คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 250% ll #พีคเมษา ll THE CHIAN PEAK : EPISODE 01
THE CHIAN - PEAK
Hashtag on Twitter #พีคเมษา
THE CHIAN PEAK : EPISODE 01
“มึงไปเข้าเดี๋ยวกูรอตรงนี้” ฉันพูดกึ่งตะโกนข้างหูพราวเพื่อนของฉันที่ดูเมากว่านิดหน่อย ตอนนี้เราอยู่ที่ห้องน้ำร้านเหล้าที่เสียงดนตรีดังมาก
“เออๆ มึงรอตรงนี้อย่าไปไหนนะ” พราวบอกฉันแล้วหันไปมองยังห้องน้ำหญิงที่ถึงแม้จะมีถึงสามห้องแต่คนต่อก็ยาวเหยียด ก่อนที่พราวจะบ่นออกมา “แม่งคิวยาวจังวะ”
ฉันขยับออกจากช่วงที่มีคนต่อแถวไปยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของหน้าห้องน้ำเพื่อให้เกะกะแถว ห้องน้ำร้านเหล้าร้านนี้จะอยู่โซนด้านข้างร้านเยื้องไปทางด้านหลัง ซึ่งสามารถตัดออกไปที่ที่เช่าจอดรถได้ ห้องน้ำชายหญิงจะอยู่ติดกันแต่ว่าจะหันหลังชนกัน
มุมที่ฉันยืนถ้ามองไปทางซ้ายจะเห็นแถวที่พวกผู้ชายต่อคิวกันเข้าห้องน้ำ และหากมองไปทางขวาจะเป็นช่องทางเดินระหว่างตึกร้านที่ฉันอยู่กับอีกร้านหนึ่งซึ่งจะเดินทะลุไปที่ลานจอดรถ ตรงนั้นค่อนข้างมืดแต่แสงจากอีกฝากซึ่งเป็นลานจอดรถก็สามารถมองเห็นลางๆ
ฉันเอามือถือขึ้นมากดดูนั่นนี่ไปเรื่อยและรับรู้ว่าด้านหน้ามีคนเดินผ่านไป เขาเดินใกล้ฉันมากจนรับรู้ถึงลมที่เกิดจากการเดิน แต่มันก็ใกล้จนฉันได้กลิ่นน้ำหอมแนวสปอร์ตกึ่งเซ็กซี่นิดหน่อยมากระทบจมูก
ฉันขยับตัวถอยหลังโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเพราะมันแต่ดูสตอรี่ที่พราวพึ่งลงไปจนแทบจะเป็นจุดไข่ปลาในมือถือ
ปึก เสียงที่ดังเหมือนมีอะไรกระทบผนังทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นดู แล้วก็มองไปรอบ ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งมองไปทางขวาก็เห็นว่า ผู้หญิงคนหนึ่งดันผู้ชายอีกคนชิดผนังที่อยู่ห่างฉันออกไปประมาณสามสี่เมตรได้ คราแรกนึกว่าเขาทะเลาะกัน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่....
เพราะความสว่างที่น้อยมากทำให้ฉันเพ่งมองว่าจะเกิดอะไรขึ้นมั้ย แต่ฉันก็ตกใจชะงักตอนปลายทางอีกฝั่งหนึ่งมีแสงไฟจากรถสาดมา สองคนนั้นกำลังจะจูบกัน ฉันไม่ใช่พวกชอบถ้ำมองกิจธุระอันเป็นส่วนตัวของคนอื่น แต่เมื่อพวกเขามาทำในที่สาธารณะและฉันก็แค่งงว่าเกิดอะไรขึ้นจึงมองอยู่
สองคนนั้นไม่ได้เห็นฉัน แต่ทว่าเมื่อถึงจังหวะหนึ่งผู้ชายได้หันหน้ามาทางนี้และฉันก็ได้สบตากับเขาฉันสะดุ้งมากจนต้องกันหน้าหนีอย่างไว แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าและแววตาที่เห็นเพียงครู่ก็ยังติดตาฉันอยู่ และพอเหลือบตากลับไปอีกครั้งเขาก็ยังมองมาทางนี้ ผู้หญิงหันลังให้ฉัน แต่ฉันก็เห็นว่าผู้ชายคนนั้นยกยิ้ม
“เม” เมื่อฉันรีบขยับให้ออกมาห่างจากทางนั้นนิดหน่อยก็ชนเข้ากันพราวพอดี “ทำไมทำหน้าอย่างนั้น อย่างกับเห็นผี”
“เปล่าๆ เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วใช่มั้ย” เพื่อนพยักหน้าให้สองสามทีแล้วคล้องแขนฉัน “กลับโต๊ะกัน”
ว่าจบฉันกับพราวก็เดินเข้ามาที่โต๊ะเดิมซึ่งมีเพื่อนเราอีกสี่ห้าคนนั่งรออยู่แล้ว ตอนนี้กำลังเล่นเพลงฮิตติดตลาดเพลงหนึ่งอยู่เสียงเลยค่อนข้างดันเป็นพิเศษ วันนี้เป็นวันศุกร์ด้วยน่ะนะ คนเลยเยอะหนาตากว่าวันกลางสัปดาห์
