ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Best Friend

    ลำดับตอนที่ #21 : My Best Friend 19 : เพื่อนที่แท้จริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 67
      0
      12 ก.ค. 56

    My Best Friend 19

    เพื่อนที่แท้จริง

     

    “ลาก่อน...ตลอดกาลสินะ?”

     

     

    “พี่ไรส์...”

     

    เสียงเล็กเอ่ยเรียกเบาๆ คนถูกเรียกหันกลับมามองโดยไม่ได้พูดอะไร เด็กชายช้อนตาขึ้นมองหน้าพี่สาวคนแรกที่เคยมาช่วยเขาไว้

     

    “ผม...”

     

    “ไม่ต้องพูด...”ไรส์พูดเสียงเฉียบขาด ปัญญาจึงเงียบตามที่ไรส์สั่ง

     

    “ไรส์ แล้วเฟรมกับนนท์ล่ะ.....”แตงโมลอบมองหน้าไรส์เป็นระยะแต่ไม่กล้าสบตาโดยตรง

     

    “ตายแล้วล่ะ....” ไรส์ตอบเนิบๆ

     

    “เธอรู้...ได้ไง?” นิธานถามแต่ไรส์กลับไม่ตอบกลับมาอีก ทุกคนเริ่มไม่ไว้ใจไรส์มากขึ้นทุกที แต่เพราะยังไม่มีอะไรมายืนยันได้จึงได้แต่เดินตามไรส์ไปเรื่อยๆ

     

    “ไรส์...ห้อง...ห้องประชาสัมพันธ์อยู่อีกไกลไหม?”โคนตัดสินใจถาม

     

    “ไม่ไกล....ข้างหน้าก็ถึงแล้ว”

     

    ตุบๆๆๆ

     

    เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน ย่างก้าวช้าๆแต่แน่วแน่ของไรส์ดังพร้อมย่างก้าวที่ไม่แน่นอนของทุกคนที่เหลือรอด

     

    “.....” แตงโมเบือนตาหนี ไม่ยอมมองไปทางไรส์ราวกับเธอเป็นสิ่งที่จะมองไม่ได้อย่างเด็ดขาด

     

    “.....” นิธานลอบมองไรส์เป็นระยะแต่ก็ไม่พูดอะไร

     

    “......” นาโนเป็นคนเดียวที่จ้องไรส์ไม่วางตา ม่านตาของเธอขยายกว้างแลดูเหมือนแมวจนน่ากลัว

     

    “....” โคนเอามือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรง ฝ่ามือและเท้าของเธอเย็นเฉียบจนแทบชา

     

    “...” คิดกัดเล็บขณะพึมพำอะไรไปตลอดทาง

     

    “...ฮึก..” ปัญญาเดินไปร้องไห้ไปเพราะอะไรก็ไม่ทราบ

     

    “....” เมก้าเดินพยุงเอวาที่ทำท่าจะทรุดลงได้ทุกเมื่อ

     

     

    “กำลังจะมาแล้ว ทั้ง9คนจะพบกับจุดจบแบบไหนกันนะ?”

     

    เด็กสาวหัวเราะเสียงใสในความมืด แสงสลัวส่องให้เห็นเส้นผมสีดำยาวสลวยรางๆ ริมฝีปากบางกระตุกยิ้ม ก่อนเธอจะหันกลับเพราะรู้สึกถึงบางอย่างข้างหลัง

     

    “จุดจบนั้นคงไม่ใช่แบบเธอละกัน...”

     

    ตึง!เคร้ง!!!

     

    ร่างของเธอถูกผลักล้มลงจากเก้าอี้ เด็กสาวผมดำชักมีดออกมาแต่ถูกคนที่คร่อมอยู่ปัดออกไปได้อย่างง่ายดาย และก่อนที่เธอจะได้แผลงฤทธิ์ไปมากกว่านี้ข้อมือเธอก็ถูกรวบขึ้นเหนือศรีษะ เหมือนคนที่เหนือกว่าจะกำลังยิ้มอยู่ในความมืดด้วย

     

    แต๊ก

     

    “ไอ้นี่ใช่มะ ที่เรียกว่าประสานงานได้สมบูรณ์แบบ”

     

    เด็กสาวผู้เปิดไฟยิ้มร่าอย่างพึงพอใจที่แผนสำเร็จ เมื่อดวงตาสีดำของเด็กสาวที่นอนแผ่บนพื้นเริ่มชินกับแสงสว่างเธอจึงเห็นว่าใครเป็นใครบ้าง

     

    เด็กสาวที่เปิดไฟมีผมสีน้ำเงินยาวสลวยและดวงตาสีอำพัน...เธอคนนี้คือไรส์

     

    ส่วนเด็กสาวที่เพิ่งมัดเชือกเธอไปมีผมสีบลอนด์ทองและดวงตาสีม่วง...

