ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE CHAIN - PEAK

    ลำดับตอนที่ #9 : 250% ll #พีคเมษา ll THE CHIAN PEAK : EPISODE 09

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ค. 64


    THE CHIAN - PEAK
    Hashtag on Twitter #พีคเมษา


     


     

    THE CHIAN PEAK : EPISODE 09

     


     


     

    “พี่เม” แต่ในจังหวะนั้นเองเสียงพีคก็ดังขึ้นมา แม้ไฟไม่ได้สว่างมากมาย ออกจะติดสลัวๆด้วยซ้ำตาฉันก็เห็นว่าสีหน้าเขานั้นดูไม่โอเคเสียเลย คิ้วเขาขมวดเข้าหากันจนแทบเป็นปมด้วยซ้ำ เขาเดินมาถึงตัวฉันด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่ก้าวด้วยซ้ำ และฝ่ามือหนาก็คว้าแขนฉันข้างเดียวกับที่พฤกษ์จับอยู่

    มือของพีคจับอยู่เหนือมือพฤกษ์ แม้จะไม่ได้ก้อมมองตลอดฉันก็รับรู้ผ่านการสัมผัสได้ว่ามือของพฤกษ์นั้นออกแรงบีบจนฉันนิ่วหน้า

    “เราเจ็บนะ” ฉันพูดออกไปเสียงเบา เพราะกลัวว่าสองคนนี้จะมีเรื่องกัน บวกกับมือของพฤกษ์นั้นบีบแรงจนฉันเจ็บขึ้นมา

    ฉันรู้จักพฤกษ์มานานแล้ว ปกติเขาเป็นคนที่อ่อนโยนกับฉันนะ ถึงม้เขาจะเจ้าชู้ตาก็ไม่เคยเล่นหรือทำอะไรรุนแงบบนี้มาก่อนเลย ฉันกลัวมากเพราะสายตาของพฤกษ์นั้นดุน่ากลัวและบ่งบอกว่าหากให้สองคนมองกันนานกว่านี้อาจจะเกิดเรื่องชกต่อกันได้

    “ปล่อยพี่เมครับ” พีคพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่แววตาเขาไม่ได้เลย ถึงพีคจะเด็กกว่าถึงสองปีแต่เขาไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวเลยสักนิดเดียว ฉันเลยใช้มือข้างหนึ่งวางบนมือเขา

    “อะไรกัน” ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงแตงกวา แตงกวาใจกล้ากว่าฉัน เธอพร้อมจะไฟวท์เสมอถ้าเจออะไรไม่ถูกต้อง เธอกับพราวมักปกป้องฉันเสมอ เป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ

    “ทำไมอ่ะเม” อยู่ดีๆพฤกษ์ก็เอ่ยปาก สายตาเขาออกแนวตัดพ้อตอนที่มองฉัน มือเขายังออกแรงกำและฉันก็ยังคงขยายามจะบิดออก “เราจีบเมมาตั้งนาน เมบอกเราว่ายังไม่ยากมีแฟนเราก็รอ แล้วทำไมเมถึงไปคุยกับมันวะ”

    “โอ้ย” ฉันอุทานในตอนที่พีคปล่อยมือจากมีฉันแล้วไปดึงมือของพฤกษ์ออก เขาทำให้มือของพฤกษ์หลุดออกจากมือฉันแต่ทว่ากว่าจะปล่อยได้ก็ทำเอาฉันเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน

    “ผู้หญิงเขาไม่สนใจก็อย่าพาลสิครับ” พีคพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและวาดมือมาโอบไหล่ฉันไว้

    “ไอ้เหี้ยนี่” เหมือนว่าพฤกษ์จะถึงจุดสูงสุดของกราฟความโกรธเขาถึงได้พุงมาแต่ดีแตงกวาพุ่งไปดันพฤกษ์ได้ทัน ตอนนั้นฉันก็เห็นว่าเพื่อนพีคสองคนเดินมาทางนี้พอดี เป็นกลุ่มน้องที่เจอที่คาเฟ่นั่นแหละ

    “อะไรกันวะไอ้พีค” แม้พีคบอกว่าไม่ใช่เพื่อนสนิทกันมากแต่ทว่าพอเห็นเพื่อนมีเรื่องก็พร้อมช่วย

    ไม่ว่าพี่ไม้ หรือเตเพื่อนสนิทของฉันตอนมอปลายที่เคยบ่นระบบนี้ให้ฟัง แต่พวกเขาก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าความสามัคคี ความเป็นพี่เป็นน้องนั้นมันดีมากๆ ฉันพิสูจน์ข้อนี้ได้เมื่อกี้เลย

    “อ้าวไอ้เชน” และในตอนนั้นก็มีคนหนึ่งพูดแทรกเข้ามา หลังจากพวกเขาฝ่าความมืดสลัวและไทมุงเข้ามาได้ฉันก็เห็นเต็มตาว่าเป็นพี่ตง และพี่น็อตเพื่อนของพี่ไม้ คนที่เขาทักว่าจะเป็นเพื่อนนของพีคคนใดคนหนึ่งเพราะเขาหันไปไหว้กันยักใหญ่รวมถึงพีคด้วย “น้องเม”