อันที่จริงวันนี้ฉันว่าจะไม่มาแล้วแต่เพราะว่าเพื่อนคะยั้นคะยอให้มาเปิดหูเปิดตาและพักผ่อนบ้างฉันจึงยอมมาด้วย ที่โต๊ะนี้มีเพื่อนในภาคเราทั้งหมด แต่มีอีกสองคนที่เรียนวิศวะฯ หนึ่งในนั้นเป็นแฟนของเพื่อนฉันเอง เคยเห็นหน้าตาผ่านๆสองสามครั้งเลยมานั่งด้วยกัน
“เราเทให้เมใหม่ อันนี้มันจางแล้ว” เพื่อนผู้ชายในภาคคนนึงว่าพร้อมกับยื่นแก้วเบียร์แก้วใหม่กลับมาให้ฉัน “เมกินเยอะหน่อยสิ ไม่ต้องกลัวเมาหรอก ถ้าเมาเดี๋ยวไปส่งเพื่อนเยอะแยะ”
“เราไม่ค่อยอยากเมาอ่ะ พรุ่งนี้มีงานค้างอีกเยอะเลย” ฉันว่าแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกประมาณสองอึก ก่อนจะเสตาไปมองพราวที่กดมือถืออยู่
“แต่กูเมาได้ใช่ป่ะ เพราะยังไงกูก็อยู่คอนโดเดียวกับเมอยู่แล้ว มันคงต้องแบกกู” ฉันยิ้มแกนๆให้เพื่อนเพราะปกติหากมาด้วยกันพราวมันก็จะกล้าเมาเต็มที่เพราะฉันมักจะเป็นคนแบกเธอเสมอ
“มึงสงสารเมษาบ้างเถอะวะไอ้พราว เมตัวเล็กนิดเดียวดูมึงดิสูงอย่างกับเปรต” เพื่อนอีกคนนึงว่าทำให้พราวมองค้อนกลับไป
“เพื่อนมึงไม่โตเองหนิ” พราวว่าแล้วกอดไหล่ฉัน “เออนี่ เดี๋ยวกูให้น้องกูมานั่งด้วยได้ป่ะ มันอยู่ร้านๆข้างแต่เดี๋ยวจะกลับไปนอนกับกูที่คอนโด”
“น้องมึงออกจากโรงเรียนแล้วเหรอวันนี้” เพื่อนอีกคนถามพราวก็พยักหน้าหน่อยๆ
“มาแล้ว วันนี้มันมาเที่ยวอ่ะ เพื่อนมันเปิดห้องนอนกันแต่มันจะไปนอนกับกู” ว่าจบพราวก็หันมามองฉัน “กูให้น้องกูกลับด้วยได้มั้ยเม”
“ก็ได้นะ” ฉันตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไรมาก สักพักพราวก็กดข้อความส่งหาใครสักคน ที่เดาว่าคงเป็นน้องชายของเธอ พราวมีน้องคนเดียวและเรียนอยู่โรงเรียนประจำชายล้วน ฉันไม่เคยเจอหน้าหรอก อีกยี่สิบนาทีน้องชายของพราวก็มาแต่ทว่าเชื่อมั้ย เขาเป็นคนเดียวกับที่ยืนจูบผู้หญิงแล้วฉันเห็นเมื่อกี้ไง
ฉันไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไปเพราะรู้ว่ามันคือสิทธิ์ของเขาที่จะไปจูบกับใครก็ได้ เราไม่รู้จักกัน และฉันก็ไม่จำเป็นต้องไปตั้งท่าที่จะรังเกียจเขาถูกมั้ยล่ะ
“ผู้ชายโต๊ะนั้นมองเมแหละ” แตงกวาที่เป็นเพื่อนอีกคนที่นั่งข้างฉันสะกิดให้หันไปมอง ฉันก็มองตามไปยังโต๊ะหนึ่งที่เต็มไปด้วยผู้ชาย แต่มองเพียงครู่เดียวก็หันกลับมา “คนเสื้อขาวอ่ะมอง หล่อนะ”
“ก็หล่อแหละ” ฉันตอบกลับไปตามตรง คนที่มองฉันเขาค่อนข้างหน้าตาดีมากแต่ฉันไม่ได้สนใจในเชิงอย่างนั้น เพราะฉันไม่ได้รู้สึกอยากมีแฟน อยากมีคนคนคุยอะไรตอนนี้ แล้วพวกวันไนต์แตนก็ยิ่งไม่อยากมีไปใหญ่ แค่รับรู้ว่าถูกมองอยู่ก็แค่นั้น
“อะไรกัน ตายด้านหรือเปล่าเม” แตงกวากระซิบฉันส่วนฉันก็หัวเราะเจื่อน ๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนหาว่าฉันตายด้านหรอก มันมากกว่าสิบครั้งแล้วน่ะนะ คนที่ว่าบ่อยที่สุดคงเป็นเพื่อนสนิทอย่างพราวแหละ ที่ทุกคนพูดแบบนี้อาจจะเป็นเพราะฉันไม่ได้สนใจคนที่เข้ามาจีบด้วยมั้ง
ฉันแทบจดจำความรู้สึกตื่นเต้น หรือใจเต้นแรงเพราะผู้ชายไม่ได้มานานแล้ว บางทีฉันอาจจะตายด้านจริง ๆ เหมือนที่ทุกคนว่าก็ได้มั้ง