     

    เธอคนนี้คือเฟรม..!?

     

    “อะไรกัน...เฟรมตายแล้วไม่ใช่หรอ!!” เด็กสาวผมดำยาวตะโกน ขณะที่คนหลังๆเริ่มเข้ามาด้วยความงุนงงอย่างยิ่ง

     

    “นี่ เธอไม่รู้จักอาชีพแต่งหน้าศพหรอ?” เฟรมถาม

     

    “ก็เป็นโชคของเราที่เอวาดันพกวิกผมสำหรับคอสเพลย์มาด้วย...ถึงฉันจะแอบสงสัยว่าเธอแอบเอาไปยัดไว้ไหนก็เหอะ...” ไรส์ยิ้มอย่างผู้มีชัย เมื่อเด็กสาวผมดำรู้สึกตัวอีกทีมือทั้งสองก็ถูกมัดเรียบร้อยแล้ว...โดยฝีมือนนท์ที่เข้ามาอยู่ในนี้ก่อน

     

    “พวกเธอเข้า...”

     

    “กุญแจนี่ไขประตูห้องประชาสัมพันธ์ได้” ไรส์พูดตัดหน้าเด็กสาว กุญแจแกะสลักหน้าตาแปลกประหลาดดูคุ้นตา นิธานร้อง “เฮ้ย!” แล้วค้นประเป๋าเสื้อปรากฏว่าไม่มีกุญแจนั่นจริงๆ

     

    “เอาไปตอนไหนเนี่ย!

     

    “จิ๊กมาตอนเผลอ” ไรส์ทำหน้าตาย

     

    “เอ่อ...เดี๋ยวนะ นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย?” โคนถาม สีหน้าเธอบ่งบอกว่ากำลังพยามยามทำความเข้าใจกับเรื่องนี้อย่างสุดๆ

     

    “ก็...ตอนฉันแยกกับคิด ก็ไปเจอเฟรมกับนนท์เลยเล่าแผน ข้อสงสัยและเรื่องที่ฉันรู้ให้พวกนั้นฟัง”

     

    ไรส์อธิบาย

     

    “จากนั้นก็ว่าจะทำตามแผนแต่ไม่มีอุปกรณ์เลยเสี่ยงไปถามเอวา แล้วก็โป๊ะเช๊ะ!เอวามีจริงๆซะด้วย”

     

    “จากนั้นฉันก็แอบๆเดินไปรวมกับพวกไรส์ ตอนที่ฉันเดินรั้งท้ายแถวน่ะ” เอวาสารภาพ “แล้วก็ที่พูดกล่าวหาไรส์น่ะ เตี๊ยมกับไรส์ไว้แล้วล่ะ”

     

    “ก็ตามนั้นแหละ” ไรส์ เฟรม นนท์และเอวาประสานเสียงกัน

     

    “เอ่อ...แล้วทำไมเธอต้องทำให้ดูเหมือนไรส์คือเพื่อนด้วยล่ะ?” นาโนถาม

     

    “อ๋อ....นั่นก็เพื่อทำให้ คนร้ายตัวจริง ไม่ระแคะระคายถึงความสงสัยของพวกเรายังไงล่ะ”

     

    ไรส์พูด ดูเหมือนเธอจะกลับมาเป็นคนเดิมเรียบร้อยแล้ว

     

    “คนร้ายที่แท้จริง...ใครกันล่ะ!

     

    คิดโพล่งขึ้นมา แตงโมหลับตาเบือนหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังเรื่องต่อจากนั้น

     

    “เรื่องนั้น เธอน่าจะรู้นี้เนอะ....เพื่อน”  เฟรมผละออกจากตัวเด็กสาวผมดำพร้อมส่งซิกให้เอวาพูดต่อ

     

    “เพื่อน ไม่สิ...ชื่อจริงของเธอคือแอน!!!!

