คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : My Best Friend 9 : เกมอีกเกม
My Best Friend 9
เกมอีกเกม
“เราคงไม่มีวันออกไปมีชีวิตข้างนอกเหมือนเดิมได้แล้วล่ะ”
“เอาล่ะ ได้เวลาสักที จะได้เล่นสนุกอย่างที่เราชอบที่สุดสักที!”
ร่างที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้เงาจันทร์พูดเปรยกับตัวเอง มือบางโยนโทรศัพท์มือถือแบบฝาพับทิ้ง เธอถีบผนังเพื่อส่งแรงให้เก้าอี้สำนักงานเคลื่อนตัวไปอีกฝั่งของห้อง เมื่อเก้าอี้เคลื่อผ่านหน้าต่างแสงจันทร์ที่ส่องกระทบลงบนเสี้ยวหน้า ทำให้เห็นผมสีดำยาวถึงต้นคอของเธอ
เพื่อนเป็นผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย..
“ทีนี้.. ก็ต้องไปกระจายเสียงสินะ ตื่นเต้นจัง~”เด็กสาวหยิบหมวกตุ๊กตาสีฟ้าอ่อนติดมือมา เธอก้าวฉับๆไปยังไมโครโฟนของห้องประชาสัมพันธ์
“ฮิฮิ ทุกคน..ช่วยแสดงความเห็นแก่ตัวของพวกเธอออกมาให้เต็มที่นะ”
เธอสวมหมวกตุ๊กตาสีฟ้าใบโตเข้าที่หัว ก่อนจะยืนขึ้นเพื่อให้ความสูงของตัวเองถึงไมโครโฟน นิ้วเรียวกดปุ่มกระจายเสียงออกไปโดยไม่ลังเล
“สวัสดีเพื่อนที่น่ารักของเรา!...”
..ความน่ากลัวมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น..
“เสียงประกาศมาอีกแล้ว..”
เด็กหนุ่มผมขาวพึมพำคนเดียวในห้องศิลปะ เขากำลังนั่งวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้อยู่ จะเห็นได้ว่าในมือของเขามีปากกาเก่าๆด้ามหนึ่งกับกระดาษแผ่นใหญ่ที่มีแผนผังโยงไปโยงมาและตัวหนังสือที่เขียนแบบรีบๆ
‘ตอนนี้ทุกคนคงจบเกมกันได้แล้วสิน้า~ แต่ถ้าใครยังไม่ได้เล่นก็ไม่เป็นไรนะ♥ เพราะเราจะไปต่อกันเกมหน้าเลย!’
เสียงใสๆนั่นบ่งบอกถึงความอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้ของเพื่อน พาลทำให้ปูนรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมานิดๆด้วย
‘เกมที่เราจะเล่นก็คือ คนทรยศคือใคร ไงล่ะ!’
“หือ?”
หัวข้อการประกาศครั้งนี้ทำให้ปูนสนใจไม่น้อยเลย เขาวางปากกา ละสายตาจากกระดาษขึ้นมาฟังเสียงประกาศอย่างตั้งใจ
‘เราจะมาจับตัวคนทรยศซึ่งเป็นคนของเราที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มพวกเธอกัน! กติกาง่ายมาก ถ้าใครฆ่าได้ล่ะก็ เราจะส่งตัวเธอกลับบ้านล่ะ!! ว่าไง~น่าสนุกใช่มั้ย?’
“คนทรยศงั้นหรอ.. หึหึ ท่าทางน่าสนุกนี่”
ปูนแสยะยิ้มท่าทางไม่น่าไว้ใจ ดวงตาสีเลือดจับจ้องแผนผังบนกระดาษแผ่นใหญ่ ก่อนที่มือหนาจะใช้ปากกาเมจิกสีแดงวงรายชื่อแรกบนหัวกระดาษ
“นี่แหละ คนที่น่าสงสัยที่สุด..”
‘เอาล่ะ เกมนี้จะเริ่มใน..5..4..3..2….’
เด็กหนุ่มผมขาวหายตัวไปจากห้อง เหลือแต่กระดาษแผ่นใหญ่บนโต๊ะ รอยปากกาสีแดงบนชื่อของเด็กสาวคนหนึ่งเด่นชัดในเงามืด
‘1..0..เริ่มได้!’
ผู้ถูกล่าในครั้งนี้ก็คือ..
.................................................................................
