คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : My Best Friend 10 : กลับด้วยกัน
My Best Friend 10
กลับด้วยกัน
“เพราะพี่มีคนที่รอให้พี่กลับไปอยู่...”
“ใครน่ะ!!!!”
สน เอวา และเมก้าถอยกรูดออกมาจากตำแหน่งเดิมที่ยืนอยู่ เจ้าของเสียงทุ้มยังหลบซ่อนตัวในเงามืดของห้อง เมื่อเห็นว่าร่างในเงาไม่ตอบ สนจึงขว้างแผ่นซีดีใส่
ฟุ่บ!แกร๊งๆๆๆๆ!!
เสียงแผนซีดีเพลงนับสิบร่วงเกรียวกราวลงพื้นโดยไม่โดนร่างในเงาแม้แต่ปลายเล็บ สนหยุดปาแผ่นซีดี เพราะร่างในเงากำลังพุ่งตรงเข้ามาทางเธออย่างรวดเร็ว!!
“อ๊าาาา!!!!!!!”
ตึ่งงงงงง!!!?
ด้วยความเร็วเพียงชั่วพริบตา เมื่อรู้ตัวอีกทีเด็กสาวผมดำก็ถูกมันจับมือทั้งสองรวบไพล่หลังด้วยมือเดียวเสียแล้ว ส่วนอีกมือของมันก็จิกผมของเธอกระแทกลงบนคีบอร์ดสีดำที่อยู่ไม่ไกลนัก ดวงตาสีแดงชาดของมันหันมาประสานกับดวงตาสีคาราเมลของเอวาที่ยืนนิ่ง
“แก... ต้องการอะไร”เธอถามเสียงเรียบโดยมิหวั่นเกรง
“เหยื่อ...”
น้ำเสียงแหบพร่าตอบเบาๆ แสงสลัวจากดวงจันทร์ทำให้เห็นร่างของชายหนุ่มผมดำยาว รูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีกรงเล็บยาวแหลมและลิ้นสองแฉก จ้องลึกเข้าไปในตัวตนของเด็กสาวผมน้ำตาลอย่างใคร่รู้ มือของมันปล่อยหัวของสนออก สนหันมองไปมองมันเพื่อหาคำตอบว่าทำไมมันถึงยอมปล่อยเธอ แต่ไม่นานเธอก็ได้คำตอบ
เพราะเป้าหมายใหม่ของมันคือ เอวา...
“คุณหนู!!”
เมก้าผลักเอวาไปอีกทาง กรงเล็บแหลมคมตวัดเข้าใส่แผ่นหลังของเด็กหนุ่มผมทองอย่างแม่นยำ ภาพเลือดสีแดงที่พุ่งออกมาจนดูเหมือนเป็นดอกไม้สีแดงฉาน สะท้อนอยู่ในดวงตาสีคาราเมลที่เบิกกว้าง สนไม่รอให้พลาดโอกาส ใช้กระหน่ำกีตาร์ฟาดใส่สัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนมนุษย์ไม่ยั้ง จนมันสลบไป
“พ่อบ้าน... พ่อบ้าน...”เอวาเขย่าตัวพ่อบ้านประจำตัวของเธอเบาๆ
“โห แผลใหญ่ใช่เล่น ดีนะที่ไม่ลึกมาก”สนเข้ามาดูอาการ เธอหันไปพูดกับเอวาอย่างจริงจัง
“เราต้องรีบเคลื่อนย้ายหมอนี่ ก่อนที่มันจะฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะ”สนบุ้ยปากไปทางร่างที่เธอเพิ่งทุบสลบไป
“แล้วทำไมไม่จัดการให้เสร็จไปล่ะ”เอวาถาม แน่นอนคำว่าจัดการ นี้หมายถึงฆ่านั่นเอง
“เธอจะให้ฉันเอาอะไรไปจัดการมันล่ะ เอากีตาร์ทุบตายรึไง”สนเท้าเอว “อีกอย่าง เราควรออกจากที่นี่ก่อน เพราะไม่รู้ว่ามีตัวอะไรอยู่แถวนี้อีกไหม..”
Rrrrrrr..r…r
โทรศัพท์สีฟ้าในประเป๋ากระโปรงของเด็กสาวผมน้ำตาลดังขึ้น เอวาหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความประหลาดใจ เบอร์ที่เม้มไว้ทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าของเบอร์โทรมาได้ยังไง
۞ไรส์۞
ปิ๊ป..