     

    เอวาประกาศก้อง ไรส์ยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า แตงโมเม้มปากราวกับกำลังฟังเรื่องที่ไม่ต้องการรู้

     

    “..........”

     

    นาโนทำหน้านิ่งรอดูปฏิกิริยาของแอน แต่แทนที่จะหวาดกลัวแอนกลับกระตุกยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากแล้วมองหน้าไรส์

     

    “ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเธอจะสืบจนรู้ได้ว่าฉันเป็นใคร”

     

    เธอส่ายหน้า น้ำเสียงของเธอฟังดูคล้ายสมเพชมากกว่าสำนึกผิดจนทำให้ทุกคนที่ฟังเริ่มรู้สึกแปลกใจ

     

    “แต่ถึงเธอจะฆ่าฉัน...ก็ไม่มีทางกลับไปได้หรอก หึ” แอนแค่นยิ้มสมเพช

     

    “หมายความว่าไงน่ะ!!!”เฟรมกระชากคอเสื้อแอนขึ้นมา

     

    “ฉันไม่บอกหรอก....พวกเธอจะต้องเจอชะตากรรมเดียวกับฉัน!!!จะไม่มีวันได้กลับบ้าน จะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป!!!!!!!!!!” แอนตะโกนก้อง

     

    “.........” เฟรมชะงัก

     

    “เฟรมออกมาก่อน...” ไรส์ว่า ก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆแอนแทนหลังเฟรมถอยออกมา

     

    “บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าคิดจะเกลี้ยกล่อมหรือฆ่าฉันก็ไม่ได้ผลหรอกน่า”

     

    แอนหลับหูหลับตาพูดแต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นบนแก้มจึงลืมตาขึ้นมา เธอพบว่ามันเป็นฝ่ามือของไรส์นั่นเอง

     

    “แอน...” ดวงตาสีอำพันเฉียบคมจ้องเธออย่างดุดัน

     

    “ การตายน่ะ....มันทรมานนะ? ไรส์ถาม

     

    “คำพูดนั่น...” แอนหน้าเริ่มซีดลง

     

    “ใช่...ในไดอารี่ของเธอไง” ไรส์ว่าต่อ “เพราะไดอารี่เล่มนี้แหละถึงได้รู้ว่าเธอไม่ใช่คนร้ายตัวจริง...”

     

    “หา!!!” ทุกคนอุทาน

     

    “ล..แล้วคนๆเป็นใครล่ะ?” โคนถาม

     

    “แตงโม....”ไรส์พูด ทุกคนหันควับไปทางแตงโมก่อนที่ไรส์จะพูดต่อ “เธอรู้ใช่ไหม..?”แตงโมพยักหน้าช้าๆราวกับไม่อยากจะยอมรับ

     

    “ก็เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลานี่ไรส์” เธอว่า

     

    “นั่นสินะ...งั้นช่วยประกาศชื่อ เพื่อน ออกมาหน่อยสิ พูดแทนฉันที่ไม่อยากพูดที”ไรส์หันหลังให้ทุกคนแล้วพูด

     

    แตงโมกำมือแล้วหลับตาตะโกนออกมา

     

     

     

     

    “ปัญญา!!!

     

     

     

     

    “....”

     

    ราวกับทุกสิ่งเงียบลงอย่างเป็นใจ ทุกสายตาหันไปสนใจปัญญา เด็กชายนิ่งเงียบจนทุกคนลุ้นคำตอบที่จะออกมา

     

    “ถ้าใช่......แล้วจะทำไม?”

     

    !!!

     

    ปัญญาแสยะยิ้มจนไม่เหลือเค้าของเด็กชายไร้เดียงสาในตอนแรกเลยสักนิด ไรส์พลิกตัวพุ่งเข้าใส่เด็กชาย มือทั้งสองของเธอออกแรงกดเล็กน้อยลงบนลำคอเล็กของเด็กชาย

     

    “ส่งพวกเขากลับ.... ปล่อยพวกเขาไป...”