    “พี่ตงทักฉัน” และในตอนนั้นสิ่งที่พี่ไม้บอกกับฉันก็ผุดขึ้นมาในหัว

    “มีอะไรกันคะ” พี่ตงถามฉันแล้วก็เหลือบมองไปยังมือพีคที่โอบไหล่ฉันอยู่ ฉันไม่เห็นแววตาของพี่ตงมากนักแต่จังหวะหนึ่งเขาก็เสตาไปมองพีค “มีอะไรกันวะไอ้พีค”

    “เพื่อนพี่เมเขามีปัญหาน่ะครับ” พีคว่าแล้วบุ้ยหน้าไปทางพฤกษ์ “พี่เมไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย”

    ราวกับว่าต้องการการให้พี่ตงรู้ว่าพฤกษ์ใช้ความรุนแรงกับฉัน เพราะการพูดเพียงเท่านั้นเพื่อนของพี่ชายก็ตาเขียวปั๊ดมองไปยังเพื่อนฉันทันที

    “พี่เมไม่ชอบเขา เขาเลยหาเรื่องครับ” พีคว่าอีก

    “ทำไรน้องกูวะ” พี่ตงพูดและทำท่าจะหาเรื่องพฤกษ์และฉันคิดว่าหากฉันไม่ห้ามไว้ฉันคงจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวปัญหาแน่ๆเลย

    “เมไม่เป็นไรค่ะพี่ตง แค่เข้าใจผิดกัน” ฉันบอกแล้วก็มองพฤกษ์ด้วย ฉันผิดหวังในตัวเขามาก แม้เขาจะเมาก็เถอะแต่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรทำ การที่ฉันไม่ชอบกลับไปในฐานะคนรักและฉันไปคุยกับคนอื่นมันก็ไม่ได้ทำให้ให้เขามีสิทธิ์ที่จะมาทำร้ายร่างกายฉัน

    ฉันเคยพูดชัดเจนแล้วว่าฉันคิดกับเขาแบบไหน แต่ที่ฉันยังไม่ตีตัวออกห่าง ยังพูดยังคุยกับเขาได้เพราะฉันมองเขาเป้นเพื่อนคนนึง แต่หลังจากนี้น่าจะไม่แล้วล่ะ

    “ไม่เป็นไรแน่นะคะ” พี่ตงถามกลับมาและฉันพยักหน้าให้ “อย่าให้กูรู้นะมึงทำอะไรน้องกู”

    “แตงกวาพาพฤกษ์กลับโต๊ะไปก่อนเถอะ” แม้เพื่อนจะโมโหด้วยกันแค่ไหนแต่เธอก็ยังรั้งพฤกษ์ไว้อยู่ แต่พฤกษ์ดูสงบเสงี่ยมขึ้นมากหลังจากที่เห็นเพื่อนสองคนของพีค แถมยังเห็นพี่ตงกับพี่น็อตอีก

    “เขานั่งโต๊ะเดียวกันกับพี่ใช่มั้ย” หลังจากแตงกวาและพฤกษ์ไปแล้วพีคก็เอ่ยปากถามต่อ ฉันพยักหน้ากลับไปเบาๆและการใจเสียจากสิ่งที่พฤกษ์ทำยังอยู่ แน่นอนว่าฉันไม่กล้ากลับไปมองหน้าเขาแล้วแน่ๆ แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากนี้จะมองหน้าติดมั้ย “ผมไม่ให้พี่กลับไปโต๊ะนั้นแล้วนะ”

    “พี่มากับแตงกวา” ฉันตอบกลับไปเสียงเบามาก หัวใจฉันยังเต้นแรงจากความกลัวอยู่เลย

    “ไปกับผม ไม่ต้องกลับไปหาไอ้เหี้ยนั่นแล้ว” พีคคงหมายถึงพฤกษ์นั่นแหละ เขาไม่ให้ความเคารพพฤกษ์แม้แต่นิดเดียว บ่งบอกว่าอายุไม่ได้มีน้ำหนักในการให้ความเคารพ การกระทำสิมากกว่านั้น 

    “น้องเมโอเคใช่มั้ยคะ” พี่ตงยังถามย้ำ พี่ตงในภาพจำของฉันเขาเป็นผู้ชายที่ละมุนกับฉันเสมอ ถึงแม้พี่ไม้จะเคยบอกว่าเขาดูเป็นคนดิบๆ ห่ามๆแค่ไหนก็ตาม แต่เขาเป็นแบบนี้กับฉัน ใจดีกับฉันมาตลอด

    “ค่ะ เมโอเค” ฉันตอบกลับไป “พี่ตงมากับใครคะ พี่ไม้ไม่ได้มาด้วยใช่มั้ย”

    “ไม่ค่ะ ไอ้ไม้อยู่โรงเรียนกับไอ้ภูมิแล้วก็ไอ้ปิง พี่มากับไอ้น็อตแล้วก็เพื่อนเรืออากาศ” ฉันยิ้มให้กับคำตอบของเขา พีคโอบไหล่ฉันแน่นขึ้นและน้องสองคนที่เป็นเพื่อนพีคก็ไปเข้าห้องน้ำ

    “กลับโต๊ะกันเถอะครับ” พีคเอยปากแล้วหันมามองฉัน “ไปก่อนนะครับพี่ตงพี่น็อต”

    เขายกมือไว้ทั้งสองคนก่อนจะกลับมาโอบเอวฉันแทนการโอบไหล่ ราวกับว่าต้องการแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าพี่ตงนักหนา แต่พีคไม่จำเป็นต้องแสดงออกอย่างนั้นเลย เพราะต่อให้เขาไม่ทำฉันก็รู้ว่าใจฉันมีใคร พี่ตงเป็นแค่พี่ชายในสายตาฉัน แต่พีคไม่ใช่ และเขากับพี่ตงไม่เหมือนกัน