“ฮัลโหล?..”
[เอ...วา!!!!!!!!!!!!!!! ตอนนี้อยู่ไหนนนนนนนน]
เอวากรอกเสียงลงไปเบาๆ แต่ทางปลายสายกลับแหกปากกลับมาดังลั่น จนเอวาต้องดึงโทรศัพท์ไปให้ห่างหู ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพหูเธอเอง เธอขมวดคิ้วแล้วถามกลับไปอีกครั้ง
“ไรส์..? เธอโทรมาได้ไง”เอวาถามอีกครั้ง
[โทรมาด้วยโทรศัพท์ ตอนนี้แกอยู่ไหนนนนน]
ไม่บอกนี่ นึกว่าใช้ทีวีโทรมานะเนี่ย.. เอวาคิดเอือมๆก่อนจะตอบกลับไป
“ห้องดนตรี”
[ห้องดนตรีหรอ... เดี๋ยวนะ อ๋อ มันอยู่ตึกสามนี่]อีกเสียงที่อยู่ใกล้ๆแทรกออกมาจากลำโพง
[ตึกสาม? นั่นมันตึกที่ติดกับตึกใหญ่นี่!?]เอวาคิดว่านั่นน่าจะเป็นเสียงแตงโม
“อะไรของพวกเธอ แล้วรู้ได้ไงว่าที่นี่เป็นตึกเดี่ยว”เอวาได้ยินเสียงพลิกกระดาษตามมาด้วยเสียงไรส์ตอบกลับมา
[ฉันมีแผนที่ เอวาฟังให้ดีนะเรื่องต่อไปนี้สำคัญมาก]เสียงไรส์ฟังดูเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เอวาจึงเงียบรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
[ฉันคิดว่าเรามีโอกาสจะออกจากที่นี่.. ถ้าเกิดว่าไปถึงตัวเพื่อนได้ ฉันเลยอยากจะพาทุกคนออกไปด้วยกัน ฉันจะไปรับเธอเอง เอวา..ตอนนี้เธออยู่กับใครบ้างไหม]
“มีเมก้า กับเด็กอีกคนชื่อสน”
[เยี่ยม แล้วนนท์ล่ะ?]
“ไม่รู้สิ..... ฉันไม่เจอหมอนั่นเลย”เอวาขมวดคิ้ว “รีบมาเถอะ ตอนนี้เมก้าบาดเจ็บอยู่”
[เอ๋ งั้นเดี๋ยวฉันออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ เพราะทางนี้ก็มียาอยู่ เธอลงมารอชั้นล่างนะเอวา พวกฉันก็กำลังเดินลงบันไดอยู่ อ้อ เปิดโหมดประหยัดพลังงานโทรศัพท์ไว้ด้วยนะ เดี๋ยวแบตหมด]
“อืม”
[แล้วแถวนั้นมีทางเชื่อมตึกรึเปล่า?]
“มีสิ เพราะฉันกับเมก้าเพิ่งเดินจากอีกตึกมาเองและตอนนี้กำลังติดอยู่ในห้องดนตรีตามที่บอกล่ะ แต่น่าจะออกได้แล้วมั้ง”
[อืม งั้นเดี๋ยวเจอกัน ฉันจะรีบไปหา]
ไรส์ว่าก่อนสายจะถูกตัดไป เอวาไม่ลืมที่จะเปิดโหมดประหยัดพลังงานตามที่ไรส์บอก ก่อนจะยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วหันไปพูดกับสน
“ช่วยกันพาพ่อบ้านลงไปชั้นล่างสุดหน่อยสิ”
“ถึงจะไม่เข้าใจ แต่ก็โอเค”สนว่าก่อนจะประคองเมก้าให้ลุกขึ้น “นายเดินไหวไหม?”
“ถ้าเพื่อคุณหนูล่ะก็..”เมก้าเอ่ยเสียงแหบพร่า พยายามยืนอย่างยากเย็นแต่ด้วยความช่วยเหลือของสน เขาจึงพอจะเดินได้โดยมีสนประคอง
“อืม รีบไปกันเถอะ”
เอวาเปิดประตู สนพยุงเมก้าเดินออกมา ก่อนเอวาจะปิดประตูล็อคกุญแจ ด้วยกุญแจที่เสียบค้างไว้บนลูกบิด ปิดตายห้อง ขังชายหนุ่มรูปร่างผิดมนุษย์ไว้ข้างใน
.................................................................................