     

    ไรส์พึมพำ ก้มลงมองเด็กชายที่ทำหน้านิ่งราวกับเป็นตุ๊กตาที่ไร้ความรู้สึก

     

    “ไม่ครับ...ผมอยากจะอยู่กับทุกคน รวมทั้งพี่ไรส์ด้วย” ปัญญายิ้มแย้มอีกครั้ง “ผมไม่อยากอยู่คนเดียวนะครับ...” แววตาของเด็กชายหม่นลง

     

    “ฉันเชื่อ...” ไรส์คลายมือ ย่อตัวลงในระดับเดียวกับปัญญา

     

    “....”

     

    “เราจะคุยกันดีๆได้ใช่มั้ย? ปัญญาที่ฉันรู้จักเป็นคนที่อ่อนโยน...ใช่ไหม..? ปัญญาคงไม่คิดจะทำให้พวกเขาเจ็บปวดใช่ไหม?” ไรส์พูดเสียงอ่อนลง เธอพยายามใจเย็นที่สุดเพราะการเจรจาแบบนี้ควรเริ่มจากไม้อ่อนแล้วค่อยไม้แข็ง ไม่ใช่หรือ

     

    “ครับ...ผมเป็น” ปัญญายิ้มน้อยๆ

     

    “งั้นผมจะแสดงความ ใจดีด้วยการให้พวกคุณอยู่ที่นี่โดยไม่ต้องตายแล้วกัน!!!!

     

    รอยยิ้มนั้นฉีกกว้างขึ้นจนน่ากลัว ไรส์จ้องค้างที่เด็กชายด้วยความตะลึง...

     

    อา.. คนที่ไม่มีทางเข้าใจกันได้เนี่ย มีอยู่จริงๆด้วย

     

    “เราทุกคนจะเป็นเพื่อนกัน จะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป!!!” ไรส์กำมือแน่นขณะที่ปัญญายังคงพูดพล่ามต่อไป

     

    “เอาล่ะ... มาอยู่ด้วยเถอะ อยู่ด้วยกันตลอด..!!!

     

    เพียะ!!!

     

    ไรส์ตบใส่หน้าปัญญาอย่างแรง ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับจะร้องไห้ ปัญญาจับแผลบนใบหน้าเบาๆ หันควับกลับไปมองไรส์หมายจะเอาเรื่อง

     

    “จริงอย่างที่เธอบอก.... ไม่ว่ายังไงก็เข้าใจกันไม่ได้” ไรส์พึมพำกับตัวเอง

     

    “ไรส์...พี่ไรส์...”

     

    ปัญญาพึมพำ ดวงตาเลื่อนลอยราวคนที่ไม่มีสติสัมปชัญญะอยู่กับตัว ก่อนจะบิดเบี้ยวเป็นความเกรี้ยวโกรธ

     

    ควับ!วูบ!!

     

    “อึ่ก..!?!!”

     

    เชือกเก่าถูกคล้องเป็นบ่วงพุ่งเข้ารัดคอและดึงร่างของเด็กสาวให้ลอยกลางอากาศ ปัญญายืนอยู่ตรงหน้าไรส์ก่อนจะเค่นยิ้มให้อย่างสมเพช ขณะที่ไรส์พยายามแกะเชือกออกเพราะเริ่มขาดอากาศ

     

    “ผมเคยคิดนะว่า ถ้าเป็นพี่ไรส์ล่ะก็..จะต้องเข้าใจผมแน่”ปัญญายิ้ม

     

    “ปล่อยไรส์เดี๋ยวนี้นะ!?”

     

    โคนตะโกนดึงความสนใจของปัญญา เด็กชายหันมาหาเธอ มองด้วยสายตาเย็นชาแล้วแสยะยิ้มกว้างจนน่ากลัว

     

    “พี่โคนเนี่ย...น่ารำคาญจังนะครับ”

     

    ว่าจบเศษกิ่งไม้แหลมก็พุ่งฝ่าอากาศเข้าหาร่างของโคนทันที!!!

     

    ฉึก ฉึก ฉึก!!!

     

    “...อึ่ก..”

     

    “อะ...คะ...” เอวาปิดปากด้วยความตกใจ ร่างนั้นยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ทรุดล้มลงไป แต่กลับมีบางอย่างที่แปลกไป

     

    ไม่ใช่..

