ตอนที่ 1 : Mad Dog : Intro
INTRO
Note: ตรวจคำผิดครั้งที่ 1
อากาศร้อนอบอ้าวอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองทางตอนใต้ ยังคงเรียกความร้อนออกจากร่างกายในรูปของเหงื่อ จนกลายเป็นเรื่องที่คุ้นเคยสำหรับคนแดใต้ สภาพอากาศคงที่เช่นนี้ของ ‘ฮาร์เดนเจอร์’ นับว่าไม่แปรปรวนเท่ากับเดอะฮิลล์ซึ่งเป็นหน่วยป้องกันของแดนใต้ ซึ่งอยู่ถัดขึ้นไปบริเวณสุดขอบเขตแดนระหว่างแดนใต้และแดนเหนือเช่น
หยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผมสีอ่อนไม่ได้สร้างความรำคาญให้กับคนผิวสีคร้ามแดดแต่อย่างใด ความเงียบสงบในช่วงดึกสงัด ยามผู้คนต่างหลับใหลบ่งบอกถึงเวลาที่เริ่มใกล้เข้ามา แววตาดุคมที่สะท้อนกับแสงจันทร์วูบไหวราวกับสัตว์นักล่าที่กำลังออกล่าเหยื่อในยามค่ำคืน
เจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ยังคงเอนหลังพิงกำแพงอิฐอย่างรอเวลา ในขณะที่มือหยาบซึ่งเปื้อนเลือดจะหมุนควงอาวุธในมือตนเองอย่างใจเย็น
คราบเลือดบนฝ่ามือใหญ่ ย่อมเป็นคราบเลือดของทหารที่เฝ้าอยู่บริเวณรอบตัวปราสาทขนาดย่อม ช่างน่าเสียดายที่พวกมันไม่อาจมีลมหายใจอยู่ได้ต่อไป
เมื่อเหม่อมองสิ่งก่อสร้างซึ่งถูกสร้างขึ้นอยู่กลางทะเลสาบอย่างปราสาทหลังใหญ่ ก็ทำให้ชายหนุ่มนึกขันในใจของตน แม้ภาพตรงหน้าจะดูงดงามสักเท่าไหร่ แต่มันกลับเคว้งคว้างและหดหู่ จนกลายเป็นภาพสวยงามอันขื่นขม
ปราสาทขนาดย่อมกลางทะเลสาบขนาดใหญ่ที่อยู่ถัดออกมาจากเมือง จนห่างไกลจากผู้คน ยังคงเป็นสถานที่เลื่องชื่อของความลับที่สร้างความคลางแคลงใจให้กับผู้คน เรื่องเล่าที่เป็นเพียงคำบอกเล่าปากต่อปากในวงสนทนาของชาวเมือง แต่สุดท้ายทุกคนล้วนแล้วแต่ต่างปิดหูปิดตาและเมินเฉยกับเรื่องพวกนี้ เพื่อรักษาความอยู่รอดของตัวเอง
คุกชั้นดีที่อยู่ในรูปแบบของความงดงามชวนให้พิศวง คงไม่มีใครอยากเฉียดกรายเข้ามาใกล้..
