คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 250% ll #พีคเมษา ll THE CHIAN PEAK : EPISODE 04
THE CHIAN PEAK : EPISODE 04
Me : เป็นอะไรมากหรือเปล่า
ฉันส่งไปหาและแอบหวั่นใจว่าพีคจะเป็นอะไรมากมั้ย
ถึงแม้จะไม่ได้คิดอะไรกับเขามากขนาดนั้นและรู้ว่าเขาอยากจีบฉัน แต่ฉันก็เพิกเฉยต่อการป่วยของเขาไม่ได้หรอก
Peak06_ : เหมือนจะเป็นไข้ แล้วก็ปวดหัวมากเลยครับ
Me : อีกสักพักพี่คุยงานเสร็จก็กลับค่ะ ทนไหวมั้ย
เพราะฉันยังคุยกับนักออกแบบอยู่เหลือวางเงินมัดจำด้วยฉันก็เลยยังไปไม่ได้
พรุ่งนี้ฉันก็ไม่ว่างด้วย
ต้องไปหาพี่ไม้ที่นครนายกเพราะพี่ไม้บอกว่าน่าจะไม่ได้กลับอีกในสัปดาห์หน้าน่ะนะ
Peak06_ : น่าจะไหวครับ
หลังจากพีคตอบมาแล้วฉันก็รีบคุยกับนักออกแบบให้เสร็จ
เอาเข้าจริงฉันก็ห่วงพีคอยู่ เขาเป็นน้องของเพื่อนสนิทฉันนี่นา
อีกอย่างพราวก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ พีคก็คงไม่มีใครให้ทักหาหลือเปล่า พอคุยธุระเสร็จแล้วฉันก็รีบไปซื้อยาให้พีค
ฉันไม่รู้ว่าพีคทานข้าวหรือยัง แต่บ่ายแล้วคงทานแล้วมั้ง
ก๊อก
ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ ฉันใช้เวลาเคาะประตูอยู่เกือบๆสองนาที ประตูยังไม่ได้ถูกเปิดออก
จนฉันชักหวั่นใจ พีคอาจจะหลับอยู่มั้ยนะ แต่ถ้าหลับฉันจะทำยังไงดี
การเป็นไข้ก็ควรได้รีบทานยาลดไข้นะ
“พี่เม”
แต่ไม่กี่อึดใจต่อมาประตูก็ถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้อง พีคหน้าซีดมากจนเห็นได้ชัดว่าป่วย
ขอโทษที่เปิดช้าครับ
“ไม่เป็นไร
แต่พีคโอเคมั้ยตัวร้อนมากหรือเปล่า” เพราะเห็นสภาพเขาฉันก็อดห่วงไม่ได้
จะให้ฉันใจจืดใจดำให้แค่ยาเขาโดยไม่ถามไถ่อะไรมันก็คงจะเกินไป
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันร้อนขนาดไหน”
เขาตอบเสียงเบา
“งั้นพี่ขอโทษนะ”
ว่าจบฉันก็ยืนมือขึ้นไปอังหน้าผากเขา หน้าผากพีคร้อนมาก เขาดูน่าจะไข้สูงมากแน่ๆเลย
“ตัวร้อนมากเลยนะ งั้นรีบทานยาก่อนดีกว่า”
ว่าจบฉันก็รีบเอายาส่งให้เขา
แต่ทว่าพอพีครับไปสีหน้าเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม จนสุดท้ายฉันเลยต้องเดินเข้ามาข้างในห้องของเขาด้วย
แล้วจัดแจงหาน้ำมาให้เขาดื่ม
“ไข้สูงมาเลย
ทานสองเม็ดเลยดีกว่า” ฉันแกะยาวางลงมือเขาแล้วก่งน้ำให้ พีครับมันไปอย่างง่ายดาย
แต่ในตอนระหว่างยืนด้วยกันฉันได้เหลือบมองเขาจากหน้าจรดเท้าแล้วก็คิดว่าคนที่ดูแข็งแรงและออกกำลังกายบ่อยทำไมถึงได้ป่วยขึ้นมา
ทั้งที่เมื่อวานยังสบายดีอยู่ “ทำไมถึงป่วยได้”
“ไม่รู้สิครับ
ตื่นมาผมก็เป็นแบบนี้เลย” เขาบอกมาส่วนฉันก็พยักหน้ารับเบาๆ
ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเป็นนี่เนอะที่อยู่ดี ๆ เป็นไข้ขึ้นมา ฉันเองก็เคยเป็นเหมือนกัน
เอาเข้าจริงก็คงไม่มีใครอยากจะเป็นไม่สบายหรอก มันแย่จะตายการป่วยน่ะ “พี่เมจะทำอะไรต่อครับ”
“พี่คงไปแพคของต่อแหละ
พรุ่งนี้ต้องไปส่งของแต่เช้าแล้วก็ต้องไปนครนายกต่อ”
ฉันบอกไปและพีคก็คงเข้าใจว่าฉันจะไปทำอะไรเพราะเขาเองก็เรียนโรงเรียนเดียวกันกับพี่ชายฉันนี่นะ
แต่สัปดาห์นี้พี่ชายฉันก็ไม่ได้ออกมาคงเป็นเพราะว่าเขาจะเตรียมออกมาทีเดียวช่วงที่พี่หมอกกลับมาเลย
“ผมรู้สึกไม่ดีเลย