หลังจากดื่มกันหนักหน่วงจนถึงเที่ยงคืนพวกเราก็ตัดสินใจกลับ แต่มีเพื่อนออีกสามคนที่จะนั่งต่อที่หาด ฉันที่ง่วงแล้วและพรุ่งนี้ต้องทำงานจึงตัดสินใจที่จะกลับห้อง แถวนี้ร้านเหล้าจะปิดเที่ยงคืน แต่ถ้าใครติดลมก็สามารถไปนั่งต่อที่หาดได้ นั่งยาว ๆ ถึงเช้ายังได้เลย
“เมษาจ๋า” คำพูดเนือย ๆ และลากยาวพลางกอดเอวฉันของพราวนั้นทำให้ฉันแทบจะเซถลาถอยหลัง อาจจะเพราะพราวเป็นคนตัวสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบได้ ส่วนฉันสูงแค่ร้อยห้าสิบปลาย ๆ เท่านั้นเอง ฉันเตี้ยน่ะนะ ตัวเล็กสุดในกลุ่มเพื่อนเลย เวลายืนรวมกันฉันก็มักจะเป็นหลุมเสมอ
“พี่พราวระวัง” นั่นเป็นเสียงของข้องชายพราวที่มาเกาะพี่สาวตัวเองไว้
“ไอ้พราวมันจะไหวมั้ยน่ะ” เสียงของเพื่อนอีกคนดังมาหลังจากเห็นสภาพของพราวที่เมาทิ้งตัวมาหาฉัน “มานี่เม เดี๋ยวเราพาพราวไปรถให้”
“ไอ้โอ้ต อย่ามาจับกู กูจะเกาะเม” คนเมาโวยวายส่วนเพื่อนอีกคนก็ไปดูแตงกวาที่ตอนนี้เมาแอ๋เหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็จะเมากันหมดมีแค่สามคนที่ยังมีสติ
“เออๆ เดี๋ยวให้เกาะแต่ไปรถก่อน” โอ้ตบอกกับพราวแล้วก็พาเธอไป โดยที่มีน้องชายของพราวนั้นช่วยประคองไปด้วย ฉันรีบเดินนำไปเปิดประตูรถด้านหลังให้เพื่อที่จะให้พราวนั้นได้นอนดีๆ
“ขอบใจมากนะโอ้ต” ฉันบอกโอ้ตไปเพราะว่าฉันจอกรถไว้ในซอยด้านหลังซึ่งเป็นที่จอดรถเช่า มันเดินห่างจากร้านประมาณหนึ่ง ส่วนโอ้ตเมื่อส่งพราวเสร็จแล้วก็เดินจากไป ตอนนี้เหลือแค่ฉัน พราวที่ไม่มีสติและน่าหลับแล้ว แล้วก็น้องชายพราว
ฉันไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงดี ฉันก็แค่อาจจะรู้สึกประหม่านิดหน่อย ไม่ก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงน่ะนะ น้องพราวน่ะดูท่าทางจะแบดไม่เบาเลย มันมีบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกอย่างนั้นน่ะนะ
“ให้ผมขับให้มั้ยครับ” เมื่อเกิดความเงียบขึ้นเล็กน้อยและเรายังไม่เข้าในรถกันเขาจึงถามมา
“ไม่เป็นไร พี่ขับเองก็ได้ค่ะ” ฉันตอบแล้วก็ยิ้มแห้ง ๆ ให้เขา อันที่จริงภาพตอนที่เขาจูบกับผู้หญิงยังติดตาฉันไม่หายเลย โดยเฉพาะตอนที่ยกยิ้มมุมปากให้ฉันน่ะ “ขึ้นรถเถอะค่ะ”
“ครับ” ว่าจบเขาก็เดินอ้อมไปยังที่นั่งด้านข้างคนขับ ฉันขับรถออกมาจากที่จอดรถเช่าเพื่อกลับไปที่คอนโดของตัวเอง ฉันกับพราวอยู่คอนโดเดียวกัน แล้วก็อยู่ตึกเดียวกันด้วยแต่แค่คนละชั้นแค่นั้นเอง วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ เพราะงั้นย่านที่เป็นร้านเหล้าจึงคึกคักมากเป็นพิเศษ
ถนนเส้นเลียบหาดก็ก็ติดมากๆ เรียกได้ว่ากว่าจะขยับได้ และที่จอดรถเลียบหาดก็แทบจะไม่มีเลย ถึงแม้ว่าถนนเส้นเรียบหาดจะไม่ได้ยาวขนาดนั้นแต่เมื่อเป็นวันสุดสัปดาห์ และรถติดฉันจึงคิดว่าตัวเองคิดผิดที่เลือกจะมาเส้นนี้แทนที่จะอ้อมไปเส้นหลังมอ
ในระหว่างอยู่บนรถนั้นฉันกับน้องชายของพราวไม่ได้คุยกันเลยจนกระทั่งถึงคอนโด เขาลงไปเปิดประตูรถและพาพราวที่เมาจนทิ้งตัวของตัวเองออกมา พราวน่าจะหลับแล้วเลยค่อนข้างจะประคองยากเป็นพิเศษ ฉันกับน้องชายของเธอจึงต้องหิ้วปีกคนละข้าง