    พีคพาฉันกลับมาที่โต๊ะที่เป็นของกลุ่มเพื่อนเขา ฉันบอกไปแล้วใช่มั้ยล่ะว่าฉันเจอกลุ่มเพื่อนพีคที่เจอกันที่คาเฟ่ แล้วก็จำได้ว่าเพื่อนเขาบอกว่าจะมาบางแสน พอมาถึงทุกคนก็ทักทายฉัน และฉันก็เห็นว่าน้องเบสอยู่ที่นี่ด้วย ทุกคนจำฉันได้และทักทายฉันอย่างอัธยาศัยดี

    โต๊ะนี้เป็นโต๊ะใหญ่ กลุ่มเพื่อนเขาพาฉันมาได้ ฉันก็พึ่งเห็นแฟนน้องเบสสวยมากเลยนะ น้องบอกว่าเรียนอยู่มหาลัยนี้แล้วก็คณะเดียวกับฉันด้วย แต่คนละสาขา

    ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้วปกติร้านที่นี่ปิดเที่ยงคืนแต่ก็ลากยาวได้ถึงตีหนึ่งแต่หลังจากนั้นก็คือจะปิดไฟแล้ว แต่ให้นั่งได้ ร้านไหนที่เส้นใหญ่ๆก็อาจจะเปิดเพลงคลอเบาๆได้น่ะนะ แต่ตำรวจและเทศกิจที่นี่ค่อนข้างเข็มงวดมากเลย ไม่เคยมีร้านไหนเปิดได้นานหรอก

    “เจ็บมั้ย” ในตอนที่ทักทายกันเสร็จแล้วพีคก็กระซิบกับฉัน เขานั่งใกล้ฉันมาก อีกนิดคือจะจับฉันไปนั่งตักแล้ว เขาจับข้อมือฝั่งที่โดนพฤกษ์บีบจนมันเป็นรอยแดง มันเจ็บมากจริงๆนะ ไม่ใช่แค่การบีบธรรมดา

    “เจ็บ” ฉันตอบเสียงเบา ไม่ได้สำออยเลยนะ พีคเอามือฉันข้างนั้นขึ้นมา ด้วยความที่ไฟมันสลัวมากพีคเลยเอามือถือขึ้นมาส่องข้อมือฉัน และหลังจากเห็นว่ามันแดงแค่ไหนสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป

    “โห พี่เม” พีคมุ่นคิ้วจนมันแทบจะจรดหากัน “ผมไปซัดหน้ามันสักทีดีมั้ย”

    “ไม่เอาน่า” ฉันบอกเขา ฉันไม่อยากให้พีคมีเรื่อง มีปัญหาเพราะฉันเลย ฉันคิดว่าพฤกษ์ทำไปเพราะเมาและฉันก็อยากให้มันจบๆไป

    “อะไรกันวะ” เพื่อนน้องที่เห็นว่าพีคสีหน้าไม่สบอารมณ์ก็ถาม

    “เพื่อนพี่เมแม่งวอนว่า” ดูเขานะ ไอ้เจ้าเด็กนี่น่ะ อยากจะตีปากสักที เขาชูข้อมือของฉันให้เพื่อนดูแล้วก็พูด “ดูทำกับผู้หญิงดิ “

    “เอาเลยมั้ย” แล้วดูเพื่อนเขา ฉันจะทำยังไงกับไอ้เจ้าเด็กเลือดร้อนพวกนี้ดี

    “ถ้ามีเรื่องพี่จะไม่คุยด้วยนะ” ฉันพูดเสียงเรียบๆและในตอนนั้นพีคก็เปลี่ยนมาเป็นมองหน้าฉัน ยังคงขมวดคิ้ว และฉันก็จ้องตาเขาไม่วาง ฉันจริงจังมากและฉันมองว่าการแก้ปัญหาด้วยกำลังไม่ใช่เรื่องดี

    “......” เขาไม่ได้ตอบแต่ถอนหายใจออกมา มือหนึ่งเขาก็ลูบข้อมือฉันปอยๆ ราวกับว่าลูบแล้วจะเป็นยาชั้นดี ทั้งที่ความปวดหนึบยังมีอยู่ แต่ในตอนนั้นเองพีคก็ทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดต่อหน้าเพื่อนเขาบางคนที่มองเราอยู่ตอนนี้

    พีคจูบลงบนข้อมือของฉัน เขาทำแบบนั้นอยู่สองสามครั้ง เพียงแค่นั้นหัวใจที่เกือบจะสงบจากการตกใจก็เปลี่ยนมาเต้นแรงใหม่จนแทบจะดังกว่าเสียงกลองของวงดนตรีแล้ว

    “เบาพีคเบา” น้องเบสว่าแล้วก็ตบไหล่เพื่อน

    “ทำอะไร” ฉันว่าเสียงเบาหวินจนแทบไม่ได้ยิน แต่พีคยังคงจูบข้อมือฉันพลางเหลือบตามามอง 

    “ผมไม่ชอบให้พี่เจ็บ” เขาพูดโดยไม่สนใจเลยว่าเพื่อนเขาจะมองอยู่ หลังจากวางข้อมือฉันลงแล้วเขาก็โอบเอวฉันด้วย ไอ้เจ้าเด็กนี่นะ