“เอาล่ะ ได้ยินแล้วนะ เราคงต้องรีบลงไปข้างล่างกันหน่อยแล้วล่ะ”
เด็กสาวผมสีน้ำเงินว่า ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ฝาพับเข้ากระเป๋ากระเป๋ากระโปรง ตอนนี้พวกเขาอยู่ชั้นสามและกำลังจะลงชั้นสอง ไรส์ปิดสมุดไดอารี่แดงแล้วหันมามองทางที่พื้นแทน
ก็ฉันยังไม่อยากตายอนาถเพราะตกบันไดนี่นา..
“ถ้าลงไปถึงหน้าประตูแล้วให้ตั้งใจวิ่งสุดแรงไปตึกสามเลยนะ ถ้าใครรู้ตัวว่าวิ่งไปตึกสามไม่ไหวให้รีบวิ่งไปตึกใหญ่ก่อนเลย แล้วพี่จะโทรหาเอง..”
นิธานว่า ไรส์ส่ายหน้าแล้วพูดขัดรุ่นพี่หัวฟ้า
“ไม่ได้ค่ะ ตึกสามอันตรายมาก พี่นิธานต้องวิ่งไปตึกใหญ่พร้อมโคน ตองและปัญญา จะได้ดูแลกันได้ แล้วหนูกับนาโนจะวิ่งไปตึกสามเอง”
“ไม่!! พี่จะไปด้วย ยิ่งอันตราย พี่ยิ่งต้องไป จะปล่อยรุ่นน้องสองคนไปเสี่ยงได้ยังไง!”นิธานแย้ง ไรส์หยุดยืนระหว่างขั้นบันได หันกลับมามองนิธานด้วยดวงตาสีอำพันที่แลดูเย็นชา เธอถามน้ำเสียงเสียงจริงจัง
“พี่นิธานมีครอบครัวรึเปล่าคะ”
“ก็มี ถามทำไม?” ชายหนุ่มผมฟ้ามึนงงกับคำถามแปลกๆของเด็กสาวผมสีน้ำเงิน
“แล้วพี่เป็นลูกคนเดียวรึเปล่าคะ” อีกคำถามตามมาติดๆ
“ใช่...”นิธานตอบอย่างงงๆ
“ดีแล้วค่ะ แต่ก็เพราะอย่างงั้นพี่ถึงมาเสี่ยงไม่ได้”ไรส์ส่ายหน้า “เพราะพี่มีคนที่รอให้พี่กลับไปอยู่...” ไรส์เริ่มเดินต่อแต่ยังไม่หยุดพูด
“นาโนยังไงก็เอาตัวรอดได้... ส่วนหนูเป็นลูกคนโต ทำอะไรก็แย่ไปหมดทุกอย่าง ยังไงซะ พ่อกับแม่คงไม่เสียใจหรอกค่ะ ถ้าคนอย่างหนูจะหายไป”
“มันจะพ่อแม่ที่ไหนจะไม่รักลูกล่ะ!?อย่าพูดเหมือนตัวเองตั้งใจจะไปตายได้ไหม ไรส์!”
นิธานจับไหล่ไรส์ให้เธอหันกลับมา ไรส์มองหน้านิธานนิ่งๆก่อนจะตอบปัดๆ
“แน่นอนว่าหนูจะไม่ยอมตาย สบายใจได้ เกริ่นๆไปงั้นแหละค่ะ”ไรส์สะบัดตัวออกแล้วเดินต่อพร้อมปัญญาที่เข้ามาจูงมือไรส์
“เอาล่ะ.... ไปตึกนู้นกันให้หมดนี่แหละ”
นาโนว่า ก่อนเธอจะอุ้มแมวดำขึ้นมา ไรส์ทำท่าจะค้านแต่กลับมีแนวร่วมของนาโนขึ้นมาขัดซะก่อน
“อืม ไปกันให้หมดเนี่ยแหละ”โคนยิ้มแสดงความเห็นด้วยกับไอเดียนาโน
“ถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยกันนี่แหละ”ตองพยักหน้า
“ใช่แล้วล่ะ.... เพราะเราเป็นเพื่อนกันนี่นา มิตรภาพของเราจะไม่แพ้พวกมันแน่ๆ!”แตงโมเข้ามากุมมือไรส์
“ผมก็จะพยายาม”ปัญญาบีบมือไรส์ให้เธอหันมาสนใจ
“แต่....”
