ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE CHAIN - PEAK

    ลำดับตอนที่ #5 : 250% ll #พีคเมษา ll THE CHIAN PEAK : EPISODE 05

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 64


    THE CHIAN - PEAK

    Hashtag on Twitter #พีคเมษา




    THE CHIAN PEAK : EPISODE 05

     

    “ทุกอย่างที่เป็นมึง และเมมันต่างกัน” เขาพูดเสียงเบาและใบหน้าก็ดูจริงจังไม่น้อยเลยทีเดียว “ไม่ว่ามึงจะเข้าใจมั้ย แต่เอาเป็นว่าอย่ายุ่งกับเม”

    พูดจบเขาก็ทำท่าจะหันหลังให้ผม เตรียมเดินจากไปไป ส่วนผมก็

    “พี่เมน่ะ” ผมเอยถึงบุคคลที่สามและนั่นทำให้พี่ไม้หันกลับมามองผม “น่ารักมากเลยล่ะครับ”

    “......” เขายังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา มองหน้าผมค้างเอาไว้ราวๆห้าวินาทีได้ เขาเหมือนจำกำลังระงับอารมณ์อะไรสักอย่างเอาไว้สูดลมหายใจเข้าหนักๆก่อนจะพรูมันออกมา ถือว่ากูบอกแล้ว

    เป็นคำพูดสั้นๆที่เหมือนจะไม่ได้อะไรมากกับเขา แต่ผมพอดูออกว่าพี่เมมีความสำคัญกับพี่ไม้ยังไง ทุกอย่างรอบตัวเธอมันดูท้าทายไปเสียหมด

    หลังจากผมนิ่งคิดอะไรสักพักหนึ่งก็เดินกลับมายังห้องพักของตัวเองที่ตอนนี้ไอ้เบสกับไอ้ต่อนั้นก็มาอยู่ที่นี่ จริงๆห้องนี้พักได้สามคน ผมอยู่กับไอ้จิณและไอ้ใหญ่ซึ่งมันยังไม่มา กลุ่มผมมีกันอยู่หลายคนแต่ที่สนิทหลักๆเลยก็คงเป็นไอ้พวกที่กล่าวมานั่นแหละ

    กลุ่มพวกเราไม่ได้อายุเท่ากันหมดหรอก ผมกับไอ้จิณจะอายุเท่ากันคือยี่สิบย่างยี่สิบเอ็ดส่วนอีกสี่คนแก่กว่าผมกับไอ้จิณหนึ่งปี แต่เราเรียนมาด้วยกัน ฝึกด้วยกันมันทำลายกำแพงอายุและพวกเขาเป็นเพื่อนที่ดี สอนอะไรได้ด้วยในบางครั้ง

    “ว่าไง คุยอะไรกับพี่ไม้วะ” หลังจากผมเข้ามาไอ้เอกก็รับทำตาริกๆราวกับว่าตั้งท่ารออยู่แล้ว

    “พี่ไม้ไหน เพื่อนพี่ตงเหรอ” ไอ้เอกพยักหน้าเบาๆ “คุยกันทำไม มีเรื่องกันเหรอ”

    “ตอนแรกก็ไม่ แต่ตอนนี้อาจจะมี” ไอ้จิณว่าขำๆผมเองก็เกาหางคิ้วตัวเองเบาๆ จะว่าไปมันก็คงจะตรงตามที่ไอ้จิณมันพูดนะ แต่มันไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก

    “พี่เมเป็นน้องสาวของพี่ไม้ เขาเอายาที่กูลืมไว้ในรถพี่เมมาให้ แล้วก็เลยคุยกันนิดหน่อย” คำตอบของผมทำให้ไอ้เพื่อนทั้งหมดก็เงียบสนิท แต่ก็แหงล่ะพวกเราเคยมีเรื่องกับกลุ่มเขาคงจำได้ไม่ลืม

    “เชี้ย” ไอ้เอกพูด “เขาพูดอะไรกับมึงวะ ขาเดินกลับมานี่หน้าเครียดเชียว”

    “เขาบอกว่าไม่ให้กูยุ่งกับน้องสาวเขา” ว่าจบผมก็ยกยิ้ม

    “พีค มันไม่ใช่เรื่องที่มึงจะมาทำเหมือนสนุก” ไอ้จิณเอ่ยปากส่วนผมก็หันไปมองมัน เพื่อนคนอื่นไม่ได้ออกความเห็นอะไรแต่บางทีอาจจะคิดมากอยู่ “ถ้ามึงจะจีบพี่เขาเพราะแค่มึงรับคำท้าพวกกูมันไม่คุ้มหรอก พวกเราพึ่งไปมีเรื่องกับพวกเขามา”

    “เออ อันนี้กูก็เห็นด้วยกับไอ้จิณนะเว้ย” ไอ้เบสเอ่ยปากพลางมองหน้าผม

    “แล้วพวกมึงไม่คิดบ้างเหรอว่ามันอาจจะน่าสนุกกว่าเดิมมาก” ผมว่าแล้วใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม “อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องของกูกับพี่เม ถ้าพี่เมชอบกูเรื่องพี่ไม้มันก็ไม่ใช่ปัญหา”

    “มันก็ใช่ไงถ้าเกิดว่ามึงชอบพี่เมจริงๆ และจริงจังกับเขามันก็ไม่มีปัญหา” ไอ้จิณพูดต่อแล้วก็พรูลมหายใจออกมา “แต่นี่มึง....”

