คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 250% ll #พีคเมษา ll THE CHIAN PEAK : EPISODE 08
THE CHAIN PEAK : EPISODE 08
“พี่เมขับก่อนก็ได้ครับ
เดี๋ยวออกจากคาเฟ่ผมขับเอง” ใช่สินะ พีคชวนฉันมาคาเฟ่วันนี้ เพราะสัปดาห์ก่อนเขาเลิกค่ำแถมฉันต้องเขาไปรับพี่หมอกที่สนามบินด้วย
ฉันเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับส่วนพีคก็เข้าไปทางประตูหลัง ฉันก็งงว่าเขาเข้าไปทำไม
จนกระทั่งเขาบอก “ผมเปลี่ยนชุดก่อนครับ ไปชุดนี้คงไม่ดี”
พีคบอกแล้วก็แกะกระดุมเสื้อเครื่องแบบออกทำให้ฉันที่คราแรกหันไปมองอยู่ก็ต้องหันหนีแต่โดยไว
แต่จังหวะที่เขาแกะมันก็รวดเร็วพอที่จะทำให้ฉันผิวช่วงหน้าอกเขา แถมในตอนที่ฉันแอบเงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลังก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เขากำลังถอดเสื้อออกจากตัวพอดี
ขาวมากเลย.....
ฉันรู้สึกว่าผิวหน้าตัวเองร้อนเห่อกว่าที่เคยเป็น
ช่วงจังหวะหนึ่งพีคเหลือบตามามองในตอนที่ฉันมองผ่านกระจกมองหลังพอดี อายจัง
“แอบมองผมเหรอครับ”
ฉันหลับสายตาและพยายามปรับจังหวะการเต้นหัวใจให้ปกติที่สุด
แต่ก็นะมันน่าอายจังที่ไปแอบมองเขาอย่างนั้นน่ะ
“เปล่าซะหน่อย”
ฉันตอบเสียงเบา
“ผมจะเปลี่ยนกางเกงแล้วนะ
บอกไว้เผื่อพี่เมหันมา” ไอ้เจ้าเด็กนี่ คิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันนะ ฉันน่ะอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว
ฉันเหลือบตาออกไปนอกหน้าต่างรถฝั่งฉันแล้วก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
มันน่าอายมากจริงๆนะ “เขินเหรอ”
ในตอนที่ประตูฝั่งข้างคนขับเปิดออกพีคก็ถามฉัน
“เปล่าซะหน่อย”
ฉันเถียงเสียงเบาหวิว
“ไม่ต้องเขินหรอกครับ
เดี๋ยวได้เห็นเยอะกว่านี้” หลังจากพูดจบก็ยิ้มราวกับว่าสิ่งที่ตัวพูดนั้นน่าขำนักหนา
ฉันยู่หน้าก่อนจะถอยรถออกจากที่จอด เราพูดคุยกับไปเรื่อยและพีคก็เป็นคนบอกทางฉันเอง
ฉันน่ะพึ่งเคยมาเที่ยวในจังหวัดนี่ครั้งแรกเลยนะ ทั้งที่มาจังหวัดนี้หลายครั้งแล้วก็ตาม
คาเฟ่ที่เรามาอยู่ทางเข้ากรุงเทพพอดี
เวลานี้ของวันศุกร์คนก็ยังเยอะอยู่เลย ในตอนที่เราจอดรถก็เห็นได้ว่ามีรถอีกคันหนึ่งที่มาจอดขนาบข้าง
ดูจากทรงผมแล้วก็เหมือนจะมาจากโรงเรียนเดียวกับพีคแน่เลย
“เอ้า
ไอ้พีค” พอฉันกับพีคเปิดประตูลงรถและเดินตามหลังน้องผู้ชายกลุ่มนั้นมาก็มีหนึ่งคนในนั้นหันมาทักพีค
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่หน้าตาดีเหมือนกันนะ “นึกว่ามึงกลับกับพวกไอ้เอก
เห็นมันไปเอารถที่หอกู”
“ไม่ได้กลับว่ะ
พวกมันจะเข้ากรุงเทพแต่กูจะไปบางแสนเลย” พีคเป็นคนตอบและทุกคนที่ในกลุ่มนั้นอีกสี่คนก็หันมามองทางเรากันหมด
ฉันน่ะทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ “พอดีมีคนมารับด้วย”
“อ๋อ”
น้องเขาลากเสียงยาวก่อยจะหันมามองเขาจนเต็มตาแล้วหันไปมองพีค
แววตาเขาตั้งคำถามพลางเลิกคิ้ว ราวกับว่าต้องการการขยายความว่าฉันเป็นใคร
“พี่เมครับนี่เพื่อนผม
ที่อยู่ตอนเรียนเดียวกัน” พีคแนะนำฉันให้กับทุกคนรู้จัก “ส่วนพวกมึง นี่พี่เม เป็นอะไรกันพวกมึงไม่ต้องรู้หรอก”
