คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 250% ll #พีคเมษา ll THE CHIAN PEAK : EPISODE 07
THE CHIAN PEAK : EPISODE 07
“ครับ”
ผมตอบและอัดเข้าไปอีกเฮือก ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่าควรจะบอกเรื่องที่เห็นดีมั้ย แต่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของน้อง
น้องเป็นผู้หญิง โตมาก ๆ แล้ว ใกล้ถึงวัยที่จะมีครอบครัวแล้วด้วยซ้ำ “ผมแค่ไม่ค่อยโอเคถ้าน้องจะคบกับไอ้พีค
ไอ้พีคมันยังเด็กและมันคงไม่ได้จริงจังกับน้อง”
“น้องเมโตแล้วนะไม้
น้องเก่งมากด้วยมึงก็รู้” ผมไม่ได้เถียงพี่ชายเลย ผมรู้ว่าน้องโตมากแล้วและเก่งมากด้วย
“เราคอยดูน้องอยู่ห่างๆได้ ให้น้องได้ลองผิดลองถูกเอง ถ้าพลาดเราก็แค่รอปลอบ
แค่นั้นเอง”
“ผมแค่ไม่อยากให้น้องเสียใจ”
ผมพูดแล้วก็ถอนหายใจหนักๆออกมา ผมคิดว่าน้องสาวผมพบเจอความเสียใจมามากจนเกินไปแล้ว
น้องเมเป็นคนจิตใจดี
เธอใจดีกับทุกคนจนบางครั้งก็ถูกเอาเปรียบ ปฏิเสธคนไม่เก่งและรู้สึกผิดเก่งด้วย
ระหว่างที่พี่ชายผมไปเรียนโรงเรียนทหารสามปีก่อนที่เราจะย้ายมาอยู่ที่นี่
ตอนที่เรายังอยู่ที่บ้านย่าน้องสาวผมต้องพบเจอกับหลายอย่าง และสิ่งเหล่านั้นทำให้พวกเราเลือกจะไม่กลับไปอีก
ผมพยายามดูแลน้องสาวผมอย่างดีที่สุด
เพราะเมไม่เคยสัมผัสความรักจากทั้งพ่อและแม่ด้วยซ้ำ เธอน่าสงสาร
ผมเลยไม่อยากให้เมเจอสิ่งที่ไม่ดี
“กูเข้าใจ
แต่บางครั้งทุกสิ่งก็ไม่ได้เป็นไปตามแบบที่มึงคิดหรอกไม้ อย่าพึ่งอคติไป”
คำพูดของพี่ชายทำให้ผมเงียบไป เราไม่ได้พูดอะไรเรื่องนี้ต่อกันอีกจนกระทั่งเดินกลับเข้ามาในบ้าน
น้องเมกำลังกวาดพื้นอยู่ เธอใส่หูฟังบลูทูธและกำลังคุยอยู่กับใครสักคน
น้องเมกำลังก้มหน้าอยู่
เธอไม่ได้เห็นผมกับพี่ไม้ แต่ผมดูออกว่าน้องผมกำลังยิ้ม
เป็นรอยยิ้มที่ผมคิดว่านานแล้วที่ไม่ได้เห็นมัน หมายถึงรอยยิ้มที่ปราศจากการปั้นแต่ง
เป็นรอยยิ้มจากคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว และผมได้ยินเธอเรียกว่าพีค ก็คงคุยกันอยู่จริงๆ
ตกบ่ายผมออกมาที่โรบินสันกับน้องเมเพื่อซื้อของเข้าบ้าน
พรุ่งนี้เย็นผมคงต้องกลับไปนครนายกแล้ว พี่หมอกก็คงเตรียมตัวกลับไปทำงาน อะไรที่ผมช่วยได้ผมก็อยากช่วยไปก่อน
ตอนนี้กลายเป็นว่ามีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ได้ทำงาน
ถึงแม้ผมจะมีเงินเดินจากการเรียนด้วยก็เถอะนะ
แต่มันก็ยังสู้พี่หมอกหรือแม้แต่น้องเมไม่ได้เลย
“น้องเมคิดหรือยังว่าเรียนจบแล้วจะทำอะไร”
ระหว่างที่นั่งรถกลับบ้านผมก็ถามออกไป
“เมก็คงทำร้าน
แล้วก็ขายของเหมือนเดิมแหละค่ะ แต่เมว่าจะทำแบรนด์ “เรื่องนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยิน
น้องเมขายของออนไลน์ให้แบรนด์อื่นมาหลายปีแล้ว เธอทำเงินได้เยอะอาจจะเพราะหน้าตาผิวพรรณด้วย
“แต่เมแค่คิด อาจจะเก็บทุนก่อนแล้วก็จ่ายเงินค่าร้านงวดสุดท้าย ค่อยว่ากันอีกที”
“อือ
ดีแล้วล่ะ เก็บเงินไว้ก่อนถ้าพี่เรียนจบพี่จะช่วยเมเอง” น้องสาวหันมายิ้มให้ผม
“พี่ไม้ไม่ต้องคิดมากเรื่องเมเลย
เดี๋ยวเมจัดการเอง” เธอตอบราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายดาย หรืออาจจะแค่น้องเมจัดการปัญหาทุกอย่างเองจนมันดูง่ายสำหรับเธอ