    “หยุดๆ” ผมโบกมือ “อย่าพึ่งคิดมากไป พี่ไม้อาจจะแค่ไม่ชอบกูเพราะแค่เราเคยมีเรื่องกัน”

    “พวกเขากับพวกเราเหมือนกัน มึงคิดว่าผู้ชายคนนึงที่รู้จักดีว่าพวกเราเป็นแบบไหนจะยอมให้มึงจีบน้องเขาเหรอ” ไอ้จิณพูดอีก และนั่นแหละมันยังเป็นคนที่มักจะห้ามเสมอ “มึงลองคิดในทางกลับกันถ้าพี่ตง พี่ไม้ พี่เอิร์น หรือไม่ก็พวกกูไปจีบน้องสาวมึง มึงจะโอเคมั้ย”

    “มึงนี่มันชอบคิดอะไรหนักๆจังวะ” ผมเถียงมันกลับไป

    “พอๆ อย่าเถียงกัน” ไอ้เอกเป็นคนห้ามทัพและผมก็แอบหัวเสียหน่อยๆ “แต่มึงจะจีบต่อมั้ย”

    “จีบสิ กูไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว แล้วกูก็จะไม่แพ้ด้วย” ผมว่าก่อนจะยกยิ้ม

    บอกตามตรงผมไม่เคยเจอผู้หญิงแบบพี่เมมาก่อน ผู้หญิงส่วนใหญ่ในสังคมที่ผมอยู่มักจะพร้อมเข้าหาผมเสมอ และพี่เมกลับไม่ เธอไม่เหมือนคนอื่น ยิ่งเธอหนีก็ยิ่งน่าสนใจ

    แล้วยิ่งวันนี้หลังจากที่เธอตื่นมาแล้วพบว่าเธออยู่บนเตียงกับผมเธอก็ทำเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ยิ่งน่าสนใจ เธอน่าสนใจไปหมดและตอนนี้ผมก็ยังสนุกกับการจีบเธออยู่ ถึงมันจะยากแต่ผมคิดว่าปลายทางมันอาจจะเป็นเรื่องคุ้มค่า

    ยิ่งเธอเป็นน้องของพี่ไม้ เขามาห้ามให้ผมเลิกยุ่งกับเธอก็ยิ่งน่าสนใจ มันแปลว่าผมต้องทำให้ผู้หญิงที่จีบยากสุดๆอย่างพี่เมชอบผมแล้ว การที่ทำให้พี่ไม้เห็นว่าผมสามารถจีบน้องสาวเขาติดมันก็น่าสนใจดี

    ตกเย็นของวันนั้นผมจึงพยายามดูพี่เมจากทางไอจีว่าเธอชอบอะไรบ้าง ผมควรเข้าหาเธอทางไหน สำหรับพี่เมมันไม่ได้ยากเกินไปหรอกหากผมจะจีบเธอน่ะ ผมไม่ใช่ประเภทที่จะให้ใครมาดูถูกหรือห้ามปรามในสิ่งที่ผมอยากจะทำหรอก

              และแล้วผมก็ได้รู้ว่าพี่เมชอบอะไร พี่เมชอบหนังในจักรวาลหนึ่งที่กำลังจะออกฉายภาคต่อไปในอีกสองสัปดาห์นี้แล้ว ผมเลยต้องไปย้อนดูหนังภาคเก่าที่มีทั้งหมดห้าภาคเพื่อมาคุยกับเธอ จากตอนแรกที่พี่เมไม่ค่อยจะสนใจผม พอคุยเรื่องที่เธอชอบกลับกายเป็นคนละคน

    จากพี่เมที่ทำตัวนิ่งๆ เหมือนจะไม่รู้สึกอะไร ไม่ค่อยพูดหรือพูดน้อยมาก ๆ ก็เปลี่ยนเป็นคนกระตือรือร้นจนเหมือนไม่ใช่คนที่ผมรู้จักก่อนหน้านี้เลย

    Me : ปกติพี่เมคุยเก่งแบบนี้เหรอครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย

    Mesa19 : 5555555 พี่คุยเก่งแค่บางเรื่องแหละ พอเห็นว่าพีคชอบหนังแนวนี้เหมือนกันพี่ก็เลยดีใจน่ะค่ะ เพื่อนพี่ไม่มีใครชอบดูหนังแนวนี้สักคน

    Me : แต่ผมอยากให้พี่เมพูดเก่งแบบนี้ตลอดได้มั้ย

    ผมส่งข้อความสุดจะเสี่ยวนี้ไปหาเธอ หลังจากส่งไปราวๆหนึ่งนาทีมันก็ถูกอ่าน แต่ว่านานมากกว่าพี่เมจะตอบกลับมา มันไม่ได้ขึ้นว่ากำลังพิมพ์ทำให้ผมชักเริ่มคิดว่าพี่เมคงไม่อยากจะตอบผม เพราะมองจากดาวอังคารก็รู้ว่านี่คือการจีบ แต่....

