ตอนที่ 3 : Young Master : Chapter 2
ทุกสิ่งรอบตัวมันดูแปลกประหลาดไปหมดสำหรับคนที่ใช้ชีวิตในแดนเหนือมาตลอด ทุกอย่างกลายเป็นความแปลกใหม่ชวนให้ตื่นเต้นจนเลือดในกายอัลฟ่าหนุ่มพลุ่งพล่าน
ความชื้นจากหยดน้ำที่ร่วงหล่นมาจากท้องฟ้า แม้จะไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาวเย็นเท่าแดนเหนือ แต่ความชื้นของแดนใต้ก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่สำหรับคนที่ต้องปรับตัว กลิ่นไอดิน ไอฝน หรือแม้กระทั่งกลิ่นไม้ป่ากลับดูเข้ากันอย่างประหลาด
ต้นไม้ที่ได้รับหยาดฝนชโลมยิ่งดูมีชีวิตชีวาจนยากจะละสายตา สีเขียวชะอุ่มตามใบที่งอกงามตัดกับสีน้ำตาลเข้มของลำต้นและกิ่งก้าน หากลองแหงนหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าก็จะเห็นกลุ่มเมฆสีขาวที่ลอยพาดผ่านเนินเขาสูงต่ำที่ไล่เรียงสลับกันจนเกิดเป็นความสวยงามที่สร้างสรรค์โดยธรรมชาติ
ความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสพวกนี้คงอาจจะทำให้แอชเชอร์รู้สึกดี หากไม่ใช่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เกินกว่าที่จะตั้งรับทัน ต่อให้แค้นใจแค่ไหนแต่ด้วยสภาพร่างกายที่ยังไม่เอื้ออำนวย แอชเชอร์ก็คงยังทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้ อีกทั้งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไทเลอร์จะจัดการเรื่องของตัวเองอย่างไร
มีความเป็นไปได้เพียงแค่สองอย่างนั่นก็คือถีบหัวส่งเขากลับไปยังแดนเหนือหรืออีกทางเลือกหนึ่งก็คือเก็บเขาไว้ เป็นตัวต่อรองเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
อัลฟ่าแดนเหนือยังคงนั่งบนเก้าอี้ทอดมองสรรพสิ่งรอบตัวไปพร้อมกับความเงียบที่ปิดกั้นตัวเองออกจากความวุ่นวายภายนอก
ต่อให้ที่นี่จะน่าสนใจมากสักแค่ไหนแต่จิตใจของแอชเชอร์ก็ยังคงเป็นกังวลถึงคนที่เป็นสายเลือดเดียวกัน ซึ่งยังอยู่อีกฟากฝั่ง ชะตากรรมของคนเป็นพี่จะเป็นยังไงแอชเชอร์ก็ไม่สามารถจะคาดเดาได้ ถ้าจะพูดให้ถูกแอชเชอร์และพี่ชายต่างไม่ได้พบเจอกันร่วมเดือนก่อนตัวเลสลีย์คนน้องจะหนีออกมา
หวังว่านายจะปลอดภัย เหมือนอย่างที่ฉันปลอดภัย...
การกระทำทั้งหมดของแอชเชอร์ยังคงตกอยู่ภายใต้กรอบสายตาของเชส แม้จะได้พูดคุยกันไปแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่นเสียเมื่อไหร่ คนกวนประสาทกับคนความอดทนต่ำมาเจอกันใครกันที่จะประสาทเสียมันก็คงไม่พ้นต้องเป็นแอชเชอร์ แววตาดุดันของหัวหน้าหน่วยประจำเดอะฮิลล์ยังคงจดจ้องไปที่อัลฟ่าแดนเหนืออย่างพิจารณา
เชสอดชื่นชมในรูปหน้าของอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้ แม้ใจจริงจะไม่อยากคิดแบบนั้นก็ตามแต่จะด้วยความลำเอียงของพระเจ้ามันก็คงใช่ เพราะไม่อย่างนั้น แอชเชอร์ เลสลีย์ ก็คงไม่มีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบได้ขนาดนี้ จากจุดที่ร่างสูงยืนมองจะทำให้เห็นเพียงใบหน้าด้านข้าง นั่นมันก็มากพอที่จะทำให้เชสเห็นศิลปะที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดได้อย่างเต็มตา
ความงดงามของพี่น้องตระกูลเลสลีย์เป็นเรื่องที่ยากจะปฏิเสธ
คงต้องขอบคุณเลสลีย์คนพี่ที่ทำให้เชสรู้สึกไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก กับการที่ได้รับรู้ว่าคนที่ตัวเองช่วยเหลือมาคือคนของเลสลีย์ ถ้าหากเลสลีย์คนน้องเปรียบดั่งจิตกรรมชั้นเลิศเลสลีย์คนพี่ก็คงไม่ต่างจากประติมากรรมชิ้นเอกเช่นเดียวกัน