มันจะรบกวนพี่มั้ยถ้าเกิดว่าผมขอไปอยู่ด้วย” ฉันนิ่งไปพักหนึ่งหลังจากได้ฟัง
คือจะว่าฉันไม่โอเคก็ไม่ใช่ เพียงแต่หากพีคต้องไปอยู่ในนั้นได้ยินเสียงฉันแพ็คของมันจะทำให้เขาไม่ได้พักผ่อนเปล่าๆ
“ทำหน้าแบบนั้นพี่เมคงไม่สะดวกสินะครับ งั้นไม่เป็นไร”
“ไม่ใช่อย่างนั้น
คือพี่แค่กลัวว่าพีคอาจจะรำคาญ ตอนแพ็คของมันอาจจะมีเสียงรบกวน”
ฉันอธิบายแล้วก็มองหน้าเขาเพื่อให้รู้ว่าไม่ได้โกหก “แต่ถ้าพีคไม่กลัวว่าเสียงมันจะให้พีครำคาญก็ไปได้”
“ไม่รำคาญหรอกครับ
มันคงดีกว่าผมอยู่คนเดียวมาก” เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็พยักหน้ารับรู้
พีคไปหยิบมือถือกับสายชาร์จแล้วเดินตามฉันออกมา
“ห้องพี่รกนิดนึงนะ
พอดีว่าพี่ต้องรีบแพ็คของน่ะ” ฉันบอกแล้วบุ้ยหน้าไปทางกองกล่องพัสดุและพวกสินค้าที่อยู่ตรงห้องนั่งเล่นที่ถูกเปลี่ยนเป็นที่แพ็คของของฉัน
“ทานข้าวหรือยัง”
“ยังครับ”
เขาตอบมาแล้วก็ส่ายหัวให้ด้วย
“ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ทานเลยเหรอ”
เขาส่ายหัวเป็นคำตอบให้ฉันอีกทีหนึ่ง แต่จริงๆก็เข้าใจอยู่เพราะว่าคนป่วยน่ะมันไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่หรอก
“งั้นพี่ไปหาข้าวมาให้ นั่งรอก่อน ถ้าป่วยแล้วยิ่งไม่ทานข้าวแล้วจะไม่มีแรงเอา
ไม่หายนะ”
“มันจะรบกวนพี่หรือเปล่า”
เขาทำหน้าละห้อยเป็นลูกหมา บอกตรงๆมันขัดกับบุคลิกเขามากๆ เขาตัวสูง มาดเข้มและดูเป็นผู้ชายร้ายๆ
แววตาเขาบอกอย่างนั้นแต่ทว่าพอมาทำแบบนี้แล้วมันก็น่ารักดี
“เราเป็นน้องพราว
พี่ก็ต้องดูแลอยู่แล้ว ตอนพี่ป่วยพราวก็ดูแลพี่เหมือนกัน” ฉันบอกไปแต่พีคก็...
“บางทีผมก็แค่ไม่อยากถูกดูแลในฐานะน้องของพี่พราว”
น้องน่ะแบบนี้อีกแล้ว เขาจะทำให้ฉันหวั่นไหวไปถึงไหนกัน
ฉันพยายามห้ามใจตัวเองอยู่อยากให้น้องรู้บ้าง....
“......”
ฉันเงียบเพราะไม่รู้จะตอบอะไรดี ได้แค่ยิ้มแกนๆแล้วก็เดินเข้าไปในครัว ฉันซื้อข้าวต้มสำหรับเวฟเอาไว้อยู่ก็คงพอให้เขากินได้
จัดแจงเวฟสักพักก็เดินออกมา
พีคนอนอยู่บนโซฟาห้องของฉัน
สำหรับตัวฉันแล้วโซฟามันก็ยาวมากอยู่นะ ฉันนอนได้เกือบจะพอดีเลยถ้าเอาหัวเกยพนักวางแขน
แต่ว่าพอเป็นพีคเขาต้องนอนหดตัว ดูแล้วน่าจะปวดขาไม่น้อยเลยด้วย นี่สินะ
คนสูงกับคนเตี้ยมันต่างกันมากแบบนี้นี่เอง
หรือฉันควรยืดกระดูก
ไม่ก็ไปหาวิธีเพิ่มความสูงกว่านี้
“พีค
ทานข้าวค่ะ” ฉันวางถ้วยข้าวต้มกุ้งลงบนโต๊ะกระจกด้านหน้า เหลือบตามองนาฬิกาดิจิทัลใกล้ๆทีวีก็พบว่ามันเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว
“จะสี่โมงเย็นแล้วไม่ได้ทานข้าวอยู่มาได้ยังไงกัน”
“ก็มันไม่หิวนี่ครับ”
เขาตอบแล้วพยายามลุกขึ้นนั่ง
“แต่ตอนนี้ต้องกินให้หมดนะ
กินเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่มาจัดการเอง” ว่าจบฉันก็ว่าจะเดินหันหลังมาทำงานแต่เมื่อนึกขึ้นได้ฉันจึงหันกลับมามอง
“จริง ๆ พีคเข้าไปนอนข้างในก็ได้ มันคงสบายกว่า
อีกอย่างข้างนอกเสียงติดเทปกาวมันจะกวนเอา”
“ผมเกรงใจ”
เขาพูดเสียงเบา ใบหน้าแสดงออกอย่างนั้นจริงๆจนฉันอดจะเอ็นดูไม่ได้
“ไม่เป็นไร
พี่ไม่ซีเรียส” ฉันบอกแล้วกลับมานั่งทำงานต่อโดยที่พีคก็ทานข้าวต้มอยู่
เขาดูไม่ค่อยมีแรงจนฉันรู้สึกว่าถ้าทิ้งเขาไว้คนเดียวคงจะใจร้ายเกินไป