    Mesa19 : พี่จะพยายามนะ

    Mesa19 : สติ๊กเกอร์หมีเกาท้ายทอย

    หลังจากอ่านผมไม่รู้เลยนะว่าพี่เมจะมีสีหน้าแบบไหน บางครั้งเธอดูคาดเดายากนิดหน่อย พี่เมยิ้มเก่งนะ ตอนที่เธอเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังผมก็แอบคิดว่าพี่เมคงเศร้ามาก แต่เปล่าเลย เธอมองมันเป็นเรื่องสบายๆที่เหมือนจะชินและไม่มีผลอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำในบางที

    แต่เวลาที่เมยิ้มเหมือนโลกมันจะสดใสมากเลยนะ ถึงแม้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงในสเปกของผมก็เถอะ ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าเธอน่าสนใจมากจริงๆ

    ในอีกสองสัปดาห์ต่อมาซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ผมจะได้กลับบ้าน ผมไลน์หาพี่เมให้ตอนเช้าของวันศุกร์ เพื่ออยากให้พี่เมมารับผมน่ะนะ ช่วงนี้ผมคุยกับเธอทุกวัน เพราะคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เมชอบเธอเลยยอมตอบผม เธอตอบรับสายผมด้วยนะ แต่ตอนรับสายก็ยังพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่

    ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้บทจะเข้าหาง่ายก็ง่ายนิดเดียว บทจะยากก็เหมือนจะมีกำแพงหนามากั้นกลางไว้ แต่สุดท้ายแล้วผมก็รู้ว่าผมจะไม่ใช่คนที่แพ้หรือจีบเธอไม่ติดแบบที่เพื่อนคนอื่นคิด

    End Peak Phichaphol Talk

    May Mesa Talk

     

              เช้าของวันศุกร์ในสองสัปดาห์ต่อมาฉันรู้สึกตัวใน ประมาณหกโมงเช้าได้เลยมั้ง มีข้อความเข้ามาหาฉันรัวๆประมาณสี่ห้าข้อความได้เลย ซึ่งพอเปิดอ่านก็เป็นข้อคามของพี่ไม้แล้วก็ของพีคด้วย

    M : น้องเม วันนี้ตอนเย็นว่างมั้ย

              M : มารับพี่หน่อยสิ

              ฉันขยี้ตาเพื่อให้ลืมตาตื่นจนเต็มตา ก่อนจะอ่านข้อความของพี่ไม้อีกรอบพลางนึกคิดว่าวันนี้ฉันมีอะไรต้องทำมั้ย แต่น่าจะไม่เพราะว่าแค่ตื่นมาแพ็คของ แล้วก็ส่งแค่นั้นเอง วันนี้ฉันไม่มีเรียนแล้วน่ะนะ

              Me : ว่างค่ะ เมไปรับได้

              พอตอบไปและกดออกจากข้อความฉันก็ไล่ดูหน้ารายการห้องแชตในไลน์ก็เห็นว่าแชตของพีคนั้นได้อยู่ต่อจากพี่ไม้พอดีเลย เราพึ่งแลกไลน์กันไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเพราะพีคบอกว่าพีคไม่ค่อยตอบแชตในไอจีน่ะนะ ฉันเองก็ให้ไลน์เขาไปเพราะมันติดต่อง่ายกว่า

              ฉันคุยเรื่องหนังกับพีค คุยเรื่องสถานที่ที่อยากไปเที่ยว หรือไม่ก็คุยเกี่ยวไลฟ์สไตล์ มันน่าแปลกที่พีคชอบอะไรคล้ายฉันมากเราเลยคุยกันถูกคอน่ะนะถึงแม้บางครั้งภาพลักษณ์ภายนอกของพีคจะดูไม่ค่อยเข้าเท่าไหร่ อยากเช่นการไปคาเฟ่แบบนี้น่ะนะ

              แต่การที่ฉันเจอเขาที่ร้านของตัวเองในวันนั้นก็คงเป็นการยืนยันว่าเขาน่ะคงชอบจริงๆ

              Peak : พี่เม วันนี้ว่างมั้ยครับ

    Peak : ผมกะว่าจะชวนพี่เมไปคาเฟ่กลางคืนร้านนึงบรรยากาศดีมากเลย

    Peak : จะสะดวกมั้ยครับถ้าเกิดว่าพี่มารับผมที่โรงเรียน

    หลังจากอ่านข้อความฉันก็นิ่งงันไปพักหนึ่งพลางนึกคิดบางอย่างในหัว ฉันจะไปที่จปร.อยู่แล้วเลยให้พีคกลับด้วยได้ แต่พี่ไม้มีปัญหาอะไรมั้ยนะ แต่ก็คงไม่หรอกมั้ง เขาบอกว่าเขารู้จักพีคอยู่แล้ว วันนั้นถึงพี่ไม้จะแสดงสายตาแบบนั้นแต่ว่าเขาก็แค่กลัวว่าพีคจะจีบฉันแค่นั้นเอง

