ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Best Friend

    ลำดับตอนที่ #15 : My Best Friend 13 : ล้มมวย (+ประกาศ:ถ้ามันจะเป็นภาระผมแบบนี้..)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 61
      0
      7 พ.ค. 56

    My Best Friend 13

    ล้มมวย

     

    “ฉันน่ะ ร้ายยิ่งกว่าหมาจิ้งจอกอีกนะ”

     

     

    [ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้ฉันกำลังจะเข้าไปในตึก]

     

    เสียงนั้นดังออกมาจากโทรศัพท์เมื่อเด็กสาวผมสีน้ำเงินรับสายครั้งที่2 ไรส์กดตัดสายก่อนกลับมาวิ่งต่อ แม้เธอไม่รู้ว่ากำลังวิ่งไปไหนก็ตาม

     

    “แฮ่กๆๆ...”

     

    ไรส์หอบหนักๆ หันมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง ตอนนี้เธออยู่หน้าห้องคอม อย่างน้อยป้ายเก่าๆหน้าห้องก็บอกไว้อย่างนั้น

     

    “คุณแมรี่....คุณแมรี่อย่างงั้นหรอ”

     

    ไรส์พยายามนึกตำนาน เรื่องเล่า หรืออะไรก็ตามในหัวเกี่ยวกับคุณแมรี่ เผื่อจะหาวิธีหนีจากมันได้ แต่การวิ่งไปด้วยคิดอะไรวุ่นวายไปด้วยมันทำให้เธอไม่มีสมาธิเลย

     

    [ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้ฉันกำลังขึ้นบันได]

     

    คุณแมรี่กดตัดสายไปอีกครั้ง ไรส์กัดฟัน บันไดอยู่ห่างจากเธอไปไม่ไกล เด็กสาวผมสีน้ำเงินรีบวิ่งมุ่งหน้าต่อ เธอไม่รู้...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     

    คุณแมรี่ โทรศัพท์ ไล่ตาม...เอ๊ะ..?

     

    เหมือนเธอจะนึกอะไรได้ แต่มันคืออะไรกันล่ะ? มันเหมือนมีอะไรแวบเข้ามาในหัว แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดี ไรส์เลือกที่จะสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปแล้ววิ่งต่อ

     

    [ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ ฉันกำลังจะไปถึงห้องคอมแล้ว]

     

    “อะไรนะ!!

     

    ไรส์ตะโกน เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอแต่ไม่เร่งรีบตามมาข้างหลัง เป็นเครื่องยืนยันว่าโทรศัพท์นั่นเป็นเรื่องจริง เด็กสาวผมน้ำเงินไม่รอช้า ออกตัววิ่งต่อทันทีโดยไม่ต้องมีใครสั่ง ไรส์กดเบอร์ในโทรศัพท์ก่อนกดโทรออก

     

    “เวรเอ๊ย!!”เธอสบถ “ยัยพวกนั้น ทำไมไม่รับสาย!!!” เด็กสาวก่นด่า แหกปากอย่างหัวเสีย นึกอยากจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งแต่ก็ทำไม่ได้

     

    [ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ...]

     

    “ตอนนี้อยู่ไหนน่ะ!” โทรศัพท์มือถือดังขึ้นเป็นครั้งที่5 ไรส์กดรับมันพร้อมตะโกนถามเสียงดัง

     

    [ตอนนี้ฉันกำลังจะไปที่ห้องวิทยาศาสตร์แล้ว]

     

    ไรส์แหงนหน้ามองป้ายเหนือศีรษะ ป้ายเก่าๆนั่นเขียนไว้ลางๆแต่ตอนนี้ไรส์เห็นมันชัดเจนว่ามันคือห้องวิทยาศาสตร์ เธอกัดฟันแล้วเร่งฝีเท้าขึ้นอีก แน่นอนว่าเธอยังได้ยินเสียงฝีเท้าไล่ตามมาติดๆ

     

    “แกต้องการอะไร!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”เด็กสาวผมน้ำเงินตะโกนถามแต่ยังไม่ชะลอความเร็ว

     

    “.......”เจ้าของเสียงฝีเท้าข้างหลังไม่ตอบ

     

    ชีวิตพูดได้ผ่านโทรศัพท์อย่างเดียวรึไงวะ?