อันที่จริงฉันเคยมีเด็กมาจีบนะ
น้องเกียร์น่ะเขาเรียนวิศวะเขาเป็นน้องชายของเพื่อนในสาขาฉันเอง น้องก็น่ารักดีแต่ว่าฉันไม่ค่อยชอบคนเด็กกว่า
แต่พอมาเทียบๆดูความรู้สึกที่ฉันให้น้องเกียร์กับน้องพีคมันต่างกันมากๆเลย ทั้งที่เกียร์ก็เป็นน้องของเพื่อนเหมือนกัน
แต่ฉันผลักไสเขามากๆ
หรืออาจจะเป็นเพราะฉันไม่เคยคุยกับน้องเกียร์ลึกซึ้งขนาดนั้นด้วยมั้ง
แต่ช่างเถอะบางทีฉันก็อาจจะมองพีคเป็นน้องชายคนนึง ฉันรักพราวเหมือนครอบครัว
พราวเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันมากเพราะงั้นมันก็คงไม่ดีหากฉันจะไม่สนใจหรือทอดทิ้งน้องชายของเธอตอนป่วย
หลังจากพีคทานข้าวเสร็จฉันบอกให้เขาไปนอนข้างในห้องนอนดีๆ
คอนโดที่นี่ห้องจะเป็นแบบประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่น
ไม่ได้เป็นกำแพงปูน
ฉันไม่ได้ปิดม่านเอาไว้ตอนพีคนอนฉันสามารถมองเข้าไปเห็นเขาได้
จริงๆตอนแรกฉันว่าจะไปเช่าบ้านเป็นหลังอยู่จะได้สะดวกต่อการแพ็คของส่งของอะไรด้วย
แต่ราคาเช่าบ้านเดือนละหมื่นกว่าฉันว่าจะเก็บเงินซื้อบ้านทีเดียวเลยดีกว่า
ฉันแพ็คของทุกออเด้อร์เสร็จไปตอนสามทุ่มกว่า
ฉันไปปลุกพีคทานยาอีกรอบแต่เขาดูสะลึมสะลือมากเลยไม่กล้าจะไล่เขากลับห้อง
ตัวก็ยังร้อนอยู่ด้วยน่ะนะ
พออาบน้ำเสร็จฉันเองมานอนที่โซฟาด้านนอกซึ่งมันก็พอดีตัวฉันอยู่แล้ว
เลยไม่ได้มองว่ามันลำบากอะไร แล้วก็แชทถามพี่ไม้ด้วยว่าพรุ่งนี้เขาต้องการอะไรอีก
แล้วก็เผลอหลับไปตอนเกือบๆห้าทุ่ม
ในตอนเช้าของวันถัดมาฉันตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้
ฉันบิดขี้เกียจและหยีตาน้อยๆตอนเห็นว่าห้องมันสว่างมากแล้ว ฉันลืมปิดม่านแน่เลย
ฉันควานหามือถือที่อยู่ไหนวักที่เมื่อวาปิดมัน กะว่าจะนอนต่ออีกหน่อย
แต่เมื่อฉันตั้งสติดีๆกลับรู้ได้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง
ฉันลืมตาขึ้นมาจนเต็มตา
กรอกสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อค้นหาว่าตัวเองอยู่ที่ไหน อยู่ที่ห้องนอนจริง ๆ มั้ยก็พบว่าจริง
แล้วพอกรอกตามาด้านข้างก็เห็นว่าพีคนั้นนอนอยู่ ฉันตกใจสะดุ้งลุกขึ้นนั่งจนแทบหงายหลังตกเตียง
มันน่าตกใจนี่นาที่มานอนอยู่บนเตียงกับผู้ชายแบบนี้
ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ตั้งสติแล้วค่อยๆลุกจากเตียง เป็นจังหวะเดียวกับที่พลิกตัวหันหน้ามาทางฉันที่ยังยืนเอ๋ออยู่
เขาอมยิ้มหน่อยๆ
ดูไม่ได้เป็นยิ้มที่จงใจหรือตั้งใจทำ
แต่เป็นร้อยยิ้มที่ดูแล้วเหมือนเขาจะกำลังฝันถึงเรื่องดีๆอยู่หรือเปล่านะ ฉันไม่เคยอยู่กับผู้ชายสองต่อสองนานขนาดนี้
บางทีฉันควรรู้สึกกลัว แต่ฉันกลับยืนมองพีคอยู่สักพัก และรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด
เขามีบางอย่างในแบบที่ผู้ชายหลายคนที่เข้ามาหาฉันไม่มี
อาจจะหมายถึงความรู้สึกที่ฉันมีให้เขามันไม่เหมือนผู้ชายคนไหนเลยมั้ง แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร
สมองซีกหนึ่งสั่งฉันว่าอย่าไปสนใจหรือมอบความรู้สึกแบบนั้นให้กับคนที่พึ่งรู้จัก อีกซีกก็บอกว่าให้ทำตามใจของตัวเองเลย อยู่ไปกลัวหรือยังกังวลอะไร แต่ก่อนที่ฉันจะได้กังวลใจหรือรำคาญใจไปมากกว่านี้นาฬิกาปลุกของพีคก็ดังขึ้นมา
“พี่เม”