“ใครเป็นคนทรยศกันนะ..”
เด็กสาวผมสีน้ำตาลนั่งกอดเข่าหลังฟังเสียงประกาศ เนื้อตัวของเธอเปียกปอนไปด้วยของเหลวสีดำ พ่อบ้านประจำตัวของเธอที่ยืนอยู่ข้างๆก็ตัวเปียกไม่แพ้กัน เขากำลังรื้อของรอบๆหาอะไรบางอย่าง
จะอะไรซะอีก... พวกเขาเดินตามแสงไฟไปจนถึงห้องดนตรีก็ไม่เจออะไร..
แต่ประตูดันปิดแล้วมีถังน้ำตกใส่หัวซะนี่..
“งั้นระหว่างผมหาอะไรมาเช็ดตัวนี้ มาวิเคราะห์กันดีไหมครับ.. ใครน่าสงสัยที่สุด” เด็กหนุ่มผมทองออกความคิด หลังการเดินหาของรอบห้องอย่างไร้ประโยชน์มาราวๆ10นาที
“ก็เอาสิ.. สงสัยใครไหม เมก้า”
“จะดีหรอครับ.. เพราะคนนั้นเป็นเพื่อนคุณหนูด้วยนะ”เมก้าอึกอัก ไม่ยอมพูด เอวาจึงส่ายหน้าแล้วพูดตอบด้วยท่าทางอยากรู้
“บอกมาเถอะ เวลาแบบนี้เชื่อใจใครไม่ได้หรอกนะ..”
“เฟรมครับ...”
“หา! ทำไมล่ะ?”เอวาถามอึ้งๆ เธอไม่คิดจะสงสัยเฟรมเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะเธอไม่สนิทกับเฟรมก็เป็นได้
“เพราะเธอเป็นคนที่ไม่กลัวที่จะเล่นผีถ้วยแก้ว แล้วก็เป็นคนที่ตั้งสติได้คนแรก ถึงได้ดึงตัวนาโนที่จะเอามือออกจากก้นแก้วได้ อีกอย่างคือ..เฟรมรู้ได้ยังไงว่าห้ามเอามือออกจากก้นแก้ว?” เมก้าคิ้วขมวดขณะที่มือก็ยังหาของต่อไป
“จริงด้วย.. นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย!”เอวาทำหน้าตะลึงที่พ่อบ้านของเธอคิดได้ลึกขนาดนี้ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
“แล้วคุณหนูล่ะครับ สงสัยใคร?”เมก้าถามกลับ
“นาโน”
เอวาตอบกลับอย่างไม่ลังเล ทำให้เมก้าหันกลับมามองด้วยความแปลกใจที่เอวาสงสัยเพื่อนสนิทตัวเองแบบนี้ เอวาจึงชี้แจงให้เมก้าฟัง
“เพราะนาโนเป็นคนเห็นแก่ตัวไงล่ะ.. คนๆนั้นไม่ว่าอะไรก็ทำได้เพื่อตัวเองทั้งนั้น”
“เห.....คิดงั้นหรอครับ”เมก้าตอบเรียบๆแต่แฝงไว้ด้วยความสงสัยและแปลกใจ แต่เขาก็หันกลับมาหาของต่อ
“ก็แค่ทฤษฎีเลื่อนลอยที่มีความเป็นไปได้ล่ะน่า..”เอวาพึมพำ
“หะ..ห๊ะ”เมก้าหันไปอีกครั้งด้วยความงงงวยกับศัพท์แปลกๆที่เอวาพูดมา เด็กสาวผมน้ำตาลส่ายหน้าก่อนจะกล่าวขอโทษ
“ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ..”
“ค...ครับ”
เมก้าเลิกสนใจเอวาแล้วเดินผ่านเปียโรสีดำหลังใหญ่ไปอีกด้านของห้อง ที่ทางเดินนั้นมีแผ่นซีดีกองสุมขวางทางกันอยู่สี่สิบถึงห้าสิบกองหรืออาจมากกว่านั้น เขาลองรื้อกองแผ่นซีดีเผื่อจะเจออะไรที่พอจะเอามาเช็ดตัวได้บ้าง แต่เขากลับพบอีกอย่างแทน
“คุณหนู...นี่มัน...”เมก้าเรียกเอวา เธอจึงลุกเดินเข้ามาดู
“อะไรน่ะ... ผู้หญิงหรอ?”