    เขาทำให้ใจฉันเต้นแรงมากกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น แต่ก็รองลงมาจากตอนจูบกับเขาอยู่ ฉันรู้สึกว่าตัวเองร้อนมากๆแม้จะไม่มีเหงื่อออกเลยก็ตาม

    “พี่เมลองอันนี้มั้ยครับ” หลังจากนั้นราวๆสองนาทีน้องเชนก็นยกโหลแก้วขนาดใหญ่ที่ด้านในมีน้ำสีฟ้า มีน้ำแข็งแล้วก็เยลลี่สีต่างๆอยู่ด้านใน น่าจะเป็นค็อกเทลไม่ก็เหล้าถัง ฉันเคยกินแล้วและรู้สึกว่ามันรสชาติดีมาก ตอนที่เนสสั่งตอนอยู่โต๊ะนั้นเพื่อนบอกว่าเหล้าไม่แรง

    “อร่อยนะคะ หวานๆ” แฟนของน้องเบสเสริมและฉันที่ต้องการจะหาอะไรมาดับอาการหัวใจเต้นแรงของตัวเองจึงได้รับมาอย่างไม่ลังเล รสชาติมันดีมากและพวกเขาก็สั่งมาถึงสามถัง การดื่มจึงไม่ติดขัด รสชาติหวานๆทำให้ฉันลืมแยกแยะไปเลยว่าเหล้าของพวกเขานั้นดูจะเข้มกว่าตอนที่เพื่อนฉันสั่งมา

    พวกเขาคงเพิ่มช็อตแน่ แต่ไม่น่าจะทันแล้วล่ะ ฉันซัดไปสองสามแก้วแล้ว บวกกับเบียร์เก่าที่ดื่มเข้าไปอีกสี่ห้าแก้วตอนอยู่โต๊ะนั้น เวลาเที่ยงคืนหลังจากวงดนตรีลงฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมึนๆอึนๆ และพูดเก่งกว่าเดิมทีเดียวเชียวล่ะ

    “อร่อยเหรอ” พีคถามส่วนฉันก็พยักหน้าหงึกๆ ตอนนี้ร้านน่าจะเปิดแค่เพลง และเริ่มปิดไฟแล้วด้วย ฉันไม่แน่ใจเลยว่าร้านนี้จะให้นั่งต่อได้นานแค่ไหน “เมายัง”

    “ม่าย” ฉันตอบเสียงดังฟังชัด? และสายตาก็เหลือบไปเห็นว่าแฟนของน้องเบสนั้นซบหน้าลงไปกับไหล่ของน้องเบสแล้ว น่าจะเมาแน่ๆ

    “ไม่เมาจริงอ่ะ” พีคถามย้ำ

    “ไม่เมาๆ” ฉันตอบ “เอ๊ะ หรือเมา”

    “เมาแล้ว” พีคเป็นคนตอบบ้าง เขาจับแขนฉันแล้วดึงไปซบไว้ตรงไหล่ ฉันได้กลิ่นน้ำหอมของเขา มันอยู่ชิดจมูกมาก ไม่ใช่แค่กลิ่นน้ำหอมแต่มันมีกลิ่นบุหรี่ด้วย แต่ไม่เหม็นนะ 

    ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกหนึ่ง รับกลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นบุหรี่และกลิ่นอีกอย่างที่หอมๆซึ่งไม่แน่ใจว่าคืออะไรเข้าปอด พีคลูบต้นแขนที่เปลือยเปล่าของฉัน อาจจะเพราะฉันใส่เสื้อแขนกุดกับกางเกงยีนส์ขาสั้นน่ะนะ มันเป็นการแต่งตัวแบบปกติของฉันเลยแหละ

    “กลับห้องมั้ย” เขากระซิบ รู้สึกเหมือนว่าเขาพูดชิดใบหน้าฉันมาเลย พีคอาจจะก้มมา รับรู้ว่าลมร้อนๆจากการพูดมันคลอเคลียร์ผิวหน้าผากฉันยังไงไม่รู้

    “กลับ กลับห้อง” ฉันตอบเพราะรู้สึกเหมือนว่าจะนั่งต่อไม่ไหวแล้ว มันมึนๆ ก่งก๊ง รู้สึกเหมือนว่าความรู้สึกช้ากว่าที่เคยเป็นมากเลย 

    “พวกมึง พี่เมเมาแล้ว กูกลับก่อนนะ” พีคบอกกับเพื่อนเขา ฉันหันไปยิ้มแล้วโบกมือลาน้องๆทั้งหมดนี่ ใช่ น่าจะเป็นน้องทั้งหมดเลยแหละมั้ย ใช่ๆ

    ฉันจับใจความพวกน้องๆพูดไม่ได้เพราะตอนนั้นหลังจากที่ฉันพูดก็มีเสียงโต๊ะข้างๆพูดกันเสียงดัง พีคประคองฉันออกมาจากร้าน พีคบอกว่าเขาทักบอกแตงกวาให้แล้วว่าฉันจะกลับกับพีค 

    “พี่เม เดินดีๆ” เสียงแกมดุดังมากจากด้านหลังในตอนที่เดินผ่านทางเดินแคบๆเพื่อตัดออกจากร้านสู่ด้านนอก ไม่ว่าเปล่าเขาเดินมาประชิดตัวและรับแขนฉันทันทีหลังจากที่มีพื้นที่ที่สามารถเดินขนาบคู่กันได้