น้ำเสียงเบาสะลึมสะลือและเบาหวิวมาตอนเรียกฉัน
“พี่มานอนบนเตียงได้ยัง”
ฉันเอ่ยถามไปและมองหน้าเขา
ฉันคิดว่าไม่น่าจะเดินมาเองแน่นอนเพราะฉันเป็นคนหลับลึกและไม่ใช่คนที่จะตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกด้วย
“ผมเป็นคนพามาเองแหละครับ
พี่เมนอนโซฟาดูน่าจะปวดคอ” นี่เขามีแรงเยอะขนาดอุ้มฉันขึ้นมาได้ด้วยเหรอ “ขอโทษนะครับ”
“ขอโทษทำไม”
ฉันถามกลับไป “แล้วพีคโอเคหรือยัง”
“ดีขึ้นแล้วครับ
แต่ว่ายังไม่ได้รู้สึกดีขนาดนั้น” ฉันพยักหน้ารับหน่อยๆ “แต่วันนี้ผมต้องกลับโรงเรียนแล้ว
สงสัยต้องไปฉีดยาหน่อยแล้วครับ”
“อ๋า
ใช่สิวันนี้วันหยุดวันสุดท้ายแล้วนี่” ฉันก็พึ่งนึกได้เหมือนกัน
แล้ววันนี้ฉันก็ต้องไปหาพี่ไม้ด้วย พี่ไม้เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับพีคหมือนกันนี่นา
“แล้วพีคจะกลับยังไง”
“ผมอาจจะขับรถเข้ากรุงเทพก่อน
แล้วก็คงให้ที่บ้านไปส่ง” ว่าจบเขาก็ไอออกมาสองสามทีทำเอาฉันชักไม่แน่ใจว่าเขาจะขับรถถึงบ้านได้มั้ย
“ไปพร้อมพี่มั้ย
ยังไงพี่ก็ต้องไปที่จปร.เหมือนกัน”
“ผมไปด้วยได้ใช่มั้ย”
ฉันพยักหน้ารับสองสามหน มันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหากพีคจะไปด้วย เขาเรียนอยู่ที่นั่นเหมือนกัน
การที่ฉันไม่ชวนเขามันดูน่าเกลียดกว่าอีก แล้วอีกอย่างฉันก็ยังไม่ค่อยชินทางด้วย ฉันไม่ได้ไปหลายเดือนแล้วน่ะนะ
ปกติก็จะไปรับพี่ไม้ที่กรุงเทพแค่นั้นเอง
“พีคไปแต่งตัวแล้วมาทานข้าวนะ
เดี๋ยวพี่พาไปหาหมอตอนออกไปทีเดียว โอเคมั้ย”
“โอเคครับ”
เขารับคำแล้วเดินออกไปด้านนอก คงจะไปห้องตัวเอง ส่วนฉันก็ไปอาบน้ำแล้วก็ทำอาหาร การเดินทางจากชลบุรีไปนครนายกจะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเกือบสาม
ฉันต้องรีบไปเพราะว่าเผื่อตอนเย็นขากลับฝนตกเอามันจะอันตราย
ปกติแล้วพี่ไม้จะอยู่โรงเรียนหากสัปดาห์ไหนเขาออกมาเขาก็จะมาหาฉันบ้าง
ไม่ก็จะกลับบ้านที่ลพบุรี เพราะตอนนี้ที่บ้านไม่มีคนอยู่ก็ต้องกลับไปดูบ้าง อีกไม่กี่สัปดาห์พี่หมอกก็คงกลับมาแล้ว
เขาสอบได้ไปเรียนต่อหลักสูตรระยะสั้นที่ทางสังกัดส่งให้น่ะนะ
พีคไปอาบน้ำแต่งตัวไม่นานนักก็กลับมาฉันให้เขาทานข้าวแล้วก็ทานยาอีกรอบ
ที่ฉันดูแลพีคขนาดนี้อาจจะเพราะเมื่อก่อนตอนฉันนอนโรงพยาบาลพราวก็เป็นคนเฝ้าฉันเหมือนกัน
ประมาณสองเดือนก่อนฉันอาหารเป็นพิษต้องนอนโรงพยาบาลสองคืนพราวก็เป็นคนเฝ้าเพราะพี่ชายคนรองของฉันอยู่ในโรงเรียน
ส่วนพี่ชายคนโตก็อยู่เมืองนอกน่ะนะ เพราะงั้นสิ่งที่พราวทำจึงไม่สามารถทำให้ฉันเพิกเฉยต่อการป่วยของพีคได้
พอทานข้าวเสร็จฉันก็พาพีคมาหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่งเป็นคลินิกโรคทั่วไป
หมอฉีดยาให้เขาสองเข็มและฉันก็หวังว่าเขาจะดีขึ้น ไวๆ ฉันน่ะไม่ชอบการป่วยเลย แล้วก็ไม่ชอบที่คนรอบข้างป่วยเหมือนกัน
ระหว่างทางพีคหลับอีกแล้ว
คงจะหลับเพราะฤทธิ์ยาแต่มันก็ดีนะ เขานอนเยอะๆจะได้มีแรง ปกติฉันอยู่คนเดียวอยู่แล้วการเดินทางระหว่างทางเงียบๆมันจึงเป็นเรื่องที่ชินไปเสียแล้ว
ใช้เวลาอีกสองชั่วโมงเกือบครึ่งก็มาถึงโรงเรียนที่พี่ชายฉันเรียนอยู่
ฉันมาได้เจอพี่ชายฉันเกือบเดือนได้มั้ง เพราะสัปดาห์ก่อนโน้นเขาก็กลับบ้านที่ลพบุรี
พีคตื่นช่วงก่อนถึงโรงเรียนพอดีน่ะนะเขาคงรู้สึกดีขึ้นมาเลยดูจากสีหน้าแล้วน่ะ