ร่องรอยของบาดแผลตามร่างกายที่ถูกรักษาดูจะทำให้อัลฟ่าแดนเหนือขยับตัวได้คล่องขึ้นแต่ก็ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผ้าสีขาวที่ถูกพันอยู่รอบตัวบริเวณช่วงหน้าท้องลามมาถึงลาดไหล่ เชสเข้าใจดีว่ามันน่ารำคาญจนอยากจะกระชากทิ้ง การกระทำที่ว่านั่นเชสเองก็เคยทำมันมาแล้วเรียกได้ว่าโดนเอริคบ่นเสียจนหูชาจนต้องเอ่ยปากให้อีกฝ่ายทำแผลให้ใหม่เพื่อปิดปากร้าย ๆ นั่น
ทว่าแอชเชอร์ในตอนนี้คงกลายเป็นคนไข้หนึ่งในดวงใจของเอริคไปแล้วก็คงถูกเ ป็นเรื่องหายากชนิดที่ทำเอาลูฟถึงกับทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ เมื่อได้ยินเอริคใช้น้ำเสียงนุ่มคุยกับแอชเชอร์ขณะที่กำลังทำแผลเมื่อตอนเช้า
‘นี่ลูฟ มองขนาดนั้น อีกนิดตานายมันจะถลนออกมาแล้วนะ..’
‘นายทำงานหนักเกินไปใช่ไหมเอริค ถึงได้เป็นแบบนี้..’
‘ว่าง ๆ นายก็หัดพาหมอนี่ไปหาอะไรทำให้สมองเลิกฟุ้งซ่านบ้างก็ดีนะเชส’
นอกจากพระเจ้าจะลำเอียงแล้ว เอริคเองก็ลำเอียงเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่แว้งมาเหน็บแนมอัลฟ่าแดนใต้ที่ยืนมองอยู่เฉย ๆ หรอก
“ถ้าฝนหยุดตก นายจะออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ได้นะ...”
ทันทีที่เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก็ทำให้คนที่กำลังเพลิดเพลินกับการใช้เวลากับตัวเอง ผินใบหน้ากลับมามองเจ้าของห้องตัวจริงที่ยืนกอดอกยกยิ้มให้ตัวเอง
“ไม่ล่ะ.. ขอบคุณ” แอชเชอร์ปฏิเสธคำอนุญาตนั้นอย่างไร้เยื่อใย จนหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ถึงกับหัวเราะในลำคอ
“ปฏิเสธแบบนี้ เจ้าบ้านแบบฉันก็เสียใจแย่”
“พึ่งจะรู้เหมือนกันนะว่าห้วหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ชอบใช้เวลาว่างด้วยการกวนประสาทคนอื่น..” เลสลีย์คนน้องตอกกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ก็ไม่น่าไปแหย่ตั้งแต่แรก
“แย่หน่อยนะ พอดีมันแก้ไม่หายน่ะเลสลีย์”
“เชส!!”
เสียงตะโกนที่ดังมาจากด้านล่างทำให้เชสขมวดคิ้วเข้าหากันในทันที เสียงโวยวายแบบนี้มันจะเป็นใครได้นอกจากลูฟ
“เสียงนายกำลังรบกวนเลสลีย์อยู่นะลูฟ..” ทันทีที่ลูฟโผล่หน้ามาให้เห็น เชสก็เอ่ยปากว่าทันทีก่อนจะพยักพเยิดไปทางอัลฟ่าแดนเหนือที่หันมามองทั้งสองอย่างสนใจ
“โทษทีเลสลีย์ พอดีมันชินน่ะ” ลูฟว่าก่อนจะยิ้มแห้งแล้วหันไปคุยกับเชสต่อ “แล้วนี่นายเตรียมตัวเสร็จหรือยังเชส ฝนใกล้จะหยุดตกแล้ว”
“จริงจังทุกเรื่องที่ไม่ใช่งานทุกที” เชสว่า
“ทำงานกับพักผ่อนมันก็คนละเรื่องอยู่แล้วสิ นายก็เห็นว่าคนในหน่วยหึกเหิมทุกทีที่เราแข่งกันเองในหน่วย”
หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์หันมามองหน้าคนที่ยึดครองห้องนอนตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแสยะยิ้มกวน พลางเอ่ยประโยคที่ทำให้แอชเชอร์ผุดลุกขึ้นยืนจนลืมเจ็บ
“ซึ่งมันก็ทำให้ไม่แปลกที่เราจะแข็งแกร่งกว่าพวกแดนเหนือ”
“ยังไม่เลิกหาเรื่องเลสลีย์อีกหรือ..” ลูฟกระซิบลอดไรฟัน ก่อนจะหันไปฉีกยิ้มแห้งให้ใครอีกคนเป็นรอบที่สอง “เดี๋ยวก็ได้โดนต่อยปากเข้าสักวัน”
“ก็คงยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้..”