     

    คนที่โดนไม่ใช่โคน...

     

    “คิด!!!!!!!!!!!!!”

     

    โคนตะโกน ร่างของคิดเรือนรางลง เขามองดูมือที่พร่าเลือนของตนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มเป็นครั้งสุดท้าย...

     

    “ท่าทางจะหมดเวลาซะแล้วล่ะ...ก็ตายไปแล้วนี่นะ” คิดหัวเราะ

     

    “คิด...คิด..” โคนเรียกเสียงแผ่ว

     

    “เราคงไม่ได้พบกันอีกแล้วล่ะ เพราะผมจะต้องหายไป...ขอโทษนะ”

     

    “เดี๋ยวสิ... ฉันยังไม่ได้ขอบคุณนายเลย” โคนเอ่ยเสียงสั่นครือราวกับจะร้องไห้ คิดส่ายหน้าแล้วพูดต่อ

     

    “ไม่หรอก ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ... ขอบคุณแล้วก็ลาก่อน...ตลอดกาล”

     

    ร่างของเด็กหนุ่มเปล่งแสงสว่างวาบครั้งสุดท้ายก่อนจะหายไปจากตรงนั้น โคนทรุดตัวลงพื้นต่อหน้าทุกคน

     

     

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!” ปัญญาหัวเราะลั่นอย่างสะใจ

     

    “เป็นไงล่ะ ไอ้เพื่อนสุดสำคัญของพี่ไรส์”

     

    ปัญญาหันไปมองปฏิกิริยาตอบสนองของไรส์ แม้จะเริ่มคิดอะไรไม่ออกเพราะสมองขาดออกซิเจนและตาพร่าเพราะน้ำตา แต่หูเธอก็ยังได้ยินชัดเจน

     

    “ม่ายยยยยยยยยยยยยย!!!!!

     

    เธอแผดเสียงออกมาดังที่สุดเท่าที่จะส่งเสียงผ่านลำคอได้

     

    “ปัญญา... ฉันจะฆ่าแก!!!!

     

    ไรส์ละมือจากเชือกแล้วไปควักบางอย่างในกระเป๋ากระโปรงแทน ดวงตาของเธอมองเด็กชายอย่างเคียดแค้น...เคียดแค้นจนอยากฆ่าให้ตาย

     

    “อย่างพี่ไรส์จะทำอะไรผมไ....อั่ก!!!

     

    ปัญญาทรุดลงไปกับพื้น เด็กชายสำลักของเหลวสีแดงออกมาอยู่บนพื้น เชือกที่พันไรส์คลายตัวออกอย่างฉับพลันทำให้เธอร่วงลงพื้นด้วยเช่นกันแต่นั่นไม่สำคัญเท่าการตักตวงเอาอากาศเข้าปอดเธอให้ได้ในตอนนี้

     

    “...พี่...พี่ทำอะไรผม.....อึก..เจ็บ...”

     

    “ไอ้นี่ไงล่ะ...”

     

    ไรส์ชูตุ๊กตาฟางหน้าตาพิลึกให้เด็กชายดู เส้นผมเส้นเล็กๆถูกผูกติดกับมัน และมีเข็มเล็กๆปักอยู่กลางอก12เข็ม ปัญญารู้ดีว่ามันคืออะไร

     

    “ตุ๊กตาฟาง...สำหรับสาปแช่ง...”

     

    “วิธีทำมันอยู่ในไดอารี่ของแอน” ไรส์อธิบายเพิ่ม “ตอนแรกว่าจะเอาไว้ขู่อย่างเดียว แต่ตอนนี้ ถ้าไม่ลงมือคงไม่ได้แล้ว...”

     

    “ไม่..ไม่...ถ้าพี่ทำอย่างนั้นล่ะก็ ที่นี่จะไม่มีคนคุม แล้วมันก็อาจจะดึงเอาทุกคนเข้ามาในนี้นะ!!พวกเขาสำคัญกับพี่มากไม่ใช่หรอ?”

     

    ปัญญายิ้มอย่างผู้มีชัยแต่ไรส์กลับตอบด้วยหน้านิ่งๆ

     

    “เรื่องนั้นฉันคิดไว้แล้ว เอาล่ะ บอกลากันตรงนี้นะ...”