“พี่ชายพี่เมจะมาตอนไหนเหรอครับ”
ระหว่างนั่งรอในรถฉันไม่ได้ดับเครื่องและแชตหาพี่ไม้ไปด้วย เ”ดี๋ยวผมขอนั่งรอในนี้ก่อน
พวกไอ้จิณกำลังมาแล้ว”
“ได้ค่ะ
อีกสักพักแหละ” ฉันตอบไปแล้วก็เปิดประตูลงไปด้านหลังเพื่อเช็คของที่จะให้พี่ไม้ พี่ชายฉันคนนี้เป็นคนพูดไม่เก่ง
แต่เขาใจดีกับฉันมาก แต่ก็แอบเข้มงวดกว่าพี่หมอกนิดหน่อย
“น้องเม”
ผ่านไปอีกราวๆห้านาทีพี่ชายฉันก็มาถึงในระหว่างตอนที่กำลังเอาของลงมาจากด้านหลังรถ
เขาเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงโทนปกติเลย
“สวัสดีค่ะ”
ฉันยิ้มให้พี่ชายตัวเองแล้วก็เดินเข้าไปกอดเขา “คิดถึงจัง”
“พี่ก็คิดถึงหนู”
เขาบอกพลางกอดแล้วก็ลูบหัวฉันด้วย พี่ไม้จะพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงละมุนเสมอ
แม้ตอนที่เขาโกรธเขาก็มักจะใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบและดูใจร้อนเลยสักนิดเดียว
แต่ในจังหวะที่หันหลังมาแล้วเห็นว่าพีคเปิดประตูรถลงมาพอดีเขาก็เปลี่ยนสีหน้า “ใครน่ะ”
“น้องพีคน้องชายของพราวน่ะค่ะ”
พี่ไม้รู้จักพราวอยู่แล้วันจึงไม่ได้กังวลหากจะแนะนำให้รู้จักกัน “น้องอยู่บางแสนแล้วก็ป่วยด้วยเมเลยพาน้องไปหาหมอแล้วก็พามาด้วยเลยค่ะ”
“ไม่ยักรู้ว่าน้องของน้องพราวเรียนที่นี่ด้วย”
เขาพูดและพินิจพิจารณาพีคด้วยสายตาที่ฉันก็คาดเดาไม่ถูก แต่เหมือนบางทีก็ดูจะแอบไม่ชอบหรือเปล่านะ
สองคนนี้รู้จักกันเหรอ สายตาที่ทั้งสองมองกันทำให้ฉันคิดแบบนั้น พีคยกมือไว้พี่ชายฉันด้วยท่าทางนอบน้อมมากทีเดียว
“อือ หวัดดี”
“เดี๋ยวผมต้องไปก่อนนะครับพี่เม พวกไอ้จิณมาแล้ว”
หลังจากทักทายพี่ฉันแล้วพีคก็หันมาบอก เขายิ้มให้ฉัน “ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ
ไว้เจอกันครับ”
“ค่ะ
หายไว ๆ นะ” ฉันบอกเข้าไปแล้วน้องพีคก็เดินจากไปแล้ว ทิ้งฉันไว้กับพี่ไว้เพียงลำพัง
เราจึงเข้ามานั่งด้านในรถกัน แต่ทว่าพอเข้ามาแล้วมองไปที่ช่องวางของตรงกลางระหว่างคนขับกับผู้โดยสารก็เห็นว่าถุงกระดาษสกรีนชื่อคลินิกที่พาพีคไปหาหมอมันวางอยู่
“พีคลืมถุงยานี่”
ฉันพึมพรำแล้วมองตามหลังพีคไป
แต่เขาไปไกลมากแล้วแบบนั้นจึงทำให้พี่ไม้พูดมา
“เดี๋ยวพี่เอากลับไปให้เอง”
ฉันลังเลมองถุงยาสลับกับพี่ไม้
“รู้จักกันเหรอคะ”
เพราะสายตาพี่ไม้กับพีคบอกแบบนั้นแต่ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขารู้จักกันแบบไหน ฉันไม่ได้รู้จักสังคมของพี่ไม้ขนาดนั้น
แต่ก็รู้จักเพื่อนเขาทุกคน
“ไม่เชิงรู้จักกัน
แต่รู้จักเพื่อนมันมากกว่า” พี่ชายฉันอธิบายแต่ไม่ได้มีสีหน้าที่เท่าไหร่นัก
หากไม่คิดมากเกินไปคงจะไม่มีอะไร แต่ทว่ามันก็ตงิดใจอยู่ พี่ไม้มองตาฉันแล้วก็คงคิดว่าฉันสงสัยอะไรหรือเปล่าสุดท้ายเขาเลยพูดต่อ
“ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันหรอก”
“อ๋อ
ค่ะ” ฉันตอบรับและรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อยนึงแต่ก็ไม่ได้สบายใจมากขนาดนั้น
เพราะคิดว่าพี่ชายน่าจะมีอะไรในใจกับพีคมากกว่า “พี่ดูไม่ชอบพีค”
“พี่แค่ไม่ชอบที่เห็นมันมากับเราแค่นั้นแหละ”
เขาพูดเสียงเนือยๆ “พวกนั้นมันสนิทกับผู้หญิงเยอะ เคยไปเจอที่ผับเดียวกันหลายครั้งก็เลยเห็น”
“......”