จากสภาพของแอชเชอร์ในตอนนี้ ให้เดินให้ไม่เซยังยาก นับประสาอะไรกับการพุ่งเข้าชนเชส มันเป็นไปไม่ได้หรือถ้าเป็นไปได้ก็คงต้องแลกกับแผลฉีก ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้น้อยมากที่อีกคนจะทำแบบนั้น
“อย่าถือสากันเลยนะเลสลีย์ เพื่อนฉันมันก็แบบนี้”
“ทางที่ดี ฉันว่านายรีบพาเขาออกไปตอนนี้เลยน่าจะดีกว่า” แอชเชอร์ว่าก่อนจะหมุนตัวกลับไปสนใจฝนที่ตกทางด้านนอกหน้าต่าง และการกระทำเหล่านั้นก็ไม่ต่างจากการเมินเฉย
“ไปเถอะ..” เชสยักไหล่น้อย ๆ ก่อนจะเดินนำลูฟลงมาทางด้านล่าง ก่อนจะคว้าเอาเสื้อยืดที่สามารถถอดได้ง่าย ๆ มาใส่แทนเสื้อตัวหนาที่เคยใส่
“ขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องใส่ก็ได้มั้ง ยังไงก็ต้องถอดอยู่ดี” ลูฟว่า
“ฉันไม่ใช่พวกชอบโชว์หุ่นแบบนาย..” แม้จะมีร่างกายแข็งแกร่งสมกับการเป็นหน่วยป้องกัน แต่เชสก็ไม่ใช่พวกชอบเปิดเผยร่างกายเสียเท่าไหร่หากไม่จำเป็น อีกอย่างในหน่วยก็มีแค่เบต้ากับอัลฟ่า มันคงไม่ใช่เรื่องดีถ้าในหน่วยป้องกันจะมีโอเมก้า เหตุผลหลักก็คงไม่พ้นการกดขี่ และความปลอดภัยของพวกที่อยู่ต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร หากมีโอเมก้ามันก็จะรังแต่มีปัญหาให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
“ว่าแต่ว่า นายจะปล่อยให้เลสลีย์อยู่ที่นี่คนเดียวงั้นหรือ?”
“ฉันวานให้คนไปบอกเอริคแล้ว เดี๋ยวสักพักหมอนั่นก็คงมา” เชสตอบก่อนจะเสยผมของตัวเองให้เข้าที่ แล้วคว้าซองผ้าสำหรับเก็บมีดพกมารัดที่ต้นขา “ไม่ต้องห่วง”
“เกิดหมอนั่นทำอะไรขึ้นมา พวกเราจะซวยเอา”
“ก็ลองดู...” แล้วคิดหรือว่าถ้าเข้ามาทำให้พวกเขาเดือดร้อน เชสจะปล่อยให้แอชเชอร์ได้ออกไปง่าย ๆ
“อย่าพึ่งคลั่ง นายยังไม่ทันได้ลงสนามเลยนะเชส” ลูฟเอ่ยหยอกเพื่อนสนิทที่กำลังแสยะยิ้มร้ายกาจ เห็นกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ลูฟก็อดขนลุกไม่ได้ รอยยิ้มของเชสน่ะน่ากลัวยิ่งกว่าหน้าตาตอนนิ่ง ๆ เสียอีก
“สงสัยว่าเครื่องจะติด..”