หากมีใครสักคนที่กล้าจะหยิบยกเรื่องของตระกูลเยลเวอร์ตันขึ้นมาพูดคุยและถกเถียงอย่างเปิดเผย ก็คงจะใจกล้าใช่เล่น
ชนชั้นซึ่งถูกแบ่งแยกจากสภาพวรรณะและจากวงศ์ตระกูลที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ตระกูลคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในฮาร์เดนเจอร์ ก็คงจะหนีไม่พ้นตระกูลเยลเวอร์ตันที่ครองเมืองนี้มานานเกินสองศตวรรษ
‘หากไม่ใช่โอเมก้าจริง ๆ มีหรือที่เยลเวอร์ตันจะส่งคนมาปิดตายที่นี่ขนาดนี้’
บทสนทนาที่ได้ยินเพียงผ่านเลย ในยามเดินปะปนกับชาวเมืองตามร้านรวง เรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงจากคนแปลกหน้าซึ่งจับกลุ่มพูดคุย ยังคงก้องอยู่ในหูของเจ้าของผิวสีคร้ามแดด
เจ้าของดวงตาดุคมปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างเชื่องช้าอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เจ้าของร่างกำยำจะเริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเงียบ ดั่งเช่นบรรยากาศรอบข้างที่ไร้สายลมพัดผ่าน
ทางเดินทอดยาวซึ่งประดับด้วยแสงสว่างจากคบเพลิงด้านข้างค่อย ๆ ถูกดับลงทีละอัน ตามเงาของร่างที่ร่วงล้มโดยไม่ทันได้แผดเสียงร้องของความเจ็บปวดออกมา ดวงตาเบิกโพลนบ่งบอกถึงความตกใจของร่างที่ไร้ลมหายใจได้ดีว่ามันรู้สึกเช่นไรก่อนที่จะตาย
แสงไฟรอบข้างปราสาทถูกดับลงจนเหลือแต่เพียงความมืด ร่างสูงใหญ่ยังคงก้าวเดินอย่างเงียบเชียบราวกับไร้ตัวตน มันไม่ต่างจากอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้าไปภายในตัวปราสาท บรรดาผู้คนที่กำลังหลับใหลคงไม่มีทางระวังตัวใด ๆ นอกเสียจากจะจมดิ่งไปกับความฝันที่ขับกล่อมให้ผู้คนได้หลับใหลในค่ำคืนนี้
ฝันร้ายที่ถูกปลุกขึ้นในยามค่ำคืน คงเป็นเรื่องโชคร้ายสำหรับใครสักคนที่ตื่นขึ้นมาในช่วงเวลานี้
ภายในปราสาทถูกตกแต่งด้วยข้าวของมีค่าไม่น้อย แต่ต่อให้ดูน่ามองสักเท่าไหร่ หากพิจารณาดูดี ๆ แล้วก็กลับเป็นเพียงความงดงามที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อบังหน้า ห้องหับที่ถูกแบ่งแยกเป็นสัดส่วนทำให้เจ้าของร่างกำยำต้องตัดสินใจเลือกทิศทางในการก้าวเดิน เพื่อหาเป้าหมายที่ทำให้ตัวเองต้องมาเหยียบที่ฮาร์เดนเจอร์ในครั้งนี้
มันไม่ผิดอย่างที่เจ้าตัวคิดเลยสักนิด ในเมื่อปราสาทนี้นั้นมันคือความจอมปลอมของตระกูลเยลเวอร์ตันอย่างแท้จริง แม้แต่เหล่าคนรับใช้ที่สมควรจะมี ก็กลับน้อยคนเสียจนสามารถนับได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
บันไดวนที่ถูกแกะสลักอย่างบรรจง นำพาคนตาดุขึ้นไปด้านบนซึ่งหลงเหลืออีกหนึ่งห้อง มันคงเป็นที่สุดท้ายและเป็นเป้าหมายของเจ้าตัวในครั้งนี้
บานประตูไม้ที่ถูกประดับตกแต่งบดบังด้วยผ้าลวดลายราคาแพงที่ห้อยลงมา ก็ถือได้ว่าเยลเวอร์ตันยังคงมอบเกียรติที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดให้กับใครบางคนอยู่บ้าง
เสียงแว่วจากทางด้านในห้องคลับคล้ายจะเป็นเสียงของโซ่ที่ถูกลากไปมากับพื้นห้อง ทำให้คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูหยุดยืนฟังอย่างเงียบ ๆ เสียงพึมพำที่เล็ดลอดออกมาเพียงแผ่วเบาให้พอจับใจความได้คร่าว ๆ ว่ามันคือการสวดภาวนา แต่ผู้บุกรุกก็ยังคงใจเย็นมากพอที่รอให้เสียงด้านในเงียบลง จึงเอื้อมมือไปเปิดบานประตูตรงหน้าอย่างช้า ๆ
เสียงบานประตูที่เปิดขึ้นพร้อมกับผู้มาใหม่ ทำให้คนที่อยู่ภายในห้องซึ่งเป็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่ผินหน้ากลับมามองด้วยความตื่นตระหนก แม้เงาดำจะพาดผ่านเข้าที่ใบหน้าของร่างกำยำ แต่ทว่าเมื่อช่วงขาแข็งแรงได้ก้าวเท้าเดินเข้ามาภายในห้อง ก็ทำให้คนที่เคยคุกเข่าอยู่ก่อนหน้าถดตัวถอยหลังหนีในทันที
ดวงตาดุคมจ้องมองร่างขาวคล้ายจะชอบใจที่ร่างกายของโอเมก้าตรงหน้ากำลังสั่นเทาด้วยความตื่นกลัว มือขาวซีดเหมือนคนไม่เคยโดนแดดสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้จะมีเพียงแสงไฟอันน้อยนิดภายในห้อง จนทรูอัลฟ่าอดดูแคลนความอ่อนแอที่สะท้อนออกมาของอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้ ท่าทางขี้โรคเสียขนาดนี้ มันก็คงไม่แปลกที่จะถูกเก็บซ่อน..