แต่เจ้ากรรมมันก็น่าตลกตรงที่ พีคตัวสูงมากประมาณร้อยแปดสิบ และฉันที่สูงร้อยห้าสิบแปด กับยัยพราวที่สูงร้อยเจ็ดสิบนั้นทำให้พราวเทน้ำหนักมากทางฉันจนแทบหมด
“ไหวมั้ยครับ” ในตอนที่กำลังยืนรอลิฟต์อยู่นั้นน้องพีคก็ถามมา ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อพีคใช่มั้ยนะ ฉันพอจะจำจากที่พราวเคยพูดให้ฟังได้หลายครั้ง
“ก็...ไหวค่ะ” ฉันตอบทั้งที่ตัวเองแทบจะลงไปกองกับพื้นอยู่แล้วน่ะนะ เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่จังหวะหนึ่งพราวได้เอนตัวมาทางฉันค่อนข้างมากทำให้เขาต้องรั้งพี่สาวของตัวเองไว้
“ให้พี่พราวพิงผมดีกว่า” ว่าจบในตอนนั้นเขาก็ได้ดึงพราวไป และมือขาก็ได้ไล้ตามเรียวเขาฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกชะงักจนต้องเม้มปากแน่น สารภาพตามตรงว่าฉันใจเต้นแรงกับผู้ชายในรูปหลายปีเลยก็ว่าได้
ฉันเงียบไม่พูดไม่จาจนกระทั่งเข้ามาในลิฟต์ พราวได้ยืนพิงน้องพีคอยู่ ส่วนฉันก็ยืนห่างออกไป เราไม่ได้พูดได้จาอะไรกันมากมายนักจนกระทั่งถึงห้องพราว ห้องพราวอยู่ชั้นเจ็ด ส่วนฉันอยู่ชั้นหก พอถึงเราสองคนก็พาพราวเข้ามานอนให้ห้อง
“เดี๋ยวพี่เปลี่ยนชุดให้พราวก่อน” ฉันบอกเพื่อเป็นสัญญาณว่าให้เขาออกไปข้างนอก เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่เดินออกไปแล้วเลื่อนประตูบานเลื่อนให้ปิดสนิท ฉันเดินไปปิดม่านและจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เพื่อน ที่ส่วนใหญ่ฉันก็เคยทำให้เธอหลายครั้ง
ฉันกับพราวค่อนข้างสนิทกันมาก แต่จริง ๆ ฉันก็สินทกับแตงกวาด้วย เพียงแต่ว่าเวลาส่วนใหญ่จะอยู่กับพราวเพราะแตงกวามีแฟนที่เรียนอยู่ที่นี่คือคนที่เรียนวิศวะ ส่วนพราวเองก็มีแฟน แต่แฟนเธอนั้นเรียนอยู่ในกรุงเทพ บางสัปดาห์พราวก็กลับบ้านที่กรุงเทพแล้วไปหาแฟนอะไรแบบนี้ฉันก็จะอยู่คนเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้อะไรมากนักเพราะส่วนใหญ่ฉันทำงาน มันก็จะยุ่งนิดหน่อยในวันหยุด ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดที่มาจากจังหวัดที่ไกลจากชลบุรีมาก เพราะงั้นจึงไม่ได้สะดวกที่จะเดินทางกลับบ่อย ๆ แต่อันที่จริงตั้งแต่มาอยู่ที่นี่จะสี่ปีแล้ว ฉันก็ยังไม่ได้กลับไปเลย
มันแค่ไม่สะดวกใจที่จะกลับไปน่ะ
“เสร็จแล้วค่ะ” ฉันเดินออกมาข้างนอกและเห็นว่าน้องพีคนั้นนั่งพูดบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ใกล้ ๆ เครื่องฟอกอากาศ เขาได้ตวัดสายตามามองฉัน เป็นสายตาที่ชวนให้วูบวาบทั้งหัวใจเลยล่ะ
ถึงแม้ไม่ได้สังเกตมากนัก แต่ตอนพาพราวขึ้นมาเราได้มีโอกาสสบตากันชัดเจนหลายครั้ง ดวงตาของเขาเป็นสีดำสนิท มันดูลุ่มลึกและคาดเดาได้ยากมาก หรือบางทีฉันอาจจะไม่ประสีประสาเรื่องผู้ชายล่ะมั้ง เพื่อนผู้ชายที่ฉันรู้จักก็ไม่ได้คาดเดาอะไรยากขนาดนั้นด้วย
“ขอบคุณมากนะครับ” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ส่วนฉันก็ยิ้มแห้ง ๆ กลับไป
“พี่กลับนะคะ” ว่าจบฉันก็เดินไปเปิดประตูเดินออกมา
ใช้เวลาไม่นานนักฉันก็กลับถึงห้องตัวเอง ตอนนี้เกือบตีหนึ่งแล้วฉันอาบน้ำและปิดไฟเข้านอน แต่ว่ากว่าจะหลับได้ก็คิดอะไรวนไปเรื่อยเปื่อยมาก สภาพตามตรงว่าหน้าพีคมันลอยเข้ามาในหัวฉันไม่หยุด