“ถ้างั้นวันนี้ หัวหน้าหน่วยก็คงกินเรียบเหมือนเคย”
“ขำ ๆ น่า”
คำว่าขำ ๆ ของเชสมันมีอยู่จริงเสียที่ไหน จะให้ลูฟพูดกี่ครั้งมันก็ไม่มีอยู่จริงหรือถ้ามีอยู่จริงก็คงจะเป็นคำหลอกลวงที่ฟังยังไงก็ไม่น่าเชื่อ
“ออมแรงให้คนอื่นบ้างก็ได้”
“เผื่อนายจะลืมว่าเกมที่ว่ามันคือการฝึก”
ใช่.. เชสพูดไม่ผิดหรอก คำเรียกสั้น ๆ ที่รู้กันดีภายในหน่วยเดอะฮิลล์อย่างเกม มันคือการฝึกที่เกิดขึ้นเป็นประจำเพื่อให้คนในหน่วยได้มีอะไรฆ่าเวลาเล่น แทนการทำงานที่แสนจะน่าเบื่อ
“แต่สำหรับนายมันก็เป็นแค่เกม”
“เหมือนอย่างที่นายคิด” เชสตบไหล่เพื่อนตัวสูงหนัก ๆ “แล้วตัดสินใจหรือยังล่ะว่าจะอยู่ฝั่งไหน”
“แน่นอนว่าต้องตรงข้ามกับนาย”
ประโยคพูดคุยที่ท้าทายพวกนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับเกมการฝึก ทั้งเชสและลูฟต่างไม่มีใครติดใจถ้อยคำกระแทกแดกดันที่พูดกันเท่าไหร่นัก ตรงกันข้ามยิ่งยั่วยุก็ยิ่งทำให้เลือดบ้าในตัวมันพลุ่งพล่าน
“ถึงจะเป็นเพื่อน ฉันก็ไม่ออมแรงให้หรอกนะลูฟ”
“เล่นมากี่เกม ฉันก็เห็นนายออมแรงให้ทุกที” ลูฟเบ้ปากกับคำพูดคำจาของเพื่อน “ขนาดออมแรง นายยังเล่นพวกฉันเสียอ่วม..”
ลูกบ้าของเชสยากที่จะหาคนมารับมือลูฟขอยืนยันได้ แม้จะไม่ได้รูปร่างสูงชะลูดแบบลูฟ แต่เชสกลับมีรูปร่างสูงโปร่งที่ไม่ได้มากหรือน้อยเกินไป มัดกล้ามเนื้อแน่นยังคงพอดีกับร่างกายที่ถูกออกแบบ อีกทั้งยังคล่องตัวในการขยับร่างกายจนไม่เป็นที่แปลกใจเท่าไหร่ถ้าจะว่องไวและรวดเร็ว
“ยังไงฉันก็หวังว่าฝั่งป้องกัน จะพัฒนากว่าครั้งที่แล้ว...”
ถ้าจะให้อธิบายง่าย ๆ การฝึกหรือเกมที่ว่าของเดอะฮิลล์ก็คือการชิงธง ซึ่งจะแบ่งเป็นสองฝั่งคือฝั่งป้องกันและฝั่งจู่โจม ฝั่งป้องกันจะต้องทำหน้าที่รักษาธงของหน่วยที่ปักอยู่บนเนินเขาลูกใหญ่ให้ได้ ส่วนฝั่งจู่โจมก็ต้องทำทุกอย่างที่จะขึ้นไปชิงธง แม้จะดูเสียเปรียบสำหรับฝั่งป้องกันแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะในทีมจู่โจมเองก็มีตัวหลอกอยู่หนึ่งคน ซึ่งคน ๆ นั้นจะเป็นคนที่ถูกเลือกโดยเอริคและเป็นความลับ ไม่มีใครรู้ได้จนกว่าโดนจับได้จากฝั่งจู่โจมเองหรือจากการที่ตัวหลอกนั่นสามารถขึ้นไปยกธงประจำหน่วยที่เป็นที่แย่งชิงนั่นได้ ซึ่งแต่ละครั้งที่ผ่านมาก็ยังไม่มีตัวหลอกคนไหนที่จะรอดพ้นสายตาของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ได้
“พวกเขาทำอะไรกัน...”