“ถ้าพี่ไม้อยากทำอะไรบอกเมนะ เมจะช่วยทุกอย่างเลย อยากไปเรียนต่างประเทศก็ได้”
“พี่ไม่อยากทำอะไรหรอก
เอาเท่าที่เมอยากทำก็พอ” ผมบอกไปและเงียบไปประมาณหนึ่งอึดใจใหญ่ๆ ลอบมองน้องสาวก่อนจะคิดว่าควรพูดบางอย่างออกไปดีมั้ย
แต่ผมก็แค่อยากสร้างทางเลือกให้น้องเฉยๆ “เมจำพี่ตงได้มั้ย เพื่อนพี่”
“จำได้ค่ะ
ทำไมเหรอ” น้องสาวหันมามองก่อนจะหันไปมองทาง
“มันชอบเมอ่ะ”
เมเงียบไป ส่วนไอ้ตงมันเป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่เตรียมทหาร เข้ามาในโควตานักเรียนนายสิบเหมือนกัน
เรียนอยู่ตอนเรียนเดียวกัน แล้วก็เป็นคนที่ไอ้เอกเพื่อนของไอ้พีคมามีเรื่องด้วยในตอนนั้น
เพราะไอ้เอกมันมายุ่งกับแฟนเพื่อนผม
หลังจากมีเรื่องกันไม่นานมันก็เลิกกับแฟน
แล้วก็ยังไม่มีใคร ผมรู้จักมันดี มันไม่ได้ต่างอะไรจากไอ้พีค แต่มันเป็นเพื่อนผม
ผมรู้จักมันดีและมันไม่กล้าทำให้น้องผมเสียใจหรอก อย่างน้อยก็คงเห็นแก่ความเป็นเพื่อนกันของเรา
แต่บางทีผมอาตจจะแค่ไบแอสไอ้ตงกว่าไอ้พีคแค่นั้นมั้ง
“ถ้าตงมันอยากจะจีบน้องเม
น้องเมโอเคมั้ย” เธอยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา มองเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างก็เห็นว่าเธอนิ่งไปราวกับคิดอะไรอยู่
“พี่ไม้...
คือว่าเม” เธอพูดและเงียบไป ดูเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ ผมดูออกแล้วว่าเมกำลังคุยกับไอ้พีคแน่ถึงแม้เมื่อวานตอนกลางคืนเธอจะบอกว่ามาได้คิดอะไรกับมันก็เถอะ
แต่ถ้าไม่คิดเมไม่ยอมให้มันจูบหรอก ผมรู้ รู้ว่าตอนที่น้องเมกลับขึ้นไปนั้นน้องไปเจอไอ้พีค
“เมคุยกับพีคอยู่ค่ะ”
“......”
คำยืนยันของน้องทำให้ผมนิ่ง ถึงแม้ตอนแรกผมก็แอบคิดว่าคงไม่ใช่ แต่ตอนนี้ก็คงใช่แล้วลาะ
เมไม่ได้เป็นคนที่จะโกหกเพื่อจะหลีกเลี่ยงอะไรสักหน่อย “เมื่อวานเมพึ่งบอกพี่ว่าเมไม่ได้คิดอะไรกับน้องมัน
ไม่ใช่เหรอ”
“ก็...ค่ะ
แต่ว่าเมมาคิดดูแล้วน้องไม่ได้เหมือนคนอื่นที่เมเคยคุย หรือมาจีบเม”
“แน่ใจเหรอ”
เป็นคำตอบที่ผมไม่ได้อยากปรักปรำอะไรไอ้พีคว่ามันไม่ได้เป็นแบบที่เมคิด “พี่อยากให้เมคิดให้ดี
แต่ถ้าเมคิดดีแล้วก็ไม่เป็นไร”
“ค่ะ”
เธอตอบรับเสียงเบากับผม ก่อนจะเงียบไปราวๆนาทีก็พูดขึ้นมาอีก “เมไม่รู้ว่าพี่ไม้กับพีคมีปัญหาอะไรกัน
แต่สำหรับเมน้องไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกมั้งคะ พี่ไม่อย่าคิดมากเลย เมจะระวังค่ะ”
End Mike
Porames Talk
Peak Phichaphol Talk
“พวกมึงมาทำเหี้ยไรกัน”
ผมถามเสียงเหี้ยมหลังจากเปิดประตูมาแล้วเจอพวกเพื่อนผมอยู่หน้าห้อง ตรงนี้มีไอ้เอก
ไอ้ต่อ ไอ้จิณ ไอ้เบส ส่วนไอ้ใหญ่ไม่เห็นนะ ไอ้พวกนี้มันรู้คอนโดผมแล้วอาจจะเคยมาแต่มาห้องพี่พราว
ส่วนห้องผมมันรู้ได้ไงก็ยังไม่รู้
“มาหามึงไงครับเพื่อนพีค”
ไอ้เอกเป็นคนตอบส่วนผมก็ส่ายหัวพลางเปิดประตูให้มันพวกมันเข้ามา “พวกกูแอบถามห้องมึงมากับพี่พราวเลยนะ
เซอร์ไพรส์ไง”
“ทักไม่ตอบนึกว่าตายเลยมาดู”
ไอ้จิณพูดเอื่อยๆแล้วถือพวกขวดเหล้าเข้ามาด้วย
“นอนอยู่
ตอนแรกพวกมึงบอกจะไม่มาไม่ใช่ไง?” ผมถามก่อนจะเดินไปเก็บเสื้อที่อยู่โซฟาไปไว้ในห้องนอน
“คิดไงแห่กันมา ไอ้พี่ใหญ่ไปไหนไม่มาด้วย”
“ติด....”
ไอ้ต่อตอบแล้วทิ้งตัวนั่งลงโซฟา
“ได้ข่าวว่าห้องอยู่ตรงข้ามพี่เมไม่ใช่เหรอ”
ไอ้เอกพูดแล้วก็ยิ้มกริ่มใส่ผม “ไปถึงไหนแล้วล่ะไอ้สอง”
“ติดละ
“ผมตอบส่งๆก่อนจะเดินไปหาโถที่ใส่น้ำแข็งมาให้พวกมัน
เพราะเห็นถือเปล้าถือเบียร์โซดาน้ำแข็งมาเยอะกันขนาดนี้ พวกมันคงตั้งถิ่นฐานที่นี่แล้วล่ะ
“ติดนี่คือไร”
ไอ้จิณพูดแล้วก็เบนสายตามามองผม ผมไม่ได้ตอบอะไรกันแต่ว่ายกยิ้มกลับไป
ไม่รู้ว่าพวกมันจะคิดว่ายังไง ตีความแบบไหนเหมือนกัน “ยิ้มควายไร บอกมา”
“ก็จีบติดไง
ตอนนี้ก็คุยกันอยู่” ผมตอบก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างไอ้จิณ เพื่อนมุ่นคิ้วในคำตอบของผม
แต่ไม่นานนักผมก็ยกนิ้วขึ้นแตะปากตัวเองสองสามที ทำเพียงแค่นี้พวกมันก็คงตีความได้ว่าผมได้จูบพี่เมแล้ว
พวกกผมเก่งเรื่องการสื่อความหมายจากท่าทางกันอยู่น่ะนะ
“เชรดดดดด”
นี่เป็นเสียงไอ้ต่อ
“เด็ดป่ะๆ”
คราวนี้ไอ้เบสก็ทำท่าหูตั้งหางตั้งราวกับสนใจนักหนา
แม้แต่ไอ้จิณที่คราวแรกดูไม่ได้สนใจอะไรมากก็ยังดูกระตือรือร้นขึ้นมาเลย
“ความลับ”
ผมตอบก่อนจะยกยิ้มอีกหน ในหัวกลับนึกถึงรสชาติจูบที่นุ่มนิ่มของเธอ พี่เมทำให้ผมรู้สึกว้าวมากเลยนะ
คราวแรกผมนึกว่าเธอจะเป็นพวกที่ดูจืดชืดไร้ชีวิตชีวา อาจจะเพราะการใช้ชีวิตของเธอดูไม่หวือหวาอะไร
ดูไม่ใช่คนช่ำชอง แถมยังยังซิงอยู่ด้วยน่ะนะ
แต่พอจูบแล้วกลับตราตรึงอยู่เลย
เป็นรสชาติจูบที่ละมุน นุ่มนิ่ม ดูไม่ได้หวือหวาแต่กลับลืมไม่ลง
“เอาว่ะ
มันเอาว่ะ”
ไอ้เอกว่าแล้วก็เป็นคนแจกจ่ายแก้วพลาสติกที่มันพวกมาด้วยให้กับไอ้ต่อที่กำลังกระทุ้งน้ำแข็งให้แตกออกจากกัน
“สงสารพี่เมจริงๆ”
ไอ้จิณพูดขึ้นมาลอยๆก่อนจะเดินออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง ผมมองตามหลังมันไป
จนมันปิดประตูระเบียงลงผมจึงหันกลับมาช่วยไอ้เบสชงเหล้า ราวๆห้านาทีถึงได้เดินตามมันออกไป
ตอนผมออกมาก็เห็นว่ามันพึ่งยักดมือถือกลับเข้ากระเป๋า หน้าตาดูเคร่งเครียดเชียว
“ทะเลาะกับลักษณ์อีกแล้วเหรอ”
เพราะสังเกตมันตั้งแต่มาแล้วว่าหน้าตามันดูเรียบๆอึนๆจนเกินไป
ผมสนิทกับมันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะมองออกว่ามันเป็นอะไร ไอ้จิณคบกับลักษณ์มาตั้งแต่ช่วงอยู่เตรียมทหาร
ดูรักกันดีมาก แต่มามีปัญหาช่วงที่ขึ้นเหล่า
เพราะตอนขึ้นเหล่าเป็นนักเรียนใหม่ชั้นปีที่หนึ่งพวกผมไม่ได้ใช้มือถือไปเลยหกถึงเจ็ดเดือน
ความสัมพันธ์ของมันกับลักษณ์เริ่มห่างเหินกันในช่วงนั้น ลามมาจนถึงตอนนี้ที่เราขึ้นชั้นปีที่สองกันแล้ว
“เดิม
ๆ ว่ะ” มันบอกแล้วเอนบั้นท้ายพิงราวระเบียงก่อนจะสูดควันเข้าปอด “กู....คิดว่าลักษณ์มีคนอื่น
แต่กูไม่กล้าถามเพราะกูกลัวว่ามันจะจริง”
“จะช้าจะเร็วมึงก็ต้องรู้อยู่ดี
หลอกตัวเองไปก็เท่านั้น” ผมบอกไปส่วนไอ้จิณก็ส่ายหัวไปมาเบาๆ
“มึงน่ะพูดง่ายเพราะมึงไม่ใช่กูไง
ไว้มึงรักใครสักคนมากๆเมื่อไหร่มึงจะเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับ”
มันพูดกับผมด้วยท่าทางจริงจัง “แล้วกับพี่เมอ่ะ มึงจะหลอกเขาไปถึงเมื่อไหร่”
“กูไม่ได้หลอก”
ผมบอกมันด้วยอารมณ์เอื่อยๆเช่นกัน ก่อนจะเอาบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบบ้าง ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองดูดบุหรี่บ่อย
ทั้งบุหรี่ปกติ ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าด้วย
“ไม่ได้หลอกอะไร
ที่ทำอยู่นี่ก็เรียกว่าหลอกทั้งนั้น” ไอ้จิณมันยังคงว่าผม
ส่วนผมก็มองหน้ามั้นค้างเอาไว้อยู่ชั่วครู่ก็หันหนี “ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรก็อย่าไปคุยเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเขาเลย
คนที่เขามารู้ทีหลังมันเจ็บนะมึง พี่เมไม่ได้เหมือนผู้หญิงหลายๆคนที่มึงยุ่งด้วยนะ”
“กูรู้น่า”
ผมตอบแล้วหันไปมองมันอีกทีก่อนจะอัดบุหรี่เข้าปอด “กูไม่ได้หลอก มันคือการจีบจริงๆ”
“การจีบคือการที่มึงชอบเขา
อยากเป็นแฟนกับเขาจริงๆ ไม่ใช่แค่เกมที่พวกกูท้ามึง” ไอ้จิณยังคงโทนสีหน้าจริงจังในขณะที่ผมยังคงเฉย
“กูจะบอกมึงในฐานะที่มึงเป็นเพื่อนกูนะพีค”
“อือ”
ผมพยักหน้าเบาๆ
“กูไม่อยากให้มึงเสียใจกับการกระทำของตัวเองทีหลังว่ะ”
นี่เป็นคำพูดจริงจังไม่ได้ติดเล่นแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะดูถูกหรือท้าผมเหมือนกันแต่มันก็ไม่ได้จริงจังเหมือนคนอื่น
มันบอกผมตลอดนั่นล่ะว่าไม่ควรไปเล่นกันความรู้สึกพี่เขา
แต่แล้วยังไง
ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้วน่ะนะ ผมไม่ถอยง่ายๆหรอก
วันถัดมาผม
กลับเข้านครนายกพร้อมไอ้พวกเพื่อนผม เรากลับมารถคันเดียวกันคือรถไอ้เอก
เอารถมาจอดไว้ที่หอของเพื่อนในตอนเรียนคนนึงแล้วก็เข้ามาที่โรงเรียนกัน ผมยังคุยกับพี่เมตลอด
แต่ส่วนใหญ่จะเน้นโทรหา ไม่ค่อยแชตเท่าไหร่
พี่เมบอกว่าสัปดาห์นี้ไม่มีเรียนเลยจะอยู่ลพบุรียาวๆถึงวันศุกร์เพราะต้องกลับมาเคลียร์ยอดที่ร้านอยู่แล้วเพราะงั้นผมจึงบอกพี่เมรอรับผมที่กรุงเทพด้วยเลย
ผมรู้สึกว่าผมต้องเร่งกว่านี้เพราะพี่ไม้แกจ้องจะฆ่าผมทุกนาทีหากมีโอกาส
ผมคิดว่าเขารู้ว่าผมจูบกับพี่เม
และคิดว่าเขาคงรู้ว่าผมกับพี่เมคุยกันอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทำสายตาอาฆาตรราวกับผมไปแย่งแฟนเขาขนาดนั้นหรอก
“ไม้
มึงถามน้องเมให้กูยัง” ในระหว่างช่วงเย็นของวันพฤหัสที่ผมกำลังวิ่งอยู่ที่โรงเรียน
วิ่งมาถึงจุดหนึ่งก็ได้ยินเหมือนเสียงของพี่ตงกับพี่ไม้คุยกันอยู่
ผมไม่ได้วิ่งชิดเขาขนาดนั้นและด้านหน้าผมก็มีเพื่อนอีกสองคนคั่นเอาไว้
เลยคิดว่าเขาสองคนคงไม่ได้เห็นผมหรอก หรือเปล่านะ
“ถามแล้ว”
พี่ไม้ตอบ ส่วนผมก็ลดจังหวะสปีดการวิ่งลงเพื่อที่จะแอบฟัง จะว่าเสียมารยาทก็ช่าง
แต่ผมก็แค่อยากรู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไรกันแค่นั้นเอง “กูว่าไม่ได้ว่ะ”
“ทำไมวะ
มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าน้องเมโสด” หากเดาจากคำพูดผมว่าพี่ตงคงอยากจีบพี่เมแน่ แต่ก็นะเขาพึ่งเลิกกับแฟนคนที่ไอ้เอกเข้าไปยุ่งด้วย
ผมรู้ว่าเขาเริ่มทะเลาะกันหลังจากช่วงที่ผมมีเรื่องเพราะผมติดตามไอจีของพี่ตงอยู่
“น้องมีคนคุยแล้ว
ขอโทษว่ะกูก็พึ่งรู้เมื่อไม่นานนี่เอง” คำตอบของพี่ไม้ทำให้ผมยกยิ้ม
ถึงแม้พี่ไม้จะตั้งท่าเกลียดผม ห้ามผมแต่เขาก็คงเคารพการตัดสินใจของน้องสาวตัวเอง
ผมคิดว่าอยู่แล้วพี่ไม้เข้าไม่ได้ดูเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้น
“ใครวะ
แม่ง” พี่ตงสบถและในตอนนั้นเองสองคนที่วิ่งอยู่หน้าผมก็สปีดเลยไป
ตอนนี้ด้านหน้าผมคงเหลือแค่พี่ไม้กับพี่ตงที่ห่างผมอยู่เมตรกว่าๆ
แล้วก็ด้านหลังผมเป็นเพื่อนผมอีกทีแต่ห่างกันมากอยู่
“อยากรู้เหรอ”
พี่ไม้พูดส่วนผก็ยังยิ้มไม่หยุด
“เออดิ
ใครวะกูอุตส่าห์ชอบน้องเมมาตั้งนาน” ผมพึ่งรู้นะว่าพี่ตงเองก็ชอบพี่เมด้วย แน่ล่ะพี่เมสวยขนาดนั้น
ผมไม่เถียงเลยจริงๆนะถ้าใครจะพูดว่าพี่เมสวย ขนาดม่าม๊ายังบอกว่าพี่เมสวยเลย
ถึงจะดูตัวเล็กนุ่มนิ่มไปนิดก็เถอะ
“ไอ้พีค
เพื่อนไอ้เอก “พี่ไม้พูดชื่อออกมาเลย เขาคงไม่เห็นว่าผมวิ่งอยู่ข้างหลัง
พอพี่ไม้พูดจบพี่ตงก็หยุดวิ่งทำให้พี่ไม้หยุดไปด้วย ผมที่วิ่งมาด้วยความเร็วกลางๆ ทำให้ผมวิ่งสามสี่ก้าวก็มาหยุดที่ด้านหลังของเขาทั้งสองคน
และพี่ไม้กับพี่ตงก็หันมาเห็นผมพอดี
“สวัสดีครั”บ
ผมทักพี่ทั้งสองคน พี่ไม้เขาทำหน้านิ่งแต่พี่ตงนั้นมองผมพร้อมกับมุ่นคิ้ว ไอ้ผมมันก็กวนตีนอยู่แล้วเลยยกยิ้มให้ก่อนจะ...
“เหมือนจะมีคนพูดถึงผมอยู่”
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรออกมา
พี่ตงมองหน้าผม พี่ไม้เองก็เหมือนกัน แต่ในจังหวะนั้นเองมือถือผมที่ผมถือเอาไว้อยู่ก็มีสายเข้ามาพอดี
เป็นพี่เมที่โทรมาเพราะผมบอกเธอว่าหากว่างแล้วให้โทรมาได้เลย
ช่วงนี้เป็นช่วงฟรีของผมน่ะนะ หลังจากเห็นว่าใครโทรมาผมก็เงยหน้าไปยิ้มให้กับพี่ทั้งสองคน
“ขอตัวนะครับ
พี่ไม้พี่ตง” ว่าแล้วผมก็เดินอ้อมไหล่พี่ตงไปก่อนจะรับสาย “ครับ พี่เม”
ถึงแม้จะไม่ได้หันหลังมองก็เดาสายตาของพี่ตงได้ว่าเป็นแบบไหน
ผมน่ะรู้สึกร้อนหลังจังเลยนะ พี่ตงหรือพี่ไม้คงไม่ได้ปล่อยไฟจากตามาเผาผมหรอกใช่มั้ย
แต่ผมจะทำยังไงได้ล่ะ
เขารู้จักพี่เมมาก่อนผมแล้วไง ชอบมาก่อนผมแล้วไง ในเมื่อผมจีบก่อนและพี่เมก็ไม่ได้ปฏิเสธผมเสียทีเดียว
ผมน่ะไม่มีทางให้พี่เมหลุดมือไปได้หรอก หรือถ้าจะได้ก็ต้องรอผมกับพี่เมเลิกกันก่อนแล้วกันนะครับพี่ตง....
[พีคทำอะไรอยู่]
หลังจาผมเดินมาไกลจากสองคนนั้นแล้วก็ไม่ได้เห็นพี่ไม้กับพี่ตงวิ่งมาทางนี้ผมเลยเดินไปนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่ง
[พี่กวนหรือเปล่า]
“ไม่กวนครับ
ผมพักอยู่พอดี” ในจังหวะที่ผมนั่งและช้อนตาขึ้นมาบริเวณทางเดินก็เห็นว่าพี่ไม้กับพี่ตงวิ่งผ่านไป
แล้วไอ้จิณกับไอ้ต่อก็วิ่งมาหาผม “แล้วนี่พี่เมทำอะไรอยู่ครับ”
[พี่ออกมาเดินเล่นน่ะ
มาเดินดูแถวบ้านไม่ได้มานานแล้ว] เธอบอกและผมก็ได้ยินเสียงลมแทรกเข้ามาในสายหน่อยๆ
“พี่เมครับ
ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ย” ผมพูดและเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้จิณเดินมานั่งข้างผมพอดี มันเหลือบตามองผมแล้วก็ส่ายหัวไปมาเบาๆ
ผมเลยผลักมันไปที “บอกพี่ไม้ใช่มั้ยครับว่าเราคุยกันอยู่”
[กะ
ก็ ค่ะ ทำไมเหรอ] คำตอบของเธอทำผมยกยิ้มหน่อยๆ [พี่ไม้พูดอะไรไม่ดีกับพีคหรือเปล่า]
“เปล่าครับ
ผมแค่ได้ยินพี่ไม้บอกพี่ตงน่ะครับ” ผมพูดและพี่เมก็เงียบไป คำพูดของผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรอกนะ
แต่ผมแค่ไม่อยากให้พี่เมไปเป็นของคนอื่นคนไหนนอกจากผมแค่นั้นเอง [พอดีผมบังเอิญได้ยินว่าพี่ตงจะจีบพี่เมน่ะครับ
พี่ไม้ก็แค่บอกว่าพี่คุยกับผมอยู่]
[อ่า...] เธอส่งเสียงออกมาแล้วเงียบไปประมาณอึดใจใหญ่ๆ
“พี่คงรู้จักพี่ตงใช่มั้ยครับ
ผมว่าพี่เขาเป็นคนดีนะครับ เรียนเก่งมากด้วย”
ผมพูดกลายๆและไอ้จิณก็เบะปากตอนผมหันไปหามันพอดี “อีกอย่างเขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่ไม้ด้วย”
[พี่ไม่ได้ชอบพี่ตงนะ
ไม่ได้คิดอะไรด้วย] พี่เมตอบมาอย่างไว ผมพึงพอใจในคำตอบของเธอมาก
เพราะถึงแม้เธอจะบอกว่าชอบหรือคิดอะไรกับพี่ตงผมก็ไม่ยอมปล่อยไปหรอก
ใครจะอยากให้คนที่ตัวเองจีบไปเป็นของคนอื่น ว่ามั้ยล่ะ
“อ๋อ
ครับ ผมทำเสียงอ่อยส่วนไอ้จิณแทบจะเบะปากคว่ำเป็นรูปตัวยูแล้ว “ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจแล้วล่ะ
แต่พี่เมรู้อะไรมั้ยครับ...”
[หืม
อะไรเหรอคะ]
“ถึงพี่ตงเขายังจะจีบพี่
แต่ผมน่ะไม่ยอมหรอกนะครับ” ไอ้จิณผลักไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่มันจะลุกวิ่งไปต่อโดยที่ทิ้งผมไว้ตรงนี้
ส่วนไอ้ต่อนั้นก็วิ่งตามหลังไอ้จิณไป “เพราะผมชอบพี่เมมากจริงๆ รู้มั้ยครับ”
[รู้แล้ว
พีคบอกพี่หลายรอบแล้ว] เธอตอบเสียงเบา เดาว่าแก้มของเธอคงแดงปลั่งจากคำพูดของผมแน่
ๆ [ขยันพูดจริง ๆ เลย]
“ก็ไม่อยากให้คนอื่นจีบพี่นี่ครับ
ถ้าพี่ไปคบกับคนอื่นผมก็คงเสียใจ” ไม่แน่ใจว่าใบหน้าของตัวเองเป็นแบบไหน
แต่ดูเหมือนว่ามันกำลังยิ้มอยู่เลย
[พี่คิดกับพี่ตงแค่พี่ชายค่ะ] พี่เมย้ำกับผม
“แล้วผมล่ะ
แค่น้องชายมั้ย” คำถามของผมทำเอาพี่เมนิ่งสนิท เธอไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมาในทันที แต่ก็ได้ยินเสียงอึกอักอยู่เบาๆ
“ตอบยากมากเหรอครับ”
[พีคชอบเร่งพี่อีกแล้ว] น้ำเสียงเธองอแงเบาๆดูน่ารักไม่น้อยเลยล่ะ
ผมคิดว่าพี่เมเป็นคนที่น่ารักไปหมดเลย ตัวเล็ก เสียงน่ารัก ดูนุ่มนิ่มมาก
ถึงแม้จะเล็กไปหน่อยสำหรับผมก็เถอะ เธอสูงแค่ประมาณร้อยห้าสิบนิดๆเอง ส่วนผมนั้นสูงตั้งร้อยแปดสิบห้า
เวลาคุยกันพี่เมต้องเงยหน้ามองผมตลอดเลย
ผมก็เอ็นดูเธอมากจริงๆนะ
“งั้นไว้ผมค่อยถามใหม่ทีหลังก็ได้”
พี่เมยังไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมาเลยแต่ผมก็เห็นว่าพวกไอ้เอกวิ่งขึ้นมาถึงผมแล้วเลยกะว่าจะวิ่งต่อ
“งั้นเดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ ค่อยคุยกันตอนดึกนะครับ คิดถึงนะ”
“อะ
โอเค” เธอสะตั้นกับการบอกคิดถึงผมอีกแล้ว แต่หลังจากนั้นผมก็กดวางสายไป
รู้อะไรมั้ย
ผู้หญิงแบบพี่เมถึงแม้จะดูไว้ตัว จีบยากเพราะโสดมานาน เธอมีกำแพงหัวใจ
และกำแพงระหว่างผู้ชายทุกคนที่เข้ามา แต่ถ้าเข้าถูกจุดมันไม่ยากเลย ผู้หญิงที่โสดนานๆ
และมีประสบการณ์ความรักที่ไม่ดีมาก่อน หรือผู้หญิงประเภทที่พึ่งพาตัวเองได้น่ะต้องการผู้ชายที่เอาใจใส่ไง
ไม่ต้องหวือหวาแต่สม่ำเสมอ
เอาใจเก่ง และใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนั้นน่ะแป๊บเดียวก็จีบติด พี่เมเป็นแบบนั้นนะ
ถึงตอนแรกเธอจะดูไว้ตัวกับผมมากก็เถอะ แต่พอรู้จักกันและผมทำดีกับเธอ เธอก็พร้อมจะใจดีกับผม
และแสดงช่องโหว่ออกมาได้ง่ายดายทีเดียว
ถึงผมจะไม่เคยจีบผู้หญิงแบบนี้
แต่ก็พอรู้มาว่าจะต้องทำยังไงถึงจะเข้าถึงพี่เมได้ง่ายๆ พี่เมใจดีและปฏิเสธไม่เก่ง
ใจอ่อนง่าย ผมพิสูจน์แล้วในวันที่ผมแกล้งป่วย ไม่ใช่สิ พยายามป่วยต่างหาก
ในเย็นของวันศุกร์ผมเลิกเรียนแล้วต้องกลับชลบุรีเหมือนเคย
ผมอ้อนขอพี่เมให้มารับที่นี่ได้หลังจากตอนแรกพี่เมบอกว่าจะรอรับผมที่กรุงเทพน่ะนะ
แอบถามแล้วว่าวันนี้พี่ไม้เขาจะกลับบ้านที่ลพบุรี เขาไปกับพี่ตงน่ะนะ
ผมถามจากพี่เมแล้ว วันนี้ผมจะได้กลับชลบุรีกับพี่เมสองคน
“มึงไม่กลับกับพวกกูเหรอ”
ในตอนที่เก็บของก่อนรวมกลับบ้านไอ้จิณก็ถาม “ไอ้เอกบอกว่ามึงไม่กลับด้วย
มึงจะกลับยังไง”
“พี่เมมารับ”
หลังจากได้ฟังไอ้จิณก็กรอกตาไปมา “อะไรของมึง”
“กูล่ะเบื่อมึงจริงๆ”
ไอ้จิณพูดก่อนจะหันไปจัดของต่อ
“แล้วมึงอ่ะ
จะไปชลบุรีกับพวกนั้นมั้ย” ไอ้จิณส่ายหัวเป็นคำตอบไปมาเบาๆ
ช่วงสัปดาห์นี้สีหน้าของมันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เดาว่าการทะเลาะกับลักษณ์คงยังไม่ได้รับการเคลียร์สินะ
Wทำหน้าเหมือนโลกจะแตกขนาดนั้นยังไม่คืนดีกับลักษณ์ล่ะสิ”
“กูว่าพรุ่งนี้ลักษณ์สอบเสร็จก็จะถามลักษณ์ให้รู้เรื่อง”
มันตอบมาเพราะงั้นผมจึงเดินเข้าไปหามันก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ แล้ววางมือลงบนไหล่มัน
ปกติผมกับมันไม่ค่อยแสดงออกอะไรอย่างรี้แต่ผมรู้ว่ามันห่วงผม และผมก็ห่วงมัน ไอ้จิณเป็นเพื่อนที่ดีของผมมาตลอด
ผมเลยเฉยกับการไม่สบายของมันไม่ได้
“จิณ
กูรู้นะเว้ยว่ามึงรักเขามาก แต่ถ้าเกิดว่ามันไม่ไหวกูก็อยากให้มึงพอ เราพึ่งอายุแค่นี้ยังมีโอกาสเจอคนอีกมากนะ”
ผมบอกมัน ไอ้จิณหันมามองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “การที่เขานอกใจมึงแปลว่าเขาไม่ได้รักมึงเหมือนเดิม
ยังไงมันก็ไม่มีทางเหมือนเดิม แล้วกูก็ไม่อยากให้มึงเสียใจ”
“เออ
กูรู้ว่ามึงห่วงกู” มันตอบและผมก็บีบไหล่มัน “แต่กูก็แค่รักลักษณ์มาก กูไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย
มันยากนะกับการที่กูต้องเลิกกับคนที่กูคิดจะสร้างอนาคตด้วย”
“แต่ยังไงกูก็แค่หวังว่าลักษณ์จะไม่หักหลังมึง”
ผมบอกมันและผมก็หวังแบบนั้นจริงๆนะ ไอ้จิณมันรักลักษณ์มาก มันไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนนอกจากลักษณ์เลย
ตอนขึ้นเหล่าเป็นนักเรียนใหม่ไม่ได้คุยกัน แต่มันก็ติดรูปของลักษณ์ไว้ในตู้เก็บของด้วย
“มึงไม่ควรเป็นคนที่เสียใจ”
“พีค”
มันเรียกชื่อผมก่อนจะมองด้วยแววตาที่จริงจัง
ในประโยคต่อมาน้ำเสียงมันก็ยังคงหนักแน่นไม่เบาลงเลย “ไม่ใช่แค่กูที่ไม่ควรเสียใจ
แต่ทุกคนไม่ควรเสียใจ”
ผมรู้ว่ามันหมายถึงพี่เมแน่
ๆ ตลอดมามันก็ย้ำกับผมเรื่องการเสียใจ ผมเข้าใจดีทุกอย่างเข้าใจว่ามันไม่อยากให้พี่เมเสียใจหากรู้ว่าผมจีบเธอเพราะอะไร
แต่ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตที่ดีกว่า
พี่เมมารับผมที่โรงเรียนในช่วงบ่ายแก่ของวัน
วันนี้ทางโรงเรียนปล่อยเร็วหน่อยและผมชวนพี่เมเอาไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวกัน
พี่เมมารับเหรอได้ข่าว
ไอ้เอกเดินตามหลังมา พวกนี้มันต้องไปหอเพื่อนในตอนเรียนของมันเพื่อไปเอาเรถที่เราจอไว้เมื่อวันอาทิตย์ก่อน
ไอ้จิณบอก
เออ
ผมตอบส่งไปก่อนจะสอดส่องสายตาหารถพี่เม
“เอาเรื่องนะมึงน่ะไอ้สอง”
ไอ้เอกกอดคอผม “มึงนี่มันเด็ดจริง ๆ”
“กูบอกแล้วว่าอย่าท้ากู”
ผมหันไปยกยิ้มให้มัน ไอ้เอกไหวไหล่ใส่ผมเบาๆและผมก็มองเห็นว่าพี่เมจอดรถอยู่ไม่ไกลนัก
“กูไปละ พี่เมอยู่โน่น”
“เออรีบไป
แล้วก็รีบๆด้วยนะ” เงินในกระเป๋ากูสั่นยิกๆแล้ว
มันผลักไหล่ผมก่อนจะวิ่งไปส่วนผมก็แยกมาหาพี่เมที่รออยู่ เธอยืนอยู่ประตูหลังรถเหมือนว่าย้ายของจากกระโปรงหลังมาใส่เบาะด้านหลัง
ไอ้พวกนี้น่ะนะมันเร่งผมยิกๆแล้ว
แต่ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป ผมเป็นคนไม่รีบเรื่องความสัมพันธ์ขนาดนั้นหรอก
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนว่าพี่เมน่ะดึงดูดผมมากทีเดียว
“มาแล้วเหรอ”
พี่เมทักก่อนจะยิ้มให้ผม
“ครับ
คิดถึงจัง” พี่เมยู่หน้าหลังจากได้ฟัง แต่อันนี้ผมไม่ได้โกหกเธอนะ ผมคิดถึงจริงๆ
แต่มันก็แค่คิดถึงเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากนั้น
End Peak
Phichaphol Talk
May Mesa Talk
“มาแล้วเหรอ”
ฉันทักพีคหลังจากเห็นว่าเขาเดินมาทางนี้ แล้วก็ยิ้มให้เขา
“ครับ
คิดถึงจัง” การบอกคิดถึงของเขาช่างง่ายดายเหลือเกิน
ราวกับว่าเขาคิดอย่างนั้นมาตลอดการพูดออกมาเลยไม่ต้องไตร่ตรองหรือเคอะเขินมากเลย
แต่เขาจะรู้มั้ยว่าการที่เขาพูดแบบนั้นน่ะมันทำให้คนฟังเขินมากเลยนะ
เขาน่ะควรรับผิดชอบหัวใจที่เต้นแรงของคนฟังบ้างสิ
“บ้าน่า
ฉันบอกไป “กลับเลยมั้ย พีคจะขับหรือให้พี่ขับ”
“พี่เมขับก่อนก็ได้ครับ
เดี๋ยวออกจากคาเฟ่ผมขับเอง” ใช่สินะ พีคชวนฉันมาคาเฟ่วันนี้ เพราะสัปดาห์ก่อนเขาเลิกค่ำแถมฉันต้องเขาไปรับพี่หมอกที่สนามบินด้วย
ฉันเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับส่วนพีคก็เข้าไปทางประตูหลัง ฉันก็งงว่าเขาเข้าไปทำไม
จนกระทั่งเขาบอก “ผมเปลี่ยนชุดก่อนครับ ไปชุดนี้คงไม่ดี”
พีคบอกแล้วก็แกะกระดุมเสื้อเครื่องแบบออกทำให้ฉันที่คราแรกหันไปมองอยู่ก็ต้องหันหนีแต่โดยไว
แต่จังหวะที่เขาแกะมันก็รวดเร็วพอที่จะทำให้ฉันผิวช่วงหน้าอกเขา แถมในตอนที่ฉันแอบเงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลังก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เขากำลังถอดเสื้อออกจากตัวพอดี
ขาวมากเลย.....
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
- BABYBOW -
เอาจริงๆคือไรท์ต้องการสร้างตัวละครแบบนี้จริงๆนะ แบบว่าเมเป็นคนผิดหวังจากความรักมา มีประสบการณ์ไม่ดี แต่พอเจอคนแบบพีคที่รู้จักวิธีเข้าหามันก็หวั่นไหวอ่ะ ต่อให้กำแพงสูงแค่ไหนก็สะเทือน แล้วอีน้องคือใส่ใจ เก็บรายละเอียด ชัดเจน ทำเหมือนจริงจังอ่ะ ไม่ได้หลบๆซ่อนๆด้วย ยิ่งกว่านัน้คือกล้าพูดต่อหน้าพี่ชายเขา เป็นใครก็คือหวั่นไหวอ่ะ
มอบมีม
Contact me
FB : Babybow TW : Babybbow_ Group NC : Bababow [H+]
ความคิดเห็น