ตอนที่ 9 : Young Master : Chapter 8
แอชเชอร์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงเรียกของเชสซึ่งทำหน้าที่เป็นหมอนจำเป็นให้ตัวเอง บรรยากาศรอบข้างนั้นแทบจะไร้แสงอยู่เต็มทนจนแทบมองไม่เห็นอะไร แน่นอนว่ามันคงถึงเวลาที่ทั้งคู่ต้องหยุดพักเสียที แม้ก่อนหน้านี้ไทเลอร์จะคอยหยุดพักให้กับแอชเชอร์อยู่เป็นระยะถึงสองสามครั้งแล้วก็ตาม
“คืนนี้เราคงต้องนอนกันที่นี่” เชสเอ่ยหลังช่วยประคองตัวของแอชเชอร์ลงมาจากหลังม้า โดยที่คนตัวขาวไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือใด ๆ “ฉันไม่อยากเสี่ยงเดินทางตอนกลางคืนสักเท่าไหร่”
มันเป็นสถานการณ์ที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ หากให้รีบเดินทางออกมาตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่นั่นก็เท่ากับว่าจะทำให้แอชเชอร์ที่กำลังบาดเจ็บได้พักผ่อนน้อยลง และยังต้องเดินทางติดต่อกันตลอดครึ่งวัน ทางเลือกในการเดินทางกลับช่วงบ่ายจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะอย่างน้อยหากฟ้ามืด ยังไงเสียพวกเขาทั้งคู่ก็ต้องหยุดพักการเดินม้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
“มันก็คงต้องเป็นแบบนั้น” แอชเชอร์ตอบอย่างไม่คิดจะขัด
“นายไปนั่งรอตรงนั้น เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง”
“ฉันไม่ได้เป็นง่อยนะไทเลอร์”
“ถ้าไม่อยากให้แผลตัวเองช้ำกว่านี้ก็อยู่เฉย ๆ ซะเลสลีย์” หัวหน้าหน่วยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางหันไปสั่งชาลีให้คอยอยู่ที่นี่กับอัลฟ่าแดนเหนือ ส่วนตัวเองนั้นก็เดินหายเข้าไปอีกด้านซึ่งก็คงไม่พ้นหาเชื้อเพลิงมาก่อกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่นในคืนนี้
ฝ่ายแอชเชอร์ที่โดนสั่งให้นั่งเฉย ๆ ก็ใช้เวลาที่อยู่เพียงคนเดียวนั้นเลิกเสื้อของตัวเองขึ้น เพื่อดูรอยช้ำที่บริเวณหน้าท้องของตัวเอง แผลช้ำพวกนั้นก็ยังคงเหมือนเดิมจนน่ารำคาญในความรู้สึกของคนตัวขาว
นอกจากจะต้องจำใจหลับเพื่อหลีกหนีความเจ็บปวดแล้ว แอชเชอร์เองก็ต้องหลับเพื่อหลีกเลี่ยงไทเลอร์ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าตอนนี้ต้องยกให้เป็นตัวอันตรายอันดับหนึ่งที่ควรอยู่ให้ห่างเลยก็ว่าได้
จูบระหว่างทั้งคู่ที่เกิดขึ้นจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด สัมผัสลึกซึ้งพวกนั้นมันคงปฏิเสธได้ยากว่าไม่รู้สึกหวั่นไหว แม้แอชเชอร์เองพยายามจะคิดว่ามันเป็นผลพวงมาจากการกลบกลิ่นก็เถอะ
“นายเป็นคนยังไงกันแน่ไทเลอร์”
เสียงทุ้มนุ่มบนพึมพำกับตัวเองด้วยความเคลือบแคลงไม่หายกับการกระทำของไทเลอร์ ยิ่งนั่งมองฝ่ามือของตัวเองในตอนนี้มันก็ทำให้นึกถึงภาพที่ไทเลอร์จูบหลังมือตัวเอง
ฝั่งเกรย์วูล์ฟตัวโตที่นอนหมอบมองน้ำไหลของลำธารเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ติดกับที่พักของเจ้านายในคืนนี้ก็หันหน้ามามองใบหน้าของคนที่มันต้องเฝ้าด้วยความสงสัย ใบหูที่เต็มไปด้วยขนกระดิกไปมาฟังเสียงของอัลฟ่าตัวขาวที่ยังคงบ่นพึมพำกับตัวเองไม่เลิก ซ้ำยังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด จนกระทั่งได้ยินเสียงเดินของใครอีกคนที่หายไป ถึงทำให้มนุษย์ตัวขาวซีดนั่นกลับมาทำตัวเป็นปกติ
เชส ไทเลอร์ กลับมาพร้อมไม้ฟืนจำนวนหนึ่งที่มากพอในการใช้สำหรับคืนนี้ หลังจากวางสิ่งที่ได้มาลงเจ้าตัวก็เริ่มต้นจัดการก่อกองไฟอย่างคล่องแคล่วอย่างที่เคยทำ หางตาคมยังคงมองเห็นอัลฟ่าตัวขาวซีดที่นั่งใช้แขนโอบท้องของตัวเองเอาไว้ มันคงไม่พ้นเจ็บแผล
“เจ็บแผลเพิ่มขึ้นหรือ?”