ความกระวนกระวายของอีกฝ่ายแสดงออกมาผ่านการกระทำทุกอย่าง ตั้งแต่ดวงตาคู่งามที่กำลังเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำสีใส หรือแม้กระทั่งมือขาวที่แสนจะสั่นเทาซึ่งกำลังพยายามจะปลดโซ่ที่ล่ามข้อเท้าของตัวเองไว้
ก็คงต้องเชื่อแล้วว่าเรื่องจุดด่างพร้อยของตระกูลเยลเวอร์ตันนั้นมีอยู่จริง หลักฐานสำคัญที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในที่หวงห้าม ไม่ต่างจากคุกคุมขัง มันก็คือ เธียร์ เยลเวอร์ตัน
ร่างกายดูเล็กกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน คงเป็นผลมาจากเพศรองที่กำหนดชีวิตทางสังคมของอีกฝ่าย แม้จะมีเส้นผมสีเข้มที่ปกปิดใบหน้า แต่ก็ยังคงไม่สามารถปิดบังเครื่องหน้างดงามของอีกฝ่ายได้ และยิ่ง แมดส์ ไทเลอร์ ขยับตัวเข้าไปใกล้กับอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้คนตัวขาวนั้นขยับจนแทบจะกลืนกินเข้าไปกับกำแพงห้องเสียจนน่าขัน
ทั้งที่ยังไม่ได้แม้แต่จะเปิดปากสนทนาใด ๆ แต่ตัวตนของ แมดส์ ไทเลอร์ กลับสร้างความหวาดกลัวให้บุตรชายคนเล็กของตระกูลเยลเวอร์ตันได้มากโข จนเหยื่อตัวน้อยแทบจะขาดหายใจ แม้จะยังไม่ถูกแตะต้องก็ตาม
โซ่ตรวนเส้นใหญ่ดูจะหนักเกินไปสำหรับข้อเท้าเล็กของคนที่ถูกจองจำ รอยแดงที่ข้อเท้ายังคงมีให้เห็นเล็กน้อย คงจะเกิดจากการเสียดสีของผิวเนื้อและเหล็กที่บาดเข้ากับผิวเนื้ออ่อนจนขึ้นรอยแดง
“ไม่คิดจะทักทายกันสักหน่อยหรือ?”
ประโยคคำถามที่เหมือนจะเป็นมิตร แต่กลับหยาบกระด้างทั้งน้ำเสียงและแววตาของทรูอัลฟ่า ไม่ได้ช่วยทำให้ริมฝีปากสีระเรื่อยอมอ้าปากพูดแต่อย่างใด จนกระทั่ง..
“อึก..”
เสียงที่ถูกข่มไว้อย่างถึงที่สุดหลุดรอดออกมา เมื่อมือใหญ่จงใจกระชากโซ่อย่างแรง ทำให้คนที่กำลังนั่งชันเข่าถลาเข้ามาใกล้กับตัวเองมากขึ้น จนได้กลิ่นหอมหวานของดอกแมกโนเลียที่ลอยเข้าแตะจมูกอย่างชัดเจน
กลิ่นประจำตัวอย่างเช่นดอกแมกโนเลียน ย่อมแสดงออกถึงความสง่างามเช่นดอกไม้ที่บอบช้ำได้ยาก แม้จะโดนพายุพัดกระหน่ำ ภายนอกที่ดูงดงามดูละมุนตา แต่ก็ยังแข็งแกร่งเช่นกลีบดอกแมกโนเลียซึ่งมีความแข็งแรง
“ช่างเป็นเยลเวอร์ตันที่ไร้เกียรติเสียจริง..”
HASHTAG: #maddogmn
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อย่าร้ายกับน้อง!