     

    ไรส์ตั้งท่าจะปักเข็มเล่มสุดท้ายลงตุ๊กตาฟาง แต่ปัญญาไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น เขาพุ่งเข้าประชิดตัวแล้วแย่งตุ๊กตาฟางมา ทว่าไรส์ยังจับมันไว้แน่น จึงกลายเป็นการยื้อแย่งกันอยู่สองคน

     

    “อ๊ะ!!” ทั้งสองร้องเมื่อตุ๊กตาฟางกระเด็นไปตกอยู่หน้าแอน

     

    “แอน!!!”ปัญญาร้อง “ส่งมันมาให้ฉัน!!” เขาสั่ง

     

    “ไม่!!!” ไรส์ตะโกนบ้าง “ส่งมาให้ฉันเถอะ!!” ไรส์ตะโกนแกมขอร้อง

     

    “ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ แอน!!!ส่งมันมา”

     

    ปัญญาตะโกน ตอนนี้ไม่ใครกล้าเข้าใกล้แอนเพราะไม่รู้ว่าแอนจะทำอะไรกับตุ๊กตาฟางบ้าง

     

    “ไม่!! แอน...ฟังฉัน! ถ้าเธออยากจะมีความสุขที่แท้จริงก็กลับไปเถอะ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกตัวเองจริงหรอก!! เชื่อสิ!” ไรส์ตะโกนแข่งกับปัญญา

     

    “....” แอนนิ่งเงียบ ทั้งสองรู้เรื่องของเธอดี...เธอรู้ แล้วเธอจะเลือกใครดีล่ะ

     

    “ปัญญา..” แอนเรียกเด็กชาย เขาสบตาแอนเพราะคิดว่าเธอจะต้องเลือกเขาแน่นอน

     

    “..................ขอโทษนะ”

     

    แอนเอ่ยเบาๆ ก่อนจะใช้เข็มเล่มที่13แทงลงไปในตุ๊กตาฟาง  

     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!”

     

    เพื่อนตัวจริงร้องลั่นดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานเมื่อเปลวไฟสีส้มลุกขึ้นท่วมร่าง เศษเนื้อไหม้ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งระคนกับกลิ่นเลือด ทุกอย่างค่อยๆมอดไหม้ไปในเปลวเพลิงพร้อมการดิ้นรนและกรีดร้องเฮือกสุดท้าย

     

    และทุกอย่างก็นิ่งสนิท..

     

    “....”

     

    ไรส์เดินเข้าไปหาแอน มือของเธอยื่นออกไปข้างหน้าเพื่อมอบบางอย่างให้แก่เด็กสาวผมดำยาวสลวยตรงหน้า

     

    “นี่มัน...” แอนรับมา

     

    “ขอบคุณนะ” เธอกอดไดอารี่แดงแนบอกไว้แน่นกอดจะเอ่ยคำคุณไรส์ ซึ่งไรส์ก็พยักหน้ารับด้วยความยินดี

     

    “เอาล่ะ..” นิธานพูดขึ้น “จะได้กลับบ้านสักทีสินะ”

     

    “เดี๋ยวสิ! แล้ว คนทรยศ คือใครกันล่ะ!?” เมก้าถามขัด

     

    “จริงด้วย...” เอวาเริ่มคิดตาม ทุกคนหันไปมองไรส์กับแตงโมอย่างคาดคั้นคำตอบ ทว่าไรส์กลับส่ายหน้า

     

    “นั่นสินะ..ใครก็ไม่รู้ เนอะ...”

     

    ไรส์เอาศอกกระทุ้งให้แตงโมเห็นด้วยตามเธอ แตงโมจึงทำหน้าซื่อๆส่งเสียง “อืม” ในลำคอแล้วพยักหน้ารับรัวๆ

     

    “ว้า...งั้นก็ช่างมันเถอะ” เฟรมแกล้งร้องเสียงเซ็งๆออกมาอย่างรู้งานเพื่อไม่ให้ทุกคนถามต่อ

     

    “งั้นก็กลับบ้านของเรากันเถอะ” นาโนพูดบ้าง เธอหันไปมองทุกคนอย่างขอความเห็น

     