“สวัสดีค้าบ
พี่เม” น้องคนหนึ่งในนั้นท่าทางอัธยาศัยดี ทะเล้นไม่เบาดูแล้วคล้ายๆน้องเอกก็พูดกับฉัน
เขายิ้มมาทั้งทำท่าทางกรุ้มกริ่มใส่ฉันด้วย
“สวัสดีค่ะ”
ฉันตอบกลับไปแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับคำพูดของพีคที่บอกว่า “เป็นอะไรพวกมึงไม่ต้องรู้หรอก”
เพราะดูคำพูดเขาออกจะกวนๆเพื่อนมากกว่า
ฉันรู้ว่ามันไม่ได้เป็นคำพูดที่จริงจังอะไรน่ะนะ ฉันยิ้มเขินๆให้กับการทักทายของเพื่อนพีค
“ว่าแต่วันนี้มึงอยู่บางแสนเหรอ
คืนนี้พวกกูก็ไปนะ มึงไปกับพวกกูป่ะ” น้องอีกคนถามแล้วก็เสตามามองฝั่งฉัน “พี่เมไปด้วยกันก็ได้นะครับ
“
“นั่นสิๆ
มึงไปมั้ย ไม่ได้กินเหล้ากับมึงนานแล้ว” น้องคนที่ทักพีคคนแรกพูดแล้วก็ยิ้มแต่ไม่วายที่จะพูดกับฉันอีก
“พาพี่เขาไปด้วยได้นะ ไอ้พวกนี้จะพาแฟนไปด้วยเหมือนกัน”
“ไว้กูดูก่อนนะ
ต้องดูพวกไอ้เอกก่อนว่ามันจะเข้าไปมั้ย” พีคตอบในประโยคนี้
“ไปให้ได้นะมึง
พี่เมด้วยนะครับ” น้องคนที่สวัสดีฉันพูดแล้วก็ยิ้มให้ ส่วนพีคก็
“ไปเถอะครับ
แถวนี้มีคนบ้า” พูดจบพีคก็ฉวยมือฉันไปจับ
ในการกระทำนี้ต่อให้พีคไม่ได้บอกใครว่าเป็นอะไรกับฉันแบบชัดเจน
แต่การกระทำของเขามันก็ฟ้องแล้ว หากไม่คิดเกินจริงคงจะรู้สึกได้ว่าฉันกับพีคเป็นแฟนกันแน่ๆ
“กูไปนะมึง ไว้เดี๋ยวกูบอกอีกที”
“เออ
ๆ” น้องคนหนึ่งตอบรับและพีคก็พาฉันเดินอ้อมมานั่งที่โต๊ะ
ด้วยความที่ร้านนี้เป็นร้านที่ขายอาหารด้วย เราเลยต้องสั่งจากที่โต๊ะไม่ต้องไปสั่งที่เคาท์เตอร์เหมือนคาเฟ่ที่ขายน้ำ
ขนมทั่วไป
“ผมไม่ชอบให้ไอ้พวกนั้นมองพี่เลย”
เขาพูดในตอนที่ถึงโต๊ะและดึงเก้าอี้ให้ฉันนั่ง คราวแรกคิดว่าพีคจะไปนั่งตรงข้ามกัน
แต่พอเห็นน้องกลุ่มนั้นเดินผ่านมาเขาก็นั่งเก้าอี้ข้างฉันทันที
“นั่งตรงข้ามก็กันได้ม๊าง”
ใครสักคนในกลุ่มนั้นพูดแซวๆตอนที่เดินผ่านไปนั่งอีกโต๊ะ
ฉับหลุบตามองต่ำ
และในตอนนั้นฉันรับรู้ว่าพีคเอามือมาวางบนพนักเก้าอี้ของฉัน
ไม่นานนักก็มีพนักงานผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งก็เอาเมนูมาวางให้เรา
“ทานข้าวที่นี่ก่อนมั้ยครับ”
ฉันพยักหน้าเป็นคำตอบให้เขาไป พีคบอกว่าก๋วยเตี๋ยวต้มยำแห้งโบราณของที่นี่อร่อยมาก
เราก็เลยสั่งกันมา แล้วก็สั่งของทานเล่นอีกสองสามอย่างกับน้ำแล้วก็ขนม
ระหว่างรออาหารเราก็คุยโน่นนี่กันไปเรื่อย
ฉันพึ่งได้อยู่ใกล้พีคมากๆ และมองหน้าเขาได้ชัดเจนมาขนาดนี้ ตอนพูดเขามองตาฉัน
สายตาเขาน่ะฉันพึ่งสังเกตว่ามันฆ่าคนได้เลย เขาทำให้ฉันใจเต้นแรงตลอด
เขาจะรู้ตัวบ้างมั้ยนะว่ามันทำให้คนอื่นเจ็บหัวใจน่ะ
หมายถึงหล่อจนใจเจ็บไง พีคน่ะเป็นคนมีเสน่ห์มาก หน้าตาหล่อแบบที่ยิ่งมองยิ่งรู้ว่าหล่อ
ตอนที่ฉันกำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องเรียนให้เขาฟังอยู่นั้น
พีคมองตาฉันตลอด เขาเป็นผู้ฟังที่ดี แต่ฉันไม่คิดว่าอยู่ดีๆพีคก็พูดบางอย่างที่ฉันไม่คาดคิดขึ้นมา
หลังจากที่เขามองฉันตอนพูดอยู่นาน
“พี่เมทำไมสวยจัง”
จังหวะการพูดของฉันชะงักลงทันทีหลังจากที่พีคพูดขึ้นมา บอกตรงๆฉันไม่ได้คิดว่าพีคจะพูดอย่างนี้ออกมาเลย
เล่นเอาฉันเสียอาการไปเลย “พี่รู้มั้ยว่าพี่สวยมากเลยนะ”