ในตอนเช้าฉันก็ตื่นมาประมาณเก้าโมงเช้าเพื่อเตรียมตัวแพ็คของส่งลูกค้า วันนี้วันเสาร์ขนส่งยังเปิดอยู่ ช่วงฉันสอบฉันงดรับออร์เดอร์ไปหลายร้อยออร์เดอร์พอสอบเสร็จแล้วจึงรีบส่งในทันที ฉันขายของออนไลน์ส่งตัวเองเรียนน่ะนะ
เวลาส่วนใหญ่ของฉันจึงหมดไปกับการเรียนและการทำงาน ฉันขายของค่อนข้างดีรับวันนึงเกือบร้อยออร์เดอร์ ฉันขายของออนไลน์มาตั้งแต่ปีหนึ่ง ขายจนได้ซื้อรถ และมีเงินใช้สอยอย่างไม่ขัดสนสำหรับชีวิตแบบตัวคนเดียว
บางทีมันก็แอบเหงาอยู่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นภาระของใคร
ในระหว่างที่แพ็คของอยู่ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าลืมรดน้ำต้นไม้ของตัวเองที่ระเบียง จึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วขวดฉีดน้ำแบบสเปรย์ออกมา หลังจากรดน้ำต้นไม่สองสามต้นเสร็จฉันมองออกไปยังวิวด้านนอก
วิวห้องฉันเป็นวิวสระว่ายน้ำ คอนโดฉันเป็นแบบตัวยู มีสระว่ายน้ำและสวนอยู่ตรงกลาง ห้องของฉันจะเป็นห้องวิวสระทุกห้องซึ่งราคาเช่าก็จะแตกต่างกันออกไปตามวิวและตามชั้นด้วย
ห้องฉันอยู่ในส่วนกลางของตัวยูพอดี ส่วนห้องพราวนั้นก็อยู่ทางด้านซ้ายมือของฉัน ถ้ามองจากห้องฉันไปก็จะเห็นระเบียงห้องพราวซึ่งอยู่ชั้นเจ็ดพอดี ห้องพราวก็หันมาทางสระว่ายน้ำเหมือนกัน มันไม่ได้ห่างกันมากนักและสามารถมองเห็นชัดเจนเลย
ฉันก็มองวิวในตอนสายไปเรื่อย ๆ คอนโดนนี้ค่อนข้างเงียบ จะไม่ค่อยมีใครออกมานนั่งที่ระเบียงมากนักในตอนสาย แต่เมื่อฉันมองไปรอบ ๆ วันนี้และสายตาช้อนขึ้นไปมองยังห้องพราวฉันก็ชะงักงัน เพราะว่าฉันน่ะตกใจตอนเห็นน้องพีคน้องชายของพราว
เขายืนอยู่ตรงระเบียง และฉันจะไม่อะไรเลยถ้าหากว่าเขานั้นถอดเสื้อแล้วใส่แค่กางเกงขาสั้นตัวเดียวน่ะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ใกล้กันมาก แต่มันก็ไม่ได้ไกลมากเช่นกัน เขายืนบิดขี้เกียจและในจังหวะนั้นเอง อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้เขามองมายังฉัน
ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนเห่อขึ้นทันควัน ฉันอยากหยิกตัวเองที่ยืนมองเขาไม่ยอมเดินหนี ฉันสบตากับพีคหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่ในตอนนั้นสติฉันก็ถูกเรียกกลับมาได้ตอนเสียงประตูห้องที่ถูกเคาะดังแว่วเข้ามาในหูฉันพอดี
ก๊อก ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ มันถูกเคาะรัว ๆ จนฉันต้องรีบมาเปิด พอเปิดออกก็เป็นพราวนั่นเอง
“เคาะนานแล้วทำไมพึ่งเปิด” พราวถามพรางมุ่นคิ้ว “แล้วเป็นอะไรทำหน้าแดงขนาดนั้น”
“เปล่า พอดีเมื่อกี้รดน้ำต้นไม่อยู่ เลยไม่ได้ยิน” ฉันพูดเสียงเบา แล้วบุ้ยหน้าไปทางระเบียงห้อง และสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด “มาหาอะไรกินแก้แฮงค์ล่ะสิ”
“ใช่จ้า เพราะรู้ว่าห้องมึงน่ะมีของกินไง” พราวเปลี่ยนท่าทีจากสงสัยเป็นยิ้มพลางลูบท้องเบาๆ
หลังจากพราวทานเสร็จก็มาช่วยฉันแพ็คของ เธอบอกว่าวันนี้แฟนของเธอจะมาหาในช่วงบ่ายน่ะ
“มึง เดี๋ยวเย็นนี้กูจะไปกินข้าวที่ร้านเปิดใหม่ที่เขาสามมุกนะ มึงไปกับกูป่ะ เต้มันอยากไปอ่ะ” ว่าไปพราวก็ช่วยฉันปิดเทปกาวกับกล่องไปด้วย