ภายในบ้านของหัวหน้าหน่วยที่ตอนนี้มีอัลฟ่าแดนเหนือมาร่วมอาศัยชายคา เกิดเสียงบทสนทนาขึ้นหลังจากที่เอริคเข้ามาหาคนเจ็บก่อนจะชวนลงมานั่งดื่มชา
“เล่นเกมน่ะ” เอริคตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ พลางดันกรอบแว่นที่ตกลงถึงสันจมูกให้เข้าที่
“แต่จากที่ฉันเห็นมันดูไม่เข้าเค้ากับคำว่าเกมสักเท่าไหร่” แอชเชอร์แย้งก่อนจะนึกถึงภาพของไทเลอร์และเชอร์ชิลที่เดินออกไปจากบ้าน ทั้งที่ยังมีอาวุธขนาดเล็กพกพา
“เกมของเดอะฮิลล์มันหมายถึงการฝึกต่างหากล่ะเลสลีย์..” มุมปากหยักยกยิ้มนิด ๆ เมื่อเห็นใบหน้าใคร่อยากรู้อยากเห็นของอัลฟ่าแดนเหนือ
“แล้วฝึกกันตอนนี้เนี่ยนะ ฝนยังไม่หายตกดีเลยด้วยซ้ำ”
“แบบนี้สิยิ่งดี นายว่ามันไม่ท้าทายดีหรือไง ปกติแล้วการขึ้นไปชิงธงบนเขานั่นมันก็ยากอยู่แล้ว พอฝนตกแบบนี้มันก็ยิ่งยากขึ้น”
“แต่มันอันตราย”
“นั่นล่ะที่เชสต้องการ ยิ่งอันตรายหมอนั่นยิ่งชอบ” คนมาใหม่นั้นไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะไม่คุ้นชินกับความคิดพวกนี้ “ถ้าแค่นี้ยังรักษาชีวิตตัวเองไม่ได้ก็คงไม่ต้องหวังว่าจะเอาตัวรอดได้ถ้าต้องสู้ขึ้นมา”
ให้ตายสิ.. แอชเชอร์ล่ะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงมีความคิดแบบนี้กัน เรื่องความเป็นความตายยังเอามาเล่นกับเป็นเกม
“ฉันล่ะไม่เข้าใจพวกนาย..”
“ใครจะรู้ว่าต่อไปนายอาจจะเข้าใจพวกเรามากขึ้นกว่าที่คิดก็ได้”
“ขอปฏิเสธตั้งแต่วันนี้เลยคงจะดีกว่า ฉันยังไม่อยากเอาอะไรพวกนี้มาฝังหัว”
หัวแข็งแบบเลสลีย์นี่มันน่าจับเอาความคิดแดนใต้ฝังหัวให้เข็ดนัก นั่นคือสิ่งที่เอริคคิดในใจยามที่เห็นอัลฟ่าหัวดื้อตรงหน้า
“ไว้นายหาย จะลองไปเล่นดูก็คงไม่เสียหาย” เอริคยังคงคะยั้นคะยออัลฟ่าแดนเหนือไม่เลิก
“นายคิดว่าฉันจะมีวันนั้นงั้นเหรอ”
“พูดแบบนี้ นายคงกำลังคิดว่าเชสจะส่งนายกลับไปทางฝั่งนั้น”
“หรือไม่ถูกล่ะ?” แอชเชอร์วางแก้วในมือลงก่อนจะหันมามองหน้าคู่สนทนาเป็นจริงเป็นจัง “หมอนั่นคงไม่เก็บฉันไว้เฉย ๆ แน่”
“เท่าที่รู้ เชสจะไม่ส่งนายกลับไปที่นั่น” เอริคเอ่ยตามสิ่งที่ได้ยินมา ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเชสก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของหัวหน้าหน่วยอยู่ดี “ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม แต่ดูจากท่าทางแล้วนายคงอยากจะกลับไปที่นั่นน่าดู”
“การจะอาศัยอยู่ในแดนใต้ คงไม่ใช่วิสัยของคนแดนเหนือ นายก็รู้...”
“ทั้งที่แดนเหนือไม่เหลืออะไรสำหรับนายอย่างนั้นน่ะหรือ...”
นับว่าเมอร์เรย์จี้ใจของแอชเชอร์ได้อย่างถูกจุด แวบนึงที่หมอหนุ่มเห็นดวงตาคู่นั้นแข็งกร้าวขึ้นมาเพียงชั่วครู่
“ใครบอกว่าฉันไม่เหลือ..”
เจ้าของลาดไหล่กว้างลอบมองปฏิกิริยาของอัลฟ่าแดนเหนือด้วยความสนอกสนใจ ถึงจะบาดเจ็บจนเรียกได้ว่าเกือบจะสาหัสนั่นก็ไม่ได้ทำให้เลสลีย์อ่อนแอจนน่าเกลียด มิหนำซ้ำความเจ็บพวกนี้ก็ดูจะกลายเป็นแรงผลักบางอย่างที่ทำให้เจ้าตัวรอวันฟื้นตัว มองดูแล้วก็คงไม่ต่างจากหมาป่าที่กำลังบาดเจ็บ หากวันใดที่มันหายดี เชื่อได้เลยว่ามันจะต้องกลับมาล่าได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
“อ่อ.. ฉันลืมไปว่ายังมีเลสลีย์คนโตอีก”
“ดูเหมือนว่าพวกนายจะรู้จักกับอาเธอร์จังนะ ทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้”
“พี่ชายนายคือทุกอย่างของการเป็นไปได้ที่อยู่บนความเป็นไปไม่ได้...” แอชเชอร์ขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้รับฟังประโยคแปลก ๆ จากหมอหนุ่ม “นายควรจะดีใจนะที่อย่างน้อยพี่ชายนาย ไม่ใช่ศัตรูของเรา”
แม้แอชเชอร์จะพอรู้มาบ้างว่าอาเธอร์มักจะชอบแหกกฎที่คนเป็นพ่อสร้างไว้ แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าพี่ชายตัวดีจะกล้ามาเป็นมิตรกับทางแดนใต้ ทั้งที่มันเป็นข้อห้ามซึ่งต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อาเธอร์ชอบเดินทาง ชอบไปในที่อันตรายจนบ่อยครั้งต้องถูกลงโทษแต่หมอนั่นก็ไม่เคยจำ ผิดกับแอชเชอร์ที่มักจะอยู่ในกฎและทำตามที่คนเป็นพ่อวางไว้
“หมอนั่นมันบ้า...”