“พี่ไม่รู้จะตอบอะไรเลย”
ฉันพูดเสียงเบาพร้อมยิ้มแห้งๆ
“เขินเหรอครับ”
เขาถามอีกแล้ว ทั้งที่เขาก็รู้ว่าการกระทำแบบนี้จะทำให้ฉันเขินน่ะ
เขาน่ะมันเป็นเด็กใจร้ายจริงๆ ชอบทำให้หัวใจฉันเต้นแรงอยู่เรื่อยเลย
“อยู่ๆก็พูดขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ยใครก็เขิน”
ฉันพูดแล้วก็แกล้งเสตาไปทางอื่น
แต่แอบเห็นว่ากลุ่มเพื่อนน้องพีคคนสองคนมองมาทางนี้ด้วย ฉันเลยหันกลับมาหาพีค “ชอบทำให้พี่เขิน”
“ก็พี่สวยจริงๆ”
หลังจากจบประโยคนี้พนักงานก็เอาอาหารมาเสิร์ฟพอดี เป็นคนที่เอาเมนูมาให้เรา ฉันเห็นว่าเธอมองพีคแล้วก็ดูเขินด้วย
แน่ล่ะเขาน่าตาดีมากนี่นา เธอวางจานอาหารลงให้ฉัน แล้วก็ตามด้วยของพีค
ฉันสั่งไปว่าไม่เอาถั่วงอกแต่ว่าดูแล้วทั้งสองจานมีถั่วงอกหมดเลย
“ขอบคุณครับ”
พีคเงยหน้าบอกพนักงานก่อนจะยิ้มให้เธอ ทำเอาพนักงานหญิงคนนั้นหน้าแดงไปเลย ฉันมองการกระทำของเขาก่อนจะหลุบตาลงมามองจานอีกรอบ
กะว่าจะบอกพนักงาน แต่กลับรู้สึกยุบยิบแปลกๆที่หัวใจยังไงไม่รู้ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร
“ขอโทษนะคะ
พอดีว่าสั่งว่าเอาถั่วงอกจานนึงนะคะ” ฉันบอกไปแล้วพนักงานก็ทำหน้างงไปเลยในตอนนั้น
พีคหันมามองจานของฉัน ฉันจำได้ว่าฉันสั่งไปแน่ๆ ไม่มีทางที่จะลืม
“เอ่อ
ขอโทษนะคะ เดี๋ยวจะรีบเปลี่ยนให้” พนักงานทำท่าจะมายกจานของฉันกลับไป แต่พีคก็...
“ไม่เป็นไรครับ
ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกเดี๋ยวผมเอาออกให้” ว่าจบพีคก็เอาช้อนกับส้อมมาตักเอาถั่วงอกออกจากจานให้ฉัน
ดูท่าเขาจะตั้งใจมากจริงๆ ราวกับว่าจะเอาถั่วงอกออกให้ฉันทุกชิ้นเลยนะ “พี่เมไม่กินถั่วงอกเหรอครับ”
“ไม่ค่ะ
เวลาพี่กินแล้วจะอ้วกตลอดเลย” ฉันตอบไปและมองพีคที่เอาถั่วงอกออกให้ด้วย “จริงๆพี่ว่าให้พนักงานเอาออกให้ก็ได้นะคะ
มันเต็มจานพีคแล้วนั่น”
“ไม่เป็นไรครับ
เสียเวลา” เขาบอกและนอกจากจะเอาถั่วงอกออกให้ฉันแล้วเขายังตักหมูสับบนจานของตัวเองมาให้ฉันด้วย
“พี่เมกินเยอะๆนะครับ”
“พีคให้พี่ทำไม
ชอบกินผักหรือไง” ฉันบ่นอุบแล้วก็เปลี่ยนเป็นตักลูกชิ้นให้เขาแทน “พีคเอาลูกชิ้นไปกินดีกว่า
พี่ไม่กินลูกชิ้น”
“ไม่ชอบจริงเหรอ”
เขาถามพลางเลิกคิ้ว ส่วนฉันก็พยักหน้าตอบกลับไป ฉันน่ะไม่กินลูกชิ้นจริงๆนะ แบบว่าไม่ค่อยชอบรสชาติของลูกชิ้นในก๋วยเตี๋ยวหรือในอาหารอย่างอื่นเลย
แต่ถ้าเป็นลูกชิ้นปิ้งหรือทอดฉันจะชอบมาก “ทำไมถึงไม่ชอบล่ะครับ ผมว่าคนส่วนใหญ่จะชอบลูกชิ้นกันหมดเลยนะ”
“พี่ไม่ชอบรสชาติลูกชิ้นในก๋วยเตี๋ยวน่ะ
กินแค่ลูกชิ้นทอดกับลูกชิ้นปิ้งค่ะ”
“โอเคคับ
ผมจะจำไว้” พีคตอบเสียงเบาก่อนที่เราจะเริ่มทานกัน ก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณร้านนี้อร่อยจริงๆนะ
ปกติแล้วฉันไม่ค่อยทานก๋วยเตี๋ยวต้มยำเลย
ชอบก๋วยเตี๋ยวน้ำตกธรรมดาแต่พอทานร้านนี้แล้วมันก็เปลี่ยนความชอบฉันไปเลยแฮะ
แบบว่าอร่อยจริงๆ
เรานั่งทานอาหารกันไปเรื่อยๆ
พีคชอบถามอะไรต่างๆเกี่ยวกับฉันแล้วก็ให้ฉันเล่าให้ฟัง เขาบอกว่าชอบฟังที่ฉันเล่ามากกว่าจะเป็นฝ่ายเล่า
แต่เขาเป็นผู้ฟังที่ดีมากเลยนะ