    “อืม... งั้นพวกเธอก็ไปก่อนเถอะ” ไรส์ว่าต่อ “เดี๋ยวขออยู่จัดการอะไรกับแตงโมก่อน พวกเธอขึ้นไปบนดาดฟ้าได้เลย เดี๋ยวพอขึ้นไปก็จะเจอทางออกเอง อ้อ ตามตองกับปูนไปด้วยนะ”

     

    “เอ่อ...อืม รีบตามมานะ พวกเราจะได้กลับไปด้วยกัน” โคนที่ดูจะเริ่มทำใจได้แล้วพูดขึ้น

     

    “อืม เดี๋ยวตามไป ฉันสัญญา...เราจะกลับไปด้วยกัน” ไรส์ยิ้มบางๆให้ทุกคนจนพวกเขาเดินลับสายตาไป จากนั้นเธอจึงหันกลับมาคุยกับแตงโมต่อ

     

    “ไรส์...แล้วเธอจะทำยังไงกับที่นี่” แตงโมเปิดประเด็น “ถ้าไม่มีคนคุมมันจะดึงคนข้างนอกเข้ามาแน่นอน อีกอย่าง..ที่นี่เป็นที่ๆปัญญาสร้าง ยังไงเขาก็คงไม่เสียท่าง่ายๆหรอกใช่ไหม?”

     

    แตงโมรัวถามต่อ ไรส์พยักหน้าช้าๆแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    “ใช่.... ฉันคิดว่าอีกไม่นานเขาก็คงฟื้นขึ้นมาอีกอยู่ดี และเมื่อเขากลับมาเรื่องแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นอีกแบบไม่จบไม่สิ้น ดีไม่ดีเขาอาจจะล้างแค้นพวกเราด้วยก็ได้”

     

    “งั้นเธอจะทำยังไง..” แตงโมถาม

     

    “ฉันจะเป็นคนคุมที่นี่แทนเอง..” ไรส์เอ่ยออกมาในที่สุด

     

    !!!!”

     

    “ระหว่างที่ปัญญากำลังฟื้นตัว ฉันจะส่งพวกเธอกลับและเมื่อไม่มีใครเหลือแล้ว มิตินี้จะเลือกฉันเป็นผู้ควบคุมคนใหม่ ฉันจะปิดตายที่นี่..ตลอดไป”

     

    ไรส์พูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น แตงโมกัดริมฝีปากก่อนจะตวาดลั่น

     

    “แล้วทำไมไม่ให้นาโนรับผิดชอบล่ะ!! คนทรยศคือนาโนไม่ใช่หรอ!!?” แตงโมกำมือแน่น “ยัยนั่นไม่สมควรได้กลับออกไปด้วยซ้ำ!!!

     

    “คนที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ไม่มีอยู่จริง ทุกคนมีสิทธิ์ในการมีชีวิตเท่ากัน...” ไรส์ตอบเบาๆ

     

    “ถ้างั้นทำไมเธอต้องอยู่ที่นี่ล่ะ! เธอก็มีสิทธิ์จะมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรอ!? เธอใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินว่าใครจะอยู่ใครจะไปน่ะ!!?!” แตงโมแย้ง

     

    “เหตุผลน่ะมีอยู่..” ไรส์ว่าต่อ

     

    “ฉันไม่มีคนที่รอให้กลับไป ไม่มีคนยืนรอหน้าประตูบ้านแล้วบอกว่า ยินดีต้อนรับกลับนะ หรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ”

     

    “ฟังดูไม่ยุติธรรมเลยนะ..”แตงโมกล่าวอย่างเศร้าๆ

     

    “อืม...งั้นเราก็ลากันตรงนี้เลยนะ”

     

     ไรส์โบกมือเบาๆให้แตงโม เธอทำท่าจะค้านแต่ไม่นานเธอก็เปลี่ยนใจแล้วเดินจากไป

     

    “ฝากขอโทษพวกนั้นที่ฉันรักษาสัญญาว่ากลับไปด้วยไม่ได้ด้วยนะ!!ขอโทษจริงๆ!! แล้วก็......” ไรส์ตะโกนไล่หลัง ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว

     

    “ลาก่อน....ตลอดกาลสินะ?”

