ตอนที่ 10 : [SPECIAL] Mad Dog : White Magnolia
Note : สเปเชียลในตอนนี้มีเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับตอนหลักนะคะ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่ทันได้ตั้งตัวซึ่งกำลังเกิดขึ้น ทำให้ เธียร์ เยลเวอร์ตัน คิดว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่พูดออกไปแบบนั้นกับทรูอัลฟ่าผิวสีเข้ม จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ตอนนี้เจ้าตัวนั้นต้องมายืนตอบคำถามกับแม่บ้านคนสนิทด้วยคำโกหก
“เราอยู่คนเดียวได้จริง ๆ นะเอนยา” คนตาใสเอ่ยบอกคนสนิทโดยที่ใบหน้าน่ารักของเจ้าตัวนั้นก็พยายามอย่างมากที่สุดที่จะไม่หลุดพิรุธออกไปให้โดนจับได้ และแน่นอนว่าสายตาของคนที่ยืนหลบบริเวณมุมมืดหลังม่านผืนใหญ่ก็กำลังชมการแสดงละครของเพียวโอเมก้าตัวขาวด้วยความขบขัน
“เอนยาจะปล่อยให้คุณหนูอยู่คนเดียวยังไงคะ เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นเอนยาจะได้ดูแลคุณได้”
“ใครจะเข้ามาทำร้ายเราได้กันล่ะ” เธียร์ว่า “คนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกก็เต็มไปหมด ยังจะต้องกลัวอะไรอีก”
“คุณหนูก็น่าจะรู้ดีนี่คะว่าเหตุผลที่ทำให้เอนยากลัวมันคืออะไร…”
เจ้าหล่อนไม่ได้กลัวว่าคนนอกจะเข้ามาทำร้ายร่างกายเจ้านายตัวเองเลยสักนิด เพราะสิ่งที่น่ากลัวกว่าผู้บุกรุกมันก็คงเป็นความคิดของเธียร์เสียมากกว่า คนที่ครั้งหนึ่งเคยคิดฆ่าตัวเองมันก็ย่อมทำให้คนรอบข้างนั้นอดเป็นห่วงไม่ได้
“ถ้าเราจะทำแบบนั้นอีก เราคงทำมันไปนานแล้วเอนยา”
ไม่จำเป็นต้องรอให้กลับมาฮาร์เดนเจอร์ ถ้าคนเรามันคิดจะฆ่าตัวตายมันก็ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว
“คุณหนูคะ..”
“เราแค่อยากอยู่คนเดียว” เพียวโอเมก้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นโดยที่สายตาของเจ้าตัวนั้นก็ไม่ได้แฝงความโกหกแต่อย่างใด “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มันมากมายจนเราอยากทบทวนอะไรบางอย่างกับตัวเอง”
ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว หรือแม้กระทั่งความรู้สึกของคนเป็นพ่อที่มีต่อตัวเธียร์เองก็ด้วย
แค่ไม่รักลูกที่เกิดมาพร้อมความผิดพลาดมันว่าเจ็บปวดแล้ว แต่การทำร้ายร่างกายที่ไม่ว่าจะเกิดจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจมันก็ย่อมสร้างความเจ็บปวดในใจให้กับเธียร์
“แต่ว่าคุณชาย…”
“ไม่เชื่อใจเราหรือเอนยา” แววตาออดอ้อนของคุณหนูเยลเวอร์ตันกับใบหน้าหงอย ๆ ของเจ้าตัว ยังคงใช้ได้ผลกับใครหลายคนอยู่เสมอ รวมไปถึงแม่บ้านคนสนิทเองก็ด้วย
“งั้นคุณหนูสัญญากับเอนยาได้ไหมคะว่าวันนี้จะไม่ร้องไห้อีกแล้ว”