ฉันแค่ฟังเงียบๆไม่ได้พูดอะไรออกไปทั้งนั้น แต่...
“พีคมันชอบเราหรือเปล่า”
คำถามของพี่ชายทำฉันสะอึก ฉันไม่ใช่คนโกหกเก่งเลย อาจจะเพราะไม่ชอบการโกหกและไม่ชอบโกหกคนอื่นด้วยมั้ง
การที่ฉันจะปิดบังมันจึงเป็นเรื่องที่ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยทีเดียว “น้องเม”
น้ำเสียงพี่ชายส่อประกายจริงจังน้อยๆในตอนที่ฉันเงียบไปในคำถามนั้น
ฉันมองหน้าพี่ชายชั่วครู่ก่อนจะส่ายหัวไปมาเบาๆ
“พี่ไม่ได้จะยุ่งเรื่องส่วนตัวของเรา
แต่เพราะเราเป็นน้องพี่ พี่อยากให้เมเจอคนที่ดี” เป็นคำพูดที่ทำให้ฉันยิ้มบางๆหลังจากได้ฟัง
“พี่ก็แค่อยากให้เมระวัง”
End
May Mesa Talk
Peak Pichaphon Talk
“เห้ย วันนี้ทำไมกลับมาเร็วจึงวะ” หลังจากผมเปิดประตูเข้ามาในโรงนอนไอ้จิณก็เป็นคนทัก
เหลือบตามองไอ้เอกที่นอนอยู่บนเตียงไอ้จิณครู่หนึ่งผมก็เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงของตัวเอง
การป่วยนี้มันดูดพลังชะมัดเลย
บางทีก็อยากจะตบตัวเองที่ลงทุนถึงขนาดทำให้ตัวเองป่วยเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพี่เม
แต่จริงๆแล้วมันก็ได้ผลเกินคาดเสียด้วย
“ก็มีคนมาส่งไว”
ผมตอบพร้อมถอนหายใจออกมาเบาๆ แตะดูหน้าผากตัวเองแล้วถือว่าดีขึ้นมากแต่ยังไม่สร่างไข้เท่าไหร่
“มึงมากับใคร”
ไอ้เอกถามแล้วทำแววตาริกรี้หากมีหางมันคงส่ายดุ๊กดิ๊กเหมือนหมา
“มากับพี่เม”
คำตอบของผมทำให้ไอ้จิณที่คราแรกไม่ได้สนใจหันมามองด้วย ตั้งแต่วันนั้นที่ไอ้เอกท้าผมไอ้ติณมันก็คอยห้ามผมอยู่ตลอด
และมันก็เป็นคนบอกเองด้วยว่าผมคงจีบคนอย่างพี่เมไม่ติดแน่
แต่พอได้ยินว่าผมมากับพี่เมมาส่งมันก็ตารุกวาวเหมือนกัน “เป็นไงจิณตกใจเลยสิ”
“ทำไมถึงได้มากับพี่เขา”
มันหยุดแววตาที่ไม่ค่อยเชื่อหูแถมยังเปลี่ยนมาเป็นสงสัยผมแทน
“พี่ชายพี่เมเรียนอยู่ที่นี่”
ผมพูดเอื่อย ๆ โดยที่ยังไม่ได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญเกี่ยวกับพี่ชายของพี่เมว่าเป็นใคร
แต่หากพูดถึงไอ้พวกเพื่อนผมทั้งหมดก็คงต้องตกใจ “พี่เมมาหาพี่ชายเขากูก็เลยมาด้วย”
“กูก็นึกว่าเขาจะมาส่ง”
ไอ้จิณพูดพลางส่ายหัว เพราะมันนั้นมั่นใจเต็มร้อยว่าผมคงจีบพี่เมไม่ติด
“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่พี่เมจะมาส่งหรือให้มันติดรถมา
แต่อยู่ที่เขายอมให้มันมาด้วยได้ไงต่างหาก”
“เมื่อวานกูป่วย
พี่เมเป็นคนดูแลกู กูบอกเขาว่าจะกลับโรงเรียนวันนี้เขาเองก็จะมาหาพี่ชายก็เลยมาด้วยกัน”
ผมบอกด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะตรวจดูของที่เอามาในกระเป๋า
“ป่วยเหี้ยไรกูรู้จักมึงมาสี่ปีกว่าไม่เคยเห็นมึงป่วยสักครั้ง
ตอแหลน่าพีค” ไอ้เอกว่าบ้าง
“ป่วยจริง
กูพึ่งไปฉีดยามาเมื่อเช้า” ว่าจบผมก็ถอดเสื้ออกและหันแขนข้างที่โดนฉีดยาไปสองเข็มให้พวกมันสองคนดู