“เรียกว่าระบมแผลมากกว่า”
“ยังไงก็อดทนอีกสักหน่อยเดี๋ยวฉันจะต้มยาให้ มันคงช่วยนายได้” ยาที่เอริคให้มานั้นก็เพียงพอสำหรับการใช้จนถึงวันพรุ่งนี้ กะเวลาแล้วทั้งคู่เองก็น่าจะเดินทางถึงเดอะฮิลล์ได้อย่างพอดิบพอดี
“....” อัลฟ่าแดนเหนือไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ นอกเสียจากจะมองหน้าของไทเลอร์นิ่ง
“มองหน้ากันแบบนี้ อยากจูบฉันอีกหรือไง?” ไทเลอร์เอ่ยกวนประสาทคนหน้านิ่งขึ้นมาอีกรอบ หลังจากหมดสิ้นความอดทนที่จะห้ามให้ตัวเองเลิกแหย่เลสลีย์
“นายมากกว่าที่อยากจูบฉัน” แอชเชอร์ไม่ลังเลที่จะตอกกลับคนที่กวนประสาทตัวเอง
“ถ้าฉันจูบนายจริง ๆ ขึ้นมา จะมาว่ากันไม่ได้นะเลสลีย์”
“หยุดความคิดพวกนั้นของนายไปซะ”
จะมีบ้างไหมที่แอชเชอร์จะพูดคุยกับไทเลอร์ดี ๆ ได้เกินสิบนาที ถ้ามีวันนั้นขึ้นมาก็คงจะเหลือเชื่อน่าดู
“นายจะมาห้ามความคิดฉันได้ยังไง”
“ต้องให้ฉันทำยังไงนายถึงจะเลิกกวนประสาท ฉันเหนื่อยจะต่อปากต่อคำกับนายเต็มที”
“คำถามนี้คงไม่มีคำตอบหรอก”
ถ้าแอชเชอร์สังเกตสักนิดก็คงจะรู้คำตอบแล้วด้วยซ้ำว่าต้องทำอย่างไร เพราะยิ่งเจ้าตัวยิ่งเถียงหรือยิ่งแสดงอาการว่าไม่พอใจ ไทเลอร์ก็จะยิ่งกวนประสาทมากขึ้น
อัลฟ่าตัวขาวซีดฮึดฮัดกับตัวเองอยู่สักพัก ก่อนจะคว้ากระบอกขวดน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมากระดกดื่มแก้กระหายระหว่างที่รอไทเลอร์ต้มยาให้ตัวเอง ความเงียบเริ่มโรยตัวขึ้นเมื่อทั้งเชสและแอชเชอร์ต่างไม่มีใครเปิดบทสนทนาหลังจากที่เถียงกันจบไปหนึ่งยก
“กินอะไรรองท้องเสียหน่อย?” ไทเลอร์ยื่นกระต่ายป่าที่ถูกย่างจนสุกให้กับคนตัวขาวที่เอาแต่นั่งมองนิ่ง ๆ “เกิดหิวตอนกลางดึก มันคงไม่มีอะไรให้นายกิน”
“นายกินไปเถอะ เมื่อครู่ตอนรอนายฉันกินขนมปังที่มอร์แกนให้มาไปแล้ว”
“มั่นใจนะ?”