    Me : พี่ก็จะไปรับพี่ไม้อยู่นะวันนี้ พีคสะดวกกลับด้วยกันมั้ยคะ

    Peak : ผมสะดวกครับ สะดวกมากด้วย

    หลังจากได้รับข้อความฉันก็ตอบกลับไป เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ แพ็คของส่งลูกค้าแล้วก็ต้องไปเรียนในตอนบ่าย แต่คลาสนี้ใช้เวลาแค่สองชั่วโมงก็เสร็จ

    ในระว่างที่ฉันกับแตงกวากำลังนั่งรอพราวไปถามเรื่องงานกับอาจารย์อยู่ที่ด้านหน้าชั้นพักสำหรับอาจารย์อยู่นั้นพฤกษ์กับก้องก็เดินขึ้นมาที่ชั้นนี้พอดี และพฤกษ์ก็ตรงดิ่งมานั่งกับฉันในทัน นี่เป็นครั้งแรกในสองสัปดาห์ที่ฉันเจอเขา อาจจะเพราฉันกับพฤกษ์ไม่ได้เรียนเซคเดียวกันเลยตั้งสองวัน แล้วสัปดาห์ที่แล้ววันที่มีเรียนเซคเดียวกันเขาก็ไม่มา

    “หวัดดีเม” เขาทักทายแล้วเดินมานั่งลงตรงข้ามฉัน “เหมือนไม่ได้เจอเมหลายวันเลย”

    “หวัดดีพฤกษ์” ฉันยิ้มแล้วก็ทักเขากลับไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปทักก้องด้วย “หวัดดีก้อง”

    “หวัดดีครับเมคนสวย แตงกวาด้วย” ก้องทักแตงกวาที่นั่งกดมือถืออยู่ข้างฉัน ทำให้แตงกว่าเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ก้อง ก่อนจะเบนสายตาไปมองพฤกษ์ด้วย

    “มีแค่ก้องที่เห็นเราใช่มั้ยเนี้ย” แตงกวาว่าเหน็บๆ

    “เราขอโทษ ก็เห็นว่าแตงกวากำลังกดมือถือหน้าเครียดเชียว เลยไม่อยากกวน” พฤกษ์พูดพลางเกาท้ายทอยตัวเองแก้เก้อ “เราว่าจะชวนทุกคนไปงานวันเกิดเราน่ะ จัดที่เริงรมณ์ เมกับแตงกวาว่างมั้ยเราชวนพราวแล้วพราวบอกว่าไป”

    “นี่ไปได้นะ แต่น่าจะดึกหน่อย วันนี้ธีมมีแข่งบาส” แตงกวาตอบก่อนจะยัดมือใส่กระเป๋า

    “ไม่มีปัญหา พาไอ้ธีมไปด้วยดิ” พฤกษ์หันไปพูดกับแตงกวาอีกส่วนฉันก็ยังไม่ได้ตอบอะไร  แต่เหมือนว่าพฤกษ์จะต้องการคำตอบจากฉันเขาจึงหันกลับมา “ว่าไงครับ เม”

    “คืนนี้เราไม่น่าจะได้ไปด้วยนะ” คำตอบของฉันทำให้พฤกษ์หน้าจ๋อยสนิทลงในทันที “วันนี้เราต้องไปรับพี่ชายเราที่นครนายก แล้วก็ไปรอรับพี่ชายคนโตที่สนามบินอีก เราไม่รู้เลยว่าจะกลับมาถึงบางแสนตอนไหนอ่ะ ขอโทษนะ”

    “อ๋อ เสียดายจัง” คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกผิดเลยแฮะ ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นคนมีข้อเสียใหญ่ๆเลยคือการรู้สึกผิดกับบางเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองเลยด้วยซ้ำ อย่างเมื่อกี้มันไม่ใช่ความผิดฉันเลยที่ไปไม่ได้ แต่เพราะเขาทำหน้าแบบนั้นทำให้ฉันต้องรู้สึกไม่ดีน่ะนะ

    “ไว้เดี๋ยวเราให้ของขวัญย้อนหลังนะ ขอโทษจริงๆ “ฉันบอกไปและฉันก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ฉันไม่ได้ให้ความหวังพฤกษ์นะ ฉันรู้ว่าเขาจีบฉันอยู่ แต่ก่อนหน้านี้เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด จะให้ฉันเฉยก็คงไม่ใช่

    “โอเคครับ ไม่เป็นไร” ถึงแววตาเขาจะดูไม่ค่อยดีนักแต่ก็ยังยิ้มให้ฉัน

    หลังจากนั้นพราวก็ได้เดินออกมาจากห้องพักอาจารย์พอดี ฉันกับพราวแล้วก็แตงกวาก็เดินออกมา ระหว่างอยู่ในลิฟต์พราวก็พูดทันที

    “สงสารไอ้พฤกษ์มัน มาชอบไอ้เมได้ยังไง” พราวพูดพูดส่วนแตงกวาก็หัวเราะน้อยๆในขณะที่ฉันก็ทำได้แค่ยิ้มแห้ง “เพื่อนกูไม่ใช่คนนะ เป็นรูปปั้น ไม่มีความรู้สึก”

