คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : My Best Friend 13 : ล้มมวย (+ประกาศ:ถ้ามันจะเป็นภาระผมแบบนี้..)
My Best Friend 13
ล้มมวย
“ฉันน่ะ ร้ายยิ่งกว่าหมาจิ้งจอกอีกนะ”
[ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้ฉันกำลังจะเข้าไปในตึก]
เสียงนั้นดังออกมาจากโทรศัพท์เมื่อเด็กสาวผมสีน้ำเงินรับสายครั้งที่2 ไรส์กดตัดสายก่อนกลับมาวิ่งต่อ แม้เธอไม่รู้ว่ากำลังวิ่งไปไหนก็ตาม
“แฮ่กๆๆ...”
ไรส์หอบหนักๆ หันมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง ตอนนี้เธออยู่หน้าห้องคอม อย่างน้อยป้ายเก่าๆหน้าห้องก็บอกไว้อย่างนั้น
“คุณแมรี่....คุณแมรี่อย่างงั้นหรอ”
ไรส์พยายามนึกตำนาน เรื่องเล่า หรืออะไรก็ตามในหัวเกี่ยวกับคุณแมรี่ เผื่อจะหาวิธีหนีจากมันได้ แต่การวิ่งไปด้วยคิดอะไรวุ่นวายไปด้วยมันทำให้เธอไม่มีสมาธิเลย
[ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้ฉันกำลังขึ้นบันได]
คุณแมรี่กดตัดสายไปอีกครั้ง ไรส์กัดฟัน บันไดอยู่ห่างจากเธอไปไม่ไกล เด็กสาวผมสีน้ำเงินรีบวิ่งมุ่งหน้าต่อ เธอไม่รู้...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
คุณแมรี่ โทรศัพท์ ไล่ตาม...เอ๊ะ..?
เหมือนเธอจะนึกอะไรได้ แต่มันคืออะไรกันล่ะ? มันเหมือนมีอะไรแวบเข้ามาในหัว แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดี ไรส์เลือกที่จะสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปแล้ววิ่งต่อ
[ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ ฉันกำลังจะไปถึงห้องคอมแล้ว]
“อะไรนะ!!”
ไรส์ตะโกน เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอแต่ไม่เร่งรีบตามมาข้างหลัง เป็นเครื่องยืนยันว่าโทรศัพท์นั่นเป็นเรื่องจริง เด็กสาวผมน้ำเงินไม่รอช้า ออกตัววิ่งต่อทันทีโดยไม่ต้องมีใครสั่ง ไรส์กดเบอร์ในโทรศัพท์ก่อนกดโทรออก
“เวรเอ๊ย!!”เธอสบถ “ยัยพวกนั้น ทำไมไม่รับสาย!!!” เด็กสาวก่นด่า แหกปากอย่างหัวเสีย นึกอยากจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งแต่ก็ทำไม่ได้
[ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ...]
“ตอนนี้อยู่ไหนน่ะ!” โทรศัพท์มือถือดังขึ้นเป็นครั้งที่5 ไรส์กดรับมันพร้อมตะโกนถามเสียงดัง
[ตอนนี้ฉันกำลังจะไปที่ห้องวิทยาศาสตร์แล้ว]
ไรส์แหงนหน้ามองป้ายเหนือศีรษะ ป้ายเก่าๆนั่นเขียนไว้ลางๆแต่ตอนนี้ไรส์เห็นมันชัดเจนว่ามันคือห้องวิทยาศาสตร์ เธอกัดฟันแล้วเร่งฝีเท้าขึ้นอีก แน่นอนว่าเธอยังได้ยินเสียงฝีเท้าไล่ตามมาติดๆ
“แกต้องการอะไร!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”เด็กสาวผมน้ำเงินตะโกนถามแต่ยังไม่ชะลอความเร็ว
“.......”เจ้าของเสียงฝีเท้าข้างหลังไม่ตอบ
ชีวิตพูดได้ผ่านโทรศัพท์อย่างเดียวรึไงวะ?