ฉันว่าพีคมีเสน่ห์มาก
เขาหน้าตาดีและรู้ว่าวิธีไหนที่จะทำผู้หญิงชอบ คราวแรกดูหยิ่งและเข้าถึงยากแต่พอได้รู้จักแล้วกลับไม่ใช่เลย
ฉันรู้ว่ากำแพงหัวใจของตัวเองมันหนามากๆ ฉันไม่ได้หวั่นไหวกับผู้ชายคนไหนง่ายๆ
ฉันเจอผู้ชายหน้าตาดี เทคแคร์ดี หรือพูดดีมาก็หลายคน
แต่พีคกลับต่างออกไป
เขาทำให้ฉันที่ไม่คิดว่าจะหวั่นไหวกับเขานั้นหวั่นไหวง่ายดายราวกับสั่งได้เสียอย่างนั้น
เขาเขย่ากำแพงหัวใจฉันได้ง่ายดายราวกับว่ามันทำด้วยปุยนุ่น
แม้จะพยายามห้ามตัวเองแล้วแต่กลับทำไม่ได้เลย
ไม่ได้จริงๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็เดินถ่ายรูปตามมุมนั้นมุมนี้องคาเฟ่
จริงๆฉันก็เขินพีคมากเวลาที่เขาถ่ายรูปให้ฉัน แต่พีคก็ถ่ายรูปสวยมากเหมือนกัน เขาถ่ายรูปเก่งมากเลยนะ
แล้วพอฉันถ่ายรูปให้เขาก็รูปมุมของตัวเองงมากเลยด้วย
รู้เลยว่าทำไมในไอจีเขาถึงมีแต่รูปที่ดูดี
พีคไม่ได้ลงรูปตัวเองบ่อยเลย
ฉันไปส่องดู สามสี่เดือนถึงจะลงทีนึง รแล้วรูปล่าสุดมันก็ตั้งห้าเดือนกง่าแล้ว
อันที่จริงก็ตั้งแต่ปีที่แล้วเลยแหละ
เราถึงชลบุรีในตอนประมาณหกโมงเย็น
อาจจะเพราะทางโรงเรียนพีคปล่อยไวด้วยมั้ง แล้วก็แวะที่เซ็นทรัลเพื่อดูหนังกัน
ฉันน่ะต้องเป็นคนชิงจ่ายเงินก่อนเพราะว่าพีคน่ะมือไวมาก ตอนที่อยู่ที่คาเฟ่พีคก็เป็นคนจ่ายอีกแล้ว
ฉันน่ะเกรงใจเขามากเลยนะ เขายังเรียนอยู่ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าเขารวยมากก็เถอะ
หลังจากดูหนังเสร็จเรากลับมาที่บางแสนกันอีกทีในเกือบตอนสามทุ่ม
วันนี้วันศุกร์ รถติดอีกแล้วเพราะคนชอบมาเที่ยวกันอาจจะเพราะบางแสนอยู่ใกล้กรุงเทพมากด้วยแหละมั้ง
ป้ายทะเบียนส่วนใหญ่เลยเป็นกรุงเทพน่ะนะ
พีคชวนฉันเดินเล่นที่หาดก่อน
วันนี้หาดคนก็เยอะมากๆเหมือนกัน แต่อากาศดีนะลมไม่ค่อยแรงเท่าไหร่
คนน่าจะเยอะตั้งแต่ช่วงหาดวอนนภามาจนถึงฝั่งบางแสนเลยแหละ
“ทำไมถึงเลือกมาเรียนที่มอนี้เหรอครับ
ระหว่างที่เรายืนอยู่ที่ริมทะเลฝั่งบางแสนเกือบถึงแหลมแท่นพีคก็เอ่ยปากถาม
ถ้าเลือกเรียนที่กรุงเทพอาจจะกลับบ้านที่ลพบุรีง่ายกว่านะผมว่า
“ตอนแรกก็ว่าจะเรียนที่กรุงเทพแหละ
แต่ว่าไม่ติดคณะที่อยากเข้า เลยมาที่นี่ มีทะเลด้วย” ฉันบอกก่อนจะพยายามเอาปอยผมมาทัดหูของตัวเอง
ถึงลมจะไม่แรงแต่ก็พอที่จพัดผมให้วุ่นวายได้อยู่ดี “พี่ชอบทะเลน่ะ แล้วทำไมพีคเลือกเรียนทหารล่ะ”
“ก็ไม่รู้สิครับ
พีคตอบติดตลก” ฉันเหลือบมองเห็นเขาเกาหางคิ้วตัวเองเบาๆก่อนจะพูดต่อ “ผมเป็นเพื่อนกับไอ้จิณมาตั้งแต่มอต้น
มันบอกว่าจะสอบทหารมาตลอดพออ่านข้อมูลดูผมก็สงสัยว่ามันดียังไงคนถึงอยากเข้าเยอะจัง
ผมก็เลยมาลองสอบดูแล้วก็ติดเฉยเลย”
เป็นประโยคยาวเหยียดมากครั้งแรกเลย
แต่ฟังแล้วก็ดูตลกดี มันดูขัดกับความเป็นเขามากๆทั้งที่พราวเคยเล่าให้ฟังว่าพีคนั้นเรียนเก่ง
แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมาสอบเฉยๆโดยไม่ได้คิดว่าจะติด
“แล้วทำไมถึงเรียนได้ล่ะ
ไม่รู้สึกอึดอัดเหรอ” เขาส่ายหัวเป็นคำตอบให้ จริงๆมีหลายคนที่ฉันรู้จักเคยบ่นระบบนี้ให้ฟังอยู่บ้าง
เพื่อนสนิทฉันคนหนึ่งก็เรียนฝ่ายมัธยมเหมือนกันกับพีค แต่พอแยกเหล่าก็เรียนอีกเหล่านึงที่คนละโรงเรียนกับพีค