“อือ..” คนตัวขาวครางรับในลำคอเบา ๆ ก่อนจะขยับไปจัดที่นอนที่จะใช้นอนในคืนนี้ แต่ก็ไม่ทันคนผิวสีแทนที่แทรกเข้ามาแย่งไปทำต่อหน้าต่อตา
“อยู่เฉย ๆ บ้างจะได้ไหม” เชสว่าเสียงเข้มก่อนจะใช้สายตาคมดุอีกฝ่ายที่ทำอะไรไม่ดูสภาพร่างกายตัวเอง
“ฉันไม่ได้เจ็บขนาดที่จะทำอะไรพวกนี้ไม่ได้”
“งั้นก็ตามใจ” เชสเองก็ไม่อยากจะทำให้แอชเชอร์อึดอัดใจเสักท่าไหร่นัก แม้จะคอยดูแลแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านิสัยของอัลฟ่านั้น ยังคงเป็นพวกที่ไม่ชอบให้ใครมาคอยเอาใจใส่สักเท่าไหร่ ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่ชอบอยู่ในจุดที่ด้อยกว่าคนอื่นถึงจะถูก
ดวงตาคมยังคงมองการกระทำของเลสลีย์ที่พยายามจัดแจงที่นอนสำหรับคืนนี้ด้วยท่าทางที่เงอะงะไม่น้อย มองแล้วก็ดูเหมือนคนที่พึ่งเคยทำอะไรแบบนี้ครั้งแรกไม่มีผิด
“นายจะนอนตรงไหน” อัลฟ่าแดนเหนือหันมาถามคนที่นั่งกินเนื้อกระต่ายทันทีเมื่อจัดการที่นอนของตัวเองเรียบร้อย
“ที่ข้าง ๆ นายก็ว่างนี่”
“นายกำลังหมายถึงว่าจะนอนข้างฉัน?”
“ฉลาดดีเลสลีย์” ไทเลอร์ดีดนิ้วก่อนจะเอ่ยชมคนตัวขาว พลางส่งรอยยิ้มทะเล้นให้อีกฝ่าย
“แต่ฉันไม่อยากนอนข้างนาย”
“นี่อย่าบอกนะว่ากลัวฉันจะทำอะไรนาย”
“แล้วนายมันน่าไว้ใจมากงั้นสิ”
จนแล้วจนรอดสุดท้ายก็กลายเป็นว่าทั้งคู่ต้องนอนข้างกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยที่อัลฟ่าแดนเหนือนั้นยังคงส่งสายตาขุ่นเคืองมาให้กับหัวหน้าหน่วยเป็นระยะ ๆ
“นายยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟัง เรื่องที่พวกสเปนเซอร์มาเดอะฮิลล์”
“นายอยากรู้อะไรล่ะ” เชสยอมเปิดโอกาสให้เลสลีย์คนเล็กได้ซักถามตัวเองเป็นครั้งแรก แม้ใจจริงจะไม่อยากพูดถึงสักเท่าไหร่ก็ตามแต่
“พี่ชายฉัน..”
“หมอนั่นไม่ได้มาด้วย.. ท่าทางสเปนเซอร์จะหวงน่าดู นายไม่รู้หรือ?” เชสย้อนถามแอชเชอร์อย่างไม่คาดหวังในคำตอบที่ตัวเองโยนไปส่ง ๆ
“ทำไมฉันต้องรู้เรื่องพวกนี้” แอชเชอร์ตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยในขณะที่ดื่มยาในถ้วยไปด้วย
“ฉันก็แค่ถาม เห็นสองคนนั้นดูแปลกดีก็เลยอยากรู้อะไรกับเขาบ้าง”
“ก็ขอให้จริงอย่างที่ปากนายว่า” คิดหรือว่าแอชเชอร์จะเชื่อในคำพูดของไทเลอร์ง่าย ๆ คนอย่างหมอนี่ไม่มีทางถามอะไรแบบนี้ออกมา หากไม่คิดจะหว่านล้อมให้ตัวเขาพูดอะไรบางอย่าง
“ไม่ใช่ว่ามีอะไรที่มากกว่านี้แต่นายไม่ยอมบอกฉันหรอกหรือ”
“นายต่างหากที่ไม่ยอมบอกฉัน”
ทั้งแอชเชอร์และไทเลอร์ต่างก็มีเรื่องที่ปกปิดไว้ในใจด้วยกันทั้งคู่ แม้จะพูดคุยราวกับว่าไม่รู้เรื่องอะไร แต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าลมปากที่พูดออกมาพวกนั้นมันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยสักนิด
“งั้นมานายกับฉันลองมาแลกกันตอบคำถามคนละข้อดูไหมล่ะ” เชสเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอให้กับแอชเชอร์ ซึ่งเจ้าตัวก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่าคนอย่างแอชเชอร์จะไม่ลังเลที่จะกระโดดตะครุบข้อเสนอนี้แน่นอน
“ตกลง”
เห็นไหมว่าคนอย่างไทเลอร์เดาอะไรไม่เคยพลาด
“ฉันให้สิทธิ์นายถามก่อน” เชสว่าหลังจากตกลงกับอีกฝ่ายเรียบร้อย แสงไฟจากกองไฟตรงหน้ายังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี ทั้งให้ความอบอุ่นและทำให้เชสได้เห็นใบหน้าของเลสลีย์ได้อย่างชัดเจน
“นายกับอาเธอร์คิดจะทำอะไรกัน?”
