ตอนที่ 1 : Young Master : Intro
Note : ตัวละครในเรื่อง
แอชเชอร์ เลสลีย์ = เจโน่
เชส ไทเลอร์ = แจมิน
เฮนริค เอเลียต = คุน
เซบาสเตียน โบเว็น = เฮนเดอรี่
อากาศหนาวเย็นที่ติดลบคงไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์สักเท่าไหร่ สำหรับการเดินท่ามกลางหิมะที่ร่วงหล่นลงมา ไม่ว่าจะมองไปไกลจนสุดลูกหูลูกตาแค่ไหนก็ยังคงเต็มไปด้วยสีขาวโพลน แม้จะมีต้นไม้สูงใหญ่แทรกซ้อนสีขาวพวกนั้นพอให้เห็นการมีชีวิต ทว่ามันก็กลับดูเป็นการมีชีวิตที่แสนยากเย็น
แสงสว่างที่ลอดผ่านเมฆขมุกขมัวนั้นช่วยทำให้สามารถมองอะไรได้เห็นก็จริง แต่ก็ดูจะเป็นความช่วยเหลือที่ไม่ได้ดีนัก กับความหนาวเหน็บที่กำลังกัดกินผิวเนื้อของชายหนุ่มในชุดคลุมสีเข้มจนเย็นเฉียบ กลีบปากที่สมควรจะมีสีระเรื่อกลับเริ่มขาวซีดพอ ๆ กับผิวสีหิมะ
ภายใต้ชุดคลุมสีเข้มดูผิวเผินอาจจะไม่มีอะไร แต่หากพินิจพิจารณาดูใกล้ ๆ แล้วก็คงจะได้เห็นของเหลวสีเข้มซึ่งไหลจนเปียกชุ่ม หยาดเลือดสีแดงสดหยดลงตามพื้นสีขาวจนกลายเป็นทาง ก่อนจะถูกกลบทับด้วยหิมะที่ตกลงมาอยู่เรื่อย ๆ ในตอนนี้ทับถม สภาพอากาศที่ไม่เคยเป็นใจในวันที่โชคไม่ดี ทำให้ทุกอย่างยิ่งดูย่ำแย่จนไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับตัวของชายหนุ่ม
คนที่ได้รับบาดเจ็บพยายามเร่งฝีเท้าของตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าร่างกายจะไม่เอื้ออำนวยแค่ไหนก็ตาม ในนาทีนี้การกัดฟันสู้จนสุดชีวิต คงเป็นเพียงทางเดียวที่จะทำให้ชายหนุ่มรอดพ้นออกไปจากดินแดนนี้
นัยน์ตาคู่สวยยังคงทอแสงแข็งกร้าวอย่างเช่นเคย แววตาถือดีอย่างคนโอหังที่เคยอยู่เหนือทุกคนมาตลอด รอยยิ้มบิดเบี้ยวที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นผลมาจากความคับแค้นภายในใจ เจ็บกายหรือจะเท่ากับเจ็บใจ ความรู้สึกที่ถูกเหยียบย่ำมันตลกร้ายสิ้นดี
แบล็คฟอเรสต์ ในเขตแดนเหนือ ถือเป็นรอยต่อระหว่างแดนเหนือและแดนใต้ ป่าสีดำเป็นที่ล่ำลือกันมานักต่อนักว่าคร่าผู้คนไปมากกว่าหนึ่งในสี่ของการเดินทาง ความไม่สามารถคาดเดาได้ของสภาพอากาศ ทำให้ที่นี่ดูน่าพิศวงเข้าไปใหญ่เมื่อได้เข้ามาสัมผัส ต้นไม้สีดำสนิทซึ่งตัดกับหิมะสีขาวโพลน คงกลายเป็นภาพที่ทำให้ที่นี่หดหู่อย่างไม่ต้องสงสัย