น่าจะเป็นรุ่นพี่พีคสักปีนึงได้มั้ง
“ก็นิดหน่อยครับ
แต่เพื่อนดี สังคมพี่น้องก็ดีผมเลยคิดว่ามันเฉยๆ
อาจจะหนักบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร” ฉันพยักหน้ารับเบาๆและในตอนนั้นฉันก็หายางรักผมที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมามัดผม
เพราะมันชักจะรุงรังเกินไปแล้ว แต่อยู่พีคก็
“พี่ทำเองก็ได้”
ฉันบอกเสียงเบาในตอนที่พีคหยิบยางจากมือฉันแล้วไปยืนซ้อนหลังก่อนจะมัดผมให้
หัวใจฉันเต้นแรงมาก ฉันรับรู้ว่าพีคก้มลงมาใกล้หัวฉันมากเพราะฉันตัวเตี้ย
ฉันรับรู้ถึงจังหวะที่ลมหายใจเขาเป่ารดต้นคอของฉัน
ขนอ่อนตรงนั้นฉันรุกเกรียวเพราะไวต่อสัมผัสที่ไม่คุ้นชิน ทำเอาฉันต้องห่อคอเลย
เขารวมผมฉันแล้วมัดให้อย่างเบามือ มันน่าตลกตรงที่อยู่ดีๆฉันก็คิดว่าเขาเคยทำแบบนี้ผู้หญิงใช่มั้ยเขาถึงได้ดูเชี่ยวชาญขนาดนี้
แต่ถึงจะคิดแบบนั้น
ใจนึงก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ฉันไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนทำให้แบบนี้แม้แต่แฟนเก่าทั้งสองคนก็ตาม
พูดได้ว่าไม่ค่อยได้สัมผัสโมเม้นที่มันละมุนเท่าไหร่ อาจจะนานๆที
แฟนเก่าคนแรกเขาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนแต่ว่าพอจบมอปลายเขาก็ไปเรียนที่โรงเรียนทหารโรงเรียนหนึ่ง
เราค่อนข้างห่างกันในช่วงหลัง เขาเอาแต่อ้างว่าไม่มีเวลาทั้งๆที่เอาเวลาไปแอบคบกับเพื่อนสินทฉัน
ส่วนแฟนคนที่สองเขาเป็นรุ่นพี่ในมหาลัยแหละ
เรียนคณะใกล้ๆกันกับฉัน ค่อนข้างเป็นคนที่มีความคิดชายเป็นใหญ่หน่อยๆ
เขาพยายามควบคุมฉัน เคยแอบลบเพื่อนผู้ชายของฉันออกจากไอจีแล้วก็เฟสบุ๊คด้วย แต่ที่แย่ที่สุดคือเขาพยายามขืนใจแล้วก็ทำร้ายร่างกายนั่นแหละ
มันเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากจริงๆ
แต่ถามว่าทำไมฉันถึงไปคบกับผู้ชายที่แย่ขนาดนั้น
ก็อาจจะเป็นเพราะตอนแรกมันดีมาก เรียกว่าช่วงโปรโมชั่นมั้ง
แต่พอไม่ได้ดั่งใจเขาก็ทำตัวแย่ลงแล้วสุดท้ายก็เป็นแบบที่พูดมา
ฉันก็หวังว่าพีคจะไม่เป็นอย่างนั้น ไม่งั้นฉันคงเสียใจแย่ ฉันอุตส่าห์เปิดใจให้เขา
หากมันพังฉันคงไม่กล้ามีความรักอีกแล้วล่ะ
พอกลับมาถึงห้องฉันก็แต่งรูปที่พีคถ่ายให้ตอนอยู่ที่คาเฟ่ที่นครนายกลง
แล้วก็เช็คอินที่คาเฟ่นั้นด้วยฉันลงแค่รูปฉันคนเดียวนะ จริงๆมันมีวิดีโอที่พีคถ่ายคู่กับฉันด้วย
อยู่ในมือถือพีคน่ะ แต่หลังจากที่ฉันลงไปได้ประมาณห้านาทีแล้วรีเฟรชหน้าไทม์ไลน์อีกรอบก็เห็นว่าพีคลงรูปที่ถ่ายมุมเดียวกันกับฉัน
แถมเขายังลงสตอรี่แล้วก็แท็กฉันมากด้วย แม้ไม่มีข้อความใดๆแต่เขาก็แท็กฉันชัดเจนทีเดียว
สตอรี่ที่พีคลงเป็นวิดีโอที่เขาถ่ายคู่กับฉัน
น่าจะเป็นตอนที่เรากำลังเดินอยู่ พีคเดินนำไปก่อนเพราะฉันมัวแต่ถ่ายรูปดอกไม้
เขาหันกล้องมาแล้วก็เรียกฉัน ถึงแม้ไม่ต้องลงรูปคู่แล้วแท็กกันทุกคนก็คงรู้แล้วว่าเราไปที่เดียวกัน
ทั้งลงรูปมุมเดียวกัน ลงวิดีโอคู่ขนาดนั้น
ฉันลังเลอยู่พักใหญ่ว่าฉันควรจะแชร์สตอรี่ต่อดีมั้ย
สุดท้ายฉันก็เลยแชร์ไป แค่นี้เพื่อนทั้งภาคก็คงรู้แล้วว่าฉันมีคนคุย แต่ฉันต้องตอบคำถามพราวว่ายังไงดีหากพราวถามน่ะ