     

    ไรส์ยัดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าเสื้อนอก ดวงตาสีอำพันตวัดมองไปเห็นประตูสองบานตรงหน้า โอเค เสี่ยงดวงก็ได้ ไรส์คิด ก่อนจะจับลูกบิดหมุน เปิดประตูบานหนึ่งเข้าไป

     

    ตึก...ตัก.. ตุบ.... ตุบ

     

    ไรส์เอามือทาบอก พยายามสงบใจแต่ก็ยากยิ่ง เธอรู้สึกว่าได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงกว่าเสียงฝีเท้าข้างนอกเสียอีก เด็กสาวผมน้ำเงินเริ่มใจชื้นเมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอกแล้ว ไรส์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

     

    Rrrr..r……..r

     

    โทรศัพท์ที่เธอตั้งไว้เป็นระบบสั่นทำให้ไรส์สะดุ้งเมื่อมีคนโทรเข้า ไรส์หยิบโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอที่กำลังกระพริบในความมืด

     

    เอวา

     

    เด็กสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อไว้ใจได้แล้วเธอจึงกดรับสาย

     

    “ฮัลโหล..”

     

    [ไรส์ เธออยู่ไหน มีอะไรรึเปล่าถึงโทรเข้ามาน่ะ?]

     

    เสียงหวานของเด็กสาวนาม ตอง ผู้ไม่ได้เป็นเจ้าของโทรศัพท์ดังออกมา ทำให้ไรส์สงสัยว่าทำไมเอวาไม่รับสาย แต่เธอก็ต้องเก็บความสงสัยนั้นไว้ แล้วตอบกลับไป

     

    “อือ นิดหน่อยน่ะ ตอง.....เธอรู้จักคุณแมรี่ไหม?”

     

    [เธอหมายถึงตุ๊กตาคุณแมรี่รึเปล่า?] ตองถามแต่เธอไม่รอคำตอบแล้วพูดต่อทันที [มันเป็นตำนานเมืองน่ะ เล่าว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้ทิ้งตุ๊กตาเก่าที่ผลิตในต่างประเทศไปในตอนที่เธอย้ายบ้าน และในคืนหนึ่ง ได้มีโทรศัพท์โทรเข้ามา..

     

    "นี่ฉันคุณแมรี่นะ ตอนนี้อยู่ที่ทิ้งขยะ..." ทันทีที่ตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง ก็จะโทรเขามาอีก "นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้อยู่ตรงหัวมุมของร้านขายบุหรี่” ....ต่อจากนั้น ได้มีโทรศัพท์เข้ามาอีกว่า "นี่ฉันคุณแมรี่นะ ตอนนี้อยู่หน้าบ้านของเธอ"สาวน้อยได้ตัดสินใจเปิดประตูบ้านออก แต่กลับไม่พบใคร ในทันทีที่เธอคิดว่านี่คงเป็นการหยอกล้อของใครสักคน ก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีก...

     

    "นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้อยู่ข้างหลังของเธอ" …. จบแค่นี้แหละแต่ก็มีคนเอาไปแต่งเดิมเยอะอยู่ อ้อ ฉันคิดว่าเธอเป็นคนเล่าตำนานนี้ให้ฉันฟังซะอีก?]

     

    ตองถาม ฟังจากน้ำเสียง ไรส์คิดว่าเธอน่าจะกำลังขมวดคิ้วด้วยความสงสัยอยู่เป็นแน่

     

    “อ่า... จำได้แล้ว เธอก็รู้ว่าฉันความจำสั้นน่ะ”ไรส์หัวเราะ “งั้นแค่นี้นะ”

     

    [เดี๋ยวๆๆ แล้วเธอมาถามฉันทำไม หรือกำลังโดนคุณแมรี่ไล่…!!]

     

    ตองถามรัวด้วยความเป็นห่วง แต่เธอพูดไม่เร็วเท่าความเร็วมือไรส์ เด็กสาวผมสีน้ำเงินกดตัดสายก่อนที่เด็กสาวผมทองจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น

     

    “หึ... คุณแมรี่......สินะ” ไรส์พึมพำ เงามืดบดบังใบหน้าทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเธออยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่

     

    Rrrr..r….r

     

    “อะไรอีกตอง...ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวจะตามไป...”

     

    [ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้ฉันอยู่หน้าห้องเก็บของ]

     

    .....

     

    ไรส์ชะงัก เธอคิดว่าเป็นตองที่โทรกลับมาถาม จึงตอบกลับไปแบบนั้น แต่เมื่อทางปลายสายตอบกลับมา ทำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่..

     

    ก๊อกๆๆๆๆๆๆ!