“ไม่เป็นไร มึงไปเถอะ” ฉันตอบแล้วก็หยิบของลงใส่กล่องไปพลาง พราวน่าจะกลัวฉันเหงาฉันรู้ แต่ฉันไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอเพื่อนนี่นา
ฉันไม่มีแฟนและส่วนใหญ่เวลาเพื่อนไปหาแฟนฉันก็จะอยู่คนเดียว เวลาแฟนพราวมาหาพราวก็มักจะชวนฉันไปไหนมาไหนด้วย บางทีพราวจะชวนเพราะกลัวฉันเหงา และไม่อยากให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกทิ้งเวลาที่เพื่อนสนิทมีแฟน แต่ฉันก็เกรงใจแฟนเพื่อนนะ
การที่เต้มาหาพราวก็แปลว่าอยากจะใช้เวลด้วยกัน ถ้ามีฉันเข้าแทรกเต้อาจจะไม่โอเคก็ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะนิสัยดีมากแต่ฉันก็เกรงใจนี่นา สู้ปฏิเสธไปแล้วอยู่คนเดียวเหงา ๆ จะได้ไม่ต้องลำบากใจทีหลังดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลว่าทั้งสองคนจะอึดอัดมั้ย
“มึงกลัวเป็นก้างขวางคอกูเหรอจ๊ะ” คำถามของเพื่อนทำให้ฉันยิ้มแห้ง “กูว่ามึงควรจะหาแฟนได้แล้วนะ ผู้ชายมาชอบมึงเยอะแยะออก หน้าตาดี หล่อ ๆ รวย ๆ ก็มีเยอะด้วย ไอ้พฤกษ์น่ะมันรวยจะตาย ทั้งหล่อทั้งสายเปย์ ไม่ต้องให้มึงมาทำงานงก ๆ แบบนี้ยังได้เลย”
“......” ฉันไม่ได้ตอบอะไรหลังจากที่เพื่อนกล่าวถึงพฤกษ์ เพื่อนในคณะเดียวกันที่เป็นเดือนคณะด้วย เขาตามจีบฉันมาสักพักแล้ว เขาหน้าตาดีและฐานะดีมากด้วยอย่างที่พราวว่านั่นแหละ
“ไม่ต้องยิ้มแห้งเลย นี่พูดจริงนะ พฤกษ์น่ะมันก็คงจะชอบมึงจริง ๆ นั่นแหละไม่งั้นมันไม่ตามคุยกับมึงทั้ง ๆ ที่มึงไม่สนใจมันหรอกพราว เปิดใจหน่อย” ฉันยังคงเงียบกับความคะยั้นคะยอของเพื่อน “หรือไม่ก็น้องเกียร์วิศวะน้องชายไอ้ก้องก็ดีนะ น้องมันน่ะน่ารักออก”
“ไม่ชอบเด็ก” ฉันพูดออกไปเสียบเรียบส่วนพราวก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ใจคอจะแก้เป็นสาวเทื้อขึ้นคานหรือไง มึงน่ะสวยมากนะเมไม่ได้มีข้อเสียตรงไหนเลย เรียนก็เก่งทำงานก็เก่ง นิสัยก็ดี มึงน่ะเหมาะที่จะถูกรักมากเลยนะ” ฉันหันมายิ้มเจื่อนให้กับเพื่อน “กูก็แค่ไม่อยากให้มึงยึดติดกับอดีต ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนแฟนเก่ามึงนะ”
ฉันรู้ รู้ว่าพราวหวังดีกับฉันมาก พราวเป็นเพื่อนที่ดี เพื่อนทุกคนที่นี่หวังดีต่อฉัน แต่ฉันแค่ค่อนข้างเข็ดขยาดกับความรัก อาจจะเพราะประสบการณ์ด้านความรักของฉันมันห่วยแตกมาก
ฉันเคยมีแฟนสองคนและก็จบลงแบบแย่มากทั้งคู่ แฟนคนแรกของฉันมีตอนประมาณมอหก เขาตามจีบฉันมาตั้งแต่มอสี่ หลังจากได้คบกันได้ไม่นานฉันก็จับได้ว่าเขาแอบคบซ้อนกับเพื่อนสนิทของฉัน แถมเพื่อนคนนั้นก็เกลียดฉันแล้วไปปล่อยข่าวลือแย่ ๆ ใส่ร้ายฉันด้วย
ฉันทนเรียนมัธยมปีสุดท้ายอย่างทุกข์ทรมาน กว่าจะผ่านมันไปได้ก็แทบแย่เลย แต่ยังดีที่ฉันเหลือเพื่อนที่ดีอยู่สองคนในวัยมัธยม
แฟนคนที่สองของฉันนั้นมีตอนปีสอง ฉันเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งแต่ เขาขี้หึงจนทำฉันอึดอัด ทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัว และพยายามควบคุมฉัน ฉันรู้สึกว่าความรักที่ดีคือเวลาที่เราอยู่ด้วยแล้วต้องไม่รู้สึกอึดอัดและรู้สึกสบายใจ ช่วงแรกเขาดีมากแต่พอฉันไม่ยอมมีเซ็กซ์ด้วยเขาก็ทำเรื่องเลวร้ายกับฉัน.....
