ตอนที่ 11 : Mad Dog : Chapter 9
Note : เมเลค ฟิทซ์รอย = แฮชาน
สายลมอ่อน ๆ ท้องฟ้าสีสดใสที่ถูกย้อมสีปะปนไปด้วยแสงสีส้ม และพระอาทิตย์ที่ใกล้จะลาลับขอบฟ้าคงเป็นบรรยากาศที่ดีมากกว่านี้ หากคุณหนูเยลเวอร์ตันไม่มีเรื่องให้ต้องขบคิดในหัวตอนนี้ จุดสูงสุดของปราสาทที่สามารถทอดมองภาพความสวยงามของเมืองได้หมดทุกด้าน หลังคาบ้านเรือนทั้งสีส้มและสีแดงก็เข้ากันได้ดีกับต้นไม้ซึ่งกำลังผลิใบ แม่น้ำขนาดเล็กที่มีต้นสายมาจากภูเขาลูกใหญ่ที่ห่างออกไปไหลคดเคี้ยวไปตามเนินเขาซึ่งโอบล้อมรอบเมืองยังคงใสสะอาดเหมือนเคย กลิ่นอายของความอบอุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของแดนใต้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
จุดที่เพียวโอเมก้าตัวขาวหยุดยืนมองมันมาครู่ใหญ่ ยังทำให้เห็นภาพทะเลสีครามที่อยู่ไม่ไกลซึ่งอยู่ถัดออกไป ความเวิ้งว้างของผืนน้ำขนาดใหญ่แม้จะดูน่ากลัวแต่ก็กลับน่ามองในคราเดียวกัน
แต่ถึงอย่างนั้นความงดงามของฮาร์เดนเจอร์ก็ไม่อาจเทียบเท่ากับความงามของคุณหนูเยลเวอร์ตัน
เส้นผมสีเข้มขยับเล็กน้อยในยามเมื่อสายลมพัดผ่าน แพขนตายาวสะท้อนกับแสงแดดอ่อน ๆ จนเกิดเป็นเงาที่ทาบทับบนใบหน้าให้ได้เห็นขนตาซึ่งเรียงเป็นเส้น นัยน์ตาสีเข้มซึ่งเป็นประกายจากน้ำที่หล่อเลี้ยงภายในดวงตาอยู่เสมอ ยังคงเข้ากันได้ดีกับรูปตาเรียวสวย โครงหน้าสวยรับกับจมูกโด่งเป็นสันและกลีบปากบางที่เผยอออกเพียงเล็กน้อย ยิ่งทำให้เธียร์ดูงดงามราวกับภาพวาด
เสื้อผ้าสีอ่อนที่สวมใส่อยู่แม้จะปกปิดร่างกายแทบทุกส่วนของร่างกาย แต่แค่เพียงข้อมือเล็กและต้นคอสวยที่โผล่พ้นออกมาก็ทำให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดซึ่งนวลตาไปกับแสงแดดอ่อน ๆ
ฮาร์เดนเจอร์ยังคงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความงดงามอยู่เสมอไม่ว่ากี่ครั้งที่เธียร์ได้สัมผัส
สิ่งที่ทำให้เธียร์รู้สึกหนาวเย็นในการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้จนเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ มันก็คงไม่พ้นความเป็นเยลเวอร์ตัน
ครอบครัวที่กำลังผลักไสเขาออกไปด้วยวิธีอันน่ารังเกียจ
ความหวังดีจอมปลอมพวกนั้นมันก็ไม่ต่างจากมีดเล่มเล็กที่กำลังกรีดไปตามผิวเนื้อของเขาให้เหวอะหวะ
เวลาที่ใกล้จะหมดลงไปทุกทียิ่งทำให้ เธียร์ เยลเวอร์ตัน รู้สึกว่าตัวของตัวเองเริ่มเล็กลงเข้าไปทุกที เหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าที่เกิดขึ้นยิ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับเธียร์มากขึ้นไปอีก คำพูดของเอ็ดมันด์ที่เอ่ยราวกับรู้เรื่องอะไรบางอย่างมา มิหนำซ้ำเจ้าตัวก็ยังจับผิดเรื่องกลิ่นในห้องของเธียร์ได้อย่างชัดเจน และในตอนนี้เพียวโอเมก้าตัวขาวก็ไม่ต่างจากคนมีชะงักติดหลังที่เอาแต่กังวลไปหมด
เขากลัวเหลือเกินว่าเอ็ดมันด์จะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น..
“พรุ่งนี้ไม่เกินช่วงสายพวกก็เขาคงจะเดินทางมาถึงที่นี่..” เธียร์ เยลเวอร์ตัน เอ่ยขึ้นมาลอย ๆ ให้คนสนิทที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ได้รับฟัง “เราไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เลยเอนยา…”
นัยน์ตาโศกของคุณหนูเยลเวอร์ตันยังคงฉายแววความเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด เมื่อยามที่เจ้าตัวหันกลับมามองใบหน้าของแม่บ้านคนสนิท
“พวกคาร์เลียนจะต้องไม่มีวันได้ตัวคุณหนูกลับไป”
คำสั่งของคุณชายเยลเวอร์ตันที่ฝากฝังกับเจ้าหล่อนไว้ ทำให้เอนยาค่อนข้างเชื่อมั่นได้เลยว่ายังไงเสียพวกคาร์เลียนก็จะต้องกลับไปมือเปล่า
“ไม่คิดจะบอกให้เราเผื่อใจหน่อยหรือ…”
แม้เขาจะเชื่อในตัวพี่ชายแต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายเสียเมื่อไหร่ที่จะเกิดขึ้นได้…
‘สัญญากับพี่สิ ว่าเราจะไม่ไปกับมัน’
‘ถ้าน้องออกไปได้ น้องจะไปรอพี่อยู่ที่วัลเดส’
เจ้าตัวเลือกที่จะบอกจุดหมายของการนัดพบแทนการตกปากรับคำกับพี่ชาย เพราะไม่ว่าจะต้องออกไปจากที่นี่ด้วยทางใดก็ตาม จุดมุ่งหมายสุดท้ายที่เธียร์จะเดินทางไปก็คือวัลเดส เมืองขนาดเล็กที่เป็นเมืองซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของดีแลนด์อย่างลับ ๆ ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจากฮาร์เดนเจอร์ระยะทางหนึ่ง
เมืองขนาดเล็กที่ซุกซ่อนความสวยงามของดอกไม้หายาก และธรรมชาติอันเงียบสงบของแดนใต้ที่ใครหลายคนไม่เคยได้รับรู้ เป็นสถานที่ที่ดีแลนด์เองก็ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันเหมาะสมกับตัวน้องชายมากแค่ไหน ความสงบซึ่งไร้ความวุ่นวายด้วยอิทธิพลของบุตรชายคนโตของตระกูลเยลเวอร์ตัน อีกทั้งวัลเดสยังไร้ซึ่งอันตรายจากพวกกลุ่มกบฏหรือพวกนักล่า ย่อมเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธียร์
“เราต้องรอดออกไปจากที่นี่ค่ะคุณหนู..”