เอวาเดินเข้าไปดูร่างของเด็กสาวผมดำที่ยังสลบสไลไม่ได้สติ อาจเป็นเพราะอาการเสียเลือดมากจากรอยแผลที่ข้อมือ เมื่อเอวาลองสังเกตดูดีๆ เธอพบว่าเด็กสาวคนนี้มีผมดำยาวสลวยถึงเอว หน้าตาสวยมีเสน่ห์
“นี่ คุณ..คุณครับ!”เมก้าเขย่าร่างของเด็กสาวที่สลบไม่ได้สติ
“ทำไงดีครับคุณหนู เขาไม่ยอมตื่...”
เพียะ!!!!!!
ฝ่ามือของเอวาปะทะใบหน้าของเด็กสาวผมดำอย่างแรง เมก้าทำหน้าตาตื่นหันมองเอวาที่ทำหน้าไม่สะทกสะท้าน ทั้งยังยกมือตั้งท่าจะตบซ้ำอีกรอบด้วย
เพียะ!!!!!!!!!!
“ตื่นสิยะ!”
เธอตบซ้ำที่เดิม แต่คราวนี้เอวาตะโกนเรียกด้วย ดวงตาสีคาราเมลแข็งกร้าวดูเย็นชาจนน่ากลัว เอวาทำหน้าไม่พอใจ ง้างฝ่ามือขึ้นหมายจะตบอีกเป็นครั้งที่สาม
หมับ!
มือเรียวจับข้อมือบางไว้ทันก่อนที่จะมีฝ่ามือพิฆาติเป็นครั้งที่สาม เด็กสาวผมน้ำตาลชะงัก มองเจ้าของมือที่จับข้อมือเธอนิ่งๆ
“เธอจะฆ่าฉันรึไง...”
เด็กสาวผมดำบีบข้อมือของเอวาจนแดง เอวาสะบัดมืออัตโนมัติด้วยความไม่ชอบใจ สนจับใบหน้าขาวซีดที่เป็นรอยแดงเพราะรู้สึกเจ็บ
“อ่า..ผมเมก้า นี่เอวานะครับ”
เมก้ายิ้มเจื่อน ทั้งสองคนจ้องกันอย่างอาฆาตจนเขาต้องรีบแนะนำตัวก่อนทั้งสองจะวางมวยกันและเขาจะถูกลืม..
“ฉันสน..ว่าแต่ไปตกคลองที่ไหนกันมาน่ะ”
สนมองทั้งสองเหยียดๆ เอวาตอบยิ้มๆ...แต่กัดฟันพูดสุดฤทธิ์
“ถังน้ำตกใส่ตอนเข้ามา.. แล้วเธอมาอยู่นี่ได้ไง ไปโดนตัวอะไรกรีดแขนมาล่ะ หือ?” เอวากระแทกเสียงตอกกลับ
“ไอ้นี่ไม่ได้โดนทำอะไรมาหรอกน่า..”สนชูแผลที่ข้อมือให้ทั้งคู่ดู “ฉันกรีดเองล่ะ”สนยิ้มแบโรคจิตก่อนจะเลียแผลตัวเอง เมก้ากัดฟันเพราะรู้สึกแสบแทน
“นั่นน่ะ เรื่องจริงรึเปล่า”เอวาบ่นเบาๆ
“แน่นอน”สนพยักหน้า
แล้วทั้งสองก็หัวเราะ โดยมีเมก้ายืนมึนอยู่ข้างหลัง เขาไม่เข้าใจเหตุผลที่ผู้หญิงที่(น่าจะ)โรคจิตสองคนคุยกันเลยสักนิด...
“งั้นเราจะออกจากห้องนี้ยังไง ประตูก็เปิดไม่ได้ด้วย”เมก้าถาม
“ออกไม่ได้หรอก เพราะพวกเธอคือผู้ถูกล่าไงล่ะ..”
“!!!!!”
เสียงที่สี่ดังขึ้นหลัง เมก้า เอวาและสนหันไปสนใจเจ้าของเสียงนั่นในทันที ร่างนั้นเดินออกมาจากเงามืด
“เกมไล่ล่า ถ้าไม่มีผู้ล่าอีกคนก็ไม่สนุกสิ..”
.................................................................................