    “ตาละห้อยขนาดนั้นไอ้เมยังไม่สนใจเลย” แตงกวาเสริมด้วย “ถามจริงๆนะเม มึงไม่คิดจะเปิดใจให้มันหน่อยเหรอ มันก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรนะ ถึงมันจะเคยเจ้าชู้แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วนะเว้ย”

    “ก็มันไม่อยากคบนี่นา” ฉันตอบเอื่อยๆแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกจนถึงชั้นล่าง แตงกวาแยกกันกับฉันแล้วก็พราวเพื่อไปหาธีมแฟนของเธอที่สนามบาส ส่วนพราวเธอจะกลับพร้อมฉันเพราะไม่ได้เอารถมา แต่ในระหว่างที่กำลังขับรถออกจากตัวตึกคณะฉันก็นึกขึ้นได้ว่าลืมบอกอะไร

    “พราว วันนี้น้องพีคบอกว่าจะกลับกับกูนะ กูต้องเข้าไปรับพี่ไม้พอดี” พราวหันมามองหน้าฉันค้างเอาไว้ พราวน่ะรู้ว่าพีคอยูห้องตรงข้ามฉันแล้ว รู้ว่าของขวัญที่พีคให้ฉันเป็นคนเลือกโดยที่พีคเป็นคนบอกเอง แต่ทั้งพีคทั้งฉันไม่ได้มีใครพูดถึงเรื่องพีคบอกชอบฉันเลย

    จริงๆมันก็ดีแล้วแหละ ฉันไม่อยากให้พราวต้องคิดมาก ต้องรู้สึกไม่ดี

    “ไอ้พีคมันยังทักมึงมาอยู่อีกหรอก” ฉันพยักหน้าสองสามที

    “แต่ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่คุยเรื่องทั่วไป” เพราะสีหน้าพราวออกชัดเจนว่าไม่น่าจะโอเคฉันจึงอธิบาย “กูเข้าไปรับพี่ไม้พอดีให้น้องติดมาด้วยคงไม่เป็นไร พี่ไม้รู้จักพีค”

    “มึง สมมติว่าน้องกูจีบมึงอ่ะ มึงจะโอเคมั้ย” อยู่ๆพราวก็ถามมา เธอมองฉันคล้ายกับว่าต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้ในขณะที่ฉันเริ่มลังเล

    “เอาอะไรมาพูด น้องไม่จีบกูหรอก”

    “ก็ไม่แน่ ไอ้พีคมันชอบคนโตกว่า” พราวพูดแบบนี้แปลว่าเธอยังไม่รู้เรื่องที่พีคพูดกับฉันวันนั้นแน่

    “มึงก็รู้ว่ากูยังไม่ได้อยากมีแฟน” ฉันว่ายิ้มๆส่วนพราวก็ยู่หน้า “แล้วก็ไม่ได้ชอบเด็ก”

    “มึงไม่ชอบแต่ถ้าไอ้พีคชอบ มึงคิดว่ามึงจะรอดมั้ยเพื่อน” ว่าจบพราวก็เขย่าไหล่ฉันเบาๆ เธอมองหน้าแล้วถอนหายใจออกมาอีกหน “มึงคิดว่ากูไม่สังเกตไอ้พีคมันเหรอว่ามันมองมึงยังไง”

    “คิดมากไปเองหรือเปล่า” ฉันว่าแล้วก็ไม่ได้มองหน้าเพื่อนเลย ฉันไม่ได้อยากบอกพราวเรื่องพีคมาบอกชอบฉันเพราะว่ายังไงซะฉันก็บอกพีคไปแล้วว่ายังไม่อยากมีแฟน มันจะทำให้พราวคิดมากเปล่าๆ

    “ถ้าพีคมันดีกว่านี้หน่อยกูก็คงจะสนับสนุนแหละ” พราวพูดปลงๆ “แต่ว่ามันน่ะ เจ้าชู้ไปหน่อย เห้ยไม่หน่อยแหละ กูอ่ะอยากให้มึงเจอคนดีๆอ่ะเม”

    “กูเข้าใจ แล้วก็ขอบใจมากมากเลยนะ” ฉันบอกกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง และท้ายประโยคก็ยู่หน้าหน่อยๆ “มึงอย่าคิดมากเลย”

    “แต่ถ้าน้องกูชอบมึงจริง ๆ อ่ะ” พราวยังย้ำอยู่ “มึงจะว่าไง”

    “ก็ไม่ว่าไงหรอก” ฉันว่าติดตลก

    “ก็เนอะมึงน่ะไม่มีความรู้สึกนี่นา” เพื่อนว่าแซวๆฉัน พวกเพื่อนชอบคิดว่าฉันไม่มีความรู้สึก อาจจะเริ่มพูดแบบนี้ช่วงที่ฉันเลิกกับแฟนคนที่สองน่ะนะ ฉันใช้เวลาทำใจอยู่นานเลยกว่าจะผ่านมันมาได้ เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันกลายเป็นเกราะป้องกันชั้นดีเลยล่ะ “แต่กูก็อยากให้มึงมีแฟนนะ จะได้มีคนดูแลมึง”

    “ไม่เป็นไร กูดูแลตัวเองได้สบายมากจ้า” ตอนพูดประโยคนี้ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองติดความเศร้าหน่อยๆมั้ย ฉันโสดมานานแล้วและทำทุกอย่างได้ดีมากจนไม่ได้คิดถึงการมีแฟนไปแล้วน่ะนะ