     

    เสียงเคาะประตูอย่างไม่มีมารยาทดังติดต่อกันหลายครั้งอย่างกับจะพังเข้ามาให้ได้ ไรส์โทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อนอกอีกครั้ง ดวงตาสีอำพันของเด็กสาวผมน้ำเงินจ้องประตูเหมือนกำลังลังเลใจ

     

    “เอาเถอะ....” ร่างเพรียวถอนหายใจพรืดก่อนจะจับลูกบิดเย็นเฉียบ

     

    ผัวะ!!

     

    ไรส์บิดลูกบิดแล้วกระชากประตูออก ขณะที่อีกมือก็กอดไดอารี่แดงแนบอกเตรียมพร้อมจะทำอะไรก็ตาม หากเกิดเรื่องฉุกเฉิน

     

    Rrrrr…r..r..r

     

    “......”

     

    สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ไรส์ขมวดคิ้ว ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือสีชมพูในกระเป๋าของเธอก็ดังอีกครั้ง ไรส์กดรับมันเป็นครั้งที่7

     

    และจะเป็นครั้งสุดท้าย..

     

    [ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้ฉัน..]

     

    อยู่ข้างหลังเธอนะ ใช่ไหม”

     

    ไรส์พูดตัดหน้า ตุ๊กตาผ้าสีขาวขาดๆสกปรกไปด้วยคราบเลือด ขนาดสูงของมันเท่าเอวของเด็กสาวยืนอยู่ข้างหลัง ตาโตๆสีน้ำเงินเข้มเหมือนตุ๊กตาบลายธ์จับจ้องแผ่นหลังของเด็กสาวผมน้ำเงินโดยปราศจากความรู้สึกใดๆ ไรส์รู้ตัวว่ามันอยู่ข้างหลังแต่เธอก็ไม่ได้หันกลับไปมองหรือพูดอะไร

     

    “รู้ตัวก็ดี”

     

    คุณแมรี่ว่า นิ้วที่มีรอยปริและนุ่นหลุดออกมากดตัดสายโทรศัพท์ ก่อนจะยกมีดทำครัวขึ้นชี้เด็กสาวที่ไม่แม้แต่จะหันกลับมาชำเลืองมอง

     

    “ฉันจะเอาชีวิตเธอไปด้วย!!

     

    ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ตุ๊กตาผ้าเข้ามาประชิด ไรส์รู้สึกได้ว่าคุณแมรี่กำลังเงื้อมีดขึ้นหมายจะแทงเธอ เด็กสาวแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยบางอย่างที่ทำให้คุณแมรี่ชะงัก

     

    “เธอไม่ใช่ตุ๊กตาของฉัน”

     

    ด้วยคำพูดไร้เยื่อใยของเด็กสาวนั้นทำให้ทั้งตัวเธอเองและตุ๊กตาผ้าเงียบ ดูเหมือนคุณแมรี่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างซึ่งมันทำให้เธอยอมลดมีดลงซะด้วย ส่วนไรส์กำลังรอดูปฏิกิริยาของตุ๊กตาผ้า

     

    “เธอรู้ได้ไง”

     

    ในที่สุดคุณแมรี่ก็เป็นฝ่ายถามออกมาก่อน ไรส์หัวเราะในลำคอก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูก

     

    “เพราะตุ๊กตาของฉันไม่มีตา

     

    “....”

     

    คุณแมรี่... เหมือนมันจะลังเลอะไรสักอย่าง มันใช้เวลาจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจ..

     

    แค่ลูกตาเอง ไม่เป็นไรหรอก..

     

    แคว่ก... กลุ่กๆ!

     

    เจ้าของดวงตาสีอำพันก้มมองลูกตากลมๆของตุ๊กตาที่กลิ้งมาแทบเท้าเธอ คุณแมรี่พูดกับไรส์ด้วยเสียงแหบแห้งแต่เจ็บปวด

     

    “ฉันไม่มีตานะ...”

     

    “เธอไม่ใช่ตุ๊กตาของฉัน” ไรส์พูดซ้ำอีกรอบ แม้เสียงที่ฟังเมื่อกี้จะฟังดูเจ็บปวดแค่ไหน แต่เธอก็ยังทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไร

     

    “เธอรู้ได้ไง”

     

    “เพราะตุ๊กตาของฉันไม่มีแขน

     

    “....”

     

    คุณแมรี่เงียบไปอีกครั้ง เหมือนจะกำลังใช้ความคิด แต่คราวนี้มันตัดสินใจเร็วกว่าครั้งที่แล้ว มันตัดสินใจ..