นับว่าเป็นคำถามที่เหนือความคาดหมายของเชสไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มากเกินกว่าที่เจ้าตัวจะตั้งรับ หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์อดคิดในใจไม่ได้ว่าตัวเองนั้นประเมินเลสลีย์คนเล็กต่ำไปหน่อย ถึงได้ทำให้เจ้าตัวระแคะระคายอะไรได้มากขนาดนี้
“ทำทุกอย่างให้นายอยู่ห่างจากพวกแดนเหนือให้ได้มากที่สุด”
“นายตอบไม่ชัดเจน”
“พี่ชายนายกำลังกันนายให้ออกห่างจากริโอ.. เอาเป็นว่าถ้าพูดกันตรง ๆ นายในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากคนในปกครองของฉันสักเท่าไหร่หรอกเลสลีย์ ทั้งหมดพี่ชายนายเป็นคนขอร้องฉันเอง”
“นายสนิทกับอาเธอร์ขนาดที่ยอมช่วยฉันทั้งที่มันผิดกฎเนี่ยนะ” ความสัมพันธ์ระหว่างอาเธอร์กับเชสคงไม่ใช่แค่คนรู้จักกันธรรมดาแน่นอน เรื่องที่เสี่ยงขนาดนี้ใครจะยอมทำกันถ้าไม่เชื่อใจกันมากจริง ๆ
“ฉันให้นายถามฉันได้แค่คำถามเดียว..”
ยิ่งไทเลอร์ตัดบทแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์สงสัยมากขึ้นกว่าเดิม ว่าทั้งคู่นั้นสนิทสนมกันมากขนาดนี้ได้อย่างไร
“นายตอบไม่หมดไทเลอร์”
“ตาฉันถามนายบ้าง” ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ คิดหรือว่าจะปกปิดความลับพวกนั้นได้หมด ไม่มีทางเสียหรอก ยังไงแอชเชอร์ก็ต้องรู้ให้ได้
“นายโกงฉัน”
“บอกฉันมาหน่อยสิว่านายรู้อะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอาเธอร์กับริโอบ้าง?”
เจ้าของผิวขาวซีดถึงกับหยุดคิดไปชั่วครู่ เมื่อได้ยินคำถามของไทเลอร์ที่มุ่งประเด็นมาเรื่องพี่ชายของตัวเองอย่างไม่อ้อมค้อม
“ว่ายังไงล่ะ?” เชส ไทเลอร์ ถามย้ำเมื่อยังเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบไม่ยอมเปิดปากพูดเสียที
“เขาสองคนเป็นเพื่อนกัน..”
“นายมั่นใจ?” เชสเค่นเสียงหัวเราะในลำคอกับคำตอบที่ได้รับอย่างไม่เกรงใจ
“แต่ดูเหมือนว่าริโอจะไม่คิดแค่นั้นกับอาเธอร์ ก่อนหน้านี้เขาทะเลาะกันหนักมาก จนฉันคิดว่าเขาเกลียดกันไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่ว่าอาเธอร์จะทำอะไรหมอนั่นก็ขัดขวางไปเสียหมดรวมไปถึงเรื่องในตระกูลของฉันก็ด้วย”
“ฉันว่ามันเรียกว่าการเอาชนะมากกว่า”
“ฉันไม่รู้.. แต่ถ้ามันเป็นการเอาชนะอย่างที่นายพูด ก็แปลว่าหมอนั่นไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งอะไรขนาดนั้นกับอาเธอร์”
แม้จะพูดไปแบบนั้นแต่แอชเชอร์เองก็กลับไม่แน่ใจเสียเท่าไหร่ ว่าการคาเดาของตัวเองมันจะมีความถูกต้องมากน้อยสักแค่ไหน
“แต่ที่ฉันยังสงสัยก็คือ ทำไมหมอนั่นต้องคิดจะกำจัดนาย”
“นี่มันเกินหนึ่งข้อแล้ว..”