    หลังจากส่งพราวฉันก็เปลี่ยนชุดแล้วก็ตรงไปที่นครนายกเหมือนเคยเพื่อรับพี่ชายของฉัน วันนี้พี่หมอกก็จะกลับมาจากรัสเซียด้วย เวลาเขาลงเครื่องก็น่าจะสองทุ่มกว่าๆ

    พวกเขาน่าจะนอนที่บางแสนก่อนแล้วค่อยเข้าไปที่บ้านที่ลพบุรี สัปดาห์หน้าฉันไม่มีเรียนทั้งสัปดาห์เพราะฉันเสนอโปรเจ็คเสร็จแล้ว ปิดคอสแล้วและรอสอบปลายภาคอย่างเดียว

    ฉันมาถึงนครนายกในตอนสี่โมงเย็น พอพี่ชายแล้วก็พีคเลิกออกมาโดยที่ฉันก็บอกพี่ไม้ไปแล้วว่าพีคจะกลับด้วย เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ฉันรออยู่นานกว่าทั้งสองคนจะมา โดยที่พีคมาถึงก่อน แต่พี่ไม้บอกว่าอีกสิบนาทีมาถึงเขากำลังคุยกับเพื่อนอยู่น่ะนะ

    “รอนานมั้ยครับ” พีคเปิดประตูเข้ามานั่งในรถด้านข้างของฉันแล้วเขาก็ถามมา

    “ชั่วโมงนึงได้มั้ง แต่ว่าพี่ดูซีรีส์รอ ก็เลยรู้สึกว่าแป๊บเดียว” ฉันตอบแล้วยิ้มให้เขา ก่อนจะหยิบแก้วดาร์กช็อกโกแล็ตปั่นสั่งให้เขาด้วย “ก่อนมาพี่แวะคาเฟ่แถวนี้มา พีคเคยบอกว่าชอบดาร์กช็อกฯปั่น”

    “ขอบคุณครับ จำได้ด้วยน่ารักจัง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ธรรมดามาก แต่สายตาของเขานั้นดาเมจมาก พีคเป็นคนที่แสดงออกทางสายตาเก่งมากด้วย

    “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ซื้อมาสองแก้วน่ะพี่ไม้ก็ชอบดาร์กช็อกฯปั่นหมือนกัน” ฉันตอบรับในประโยคนี้และมองอีกแก้วนึงที่เป็นของพี่ไม้ “พี่ลืมบอกว่าต้องเข้าไปสนามบินรับพี่ชายคนโตพี่ด้วย พีคโอเคมั้ย”

    “เขาดุเหมือนพี่ไม้หรือเปล่าครับ” พีคถามก่อนจะดูดน้ำในแก้ว

    “ไม่หรอก ไม่ขรึมเท่าพี่ไม้ด้วย”

    “งั้นโอเคครับ ผมโอเคเลย” คำพูดเขาเหมือนกับว่ามีบางอย่างกับพี่ไม้ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมน่ะนะ หลังจากนั้นเราเงียบไปอีกประมาณอึดใจพีคก็เรียกฉัน “พี่เม”

    “หืม คะ” ฉันที่กำลังแชตหาพี่ไม้อยู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นมามอง พีคมองฉันอยู่ก่อนแล้ว สายตาเขาในตอนนั้นทำให้ฉันใจเต้นแรงขึ้นมาในทันทีเลยทีเดียว พีคทำท่าเหมือนลังเลที่จะพูดส่วนฉันก็รู้สึกว่ารอกับประโยคที่เขากำลังจะพูดออกมาจนต้องเผลอเม้มปาก

    “ผมชอบเวลาที่พี่มารับผมแบบนี้ ชอบมากเลยนะครับ” ประโยคนี้ของเขาทำให้ฉันนิ่งไป เหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะหนึ่งเลยนะ “ผมชอบที่พี่ใจดีกับผม แต่ผมไม่อยากเป็นแค่คนที่พี่ให้ติดรถกลับไปด้วย แล้วก็ไม่ใช้แค่ในฐานะน้องของเพื่อน”

    “......” ฉันน่ะไม่รู้จะพูดอะไรเลยแฮะ เหมือนมีกาวมาปิดทับปากตัวเองไว้ ใจเต้นแรงจนกลัวว่าพีคจะได้ยินเสียงหัวใจฉันเลย

    ฉันรู้ว่าพีคกำลังสื่อถึงอะไร ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น ฉันรู้ว่าพีคยังคุยกับฉันอยู่เพราะอะไร ถึงแม้ฉันจะบอกว่าฉันไม่อยากมีแฟน แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันหวั่นไหว อาจจะเป็นเพราะการรุกจีบฉันด้วยความชัดเจนไม่ปิดบัง เขาชอบสิ่งที่เหมือนกันกับฉัน ดูหนัง ฟังเพลงแนวเดียวกัน ชอบอาหารเหมือนๆกัน