     

    แค่แขนเอง ไม่เป็นไรหรอก..

     

    แคว่ก...

     

    อีกครั้งที่ดวงตาสีอำพันมองลงไปยังสิ่งที่อยู่แทบเท้า แขนตุ๊กตาที่ทำจากผ้าเก่าๆ คุณแมรี่พูดอีกครั้ง

     

    “ฉันไม่มีแขนนะ...”

     

    “เธอไม่ใช่ตุ๊กตาของฉัน” ไรส์ส่ายหน้า

     

    “เธอรู้ได้ไง”

     

    “เพราะตุ๊กตาของฉันไม่มีขา

     

    ไรส์มองมันอีกครั้งด้วยสายตาเหยียดหยาม ตุ๊กตาตัวนี้คงจะกำลังแสดงความซื่อสัตย์ให้เธอเห็น มันต้องการจะให้ไรส์เรียกมันว่าเป็นตุ๊กตาของเธอจริงๆ

     

    แล้วคนซื่อสัตย์เนี่ยมันเป็นยังไงหรอ?

     

    คนซื่อสัตย์ก็เป็นคนโง่ไงล่ะ!

     

    แคว่ก...

     

    ดูเหมือนคราวนี้มันแทบไม่ต้องคิดอะไรเลย ขาของมันถูกโยนมาแทบเท้าเธอ ไรส์สงสัยเล็กว่ามันใช้อะไรดึงขาออกมา แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร

     

    “ฉันไม่มีแขนนะ...”

     

    มันพูดอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้เด็กสาวผมน้ำเงินหันหลังกลับมาดู...อย่างน้อยตุ๊กตาไร้ตาก็คิดแบบนั้น เพราะเสียงฝีเท้าของเด็กสาวกำลังใกล้เข้ามา

     

    “....”

     

    มือทั้งสองข้างเด็กสาวประคองใบหน้าที่น่าจะเป็นส่วนเดียวที่ทำจากเรซิ่นขึ้น เธอส่งยิ้มให้มันแม้ว่ามันจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกต่อไปแล้ว

     

    “เธอเป็นตุ๊กตาของฉัน”

     

    เด็กสาวผมน้ำเงินเอ่ยเสียงอ่อนโยน ก่อนจะวางตุ๊กตาลงพื้นดังเดิม

     

    “แต่เป็นตุ๊กตาโง่ๆของฉันที่สมควรจะถูกกำจัด!”

     

    !!”

     

    คุณแมรี่เพิ่งรู้สึกตัว แต่มันก็สายไปแล้ว ตุ๊กตาผ้าไม่มีทั้งขาและแขน ดวงตาก็มืดบอด เด็กสาวผมน้ำเงินแสยะยิ้มกว้างจนน่ากลัว มีดในมือถูกยกขึ้นเหนือหัวก่อนจะตวัดลงอย่างรวดเร็ว!

     

    “เป็นไงล่ะ ทักษะการพูดของฉัน เจ็บใจไหม.... ฉันน่ะ ร้ายยิ่งกว่าหมาจิ้งจอกอีกนะ”เด็กสาวผมน้ำเงินยิ้มร่า

     

    “เพราะแกน่ะซื่อเกินไป คนซื่อสัตย์น่ะเป็นคนโง่!

     

    ฉึก!

     

    “เอาแต่ทำตามที่คนอื่นสั่งเหมือนหมาอยู่ได้!!

     

    ฉึก! ฉึก!

     

    ตุ๊กตาที่น่าสงสาร แม้จะไม่ตายแต่ก็ถูกคมมีดฝังลงทั่วร่าง กรีดและฉีกกระชากร่างออกจากกัน โดยที่มันไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลย ไรส์กระชากผมสังเคราะห์สีทองเป็นลอนขึ้นมา

     

    “แก.....แก..... แ..ก....”

     

    “ตุ๊กตาขี้เหงาที่ตามเจ้าของ..... คุณแมรี่น่ะก็แค่อยากจะพาเจ้าของไปอยู่ด้วย มันคงไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่มันคิดว่าเป็นความแค้นต่อเจ้าของน่ะ ความจริงก็แค่อยากให้เขามาสนใจ เพราะอย่างนั้นแหละ แกถึงออกตามหาเธอและยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นตุ๊กตาของฉัน...”

     

    “....อะไร...”

     

    “หืม?”