“นายก็คงต้องขอบคุณไอ้บ้านั่นไว้ซะ”
“ถ้านายบอกว่าที่นี่เป็นมิตรกับอาเธอร์ งั้นก็แสดงว่าไทเลอร์ก็ต้องสนิทกับพี่ชายฉันพอสมควร?”
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่”
“!!!”
“นายก็รู้ว่าเชสน่ะกวนประสาท พูดกับฉันดี ๆ ได้ไม่กี่ประโยค” ในที่สุดแอชเชอร์ก็เจอคนที่คิดแบบเดียวกับตัวเองสักที
ไทเลอร์นี่คงจะถนัดหาเรื่องกวนประสาทชาวบ้านเขาไปทั่ว..
“สาบานเลยว่าถ้าไม่ได้เจ็บขนาดนี้ หมอนั่นคงได้ปากแตกเข้าสักวัน”
“ลองดูสิเลสลีย์ ถ้านายคิดว่าสู้แรงทรูอัลฟ่าได้...”
ทรูอัลฟ่า? คงไม่ได้หมายถึงไทเลอร์หรอกนะ..
เชส มีความหมายว่าการไล่ล่า เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงต้องชื่อนี้จนกระทั่ง เขารู้จักตัวตนของตัวเองจริง ๆ เมื่อเติบโตขึ้นมา เชส ไทเลอร์ เป็นทรูอัลฟ่าที่สมบูรณ์แบบ ทักษะ และความสามารถของเชสทำให้เจ้าตัวได้ขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยป้องกันเดอะฮิลล์ด้วยอายุยี่สิบต้น ๆ หากเปรียบเทียบกับหัวหน้าหน่วยคนก่อน ประวัติศาสตร์คงต้องจารึกเชสไว้ว่าเป็นหัวหน้าหน่วยป้องกันที่อายุน้อยที่สุด
แม้จะยากลำบากไม่น้อยในช่วงแรกที่ต้องเข้ามาควบคุมคนหมู่มาก แต่เชส ไทเลอร์ ก็สามารถจัดการกับปัญหาและเรียนรู้ที่จะควบคุมคนได้อย่างอยู่หมัด ไม่ว่าจะอัลฟ่าหรือเบต้าต่างก็ยอมก้มหัวให้กับเชสเพราะความเชื่อมั่นในตัวผู้นำ
“วันนี้พวกนายทุกคนทำได้ดีมาก กลับไปพักผ่อนกันให้เรียบร้อย แล้วคืนนี้ค่อยมาฉลองกัน” หัวหน้าหน่วยที่ยืนอยู่ด้านบนเอ่ยบอกเหล่าลูกน้องที่ดูอ่อนล้าจากการฝึกในวันนี้ “ส่วนใครที่เจ็บก็ให้แยกไปที่หน่วยพยาบาล”
เสียงขานรับแข็งขันทำให้เชสรู้สึกพอใจไม่น้อย ไหนจะผลการประเมินวันนี้ที่ค่อนข้างน่าประทับใจอีก อีหรอบนี้คืนนี้คงต้องฉลองหนัก ๆ ให้คุ้มกับที่เสียพลังงาน
ประเมินจากสายตาคร่าว ๆ แล้ว ก็ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสมากจนถึงชีวิต อย่างมากก็เป็นแค่แผลฟกช้ำกับแผลจากคมมีดที่เป็นอาวุธอย่างเดียวที่สามารถใช้ได้
“ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะวะเชส เมื่อกี้มันโคตรจะบ้า” อัลฟ่าหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินเปลือยอกอวดหุ่นแน่น ๆ ของตัวเองเอ่ย