     

    วินาทีที่แตงโมหันกลับไป ดวงตาสีอำพันของเด็กสาวเอ่อล้นด้วยน้ำใสที่เริ่มไหลลงมา ใบหน้านั้นจ้องมาที่เธออย่างเศร้าสร้อย แม้ว่าเธอจะกำลังยิ้มอยู่แต่กลับรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก

     

    และในตอนนั้นเธอก็เห็นเงาสีซ้อนทับบนตัวไรส์….

     

    แตงโมเช็ดคราบน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้นออกมาด้วยแขนเสื้อแล้วมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย

     

    “บ้าจริง...นั่นไม่ใช่เงา นั่นมันแสงต่างหาก” แตงโมพึมพำ

     

    สิ่งที่เธอเห็นนั้นคือ...

     

    เด็กสาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนไรส์ทุกประการ..เพียงแต่มีผมสีขาวและรอบตัวของเธอมีแสงสีขาวห่อหุ้มอยู่ ที่สำคัญขาเธอลอยอยู่เหนือพื้น

     

    ใช่... นั่นคือวิญญาณ

     

    “ขอโทษนะ..ฉันตายไปแล้ว ฉัน...” น้ำตายังไหลออกไม่หยุด เธอทรุดตัวกอดเข่าบนพื้นสกปรก

     

    “งั้นจะไปกันได้รึยัง”

     

    เด็กสาวผมขาวก้มลงกระซิบข้างหูของเธอ เธอค่อยๆพยักหน้าช้าๆแล้วเดินหายไปในแสงสว่างสีขาว

     

     

     

    “ขอให้พวกเธอพบแต่ความสุข...จริงๆนะ”

     

              เสียงสุดท้ายกลืนหายไป...

     

              พร้อมกับจุดจบของเรื่องราวนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    จริงๆงั้นหรือ...?

     

     

     

     

     

     

     

     

    ---------------------------------------------------------------------------------------

     

    จบไปแล้วค่ะ

     

    มายเบสท์เฟรนจะจบลงตอนนี้นะคะ

     

    แต่จะมี ของแถม อีกสามตอนค่ะ!! กรั่กกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ//หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเหมือนนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง

     

    เป็นตอนที่มีชื่อว่า

    MY friend is the best  (บทส่งท้าย)

    และ

    BEST secret of friend (เฉลยประวัติตัวละคร)

    กับ

    FRIEND  with you (???)

    ค่ะ~~~

     

    WB : จะมีใครรออ่านไหมนะ....//สลด

     นาโน : ชุ้นอยากมีบทค่ะ //ถือกรรไกร

    แตงโม : ฉันอยากพูดเฉยๆค่ะ ข้ามไป //ทำหน้ากวนประสาท

    เมก้า : ผมก็อยากมีบทนะ //ทำหน้าจะเอาปลาโลมา

    เอวา : เป็นผู้ชายคนเดียวที่มีดีในเรื่องยังไม่พอใจอีกเรอะ!

    นิธาน : แล้วผมล่ะ...

    ตอง : พี่ทำดีสุดแล้วค่ะ//ตบบ่า

    นนท์ : ฉันไม่มีบท...//เดินไปสมทบกับนาโน

    ปูน : ถ้าฉันตายนะฉันจะเลิกอ่านเรื่องนี้

    คิด : งั้นข้าคงเลิกอ่านตั้งแต่บทนำแล้วล่ะ //เศร้า

    เฟรม : แต่งหน้าศพ...? //คิด

    ฟาง : ศพที่ว่านั่นใช่ฉันรึเปล่าน่ะ..//คิดบ้าง

    สน : ใช่แน่ๆ....... //คิดตาม

    ปัญญา : ผมไม่ใช่คนร้ายนะ //บีบน้ำตา

    โคน : แล้วกิ่งไม้นั่นล่ะ//หน้าซีด

    ไรส์ : จบได้รึยัง...//ทำหน้าเอือม                                

    แอน : อย่าลืมตามอ่านให้ครบนะคะ

    ไบรท์ (แขกรับเชิญ) : ฉันรอเก็บรวมเล่มละกัน

    WB : ฉันไม่ได้จะพิมพ์ขายยยยย~!!=[]=

     

    ตัดจบ

    เกือบบริบูรณ์

     

    Velen
    tine
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×