“ฟ..เฟรมเงียบไปแล้วแฮะ..”ตองว่าเบาๆ หลังเสียงประกาศจบลง เสียงข้างนอกก็หายไปด้วย เธอจึงเงี่ยหูฟังเสียงนอกประตู
“อย่าเพิ่งวางใจ.. บางทีอาจจะยังอยู่ก็ได้ พี่นิธาน......”
เด็กสาวผมน้ำเงินหันไปส่งสัญญาณให้รุ่นพี่หัวฟ้า นิธานพยักหน้ารับ กระชับไม้ถูพื้นในมือ ก่อนจะกระโจนเข้าเปิดประตูอย่างรวดเร็ว!
พลั่ก!!!
“.....”
ความว่างเปล่าคือคำตอบสำหรับพวกเขา นิธานยื่นหน้าออกไปดูอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจริงๆ เขาจึงหันกลับไปบอกสาวๆในห้อง
“ไม่อยู่แล้วล่ะ...”น้ำเสียงทุ้มฟังดูโล่งอก
“อืม...”
ไรส์ขานเบาๆ ถอยหายใจอย่างโล่งอก เดินออกไปหน้าห้องเรียน ตามมาด้วยโคน ปัญญา นาโน ตองและแตงโมตามลำดับ เด็กสาวผมสีน้ำเงินหันหลังกลับไปพูดกับทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“รีบไปหาที่ๆปลอดภัยกว่านี้กันเถอะ.. แถวนี้ท่าทางจะไม่ปลอยภัย”เธอว่าพลางหันมองซ้ายขวา
“อืม!!”
ตุบๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทั้งหมดรีบวิ่งผ่านทางเชื่อมตึกโดยมีไรส์และนิธานวิ่งนำหน้า ไรส์ทำหน้าเครียดมองแผนที่ในสมุดแดงของแอน เธอพยายามวิ่งตามเส้นทางที่แอนได้เขียนไว้
“ข้างหน้ามีทางเชื่อมตึก ถ้าผ่านไปได้จะถึงห้องประชาสัมพันธ์!!”ไรส์ตะโกนให้คนวิ่งตามข้างหลังได้ยินด้วย
“โอเค!!”
ทุกคนขานรับ รีบวิ่งตามเพื่อไม่ให้คลาดกัน ทางระเบียงไม้ทอดยาวออกไปจนสุดสายตา ไรส์วิ่งไปเรื่อยๆตามแผนที่ด้วยความลุ้นระทึก
“เฮ้ยยยยยย!!!!!”
เอี๊ยดดดด!!ฟู่
เด็กสาวผมน้ำเงินหยุดกะทันหันจนพื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นระเบียงไม้เป็นเสียงดังเอี๊ยด ตามหลักแรงเสียดทาน มีควันลอยขึ้นมาจากแรงเสียดสี โคน ตอง นาโน แตงโม ปัญญาและนิธานหยุดวิ่งตาม
“พี่ไรส์ฮะ!เป็นอะไรไหม?!”
ปัญญาเข้าไปประคองเด็กสาว ไรส์ไม่พูดอะไร เธอส่ายหน้า มองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจไม่หาย
เพราะมันคือทางขาด ที่สูงจากพื้นใช่เล่น.. ถ้าเมื่อกี้ไรส์หยุดไม่ทันก็คงไม่รอด
“แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย.... ทางขาดแบบนี้ก็ไม่ห้องประชาสัมพันธ์ไม่ได้น่ะสิ..”