    สิ่งเหล่านั้นมันทำให้ฉันคุยกับเขาได้ หมายถึงแชตคุยหรือแม้แต่ตอนที่เขาโทรหาฉันเขาก็คุยในเรื่องที่ฉันชอบ โดยที่ไม่ได้ติดขัดอะไรเลย ตอนนี้ฉันกำลังสับสนว่าตัวรู้สึกดีกับพีคในฐานะอย่างนั้น หรือก็แค่พีคเป็นผู้ชายในแบบที่ฉันไม่เคยเจอก็ได้มั้ง หมายถึงเป็นผู้ชายที่ชอบทุกๆอย่างเหมือนกันกับฉันน่ะ

    ฉันก็ถามตัวเองอยู่ ว่ามันจะหาได้บ่อยแค่ไหนกันผู้ชายที่ชอบทุกอย่างเหมือนเรา อินในสิ่งเสียงเดียวกันโดยไม่ได้รู้สึกพยายามมากจนเกินไป

    “หมายถึงยังไง” หลังจากฉันเงียบไปสักพักฉันจึงพูดออกมาเสียงเบามากๆ

    “เราลองมาคุยกันดูมั้ยครับ แค่คุยก่อนก็ได้ถ้าพี่เมไม่โอเคผมก็ไม่เป็น” ในตอนนั้นเขาได้มองตาฉัน แววตาเราสอดประสานกัน และฉันก็เหมือนคนโง่งมที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดีจนกระทั่ง

    ก๊อก ๆ ๆ ๆ กระจกรถฝั่งฉันถูกเคาะทำเอาฉันสะดุ้งกันเลยทีเดียว และพอหันไปมองก็เป็นพี่ไม้เองที่ยืนอยู่ ฉันลดกระจกลงแล้วมองพี่ชายตัวเอง แต่เขานั้นก็มองผ่านฉันไป ก่อนจะ...

    “เดี๋ยวพี่ขับเอง น้องเมไปนั่งหลังไป” ฉันเบนหน้าไปหาพีคดูเหมือนเขาจะปรับสีหน้าจากคราแรกที่จริงจังไปเป็นสีหน้าปกติแล้ว ฉันจึงหยิบมือถือกับแก้วชาเขียวของตัวเองที่วางอยู่ตรงที่วางด้านข้างพวงมาลัยลงจากรถแล้วไปนั่งข้างหลังแทน

    “เมซื้อดาร์กช็อกฯปั่นมาให้ด้วยนะ วางอยู่ข้างหน้าน่ะค่ะ” ฉันบอกกับพี่ไม้ เขาหันหน้ามามองฉันที่อยู่ทางด้านหลังแล้วก็ส่งกระเป๋าถือมาให้ เขาคงอยากให้ฉันวางไว้ด้านหลังล่ะมั้ง

    “พี่หมอกลงเครื่องกี่โมงนะ” พี่ชายถามขณะหยิบแก้วขึ้นมาแล้วใส่หลอดลงไป เขาเหลือบตาไปมองพีคหน่อย ๆ แล้วก็หันกลับไปดังเดิม

    “หกโมงครึ่งค่ะ เมบอกพี่หมอกแล้วว่าเราน่าจะถึงกรุงเทพประมาณเกือบสองทุ่ม” ฉันอธิบายไปและหลังจากที่พี่ไม้จัดท่าทางของตัวเองเสร็จแล้วเขาก็เริ่มออกตัวรถ เราสามคนไม่ได้พูดอะไรกันออกมา อยู่นานพอสมควร พีคเองก็คงไม่กล้าพูดเหมือนกัน

    Peak : สรุปเมื่อกี้พี่เมว่าไงครับ

    ระหว่างที่ฉันนั่งพิงหน้าต่างรถแล้วมองวิวข้างทางไปเรื่อย ๆ อยู่นั้นมือถือที่วางอยู่บนตักก็สั่น พร้อมกับข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอคือข้อความของพีค การที่ฉันนั่งอยู่ด้านหลังพี่ไม้ทำให้ฉันมองเห็นด้านข้างของพีคได้

    เขาไม่ได้หันหน้ามองมาทางฉัน เขายังคงทำหน้าปกติแบบที่ไม่น่าจะทำให้พี่ไม้สงสัยแน่น ส่วนฉันก็ลังเลมากที่จะตอบเขาไป

    หลายวันผ่านมานี้ฉันรู้ตัวดีว่าฉันเปลี่ยนไป ฉันรู้สึกว่าตัวเองชอบที่ได้คุยกับพีค ตั้งตารอข้อความจากเขา พีคได้ใช้มือถือเป็นเวลา เพราะงั้นฉันจึงจำได้ว่าเขาจะส่งข้อความมาเวลาไหน แล้วก็จำได้ว่าเขาจะโทรหาฉันได้ถึงตอนไหนด้วย

    ฉันรู้ว่ามันคืออาการของการติดใครสักคน ฉันพยายามจะห้ามใจอยู่ก็ตาม แต่มันช่างยากเหลือเกิน ทั้งที่ฉันพยายามบอกตัวเองว่าคิดกับเขาแค่น้องของเพื่อนก็เถอะ

    Me : พี่ขอคิดดูก่อนได้มั้ย ไว้พี่ให้คำตอบ

    พอส่งกลับไปมือถือของพีคก็สั่น ฉันไม่กล้ามองปฏิกิริยาของเขาเลย ได้แต่หวังว่าพี่ไม้จะไม่สงสัย