     

    ตุ๊กตาที่เหลือแต่หัวพึมพำบางอย่าง ไรส์เงี่ยหูรอฟัง คุณแมรี่ถึงถามซ้ำอีกครั้งด้วยเสียงแหบพร่า

     

    “แ....ก...ต้อ....ง..กา..ร.....อ...ะ...ไร”

     

    “ต้องการอะไรงั้นหรอ”แววตาสีอำพันดูอ่อนลง ไรส์วางหัวคุณแมรี่ลงพื้นก่อนจะเอ่ยคำตอบ

     

    “ฉันก็แค่อยากกลับไปพร้อมทุกคน”

     

    “ไม่....มีวัน แ...กทำ...แบบ...นี้ ไ...ม่มี...วัน ก....ลับได้...”คุณแมรี่เริ่มพูดไม่เป็นภาษา

     

    “แล้วไงล่ะ....”ไรส์แค่นยิ้มออกมา “ถึงฉันจะกลับไม่ได้ ฉันก็จะส่งพวกเขากลับไป นั่นแหละคือเป้าหมายของฉัน เพราะอย่างงั้นแหละ ต่อให้ต้องทำอะไรโง่ๆขนาดไหน ฉันก็จะทำ..”

     

    ไรส์เว้นวรรคก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

     

    “เพราะฉันก็เป็นคนซื่อสัตย์ที่โง่เง่าเหมือนกัน..”

     




    "คอม...คอม...คอมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม //แหกปาก
    คอมฉันมันงี่เง่า ไม่สิ...เน็ต....เน็ตฉันมันกาก!!!!! เปิดเเทบไม่ได้ //พ่นไฟ
    ถ้าฉันอัพนิยายไม่ได้ฉันจะไปถล่มบริษัทเน็ต..!!!.... "
    เป็นข้อความจากไรเตอร์ไวน์ครับ ก่อนอื่นผมชื่อโทริ00ครับ ผมจะมาประกาศว่า เน็ตบ้านไรท์ไวน์กากมาก อีกอย่างคือเจ๊เขากำลังจะเปิดเทอม และตัวเจ๊เขากำลังติดกิจกรรมคอสเพลย์ครับ=__= (แต่หลักๆผมว่าเจ๊เขาติดการ์ตูนมากกว่านะ//โดนไวน์เบอร์รี่ตบตี) ทำให้แกอาจจะมาอัพช้า(ไม่)นิดนึงครับ แต่เขาบอกว่าจะทำให้จบแน่ๆครับ ฝากบอกอีกว่าขอบคุณที่ติดตามและตอนนี้ดำเนินเรื่องได้ประมาณ75%แล้วครับ
    (เขาส่งต้นฉบับในเฟสมาแล้วก็หายหัวไปเลย....เป็นภาระผมอีกแล้ว-_-)

     

     ตอบคอมเม้น


    ความคิดเห็นที่ 24 (จากตอนที่ 3)    
    ชอบไรส์ กับแตงโมอ่ะ น่ารักจัง


    PS.  ในโลกแห่งความจริงฉันคือสายหมอกผู้ถูกลืมเลือน แต่ในโลกแห่งความฝันนั้น ฉันนี่แหละ...พระเจ้าล่ะชิชิชิ
    Name : dark-otaku< My.iD > ดูเน็ตเวิร์คอื่นๆ ของ dark-otaku [ IP : 125.27.183.181 ] 
    Email / Msn: - ส่งข้อความลับ
    วันที่: 6 พฤษภาคม 2556 / 10:45

    โทริ : นักเรียนไทยย้อมสีผมครับ...//ทำหน้าโอเค

    ความคิดเห็นที่ 23 (จากตอนที่ 14)    
    ครับผม
    สงสารคนที่ตายตอนนี้ชะมัด ว๊าก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
    อาหนังสือ - หนีดีกว่า...
    ผม - จะไปไหน //ใช้LunaJokerดึงอาหนังสือมา ก่อนจะลากไปช่วยกันลุย


    PS.  KIG future. Now, time to change the world by the novel.
    Name : bbsaver< My.iD > ดูเน็ตเวิร์คอื่นๆ ของ bbsaver [ IP : 125.26.254.30 ] 
    Email / Msn: jettanutdekd(แอท)gmail.com ส่งข้อความลับ
    วันที่: 5 พฤษภาคม 2556 / 18:58

     

    โทริ : มาสงสารตุ๊กตาแมรี่ตอนนี้เถอะครับ เหอๆ

    Velen
    tine
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×