นาโนพึมพำ มองทางข้างหน้าที่พื้นระเบียงไม้หายไปเกือบสองเมตร พลางนึกสงสัยว่าทางขาดไปได้ยังไง
“ยังหรอก.. ที่นี่น่ะ ไม่ได้มีทางเชื่อมแค่ที่เดียว..” ไรส์พูดแต่สีหน้าเธอไม่สู้ดีนัก
“เอ๊ะ ทางไหนหรอ?”แตงโมถามเบาๆ ไรส์จึงเอาแผนที่ขนาดสองหน้าสมุดของแอนมากางให้ทุกคนดู ไรส์ชี้บนกระดาษตรงที่เขียนว่าทางเชื่อมตึกแล้วอธิบาย
“ตรงนี้.. ทางเชื่อมตึกที่ถ้าวิ่งไปก็จะถึงห้องประชาสัมพันธ์ แต่ทางมันขาดอยู่”ไรส์เปลี่ยนไปจิ้มตรงที่ต่ำลงมา
“แต่ว่า มันมีประตูอยู่ชั้นล่างสุด ถ้าเดินลงไปล่ะก็จะเดินออกไปอีกตึกหนึ่งได้..”ไรส์ลากนิ้วจากประตูไปยังอีกตึก
“อ้าว มันก็ไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่หรอ?”แตงโมถาม
“ไม่หรอก... จำได้ไหม กว่าเราจะขึ้นมาถึงบนนี้ได้ เราก็แทบไม่รอดหลายครั้งแล้วนะ อีกอย่างการออกจากตึกนี้ไปข้างนอกก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง”
ไรส์ตอบ ทำหน้าเคร่งเครียดไม่หาย
“อืม ฉันก็ว่าอย่างงั้นล่ะ แต่ดูเหมือนทางเชื่อมนี่มันจะขาดมาตั้งแต่แอนเขียนไดอารี่แล้วนี่..... ดูสิ ในแผนที่ตรงนี้เส้นมันขาดจากกันกันด้วย” โคนตั้งข้อสังเกต ชี้เส้นที่ขาดจากกันบนแผนที่ให้ทุกคนดู
“นี่ เราลองเสี่ยงไปข้างล่างกันเถอะน่า..”ตองมองหน้าทุกคนอย่างขอความเห็น
“แต่ว่า... มันอันตรายมากนะ”นิธานว่า
“อยูที่นี่ก็อันตรายไม่แพ้กันหรอกค่ะ เราเสี่ยงเดินไปดีกว่า เผื่อจะได้เจอปูนด้วย”โคนมองนิธานด้วยสีหน้าจริงจัง นิธานทำหน้าแหย ขณะที่ไรส์ทำหน้าสงสัย
“ปูน? ปูนมาที่นี่ด้วยหรอ?”เธอถาม
“ใช่ เจอกัน แต่ก็.....”ตองพูดเสียงแผ่วเบา “เขาทิ้งเราไปแล้วล่ะ”
“อ่า ไม่เข้าใจ แต่ฉันจะไม่ถามต่อละกัน...”ไรส์พยักหน้า ทำท่าเข้าอกเข้าใจ ตองยิ้มแบบฝืนๆให้เธอ ก่อนไรส์จะหันไปถามความเห็นทุกคน
“สรุปเราจะลงไปข้างล่างกันนะ?”
“อืม/ใช่/ครับ” ทั้งหกตอบพร้อมกัน
“แน่ใจแล้วนะ..”ไรส์ถามซ้ำเพื่อความมั่นใจอีกรอบ
“พี่ไรส์ครับ พวกเราตัดสินใจไปแล้ว.... ถ้าเกิดว่ามีอะไรที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ มันก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกของการมีชีวิตอยู่เลยนะครับ เพราะฉะนั้นพวกเราพร้อมจะออกไปเสี่ยงแล้วล่ะครับ....”
ปัญญาพูดจาฉะฉานเกินวัยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ใบหน้าของเด็กชายดูเหมือนจะแสดงความเจ็บปวดเล็กๆออกมาด้วย ไรส์จึงพยักหน้า
“โอเค ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นก็ได้ เอาล่ะ...ไปกันเถอะทุกคน”
ไรส์จับมือปัญญา แล้วเดินนำ ไม่รู้ว่านิธานคิดว่าไม่สมควรหรืออย่างไร เขาเดินขึ้นไปนำหน้าไรส์ แล้วหันมาพูดท่าทางเขินๆ
“รุ่นพี่ต้องดูแลรุ่นน้องน่า..”
การเรียงลำดับจึงเป็น นิธานเดินนำหน้า ตามมาด้วยไรส์เดินจูงมือกับปัญญา ตามด้วยตองที่แผลหายสนิทเพราะยาของไรส์เดินคู่กับโคนและแตงโม ส่วนนาโนเดินรั้งท้ายกับแมวดำตัวเดิม แต่ก่อนออกเดิน นาโนหันไปมองข้างหลัง
“เหมียว...”
แมวดำร้อง นาโนส่ายหน้าให้มัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย สีหน้าของเธอดูไม่สู้ดีนัก แมวดำแสนรู้นั่งลงหน้านาโน ราวกับจะรอฟังสิ่งเธอจะพูด
“เราคงไม่มีวันออกไปมีชีวิตข้างนอกเหมือนเดิมได้แล้วล่ะ”
นาโนหลับตา เธอรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน... ตลอดเวลาที่มาอยู่ที่นี่เธอรู้สึกเหมือนตัวเองตัวตนของเธอกำลังดำดิ่งลงสู่ทะเลมืดมิดไร้แสงสว่าง
ที่นี่กำลังกัดกินหัวใจของฉันสินะ.. ไม่นานฉันก็คงจะเสียสติแล้วล่ะมั้ง
วูบ..!!