    “ดีแล้ว” ฉันบ่นอุบและคิดว่าตัวเองเก่งมาๆเลยแหละ “พี่ไม่เมานะ”

    “ก็ยังไม่ได้ว่าเลย” พูดจับก็จบแขนฉันข้างหนึ่งแล้วอีกข้างก็โอบไหล่ ฉันน่ะรู้สึกอึดอัดจัง พีคจะจับอะไรแน่นขนาดนั้นกันนะ ฉันน่ะพยายามขยับตัวออกจากการเกาะกุมของเขาให้ได้ แต่ไอ้เจ้าเด็กพีคก็... “จะข้ามถนนครับ อย่าดื้อได้มั้ย”

    “ไม่ดื้อนะ” ฉันเบะปากแต่ในตอนนั้นพีคก็พาฉันข้ามถนนมาจนได้ เขาน่าจะจอดไว้ฝั่งหาดนะ ร้านตรงนี้จะอยู่ฝั่งหากที่เป็นทราย ไม่ใช่พื้นปูนแบบหาดวอนภา แถมไฟตรงนี้ก็ไม่ได้สว่างเท่าตรงนั้นด้วย ติดจะมืดมากด้วยซ้ำนะ

    เขาเปิดประตูแล้วจับฉันยัดเข้าไปในรถก่อนจะปิดลงแล้วก็อ้อมไปฝั่งคนขับ

    “เมาแล้วเป็นแบบนี้เหรอ” พอเข้ามาก็ยังไม่ได้ออกตัวรถในทันที เขาเบนสายตามาองฉัน และฉันก็เอียงหน้าไปมองเขาจนเต็มตา แม้ไฟจะมืดกว่าในร้านมากแต่ความหล่อเหลาของพีคนั้นก็ทะลุความมืดมาเลยนะ เขาหล่อมากๆเลย

    “พีค” ฉันเอ่ยปากเรียกเขา เพราะสมองที่เบลอๆของตัวเองสั่งแบบนั้น

    “หืม” เขาครางรับและมองหน้าฉันมากกว่าเดิม ฉันพึ่งรับรู้ได้ว่าพีคขยับเขามาใกล้ฉันมากๆด้วย เขาน่ะชอบขยับมาใกล้แบบนี้ แต่ฉันกลับไม่เคยถอยหนีเขาเลย

    ราวกับว่าพีคเป็นแสงไฟ และฉันเป็นแมงเม่าที่รู้ว่าไฟอย่างพีคร้อนแรงและสามารถแผดเผาฉันให้ตายได้แต่ฉันกลับบินเข้าหา เขามีแรงดึงดูดที่น่าอัศจรรย์ ฉันรู้ว่าควรห้ามใจและควรเผื่อใจไว้เจ็บบ้าง แต่พอเป็นเขาฉันกลับทำไม่ได้เลย เป็นเขาคนเดียว

    ฉันชอบเขา ชอบมากจริงๆ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งชอบ

    “หล่อจัง” ฉันเอ่ยราวกับว่าในสมองมีแค่คำนี้ ตอนที่พยายามมองเขาจนเต็มตา ในหัวฉันมีแต่คำนี้ เพราะพีคน่ะหล่อมากจริงๆ แต่ในตอนนั้นริมฝีปากหยักลึกก็โฉบลงมาประชิดริมฝีปากฉัน ก่อนที่เรียวลิ้นของเขาจะแทรกเข้ามา ฝ้ามือหนาสอดเข้าไปใต้ท้ายทอยฉัน 

    เขาออกแรงรั้งให้ใบหน้าฉันเชิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย ฉันรู้ดีว่าฉันไม่อาจจะปฏิเสธเขาได้ และฉันก็ไม่อยากปฏิเสธเขาเหมือนกัน ฤทธิ์แอลกอฮอร์ทำให้ฉันเข้าใจสิ่งที่จิตใต้สำนึกของตัวเอง

    ฉันไม่อยากจะปฏิเสธพีคแล้ว ฉันไม่อยากให้เรื่องในอดีตมาส่งผลกับอนาคตของฉัน หลังจากฉันไตร่ตรองมานานหลายสัปดาห์ตั้งแต่ที่พีคบอกชอบรวมถึงตอนที่คุยกัน ฉันก็รู้ว่าการที่ฉันผลักใส่เขามันไม่ได้ช่วยอะไร ฉันควรใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่นได้แล้ว 

    ไม่ต้องปิดกั้นตัวเองแล้วเหมือนที่เพื่อนๆเคยบอกว่า ทุกคนไม่ได้แย่เหมือนแฟนเก่าฉัน

    ฉันจูบตอบเขากลับไป สองแขนโอบกอดรอบคอเขา เรียวลิ้นเขาเป็นฝ่ายควบคุมจังหวะการจูบของเรา อาการเมามายแทบจะหายไปจนหมด ฉันรับรู้ถึงฝ่ามือขวาเขาที่ตอนแรกวางอยู่บนแขนฉันเปลี่ยนมาเป็นวางบนหน้าขาฉันแทน แทบจะตรงต้นขาเลย

    เขาแทรกมือลงกับช่วงหว่างขา บีบเค้นมันอย่างเบามือ รสชาติจูบดุดันกว่าที่เคย รสชาติเค็มปร่าของเลือด ใจฉันเต้นแรงขึ้นเมื่อรับรู้ได้ว่ามันอาจจะไม่ใช่แค่จูบ 