เขาพยายามข่มขืนฉันแถมยังทำร้ายร่างกายฉันด้วย มันโชคดีมากที่วันนั้นแตงกวากับแฟนไปหาฉันที่คอนโดเก่าพอดีเลยช่วยไว้ได้ทัน หลังจากนั้นมาฉันก็กลัวความรักจนขึ้นสมองเลย
ฉันคิดว่าบางทีคนเราอาจจะไม่ได้เหมาะกับการมีความรักที่ดีเสมอไปหรอก ถึงแม้ที่พราวพูดว่าไม่ใช่คนจะแย่เหมือนแฟนเก่าฉัน แต่ที่ผ่านมาสองครั้งฉันก็เจอแต่คนแย่ ๆ นี่นา อีกอย่างการอยู่คนเดียวมันก็ไม่ได้แย่เสมอไปเสียหน่อย แถมยังสบายใจดี
คือมันเป็นข้ออ้างที่ฉันเอาไว้ปลอบใจตัวเองเวลาเหงา หรือว่าเวลาเห็นเพื่อนมีความรักน่ะ ไม่ก็เวลาที่เจอคนจู๋จี๋กันแล้วทำให้ฉันเกิดรู้สึกอยากมีแฟนขึ้นมาบ้าง แต่ฉันก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะเปิดใจ
หลังจากพราวกลับไปเพราะเต้แฟนของเธอมาถึงแล้ว ฉันก็แพ็คของต่อจนเสร็จ บ่ายสามโมงเย็นฉันก็เลยมาส่งของที่ขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งในมหาลัย ใช้เวลาอยู่อีกเกือบ ๆ ชั่วโมงก็เสร็จมันสี่โมงเย็นพอดี
วันนี้เป็นวันเสาร์คนที่บางแสนนั้นเยอะเป็นพิเศษ ฉันก็เลยกะว่าจะไม่ไปไหนและกลับไปที่ห้องเลย หลังจากถึงคอนโดฉันเลยเดินไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ด้านหน้า ในระหว่างที่ฉันกำลังยืนรอจ่ายเงินอยู่นั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“ตัวแค่นี้ทำไมกินเยอะจังครับ” เสียงมันคุ้นหูแต่ฉันจำไม่ได้ว่าใครจนเงยหน้าขึ้นมอง เป็นพีคที่ยืนอยู่แถวด้านข้าง แต่เพราะเคาท์เตอร์ของร้านสะดวกซื้อไม่ได้ห่างกันมากฉันก็เลยยืนใกล้เขา แต่ให้ตายเถอะเขาสูงจนฉันรู้สึกว่ากำลังเงยหน้าคุยกับเขาเลย ฉันไม่ได้รู้สึกว่าตัวเตี้ยขนาดนั้นจนกระทั่งอยู่ใกล้เขา
“......” ฉันยิ้มแห้งกลับไป ฉันเข้าใจบริบทว่าคำพวกนี้เป็นคำแซวแต่เพราะเขาหน้านิ่งมากฉันก็เลยไม่แน่ใจว่าควรอะไรดี แต่ในตอนนั้นก็ถึงคิวจ่ายเงินของเขา และเขาก็เอื้อมมือไปหยิบถุงยางอนามัยที่อยู่ด้านหน้าเคาท์เตอร์ไปหนึ่งกล่อง.....
ฉันเองก็ได้คิวจ่ายเงินพร้อมกันกับเขาแต่พีคนั้นได้เดินออกไปก่อน หลังจากที่ฉันซื้อของเสร็จฉันจึงเดินออกมาและเห็นว่าพีคได้ยินคุยโทรศัพท์อยู่ด้านหน้า ฉันเดินกลับไปที่คอนโดก่อนจนกระทั่งถึงลิฟต์และว่าพีคเองก็ได้เดินมาหยุดข้าง ๆ กัน
ลิฟต์นั้นได้กำลังเลื่อนลงมาจากชั้นแปดซึ่งน่าจะใช้เวลาสักพักเลย ฉันไม่ได้พูดอะไรกับเขาและพยายามจะมองไปทางอื่น มือทั้งสองข้างก็กำถุงผ้าไว้ข้างละใบ
“พี่ไม่ไปกินข้าวกับพี่พราวเหรอครับ” คราวนี้เขาก็ยังพูดกับฉันอีก
“ไม่ไปค่ะ พราวไปกับเต้” ฉันพูดเสียงเบาและไม่ได้หันไปมองเขาเลย เขาครางรับว่า “อ่า” หนึ่งคำแล้วฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าคำนั้นของเขามันไปในเชิงอย่างไหน แต่ว่าคงพูดเพราะรับรู้ ส่วนฉันนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี แต่หลังจากนั้นเพียงเสี้ยวอึดใจพีคก็ถามต่อ
“แล้วพี่ไม่มีแฟนเหรอครับ” คำถามนี้ทำให้ฉันหันขวับไปมองเขาในทันที ฉันกับเขาน่ะรู้จักกันยังไม่ถึงวันเลย เราต่างไม่ได้สนิทหรือรู้จักกันมากพอที่จะคาดเดานิสัยกันได้ ฉันเลยไม่เข้าใจว่าทำไมพีคถึงถามฉันแบบนี้ แต่เมื่อสบตากับแววตาลุ่มลึกของเขานั้นก็ทำให้ฉันเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้
“ไม่มีค่ะ” ฉันตอบกลับไปเสียงเบาและในตอนนั้นเองเขาก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาราวกับพึ่งพอใจในคำตอบ แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ฉันยังมองเขาส่วนประตูลิฟต์ก็เปิดออก ฉันไม่ทันได้มองจนไม่รู้ว่ามีคนเดินออกจากลิฟต์มาชนตัวเอง
“พี่เม “เขาเรียกชื่อฉันแล้วรั้งเอวฉันไว้ก่อนที่ร่างกายฉันจะร่วงลงไปกองกับพื้นได้ทัน ฉันไม่แน่ใจว่าคนที่ชนฉันนั้นเขามองอยู่หรือไม่ แต่เดาว่าคงไม่ได้มองเพราะถ้ามองก็ไม่เดินออกมาชนหรอก
“ขอโทษครับๆ ๆ” เขาพูดขอโทษรัวๆมาโดยที่ฉันก็หันไปมอง พอมองก็เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงชนฉันได้แรงขนาดนั้น เพราะเขาเป็นคนที่ตัวใหญ่มาก ๆ แถมตอนนั้นเขาก็ก้มเก็มมือถือขึ้นมา เดาว่าคงก้มมองมือถือโดยไม่ได้มองฉันสินะ
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบกลับไปเสียงเบาและพยายามที่ออกจากอ้อมแขนของพีค เราอยู่ใกล้กันมากจนฉันได้กลิ่นน้ำหอมของเขา ฉันมองพีคที่เขานั้นไม่ยอมปล่อยจนฉันต้องเรียก “นะ น้องคะ....”