    ฉันแอบเสตามองได้แค่เสี่ยววิก็เห็นว่าพีคกำลังพิมพ์ข้อความส่งกลับมา ฉันเม้มปากและใจเต้นแรงมากๆ ทั้งกลัวว่าพี่ไม้จะรู้ว่าฉันแชตกับพีคอยู่ มันเป็นสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากเลย

    Peak : นานแค่ไหนเหรอครับ

    ฉันลอบมองเขาอีกคราในประโยคนี้ พีคไม่ได้มีสีหน้าอะไรที่พิเศษเลย เขานิ่งมากจนฉันไม่รู้ว่าน่ะรู้สึกตื่นเต้นมั้ย ฉันกลัวแม้กระทั่งว่าพี่ไม้จะได้ยินเสียงหัวใจฉันมั้ยด้วยซ้ำ

    Peak : พรุ่งนี้ได้มั้ย

    Peak : รูปหมาทำหน้าอ้อน

    เขาส่งย้ำมาอีกแล้วส่งรูปหมาที่ฉันเคยลงเอาไว้ในสตอรี่ไอจีด้วย ฉันอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ และในตอนนั้นเองเสียงกระแอมไอของพี่ไม้ก็ดังขึ้นมาก่อนจะ

    “พีค” ทั้งที่พี่ไม้เรียกพีคแต่ทำไมฉันกลับรู้สึกหยุดหายใจเอง ราวกับว่าเป็นฉันที่แอบทำผิดอะไรเอาไว้อยู่แล้วก็โดนจับได้เสียอย่างนั้น ใจฉันเต้นตึกตักและลุ้นระทึกว่าพี่ไม้จะพูดอะไรออกมา

    “ครับ” น้องขานรับพี่ชายของฉัน ส่วนฉันที่อยู่ด้านหลังก็กัดริมฝีปากล่างตัวเองแล้วแอบบมองพีคที่เอียงหน้ามามองพี่ชายฉัน เขาเสตามามองฉันเพียงแค่แป๊บเดียวก็หันกลับไป

    ฉันลุ้นมากว่าพี่ชายฉันจะพูดอะไรกับพีค รู้สึกเหมือนเกมลุ้นระทึกเลย แต่จริงๆแล้วพี่ไม้ก็แค่ถามพีคเกี่ยวกับเรื่องเพื่อนในรุ่นของพีคเท่านั้นเอง ฉันน่ะรู้สึกเหมือนว่าโล่งใจมากอย่างบอกไม่ถูกเลย แต่หลังจากที่พี่ไม้เริ่มคุยกับพีคสถานการณ์และบรรยากาศก็ดีขึ้นมากเลยนะ แต่ก็ไม่ได้คุยกันเยอะขนาดนั้น

    อีกเกือบสองชั่วโมงเรามาถึงสนามบิน ฉันก็รับพี่หมอกที่รออยู่ก่อนแล้ว เขาลงเครื่องก่อนที่พวกเราจะมาถึง เขาดูสงสัยว่าพีคเป็นใครแต่ฉันก็อธิบายไปแล้วว่าเป็นน้องของพราว ซึ่งพี่ชายฉันก็รู้สึกพราวอยู่แล้วน่ะนะเลยไม่ได้มีปัญหาอะไร

    แต่ว่าพี่ไม้น่ะกระซิบอะไรกับพี่หมอกก็ไม่รู้ พี่ชายคนโตถึงได้อมยิ้มให้ฉันน่ะ เรากลับมาถึงบางแสนอีกทีก็ดึกมากแล้ว พี่ไม้กับพีคก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้วตอนแวะปั๊มน่ะนะ ไม่งั้นคงอึดอัดแย่

    “นี่ก็ดึกมากแล้วนะ กินข้าวกันก่อนค่อยกลับเข้าคอนโดดีมั้ย” เป็นการเสนอของพี่ไม้ที่ฉันก็เห็นด้วยแต่ไม่แน่ใจว่าพีคจะโอเคมั้ย ถึงแม้เขาจะไม่ดูเกร็งก็เถอะ “พีคล่ะโอเคหรือเปล่า”

    “พีคมันไม่มีปัญหาอยู่แล้วพี่” นี่ไม่ใช่เสียงพีคนะ แต่เป็นเสียงของไอ้เจ้าพี่ไม้ต่างหากล่ะ เขาพูดแล้วก็เอียงหน้ามามองด้านหลังที่ฉันนั่งอยู่กับพีค “ใช่มั้ยพีค”


     

     


     ••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

    - BABYBOW -

    อีกน้องโดนรุมแล้วมั้ง ทั้งพี่ไหมอกพี่ไม้คือเข้าขากันมาก แต่อีน้องมันใจกล้ามากนะ แชตหาน้องเขาทั้งที่พี่ชายเขาอยู่ข้างๆ ยอมความใจกล้าของมัน ทำเหมือนจริงจังแต่ไม่จริงจัง เหนื่อยกับลูกชายคนนี้

    Contact me

    FB : Babybow TW : Babybbow_ Group NC : Bababow [H+]



     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×