ไรส์ยัดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าเสื้อนอก ดวงตาสีอำพันตวัดมองไปเห็นประตูสองบานตรงหน้า โอเค เสี่ยงดวงก็ได้ ไรส์คิด ก่อนจะจับลูกบิดหมุน เปิดประตูบานหนึ่งเข้าไป
ตึก...ตัก.. ตุบ.... ตุบ
ไรส์เอามือทาบอก พยายามสงบใจแต่ก็ยากยิ่ง เธอรู้สึกว่าได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงกว่าเสียงฝีเท้าข้างนอกเสียอีก เด็กสาวผมน้ำเงินเริ่มใจชื้นเมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอกแล้ว ไรส์ถอนหายใจอย่างโล่งอก
Rrrr..r……..r
โทรศัพท์ที่เธอตั้งไว้เป็นระบบสั่นทำให้ไรส์สะดุ้งเมื่อมีคนโทรเข้า ไรส์หยิบโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอที่กำลังกระพริบในความมืด
●เอวา●
เด็กสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อไว้ใจได้แล้วเธอจึงกดรับสาย
“ฮัลโหล..”
[ไรส์ เธออยู่ไหน มีอะไรรึเปล่าถึงโทรเข้ามาน่ะ?]
เสียงหวานของเด็กสาวนาม ตอง ผู้ไม่ได้เป็นเจ้าของโทรศัพท์ดังออกมา ทำให้ไรส์สงสัยว่าทำไมเอวาไม่รับสาย แต่เธอก็ต้องเก็บความสงสัยนั้นไว้ แล้วตอบกลับไป
“อือ นิดหน่อยน่ะ ตอง.....เธอรู้จักคุณแมรี่ไหม?”
[เธอหมายถึงตุ๊กตาคุณแมรี่รึเปล่า?] ตองถามแต่เธอไม่รอคำตอบแล้วพูดต่อทันที [มันเป็นตำนานเมืองน่ะ เล่าว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้ทิ้งตุ๊กตาเก่าที่ผลิตในต่างประเทศไปในตอนที่เธอย้ายบ้าน และในคืนหนึ่ง ได้มีโทรศัพท์โทรเข้ามา..
"นี่ฉันคุณแมรี่นะ ตอนนี้อยู่ที่ทิ้งขยะ..." ทันทีที่ตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง ก็จะโทรเขามาอีก "นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้อยู่ตรงหัวมุมของร้านขายบุหรี่” ....ต่อจากนั้น ได้มีโทรศัพท์เข้ามาอีกว่า "นี่ฉันคุณแมรี่นะ ตอนนี้อยู่หน้าบ้านของเธอ"สาวน้อยได้ตัดสินใจเปิดประตูบ้านออก แต่กลับไม่พบใคร ในทันทีที่เธอคิดว่านี่คงเป็นการหยอกล้อของใครสักคน ก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีก...
"นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้อยู่ข้างหลังของเธอ" …. จบแค่นี้แหละแต่ก็มีคนเอาไปแต่งเดิมเยอะอยู่ อ้อ ฉันคิดว่าเธอเป็นคนเล่าตำนานนี้ให้ฉันฟังซะอีก?]
ตองถาม ฟังจากน้ำเสียง ไรส์คิดว่าเธอน่าจะกำลังขมวดคิ้วด้วยความสงสัยอยู่เป็นแน่
“อ่า... จำได้แล้ว เธอก็รู้ว่าฉันความจำสั้นน่ะ”ไรส์หัวเราะ “งั้นแค่นี้นะ”
[เดี๋ยวๆๆ แล้วเธอมาถามฉันทำไม หรือกำลังโดนคุณแมรี่ไล่…!!]
ตองถามรัวด้วยความเป็นห่วง แต่เธอพูดไม่เร็วเท่าความเร็วมือไรส์ เด็กสาวผมสีน้ำเงินกดตัดสายก่อนที่เด็กสาวผมทองจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น
“หึ... คุณแมรี่......สินะ” ไรส์พึมพำ เงามืดบดบังใบหน้าทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเธออยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่
Rrrr..r….r
“อะไรอีกตอง...ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวจะตามไป...”
[ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้ฉันอยู่หน้าห้องเก็บของ]
“.....”
ไรส์ชะงัก เธอคิดว่าเป็นตองที่โทรกลับมาถาม จึงตอบกลับไปแบบนั้น แต่เมื่อทางปลายสายตอบกลับมา ทำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่..
ก๊อกๆๆๆๆๆๆ!
เสียงเคาะประตูอย่างไม่มีมารยาทดังติดต่อกันหลายครั้งอย่างกับจะพังเข้ามาให้ได้ ไรส์โทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อนอกอีกครั้ง ดวงตาสีอำพันของเด็กสาวผมน้ำเงินจ้องประตูเหมือนกำลังลังเลใจ
“เอาเถอะ....” ร่างเพรียวถอนหายใจพรืดก่อนจะจับลูกบิดเย็นเฉียบ
ผัวะ!!
ไรส์บิดลูกบิดแล้วกระชากประตูออก ขณะที่อีกมือก็กอดไดอารี่แดงแนบอกเตรียมพร้อมจะทำอะไรก็ตาม หากเกิดเรื่องฉุกเฉิน
Rrrrr…r..r..r
“......”
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ไรส์ขมวดคิ้ว ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือสีชมพูในกระเป๋าของเธอก็ดังอีกครั้ง ไรส์กดรับมันเป็นครั้งที่7
และจะเป็นครั้งสุดท้าย..
[ฮัลโหล นี่คุณแมรี่นะ ตอนนี้ฉัน..]
“อยู่ข้างหลังเธอนะ ใช่ไหม”
ไรส์พูดตัดหน้า ตุ๊กตาผ้าสีขาวขาดๆสกปรกไปด้วยคราบเลือด ขนาดสูงของมันเท่าเอวของเด็กสาวยืนอยู่ข้างหลัง ตาโตๆสีน้ำเงินเข้มเหมือนตุ๊กตาบลายธ์จับจ้องแผ่นหลังของเด็กสาวผมน้ำเงินโดยปราศจากความรู้สึกใดๆ ไรส์รู้ตัวว่ามันอยู่ข้างหลังแต่เธอก็ไม่ได้หันกลับไปมองหรือพูดอะไร
“รู้ตัวก็ดี”
คุณแมรี่ว่า นิ้วที่มีรอยปริและนุ่นหลุดออกมากดตัดสายโทรศัพท์ ก่อนจะยกมีดทำครัวขึ้นชี้เด็กสาวที่ไม่แม้แต่จะหันกลับมาชำเลืองมอง
“ฉันจะเอาชีวิตเธอไปด้วย!!”
ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ตุ๊กตาผ้าเข้ามาประชิด ไรส์รู้สึกได้ว่าคุณแมรี่กำลังเงื้อมีดขึ้นหมายจะแทงเธอ เด็กสาวแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยบางอย่างที่ทำให้คุณแมรี่ชะงัก
“เธอไม่ใช่ตุ๊กตาของฉัน”
ด้วยคำพูดไร้เยื่อใยของเด็กสาวนั้นทำให้ทั้งตัวเธอเองและตุ๊กตาผ้าเงียบ ดูเหมือนคุณแมรี่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างซึ่งมันทำให้เธอยอมลดมีดลงซะด้วย ส่วนไรส์กำลังรอดูปฏิกิริยาของตุ๊กตาผ้า
“เธอรู้ได้ไง”
ในที่สุดคุณแมรี่ก็เป็นฝ่ายถามออกมาก่อน ไรส์หัวเราะในลำคอก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูก
“เพราะตุ๊กตาของฉันไม่มีตา”
“....”
คุณแมรี่... เหมือนมันจะลังเลอะไรสักอย่าง มันใช้เวลาจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจ..
แค่ลูกตาเอง ไม่เป็นไรหรอก..
แคว่ก... กลุ่กๆ!
เจ้าของดวงตาสีอำพันก้มมองลูกตากลมๆของตุ๊กตาที่กลิ้งมาแทบเท้าเธอ คุณแมรี่พูดกับไรส์ด้วยเสียงแหบแห้งแต่เจ็บปวด
“ฉันไม่มีตานะ...”