    อยู่ ๆ ฉันก็นึกถึงเรื่องราวบางอย่างขึ้นมา เหมือนว่าความทรงจำนั้นจ้องเล่นงานฉันอยู่นานแล้ว ภาพซ้อนทับแฟนเก่ากับการเกือบถูกข่มขืนและถูกทำร้ายร่างกายของฉัน ฉันหวาดกลัวเซ็กซ์ สถานการณ์คล้ายกับเซ็กซ์มากจนควบคุมจังหวะการหายใจไม่อยู่

    “พะ พีค” ฉันผลักเขาออกในจังหวะนั้น เป็นการผลักสุดแรงที่มีแม้จะน้อยนิด ความมืดสลัวทำให้ฉันเห็นสีหน้าเขาไม่ชัดเจนนัก แต่รู้สึกเหมือนว่าเขาจะหน้าเสียไปจากการกระทำของฉัน ฉันดึงมือเขาออกจากช่วงหว่างขาของตัวเองด้วย “กลับคอนโดกันได้มั้ย”

    เสียงฉันเบาหวิวมากตอนบอกเขา ฉันไม่กล้ามองหน้าพีคเลยด้วยซ้ำ ฉันเอาแต่ถามตัวเองซ้ำๆว่าทำเกินไปหรือเปล่า ทำเกินไปมั้ยที่ผลักเขาอย่างนั้น เขาจะคิดว่าฉันรังเกียจเขามั้ย ความจริงมันไม่ใช่

    ฉันไม่ได้รังเกียจเขาหรอก ไม่เคยเลยด้วยซ้ำ 

    ฉันแค่รังเกียจตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอและปล่อยให้ความทรงจำเลวร้ายนั้นมามีอิทธิพลกับฉัน แต่ฉันพยายามแล้ว คิดว่าตัวเองจะลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ แต่อยู่ ๆ ก็คิดถึงขึ้นมา ฉันน่ะปวดใจ ปวดใจมากจริง ๆ

    พีคไม่ได้ตอบอะไรฉัน เขาขับรถกลับมาถึงคอนโด เราต่างไม่พูดกัน มันเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าเรื่องระหว่างเรามันน่าอึดอัด ปกติแล้วถึงฉันกับพีคจะอยู่ด้วยกันสองคน นั่งในรถเงียบ ๆ โดยไม่พูดกันฉันก็ไม่เคยรู้สึกอึดอัดเลยสักครั้ง แล้วนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันรู้สึกแบบนี้ แต่ฉันไม่ชอบเลย

    พอถึงคอนโดเราก็อยู่ในลิฟต์กัน มีจังหวะหนึ่งที่เราสองคนสอบตากัน แต่มันก็เป็นเพียงการสบตาที่แสนสั้นเท่านั้น ฉันเม้มปากจนมันแทนจะเป็นเส้นตรง จิกมือตัวเองจนแทบถลอก หลังจากลิฟต์เปิดออกเราก็เดินมาจนถึงหน้าห้องของตัวเอง

    ฉันตัดใจว่าจะเอ่ยปากเพื่อพูดกับเขา อย่างน้อยฉันควรบอกอะไรสักอย่าง เช่นบอกว่าไม่ได้รังเกียจเขา ไม่ได้อยากทำแบบนั้น หรือไม่ได้ตั้งใจ 

    แต่มันคงสายไปแล้วเมื่อพีคชิงเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไปต่อหน้าต่อตาฉัน

    ให้ตายเถอะฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกหมาที่โดนเจ้าของเมินเลย ฉันเหมือนลูกหมาที่หูลู่หางตกและคงเศร้ามากด้วย มันน่าเศร้านะ แต่มันก็ลำบากใจที่จะพูดเหมือนกัน

    ฉันเปิดประตูเข้าห้องตัวเองเข้าไปด้วยความเอื่อยเฉื่อย เดินไปอาบน้ำเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในครัว การจูบของพีค และการกระทำของฉันน่ะทำเอาเหล้าที่กินเข้าไปนั้นสร่างออกไปจนหมด แต่มันอึน ๆ มึน ๆอยู่เลย แต่ถ้าจะให้นอนทั้งอย่างนี้คงไม่ไหวหรอก ฉันได้คิดมากจนหัวระเบิดแน่

    มีทางเลือกอยู่สองทางคือ

    หนึ่ง ฉันกินยานอนหลับซะ แต่มันไม่ดีหรอกเพราะฉันดื่มเหล้ามามันอาจจะไม่ดี ฉันเคยอ่านมาแล้วว่าถ้ากินยานอนหลับกับเหล้าอาจจะตายได้ ฉันแค่อยากหลับเฉยแต่ไม่ได้อยากตาย

    สอง คือดื่มเหล้าเข้าไปอีก ดื่มให้เมา อย่างน้อยการเมาอาจจะช่วยให้หลับไวขึ้น หรืออย่างน้อยก็อาจจะช่วยให้ฉันไม่ต้องคิดถึงเรื่องนั้น ช่วยให้ฉันดับความวุ่นวายใจออกไปให้หมด หรืออาจจะช่วยให้ฉันกล้าไปสู้หน้าพีคมากขึ้น ฉันคิดว่าทางที่สองดีกว่าใช่มั้ย และใช่แหละฉันมีเหล้าอยู่พอดี