เธียร์ไม่รู้หรอกว่าคนเป็นพี่ชายกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ในตอนนี้ การว่าจ้าง แมดส์ ไทเลอร์ ตั้งแต่ในช่วงก่อนหน้านี้จะสามารถยกเลิกอย่างกะทันหันได้จริง ๆ ถ้าหาก ดีแลนด์ เยลเวอร์ตัน เชื่อมั่นในตัวคนของตัวเองแล้วทำไมถึงได้ว่าจ้างไทเลอร์มากัน เท่ากับว่าในตอนนี้เธียร์มีการช่วยเหลือจากสองฝ่ายทั้งคนของพี่ชายจริง ๆ และก็คนที่ถูกว่าจ้างอย่างแมดส์
แผนที่ไม่ได้ถูกวางไว้ตั้งแต่แรกเมื่อเกิดการซ้อนแผนขึ้นมาแบบนี้ มันจะยังเป็นไปได้อย่างไร
ความกังวลของดีแลนด์ในเรื่องของคู่แห่งโชคชะตาจะส่งผลดีต่อเธียร์อย่างนั้นหรือ?
เพราะเพียงแค่คิดตามแล้วเธียร์เองก็รับรู้ได้ถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าเช่นกัน
ชีวิตที่ยิ่งกว่าการถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็คงเป็นชีวิตของเธียร์ในตอนนี้
“เราไม่รู้ว่าเราควรจะเชื่อใคร..”
ความรักในแบบพี่น้องของ ดีแลนด์ เยลเวอร์ตัน ไม่ใช่ว่าเธียร์ไม่รับรู้ แต่เพราะในบางครั้งความรักของพี่ชายก็ไม่อาจช่วยเหลือเขาได้ตลอด หากไม่มีช่องว่างเกิดขึ้นความช่วยเหลือของดีแลนด์ก็ไม่อาจตกมาถึงตัวเธียร์ได้ ช่วงปีแรกที่ถูกขังอยู่ในปราสาทกลางทะเลสาบนั่นก็นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ทรมานและไร้การช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น
เธียร์ไม่โทษพี่ชายหรอกที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยสักนิด เพราะหากช่วยเขาคนที่จะเดือดร้อนก็คงไม่พ้นเป็นตัวพี่ชายเอง และอีกสิ่งหนึ่งที่ดีแลนด์ควรจะยอมรับก็คือการที่เจ้าตัวส่งตัวอันตรายมาอยู่ใกล้เธียร์ถึงขนาดนี้
ตัวอันตรายที่มีประโยชน์แต่ก็ย่อมให้โทษ มีหรือที่คนอย่างคุณชายเยลเวอร์ตันจะไม่รู้อยู่แก่ใจ อันที่จริงก็อาจจะรู้แต่เพียงแค่คงคาดไม่ถึงความอันตรายนั้นจะส่งผลอย่างสาหัสให้กับน้องชายตัวเอง จนกลายเป็นการทำร้ายเธียร์ในทางอ้อม
“คุณหนูต้องเชื่อตัวเองนะคะ”
หากให้เขาเชื่อตัวเอง คำตอบที่ได้มันก็คงเป็นคำตอบที่อาจจะทำให้เอนยารู้สึกเสียใจก็เป็นได้ เพราะคำตอบในใจของเธียร์นั้นมันเชื่อคนอันตรายคนนั้นไปไม่น้อยแล้ว
มันก็น่าแปลกดีเหมือนกันที่ เธียร์ เยลเวอร์ตัน เลือกจะเชื่อใจ แมดส์ ไทเลอร์ มากกว่าเชื่อใจพี่ชายของตัวเอง
เขามีเหตุผลที่รู้อยู่เต็มอกว่าไม่ควรหวั่นไหวกับทรูอัลฟ่านั่น แต่สุดท้ายแล้วเหตุผลมันก็ไม่อาจเอาชนะความรู้สึกจากสัญชาตญาณได้
ประโยคร้ายกาจที่ไทเลอร์ทิ้งไว้ให้เธียร์ได้คิดเมื่อคืนก็ทำให้เจ้าตัวนั้นคิดมากจนนอนแทบไม่หลับ สัมผัสวาบหวามที่แฝงไปด้วยความร้อนแรงจากรสจูบครั้งแล้วครั้งเล่าสั่นคลอนใจดวงน้อยของเพียวโอเมก้าตัวเล็กเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกเสียใจที่มาจากเพราะคำพูดใจร้ายซึ่งไร้ความรู้สึก คงเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าคุณหนูเยลเวอร์ตันรู้สึกหวั่นไหวไปกับคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ถ้าหากนี่คือความตั้งใจในการล้อเล่นกับความรู้สึกของเธียร์แล้วล่ะก็ คงต้องบอกได้เลยว่าไทเลอร์ทำมันได้สำเร็จอย่างเกินคาดเลยจริง ๆ
ความอ่อนไหวของเธียร์นั้นหาใช่ความอ่อนไหวที่เปรียบเหมือนดั่งต้นอ้อที่ลู่ไปตามลมเสียเมื่อไหร่ สุดท้ายแล้วความอ่อนไหวของคุณหนูเยลเวอร์ตันมันก็คือกลีบดอกไม้ที่ยังคงบอบช้ำอย่างไม่สามารถหวนคืนได้ เมื่อถูกแตะต้องด้วยความรุนแรงที่เกิดจากความตั้งใจ
‘ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรก็อย่ามาทำแบบนี้กับเราเลยไทเลอร์..’