“คำถามนี้ไม่เกี่ยวกับข้อตกลง ฉันแค่อยากถามความคิดเห็นของนายก็เท่านั้น”
“ฉันไม่แน่ใจ.. มันเป็นไปได้หลายอย่างเกินกว่าที่จะมั่นใจว่าเพราะอะไรกันแน่”
“เรื่องของพวกตระกูลชั้นสูงนี่มันน่าปวดหัวสิ้นดี ไม่แปลกเลยสักนิดที่คนอย่างฉันจะไม่เข้าใจ”
“อย่ามาโกหกกันดีกว่า นายไม่ใช่คนโง่หรอกไทเลอร์”
“นายไม่คิดบ้างหรือไงว่าบางทีฉันอาจจะโง่จริง ๆ ก็ได้”
“คงไม่มีใครเลือกคนโง่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าคนเป็นพันหรอกจริงไหม?” ไทเลอร์ล่ะเกลียดพวกชอบรู้ทัน
“เผื่อนายจะลืมว่าฉันถนัดใช้กำลังมากกว่าสมอง”
“กำลังปากของนายก็ด้วย” แอชเชอร์ว่า ก่อนจะส่งคืนถ้วยยาที่ตัวเองดื่มจนหมดคืนให้กับไทเลอร์ที่ยังคงนั่งยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน
“นายก็ลองกับปากฉันแล้วนี่เลสลีย์”
“....”
“ถ้าฉันไม่ถนัดจริง คงไม่จูบนายจนปากช้ำได้ขนาดนี้หรอก”
ถ้าไม่ติดว่าแอชเชอร์เองยังเจ็บตัวอยู่ เชื่อเถอะว่าป่านนี้ไทเลอร์คงได้โดนหมัดหนัก ๆ เข้าสักทีให้มันจบไป
แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบครึ่งคืนแอชเชอร์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะนอนหลับแต่อย่างใด เจ้าตัวยังคงนอนมองสิ่งรอบตัวไปเรื่อย ในขณะที่ไทเลอร์ซึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ นั้นกลับหลับไปแล้ว คนตัวขาวเองก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นักหากหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์จะนอนหลับได้ง่ายขนาดนี้ ก็ในเมื่อวันทั้งวัน เชส ไทเลอร์เองก็ไม่ได้พักผ่อน แตกต่างจากตัวแอชเชอร์ที่ได้หลับไปเสียหลายตื่นจนเป็นผลทำให้ไม่รู้สึกอยากนอนในตอนนี้
ไม่ห่างจากตัวของแอชเชอร์นั้นก็มีชาลีที่ทิ้งตัวนอนหมอบหลับอยู่ จะมีบ้างที่มันยังคงลืมตามามองแอชเชอร์อยู่ยามคนตัวขาวขยับตัว ถึงจะมีสายตาไม่เป็นมิตร แต่หลังจากแอชเชอร์ได้อยู่กับชาลีเพียงลำพังอยู่เป็นวัน ๆ ก็ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วชาลีนั้นก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไร ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ยอมให้แอชเชอร์ลูบขนที่หลังคอให้แบบนี้...