“อยากเอาชนะล่ะมั้ง” เชสตอบขำ ๆ ก่อนจะคว้าผ้าผืนเล็กมาเช็ดเหงื่อตามใบหน้าตัวเองออกลวก ๆ
“นายนี่มันสุด ๆ ฉันเกือบจะคิดแล้วเชียวว่าวันนี้ฝั่งฉันจะชนะ” ลูฟบ่นอย่างเสียดาย
“เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกัน”
“ครั้งหน้าของนาย อาจจะเป็นชาติหน้าก็ได้ใครจะรู้” คำประชดประชันของลูฟทำเอาหัวหน้าหน่วยคนเก่งถึงกับหลุดขำพรืด “หัวเราะอะไรของนาย นี่ฉันพูดจริงนะ”
“นายควรเลิกเพ้อเจ้อจริง ๆ จัง ๆ ได้แล้วลูฟ”
ผลของเกมในวันนี้ก็คงหนีไม่พ้นผู้ชนะอย่างเชสเช่นเคย เรียกได้ว่าเป็นการชนะที่ทุกคนต่างยอมรับเพราะไม่มีการใช้กลโกงหรือใช้ตัวช่วยอะไรทั้งสิ้น จะมีก็แต่กำลังกับสมองเท่านั้นที่ถูกใช้ในเกมนี้ แต่ทว่าวันนี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งวันที่เชสได้บาดแผลไม่น้อยจากการเข้าไปในป่า
แขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมีรอยถากยาวจนเห็นเลือดซิบจากการถูกกิ่งไม้เกี่ยว ส่วนเรื่องรอยฟกช้ำจากการต่อสู้ตามใบหน้า และร่างกายก็เป็นที่ชินชาเกินกว่าจะต้องมาใส่ใจ
“งั้นกลับมาความจริง นายว่าเราจะโดนเอริคบ่นกี่ชั่วโมงกัน?” แค่ได้ยินชื่อ เชสก็เบ้ปากอย่างอัตโนมัติ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเดอะฮิลล์ถึงไม่ได้เปลี่ยนหมอประจำหน่วยมานานถึงสามสี่ปีขนาดนี้
“ก็คงไม่ขนาดหูดับ...”
เพราะเชสเองก็มีวิธีทำให้เอริคหุบปากและเลิกบ่นเหมือนกัน
“นี่ถ้ามีโอเมก้าอยู่ในหน่วย ฉันคงจะเดินอวดหุ่นได้อย่างภูมิใจกว่านี้ นายเชื่อไหม” ลูฟทุบอกของตัวเองเสียงดังแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ภูมิใจ
“ขนาดมีแต่อัลฟ่ากับเบต้า ฉันก็เห็นนายยังเดินอวดอย่างภูมิใจ” เชสจิกกัดเข้าให้
“ใครมันจะดึงดูดทุกเพศแบบนายกันล่ะเชส ขนาดไม่ถอดเสื้อ เบต้าพวกนั้นก็ชมนายไม่หยุดปาก”
“นี่ไงเหตุผลที่เดอะฮิลล์ไม่สมควรมีโอเมก้า”
“ไม่มีโอเมก้า ก็ใช่ว่าจะหมดปัญหา นายก็เห็นว่าอัลฟ่าที่แหกกฎพวกนั้นเป็นยังไง”
“อย่างน้อยก็เป็นปัญหาที่ไม่ได้จัดการยาก เท่าเรื่องฮีทของโอเมก้า” อัลฟ่าหนุ่มตอบอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังทางกลับบ้านพักของตัวเองซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
“อย่าไปชวนเลสลีย์ทะเลาะอีกล่ะ!”