“ฉีดตั้งสองเข็ม ปวดแขนฉิบ”
“มึงป่วยได้ไง
มึงออกกำลังกายทุกวันกินโปรตีน แล้วก็ยาบำรุงตลอด” ไอ้จิณถามพลางหลี่ตา
“กูก็แค่เอาน้ำแข็งใส่น้ำให้เย็นมากๆแล้วอาบน้ำ
ตามด้วยอาบน้ำร้อนจัดๆ” ว่าไปผมก็นึกถึงวันก่อนไปพลาง คิดมาแล้วขยาดตัวเองมุมนั้นอยู่เหมือนกัน
“แล้วก็นอนไม่ใส่เสื้อกับเปิดแอร์เย็นๆทั้งคืน”
“เพื่อ”
ไอ้จิณถามสั้นๆ
“เมื่อกี้กูบอกว่าใครเป็นคนดูแลกู”
ผมถามย้ำถึงหลายประโยคก่อนหน้า
“พี่เม”
ไอ้จิณกับไอ้เอกตอบพร้อมกัน
“นั้นไงคำตอบว่าทำไมกูถึงต้องป่วย”
ผมพูดก่อนจะใส่เสื้อกลับมาดังเดิม
ผมเล่าเรื่องที่พี่เมบอกว่ายังไม่อยากมีแฟนให้พวกมันฟัง
พวกมันยิ่งพนันกว่าเดิมว่าผมคงจีบพี่เมไม่ติด และไม่มีวันทำในสิ่งที่พวกมันท้าได้
“มึงนี่แม่งพยายามกับทุกเรื่องเลยนะ”
ไอ้จิณว่าพลางส่ายหน้า “โดยเฉพาะเรื่องเหี้ยๆ”
ไอ้จิณเป็นแบบนี้เสมอ
ถึงแม้ว่ามันจะท้าผมด้วยแต่ถ้าถามว่าใครดีที่สุดในกลุ่มก็คงเป็นมัน แต่บางทีไอ้จิณอาจจะไม่ใช่คนดีอะไร
แค่มันดูเป็นคนที่ปกติที่สุดแล้วก็ได้มั้ง
เราสามคนจบเรื่องนี้ไปแล้วพูดคุยอะไรอีกหลายอย่าง
ไอ้เอกดูคันปากยิกๆที่อยากจะพูดถึงเรื่องผมทำให้ตัวเองป่วยก็รีบลงข้อความเข้าไปในกลุ่มเพื่อเล่าเรื่องที่ได้ฟังให้เพื่อนคนอื่นฟัง
ทุกคนในกลุ่มรู้ว่าผมจีบพี่เมอยู่ และรู้ว่าผมจีบพี่เมเพราะอะไร
ในระหว่างที่พูดคุยฆ่าเวลาเพื่อรอเพื่อนๆคนอื่นกลับมานั้นผ่านไปประมาณเกือบชั่วโมง
ผมก็เหลือบตามองไปทางประตูแล้วเห็นว่ามีคนเดินมาทางนี้ หน้าตางบานเลื่อนด้านข้างประตูที่เปิดเอาไว้ทำให้ผมเห็นชัดว่าคนเดินมานั้นคือพี่ไม้
พี่ชายของพี่เม
“พีค”
เขาเรียกผมผ่านช่องหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ ทำให้ไอ้เอกกับไอ้จิณที่ตอนแรกไม่ได้สนใจหันไปมอง
แต่พอเห็นว่าเป็นใครมันก็รีบหันกลับมามองหน้าผมสลับกับพี่เขาก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนแล้วก็ทำความเคารพตามแบบฉบับของโรงเรียนเรา
พวกเราไม่ได้เกรงกลัวต่อความแก่ชั้นปีกว่าแต่มันเป็นสิ่งที่เรียกว่าทำเนียมปฏิบัติและเคารพต่อรุ่นพี่
และอีกอย่างพวกเราก็รู้จักพี่เขา จะว่ารู้จักเฉยๆก็คงไม่ใช่
อาจจะเรียกได้ว่าเคยมีเรื่องเขม่นกันอยู่สักพักแต่พวกผมก็รู้ว่าเรื่องมันเกิดมาจากพวกผมนั่นแหละ
หลายเดือนก่อนโน้นช่วงปิดเทอมพวกผมก็นักเจอกันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งในข้าวสาร
ไอ้เอกเมาแล้วก็เลยเรื้อยไปจีบแฟนของพี่ตง เพื่อนของพี่ไม้ ตอนไอ้เอกเมามันค่อนข้างปากดีก็เลยมีเรื่องกันนิดหน่อย
แต่ก็ขอโทษขอโพยกันแล้วและไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน
กลุ่มผมกับกลุ่มพวกพี่ไม้ดูจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่สปีชีส์ใกล้เคียงกันเพราะงั้นบางทีจึงไม่ได้ถูกกันขนาดนั้น