“เธอไม่ใช่ตุ๊กตาของฉัน” ไรส์พูดซ้ำอีกรอบ แม้เสียงที่ฟังเมื่อกี้จะฟังดูเจ็บปวดแค่ไหน แต่เธอก็ยังทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“เธอรู้ได้ไง”
“เพราะตุ๊กตาของฉันไม่มีแขน”
“....”
คุณแมรี่เงียบไปอีกครั้ง เหมือนจะกำลังใช้ความคิด แต่คราวนี้มันตัดสินใจเร็วกว่าครั้งที่แล้ว มันตัดสินใจ..
แค่แขนเอง ไม่เป็นไรหรอก..
แคว่ก...
อีกครั้งที่ดวงตาสีอำพันมองลงไปยังสิ่งที่อยู่แทบเท้า แขนตุ๊กตาที่ทำจากผ้าเก่าๆ คุณแมรี่พูดอีกครั้ง
“ฉันไม่มีแขนนะ...”
“เธอไม่ใช่ตุ๊กตาของฉัน” ไรส์ส่ายหน้า
“เธอรู้ได้ไง”
“เพราะตุ๊กตาของฉันไม่มีขา”
ไรส์มองมันอีกครั้งด้วยสายตาเหยียดหยาม ตุ๊กตาตัวนี้คงจะกำลังแสดงความซื่อสัตย์ให้เธอเห็น มันต้องการจะให้ไรส์เรียกมันว่าเป็นตุ๊กตาของเธอจริงๆ
แล้วคนซื่อสัตย์เนี่ยมันเป็นยังไงหรอ?
คนซื่อสัตย์ก็เป็นคนโง่ไงล่ะ!
แคว่ก...
ดูเหมือนคราวนี้มันแทบไม่ต้องคิดอะไรเลย ขาของมันถูกโยนมาแทบเท้าเธอ ไรส์สงสัยเล็กว่ามันใช้อะไรดึงขาออกมา แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
“ฉันไม่มีแขนนะ...”
มันพูดอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้เด็กสาวผมน้ำเงินหันหลังกลับมาดู...อย่างน้อยตุ๊กตาไร้ตาก็คิดแบบนั้น เพราะเสียงฝีเท้าของเด็กสาวกำลังใกล้เข้ามา
“....”
มือทั้งสองข้างเด็กสาวประคองใบหน้าที่น่าจะเป็นส่วนเดียวที่ทำจากเรซิ่นขึ้น เธอส่งยิ้มให้มันแม้ว่ามันจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกต่อไปแล้ว
“เธอเป็นตุ๊กตาของฉัน”
เด็กสาวผมน้ำเงินเอ่ยเสียงอ่อนโยน ก่อนจะวางตุ๊กตาลงพื้นดังเดิม
“แต่เป็นตุ๊กตาโง่ๆของฉันที่สมควรจะถูกกำจัด!”
“!!”
คุณแมรี่เพิ่งรู้สึกตัว แต่มันก็สายไปแล้ว ตุ๊กตาผ้าไม่มีทั้งขาและแขน ดวงตาก็มืดบอด เด็กสาวผมน้ำเงินแสยะยิ้มกว้างจนน่ากลัว มีดในมือถูกยกขึ้นเหนือหัวก่อนจะตวัดลงอย่างรวดเร็ว!
“เป็นไงล่ะ ทักษะการพูดของฉัน เจ็บใจไหม.... ฉันน่ะ ร้ายยิ่งกว่าหมาจิ้งจอกอีกนะ”เด็กสาวผมน้ำเงินยิ้มร่า
“เพราะแกน่ะซื่อเกินไป คนซื่อสัตย์น่ะเป็นคนโง่!”
ฉึก!
“เอาแต่ทำตามที่คนอื่นสั่งเหมือนหมาอยู่ได้!!”
ฉึก! ฉึก!