'แอชเชอร์' ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฝืนทนก้าวเดินต่อไป ความหนาวเย็นในแดนเหนือแท้จริงแล้วนั้นมันไม่โหดร้ายเท่ากับจิตใจคนเลยสักนิด ต่อให้แอชเชอร์จะอยู่สูงสุดบนตำแหน่งของห่วงโซ่อาหารแต่เขาก็ไม่สามารถหลีกหนีมันได้พ้น ลำดับชั้นที่กำหนดความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตนั้นมันไม่เคยมีความยุติธรรม ไม่ว่าจะทั้ง อัลฟ่า เบต้า หรือ โอเมก้าที่อยู่ต่ำสุดเองก็เช่นกัน
เรื่องแก่งแย่งชิงดีกันในหมู่ชนชั้นยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นไม่รู้จักจบจักสิ้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่
แอชเชอร์เป็นอัลฟ่าชั้นสูงที่เกิดในตระกูลเก่าแก่ของแดนเหนือ เจ้าตัวเป็นอัลฟ่าสมบูรณ์แบบอย่างที่สมควรจะเป็น ไม่ว่าจะทั้งร่างกายหรือจิตใจเองด้วยก็ตาม สิ่งที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เยาว์วัยนั้นยังคงดังชัดก้องอยู่ในหู เจ้าตัวไม่เคยถูกสอนให้หนี แต่ตอนนี้สภาพของเจ้าตัวมันก็ไม่ต่างจากสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ และตะเกียกตะกายเอาตัวรอดจนสุดชีวิต ความรู้สึกที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดนั้นมันเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับความตกต่ำที่ได้รับในตอนนี้
ความแตกแยกไม่ลงรอยกันนับครั้งไม่ถ้วนของตระกูลเก่าแก่ในแดนเหนือ คือชนวนชั้นดีที่ก่อให้เกิดการช่วงชิง ตระกูลของแอชเชอร์ถือว่าเป็นตระกูลสุดท้ายที่โดนบีบ เพราะการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายไหนและเลือกที่จะเมินเฉยของคนเป็นพ่อทำให้พอยืดเวลาได้สักระยะ แต่ก็ไม่ได้นานพอที่จะทำให้คนในตระกูลได้หาทางเอาตัวรอดกันได้ทัน
ในบรรดาพี่น้องของตระกูลนั้นไม่มีใครเคยที่จะออกมาจากแดนเหนือ ยกเว้นก็เสียแต่ใครคนหนึ่งที่เป็นดั่งของยกเว้ยของตระกูล แบล็คฟอเรสต์ที่ถูกเล่าขานจากปากผู้ใหญ่มานักต่อนักทำให้อัลฟ่ารุ่นลูกเลือกจะเมินเฉย และสนใจเรื่องอื่นแทนการจะขวนขวายไปในต่างแดน ยิ่งถูกปลูกฝังว่าแดนเหนือคือที่สำหรับชนชั้นสูง มิใช่อย่างเช่นคนเถื่อนทางแดนใต้ก็ยิ่งทำให้เรายิ่งถือดีในตนเอง
‘นายน้อยต้องหนี..’