    ก่อนหน้านี้ฉันได้ดูวิดีโอเกี่ยวกับการดองเหล้าพีช พอดูเสร็จฉันก็สรรหาทำ แต่นี่ก็ครบสามเดือนของอายุการดองแล้ว ก่อนหน้านี้พี่หมอกกับพี่ไม้เอาออกมาชิมแล้ววันที่มา เขาบอกว่าอร่อยมาก แต่ฉันไม่ได้ชิมด้วย เอาเป็นว่าวันนี้ก็จัดเลยแล้วกัน

    ฉันยกเอาโหลเหล้าพีชออกมา เสร็จแล้วก็สักใส่แก้ว ลองก๊งแรกแล้วถือว่ารสชาติดีมาก หอมด้วย เหล้าพีชก็คือเอาเหล้าโซจูของเกาหลีมาดองกับลูกพีชแล้วก็ใส่เลม่อนกับน้ำตาลกรวดด้วย พอยกดูแก้วแรกแล้วถือว่าผ่านฉันเลยไปเอาแก้วใหญ่มาแล้วเทใส่จนเต็ม ใส่น้ำแข็งกับโซดาด้วยนิดหน่อย

    ปกติแล้วฉันไม่ดื่มคนเดียวอย่างนี้หรอก แต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่มันชวนให้ฉันต้องหาอะไรดื่มย้อมใจ เป็นเพราะไอ้แฟนเก่าเฮงซวยนั่นน่ะ ฉันไม่น่าไปรู้จักคนอย่างมันเลย ฉันเสียใจจริงๆนะ

    “อ่า เหล้าพีชก็อหร่อยเหมือนกันนะเนี่ย” อยู่ๆฉันก็เอ่ยปากขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ไม่รู้เลยว่าดื่มไปเท่าไหร่แล้วแต่เหลือบตาดูอีกทีก็พบว่าโหลเหล้าพีชขนาดสามลิตรนั้นเหล้าได้หายไปประมาI1/3ของโหลแล้ว ฉันเป็นนักก๊งเหล้าคอทองแดงตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ “ไปหาพีคดีกว่า”

    ว่าจบฉันก็ลุกขึ้น แต่ตอนลุกขึ้นก็เหมือนว่าห้องหมุนๆเลย เหมือนตัวเองกำลังอยู่บนรถไฟเหาะยังไงอย่างนั้น แต่ฉันต้องไปหาพีค ไปอธิบายให้เขาฟังว่าฉันน่ะไม่ได้รังเกียจเขา ไม่เคย ไม่เคยแม้แต่จะคิด

    กว่าจะเดินมาถึงหน้าประตูได้นะ เหมือนไกลเป็นกิโลเลย รู้สึกเจ็บเข่า เจ็บหน้าขาเหมือนไปชนอะไรสักอย่างเลย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไร

    “ฮู้ว “ฉันพรูลมหายใจพลางสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่อาการมึนหัวผสมอาการหมุนคว้างของห้อง มือคว้าลูกบิดประตูให้มั่น ก่อนที่ฉันจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองใส่แค่ชุดนอนสายเดี่ยวสีดำก็สายไปเสียแล้ว “พีค”

    หลังจากเปิดประตูออกก็เจอพีคที่อยู่ในท่ายกมือเตรียมเคาะห้องฉันพอดี เขาชงักตอนเห็นฉัน แต่ฉันในตอนนั้นก็ตกใจเหมือนกัน แข้งขามันอ่อนแรงไปเลยล่ะ

    “พี่เม!” ฉันได้ยินเสียงอุทานของพีคดังมากเลย แต่ฉันพึ่งรู้ว่าตัวเองกองแอ้งแม้งอยู่บนพื้นแล้ว

    End May mesa Talk

    Peak Phichapol Talk

     

    “พี่เม!” ผมอุทานเสียงดังเมื่อเห็นว่าพี่เมที่ตอนแรกเปิดประตูออกมาเห็นหน้าผม เธอชะงักไปก่อนที่ร่างจะไถลลงไปกองกับพื้น คราแรกผมคิดว่าเธอเป็นลม แต่เมื่อผมทรุดตัวลงเพื่อดูเธอก็ได้กลิ่นเหล้าเต็มๆ

    มันไม่ได้เป็นกลิ่นที่เหม็นนะแต่เป็นกลิ่นเหล้าผสมกับกลิ่นหอม เหมือนผลไม้อะไรสักอย่างที่ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกัน น่าจะเคยได้กลิ่นที่ไหนสักที่แต่ผมก็จำไม่ได้

    “เมาเหรอ” ผมถามไปแต่ไม่จำเป็นต้องให้เธอตอบมาผมก็คงรู้ แก้มแดงขนาดนี้ ผิวร้อนขนาดนี้ ตาปรือขนาดนี้น่ะ แล้วแต่งตัวแบบนี้ยังมีหน้าจะออกไปข้างนอกอีก

    “ไม่มาว” เสียงแทบจะไม่ไหวแล้วจริง ๆ เมาแล้วยังจะปฏิเสธอีก

    “ไม่เหลือแล้ว” ผมว่าแล้วช้อนร่างของพี่เมขึ้นมา และในตอนนั้นคนที่ปกติจะเป็นคนพูดน้อย ดูนิ่งๆ เรียบร้อย กลับพูดอะไรที่เหมือนเด็กออกมา