ตุ๊กตาที่น่าสงสาร แม้จะไม่ตายแต่ก็ถูกคมมีดฝังลงทั่วร่าง กรีดและฉีกกระชากร่างออกจากกัน โดยที่มันไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลย ไรส์กระชากผมสังเคราะห์สีทองเป็นลอนขึ้นมา
“แก.....แก..... แ..ก....”
“ตุ๊กตาขี้เหงาที่ตามเจ้าของ..... คุณแมรี่น่ะก็แค่อยากจะพาเจ้าของไปอยู่ด้วย มันคงไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่มันคิดว่าเป็นความแค้นต่อเจ้าของน่ะ ความจริงก็แค่อยากให้เขามาสนใจ เพราะอย่างนั้นแหละ แกถึงออกตามหาเธอและยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นตุ๊กตาของฉัน...”
“....อะไร...”
“หืม?”
ตุ๊กตาที่เหลือแต่หัวพึมพำบางอย่าง ไรส์เงี่ยหูรอฟัง คุณแมรี่ถึงถามซ้ำอีกครั้งด้วยเสียงแหบพร่า
“แ....ก...ต้อ....ง..กา..ร.....อ...ะ...ไร”
“ต้องการอะไรงั้นหรอ”แววตาสีอำพันดูอ่อนลง ไรส์วางหัวคุณแมรี่ลงพื้นก่อนจะเอ่ยคำตอบ
“ฉันก็แค่อยากกลับไปพร้อมทุกคน”
“ไม่....มีวัน แ...กทำ...แบบ...นี้ ไ...ม่มี...วัน ก....ลับได้...”คุณแมรี่เริ่มพูดไม่เป็นภาษา
“แล้วไงล่ะ....”ไรส์แค่นยิ้มออกมา “ถึงฉันจะกลับไม่ได้ ฉันก็จะส่งพวกเขากลับไป นั่นแหละคือเป้าหมายของฉัน เพราะอย่างงั้นแหละ ต่อให้ต้องทำอะไรโง่ๆขนาดไหน ฉันก็จะทำ..”
ไรส์เว้นวรรคก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“เพราะฉันก็เป็นคนซื่อสัตย์ที่โง่เง่าเหมือนกัน..”
"คอม...คอม...คอมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม //แหกปาก
คอมฉันมันงี่เง่า ไม่สิ...เน็ต....เน็ตฉันมันกาก!!!!! เปิดเเทบไม่ได้ //พ่นไฟ
ถ้าฉันอัพนิยายไม่ได้ฉันจะไปถล่มบริษัทเน็ต..!!!.... "
เป็นข้อความจากไรเตอร์ไวน์ครับ ก่อนอื่นผมชื่อโทริ00ครับ ผมจะมาประกาศว่า เน็ตบ้านไรท์ไวน์กากมาก อีกอย่างคือเจ๊เขากำลังจะเปิดเทอม และตัวเจ๊เขากำลังติดกิจกรรมคอสเพลย์ครับ=__= (แต่หลักๆผมว่าเจ๊เขาติดการ์ตูนมากกว่านะ//โดนไวน์เบอร์รี่ตบตี) ทำให้แกอาจจะมาอัพช้า(ไม่)นิดนึงครับ แต่เขาบอกว่าจะทำให้จบแน่ๆครับ ฝากบอกอีกว่าขอบคุณที่ติดตามและตอนนี้ดำเนินเรื่องได้ประมาณ75%แล้วครับ
(เขาส่งต้นฉบับในเฟสมาแล้วก็หายหัวไปเลย....เป็นภาระผมอีกแล้ว-_-)
ตอบคอมเม้น
|
||||
|
||||
|
Name : dark-otaku< My.iD > [ IP : 125.27.183.181 ] |
โทริ : นักเรียนไทยย้อมสีผมครับ...//ทำหน้าโอเค
|
||||
|
||||
|
Name : bbsaver< My.iD > [ IP : 125.26.254.30 ] |
|
โทริ : มาสงสารตุ๊กตาแมรี่ตอนนี้เถอะครับ เหอๆ
Velen tine
ความคิดเห็น