“เราไม่อยากหลับเลยเอนยา..” คนที่เอาแต่นั่งมองออกไปด้านนอกหน้าต่างในตอนกลางคืนถอนหายใจออกมาเบา ๆ “เรากลัวว่าถ้าเราตื่นมาพรุ่งนี้ เราจะยิ้มไม่ได้เหมือนเดิม..”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน หวาดกลัวเหลือเกินที่จะต้องเผชิญหน้ากับอัลฟ่าที่มาจากต่างเมือง บุคคลที่เธียร์ได้ยินใครหลายคนพูดคุยถึงเรื่องนิสัยใจคอและชื่อเสียงที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เพียวโอเมก้ากังวลไปเสียหมด
แม้ว่าในตอนนี้จะดึกดื่นมากแค่ไหนก็ตามแล้ว แต่คุณหนูเยลเวอร์ตันก็ยังคงเอาแต่นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง และไม่คิดจะยอมกลับมานอนบนเตียงหลังใหญ่ซึ่งใช้สำหรับพักผ่อนแต่อย่างใด
“พักผ่อนเถอะค่ะคุณหนู”
แม่บ้านคนสนิทที่คอยดูแลเอ่ยเตือนคุณหนูของเจ้าหล่อนที่วันนี้ดูจะดื้อดึงกว่าทุกวัน แม้เอนยาจัดการนวดผิวให้อีกฝ่ายหลังการอาบน้ำเสร็จเพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันจะอยากรู้สึกพักผ่อนเลยสักนิด
“เราถามอะไรหน่อยสิเอนยา..” คุณหนูตัวขาวหมุนตัวกลับมาหาแม่บ้านคนสนิทด้วยใบหน้าที่จริงจัง ก่อนที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มจะเอ่ยคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจของตัวเอง “เราอยากรู้ว่าช่วงเวลาไหนหรือที่ฮาร์เดนเจอร์จะสว่างไสวมากที่สุด?”
เธียร์ไม่อาจเข้าใจความหมายที่ไทเลอร์จะสื่อได้เลยสักนิด
“ทำไมคุณหนูถึงถามแบบนี้กันคะ?”
“เราก็แค่อยากรู้” คนตัวขาวว่าเสียงแผ่ว “สว่างไสวมากที่สุดมันก็ต้องเป็นตอนกลางคืนใช่หรือเปล่า..”
ถ้าเป็นอย่างที่คุณหนูเยลเวอร์ตันคิดแล้ว มันจะยังมีคืนไหนอีกที่ไทเลอร์จะเลือกลงมือกัน?
“ถ้าสว่างไสวมากที่สุดก็ต้องเป็นวันที่ฮาร์เดนเจอร์มีงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่”
เฉลิมฉลอง? หมายถึงคืนวันพรุ่งนี้หรือ
เมื่อได้รับคำตอบแล้ว เพียวโอเมก้าตัวขาวก็เลือกที่จะลุกเดินออกไปบริเวณระเบียงห้องของตัวเองแทนการนั่งทอดมองอยู่บริเวณริมหน้าต่าง สายลมเย็นที่กระทบผิวจนทำให้เจ้าตัวยกแขนขึ้นโอบกอดตัวเองหลวม ๆ เพื่อกันความเย็น แต่ทว่าเมื่อกวาดตาออกไปยังด้านนอกก็กลับทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ภาพของเปลวไฟที่ลุกไหม้ขึ้นที่ละจุดตามแต่ละส่วนของบริเวณปราสาทหลังใหญ่ ค่อย ๆ ไล่ลุกขึ้นราวกับถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี กลุ่มควันที่พวยพุ่งจากการเผาไหม้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นความเสียหายได้ นอกเสียจากจะได้ยินเสียงดังโวยวายของทหารจากทางด้านล่าง และผู้คนที่วิ่งกันให้ขวักไขว่กับเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
“เอนยา…” เธียร์เอ่ยเรียกแม่บ้านคนสนิทด้วยเสียงที่แผ่วเบาเต็มที ขาเรียวเผลอก้าวถอยไปด้านหลังอย่างไม่รู้ตัวกับภาพตรงหน้าที่ตัวเองได้เห็น
ไม่ใช่แค่เพียงภายในบริเวณเขตตัวปราสาทที่เกิดไฟลุกไหม้ แต่บริเวณด้านนอกปราสาทซึ่งเป็นบ้านเมืองในเขตของการค้าขายเองก็โหมกระหน่ำไปด้วยทะเลเพลิงเฉกเช่นเดียวกัน
ความสว่างไสวในยามค่ำคืนที่สะท้อนในดวงตาของเพียวโอเมก้าที่ยืนมองอยู่บริเวณระเบียงห้อง ยิ่งตอกย้ำถึงคำถามที่เจ้าตัวหาคำตอบอยู่ตลอดทั้งวัน
ความสว่างไสวของฮาร์เดนเจอร์ที่ว่ามันคือทะเลเพลิงอย่างนั้นหรือ?
ไร้ซึ่งความสว่างไสวที่เกิดจากการเฉลิมฉลองแต่คือเปลวเพลิงที่กำลังเผาเมืองนี้ให้ลุกเป็นไฟ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน” แม่บ้านคนสนิทที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็กระวนกระวายไม่แพ้กัน แต่ก็ยังไม่ทันที่เจ้าหล่อนจะได้พูดคุยอะไรกับคุณหนูของตัวเอง เสียงเคาะประตูจากทางด้านหน้าห้องก็ทำให้สาวเจ้าต้องรีบวิ่งออกไปดูเพื่อถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ปัง ๆ ๆ
“คุณหนูเยลเวอร์ตันปลอดภัยใช่หรือเปล่า ตอนนี้มีนักโทษแหกคุกออกมาเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยหากจะให้คุณหนูต้องอยู่ในห้องนี้ต่อไป”
“นักโทษแหกคุก?” นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน “มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ ว่าแต่คุณหนูของเธออยู่ที่ไหน” นายทหารที่เป็นคนของดีแลนด์เอ่ยถามเอนยาเสียงเข้ม เหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันเกินกว่าจะควบคุม ทั้งไฟที่กำลังไหม้ตัวปราสาทบางส่วน หรือจะเป็นนักโทษหลบหนีที่ไม่อาจตามจับตัวได้ก็กำลังก่อความวุ่นวายในเมืองจนเป็นที่น่าปวดหัว ทหารสองสามคนซึ่งเป็นเบต้าเดินแทรกเข้าไปในห้องนอนของคุณหนูเยลเวอร์ตันอย่างถือวิสาสะ โดยไม่ฟังเสียงห้ามของแม่บ้านคนสนิทที่พยายามจะเอ่ยห้าม
“พวกนายเข้าไปไม่ได้นะ!”