แว่วเสียงของคนรับใช้ที่ดูแลแอชเชอร์มาตั้งแต่เด็กลอยเข้ามาในหู ภาพของอีกฝ่ายที่ผลักให้เขาออกมาจากขุมนรกนั้นมันยังฉายชัด แม้จะเป็นเพียงเบต้าแสนจะธรรมดา แต่เฮนริคกลับกล้าหาญมากเกินกว่าที่แอชเชอร์จะคาดคิด
เสียงกรีดร้องแสนทรมาน สะท้อนความสูญเสียจนรู้สึกถึงความเจ็บปวดบริเวณหน้าอก เป็นผลทำให้กลีบปากบางขบเข้าหากันแน่นเพื่อข่มความทรมานนั้นไว้อย่างถึงที่สุด ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่พวกนี้จะกลายเป็นฝันร้ายที่แอชเชอร์ไม่อาจลืมเลือน…
เขาจะไม่สาบานเพื่อใครทั้งนั้น เว้นก็แต่ตั้งคำสัตย์กับตัวเอง ว่าถ้าหากได้หวนคืนกลับมาที่นี่อีกครั้ง เขาจะเอาทุกอย่างคืนให้มันสาสมกับสิ่งที่พวกระยำนั่นทำ
แว่วเสียงของหมาป่าที่เห่าหอนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล นั่นเป็นสัญญาณเตือนถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้กับแอชเชอร์มากขึ้นเรื่อย ๆ สัตว์สี่เท้าพวกนั้นคงกำลังไล่ล่าเขาอย่างไม่ลดละ ทั้งด้วยพละกำลังของร่างกายที่ถูกออกแบบมาให้เป็นผู้ล่านั้นใช้เวลาเพียงไม่เท่าไหร่ก็คงจะรุกคืบมาถึงตัวแอชเชอร์ได้อย่างไม่ยาก
หมาล่าเนื้อย่อมทำหน้าที่ของมันจวบจนกว่าจะสำเร็จ ยิ่งสำหรับเหยื่อที่คิดหนีแล้วล่ะก็ คงไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจยากเท่าไหร่ในการจัดการ เชื่อเถอะว่าถ้าพวกมันไม่ได้สักส่วนในร่างกายกลับไปให้เจ้านายของตัวเอง ก็คงเป็นพวกมันเองที่จะถูกกำจัดแทน
กลิ่นอายของแบล็คฟอเรสต์ ยิ่งชวนทำให้แอชเชอร์รู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะสิ้นหวังอยู่เต็มทน แม้จะพยายามกวาดสายตาหาทางเอาตัวรอดเท่าไหร่มันก็ช่างยากไปเสียหมด ต่อให้เขาจะมีร่างกายแข็งแรงอย่างอัลฟ่าแต่การบาดเจ็บขนาดนี้มันย่อมทำให้เรี่ยวแรงที่มีอยู่นั้นหายไปเรื่อย ๆ หรือนี่จะเป็นอย่างที่ใครต่อใครต่างพูดถึง แบล็คฟอเรสต์ก็ไม่ต่างจากป่าแห่งความตาย แต่ถ้าหากได้หลุดพ้นไปก็จะได้สัมผัสกับการมีชีวิตของโลกอีกใบหนึ่งซึ่งแตกต่างจากดินแดนที่หนาวเหน็บแห่งนี้
แดนใต้ที่เต็มไปด้วยความชุ่มชื้น และความอบอุ่นที่ก่อกำเนิดการมีชีวิต
“อึก...”
ร่างทั้งร่างของแอชเชอร์ลื่นไถลลงไปตามความชันของทางต่างระดับ ลำตัวของร่างโปร่งกระแทกเข้ากับความแข็งของท่อนไม้ที่เกลื่อนกลาดจนทำให้บาดแผลนั้นปริแตกมากขึ้นกว่าเดิม เสียงแหบครางอื้ออึงในลำคอด้วยความเจ็บ
แม้จะอยากฝืนร่างกายให้ลุกมากแค่ไหน แต่ความอ่อนล้าของร่างกาย และบาดแผลพวกนี้ก็เป็นตัวถ่วงชั้นดีที่ทำให้แอชเชอร์ไม่สามารถทำอย่างที่ใจคิดได้ แขนยาวค่อย ๆ พยุงร่างกายของตัวเองไปหลบอยู่ที่โพรงไม้หลังต้นไม้ใหญ่