“อย่าลืมสิว่าพวกเราไม่ใช่เพื่อนกันธรรมดา...”นาโนเกาคางให้แมวดำในอ้อมแขน “เพราะพวกเราเป็นคนที่โดนสังคมกีดกันออกมาเหมือนๆกัน เราเลยสนิทกันมากกว่าคนปกติไม่ใช่หรอ”
“เห จริงหรอ”
นิธานทำหน้าประหลาดใจ ขณะที่ทั้งสี่คนพยักหน้า เขาเคยสงสัยว่าทำไมทั้งห้าคนถึงอยากจะช่วยเพื่อนๆออกไปขนาดนั้น แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเด็กๆกลุ่มนี้ผูกพันกันเกินกว่าคนทั่วไป
เพราะคนปกติในตอนนี้คงจะทิ้งเพื่อนแล้วหนีไปแล้ว..
และเขาก็เคยมีความคิดแบบนั้นอยู่แวบหนึ่ง
“งั้นก็ได้...”
ไรส์ยอมแพ้ในที่สุด เธอถอนหายใจกับการไม่ยอมแพ้ของเพื่อนเธอ แต่ก็เพราะแบบนี้แหละพวกเธอถึงสนิทกันมาก
ตุบๆๆ...
รองเท้านักเรียนสีน้ำเงินสัมผัสกับพื้นคอนกรีตแผ่วเบา นาโนเดินลงบันไดเป็นคนสุดท้าย นิธานเดินดุ่มๆไปยังประตูเพียงบานเดียวในห้อง ก่อนจะเปิดมัน
เพราะยังไงห้องนี้ก็เป็นห้องว่างๆที่ไม่มีอะไรอยู่แล้วนี่?
แอ๊ด.........ด..
“อุก!?”
ภาพตรงหน้าทำให้โคนปิดปากด้วยความตกใจ ไรส์ปิดตาปัญญาไม่ให้มองภาพเลวร้ายตรงหน้า นาโนเดินขึ้นมาดูเพราะสงสัยว่าทุกคนหยุดทำไม
“ศ...ศ..ศ....ศพ.....” ตองร้องเบาๆ นิธานเบือนหน้าหนีภาพไม่น่ามอง
ชั้นล่างของตึกเป็นประตูกระจกที่มีเครื่องอิเล็กทรอนิกซ์อะไรสักอย่างอยู่บนที่จับ มีคราบเลือดสีแดงเป็นรอยมือบนประจกหลายรอย แต่ถ้ามองเลยออกไปอีกจะเห็นข้างนอกนั่นจะเห็นมัน....
ศพของใครสักคนนอนอยู่บนพื้นถนนยางมะตอย ส่วนหัวหายไปเกือบครึ่ง ทำให้เห็นฟันกรามและลิ้นของเขาโดยไม่มีเพดานเหงือกกั้น..
“อุ๊บ...แหวะ...อ่อก”
แตงโมถึงกับอ้วกออกมาด้วยความขยะแขยงและกลัว นิธานลูบหลังแตงโมให้ขณะเธอกำลังสำรอกของเก่า
“หืม..”
นาโนเห็นบางอย่างทางหางตา เธอจึงหันไปมองบนกำแพง.. เธอสังเกตเห็นว่า กำแพงนั่นมันมีสีแปลกไปจากที่อื่น นาโนเดินเข้าไปสำรวจโดยไม่รีรอ
“นี่มัน...” นาโนแตะผนังเก่าๆ วอลเปเปอร์สีที่ไม่ลอกล่อนต่างจากตรงอื่นทำให้เธอ..
แคว่ก!!!!
“นาโน ทำอะไรน่ะ!?”