ฉันยังไม่ได้บอกพราวเลยว่าฉันคุยกับพีค
ตอนแรกที่พูดกันฉันก็ทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับพีคนี่นะ
Prawfah : เม
Prawfah : นี่คืออะไรคะ
Prawfah : ได้ส่งรูปภาพ
Prawfah : อะไร มึงไปคุยกันตอนไหน แรงมาก ทำไมกูไม่รู้
Prawfah : น้องกูเล่นเพื่อนกูแล้ว
ฉันอ่านข้อความที่พราวรัวมากยังไม่ได้หมดทุกข้อความดีด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีมือถือฉันก็สั่นรัวๆเพราะพราวได้โทรเข้ามา
“ว่าไง”
ฉันพูดเสียงเบาและใจเต้นตึกๆ พราวเหมือนแม่ฉันหรือพี่สาวฉันในบางที เธอห่วงฉันมาก
เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ ฉันรู้สึกผิดอยู่ที่ไม่ได้บอกพราวเลยทันที
แต่มันลำบากใจนี่นา พีคเป็นน้องชายของเธอและฉันกับเธอก็สนิทกันมาก
[อีดอก
คืออะไรไหนพูดซิ มึงไปแอบคุยกันตอนไหน]
ตอนแรกกูคิดว่ามึงจะไม่อะไรกับมัน พราวรัวคำถามมาราวกับอัดอั้น
ฉันเม้มปากและฟังคำถามเธออย่างนอบน้อมถามกับถูกแม่จับได้ก็ไม่ปาน [ไอ้พีคนะไอ้พีค มันมาเล่นเพื่อนกูแล้ว ทำไมมึงไม่บอกกู]
“ก็กะจะบอกอยู่
แต่แค่ยังหาจังหวะไม่ได้ อาทิตย์ที่แล้วก็ยุ่งๆเรื่องบ้านน่ะ”
ฉันตอบไปและไม่ได้โกหกนะ ด้วยความที่พี่ชายฉันย้ายบ้านจากฝั่งทหารชั้นประทวนไปฝั่งทหารสัญญาบัตรแล้วบ้านหลังใหม่ที่เราย้ายไปมันค่อนข้างมีปัญหาฉันเลยต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องการคุยกับช่างที่มารีโนเวทน่ะ
[แล้วคือยังไงคะ
ไหนเล่ามาให้หมด] พราวทำเสียงแข็งเพราะงั้นฉันคงต้องเล่า
ฉันไม่ได้มองว่ามันคือการยุ่งเรื่องส่วนตัวหรอก
พราวมีสิทธิ์จะถามได้มันไม่ปัญหาเลย [กูว่าแล้วว่าไอ้พีคมันไม่หยุดแน่
แต่แรงอยู่นะสตอรี่คู่กูมันแทบไม่เคยลงเลย]
“ก็น้องบอกชอบกูตั้งแต่วันที่ไปซื้อของขวัญวันเกิดให้มึง”
ฉันเริ่มเล่าแล้วก็เงียบไป ภายในหัวก็เรียบเรียงเรื่องต่างๆก่อนจะเล่าต่อ “แล้วหลังจากวันที่กูให้น้องติดรถกลับโรงเรียนวันที่กูไปหาพี่ไม้น้องก็มาคุยด้วย
แรกๆก็คุยเรื่องหนังกัน น้องชอบหนังเรื่องเดียวกับกูอ่ะ”
[ชอบหนังเหรอ
เป็นไปได้?] พราวถามราวกับว่าเป็นเรื่องน่าตกใจแต่ก็นะตอนพีคคุยกับฉันเรื่องหนังมันดูลื่อนไหลมากนี่นา
[เออต่อๆ]
“ก็คุยกันมาเรื่อย
ๆ อ่ะจนวันที่กูไปรับพี่ไม้กับพี่หมอกแล้วพีคกลับมาด้วย น้องก็ขอกูคุยจริงจังก่อนที่กูจะกลับลพบุรี”
ฉันเล่าให้พราวฟังโดยที่ถึงแม้จะไม่ได้ละเอียดยิบทุกอย่างแต่พอที่จะทำให้พราวเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งว่าเป็นยังไง
[แล้วทำไมมึงถึงยอมคุยกับมันวะ
มันดีตรงไหน ถ้าเป็นกูกูเลือกไอ้พฤกษ์ เลือกน้องเกียร์ดีกว่า] พราวพูดแล้วก็ทำเหมือนน้องชายตัวเองนั้นไม่ดีนักหนา
“จริงๆกูว่าจะไม่คุยแล้ว
แต่พีคไม่เหมือนใครอ่ะมึง ไม่เหมือนพฤกษ์หรือเหมือนน้องเกียร์นะ” ว่าไปฉันก็แอบอมยิ้มยามนึกถึงพีค
“พีคไม่ทำให้กูอึดอัดเหมือนคนอื่น กูไม่ต้องพยายามอะไรเลย”
[ขนาดนั้นเลย] พราวถามกลับมาอีก [มึงโอเคมั้ย ไม่ใช่โกหกเพราะว่ามันเป็นน้องกูนะ]
“ไม่หรอก