ว่าง่ายๆก็มีผู้หญิงเข้าหาเยอะและในสังคมเราก็ค่อนข้างมีผู้หญิงเยอะน่ะ แต่ผมก็ไม่ได้มั่วนะ
อาจจะนิยามคล้ายๆเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
ทำนองนี้มั้ง
“ครับพี่”
ผมขานรับพร้อมกับที่ไอ้เอกได้สบตาผม แววตามันดูตั้งคำถามว่าทำไมพี่ไม้ถึงมาหา
“มีเรื่องจะคุยด้วย”
พอได้ยินแบบนั้นผมก็เดินออกไปในทันที ผมยืนมองหน้าพี่เขาอยู่ด้านหน้าประตู และเหมือนว่าพี่เขาจะไม่ได้ต้องการจะคุยที่นี่
พี่เขาเลยเดินนำผมมาจนสุดทางเดินของโรงนอนซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีคนมา “มึงลืมถุงยาไว้ในรถเม”
“ขอบคุณครับ”
ผมตอบไปหลังจากที่พี่เขายืนของมาให้ อันที่จริงผมตั้งใจจะลืมเพื่อให้พี่เมทักมาบอกผมจะได้ลงไปหาเธออีกรอบ
แปลกใจนะที่พึ่งรู้ว่ามึงเป็นน้องของน้องพราว
โลกกลมดี เขาพูดพลางเอนหลังพิงกับผนัง ก่อนจะยกยิ้มให้ผมหน่อยๆ และหากผมเดาไม่ผิดประโยคต่อไปเขาคงอยากคุยเรื่องพี่เมมั้ย
มันไม่มีทางที่คนอย่างพี่ไม้จะมาพูดกับผมเพราะเรื่องพี่พราวหรอก “รู้จักกับเมนานหรือยัง”
“พี่พราวเคยพูดถึงพี่เมให้ที่บ้านฟังนานแล้วครับ
แต่ผมพึ่งเคยเจอพี่เมอาทิตย์ก่อน” ผมเล่าถึงเรื่องที่บ้านพี่พราวชอบให้ป๊ากับม๊าฟังบ่อยว่าพี่เมน่ารักและนิสัยดีขนาดไหน
จริงๆที่บ้านผมเคยเจอพี่เมกันหลายหนแล้วที่บางแสน และพี่พราวเคยพามาที่บ้านสองครั้งแต่
ผมแค่ไม่เคยเจอ เคยเห็นแค่รูปเท่านั้น
“ชอบเมหรือเปล่า”
หลังจากที่ได้ฟังผมก็นิ่งคิดหน่อยๆ
“ชอบแบบไหนเหรอครับ”
ผมรู้ความหมายแต่แค่อยากกวนเขา
“มึงรู้ว่าแบบไหน”
เขาย้อนกลับมา เขามองตาผมชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยปาก “เมไม่เหมาะกับมึงหรอก”
“ทำไมเหรอครั”บ
ผมแสร้งถามทั้งที่รู้ดี เขาอาจหมายถึงสังคม การใช้ชีวิต ลักษณะนิสัย ไลฟ์สไตล์
และอีกมากมายหลายอย่าง ยอมรับตามตรงว่าพี่เมแตกต่างออกไปจากผู้หญิงที่ผมชอบทุกคน
“ทุกอย่างที่เป็นมึง
และเมมันต่างกัน” เขาพูดเสียงเบาและใบหน้าก็ดูจริงจังไม่น้อยเลยทีเดียว “ไม่ว่ามึงจะเข้าใจมั้ย
แต่เอาเป็นว่าอย่ายุ่งกับเม”
พูดจบเขาก็ทำท่าจะหันหลังให้ผม
เตรียมเดินจากไปไป ส่วนผมก็
“พี่เมน่ะ”
ผมเอยถึงบุคคลที่สามและนั่นทำให้พี่ไม้หันกลับมามองผม “น่ารักมากเลยล่ะครับ”
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
- BABYBOW -
งานนี้คืออีน้องกวนตีนมากนะ พี่เขาบอกไม่ให้ยุ่งกับน้องเขา แต่อีน้องไปชมน้องเขาว่าน่ารักเสย มุงจะเปิดศึกกับรุ่นพี่เลยเหรอไอ้เด็กนี่ เอาง่ายๆคือพี่ไม้กับอีพีคนิสัยเหมือนกันเลยมองออก เลยไม่อยากให้ยุ่งกับเมเพราะเมคือแบบน่าสงสารนะ
Contact me
FB : Babybow TW : Babybbow_ Group NC : Bababow [H+]
ความคิดเห็น