“ครับ?” เขาแสดงสีหน้าราวกับงุนงงว่าฉันนั้นเรียกเขาทำไม แต่พอฉันหลุบตาลงข้างล่างเขาก็ “อ๋อครับ ขอโทษที พี่เมไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณมาก” ฉันบอกแล้วก็กลับไปยืนดังเดิม คนที่ชนฉันยิ้มเจื่อน ๆ แล้วก็ขอโทษฉันอีก
หลังจากสถานการณ์กลับมาเกือบจะปกติ มีเพียงแต่หัวใจฉันที่เต้นแรงเกินกว่าจะปกติได้พีคก็เอื้อมมือไปกดลิฟต์อีกรอบให้มันเปิดออก ฉันกับเขาเดินเข้าไปและพีคก็กดลิฟต์ชั้นหกและชั้นเจ็ด
ระหว่างลิฟต์เลื่อนขึ้นเราไม่พูดกันเลยประมาณอึดใจใหญ่ๆ ฉันยืนกับพีคคนละมุมและในตอนนั้นที่ลิฟต์เลื่อนมาถึงชั้นสี่เขาก็พูดออกมา
“พี่เมไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอครับ” ฉันมุ่นคิ้วกับคำถามของเขา ไม่แน่ใจและไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงถามแบบนี้อีกครั้งทั้งที่ฉันตอบไปแล้วว่าไม่มี
“ทำไมเหรอคะ” ฉันถามกลับไปอีก
“ก็ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจน่ะครับ” ฉันยังคงมุ่นคิ้วแต่ในตอนนั้นลิฟต์ก็ได้เปิดออกที่ชั้นของฉันพอดี หลังจากประตูลิฟต์เปิดฉันก็รู้ว่าตัวเองควรจะออกไปจากตรงนี้จึงได้ตอบกลับไปว่า
“ไม่มีจริงๆค่ะ” ว่าจบฉันก็เดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง เพราะพีคสายตาของพีคนั้นชวนให้ใจฉันวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
นานแล้วที่ฉันไม่ได้รู้สึกใจเต้นแรงกับผู้ชาย และฉันก็ไม่ได้เก่งพอที่จะเก็บอาการได้ พูดตามตรงว่าสายตาของพีคทำให้ฉันรู้สึกแก้มร้อนขึ้นมา ฉันรู้ว่ามันเป็นอาการเขิน ตื่นเต้น แต่ฉันก็จำได้ว่าเมื่อคืนที่ฉันเห็นเขานั้นเขากำลังจูบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง
เขาไม่น่าจะชอบฉัน อาจจะแค่ถามดู เพราะมันไม่ได้มีขาแค่คนเดียวที่ไม่มั่นใจว่าฉันจะไม่มีแฟน
หลังจากเข้าห้องมาฉันก็นั่งลงที่โซฟา วางมือลงบนหัวใจที่เต้นแรงมากของตัวเอง ถึงแม้ฉันจะเคยเจอผู้ชายมาถามอย่างนี้ เคยโดนรุกจีบมาอยู่เหมือนกันแต่ความรู้สึกไม่เหมือนกันเลย อาจจะเพราะพีคนั้นต่างออกไปจากคนอื่นมาก แต่ฉันก็อธิบายไม่ถูกเมหือนกันว่ามันคืออะไร
พีคเป็นคนนิ่ง ๆ ที่คาดเดาได้ยาก เวลาเขายิ้มมุมปากมันทำให้รู้สึกว่าเขานั้นมีเลศนัยและดูอันตรายมากกว่าที่ฉันคิด ฉันเองก็ฟังมาจากพราวบ้างว่าน้องชายของเขามีนิสัยยังไง
หลังจากฉันปรับความรู้สึกได้ฉันก็กลับมาจัดของทำความสะอาดห้อง และตกเย็นวันนั้นพราวก็มาหาฉันที่ห้อง คะยั้นคะยอให้ฉันขึ้นไปด้านบนห้องเธอเพราะพราวบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดเต้ และเต้อยากเลี้ยงเหล้า ฉันก็เลยต้องไปด้วยความรู้สึกไม่อยากเท่าไหร่
พอขึ้นมาด้านบนฉันก็เห็นว่ามีแตงกว่ากับธีมแฟนของเธออยู่ด้วย แล้วก็มีเพื่อนในกลุ่มเรา แถมยังมีเพื่อนของพีคอีกสามสี่คนด้วย พวกเขาน่าจะเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกัน
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
- BABYBOW -
มีคนแอบถามเขาว่าเขามีแฟนยังแหละ น้องมันแต๊ะอั๋งพี่สาวสองรอบแล้วน๊า แต่ว่าอีน้องมันซื้อถุงยางไปแล้ว แถมยังไงจูบกับผู้หญิงคนอื่นอีก ทำไมต้องมายุ่งกับพี่ แม่ๆพี่เมมาปกป้องลูกสาวของเราเร๊ววว
Contact me
FB : Babybow TW : Babybbow_ Group NC : Bababow [H+]
ความคิดเห็น