กูพูดจริงๆ” ฉันบอกไป ตอนที่ตัดสินใจคุยกับพีคฉันก็ไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นเท่าไหร่
ฉันแค่มองตัวพีคที่ปฏิบัติต่อฉัน สิ่งที่เขาทำให้ฉันมันทำให้ฉันมองข้ามเรื่องพวกนั้นไป
[กูอยากให้มึงเจอคนที่ดีนะเม
มึงก็รู้ใช่มั้ย]
“รู้
กูรู้ “ตอนตอบฉันก็อมยิ้มกับคำพูดของเพื่อน พราวดีกับฉันมาก ฉันมีเพื่อนไม่เยอะเท่าไหร่แต่ทุกคนดีกับฉันทั้งนั้นเลย
ฉันรู้สึกโชคดีนะที่ได้มาเป็นเพื่อนกับเธอน่ะ “กูก็ลังเลที่จะคุยกับน้องดีมั้ย
แต่พอได้คุยกันน้องก็ดีกับกู ก็รู้ว่ามึงเป็นห่วงแต่กูจะระวังตัวนะ”
[กูนี่เหมือนคนว่าร้ายน้องตัวเลยว่ะ] พราวพูดจบก็หัวเราะออกมาเบาๆราวกับว่าเสียไม่ได้ [แต่ก็นะ
มันอาจจะดีกับมึงก็ได้ กูขอให้มันเป็นแบบนั้น]
หลังจากจบประโยคนั้นฉันคุยกับพราวอีกนิดหน่อย
ตอนนี้เธออยู่ที่กรุงเทพกับเต้ที่กรุงเทพหากอยู่ที่นี่เธอคงรีบตรงดิ่งมาหาฉัน
แล้วพอวางสายจากพราวเสร็จแตงกวาก็โทรมา ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว แตงกวาชวนฉันออกไปร้านเหล้า
คราวแรกฉันว่าจะไม่หรอกแต่เพื่อนคะยั้นคะยอและมารับถึงคอนโดฉันก็เลยต้องไป
แถมยังไม่ได้บอกพีคด้วยว่าออกมาน่ะ แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
“เมจ๋าเม
เมมาพอดี” พอนั่งลงเนสเพื่อนในภาคที่เป็นเพื่อนสาวก็ทักพอดี ฉันนั่งลงข้างเธอและถัดไปก็เป็นแตงกวาแล้วก็ธีม
แต่มันก็ต้องข้ามกับพฤกษ์พอดี “นั่งเลย เพื่อนๆมีเรื่องจะถาม”
“รู้เลยนะพวกมึง”
แตงกวาว่าและเพื่อนในภาคคนหนึ่งที่ชื่อหินก็เทเบียร์ให้ฉันกับแตงกวาแล้วก็ธีม ถึงธีมจะเรียนคนละคณะแต่ก็มาเจอพวกฉันบ่อยมากจนรู้จักเพื่อนๆฉันกันหมดแล้ว
“หญิงเมไหนเล่ามาซิ
มีแฟนแล้วเหรอ” น้ำตาล เพื่อนคนหนึ่งก็เอ่ยปากถาม
ฉันอมยิ้มกับคำถามของเพื่อนน้อยๆก่อนจะส่ายหน้า “ไม่มีอะไรเห็นอยู่”
“คุยกันเฉยๆ
ยังไม่ได้เป็นแฟน” ฉันตอบเสียงเบา
“ชอบหนุ่มหัวเกรียนก็ไม่บอก
ไปรู้จักกันได้ไง” เนสถามอีก ฉันยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มสองสามอึกก่อนจะยิ้มอีก
ฉันเห็นว่าพฤกษ์มองอยู่ แต่พอฉันสบตาเขา เขาก็หลบสายตาไป เขามีสีหน้าที่เรียบนิ่ง ไม่แน่ใจว่าโกรธฉันหรืออะไรยังไง
“ไปส่องมาแล้วน้องเด็กกว่าด้วยอ่า”
“น้องเขาเป็นน้องชายพราวน่ะ”
ฉันตอบไปและในตอนนั้นโอ๊ตก็เหมือนจะคิดได้
“อ๋อ
คนนั้นอ่ะเหรอที่ไปนั่งด้วยคราวโน้น” ฉันพยักหน้ารับกับคำพูดของโอ๊ต
เพื่อนบางคนอาจจะจำได้เพราะตั้งแต่คราวนั้นพีคก็ไปนั่งด้วยแล้วรอกลับคอนโดพร้อมฉันกับพราว
“น้องงานดีมากแม่
ซิกแพ็กแน่นเปรี๊ยะ สูงมาก หุ่นดีมาก ยอม” หน้าของเนสดูพร่ำเพ้อยามนึกถึงพีค
ฉันได้แค่ยิ้มกับคำพูดของเพื่อนเท่านั้น ในจังหวะที่ฉันสอดสายตาไปรอบๆ
ฉันเห็นว่าโต๊ะมุมและในสุดนั้นเป็นโต๊ะของกลุ่มเพื่อนน้องพีคที่เจอกันที่คาเฟ่วันนี้
เพราะฉันฉันจำน้องคนที่ยิ้มทะเล้นใส่ฉันได้ แต่ไม่แน่ใจว่าน้องจะจำฉันได้หรือเปล่านะ
“หล่อมาก”
น้ำตาลป้องปากพูด ทุกคนพูดโดยไม่สนใจพฤกษ์เลยด้วยซ้ำ หลายคนรู้ว่าพฤกษ์จีบฉัน
แต่ก็นั่นแหละทุกคนคงเดาจากท่าทีของฉันได้ว่าฉันไม่ชอบพฤกษ์จึงไม่มีใครถามถึงอีก “แต่อีนังพราวมันรวยมากนี่นา
น้องชายมันก็ต้องรวยด้วยหนิ ใช่มั้ย?”