เสียงตะโกนไล่หลัง ไม่ได้ทำให้เชสสนใจแต่อย่างใด มิหนำซ้ำเจ้าตัวยังเลือกเดินผิวปากอย่างสบายใจ ทำเป็นหูทวนลมจนลูฟหลุดสบถคำหยาบออกมานิดหน่อย
อย่างเขาเนี่ยนะจะไปชวนเลสลีย์ทะเลาะ :)
ยังไม่ทันที่แอชเชอร์จะได้นอนพัก เจ้าของบ้านตัวจริงก็กลับมาพร้อมกับสภาพที่เรียกได้ว่าสะบักสะบอมพอสมควร เสื้อบนตัวของไทเลอร์แนบไปตามร่างกายช่วงบนที่ชุ่มด้วยเหงื่อ ไหนจะคราบเลอะเทอะจากดิน ก็คงไม่เท่ารอยยาวที่ลำแขนซึ่งยังมีเลือดไหลซิบ
“แผลแค่นี้ จัดการตัวเองเอาแล้วกันนะเชส”
“นายนี่ทำตามแค่ที่สั่งจริง ๆ “ เชสเหน็บเข้าให้อย่างอดปากไม่ได้
“จะว่ายังไงก็เรื่องของนายเถอะ ฉันเองก็จะไปช่วยคนที่หน่วยแล้วเหมือนกัน”
“ไม่มีใครเป็นอะไรมากหรอกน่า อย่ากังวลเลย”
“อยู่ดี ๆ ไม่เคยเป็น ชอบพากันไปหาเรื่องเจ็บตัว...” เอริคว่าก่อนจะขอตัวกลับออกไป เมื่อทำหน้าที่ของตัวเองเรียบร้อย หลังจากการฝึกมันคือช่วงหายนะของหน่วยพยาบาลชัด ๆ
“แล้วมายืนขวางทางอะไรตรงนี้เลสลีย์ ทำไมไม่ไปพัก” ทันทีที่หันมาเห็นอัลฟ่าแดนเหนือยืนขวางอยู่ตรงบันได ปากเสีย ๆ ของเชสก็เริ่มทำงานอีกครั้ง
“ถ้านายแหกตาดู ก็คงจะเห็นนะว่าที่มันตั้งกว้าง” แอชเชอร์อดไม่ได้ที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคนกวนประสาท
“เลสลีย์นี่ฉลาดดีนะ..”
ฟังก็รู้ว่าไม่ใช่คำชมจากใจ
“ขอบคุณแต่ที่หลังไม่ต้องชมคงจะดีกว่า” อัลฟ่าแดนเหนือว่าเสียงขึ้นจมูก “แล้วมันก็จะดีมาก ถ้านายเลิกกวนประสาทฉันสักที”
ไทเลอร์ไม่ได้ตอบอะไร นอกเสียจากจะเดินไปหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลที่อยู่ในบ้านออกมา ก่อนจะถอดเสื้อเปียกชุ่มออกแล้วลงมือนั่งทำแผลให้ตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งร่างกายของไทเลอร์ที่แข็งแกร่ง กล้ามหน้าท้องที่ขึ้นเป็นลูกชัดเจนอย่างคนออกกำลังกายสมกับการเป็นหน่วยป้องกันก็ ทำให้แอชเชอร์มองอย่างอึ้ง ๆ ดูเผิน ๆ คงไม่คิดว่าจะมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบนี้
เจ้าของผิวสีคร้ามแดดยังคงนั่งทำแผลของตัวเองโดยไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แอชเชอร์เกิดความรู้สึกลังเลนิดหน่อยที่จะเข้าไปพูดคุยในเรื่องที่ตัวเองอยากจะรู้
“นายจะยืนอยู่อีกนานไหม มีอะไรจะพูดก็พูดมา” ไทเลอร์เหลือบมองอัลฟ่าต่างแดนเล็กน้อยก่อนจะสนใจการทำแผลของตัวเองต่อ
“นายสนิทกับอาเธอร์มากแค่ไหน?”
คิ้วหนาเลิกขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคที่เลสลีย์คนเล็กเอ่ยถามตนเอง สงสัยว่าการที่ปล่อยเลสลีย์ทิ้งไว้กับเอริคคงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่
“เรียกว่าไม่ได้เป็นศัตรูก็พอ..”
“นายตอบไม่ตรงคำถาม”
“ไม่สนิท” ไทเลอร์เอ่ยเสียงนิ่ง ก่อนจะตวัดสายตาคมกริบมามองอัลฟาแดนเหนือที่กำลังไล่ต้อนตัวเอง “อย่างหนึ่งที่นายควรรู้ในการอยู่กับฉัน คืออย่าพยายามทำตัวเหมือนตอนอยู่แดนเหนือ..”
“ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้”
“เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้นายมีฐานะเป็นแค่คนที่ต่ำที่สุดในเดอะฮิลล์”
“!!!”
“นายคงไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่สูงกว่าคนอื่นในฝั่งแดนใต้หรอกนะเลสลีย์”
“นาย...”
“ไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะต้องเชิดชูคนแดนเหนือ”
“....”
“ตอนอยู่แดนเหนือนายอาจจะเป็นนายน้อยแต่มันใช้กับที่ไม่ได้”
“....”
“ต่อให้เป็นอัลฟ่าของตระกูลเก่าแก่มันก็ไร้ค่าหากนายอยู่ผิดที่”
“....”
“จำไว้เลสลีย์”
สาบานว่าต้องมีสักวันที่แอชเชอร์จะทำให้ไทเลอร์มาคุกเข่าก้มหน้าต่อหน้าตัวเองให้ได้!
HASTAG #youngmastermn
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาาาา