ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE CHAIN - PEAK

    ลำดับตอนที่ #7 : 250% ll #พีคเมษา ll THE CHIAN PEAK : EPISODE 07

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 64


    THE CHIAN - PEAK

    Hashtag on Twitter #พีคเมษา


    THE CHIAN PEAK : EPISODE 07

               



    “ครับ” ผมตอบและอัดเข้าไปอีกเฮือก ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่าควรจะบอกเรื่องที่เห็นดีมั้ย แต่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของน้อง น้องเป็นผู้หญิง โตมาก ๆ แล้ว ใกล้ถึงวัยที่จะมีครอบครัวแล้วด้วยซ้ำ “ผมแค่ไม่ค่อยโอเคถ้าน้องจะคบกับไอ้พีค ไอ้พีคมันยังเด็กและมันคงไม่ได้จริงจังกับน้อง”

    “น้องเมโตแล้วนะไม้ น้องเก่งมากด้วยมึงก็รู้” ผมไม่ได้เถียงพี่ชายเลย ผมรู้ว่าน้องโตมากแล้วและเก่งมากด้วย “เราคอยดูน้องอยู่ห่างๆได้ ให้น้องได้ลองผิดลองถูกเอง ถ้าพลาดเราก็แค่รอปลอบ แค่นั้นเอง”

    “ผมแค่ไม่อยากให้น้องเสียใจ” ผมพูดแล้วก็ถอนหายใจหนักๆออกมา ผมคิดว่าน้องสาวผมพบเจอความเสียใจมามากจนเกินไปแล้ว

    น้องเมเป็นคนจิตใจดี เธอใจดีกับทุกคนจนบางครั้งก็ถูกเอาเปรียบ ปฏิเสธคนไม่เก่งและรู้สึกผิดเก่งด้วย ระหว่างที่พี่ชายผมไปเรียนโรงเรียนทหารสามปีก่อนที่เราจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ตอนที่เรายังอยู่ที่บ้านย่าน้องสาวผมต้องพบเจอกับหลายอย่าง และสิ่งเหล่านั้นทำให้พวกเราเลือกจะไม่กลับไปอีก

    ผมพยายามดูแลน้องสาวผมอย่างดีที่สุด เพราะเมไม่เคยสัมผัสความรักจากทั้งพ่อและแม่ด้วยซ้ำ เธอน่าสงสาร ผมเลยไม่อยากให้เมเจอสิ่งที่ไม่ดี

    “กูเข้าใจ แต่บางครั้งทุกสิ่งก็ไม่ได้เป็นไปตามแบบที่มึงคิดหรอกไม้ อย่าพึ่งอคติไป” คำพูดของพี่ชายทำให้ผมเงียบไป เราไม่ได้พูดอะไรเรื่องนี้ต่อกันอีกจนกระทั่งเดินกลับเข้ามาในบ้าน น้องเมกำลังกวาดพื้นอยู่ เธอใส่หูฟังบลูทูธและกำลังคุยอยู่กับใครสักคน

    น้องเมกำลังก้มหน้าอยู่ เธอไม่ได้เห็นผมกับพี่ไม้ แต่ผมดูออกว่าน้องผมกำลังยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมคิดว่านานแล้วที่ไม่ได้เห็นมัน หมายถึงรอยยิ้มที่ปราศจากการปั้นแต่ง เป็นรอยยิ้มจากคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว และผมได้ยินเธอเรียกว่าพีค ก็คงคุยกันอยู่จริงๆ

    ตกบ่ายผมออกมาที่โรบินสันกับน้องเมเพื่อซื้อของเข้าบ้าน พรุ่งนี้เย็นผมคงต้องกลับไปนครนายกแล้ว พี่หมอกก็คงเตรียมตัวกลับไปทำงาน อะไรที่ผมช่วยได้ผมก็อยากช่วยไปก่อน ตอนนี้กลายเป็นว่ามีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ได้ทำงาน ถึงแม้ผมจะมีเงินเดินจากการเรียนด้วยก็เถอะนะ

    แต่มันก็ยังสู้พี่หมอกหรือแม้แต่น้องเมไม่ได้เลย

    “น้องเมคิดหรือยังว่าเรียนจบแล้วจะทำอะไร” ระหว่างที่นั่งรถกลับบ้านผมก็ถามออกไป

    “เมก็คงทำร้าน แล้วก็ขายของเหมือนเดิมแหละค่ะ แต่เมว่าจะทำแบรนด์ “เรื่องนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยิน น้องเมขายของออนไลน์ให้แบรนด์อื่นมาหลายปีแล้ว เธอทำเงินได้เยอะอาจจะเพราะหน้าตาผิวพรรณด้วย “แต่เมแค่คิด อาจจะเก็บทุนก่อนแล้วก็จ่ายเงินค่าร้านงวดสุดท้าย ค่อยว่ากันอีกที”

    “อือ ดีแล้วล่ะ เก็บเงินไว้ก่อนถ้าพี่เรียนจบพี่จะช่วยเมเอง” น้องสาวหันมายิ้มให้ผม

    “พี่ไม้ไม่ต้องคิดมากเรื่องเมเลย เดี๋ยวเมจัดการเอง” เธอตอบราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายดาย หรืออาจจะแค่น้องเมจัดการปัญหาทุกอย่างเองจนมันดูง่ายสำหรับเธอ “ถ้าพี่ไม้อยากทำอะไรบอกเมนะ เมจะช่วยทุกอย่างเลย อยากไปเรียนต่างประเทศก็ได้”

    “พี่ไม่อยากทำอะไรหรอก เอาเท่าที่เมอยากทำก็พอ” ผมบอกไปและเงียบไปประมาณหนึ่งอึดใจใหญ่ๆ ลอบมองน้องสาวก่อนจะคิดว่าควรพูดบางอย่างออกไปดีมั้ย แต่ผมก็แค่อยากสร้างทางเลือกให้น้องเฉยๆ “เมจำพี่ตงได้มั้ย เพื่อนพี่”

    “จำได้ค่ะ ทำไมเหรอ” น้องสาวหันมามองก่อนจะหันไปมองทาง

    “มันชอบเมอ่ะ” เมเงียบไป ส่วนไอ้ตงมันเป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่เตรียมทหาร เข้ามาในโควตานักเรียนนายสิบเหมือนกัน เรียนอยู่ตอนเรียนเดียวกัน แล้วก็เป็นคนที่ไอ้เอกเพื่อนของไอ้พีคมามีเรื่องด้วยในตอนนั้น เพราะไอ้เอกมันมายุ่งกับแฟนเพื่อนผม

    หลังจากมีเรื่องกันไม่นานมันก็เลิกกับแฟน แล้วก็ยังไม่มีใคร ผมรู้จักมันดี มันไม่ได้ต่างอะไรจากไอ้พีค แต่มันเป็นเพื่อนผม ผมรู้จักมันดีและมันไม่กล้าทำให้น้องผมเสียใจหรอก อย่างน้อยก็คงเห็นแก่ความเป็นเพื่อนกันของเรา แต่บางทีผมอาตจจะแค่ไบแอสไอ้ตงกว่าไอ้พีคแค่นั้นมั้ง

    “ถ้าตงมันอยากจะจีบน้องเม น้องเมโอเคมั้ย” เธอยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา มองเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างก็เห็นว่าเธอนิ่งไปราวกับคิดอะไรอยู่

    “พี่ไม้... คือว่าเม” เธอพูดและเงียบไป ดูเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ ผมดูออกแล้วว่าเมกำลังคุยกับไอ้พีคแน่ถึงแม้เมื่อวานตอนกลางคืนเธอจะบอกว่ามาได้คิดอะไรกับมันก็เถอะ แต่ถ้าไม่คิดเมไม่ยอมให้มันจูบหรอก ผมรู้ รู้ว่าตอนที่น้องเมกลับขึ้นไปนั้นน้องไปเจอไอ้พีค “เมคุยกับพีคอยู่ค่ะ”

    “......” คำยืนยันของน้องทำให้ผมนิ่ง ถึงแม้ตอนแรกผมก็แอบคิดว่าคงไม่ใช่ แต่ตอนนี้ก็คงใช่แล้วลาะ เมไม่ได้เป็นคนที่จะโกหกเพื่อจะหลีกเลี่ยงอะไรสักหน่อย “เมื่อวานเมพึ่งบอกพี่ว่าเมไม่ได้คิดอะไรกับน้องมัน ไม่ใช่เหรอ”

    “ก็...ค่ะ แต่ว่าเมมาคิดดูแล้วน้องไม่ได้เหมือนคนอื่นที่เมเคยคุย หรือมาจีบเม” เป็นคำตอบจากน้องสาวของผม พูดแบบไม่ได้อวยอะไรน้องเมเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดี พ่อกับแม่ของผมหน้าตาดี น้องเมสวยเหมือนแม่ ญาติๆต่างพูดกัน และผมรู้ว่ามีคนจีบเธอหลายคน เพื่อนผมต่างก็พูดว่าเธอสวย

    “แน่ใจเหรอ” เป็นคำตอบที่ผมไม่ได้อยากปรักปรำอะไรไอ้พีคว่ามันไม่ได้เป็นแบบที่เมคิด “พี่อยากให้เมคิดให้ดี แต่ถ้าเมคิดดีแล้วก็ไม่เป็นไร”

    “ค่ะ” เธอตอบรับเสียงเบากับผม ก่อนจะเงียบไปราวๆนาทีก็พูดขึ้นมาอีก “เมไม่รู้ว่าพี่ไม้กับพีคมีปัญหาอะไรกัน แต่สำหรับเมน้องไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกมั้งคะ  พี่ไม่อย่าคิดมากเลย เมจะระวังค่ะ”

    End Mike Porames Talk

    Peak Phichaphol Talk

     

    “พวกมึงมาทำเหี้ยไรกัน” ผมถามเสียงเหี้ยมหลังจากเปิดประตูมาแล้วเจอพวกเพื่อนผมอยู่หน้าห้อง ตรงนี้มีไอ้เอก ไอ้ต่อ ไอ้จิณ ไอ้เบส ส่วนไอ้ใหญ่ไม่เห็นนะ ไอ้พวกนี้มันรู้คอนโดผมแล้วอาจจะเคยมาแต่มาห้องพี่พราว ส่วนห้องผมมันรู้ได้ไงก็ยังไม่รู้

    “มาหามึงไงครับเพื่อนพีค” ไอ้เอกเป็นคนตอบส่วนผมก็ส่ายหัวพลางเปิดประตูให้มันพวกมันเข้ามา “พวกกูแอบถามห้องมึงมากับพี่พราวเลยนะ เซอร์ไพรส์ไง”

    “ทักไม่ตอบนึกว่าตายเลยมาดู” ไอ้จิณพูดเอื่อยๆแล้วถือพวกขวดเหล้าเข้ามาด้วย

    “นอนอยู่ ตอนแรกพวกมึงบอกจะไม่มาไม่ใช่ไง?” ผมถามก่อนจะเดินไปเก็บเสื้อที่อยู่โซฟาไปไว้ในห้องนอน “คิดไงแห่กันมา ไอ้พี่ใหญ่ไปไหนไม่มาด้วย”

    “ติด....” ไอ้ต่อตอบแล้วทิ้งตัวนั่งลงโซฟา

    “ได้ข่าวว่าห้องอยู่ตรงข้ามพี่เมไม่ใช่เหรอ” ไอ้เอกพูดแล้วก็ยิ้มกริ่มใส่ผม “ไปถึงไหนแล้วล่ะไอ้สอง”

    “ติดละ “ผมตอบส่งๆก่อนจะเดินไปหาโถที่ใส่น้ำแข็งมาให้พวกมัน เพราะเห็นถือเปล้าถือเบียร์โซดาน้ำแข็งมาเยอะกันขนาดนี้ พวกมันคงตั้งถิ่นฐานที่นี่แล้วล่ะ

    “ติดนี่คือไร” ไอ้จิณพูดแล้วก็เบนสายตามามองผม ผมไม่ได้ตอบอะไรกันแต่ว่ายกยิ้มกลับไป ไม่รู้ว่าพวกมันจะคิดว่ายังไง ตีความแบบไหนเหมือนกัน “ยิ้มควายไร บอกมา”

    “ก็จีบติดไง ตอนนี้ก็คุยกันอยู่” ผมตอบก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างไอ้จิณ เพื่อนมุ่นคิ้วในคำตอบของผม แต่ไม่นานนักผมก็ยกนิ้วขึ้นแตะปากตัวเองสองสามที ทำเพียงแค่นี้พวกมันก็คงตีความได้ว่าผมได้จูบพี่เมแล้ว พวกกผมเก่งเรื่องการสื่อความหมายจากท่าทางกันอยู่น่ะนะ

    “เชรดดดดด” นี่เป็นเสียงไอ้ต่อ

    “เด็ดป่ะๆ” คราวนี้ไอ้เบสก็ทำท่าหูตั้งหางตั้งราวกับสนใจนักหนา แม้แต่ไอ้จิณที่คราวแรกดูไม่ได้สนใจอะไรมากก็ยังดูกระตือรือร้นขึ้นมาเลย

    “ความลับ” ผมตอบก่อนจะยกยิ้มอีกหน ในหัวกลับนึกถึงรสชาติจูบที่นุ่มนิ่มของเธอ พี่เมทำให้ผมรู้สึกว้าวมากเลยนะ คราวแรกผมนึกว่าเธอจะเป็นพวกที่ดูจืดชืดไร้ชีวิตชีวา อาจจะเพราะการใช้ชีวิตของเธอดูไม่หวือหวาอะไร ดูไม่ใช่คนช่ำชอง แถมยังยังซิงอยู่ด้วยน่ะนะ

    แต่พอจูบแล้วกลับตราตรึงอยู่เลย เป็นรสชาติจูบที่ละมุน นุ่มนิ่ม ดูไม่ได้หวือหวาแต่กลับลืมไม่ลง

    “เอาว่ะ มันเอาว่ะ” ไอ้เอกว่าแล้วก็เป็นคนแจกจ่ายแก้วพลาสติกที่มันพวกมาด้วยให้กับไอ้ต่อที่กำลังกระทุ้งน้ำแข็งให้แตกออกจากกัน

    “สงสารพี่เมจริงๆ” ไอ้จิณพูดขึ้นมาลอยๆก่อนจะเดินออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง ผมมองตามหลังมันไป จนมันปิดประตูระเบียงลงผมจึงหันกลับมาช่วยไอ้เบสชงเหล้า ราวๆห้านาทีถึงได้เดินตามมันออกไป ตอนผมออกมาก็เห็นว่ามันพึ่งยักดมือถือกลับเข้ากระเป๋า หน้าตาดูเคร่งเครียดเชียว

    “ทะเลาะกับลักษณ์อีกแล้วเหรอ” เพราะสังเกตมันตั้งแต่มาแล้วว่าหน้าตามันดูเรียบๆอึนๆจนเกินไป ผมสนิทกับมันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะมองออกว่ามันเป็นอะไร ไอ้จิณคบกับลักษณ์มาตั้งแต่ช่วงอยู่เตรียมทหาร ดูรักกันดีมาก แต่มามีปัญหาช่วงที่ขึ้นเหล่า

    เพราะตอนขึ้นเหล่าเป็นนักเรียนใหม่ชั้นปีที่หนึ่งพวกผมไม่ได้ใช้มือถือไปเลยหกถึงเจ็ดเดือน ความสัมพันธ์ของมันกับลักษณ์เริ่มห่างเหินกันในช่วงนั้น ลามมาจนถึงตอนนี้ที่เราขึ้นชั้นปีที่สองกันแล้ว

    “เดิม ๆ ว่ะ” มันบอกแล้วเอนบั้นท้ายพิงราวระเบียงก่อนจะสูดควันเข้าปอด “กู....คิดว่าลักษณ์มีคนอื่น แต่กูไม่กล้าถามเพราะกูกลัวว่ามันจะจริง”

    “จะช้าจะเร็วมึงก็ต้องรู้อยู่ดี หลอกตัวเองไปก็เท่านั้น” ผมบอกไปส่วนไอ้จิณก็ส่ายหัวไปมาเบาๆ

    “มึงน่ะพูดง่ายเพราะมึงไม่ใช่กูไง ไว้มึงรักใครสักคนมากๆเมื่อไหร่มึงจะเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับ” มันพูดกับผมด้วยท่าทางจริงจัง “แล้วกับพี่เมอ่ะ มึงจะหลอกเขาไปถึงเมื่อไหร่”

    “กูไม่ได้หลอก” ผมบอกมันด้วยอารมณ์เอื่อยๆเช่นกัน ก่อนจะเอาบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบบ้าง ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองดูดบุหรี่บ่อย ทั้งบุหรี่ปกติ ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าด้วย

    “ไม่ได้หลอกอะไร ที่ทำอยู่นี่ก็เรียกว่าหลอกทั้งนั้น” ไอ้จิณมันยังคงว่าผม ส่วนผมก็มองหน้ามั้นค้างเอาไว้อยู่ชั่วครู่ก็หันหนี “ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรก็อย่าไปคุยเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเขาเลย คนที่เขามารู้ทีหลังมันเจ็บนะมึง พี่เมไม่ได้เหมือนผู้หญิงหลายๆคนที่มึงยุ่งด้วยนะ”

    “กูรู้น่า” ผมตอบแล้วหันไปมองมันอีกทีก่อนจะอัดบุหรี่เข้าปอด “กูไม่ได้หลอก มันคือการจีบจริงๆ”

    “การจีบคือการที่มึงชอบเขา อยากเป็นแฟนกับเขาจริงๆ ไม่ใช่แค่เกมที่พวกกูท้ามึง” ไอ้จิณยังคงโทนสีหน้าจริงจังในขณะที่ผมยังคงเฉย “กูจะบอกมึงในฐานะที่มึงเป็นเพื่อนกูนะพีค”

    “อือ” ผมพยักหน้าเบาๆ

    “กูไม่อยากให้มึงเสียใจกับการกระทำของตัวเองทีหลังว่ะ” นี่เป็นคำพูดจริงจังไม่ได้ติดเล่นแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะดูถูกหรือท้าผมเหมือนกันแต่มันก็ไม่ได้จริงจังเหมือนคนอื่น มันบอกผมตลอดนั่นล่ะว่าไม่ควรไปเล่นกันความรู้สึกพี่เขา

    แต่แล้วยังไง ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้วน่ะนะ ผมไม่ถอยง่ายๆหรอก

     

     

    วันถัดมาผม กลับเข้านครนายกพร้อมไอ้พวกเพื่อนผม เรากลับมารถคันเดียวกันคือรถไอ้เอก เอารถมาจอดไว้ที่หอของเพื่อนในตอนเรียนคนนึงแล้วก็เข้ามาที่โรงเรียนกัน ผมยังคุยกับพี่เมตลอด แต่ส่วนใหญ่จะเน้นโทรหา ไม่ค่อยแชตเท่าไหร่

    พี่เมบอกว่าสัปดาห์นี้ไม่มีเรียนเลยจะอยู่ลพบุรียาวๆถึงวันศุกร์เพราะต้องกลับมาเคลียร์ยอดที่ร้านอยู่แล้วเพราะงั้นผมจึงบอกพี่เมรอรับผมที่กรุงเทพด้วยเลย ผมรู้สึกว่าผมต้องเร่งกว่านี้เพราะพี่ไม้แกจ้องจะฆ่าผมทุกนาทีหากมีโอกาส

    ผมคิดว่าเขารู้ว่าผมจูบกับพี่เม และคิดว่าเขาคงรู้ว่าผมกับพี่เมคุยกันอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทำสายตาอาฆาตรราวกับผมไปแย่งแฟนเขาขนาดนั้นหรอก

    “ไม้ มึงถามน้องเมให้กูยัง” ในระหว่างช่วงเย็นของวันพฤหัสที่ผมกำลังวิ่งอยู่ที่โรงเรียน วิ่งมาถึงจุดหนึ่งก็ได้ยินเหมือนเสียงของพี่ตงกับพี่ไม้คุยกันอยู่

    ผมไม่ได้วิ่งชิดเขาขนาดนั้นและด้านหน้าผมก็มีเพื่อนอีกสองคนคั่นเอาไว้ เลยคิดว่าเขาสองคนคงไม่ได้เห็นผมหรอก หรือเปล่านะ

    “ถามแล้ว” พี่ไม้ตอบ ส่วนผมก็ลดจังหวะสปีดการวิ่งลงเพื่อที่จะแอบฟัง จะว่าเสียมารยาทก็ช่าง แต่ผมก็แค่อยากรู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไรกันแค่นั้นเอง “กูว่าไม่ได้ว่ะ”

    “ทำไมวะ มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าน้องเมโสด” หากเดาจากคำพูดผมว่าพี่ตงคงอยากจีบพี่เมแน่ แต่ก็นะเขาพึ่งเลิกกับแฟนคนที่ไอ้เอกเข้าไปยุ่งด้วย ผมรู้ว่าเขาเริ่มทะเลาะกันหลังจากช่วงที่ผมมีเรื่องเพราะผมติดตามไอจีของพี่ตงอยู่

    “น้องมีคนคุยแล้ว ขอโทษว่ะกูก็พึ่งรู้เมื่อไม่นานนี่เอง” คำตอบของพี่ไม้ทำให้ผมยกยิ้ม ถึงแม้พี่ไม้จะตั้งท่าเกลียดผม ห้ามผมแต่เขาก็คงเคารพการตัดสินใจของน้องสาวตัวเอง ผมคิดว่าอยู่แล้วพี่ไม้เข้าไม่ได้ดูเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้น

    “ใครวะ แม่ง” พี่ตงสบถและในตอนนั้นเองสองคนที่วิ่งอยู่หน้าผมก็สปีดเลยไป ตอนนี้ด้านหน้าผมคงเหลือแค่พี่ไม้กับพี่ตงที่ห่างผมอยู่เมตรกว่าๆ แล้วก็ด้านหลังผมเป็นเพื่อนผมอีกทีแต่ห่างกันมากอยู่

    “อยากรู้เหรอ” พี่ไม้พูดส่วนผก็ยังยิ้มไม่หยุด

    “เออดิ ใครวะกูอุตส่าห์ชอบน้องเมมาตั้งนาน” ผมพึ่งรู้นะว่าพี่ตงเองก็ชอบพี่เมด้วย แน่ล่ะพี่เมสวยขนาดนั้น ผมไม่เถียงเลยจริงๆนะถ้าใครจะพูดว่าพี่เมสวย ขนาดม่าม๊ายังบอกว่าพี่เมสวยเลย ถึงจะดูตัวเล็กนุ่มนิ่มไปนิดก็เถอะ

    “ไอ้พีค เพื่อนไอ้เอก “พี่ไม้พูดชื่อออกมาเลย เขาคงไม่เห็นว่าผมวิ่งอยู่ข้างหลัง พอพี่ไม้พูดจบพี่ตงก็หยุดวิ่งทำให้พี่ไม้หยุดไปด้วย ผมที่วิ่งมาด้วยความเร็วกลางๆ ทำให้ผมวิ่งสามสี่ก้าวก็มาหยุดที่ด้านหลังของเขาทั้งสองคน และพี่ไม้กับพี่ตงก็หันมาเห็นผมพอดี

    “สวัสดีครั”บ ผมทักพี่ทั้งสองคน พี่ไม้เขาทำหน้านิ่งแต่พี่ตงนั้นมองผมพร้อมกับมุ่นคิ้ว ไอ้ผมมันก็กวนตีนอยู่แล้วเลยยกยิ้มให้ก่อนจะ... “เหมือนจะมีคนพูดถึงผมอยู่”

    ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรออกมา พี่ตงมองหน้าผม พี่ไม้เองก็เหมือนกัน แต่ในจังหวะนั้นเองมือถือผมที่ผมถือเอาไว้อยู่ก็มีสายเข้ามาพอดี เป็นพี่เมที่โทรมาเพราะผมบอกเธอว่าหากว่างแล้วให้โทรมาได้เลย ช่วงนี้เป็นช่วงฟรีของผมน่ะนะ หลังจากเห็นว่าใครโทรมาผมก็เงยหน้าไปยิ้มให้กับพี่ทั้งสองคน

    “ขอตัวนะครับ พี่ไม้พี่ตง” ว่าแล้วผมก็เดินอ้อมไหล่พี่ตงไปก่อนจะรับสาย “ครับ พี่เม”

    ถึงแม้จะไม่ได้หันหลังมองก็เดาสายตาของพี่ตงได้ว่าเป็นแบบไหน ผมน่ะรู้สึกร้อนหลังจังเลยนะ พี่ตงหรือพี่ไม้คงไม่ได้ปล่อยไฟจากตามาเผาผมหรอกใช่มั้ย

    แต่ผมจะทำยังไงได้ล่ะ เขารู้จักพี่เมมาก่อนผมแล้วไง ชอบมาก่อนผมแล้วไง ในเมื่อผมจีบก่อนและพี่เมก็ไม่ได้ปฏิเสธผมเสียทีเดียว ผมน่ะไม่มีทางให้พี่เมหลุดมือไปได้หรอก หรือถ้าจะได้ก็ต้องรอผมกับพี่เมเลิกกันก่อนแล้วกันนะครับพี่ตง....

    [พีคทำอะไรอยู่] หลังจาผมเดินมาไกลจากสองคนนั้นแล้วก็ไม่ได้เห็นพี่ไม้กับพี่ตงวิ่งมาทางนี้ผมเลยเดินไปนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่ง [พี่กวนหรือเปล่า]

    “ไม่กวนครับ ผมพักอยู่พอดี” ในจังหวะที่ผมนั่งและช้อนตาขึ้นมาบริเวณทางเดินก็เห็นว่าพี่ไม้กับพี่ตงวิ่งผ่านไป แล้วไอ้จิณกับไอ้ต่อก็วิ่งมาหาผม “แล้วนี่พี่เมทำอะไรอยู่ครับ”

    [พี่ออกมาเดินเล่นน่ะ มาเดินดูแถวบ้านไม่ได้มานานแล้ว] เธอบอกและผมก็ได้ยินเสียงลมแทรกเข้ามาในสายหน่อยๆ

    “พี่เมครับ ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ย” ผมพูดและเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้จิณเดินมานั่งข้างผมพอดี มันเหลือบตามองผมแล้วก็ส่ายหัวไปมาเบาๆ ผมเลยผลักมันไปที “บอกพี่ไม้ใช่มั้ยครับว่าเราคุยกันอยู่”

    [กะ ก็ ค่ะ ทำไมเหรอ] คำตอบของเธอทำผมยกยิ้มหน่อยๆ [พี่ไม้พูดอะไรไม่ดีกับพีคหรือเปล่า]

    “เปล่าครับ ผมแค่ได้ยินพี่ไม้บอกพี่ตงน่ะครับ” ผมพูดและพี่เมก็เงียบไป คำพูดของผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรอกนะ แต่ผมแค่ไม่อยากให้พี่เมไปเป็นของคนอื่นคนไหนนอกจากผมแค่นั้นเอง [พอดีผมบังเอิญได้ยินว่าพี่ตงจะจีบพี่เมน่ะครับ พี่ไม้ก็แค่บอกว่าพี่คุยกับผมอยู่]

    [อ่า...] เธอส่งเสียงออกมาแล้วเงียบไปประมาณอึดใจใหญ่ๆ

    “พี่คงรู้จักพี่ตงใช่มั้ยครับ ผมว่าพี่เขาเป็นคนดีนะครับ เรียนเก่งมากด้วย” ผมพูดกลายๆและไอ้จิณก็เบะปากตอนผมหันไปหามันพอดี “อีกอย่างเขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่ไม้ด้วย”

    [พี่ไม่ได้ชอบพี่ตงนะ ไม่ได้คิดอะไรด้วย] พี่เมตอบมาอย่างไว ผมพึงพอใจในคำตอบของเธอมาก เพราะถึงแม้เธอจะบอกว่าชอบหรือคิดอะไรกับพี่ตงผมก็ไม่ยอมปล่อยไปหรอก ใครจะอยากให้คนที่ตัวเองจีบไปเป็นของคนอื่น ว่ามั้ยล่ะ

    “อ๋อ ครับ ผมทำเสียงอ่อยส่วนไอ้จิณแทบจะเบะปากคว่ำเป็นรูปตัวยูแล้ว “ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจแล้วล่ะ แต่พี่เมรู้อะไรมั้ยครับ...”

    [หืม อะไรเหรอคะ]

    “ถึงพี่ตงเขายังจะจีบพี่ แต่ผมน่ะไม่ยอมหรอกนะครับ” ไอ้จิณผลักไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่มันจะลุกวิ่งไปต่อโดยที่ทิ้งผมไว้ตรงนี้ ส่วนไอ้ต่อนั้นก็วิ่งตามหลังไอ้จิณไป “เพราะผมชอบพี่เมมากจริงๆ รู้มั้ยครับ”

    [รู้แล้ว พีคบอกพี่หลายรอบแล้ว] เธอตอบเสียงเบา เดาว่าแก้มของเธอคงแดงปลั่งจากคำพูดของผมแน่ ๆ [ขยันพูดจริง ๆ เลย]

    “ก็ไม่อยากให้คนอื่นจีบพี่นี่ครับ ถ้าพี่ไปคบกับคนอื่นผมก็คงเสียใจ” ไม่แน่ใจว่าใบหน้าของตัวเองเป็นแบบไหน แต่ดูเหมือนว่ามันกำลังยิ้มอยู่เลย

    [พี่คิดกับพี่ตงแค่พี่ชายค่ะ] พี่เมย้ำกับผม

    “แล้วผมล่ะ แค่น้องชายมั้ย” คำถามของผมทำเอาพี่เมนิ่งสนิท เธอไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมาในทันที แต่ก็ได้ยินเสียงอึกอักอยู่เบาๆ “ตอบยากมากเหรอครับ”

    [พีคชอบเร่งพี่อีกแล้ว] น้ำเสียงเธองอแงเบาๆดูน่ารักไม่น้อยเลยล่ะ ผมคิดว่าพี่เมเป็นคนที่น่ารักไปหมดเลย ตัวเล็ก เสียงน่ารัก ดูนุ่มนิ่มมาก ถึงแม้จะเล็กไปหน่อยสำหรับผมก็เถอะ เธอสูงแค่ประมาณร้อยห้าสิบนิดๆเอง ส่วนผมนั้นสูงตั้งร้อยแปดสิบห้า

    เวลาคุยกันพี่เมต้องเงยหน้ามองผมตลอดเลย ผมก็เอ็นดูเธอมากจริงๆนะ

    “งั้นไว้ผมค่อยถามใหม่ทีหลังก็ได้” พี่เมยังไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมาเลยแต่ผมก็เห็นว่าพวกไอ้เอกวิ่งขึ้นมาถึงผมแล้วเลยกะว่าจะวิ่งต่อ “งั้นเดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ ค่อยคุยกันตอนดึกนะครับ คิดถึงนะ”

    “อะ โอเค” เธอสะตั้นกับการบอกคิดถึงผมอีกแล้ว แต่หลังจากนั้นผมก็กดวางสายไป

    รู้อะไรมั้ย ผู้หญิงแบบพี่เมถึงแม้จะดูไว้ตัว จีบยากเพราะโสดมานาน เธอมีกำแพงหัวใจ และกำแพงระหว่างผู้ชายทุกคนที่เข้ามา แต่ถ้าเข้าถูกจุดมันไม่ยากเลย ผู้หญิงที่โสดนานๆ และมีประสบการณ์ความรักที่ไม่ดีมาก่อน หรือผู้หญิงประเภทที่พึ่งพาตัวเองได้น่ะต้องการผู้ชายที่เอาใจใส่ไง

    ไม่ต้องหวือหวาแต่สม่ำเสมอ เอาใจเก่ง และใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนั้นน่ะแป๊บเดียวก็จีบติด พี่เมเป็นแบบนั้นนะ ถึงตอนแรกเธอจะดูไว้ตัวกับผมมากก็เถอะ แต่พอรู้จักกันและผมทำดีกับเธอ เธอก็พร้อมจะใจดีกับผม และแสดงช่องโหว่ออกมาได้ง่ายดายทีเดียว

    ถึงผมจะไม่เคยจีบผู้หญิงแบบนี้ แต่ก็พอรู้มาว่าจะต้องทำยังไงถึงจะเข้าถึงพี่เมได้ง่ายๆ พี่เมใจดีและปฏิเสธไม่เก่ง ใจอ่อนง่าย ผมพิสูจน์แล้วในวันที่ผมแกล้งป่วย ไม่ใช่สิ พยายามป่วยต่างหาก

      ในเย็นของวันศุกร์ผมเลิกเรียนแล้วต้องกลับชลบุรีเหมือนเคย ผมอ้อนขอพี่เมให้มารับที่นี่ได้หลังจากตอนแรกพี่เมบอกว่าจะรอรับผมที่กรุงเทพน่ะนะ แอบถามแล้วว่าวันนี้พี่ไม้เขาจะกลับบ้านที่ลพบุรี เขาไปกับพี่ตงน่ะนะ ผมถามจากพี่เมแล้ว วันนี้ผมจะได้กลับชลบุรีกับพี่เมสองคน

    “มึงไม่กลับกับพวกกูเหรอ” ในตอนที่เก็บของก่อนรวมกลับบ้านไอ้จิณก็ถาม “ไอ้เอกบอกว่ามึงไม่กลับด้วย มึงจะกลับยังไง”

    “พี่เมมารับ” หลังจากได้ฟังไอ้จิณก็กรอกตาไปมา “อะไรของมึง”

    “กูล่ะเบื่อมึงจริงๆ” ไอ้จิณพูดก่อนจะหันไปจัดของต่อ

    “แล้วมึงอ่ะ จะไปชลบุรีกับพวกนั้นมั้ย” ไอ้จิณส่ายหัวเป็นคำตอบไปมาเบาๆ ช่วงสัปดาห์นี้สีหน้าของมันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เดาว่าการทะเลาะกับลักษณ์คงยังไม่ได้รับการเคลียร์สินะ Wทำหน้าเหมือนโลกจะแตกขนาดนั้นยังไม่คืนดีกับลักษณ์ล่ะสิ”

    “กูว่าพรุ่งนี้ลักษณ์สอบเสร็จก็จะถามลักษณ์ให้รู้เรื่อง” มันตอบมาเพราะงั้นผมจึงเดินเข้าไปหามันก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ แล้ววางมือลงบนไหล่มัน ปกติผมกับมันไม่ค่อยแสดงออกอะไรอย่างรี้แต่ผมรู้ว่ามันห่วงผม และผมก็ห่วงมัน ไอ้จิณเป็นเพื่อนที่ดีของผมมาตลอด ผมเลยเฉยกับการไม่สบายของมันไม่ได้

    “จิณ กูรู้นะเว้ยว่ามึงรักเขามาก แต่ถ้าเกิดว่ามันไม่ไหวกูก็อยากให้มึงพอ เราพึ่งอายุแค่นี้ยังมีโอกาสเจอคนอีกมากนะ” ผมบอกมัน ไอ้จิณหันมามองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “การที่เขานอกใจมึงแปลว่าเขาไม่ได้รักมึงเหมือนเดิม ยังไงมันก็ไม่มีทางเหมือนเดิม แล้วกูก็ไม่อยากให้มึงเสียใจ”

    “เออ กูรู้ว่ามึงห่วงกู” มันตอบและผมก็บีบไหล่มัน “แต่กูก็แค่รักลักษณ์มาก กูไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย มันยากนะกับการที่กูต้องเลิกกับคนที่กูคิดจะสร้างอนาคตด้วย”

    “แต่ยังไงกูก็แค่หวังว่าลักษณ์จะไม่หักหลังมึง” ผมบอกมันและผมก็หวังแบบนั้นจริงๆนะ ไอ้จิณมันรักลักษณ์มาก มันไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนนอกจากลักษณ์เลย ตอนขึ้นเหล่าเป็นนักเรียนใหม่ไม่ได้คุยกัน แต่มันก็ติดรูปของลักษณ์ไว้ในตู้เก็บของด้วย “มึงไม่ควรเป็นคนที่เสียใจ”

    “พีค” มันเรียกชื่อผมก่อนจะมองด้วยแววตาที่จริงจัง ในประโยคต่อมาน้ำเสียงมันก็ยังคงหนักแน่นไม่เบาลงเลย “ไม่ใช่แค่กูที่ไม่ควรเสียใจ แต่ทุกคนไม่ควรเสียใจ”

    ผมรู้ว่ามันหมายถึงพี่เมแน่ ๆ ตลอดมามันก็ย้ำกับผมเรื่องการเสียใจ ผมเข้าใจดีทุกอย่างเข้าใจว่ามันไม่อยากให้พี่เมเสียใจหากรู้ว่าผมจีบเธอเพราะอะไร แต่ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตที่ดีกว่า

    พี่เมมารับผมที่โรงเรียนในช่วงบ่ายแก่ของวัน วันนี้ทางโรงเรียนปล่อยเร็วหน่อยและผมชวนพี่เมเอาไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวกัน

    พี่เมมารับเหรอได้ข่าว ไอ้เอกเดินตามหลังมา พวกนี้มันต้องไปหอเพื่อนในตอนเรียนของมันเพื่อไปเอาเรถที่เราจอไว้เมื่อวันอาทิตย์ก่อน ไอ้จิณบอก

    เออ ผมตอบส่งไปก่อนจะสอดส่องสายตาหารถพี่เม

    “เอาเรื่องนะมึงน่ะไอ้สอง” ไอ้เอกกอดคอผม “มึงนี่มันเด็ดจริง ๆ”

    “กูบอกแล้วว่าอย่าท้ากู” ผมหันไปยกยิ้มให้มัน ไอ้เอกไหวไหล่ใส่ผมเบาๆและผมก็มองเห็นว่าพี่เมจอดรถอยู่ไม่ไกลนัก “กูไปละ พี่เมอยู่โน่น”

    “เออรีบไป แล้วก็รีบๆด้วยนะ” เงินในกระเป๋ากูสั่นยิกๆแล้ว มันผลักไหล่ผมก่อนจะวิ่งไปส่วนผมก็แยกมาหาพี่เมที่รออยู่ เธอยืนอยู่ประตูหลังรถเหมือนว่าย้ายของจากกระโปรงหลังมาใส่เบาะด้านหลัง

    ไอ้พวกนี้น่ะนะมันเร่งผมยิกๆแล้ว แต่ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป ผมเป็นคนไม่รีบเรื่องความสัมพันธ์ขนาดนั้นหรอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนว่าพี่เมน่ะดึงดูดผมมากทีเดียว

    “มาแล้วเหรอ” พี่เมทักก่อนจะยิ้มให้ผม

    “ครับ คิดถึงจัง” พี่เมยู่หน้าหลังจากได้ฟัง แต่อันนี้ผมไม่ได้โกหกเธอนะ ผมคิดถึงจริงๆ แต่มันก็แค่คิดถึงเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากนั้น

    End Peak Phichaphol Talk

    May Mesa Talk

               

    “มาแล้วเหรอ” ฉันทักพีคหลังจากเห็นว่าเขาเดินมาทางนี้ แล้วก็ยิ้มให้เขา

    “ครับ คิดถึงจัง” การบอกคิดถึงของเขาช่างง่ายดายเหลือเกิน ราวกับว่าเขาคิดอย่างนั้นมาตลอดการพูดออกมาเลยไม่ต้องไตร่ตรองหรือเคอะเขินมากเลย แต่เขาจะรู้มั้ยว่าการที่เขาพูดแบบนั้นน่ะมันทำให้คนฟังเขินมากเลยนะ เขาน่ะควรรับผิดชอบหัวใจที่เต้นแรงของคนฟังบ้างสิ

    “บ้าน่า ฉันบอกไป “กลับเลยมั้ย พีคจะขับหรือให้พี่ขับ”

    “พี่เมขับก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวออกจากคาเฟ่ผมขับเอง” ใช่สินะ พีคชวนฉันมาคาเฟ่วันนี้ เพราะสัปดาห์ก่อนเขาเลิกค่ำแถมฉันต้องเขาไปรับพี่หมอกที่สนามบินด้วย ฉันเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับส่วนพีคก็เข้าไปทางประตูหลัง ฉันก็งงว่าเขาเข้าไปทำไม จนกระทั่งเขาบอก “ผมเปลี่ยนชุดก่อนครับ ไปชุดนี้คงไม่ดี”

    พีคบอกแล้วก็แกะกระดุมเสื้อเครื่องแบบออกทำให้ฉันที่คราแรกหันไปมองอยู่ก็ต้องหันหนีแต่โดยไว แต่จังหวะที่เขาแกะมันก็รวดเร็วพอที่จะทำให้ฉันผิวช่วงหน้าอกเขา แถมในตอนที่ฉันแอบเงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลังก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เขากำลังถอดเสื้อออกจากตัวพอดี ขาวมากเลย.....



     ••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

    - BABYBOW -

    เอาจริงๆคือไรท์ต้องการสร้างตัวละครแบบนี้จริงๆนะ แบบว่าเมเป็นคนผิดหวังจากความรักมา มีประสบการณ์ไม่ดี แต่พอเจอคนแบบพีคที่รู้จักวิธีเข้าหามันก็หวั่นไหวอ่ะ ต่อให้กำแพงสูงแค่ไหนก็สะเทือน แล้วอีน้องคือใส่ใจ เก็บรายละเอียด ชัดเจน ทำเหมือนจริงจังอ่ะ ไม่ได้หลบๆซ่อนๆด้วย ยิ่งกว่านัน้คือกล้าพูดต่อหน้าพี่ชายเขา เป็นใครก็คือหวั่นไหวอ่ะ

    มอบมีม

       

    Contact me

    FB : Babybow TW : Babybbow_ Group NC : Bababow [H+]



     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×