จนถึงตอนนี้คนตัวขาวก็ยังอดคิดถึงคำพูดของไทเลอร์ไม่ได้ คำถามที่เกิดจากข้อตกลงนั้นมันดูเป็นคำถามที่คนเจ้าเล่ห์นั่นถามแอชเชอร์มาอย่างไม่คาดหวังในคำตอบ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถามย้ำราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่แอชเชอร์พูด
แอชเชอร์มั่นใจเลยว่า เชส ไทเลอร์ จะต้องรู้จักอาเธอร์เป็นอย่างดีถึงขนาดที่ทำให้พี่ชายของเขาไว้ใจและเชื่อใจคนที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน
เข็มกลัดประจำตัวของอาเธอร์ที่แอชเชอร์พกติดตัวมาด้วยถูกหยิบออกมาอีกครั้ง ความสวยงามของมันยังคงสะท้อนให้เห็นภายในดวงตาที่กำลังจ้องมองมันอย่างไม่วางตา ในขณะที่นิ้วเรียวสวยค่อย ๆ สัมผัสมันอย่างเบามือ
‘นายบ้าไปแล้วหรือไงอาเธอร์! ถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ขึ้นมานายจะเดือดร้อนแค่ไหนรู้บ้างไหม’ ภาพของพี่น้องตระกูลเลสลีย์ที่โต้เถียงกันในห้องนั้นสร้างความตกใจให้กับคนรับใช้ภายในบ้านได้เป็นอย่างดี ยิ่งเป็นนายน้อยคนเล็กที่ไม่ค่อยจะทะเลาะกับผู้เป็นพี่แล้วด้วยล่ะก็
‘ฉันไม่มีทางเลือกแอช..’ เลสลีย์คนโตที่เป็นฝ่ายโดนน้องชายขึ้นเสียงใส่ยังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ แม้ใบหน้าของเจ้าตัวจะเต็มไปด้วยความตึงเครียดก็ตาม
‘นายกำลังกลืนน้ำลายตัวเอง อะไรที่นายเคยพูดไว้ว่าจะไม่ทำ คำพูดพวกนั้นมันโกหกทั้งหมด!’
‘ฟังฉันก่อนได้ไหมแอช..’
แต่ในวินาทีนั้นความรู้สึกนายน้อยของเลสลีย์มันเต็มไปด้วยความโกรธ เกินว่าที่จะฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้นจากปากคนที่สร้างความผิดหวังให้กับตัวเอง
‘มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว นายยังจะอธิบายอะไรอีก’
‘นายต้องฟัง’
‘ฉันฟังนายมามากพอแล้ว อย่าทำให้ฉันรู้สึกแย่กับนายไปมากกว่านี้เลยอาเธอร์’
‘แอช..’
‘คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าหมอนั่นจะทำให้นายเป็นไปได้ขนาดนี้’
แววตาตัดพ้อที่ถูกส่งมาจากอาเธอร์นั้นแอชเชอร์เองก็เลือกที่จะเมินหนี แสร้งไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของพี่ชายที่แทบจะกลายเป็นคนที่แอชเชอร์ไม่เคยรู้จัก
‘แค่ความรู้สึกพวกนั้นมันทำให้นายยอมกดตัวเองให้ตกต่ำได้ขนาดนี้เลยหรือ? นายยังมีศักดิ์ศรีของเลสลีย์เหลืออยู่บ้างไหม’
‘....’
‘ต่อให้ดันทุรังแทบตาย เรื่องของพวกนายก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกอาเธอร์..’
ในตอนนั้นเขาพูดจาร้ายกาจแบบนั้นออกไปได้อย่างไร.. แอชเชอร์ได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมากับความขลาดเขลาที่มากเกินกว่าจะให้อภัย
ความรู้สึกอุ่นร้อนไหลรินรดมาจากหัวตากระทบกับแก้มขาวซีด จนทำให้เจ้าของดวงตาแดงก่ำกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ของตัวเอง ความรู้สึกผิดอัดแน่นอยู่เต็มอกของคนที่รู้ทุกอย่างดีอย่างแอชเชอร์
คำพูดที่แอชเชอร์เคยเอ่ยทำร้ายคนฟังอย่างอาเธอร์มันก็ไม่ต่างจากมีดสองคม ที่ไม่ว่าจะจับด้านไหนก็มีแต่จะสร้างบาดแผลและความเจ็บปวด
การร้องไห้ที่ไร้เสียงสะอื้น และมีแต่เพียงน้ำตานั้นดูไปก็ทรมานไม่น้อยสำหรับคนที่ต้องเก็บความรู้สึกแย่ ๆ พวกนั้นเอาไว้ในใจไม่ให้ใครได้รับรู้ ยิ่งแอชเชอร์รู้ว่าพี่ชายของตัวเองพยายามช่วยตัวเองมากแค่ไหน มันก็ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อในอกเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม
อาเธอร์ผลักเขาออกมาจากโลกโสมมพวกนั้น ในขณะที่ตัวเองทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตายืนอยู่ในโลกแสนสกปรกพวกนั้น นี่มันถูกต้องแล้วหรือ?