ตองหันไปมองนาโนที่กระชากแผ่นวอลเปเปอร์จนหลุดทั้งแผ่น แต่ก่อนที่จะพูดอะไรมากกว่านั้น นาโนก็ชี้ให้เธอดูสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังวอลเปเปอร์ให้ทุกคนดู
“ระวังถูกล่า ทางที่ดีอย่าออกจากที่นี่”
เด็กสาวผมดำอ่านโปสเตอร์ที่ถูกซ่อนออกมาดัง เธอหันไปมองทุกคนอย่างขอความเห็น นิธานเดินเข้าไปสำรวจมันใกล้ๆ
“แต่เราก็จะออกไป.. ใช่มั้ย?”นิธานถาม
“ไม่เห็นต้องถาม”โคนยักไหล่
“รีบออกไปกันเถอะค่ะ”
แตงโมว่า ไรส์พยักหน้ารับก่อนจะเดินไปยังประตูกระจกเพียงบานเดียวในห้อง ไรส์หันไปส่งสัญญาณให้ทุกคนเตรียมวิ่ง เมื่อทุกคนพยักหน้าและเตรียมพร้อมแล้ว เธอจึงผลักบานประตูสุดแรง!!
กึ่ก!!
“เอ๊ะ!ติดอะไรเนี่ย....”ไรส์ร้อง
ปิ๊ปๆๆๆๆๆๆ
สัญญาณที่ติดกับที่จับประตูร้องลั่นเหมือนเป็นสัญญาณกันขโมย ไรส์ผละออกจากประตูอย่างระมัดระวัง
‘ลาลาล้า~ ฉันคือระบบรักษาความปลอดภัยจ้า’ เสียงสังเคราะห์หัวเราะใสๆ ซึ่งถ้าเป็นเวลาปกติคนคงนึกอยากโดดเตะก้านคอคนสร้างมันตงิดๆ
‘ถ้าอยากออกไปล่ะก็ต้องตอบคำถาม จะตอบหรือไม่จ๊ะ~~’มันถาม
“อ...เอาไงดี” ไรส์ถามความเห็นจากคนข้างหลัง เธอไม่กลัวสัญญาณนี้สักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับศพที่นอนอยู่ข้างนอก
“ตอบสิ ยังไงถ้าไม่ตอบ ประตูจะไม่เปิดใช่มั้ย?”แตงโมพยักหน้าเป็นสัญญาณ
“งั้นก็........... ตกลง!”
‘ปิ๊ปๆๆๆๆ คำถามจ้า’มันร้องก่อนจะพ่นคำถามออกมา
‘อะไรเอ่ยอยู่ข้างหน้าแต่มองไม่เห็น?’
-----------------------------------------------------------------
กระต่ายน้อย :: สวัสดีค่า เพื่อนไรท์ค่าาาา ^^
สำหรับตอนนี้มาอัพแทนไรท์ ไรท์หนีไปเที่ยวค่ะ 555
ตอบคอมเม้นท์
|
||||
|
||||
|
Name : bbsaver< My.iD > [ IP : 125.26.235.94 ] |
กระต่ายน้อย :: ช่วยติดตามนิยายของไรท์ต่อไปด้วยนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า >__<
|
||||
|
||||
|
Name : ``Raіn.Droρ...。}< My.iD > [ IP : 125.25.182.115 ] |
|
กระต่ายน้อย :: ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ติดตามต่อไปเรื่อยๆนะคะ
|
||||
|
||||
|
Name : ``Raіn.Droρ...。}< My.iD > [ IP : 125.25.182.115 ] |
|
กระต่ายน้อย :: ติดตามจนถึงตอนหลังๆด้วยนะคะ >.,<
|
||||
|
||||
|
Name : ``Raіn.Droρ...。}< My.iD > [ IP : 125.25.182.115 ] |
|
กระต่ายน้อย :: แต่กระต่ายน้อยชอบเอวามากกว่าอ่ะค่ะ //โดนตบตี
|
||||
|
||||
|
Name : ``Raіn.Droρ...。}< My.iD > [ IP : 125.25.182.115 ] |
กระต่ายน้อย :: เอ๋ ตายหรอคะ
|
||||
|
||||
|
Name : ``Raіn.Droρ...。}< My.iD > [ IP : 125.25.182.115 ] |
|
กระต่ายน้อย :: นนท์นี่แย่มากๆเลยนะคะ =^=!!
|
||||
|
||||
|
Name : ``Raіn.Droρ...。}< My.iD > [ IP : 125.25.182.115 ] |
กระต่ายน้อย :: สกิลคืนชีพ !!!
|
|||
|
Name : bbsaver< My.iD > [ IP : 125.26.208.94 ] |
|
กระต่ายน้อย :: นาโนมีจิตสัมผัสค่ะ //โดนตบตี
Velen tine
ความคิดเห็น