบบที่คุณหนูเป็น…”
ในบางครั้งสิ่งแวดล้อมก็อาจจะเป็นตัวหล่อหลอมที่ทำให้คนเราเติบโตขึ้นมาเป็นเช่นนั้น แต่ในขณะเดียวกันปัจจัยพวกนั้นก็อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นตัวทำให้เราเติบโต
ดอกไม้ที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ มันคงเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างที่ทำให้มันยังคงความงดงามได้ขนาดนี้
สายตาดุคมของทรูอัลฟ่าหนุ่มยังคงจับจ้องใบหน้าด้านข้างของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน ที่ผินหน้าหนีไปสนใจกระถางต้นไม้ตรงหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มยังคงกล้าสบตากับตัวเองอย่างไม่กลัวที่จะหลบสายตา
“เราจะเอากระถางนี้ไปไว้บนระเบียงห้อง”
ไทเลอร์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอเมื่อเพียวโอเมก้าตัวขาวดันเปลี่ยนเรื่องที่กำลังสนทนากันอย่างง่ายดาย และเหตุผลที่ชัดเจนมันก็คงเป็นริ้วซับสีเลือดฝาดที่ปรากฏบนสองแก้มขาว บวกกับใบหูแดงก่ำของคุณหนูเยลเวอร์ตัน
“อากาศมันร้อนหรือคุณหนู แต่ฉันว่าวันนี้แดดมันก็ไม่ได้แรง..”
ยิ่ง แมดส์ ไทเลอร์ พูดก็ยิ่งทำให้คนผิวขาวนั้นหน้าแดงก่ำมากขึ้นกว่าเดิม จนหากใครได้มาเห็นในตอนนี้ ก็คงจะคิดว่าผิวสีน้ำนมอาจจะกำลังไหม้เพราะแสงแดดอ่อน ๆ ที่กระทบผิว
“ทำไมวันนี้นายพูดเยอะขนาดนี้กันไทเลอร์”
คำค่อนขอดของคุณหนูเยลเวอร์ตันที่ต่อให้จะเป็นประโยคต่อว่า แต่ก็ยังทำให้ แมดส์ ไทเลอร์ ยังสามารถยกยิ้มมุมปากอย่างห้ามไม่ได้
“จะเอายังไงกันแน่ล่ะคุณหนู พอฉันคุยด้วยก็กลับมาว่ากันว่าพูดเยอะ”
“เราไม่รู้ด้วยหรอก!”
HASTAG : #maddogmn
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แมดส์เธอชมน้องหรอแม๊ดดดดดด
เนี่ย ตอนคุยกันดีๆ มันน่ารักมากเลยนะนายแมดส์!