แค่ความสูญเสียที่ได้รับก่อนหน้านี้มันก็มากเกินพอ ที่แอชเชอร์จะต้องยอมสูญเสียคนสำคัญในครอบครัวอีกคนหนึ่งไป
แดนเหนือในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเชื้อเพลิงดี ๆ ที่กำลังรอให้ใครสักคนมาจุดชน..
“คิดถึงพี่ชายหรือไงเลสลีย์..” คนที่แอชเชอร์คิดว่าหลับไปแล้วนั้นจู่ ๆ ก็พูดโพล่งออกมา จนทำให้คนที่กำลังร้องไห้อยู่เงียบ ๆ นั้นถึงกับนอนตัวแข็ง
“นายยังไม่หลับหรือ?” เสียงนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าทุกครั้ง จนคนถูกถามต้องขยับเข้ามาใกล้ ๆ
“นายว่าอะไรนะ” มือใหญ่ของไทเลอร์สัมผัสเข้าที่ไหล่ของคนตัวขาวซีด ก่อนเจ้าตัวจะชะโงกหน้าไปมองคนที่นอนตะแคงหันหลังให้กับตัวเอง ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่คาดไว้.. นายน้อยเลสลีย์นั้นกำลังร้องไห้อยู่จริง ๆ อีกทั้งในมือของเจ้าตัวเองก็ยังคงมีเข็มกลัดของพี่ชายที่ตัวของไทเลอร์เป็นคนนำมามอบให้
“อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ได้ไหม..”
เมื่อเห็นคราบน้ำตาที่ยังคงเปื้อนแก้มขาวนั่นก็ทำให้ไทเลอร์ต้องยอมปิดปากในทันที คนที่แสนดื้อรั้นและพยศอย่างแอชเชอร์ ยามที่เป็นแบบนี้มันทำให้ไทเลอร์รู้สึกไม่ดีไปด้วย ไม่ว่าจะด้วยเพราะเหตุผลไหนก็ตามแต่ที่ทำให้เจ้าตัวเสียน้ำตา
ไทเลอร์เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเลสลีย์ สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดแบบนี้เล่นเอาไทเลอร์รับมือลำบากเช่นกัน เขาเองก็ไม่เคยปลอบคนร้องไห้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จะมีก็แต่ปล่อยให้หยุดร้องเองโดยไม่ต้องมานั่งพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจ
ฟุ่บ
ไทเลอร์ที่นอนอยู่ข้าง ๆ ดึงไหล่ของคนตัวขาวให้พลิกตัวหันหน้าเข้าหาตัวเอง ก่อนจะดึงรั้งช่วงเอวคอดได้รูปของแอชเชอร์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดตัวหนาเข้ามาหา ซึ่งคนที่ถูกดึงเข้าไปกอดนั้นก็ใช้มือดันเข้าที่หน้าอกอีกฝ่ายในทันที
“อยากร้องก็ร้องซะ ฉันไม่ห้าม” เชสว่าเสียงเข้ม พลางกดใบหน้าของอีกคนให้ซุกลงที่หน้าอกของตัวเอง
“ทำบ้าอะไรของนาย”
“ฉันจะยอมเป็นพี่ชายให้นายสักคืนหนึ่งก็แล้วกันเลสลีย์ตัวน้อย”
คำเรียกที่ใช้เรียกแอชเชอร์ของไทเลอร์นั้นทำให้คนตัวขาวถึงกับกระดากอายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เลสลีย์ตัวน้อยบ้าบออะไรกัน ไทเลอร์ชักจะใช้คำน่าเกลียดกับเขาเกินไปแล้ว!!
“ไทเลอร์!”
“ว่ายังไงเลสลีย์”
อย่างไทเลอร์น่ะไม่มีทางเป็นพี่ชายให้แอชเชอร์ได้เลยสักนิด... ถ้าเป็นอาเธอร์หมอนั่นคงไม่มีทางพูดจากวนประสาทแบบนี้กับแอชเชอร์แน่ ๆ
“ใครสั่งให้สอนให้นายปลอบใจคนอื่นด้วยการกวนประสาทกันไทเลอร์!”