ทันใดนั้น.. นาโนก็เหลือบไปเห็นมันเข้า ในเงามืดอีกฝั่งของทางเดิน ดวงตาสีดำไร้แววตากำลังจ้องมองเธอราวกับจะเจาะลึกเข้าไปในใจ เด็กสาวผมสีดำยาวสลวย..
แอน!!!?
“ด..เดี๋ยวสิ แล้วฉันรู้ได้ไงว่านี่คือแอน......”
นาโนพึมพำ เพ่งมองร่างที่อยู่อีกฝั่ง แต่มันไม่มีประโยชน์เพราะความไกลและความมืด ทำให้เธอเห็นเด็กสาวคนนั้นไม่ชัด
“ฟ่ออออ!!!” แมวดำขู่ใส่ร่างที่อยู่อีกด้านของทางที่ขาด
“........”
ปากของมันขยับพูดบางอย่างแต่ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา นาโนเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เธอเหงื่อออกท่วมตัวราวกับเพิ่งไปออกกำลังกายหนักๆมา ในหัวของเธอเหมือนได้ยินเสียงซ่าแบบตอนโทรทัศน์เสียระคนกับเสียงขู่ของแมวดำ ดวงตาสีดำเริ่มเห็นภาพของเด็กคนนั้นหมุนคว้าง นาโนทำท่าจะร้องออกมา
แปะ!
“เฮ้! นาโน รีบไปกันได้แล้วนะ แล้วมองอะไรอยู่น่ะ”
เด็กสาวแตะไหล่ของนาโนจนเธอสะดุ้งโหยง ดวงตาสีอำพันมองตามที่นาโนมอง เมื่อนาโนหลุดจากภวังค์จึงหันไปบอกผู้ที่เดินย้อนกลับมาตามเธอ
“เปล่าหรอก เหม่อไปหน่อยนะ แล้วแกจะจูงเด็กกลับมาทำไม”
“เหอะๆ ช่างเถอะ รีบไปกันได้แล้ว คณะเราขาดคนเทพๆอย่างเธอไม่ได้ซะด้วย”ไรส์หัวเราะเหอะๆในลำคอแล้วจูงมือน้องปัญญาเดินนำ
“หือ ฉันน่ะนะ”นาโนอุ้มแมวขึ้นมาแล้วเดินตามไรส์
“อาฮะ... แกดูจะเป็นคนเดียวที่ดูเชื่อถือได้เลยมั้ง.. แหม เป็นประธานชมรม นู่นนั่นนี้ แล้วก็บลาๆๆๆอีกมากมาย เทพมาก แถมเธอยังจัดการปัญหาได้เจ๋งสุดๆ!”
“งั้นหรอ ขอบใจนะ”
“ด้วยความยินดี ว่าแต่ขอบใจเรื่องอะไร”ไรส์ทำท่าทางไม่ใส่ใจก่อนจะเดินไปเรื่อยๆพร้อมเด็กชายปัญญา
แผนที่ตึกหนึ่ง
ไรท์หาทางออกได้แล้วค่ะ..//ลอยล่อง ประหนึ่งวิญญาณ
ไรท์จะฝาก ปุยโคนันไอซัง (Puiconani)อัพนะคะ (ถ้าเจ๊แกว่าง...) ขออภัยในความไม่สะดวกนะคะ...
ตอบคอมเม้นท์
|
||||
|
||||
|
Name : bbsaver< My.iD > [ IP : 125.26.235.94 ] |
WB : อืม... ถ้ากินคนสยอง เราเปลี่ยนไปกินตับแทนดีไหมคะ!#โดนลากไปเก็บ..
|
||||
|
||||
|
Name : bbsaver< My.iD > [ IP : 125.26.235.94 ] |
|
WB : อ๊าย ถ้าอยากมาก็มาเลยค่ะ ระวังโดนแบบคิด ด้วยนะคะ 555+#โดนตบ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านด้วยนะคะ :)
Velen tine
ความคิดเห็น