“ของมันแน่อยู่แล้วแม่”
แตงกวาพูดบ้าง ฉันน่ะทำได้แค่นั่งยิ้มบางๆก็เท่านั้น
ฉันไม่ได้ลงลึกรายละเอียดเรื่องส่วนตัวของตัวเองมากนักน่ะนะ
มันสาวไส้ให้กากินเปล่าๆ ฉันบอกแค่เรื่องที่ควรบอก ส่วนอะไรที่มันส่วนตัวมากฉันก็บอกแค่เพื่อนสินทของฉันอย่างแตงกวาแล้วก็พราว
ส่วนธีมเขาก็รู้ได้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เขาก็เพื่อนฉันเหมือนกัน
“เมาได้นะมึง
เดี๋ยวกูแบก” แตงกวากระซิบฉัน
“ไม่เมาหรอก
พรุ่งนี้กูต้องไปทำธุระที่ธนาคารที่เซ็นฯอ่ะ” ฉันบอกไปและเพื่อนก็ยู่หน้าให้
“ไอ้พฤกษ์แม่งหงอยเป็นหมาเลยว่ะ”
แตงกวากระซิบอีก ในจังหวะนี้ฉันหันไปมองหน่อยๆ พฤกษ์ไม่ค่อยพูด
ยกเบียร์ดื่มแล้วดื่มอีกจนฉันรับรู้ได้ว่าเขาน่าจะเมาไปแล้วแน่
ฉันรู้ว่าพฤกษ์อาจจะไม่พอใจ
หรือไม่โอเคเรื่องการที่ฉันมีคนคุย แต่จะให้ฉันทำยังไงได้ในเมื่อฉันก็เคยบอกพฤกษ์ชัดเจนแล้วว่าฉันคิดกับเขาแค่เพื่อน
เขาจะนอยด์ หรือว่าไม่โอเคฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เขาควรรับผิดชอบความรู้สึกตัวเองมากกว่ามั้ย
“แต่ช่างมันเหอะมึง
มึงไม่ผิดนะ” แตงกราบอกฉันอีก เป็นจังหวะที่วงดนตรีกำลังเล่นจึงทำให้หลายคนอินกับเพลงมากกว่าจะมาสนใจฉันกับแตงกวา
หรือพฤกษ์น่ะนะ “คนไม่ชอบไม่ผิดนะมึง คนที่ชอบมากจนไม่รู้จักจัดการความรู้สึกตัวเองต่างหากที่ผิด”
“ใจเย็นน่ามึง”
ฉันบอกไปและบีบไหล่เธอ
แตงกวาอาจจะไม่โอเคตั้งแต่ที่ก่อนหน้านี้สักสองสามนาทีตอนเพื่อนหลายคนลุกไปเต้นฉันยิ้มให้พฤกษ์แล้วเขาไม่มองฉันน่ะนะ
ฉันลูบหลังแตงกวาอีกรอบเป็นการที่จะทำให้เธอไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันเป็นแง่ลบต่อไปอีก
เราดื่มกันต่ออีกสักพักใหญ่ฉันก็รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมาเลยขอให้แตงกวาพาไปเข้าห้องน้ำ
ฉันไม่ได้เล่นมือถือเลยเพราะแบตหมดน่ะนะ แบตมันน่าจะเหลือน้อยลงตั้งแต่อยู่นครนายกแล้วแหละ
ห้องน้ำร้านคนค่อนข้างเยอะทีเดียว
แต่ฉันก็ได้ห้องที่มันว่างพอดี แตงกวาให้ฉันเข้าก่อนพอฉันเข้าเสร็จแตงกวาก็เข้าไป
ฉันออกมายืนพิงพนังร้านรอและในตอนนั้นเอง...
“เม”
ฉันหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นว่าเป็นพฤกษ์ เขาดูเมามากเลยนะ ดูตาแดงมากด้วย
“วะ
ว่าไง” ถึงแม้จะตกใจแต่ฉันก็พยายามจะคุมสะติและหันไปมองหน้าเขาอย่างเต็มตา
“เรามีเรื่องจะคุยด้วย
ไปคุยกันหน่อยได้มั้ย” คำพูดของเขาไม่ได้แกมขอร้องแต่มันเหมือนประโยคคำสั่งมากกว่า
ไม่ทันที่ฉันจะได้ปฏิเสธด้วยซ้ำเขาก็ฉวยมือมาจับข้อมือฉันแล้ว
“คุยตรงนี้ไม่ได้เหรอ”
ฉันพยายามจะบิดมืออก ด้วยความที่ฉันยืนอยู่ห่างจากกลุ่มผู้หญิงหนึ่งที่ต่อคิวเข้าห้องน้ำอยู่เขาเลยไม่ได้สนใจ
พฤกษ์ออกแรงกำข้อมือฉันแรงขึ้นจนฉันนิ่วหน้า “พฤกษ์เราเจ็บ”
“พี่เม”
แต่ในจังหวะนั้นเองเสียงพีคก็ดังขึ้นมา แม้ไฟไม่ได้สว่างมากมาย ออกจะติดสลัวๆด้วยซ้ำตาฉันก็เห็นว่าสีหน้าเขานั้นดูไม่โอเคเสียเลย
คิ้วเขาขมวดเข้าหากันจนแทบเป็นปมด้วยซ้ำ เขาเดินมาถึงตัวฉันด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่ก้าวด้วยซ้ำ
และฝ่ามือหนาก็คว้าแขนฉันข้างเดียวกับที่พฤกษ์จับอยู่
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
- BABYBOW -
พี่เมเป็นของใครอย่าให้ต้องบอก มุแงงงง เจ้าของเขามาแล้วนะ อย่าให้น้องต้องมีน้ำโห!!!
Contact me
FB : Babybow TW : Babybbow_ Group NC : Bababow [H+]
ความคิดเห็น