“ก็ปลอบใจในแบบของฉันไง :)”
ท่ามกลางสถาปัตยกรรมอันงดงามและแสงไฟจากโคมไฟซึ่งประดับตกแต่งภายในห้อง กลับไม่ได้ทำให้คนที่อยู่อาศัยรู้สึกสุขใจเลยสักนิด ความงามของมันกลับกลายเป็นพิษร้ายที่คอยทำร้ายให้คนที่อยู่อาศัยนั้นบอบช้ำมากขึ้นในทุกวัน คำภาวนาที่เฝ้าสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าก็ดูจะเป็นเรื่องที่ถูกเมินเฉย
ปัญหาทุกอย่างยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนน่าหวั่นใจว่าสักวันมันจะกลายเป็นตัวทำลายทุกคนที่อยู่รอบข้าง...
“ถ้านายไม่อยากเดือดร้อนก็หยุดยุ่งกับเรื่องนี้ซะอาเธอร์”
ร่างขาวจัดที่อยู่ในชุดสีอ่อนตัวยาวซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะไม้ลวดลายสลักสวยงามภายในห้องส่วนตัว เงยหน้ามองผู้ที่เข้ามาใหม่เล็กน้อย ก่อนจะหันหลับมาสนใจในหน้าหนังสือที่ตัวเองกำลังอ่านดังเดิม ราวกับไม่สะทกสะท้านในคำพูดของคนที่ยืนอ้าปากพูดปาว ๆ
“ฉันกำลังอ่านหนังสือ...” แต่ถึงอย่างนั้นเลสลีย์คนโตก็ยังคงตอบกลับไปอย่างรักษามารยาท ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยให้คนอย่างริโอยอมล่าถอยออกไปง่าย ๆ
เจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดผ้าเนื้อดีของชนสูงศักดิ์นั้นก้าวเท้าเข้ามาหาคนที่ยังนั่งเมินเฉยตัวเองไม่เลิก ยิ่งอาเธอร์ทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ริโออยากจะเอาชนะ
“อ่านไปมันก็ไม่ได้ทำให้นายออกไปจากที่นี่ได้..” แขนแข็งแรงของรอยัลอัลฟ่าเท้าคร่อมซ้อนทับจากทางด้านหลังของคนตัวขาวที่นั่งอยู่ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาพูดคุยกับคุณชายเลสลีย์
“อย่างน้อยฉันก็ทำให้แอชหนีนายพ้น..” ใบหน้างดงามของอัลฟ่าหนุ่มที่ต้องแสงไฟสีนวลยังคงเชิดขึ้นอย่างถือดี จนริโออดขบขันภายในใจอย่างเสียไม่ได้
“อย่าหวังว่าฉันจะหยุดจนกว่าจะได้ตัวแอชเชอร์..”
“พอสักทีเถอะริโอ สิ่งที่นายกำลังทำมันมากเกินไปแล้ว”
“แล้วฉันทำเพื่อใคร? นายรู้บ้างไหมอาร์ธ”
“ฉันไม่ต้องการ...”
“....”
“ฉันไม่เคยต้องการอะไรจากนายทั้งนั้นริโอ”
ใบหน้าขาวผินเข้าหาคนที่โน้มใบหน้าลงมาคุยกับตัวเองทันที เมื่อฝ่ามือของคนที่เท้าแขนคร่อมตัวเองนั้นเลื่อนเข้ามาทาบทับฝ่ามือของตัวเองทั้งสองข้าง ซ้ำย้ำยังออกแรงบีบจนทำให้อาเธอร์ต้องยอมปล่อยหนังสือที่อยู่ในมือออก
“แต่ฉันต้องการนาย”
ฝ่ามือใหญ่ของร่างสูงใหญ่นั้นบังคับฝ่ามือขาวที่ตัวเองจับอยู่ ให้ขึ้นมาทาบทับที่บริเวณอกด้านซ้ายของอาเธอร์เองซึ่งในตำแหน่งนั้นเองก็คือตำแหน่งที่มีเข็มกลัดของตระกูลสเปนเซอร์ติดเอาไว้ เพื่อตอกย้ำให้คุณชายของเลสลีย์ได้ตระหนักถึงสถานะของตัวเองในตอนนี้
“จำเอาไว้..”
หรือนี่จะเป็นบทลงโทษของคนทรยศอย่างอาเธอร์ต้องชดใช้กัน...
HASTAG #youngmastermn
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

; - ; กอดๆอาเธอร์
ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าา่