    “ลอย!” ผมส่ายหัวไปมากับการกระทำของคนตัวเล็กที่อุ้มขึ้นง่ายและเบาราวกับปุยนุ่น เธอซบหน้ากับช่วงไหล่ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ อยู่ ๆ มือเล็กก็แตะลงบนหน้าอกซ้ายของผม และทาบมือไว้อย่างนั้นนานราวสิบวิได้ “ทำไมตรงนี้ของพีคเต้นแรงจังล่ะ”

    ปากขมุมขมิบพูดมา แต่จะไม่ให้ผมใจเต้นแรงได้ไงในเมื่อเธอแต่งตัวแบบนี้ ทำท่าทางแบบนี้ และผมอุ้มเธออยู่ในท่านี้น่ะ 

    ผมพึ่งสังเกตว่าพี่เมน่าฟัดขนาดนี้ ยิ่งผิวตัวที่ติดชมพูดหน่อย ๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอร์ของเธอด้วย ใครทนไหวก็ตายด้านแล้ว แล้วผมไม่ใช่คนที่ควบคุมอาการอย่างนั้นของผู้ชายเก่งด้วย

    พออุ้มพี่เมขึ้นและจัดท่าดีๆแล้วผมก็เดินเข้ามา ใช้เท้าดันประตูให้ปิดสนิทแล้วก็พอเธอเดินตรงไปที่ห้องนอน มือเธอยังซุกซนไม่หยุด เล่นไต่นิ่วมือตามผิวหน้าอกผมด้วย

    “ไปกินเหล้ามาจากไหนอีกถึงเมาแอ๋ขนาดนี้” ผมถามในตอนที่เดินไป และจำได้ว่าตอนที่กลับจากร้านพี่เมยังสติดีกว่านี้ และหลังจากที่เธอผลักผมในรถและกลับมาที่คอนโดเธอดูจะสร่างมากแล้ว

    “เหล้าพีช~ พี่เมทำเหล้าพีช” เธอตอบมาก่อนที่ปลายประโยคจะยิ้มแฉ่ง

    “แล้วกินทำไม” แม้รู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากคนเมาก็เถอะ แต่ก็ยังถามเธอ 

    “ย้อมใจแหละ” ริมฝีปากเล็กเผยออกก่อนจะพรูลมหายใจออกมาอีกหน “ร้อนจัง เปิดแอร์ๆ”

    “เดี๋ยวเปิดให้ อย่าดิ้น” ผมห้ามไว้เพราะคนที่อยู่ในอ้อมแขนของผมทำท่าจะดิ้นลง ทั้งที่ตัวเองใส่สายเดี่ยวขนาดนี้ ใส่สั้นขนาดนี้ยังร้อยอยู่อีก “ไปถึงเตียงก่อน”

    “ทำไมต้องดุน่ะ” ยังไม่หยุดอีก ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ พี่เมที่ผมรู้จักกับตอนเมาเหมือนคนละคนกันเลย ตอนเมาดูเป็นคนสวย หยิ่งๆ นิ่งๆ น่าค้นหา แต่พอเมาแล้วกลายเป็นแมวน้อยที่ดูดื้อไม่เบาเลย ตอนที่ยู่หน้าเพราะหาว่าผมดุนั่นน่ะ อยากฟัดแก้มสักที

    “ก็ตัวเองดื้อ” หลังจากจบประโยคนี้ผมก็พาคนดื้อมาถึงเตียงนอนจนได้ หลังจากวางพี่เมลงเธอก็พลิกตัวตะแคง ทำให้ชุดนอนของเธอมันเลิกขึ้นมา ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอก่อนจะหยิบรีโมทแอร์ไปกดเปิดให้เธอ “แล้วสรุปกินเหล้าย้อมใจทำไม”

    “พี่เมทำน้องพีคโกรธ~” ขนาดพูดถึงเรื่องโกรธกันยังทำหน้าระรื่นขนาดนี้ รู้สึกผิดจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมเกลี่ยผมที่ปรกหน้าออกให้เธอ ส่วนคนที่นอนอยู่ก็ปรือตาพยายามมองผม “น้องพีค~ พี่เมขอโทษน๊า”

    “ไม่หายได้มั้ย” ผมแกล้งพูดและพี่เมก็เบะปากราวกับจะร้องไห้ให้ได้ถ้าผมไม่ยอมหายโกรธ

    “พี่เมไม่ได้ตั้งใจ” หน้าตาเศร้าสลดเหมือนลูกหมาถูกดุไม่มีผิด “ก็พี่เมกลัวอ่า...”

    “กลัวอะไร” น้ำเสียงในตอนพี่พูดบ่งบอกว่ากลัวจริงๆ เธอดูหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด

    “กลัวเซ็กซ์” คำตอบของเธอเบาหวิวมาก แม้จะเมาอยู่แต่สายตาเธอบ่งบอกว่ามีอะไรในใจอยู่แน่ๆ

    “มันไม่น่ากลัวหรอก” พูดจบก็แตะมือลงบนกลีบปากล่างของเธอ “ผมทำให้หายกลัวเอามั้ย”


     


     

     ••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

    - BABYBOW -

    แม่พี่เมมาดูผลงานลูกสาวค่ะ เสร็จแน่ เสร็จแน่ๆ งานนี้ไม่น่ารอดแล้วค่ะ ไม่น่ารอดแล้วแน่ๆ แม่พี่เมมาจัดการลูกสาวเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ลูกชายของไรท์จะเผด็จศึก

     

    Contact me

    FB : Babybow TW : Babybbow_ Group NC : Bababow [H+]


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×