“คุณหนูหายไปไหน!!” เสียงเข้มของกลุ่มคนที่เดินเข้าไปก่อนทำให้เอนยารีบวิ่งตามเข้ามาภายในห้อง ท่ามกลางความสับสนและงุนงง “เธอเฝ้าคุณหนูยังไงกัน”
“จะ จะเป็นไปได้ยังไง” เอนยาได้แต่กวาดตามองซ้ายมองขวาด้วยความกระวนกระวาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนหรือพยายามหาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำให้เธอพบกับคุณหนูของตัวเองที่เคยพูดคุยกันอยู่เมื่อครู่ได้ “คุณหนู…”
ประโยคสนทนาก่อนหน้านี้ทำให้เอนยาสามารถหาคำตอบได้ทันทีว่าสิ่งที่ เธียร์ เยลเวอร์ตัน เชื่อคืออะไร?
“เธอรู้ไหมว่าทำอะไรผิดพลาดลงไป…”
“ก่อนจะถามหาว่าฉันผิดพลาดอะไร พวกนายควรจะรีบไปตามหาตัวคุณหนูก่อนจะดีไหม!” คนที่ใจเสียจนแทบยืนไม่อยู่หันไปเอ่ยถามเบต้าหนุ่มเสียงดังทั้งที่น้ำตาไหลลงมาเลอะไปทั่วใบหน้า “ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าพวกเราก้าวช้ากว่าไทเลอร์ไปก้าวหนึ่งแล้ว”
แค่นี้มันก็ชัดเจนพอแล้วไม่ใช่หรือว่าการพาคุณหนูเยลเวอร์ตันหลบหนีออกไปในครั้งนี้ แมดส์ ไทเลอร์ เองก็ไม่ได้ทำตามคำสั่งของคุณชายเยลเวอร์ตันอย่างซื่อสัตย์ เพราะอันที่จริงแล้วแผนที่วางไว้มันคือวันพรุ่งนี้ไม่ใช่คืนนี้…
แผนของคุณชายเยลเวอร์ตันที่ถูกซ้อนแผนอีกทีหนึ่ง แท้จริงแล้วจุดประสงค์ของไทเลอร์คืออะไรกันแน่?
ในขณะที่คุณหนูเยลเวอร์ตันกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนเกินกว่าที่จะสนใจว่าเอนยานั้นวิ่งออกไปที่หน้าประตู ก็ทำให้เป็นช่วงจังหวะที่สบโอกาสสำหรับใครบางคนที่กำลังรอเวลานี้อยู่ ภาพแผ่นหลังเล็กที่อยู่ภายใต้เสื้อตัวบางกับสัดส่วนที่เว้าโค้งไปตามเนื้อผ้าที่ทิ้งตัวย่อมอวดร่างกายผอมบางของเพียวโอเมก้าตัวเล็กให้เห็นได้อย่างถนัดตา
“ไปกันได้แล้วคุณหนู..”
แผ่นหลังบางที่ถูกเจ้าของร่างกายสูงใหญ่ประชิดตัว ย่อมทำให้เธียร์สะดุ้งด้วยความตกใจกับการกระทำที่รวดเร็วและเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
“นะ นายเป็นคนทำหรือ”
วิธีที่บ้าดีเดือดขนาดนี้ หากไม่บ้าจริง ๆ ใครกันจะกล้าทำ เพราะถ้ารู้ตัวคนทำขึ้นมาคนที่จะโดนไล่ล่าก็คือไทเลอร์
“ฉันจะทำหรือใครจะทำ มันก็สมควรแล้ว” ไทเลอร์เอ่ยเสียงเรียบ ก่อนที่จะดึงคนตัวขาวให้เดินตามตัวเองไปอีกทาง บานประตูห้องที่เชื่อมต่อไปยังห้องข้าง ๆ ที่เธียร์คิดว่ามันปิดตายมาตลอดถูกเปิดออกอย่าง่ายดายด้วยฝืมือของคนที่ลอบเข้ามา
ทางเดินที่ค่อนข้างมืดทำให้เธียร์ได้แต่ปิดปากเงียบและเดินตามคนที่จับแขนตัวเองแน่นจวบจนมาหยุดที่อีกฝากฝั่งหนึ่งของตัวปราสาทที่ไม่ได้ถูกเพลิงเผาไหม้ บริเวณมุมอับที่ลับตาย่อมเป็นที่รอดพ้นสายตาของกลุ่มทหารที่ยังคงวิ่งกันให้วุ่น ทั้งช่วงเวลาทั้งสถานการณ์มันช่างประจวบเหมาะและเป็นใจจนทำให้เธียร์คาดไม่ถึงว่า แมดส์ ไทเลอร์ จะทำอะไรที่บ้าบิ่นได้ขนาดนี้
เมื่อเห็นว่าทางข้างหน้าไม่มีใครแล้วทรูอัลฟ่าหนุ่มจึงตัดสินใจฉุดแขนคนที่ยืนสั่นอยู่ข้าง ๆ ตัวเองให้ก้าวเดินตามอีกครั้งไปยังบริเวณประตูลับที่แม้แต่เธียร์เองก็ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่
บันไดวนอันน่าเวียนหัวทำให้คนตัวเล็กกว่าเกือบก้าวพลาดพลั้งอยู่หลายครั้ง เมื่อแมดส์นั้นใช้ความเร็วในการก้าวเดินที่มากกว่าเธียร์ และด้วยแสงไฟที่มีน้อยมากเป็นทุนเดิมก็ทำให้ความระมัดระวังนั้นน้อยลงยิ่งกว่าเดิมจนในที่สุดคนที่ไม่ชำนาญก็สะดุดขาของตัวเองเข้าจนได้
“อึก”
ข้อมือขาวที่ถูกมือใหญ่ดึงไว้ยังคงถูกจับไว้แน่น ในขณะที่คนที่ล้มลงไปเมื่อครู่ก็กัดฟันลุกขึ้นมาในทันที ทั้งที่เจ็บบริเวณหัวเข่าที่กระแทกกับอิฐที่ใช้ก่อบันไดไม่น้อย ความรู้สึกที่ชาดิกในก่อนหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บที่ทำให้การเดินของคุณหนูเยลเวอร์ตันเริ่มช้าลงกว่าเดิม แต่เจ้าตัวก็ยังคงพยายามที่จะก้าวเดินให้ทันทรูอัลฟ่าหนุ่มที่เดินนำอยู่ด้านหน้า
เธียร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระยะทางที่พวกเขาสองคนก้าวเดินลงมามันผ่านมากี่ชั้นแล้ว แต่ถ้าจะลงมาจากห้องซึ่งอยู่เกือบชั้นบนสุดที่เป็นห้องก็นับว่าหลายชั้นมากโขกว่าที่จะลงไปถึงยังชั้นล่างได้
“แล้วเอนยาล่ะ..” คนตัวขาวอดถามไม่ได้ เมื่อนึกได้ว่าเจ้าตัวยังไม่ทันได้บอกกล่าวใครเลยสักคน
“เอาตัวให้รอดก่อนเถอะคุณหนู” แมดส์ ไทเลอร์ ว่าอย่างไม่ใส่ใจโดยที่สมาธิของเจ้าตัวก็ยังคงจดจ่อแต่กับสถานการณ์ตรงหน้า
“เราจะไม่ไปกับนาย ถ้าไม่มีเอนยาไปด้วย” เธียร์ขืนตัวองในทันทีเมื่อเห็นท่าทีของทรูอัลฟ่าหนุ่มที่ไม่น่าไว้ใจ “จะหนีหรือจะอยู่ก็เลือกเอา” เสียงเข้มเอ่ยบอกคนที่ดื้อดึงซึ่งขืนตัวเองไม่เลิก จนทำให้แมดส์ต้องใช้แรงที่มากขึ้นเพื่อดึงให้อีกฝ่ายเดินตาม ซึ่งมันก็ไม่ได้มากเกินกว่าความสามารถของทรูอัลฟ่าเลยสักนิด “ถ้าคนของคุณหนูฉลาดมากพอ เขาจะต้องออกไปรอที่จุดนัดพบ”
“เราเจ็บ” คนตัวขาวร้องท้วงในทันที แรงบีบจากมือของแมดส์ทำให้เธียร์แทบจะสะบัดข้อมือของตัวเองออก ก็กลับทำอะไรไม่ได้เมื่อมือใหญ่ที่ไม่ต่างจากโซ่ที่เคยกักขังเจ้าตัวไว้ มีแต่จะสร้างความเจ็บปวดยามที่พยายามจะหาทางหลุดพ้น
“เงียบ”
แมดส์ ไทเลอร์ ไม่ได้ใช้น้ำเสียงตะคอกกับเธียร์แต่อย่างไร มีแค่เพียงน้ำเสียงเรียบนิ่งที่กดต่ำเท่านั้นที่ทำให้เธียร์ถึงกับพูดไม่ออก แววตาคมกริบที่ชวนให้นึกถึงวันแรกที่เจอมันแตกต่างจากไทเลอร์ที่เจ้าตัวพบเจอในวันก่อน ๆ เป็นอย่างมาก
ทรูอัลฟ่าผิวสีเข้มในตอนนี้มีแต่กลิ่นอายของความกระหาย เต็มไปด้วยความดุดันที่สร้างความอึดอัด ยิ่งแววตาที่แข็งกร้าวนั่นก็ด้วยที่ทำให้เธียร์รู้สึกว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้น
ฉึก!
แค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่ทำให้เธียร์เห็นว่าในมือของไทเลอร์ที่ว่างอีกข้างนั้นเหวี่ยงมีดปักเข้าที่หน้าอกของคนที่โผล่มาดักด้านหน้าได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่จะใช้เท้าเขี่ยคนที่ล้มลงให้พ้นทางโดยไม่ลืมที่จะดึงมีดที่ปักคาไว้นั้นออกมาอย่างไม่ลังเล และการกระทำเช่นนั้นก็ทำให้เลือดของนายทหารผู้เคราะห์ร้าพุ่งจนกระเด็นมาเลอะขากางเกงของคุณหนูเยลเวอร์ตัน
ทางด้านคนที่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นการฆ่าซึ่งเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เธียร์ได้แต่ยืนมองนายทหารที่กำลังทรมานจนดีดดิ้นด้วยความรู้สึกสงสาร ในขณะที่คนทำนั้นไม่แม้แต่จะสนใจมองแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังเอาแต่ออกแรงดึงให้เธียร์เดินตาม
“อะ…” ข้อเท้าเล็กของเพียวโอเมก้าถูกนายทหารที่ยังพอหลงเหลือสติจับไว้ จนทำให้เธียร์ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้
“คะ คุณหนูอย่าไป อึก กะ กับมัน อะ อย่า” เธียร์ไม่มั่นใจนักว่าคนที่จับขาตัวเองอยู่ในตอนนี้ใช่คนของพี่ชายหรือเปล่า แต่ฟังจากคำพูดแล้วมันก็ทำให้เธียร์ทรุดตัวลงนั่งในทันที
“มะ หมายความว่ายังไง”
“อะ อึก อย่าไป มันไม่ใช่พะ..”
ยังไม่ทันที่เธียร์จะได้ฟังจบ เจ้าตัวก็ต้องผงะตัวถอยหลังในทันทีเมื่อไทเลอร์นั้นใช้ปลายมีดเฉือดที่ลำคอของอีกฝ่าย จนทำให้มือที่เคยจับข้อเท้าเล็กนั้นยกขึ้นกำบาดแผลฉกรรจ์บริเวณลำคอตัวเองด้วยความทรมาน
ความป่าเถื่อนและเลือดเย็นของ แมดส์ ไทเลอร์ ที่คุณหนูเยลเวอร์ตันได้เห็นกับตาตัวเองชัด ๆ ทำให้เจ้าตัวเนื้อตัวเย็นเยียบ ดวงตาคู่สวยยังคงเบิกกว้างมองภาพอันน่าเวทนาของนายทหารตรงหน้าด้วยหัวสมองที่เบลอไปหมด
“นะ นาย..”
“จะไปกันได้หรือยัง”
ทั้งที่พึ่งฆ่าคนตายมาเมื่อหยก ๆ แต่ไทเลอร์ก็สามารถหันกลับมาถามเธียร์ได้อย่างหน้าตาเฉย ราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้น
ความอันตรายที่แท้จริงจากตัวตนของ แมดส์ ไทเลอร์ มันจะมีจุดสิ้นสุดที่ตรงไหนกัน..
ด้วยระยะทางที่ยากลำบากในการหลบหลีกทหารที่วิ่งกันให้วุ่น ย่อมทำให้เธียร์ได้เห็นภาพของไทเลอร์ที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้ง ความเลือดเย็นและความบ้าคลั่งในการต่อสู้กับคนที่เข้ามาขวางทางตัวเองอย่างไม่ปรานี เป็นคำตอบที่ชัดเจนเหลือเกินว่าทำไม ดีแลนด์ เยลเวอร์ตัน ถึงได้ว่าจ้างคนอันตรายคนนี้มาเพื่อช่วยเขา
หอคอยที่เอาไว้ขังนักโทษรวมถึงเก็บของมีค่าต่าง ๆ ในตอนนี้ก็แทบจะวอดวายไปด้วยทะเลเพลิงซึ่งไม่มีท่าทีที่จะหยุดง่าย ๆ ความเสียหายอันใหญ่หลวงเช่นนี้ย่อมทำให้ฮาร์เดนเจอร์เดือดร้อนเป็นอย่างมากเป็นแน่ และคนที่เดือดร้อนมากที่สุดก็คงไม่พ้นผู้ปกครองฮาร์เดนเจอร์หรือพ่อแท้ ๆ ของเขานั่นเอง
เสื้อผ้าสีอ่อนของเธียร์ยังคงมีคราบเลอะเปรอะเปื้อนจากเลือดที่กระเด็นมาโดนเสื้อผ้า ตามผิวขาวก็ยังคงมีรอยเลือดเลอะจากมือของแมดส์ที่เปื้อนคราบน้ำเหนียวที่สด
ทางลาดชันบริเวณด้านข้างตัวปราทสาทที่ติดกับถนนเล็ก ๆ ใกล้กับตัวป่าไม้ต้นสูง ย่อมไม่ใช่ปัญหาสำหรับ แมดส์ ไทเลอร์ ที่ผ่านความท้าทายและความยากลำบากมานับครั้งไม่ถ้วน ผิดกับ เธียร์ เยลเวอร์ตัน ที่ไม่เคยเผชิญหน้ากับความลำบากเช่นนี้
ขอบหินทั้งมนทั้งแหลมที่โผล่พ้นออกมาจากผืนดินช่วงบริเวณลาดชันเป็นที่น่าสุ่มเสี่ยงไม่น้อยหากก้าวพลาด ไหนจะรากไม้น้อยใหญ่ที่เป็นตัวทำให้สะดุดนั่นก็ด้วย
“ก้าวลงมาคุณหนู..” แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยบอกคนที่ยังยืนลังเลอยู่ด้านบน เจ้าของผิวขาวหันไปมองทางด้านหลังอีกครั้งด้วยความพะว้าพะวงและตื่นกลัว หากมีใครตามมาทันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
“ทางนั้น!” เสียงตะโกนโวยวายจากทางด้านหลังไกล ๆ พร้อมกับกลุ่มไฟคบเพลิงที่อยู่ในมือเหล่าทหารทำให้เธียร์ไม่มีเวลาตัดสินใจอะไรมานัก นอกจากที่จะก้าวขาลงไปตามทางลาดชันนั้นด้วยการตัดสินใจเพียงชั่ววินาที
“โอ๊ย…”
ขาเล็กที่ก้าวลงมาจากทางด้านบนด้วยความระมัดระวังก็ยังคงไม่พ้นสิ่งกีดขวางที่สร้างความลำบากให้ตัวเอง เพราะเพียงแค่เธียร์เสียการทรงตัวจนก้าวพลาดก็ทำให้ขาของเจ้าตัวนั้นพลาดไปครูดกับคมของหินที่ยื่นออกมา และทำให้คนตัวขาวนั้นพลัดตกลงมาจากเนินเขาตรงนั้น
ความเจ็บบริเวณช่วงขาที่ทำเอาชาดิกนั้นไม่ผิดจากที่คาดไว้ แต่ที่ผิดคาดก็คงเป็นความเจ็บปวดจากช่วงร่างกายด้านบนมากกว่าที่เธียร์ไม่รู้สึกเจ็บปวด เสียงหัวใจที่เต้นถี่ระรัวซึ่งดังอยู่ใกล้หูและเสียงลมหายใจหนัก ๆ ทำให้ใบหน้าขาวเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง จนพบกับใบหน้าของทรูอัลฟ่าหนุ่มซึ่งอยู่ใกล้แค่คืบ
เบาะกันกระแทกที่เข้ามารองรับร่างกายของเพียวโอเมก้าคงไม่พ้นเป็นทรูอัลฟ่าหนุ่ม ร่างเล็กของเพียวโอเมก้านั้นนอนทับอยู่บนร่างกายแข็งแรงของไทเลอร์โดยที่คนผิวเข้มนั้นยังคงตีสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนที่จะโอบเอวผอมบางของเธียร์ให้อยู่ในท่าที่สะดวก แล้วหยัดตัวลุกขึ้นยืนโดยไม่ลืมที่จะดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมาด้วย
คุณหนูเยลเวอร์ตันรู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ความเจ็บแสบจากแผลสดที่เกิดจากคมหินบวกกับเลือดที่ไหลจากบาดแผลลงมาเป็นทางยาวจนเลอะซึมกางเกงที่สวมใส่ ทำให้เพียวโอเมก้าทำอะไรไม่ถูกจนได้แต่ยืนนิ่ง
“อดทนอีกหน่อย ถ้าสลัดพวกมันหลุดคุณหนูเองก็จะได้หยุดพัก”
“เราเจ็บ..”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
คำตอบสมกับเป็น แมดส์ ไทเลอร์ จนทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันถึงกับกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น เพื่อข่มความเจ็บปวดและฝืนก้าวเดินกึ่งวิ่งต่อไปโดยไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมาอีกสักคำ
อดทนเข้าไว้เธียร์
มันคงเป็นคำพูดที่เธียร์บอกตัวเองซ้ำ ๆ และฝืนร่างกายของตัวเองให้ได้มากที่สุด แม้ว่าแท้จริงแล้วในตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้ออกมามากแค่ไหนก็ตาม
แต่แล้วก็ยังคงมีอุปสรรคตรงหน้าที่ทำให้แมดส์หยุดชะงักพร้อมกับเธียร์ที่ทำได้แค่ยืนหลบหลังทรูอัลฟ่าหนุ่ม
“จะไปไหนกันหรือ”
เสียงทุ้มต่ำอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณชายเลนนิกซ์ซึ่งยืนขวางทางอยู่พร้อมกับลูกน้องสี่ห้าคน ทำให้เพียวโอเมก้ารู้สึกว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วจริง ๆ ในการที่จะผ่านพ้นมันไปได้
เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ ยังคงทำเพียงแค่ยืนกอดอกมองญาติผู้พี่ที่อยู่ในสภาพดูไม่จืด ทั้งคราบเลือดเปรอะเปื้อน คราบความสกปรกที่เลอะผิวขาวนวล รวมไปถึงร่องรอยบาดแผลที่โผล่มาให้เห็นพวกนั้นก็ไม่เหมาะกับ เธียร์ เยลเวอร์ตัน เลยสักนิด
“ถอยไป” แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่คิดเกรงกลัวคนที่มีมากกว่าตรงหน้า
“ส่งตัวเธียร์มา” อัลฟ่าหนุ่มเองก็ไม่ยอมเช่นกันที่จะถอยให้ง่าย ๆ “เป็นแค่ขี้ข้าก็อยู่ส่วนขี้ข้า”
“น่าเสียดายที่ฉันไม่ใช่ขี้ข้าของเยลเวอร์ตัน”
“แต่ก็เห็นทำตามคำสั่งไม่ต่างจาก…” ท้ายประโยคที่ละทิ้งไว้แล้วพูดโดยไร้เสียงทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มกระตุกยิ้มเย็น ความกวนประสาทของคุณชายเลนนิกซ์มันช่างน่าโมโหสิ้นดี
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าหมาบ้าเวลามันกัดใคร มันกัดใครไม่เลือกหน้า”
“เหมือนที่มันไม่เคยซื่อสัตย์ใช่ไหมล่ะ” รอยยิ้มร้ายกาจของเอ็ดมันด์ยังคงไม่ได้สร้างความหวั่นใจให้กับแมดส์เลยสักนิด
“ไอ้พวกชอบสอดนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ”
แมดส์ ไทเลอร์ ยอมปล่อยมือออกจากแขนของเธียร์ ก่อนที่เจ้าตัวจะโอบคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดและผลักคืนให้กับคุณชายเลนนิกซ์ ซึ่งอัลฟ่าหนุ่มเองก็เข้ามารับญาติผู้พี่ของตัวเองได้ทันก่อนที่จะล้มลงไปกองกับพื้น
ฟุ่บ
“เจ็บมากหรือเปล่าเธียร์” คนที่ถูกผลักมาด้วยแรงไม่น้อยได้แต่คว้าแขนของญาติผู้น้องตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยหน้าขึ้นมองคุณชายเลนนิกซ์ด้วยใบหน้าที่กล้ำกลืนเต็มทน ก่อนที่เธียร์จะหันกลับไปมองคนที่ผลักไสตัวเองเมื่อครู่ด้วยความไม่เข้าใจ
“นายทำแบบนี้ทำไม..” เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มเอ่ยถามคนที่แสดงท่าทีเฉยชาด้วยความผิดหวัง
“อยากได้คืนก็คืนให้แล้วนี่ไง” แมดส์เดาะลิ้นอย่างไม่ทุกข์ร้อนหลังจากที่เอ่ยประโยคพวกนั้นจบ “ไม่เห็นหรือว่าน้องชายของคุณหนู อยากได้ตัวคุณหนูมากแค่ไหนกัน” ไทเลอร์ตั้งใจเน้นคำว่าน้องชายอย่างชัดเจนเพื่อเสียดสีคุณชายเลนนิกซ์ที่ยืนฟัง
“นะ นาย..” เธียร์ เยลเวอร์ตัน ไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้ นอกเสียจากกลืนก้อนที่จุกขึ้นมาที่ลำคอของตัวเองลงไป ความสับสนและมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เธียร์รู้สึกว่ามันยากเหลือเกินที่จะทำใจ
“จัดการมันซะ” คุณชายเลนนิกซ์หันไปสั่งคนของตัวเอง แล้วดึงตัวของเธียร์ให้มานั่งบริเวณโขดหินขนาดย่อมที่พอจะนั่งได้ พลางทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นเพื่อดูบาดแผลที่บริเวณขาเล็ก บาดแผลที่เป็นทางยาวและเลือดที่ยังไหลออกมาไม่หยุดมันย่อมไม่แปลกที่จะทำให้เธียร์ขาสั่นไปหมดในตอนนี้ เพียงแค่มือของเอ็ดมันด์แตะลงไปที่ข้อเท้าเล็กก็ทำให้สัมผัสได้ถึงความสั่นที่ขาเรียว
“เจ็บหน่อยนะ”
คุณชายเลนนิกซ์แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าขาวด้วยสีหน้าจริงจัง มือใหญ่ของอัลฟ่าหนุ่มหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาซับเลือดที่ขาเล็กของเพียวโอเมก้าผู้พี่ ก่อนจะฉีกเอาผ้าจากเสื้อผ้าที่มาจากเสื้อที่สวมใส่อยู่ด้านในออก แล้วใช้มันพันบาดแผลเพื่อห้ามเลือดที่จะไหลออกมาอีกด้วยน้ำหนักมือที่พยายามจะทำให้เบามืออย่างที่สุด
“จะให้พี่ต้องทรมานไปถึงเมื่อไหร่กันเอ็ด..”
เธียร์เอ่ยถามคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตัวเองทั้งน้ำตา ความรู้สึกเจ็บจากบาดแผลมันจะไปเทียบอะไรได้กับความรู้สึกที่เหมือนจะหลุดพ้นแต่ก็ถูกฉุดกระชากกลับมาอยู่ที่เดิม ที่ที่มันไม่ต่างอะไรกับนรกบนดิน
“เชื่อขนาดนั้นเลยหรือว่ามันจะช่วยได้จริงๆ”
“ก็ยังดีกว่าไม่ลองทำอะไร” เธียร์เอ่ยตอบคนเป็นน้องเสียงแข็ง “นายไม่ใช่พี่ นายจะมารู้อะไรกัน”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนั้น..”
“….”
“ไม่เคยตั้งใจให้นายต้องโดนลงโทษแล้วต้องไปอยู่ที่นั่นคนเดียว”
“อึก..”
“ขอโทษจริง ๆ เธียร์ ขอโทษที่วันนั้นฉันควบคุมตัวเองไม่ได้”
มือนิ่มของญาติผู้พี่ถูกคนเป็นน้องจับอย่างถือวิสาสะ ในขณะที่เธียร์ได้แต่จ้องมองใบหน้าของเอ็ดมันด์นิ่ง ทั้งสายตาและคำพูดที่มั่นคงและไร้ซึ่งความเจ้าเล่ห์อย่างเช่นทุกทีมันกำลังทำให้เธียร์รู้สึกใจอ่อน ความสัมพันธ์ของญาติพี่น้องที่แม้จะผิวเผินแต่สำหรับเธียร์ที่เป็นคนใส่ใจคนอื่นและเห็นอกเห็นใจใครเป็นทุนเดิม ย่อมโอนอ่อนให้กับคำขอโทษของญาติผู้น้องอย่างไม่อาจห้ามได้
“นะ นายทำให้พี่ต้องหวาดกลัว อึก มา ตะ ตลอด รู้บ้างไหม”
“….”
“พะ พี่ ฮึก ไม่เคยนอนหลับได้สนิท กะ อึก ก็เพราะนาย”
“ฉันก็กำลังจะทำในสิ่งที่จะไถ่โทษให้นายอยู่นี่ไง..”
“?”
“อย่าเชื่อใจคนอื่นง่ายนักเลยเธียร์ โลกนี้มันยังมีอะไรอีกมากมายที่นายต้องรู้ และอย่างแรกที่นายควรรู้ตอนนี้ก็คะ…”
พลั่ก!
“ทนดูอยู่ตั้งนาน พร่ำเพ้อจนน่ารำคาญจริง ๆ” เสียงของบุคคลที่โผล่เข้ามาจากทางด้านหลังของคุณชายเลนนิกซ์ด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะทุบเข้าที่ท้ายทอยแกร่งจนทำให้อัลฟ่าหนุ่มนั้นสลบหมอบลงไปกับพื้น
“แทนที่จะมาช่วยกัน แต่นายกลับนั่งดูละครน้ำเน่าเนี่ยนะ” แมดส์ ไทเลอร์ สะบัดไหล่ของตัวเองจนกระดูกดังลั่น หลังจากที่จัดการซัดลูกน้องของคุณชายเลนนิกซ์จนหมอบ จะมีก็บางคนที่ไร้ซึ่งลมหายใจจากการพลั้งมือของหมาบ้าที่หงุดหงิดไม่น้อย
“ฉันรู้ว่านายเอาอยู่” เจ้าของผิวสีแทนเข้มและน้ำเสียงนุ่ม ย่อมสร้างความสับสนให้กับเธียร์ได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งรอยยิ้มทะเล้นที่ถูกส่งมาก็ทำให้เพียวโอเมก้าถึงกับจะลุกถอยหลังหนี แต่ก็ติดที่ว่าขาเจ้าตัวนั้นยังคงเจ็บ “อีกอย่างมองหน้าเพียวโอเมก้านี่ก็เพลินดีเหมือนกัน”
“เมเลค..”
“ไม่เห็นจะต้องเรียกชื่อจริงกันเลยนี่แมดส์”
อัลฟ่าหนุ่มผู้มาใหม่เอ่ยบอกทรูอัลฟ่าหนุ่มที่ส่งสายตาไม่พอใจมาหาตัวเอง ยามที่พูดถึงเพียวโอเมก้าตัวขาวที่มาด้วยกันกับอีกฝ่าย
“หุบปากแล้วรีบไปกันได้แล้ว ก่อนที่พวกมันจะมาอีก” แมดส์ ไทเลอร์ว่า พลางมองเลยไปยังคุณหนูเยลเวอร์ตันที่หน้าแดงก่ำไปหมดทั้งใบหน้า
“แต่ว่าคุณหนูตัวขาวนี่เจ็บขาอยู่” เมเลค ฟิทซ์รอย เอ่ยท้วงเมื่อเห็นท่าทางคนตัวขาวที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
“มันใช่หน้าที่นายหรือ?”แมดส์ย้อนถามคนที่เข้ามาช่วยเหลือในตอนนี้ “ฉันตกลงกับนายแค่ให้มาช่วยฉันเผาที่นี่เล่นไม่ใช่หรือไง”
“ใจดีเกินไปหรือเปล่าแมดส์” เมเลคยังคงเอ่ยท้วงไทเลอร์ “ปกติถ้าจะเผา นายต้องเผาทั้งเมืองด้วยซ้ำ”
ประเมินคร่าว ๆ ดูแล้ว ทะเลเพลิงที่กำลังลุกโหมนี่มันก็เป็นเพียงแค่เกือบสองในสี่เท่านั้นด้วยซ้ำ และที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คงไม่พ้นเป็นปราสาทของตระกูลเยลเวอร์ตันที่ แมดส์ ไทเลอร์เป็นคนลงมือจุดมันเองกับมือ
“ปล่อยให้ตระกูลเยลเวอร์ตันเจ็บใจเล่น ๆ กับสิ่งที่ต้องเสียไปมันก็สาสมดีไม่ใช่หรือ”
“….”
“เยลเวอร์ตันยังต้องชดใช้ให้กับความเลือดเย็นของตัวเอง และชดใช้ให้พวกคาร์เลียนที่กำลังมาถึงอีกเยอะ”
HASTAG #maddogmn
Talk : ยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ ตัวละครใหม่มาแล้ว บอกเลยว่าชอบคนนี้มาก เรื่องนี้จะสนุกขึ้นเพราะเมเลคนี่ล่ะค่ะ ._.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาาา
เนี่ยหมาบ้าก็คือหมาบ้า มีความรู้สึกอิหยังซะกับการกระทำของนายแม้ดมาก แต่ก็คิดในใจแบบ จะไปเอาอะไรกับแม้ดด้อกอ่ะเนอะ
เขินนนนนนนนนนค่ะ