รอยเลือดที่เป็นทางพวกนี้มันก็ไม่ต่างจากตัวล่อชั้นดีที่ทำให้หมาล่าเนื้อนั้นตามเจ้าตัวจนเจอ แต่มันก็ไม่มีทางเลือก จากที่จะหนีแอชเชอร์กลับคิดว่าหากลองสู้กับพวกมัน ก็คงอาจจะเป็นทางรอดทางสุดท้ายของตัวเอง
เสียงหอบหายใจถี่เพราะเลือดในร่างกายที่สูบฉีด เป็นตัวสร้างความกดดันที่ดีให้กับแอชเชอร์ที่กำลังนับถอยหลังในการเผชิญหน้ากับความอันตรายที่ย่างกรายเข้ามาเรื่อย ๆ
ฝีเท้าของสัตว์ใหญ่ย่ำเท้าหนัก ๆ สลับกับเสียงหอบหายใจพวกนั้นช่างเป็นความรู้สึกที่ทำให้เจ้าตัวตื่นกลัวยิ่งกว่าการฝึกสอนที่แสนจะอันตรายจากที่เคยได้เรียนรู้ และวินาทีที่ทำให้แอชเชอร์เผลอหยุดลมหายใจอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ก็คงเป็นตอนที่หางตาของเขามองเห็นขนสีเทาเข้มสลับปะปนกับสีขาว เสียงขู่กรรโชกของพวกมันวนเวียนอยู่รอบตัวของแอชเชอร์ราวกับกำลังเล่นสนุกให้เหยื่อขวัญผวาเล่น
กรรรจ์! กรรรจ์!
พรึ่บ!!
แรงกระชากไม่น้อยเหวี่ยงเอาร่างของคนที่กำลังบาดเจ็บออกมาจากที่หลบ จนคนที่มีศักดิ์เป็นนายน้อยนั้นตวัดสายตามองเจ้าของการกระทำรุนแรงนั่น
“พึ่งจะรู้นะว่านายน้อยชอบเล่นไล่จับกับเขาเหมือนกัน..”
“เซบาสเตียน..” คนที่ถูกต้อนจนมุม กดเสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายต่ำเสียจนน่ากลัว “ไอ้คนทรยศ..” หมาป่าตัวใหญ่สามตัวยังคงเดินวนรอบตัวของแอชเชอร์เพื่อรอคำสั่งจากเจ้านายของมัน
“มาฉลาดตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะนายน้อย :)”
รอยยิ้มมุมปากที่ไม่ว่าแอชเชอร์เห็นครั้งไหนก็ไม่เคยพอใจนั้นแสยะยิ้มให้เขาจนน่าขยะแขยง มันก็คงไม่แปลกที่อัลฟ่าปกติแบบนี้จะอยากมักใหญ่ใฝ่สูง เพื่อยกตัวเองให้เหนือคนอื่น
ท่านพ่อเคยบอกว่าเซบาสเตียนเป็นคนฉลาด แต่ก็ไม่น่าไว้ใจ.. ซึ่งนั่นมันคือเรื่องจริงทั้งหมด
“ขย้ำ..”
สิ้นเสียงคำสั่งของเซบาสเตียน สัตว์ใหญ่สี่ขาที่กำลังเฝ้ารอคำสั่งนั้น ก็ไม่ลังเลที่จะทำตามคำสั่ง ร่างกายใหญ่โตของมันตรงเข้าไปตะครุบเหยื่อสูงศักดิ์ด้วยความกระหาย แววตาตื่นตระหนกที่ฉายความกลัวออกมาชั่วแวบนึงของแอชเชอร์นั้น เป็นที่น่าพอใจไม่น้อยสำหรับเซบาสเตียน
HASHTAG #youngmastermn
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.ภาษาอ่านง่ายมากเลยค่ะ จากคนที่เมื่อก่อนอ่านบรรยายแล้วย้ายไปอ่านจอยจนเกือบกลับมาอ่านบรรยายไม่ได้แล้วเพราะรู้สึกสมาธิสั้น คุณไรท์ทำให้เราอ่านทุกตัวอักษรเลย รัก💖
ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆ
แค่ตอนแรกก็ลุ้นนะทึกใจไม่ไหวแล้วค่ะไร้ นายน้อยอย่าเป็นอะไรน้า