แค่วันนี้ที่คุณหนูเยลเวอร์ตันต้องเสียน้ำตาให้กับความเจ็บปวดพวกนั้น มันก็มากมายเกินกว่าที่จะเสียน้ำตาได้อีก ตาสวยที่แดงช้ำอย่างเห็นได้ชัดในตอนนี้ ในวันรุ่งขึ้นคงจะบวมช้ำอีกเป็นแน่ ไหนจะรอยแดงบนใบหน้าขาวนั่นก็คงช้ำไม่น้อย
“สัญญาสิ..” มือขาวของเพียวโอเมก้าแตะเบา ๆ ที่บริเวณหลังมือของแม่บ้านคนสนิท ก่อนที่ปากบางจะคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้กับคนสนิทได้สบายใจ “เราสัญญาว่าวันนี้เราจะไม่ร้องไห้อีก”
“อย่าเสียใจให้กับคนที่ไม่เคยเห็นค่าคุณหนูอีกเลยนะคะ”
แม้ว่ามันจะเป็นความจริงที่ทำร้ายจิตใจของคุณหนูเยลเวอร์ตันมากสักแค่ไหน เอนยาก็คงต้องเลือกพูดมันออกไปตามตรงดีกว่าที่จะยอมพูดคำหวานที่มีแต่จะทำร้ายจิตใจของอีกฝ่าย
ความเสียใจของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน ต่อให้จะเป็นจะตายสักแค่ไหน มันก็คงไม่มีวันที่จะทำให้หัวหน้าตระกูลเยลเวอร์ตันเห็นใจได้
“เราจะไม่เสียใจให้กับเขาแล้วเอนยา…” แววตาที่วูบไหวของเธียร์ยังคงสามารถทำให้รับรู้ได้ถึงความอ่อนไหวภายในจิตใจ แต่ทว่าประโยคที่กล่าวออกมาก็กลับทำให้เอนยาอดไม่ได้ที่จะโอบกอดคุณหนูของเจ้าหล่อนอย่างที่เคยทำมาตลอด “มันคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ ที่เขาจะทำร้ายเราได้แบบนี้”
เมื่อใดที่ เธียร์ เยลเวอร์ตัน หลุดพ้นออกไปจากที่นี่ เขาเองก็หวังว่าจะได้ใช้ชีวิตดั่งนกที่โผบินสู่โลกอันกว้างใหญ่ หาใช่นกน้อยในกรงทองที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อความสวยงาม
แรงโอบกอดที่เพิ่มมากขึ้นจากแม่บ้านคนสนิทยังคงเป็นเพียงไม่กี่สิ่งที่ทำให้เธียร์รู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอ หากไม่มีเอนยาแล้วเธียร์ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าตัวเองจะเป็นเช่นไร
“ยังไงเอนยาก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ไปกับคุณหนู”
ไม่มีทางที่เอนยาจะยอมให้คุณหนูของตัวเองต้องไปอีกเมืองหนึ่งด้วยตัวคนเดียวแน่นอน คนต่างบ้านต่างเมืองพวกนั้นใจคอเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้
“ขอบใจนะเอนยา..” แขนขาวยกขึ้นโอบกอดแม่บ้านคนสนิทก่อนที่ใบหน้าน่ารักจะซบลงที่ไหล่ของอีกฝ่าย พลางหลับตาและซึมซับความรู้สึกที่ช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจที่บอบช้ำของตัวเองให้ทุเลาลง “เราไม่รู้จะตอบแทนยังไงเลย..”
ความรู้สึกที่อยากจะขอบคุณคนสนิทอย่างใจจริงพวกนี้ เธียร์เองก็ไม่รู้ว่าจะต้องตอบแทนอีกฝ่ายด้วยวิธีไหนกัน ทั้งที่ไม่ใช่คนในครอบครัว ไม่ใช่คนที่มาจากสายเลือดเดียวกัน แต่เอนยาก็กลับเป็นที่พึ่งพาแทบทุกสิ่งให้กับเธียร์ไม่น้อยไปกว่าดีแลนด์
“ต่อให้ไม่มีใครรักคุณหนู ก็ขอแค่ให้คุณหนูรักตัวเอง..”
แต่ในบางครั้ง เธียร์ เยลเวอร์ตัน เองก็ทั้งรักและเกลียดตนเองไปพร้อม ๆ กัน..
“แต่บางทีโลกใบนี้ก็ใจร้ายกับเราเหลือเกิน”
“….”
“ทำไมถึงใจร้ายกับเราได้ขนาดนี้..”
สำหรับเอนยาที่กำลังสนทนาอยู่ด้วยคงเข้าใจว่าเป็นคำตัดพ้อของเธียร์ แต่สำหรับ แมดส์ ไทเลอร์ ที่ยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างและได้ยินบทสนทนาทั้งหมด ย่อมรับรู้ได้ว่าประโยคหลังที่เพียวโอเมก้าเอ่ยมันคือคำถามที่ถูกส่งมาให้กับตัวเอง ตาใสของคนที่เคยซบใบหน้าลงกับไหล่ของแม่บ้านคนสนิทเงยขึ้นมามองทรูอัลฟ่าผิวเข้ม ก่อนที่เมินสายตาหนีให้แมดส์ได้ขบคิดอยู่ในหัวกับการกระทำเช่นนั้น
ใช้เวลาอีกครู่ใหญ่กว่าที่เอนยาจะยอมออกไปจากห้องหลังจากไล่จัดการพาคุณหนูของตัวเองไปอาบน้ำจนเรียบร้อย รวมถึงจัดการทำแผลบนใบหน้าให้เธียร์อีกครั้ง
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณหนู..”
“ราตรีสวัสดิ์เอนยา..”
เพียวโอเมก้าตัวขาวที่ล้มตัวนอนบนเตียงสี่เสาหลังใหญ่เอ่ยตอบแม่บ้านคนสนิท พลางกระชับผ้าห่มที่ถูกยกขึ้นมาคลุมร่างกายเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวเอง ตาใสมองตามแสงไฟจากเชิงเทียนที่เอนยากำลังเดินถือออกไปจากห้องจนลับสายตาและมองไม่เห็นแสงสว่าง เสียงปิดประตูเบา ๆ จากทางหน้าห้องซึ่งห่างออกไปจากตัวห้องนอนหลักทำให้เธียร์มั่นใจได้ว่าแม่บ้านคนสนิทนั้นออกไปเป็นที่เรียบร้อย
“นายยังอยู่หรือเปล่า…”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบเพื่อความมั่นใจ เพราะหลังจากที่เจ้าตัวเข้าไปอาบน้ำจนเป็นที่เรียบร้อย คนที่เคยหลบสายตาของแม่บ้านคนสนิทอยู่บริเวณม่านหลังใหญ่นั้นก็กลับหายไปเสียแล้ว ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้ว่าแมดส์อาจจะใช้ช่วงเวลานี้หลบออกไปจากห้องของเธียร์
แขนเล็กดันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอีกครั้ง หลังจากรออยู่สักครู่แต่ก็กลับที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากใครคนนั้น เพียวโอเมก้าตัวขาวเอี้ยวตัวไปจุดเทียนที่เชิงเทียนข้างเตียงซึ่งถูกดับไปเมื่อไม่นานเพื่อเพิ่มแสงสว่างภายในห้อง
“อะ..”
จังหวะที่เธียร์กำลังจะเอี้ยวตัวกลับมาหลังจากจุดเทียนเพื่อเพิ่มความสว่างเป็นที่เรียบร้อย เจ้าตัวก็ต้องผงะด้วยความตกใจ เมื่อใครคนนั้นที่คิดว่าคงออกไปจากห้องแล้วกลับปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตัวเองในระยะประชิดตัว วงแขนแข็งแรงของทรูอัลฟ่าหนุ่มคร่อมทับกักขังคนตัวเล็กกว่าจนเพียวโอเมก้าไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปทางไหน และร่างกายสูงใหญ่ที่กำลังคร่อมทับเธียร์อยู่บนเตียงนอนในตอนนี้คงไม่ใช่ภาพที่น่ามองแน่นอนหากใครได้เข้ามาเห็น
แสงไฟจากโต๊ะข้างเตียงยังคงส่องแสงสว่างให้ได้เห็นใบหน้าของ แมดส์ ไทเลอร์ ที่ปราศจากผ้าสีเข้มซึ่งเคยปกปิดใบหน้า สายลมอ่อน ๆ ที่พัดเข้ามาภายในห้องก็ชวนให้กลิ่นประจำตัวของทรูอัลฟ่าหนุ่มและเพียวโอเมก้าอบอวลไปทั่วห้องนอน จนกลบกลิ่นของทะเลในยามค่ำคืน
โครงหน้าคมที่ขับให้ใบหน้าหล่อนั้นคมเข้มชัดเจน ไหนจะคิ้วเข้มที่เข้ากันได้ดีกับดวงตาเฉยชา จมูกโด่งได้รูปซึ่งไม่ได้มากและน้อยจนเกินไปก็รับกับริมฝีปากหยักที่มักจะไร้ซึ่งรอยยิ้ม องค์ประกอบบนใบหน้าของ แมดส์ ไทเลอร์ มันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคล้ายกับรูปปั้นชั้นเยี่ยมซึ่งถูกตั้งใจสร้างขึ้น
“ที่คุณหนูบอกว่าใจร้ายนี่หมายถึงใครกัน?”
น้ำเสียงแหบต่ำของไทเลอร์ยังคงสร้างความกดดันให้กับคนถูกถาม จนมือของเพียวโอเมก้าเผลอกำผ้าห่มที่อยู่ใกล้มือตัวเองแน่น
“ทุกคนที่ใจร้ายกับเรา..” เธียร์ตอบเสียงเบาด้วยความพยายามอย่างถึงที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ในตอนนี้ ระยะห่างที่ไม่ได้มากมายเช่นนี้ยังคงสร้างความหวาดหวั่นให้กับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก
เธียร์ เยลเวอร์ตัน เดาไม่ออกเลยว่า แมดส์ ไทเลอร์ กำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้
“ตอบได้ดี..” ประกายบางอย่างในดวงตาของแมดส์กำลังทำให้เธียร์หวาดหวั่นใจไม่น้อย คนตัวเล็กนั้นเกลียดช่วงเวลาแบบนี้เหลือเกิน เกลียดที่ตัวเองไล่ตามอีกฝ่ายไม่ทันและถูกกลั่นแกล้งให้หวาดกลัว
คน ๆ หนึ่งจะทำให้รู้สึกทั้งปลอดภัยและอันตรายในเวลาเดียวกันได้อย่างไร
“เรานึกว่านายจะออกไปแล้วเสียอีก” เธียร์เบี่ยงประเด็นหัวข้อสนทนาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อทรูอัลฟ่าหนุ่มยังคงเอาแต่จ้องตัวเองไม่หยุด
“แล้วก่อนหน้านี้ใครกันที่ขอให้ฉันอยู่กัน”
แมดส์ ไทเลอร์ ตอบคำถามของเธียร์อย่างหน้าตาเฉย ในขณะที่เพียวโอเมก้านั้นกัดริมฝีปากตัวเองแน่นยามที่นึกถึงประโยคอันไม่สมควรพูดที่ตนเองได้เอ่ยออกไปในก่อนหน้านี้
‘อยู่กับเราก่อนได้ไหมไทเลอร์..’
ช่างน่าอายเหลือเกินที่เธียร์เอ่ยแบบนั้นออกไปกับแมดส์
“แต่เราก็ไม่ได้คิดว่านายจะอยู่จริง ๆ” คนตัวขาวเถียงอีกคนตาใส
“ไม่คิดแต่ก็หวัง?”
แมดส์ ไทเลอร์ ยังคงไล่ต้อนคนตัวขาวที่ถูกขังอยู่ในวงแขนของตัวเองอย่างนึกสนุกกับการที่ได้เห็นใบหน้าของเธียร์ในยามทำอะไรไม่ถูก
“เราไม่ได้หวัง” เธียร์ยังคงไม่ยอมรับ อีกทั้งยังหลบสายตาของแมดส์อย่างตั้งใจ
“ไม่ได้หวังก็ดี…” ทรูอัลฟ่าหนุ่มคร้านจะกลั่นแกล้งอีกฝ่ายแล้วเต็มที เพราะแค่นี้กระต่ายตัวขาวก็สั่นกลัวจนน่าสงสาร
“นายรีบออกไปเถอะ ถือซะว่าก่อนหน้านี้เราไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” เพียวโอเมก้าตัดสินใจเอ่ยบอกทรูอัลฟ่าตรงหน้า เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นเหนื่อยเกินไปแล้วสำหรับการพูดคุยกับคนอย่างไทเลอร์
“ไล่กันแบบนี้เลยหรือคุณหนู”
“เราไม่ได้ไล่” คนตัวขาวเงยหน้าขึ้นมาเถียงในทันที เมื่ออีกฝ่ายนั้นเข้าใจความหมายของตัวเองผิด “เราแค่จะบอกให้นายออกไปก็แค่นั้น ถ้าไม่ออกไปตอนนี้อีกครู่หนึ่งถ้าเปลี่ยนเวรยามนายจะออกไปลำบากยิ่งกว่าเดิม” เธียร์เอ่ยออกมายาวเหยียดเพราะไม่อยากให้อีกคนเข้าใจผิด
“มันไม่ได้ยากสำหรับฉันหรอกคุณหนู”
“แต่เราไม่ได้จะไล่นายจริง ๆ นะ”
ใช้คำว่าไล่แบบนี้มันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า เขาไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเสียหน่อย
“อืม..”
“นายกำลังเข้าใจเราผิดนะไทเลอร์ เราไม่ได้หมายความแบบนั้น” คนตัวขาวยังคงอธิบายให้คนหน้านิ่งฟังอย่างไม่ลดละ ตาใสที่เคยหลบสายตาก็จ้องมองดวงตาไทเลอร์ด้วยความซื่อสัตย์ในความรู้สึกของตัวเอง จนทำให้คนมองรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้านั้นไม่ได้โกหกเลยสักนิดกับสิ่งที่พูดมา
“จะหมายความว่าอะไรก็ช่าง มันไม่ได้สำคัญหรอกคุณหนู”
คนฟังถึงกับสะอึกเมื่อได้รับคำตอบที่ทำร้ายความรู้สึกจากแมดส์ ประโยคบอกปัดที่ไร้ซึ่งคำพูดดี ๆ หากใครได้ฟังก็ต้องสะอึกไปตาม ๆ กัน
“ถ้าไม่อยากพยายามเข้าใจก็ไม่เห็นต้องพูดแบบนี้เลยไทเลอร์…”
“….”
“สำหรับเราน่ะ คนที่ใจร้ายมากที่สุดมันก็คือนาย” เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มว่าทั้งน้ำเสียงที่สั่นเต็มที “นายกำลังทำให้เราคิดว่านายพยายามเข้าใจ แต่สุดท้ายนายก็ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย”
“….”
“เราไม่น่ามีความรู้สึกดี ๆ แบบนั้นกับนายเลย”
“เธียร์..”
“!!!”
ความรู้สึกตกใจที่เกิดขึ้นยามที่ได้ยินทรูอัลฟ่าหนุ่มเรียกชื่อตัวเองห้วน ๆ ยังคงทำให้รู้สึกตกใจที่ไม่สามารถเทียบได้กับริมฝีปากบางที่ถูกครอบครองอย่างไม่ได้ทันตั้งตัว สัมผัสแปลกประหลาดที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับมันมาจากญาติผู้น้องซึ่งเต็มไปด้วยความตะกละตะกลามจากสัญชาตญาณ แต่ในครั้งนี้มันกลับทำให้เธียร์ไม่สามารถทำอะไรได้ถูก ความรู้สึกชื้นแฉะที่แสนชัดเจนบริเวณริมฝีปากซึ่งถูกบดจูบเคล้าคลอในตอนนี้ ริมฝีปากหยักยังคงบดเบียดเข้าหาริมฝีปากจิ้มลิ้ม ดูดดึงขบเม้มจนทำให้เพียวโอเมก้ารู้สึกเจ็บไม่น้อยริมฝีปาก ลิ้นหนาที่สอดเข้ามาในโพรงปากนุ่มจากการที่มือใหญ่บีบปลายคางได้รูปให้เผยออ้าออก ซ้ำยังเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กที่ไร้ประสีประสาเหมือนคนจูบไม่เป็น กระต่ายขาวสั่นระริกอยู่ในอ้อมกอดของหมาบ้าที่กำลังแผลงฤทธิ์จนน่าสงสาร ไม่ว่าจะถูกชักนำไปในทางใดเจ้าของริมฝีปากหวานล้ำก็กลับเงอะงะไปเสียหมด
“อึก..”
มือขาวบีบไหล่กว้างของทรูอัลฟ่าแน่นเมื่อแมดส์ยังคงไม่ยอมละริมฝีปากออกจากตัวเอง จนทำให้แทบขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อ อากาศเพียงน้อยนิดที่เว้นช่วงให้ได้หายใจยังคงไม่สามารถช่วยให้เธียร์หายใจได้เต็มปอด หากเทียบกับการถูกขโมยจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้
เนื้อตัวนุ่มนิ่มที่แทบจะหลอมละลายไปกับจูบร้อนแรงซึ่งเปลี่ยนมาเป็นจูบหนัก ๆ ซึ่งยังคงดูดเม้มริมฝีปากบางและไล่ต้อนลิ้นเล็กจนน้ำสีใสไหลออกมาจนล้นเลอะบริเวณมุมปากสวย
ริมฝีปากหยักละริมฝีปากออกจากกลีบปากบางแต่ก็ยังคงคลอเคลียไม่ห่างใบหน้าจิ้มลิ้ม สายตาคมไล่มองเครื่องหน้าของเธียร์ที่แดงก่ำเพราะเลือดที่สูบฉีดอย่างเต็มที่ ดวงตาใสซึ่งฉ่ำไปด้วยน้ำสีใสยามที่ช้อนมองยิ่งทำให้รู้สึกราวกับถูกออดอ้อนอยู่ตลอดเวลา กลีบปากช้ำจนขึ้นสีเข้มยิ่งกว่าเดิมก็ดูจะเป็นหลักฐานชั้นดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ และยิ่งไล่ลงมาต่ำกว่าใบหน้าก็ยิ่งทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มเห็นช่วงไหล่และแผ่นอกขาวซึ่งโผล่พ้นเสื้อแขนขาวสีอ่อน
เรื่องที่เขาบอกว่าเพียวโอเมก้ามีเสน่ห์บางอย่างที่น่าดึงดูดมากกว่าโอเมก้าปกติมันก็คงเป็นเรื่องจริง
“จูบไม่เป็นหรือคุณหนู…”
กลิ่นหอมของเจ้าดอกแม็กโนเลียอันหวานละมุนที่ถูกปล่อยออกมามากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ย่อมผสมผสานไปกับกลิ่นไม้หอมไหม้ของทรูอัลฟ่าหนุ่มที่เข้มขึ้นจนติดจมูกของเพียวโอเมก้า
กลิ่นหอมที่ติดจมูกหรือจะชัดเจนเท่ารสจูบที่ฝังลึกในความรู้สึก..
“ทำไมถึงจูบเรากันไทเลอร์..”
"ก็แค่จูบจะคิดอะไรมากล่ะคุณหนู"
HASTAG #maddogmn
Talk : เหตุผลที่ว่าทำไมคุณชายเลนนิกซ์ถึงได้กลิ่นอัลฟ่าในห้องน้องเธียร์ชัดเจนขนาดนี้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุณหนูยังคงน่ารักแม้กระทั่งตอนที่น่าสงสารไม่เปลี่ยน นายต้องแพ้ไทเลอร์!!!!
ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาา