ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE CHAIN - PEAK

    ลำดับตอนที่ #6 : 250% ll #พีคเมษา ll THE CHIAN PEAK : EPISODE 06

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 64


    THE CHIAN - PEAK

    Hashtag on Twitter #พีคเมษา


    THE CHIAN PEAK : EPISODE 06

     



    “นี่ก็ดึกมากแล้วนะ กินข้าวกันก่อนค่อยกลับเข้าคอนโดดีมั้ย” เป็นการเสนอของพี่ไม้ที่ฉันก็เห็นด้วยแต่ไม่แน่ใจว่าพีคจะโอเคมั้ย ถึงแม้เขาจะไม่ดูเกร็งก็เถอะ “พีคล่ะโอเคหรือเปล่า”

    “พีคมันไม่มีปัญหาอยู่แล้วพี่” นี่ไม่ใช่เสียงพีคนะ แต่เป็นเสียงของไอ้เจ้าพี่ไม้ต่างหากล่ะ เขาพูดแล้วก็เอียงหน้ามามองด้านหลังที่ฉันนั่งอยู่กับพีค “ใช่มั้ยพีค”

    “ครับ ผมโอเค” พีคตอบรับพี่ชายฉันราวกับว่าการไปกินข้าวกับคนที่ไม่ได้สนิทสนมกันนั้นเป็นเรื่องง่ายเหลือเกิน พีคดูไม่ได้กังวลอะไรเลยในขณะที่ฉันแทบจะไม่กล้าพูดคุยกับเขาเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าพี่ชายทั้งสองคนจะสงสัยหากพูดอะไรที่ดูสนิทกันจนเกินไป

    ไม่นานนักเราก็มาถึงร้านอาหารกัน มันเป็นร้านที่อยู่ถนนเส้นลงหาด วันนี้วันศุกร์คนเยอะอีกแล้ว แต่ก็ยังดีที่มีโต๊ะเหลืออยู่ โดยการนั่งก็จะเป็นพี่หมอกกับพี่ไม้นั่งฝั่งเดียวกัน ส่วนฉันก็นั่งฝั่งเดียวกับพีค

    จริง ๆ พวกเขาไม่ได้ชวนฉันพูดคุยอะไรมากนักหรอกนะ แต่ฉันดูออกว่าพวกเขาต้องการสังเกตปฏิกิริยาของฉันกับพีคมากกว่า ในระหว่างทานอาหารก็ไม่มีอะไรมากมายนัก พี่ๆฉันไม่ได้แสดงท่าทางอะไรแปลกๆออกมา เขาคุยกับพีคได้ดีและดูเข้ากันได้ดีด้วย

    เรากลับถึงคอนโดกันอีกประมาณสี่ทุ่มได้เลย พอถึงก็แยกกันเข้าห้องใครห้องมัน แต่ดูเหมือนพี่ไม้จะสังเกตฉันเป็นพิเศษเลยนะ ฉันน่ะสงสัยตั้งแต่ตอนอยู่สนามบินแล้ว

    “พี่ไม้มีไรหรือเปล่าคะ เมเห็นมองเมนานแล้วนะ” ตอนที่ฉันเดินกลับมาจากในครัวก็มุ่นคิ้วพลางมองพี่ชายตัวเอง ส่วนพี่หมอกนั้นน่าจะอาบน้ำอยู่ พี่ๆของฉันจะนอนด้านนอกที่เป็นโซนห้องรับแขกน่ะนะ ฉันเอาพวกผ้านวมมาปูให้พวกเขาแล้ว

    “ไอ้พีคจีบเราเหรอ” ไม่แน่ใจว่าเป็นคำถามที่เขาเคยถามแล้วใช่มั้ย แต่จำได้ว่าเขาเคยถามเชิงอย่างนี้กับฉันตอนที่ฉันไปหาเขาที่โรงเรียนเมื่อสองสัปดาห์ก่อน

    “เปล่านี่คะ” ฉันโกหกคำโต

    “อย่ามาโกหกพี่เลยน่า” พี่ชายว่าก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนโซฟาดีๆ “จำวันนั้นที่เมไปหาพี่ที่โรงเรียนได้มั้ย แล้วไอ้พีคลืมถุงยาไว้ในรถน่ะ พี่เป็นคนเอาให้มัน”

    “จำได้สิคะ” ฉันตอบกลับไป “ทำไมเหรอ”

    “พี่เอายาไปให้แล้วคุยกับมันนิดหน่อยเกี่ยวกับเรา”

    “คุยอะไรกันคะ” อันที่จริงฉันไม่เคยรู้ว่าพี่ไม้คุยเรื่องเกี่ยวกับฉันกับพีคเลย พีคไม่ได้บอกและพี่ไม้ก็ไม่ได้บอกเหมือนกัน “ไม่ได้คุยอะไรไม่ดีใช่มั้ย”

    “ไม่หรอก” พี่ชายว่าแล้วทำท่าทางนึกคิดอะไรสักอย่างก่อนจะเริ่มเล่า “พี่รู้ว่าไอ้พีคมันชอบเรา พี่เลยบอกมันว่าไม่อยากให้มันยุ่งกับเม”

    “......” ฉันเงียบไปหลังจากได้ฟังคำพูดของพี่ชาย ฉันไม่รู้เลยว่าตอนพี่ไม้พูดกับพีคมีท่าทางแบบไหน ท่าทางจริงจังหรือเปล่าที่พูดไปน่ะนะ ฉันรู้ว่าหากพี่ไม้เป็นคนจริงจังเขาจะขรึมมากดูน่ากลัวด้วยในบางที่ ฉันเลยบอกพีคว่าพี่หมอกไม่ได้ขรึมเท่าพี่ไม้ยังไงล่ะ

    “พอพี่บอกมัน มันกลับยิ้มแล้วบอกพี่ว่าเมน่ารักมาก” คำพูดของพี่ชายทำเอาฉันนิ่งไปเลย พีคกล้าพูดขนาดนี้กับพี่ชายฉันคงแปลว่าเขาต้องการจะจีบฉันจริงๆถูกมั้ย ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่เข้าใจแต่ในกลับรู้สึกฟูขึ้นมาแปลกๆ “มันดูชัดเจนดีนะ ถึงพี่จะไม่ชอบมันก็เถอะ”

    “แต่เมไม่ได้คิดอะไรกับน้องนะ” จะว่าฉันโกหกก็ได้แต่ฉันแค่ไม่อยากให้พี่ชายคิดเยอะนี่นา

    “อย่าโกหกพี่เลยน้องเม พี่รู้นะว่าตอนอยู่บนรถเมกับไอ้พีคแอบแชตกัน” ว่าแล้วว่าพี่ชายต้องรู้ ถึงแม้ฉันจะปิดเสียงแล้วแต่เสียงสั่นมันก็ดังนี่นา “พี่เคยบอกแล้วว่าพี่จะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเรา พี่ไม่มีสิทธิ์บังคับเราเพราะเราโตแล้วเราอยากจะคบใครก็ได้ แต่พี่แค่อยากให้เราเจอคนดีๆ”

    “.......” ฉันไม่ได้ตอบรับอะไรแต่ทว่าก็ฟังเขาเอาไว้ ในคำพูดพี่ไม้ไม่ได้ดูยอมรับพีคเสียทีเดียว เขาชื่นชมว่าพีคดูชัดเจน แต่เขายังย้ำว่าอยากให้ฉันเจอคนดีๆ แปลว่าพีคยังไม่ดีพอถูกมั้ย

    หลังจากคุยกับพี่ไม้เสร็จฉันก็เข้ามานอน พี่ชายฉันหลับไปแล้วทั้งสองคนในเวลาเกือบๆเที่ยงคืน แต่ฉันนอนไม่หลับเพราะรู้สึกหิว จะเพราะฉันกินข้าวเย็นไปไม่ค่อยเยอะล่ะมั้ง แล้วพอเห็นพราวลงสตอรี่กินไวไวอยู่ที่หาดฉันก็รู้สึกอยากกินขึ้นมา

    ฉันรีพรายสตอรี่พราวไปว่าอยากกิน ถามว่าพราวกลับตอนไหนฝากซื้อมาให้ด้วย แต่ว่าพราวบอกว่าน่าจะไม่กลับเร็วเพราะจะไปดื่มต่อที่หาดอีก แต่เธอนั้นก็แคปแชตฉันไปลงสตอรี่พร้อมใส่ข้อความว่า “สงสารจังมีเด็กอยากกินไวไว” แล้วแท็กฉันมา

    แต่ด้วยความที่มันเที่ยงคืนแล้วร้านปิดตีหนึ่งฉันเลยอดทน กะว่าหากตีสองไม่หลับฉันคงต้องลุกไปต้มมาม่าแล้วล่ะ แต่ในตอนเที่ยงคืนครึ่งข้อความจากพีคก็เด้งมา

    Peak : พี่เมออกมาเอาของที่หน้าห้องสิครับ ผมห้อยไว้ตรงลูกบิด

    Peak : พี่เมออกมาเอาของที่หน้าห้องสิครับ ผมห้อยไว้ตรงลูกบิด

    พอเห็นข้อความฉันก็เด้งตัวนั่งทันที ฉันไม่รู้ว่าพีคเอาอะไรมาให้ฉัน แล้วก็ไม่รู้ว่าเขายังอยู่หน้าห้องมั้ย ฉันช่างใจอยู่นานประมาณสองนาทีได้ถึงได้เดินออกไปดู

    ฉันเลื่อนประตูบานเลื่อนให้เบาที่สุดเพราะกลัวว่าพี่ๆจะตื่น ตอนเดินก็เดินเบาราวกับว่าเป็นโจรมาขโมยของก็ไม่ปาน พอเปิดประตูออกก็เห็นว่ามีถุงใบใหญ่ที่ด้านในดูปุ๊บก็รู้เลยว่าเป็นไวไวจากร้านประจำที่ฉันชอบกินและพราวพึ่งไปกินมา

    ฉันสอดสายตาหาพีคแต่เขาน่าจะเข้าห้องไปแล้ว ไม่รอให้นานกว่านี้กลัวแสงจากทางเดินจะสาดเข้ามาให้พี่ชายฉันตื่นก็เลยรีบเอาถึงเข้ามา มันใหญ่มากจนฉันคิดว่ามันน่าจะมากว่าสองถุงแน่นอน

    พอเข้ามาในครัวและตรวจดูก็เห็นว่ามันเป็นไวไวแยกน้ำสองชุด แล้วก็ยังมีแบบแห้งอีกด้วย เอาเป็นว่าในนี้คือทุกเมนูที่มีอยู่ในร้านเลยก็ว่าได้ ทางร้านจะมีอยู่ประมาณสี่เมนู ต้มยำแห้ง ต้มยำน้า แล้วก็ดั้งเดิมทั้งแห้งและน้ำ พีคซื้อมาอย่างละสองถุงเลย ใครจะกินหมดก่อน

    Peak : ผมไม่รู้ว่าพี่เมชอบอะไรเลยซื้อมาหมดเลย ซื้อมาอย่างละสองเผื่อไม่อิ่ม

    Me : ขอบคุณมากนะแต่พี่เกรงใจมากเลย

    Me : ขอเลขบัญชีหน่อยสิ เดี๋ยวพี่โอนให้

    ฉันเกรงใจพีคมากนะเพราะทั้งหมดนี้มันสี่ร้อยบาทเลย ฉันน่ะไม่กล้าให้เขาซื้อมาให้ฟรีๆหรอกนะ

    Peak : ไม่เป็นไรครับผมซื้อมาให้ ไม่ต้องเกรงใจผม

    พีคส่งมาแบบนี้ ฉันยู่หน้าแล้วรู้สึกลำบากใจมากๆเลย พีคน่ะทำแบบนี้ตลอดเลย ตอนที่ไปกินข้าวด้วยกันตอนนั้นเขาก็ไม่ยอมให้ฉันจ่ายให้ด้วย ตั้งใจจะเลี้ยงท่าเดียวเลย

    Peak : แต่ว่าถ้าพี่เมเกรงใจผม เอาไว้ค่อยเลี้ยงหนังผมดีมั้ยครับ

    อ่า...ใช่สินะฉันเคยบอกว่าจะไปดูหนังแล้วพีคก็ชวนฉันให้ไปด้วยกันฉันก็ตกลงไปแล้ว เป็นหนังที่เขาเองก็ชอบเหมือนกันกับฉันไง ที่ฉันได้คุยกับเขาเพราะเรื่องนี้แหละ วันที่ฉันไปส่งเขาที่โรงเรียนตอนสองสัปดาห์ก่อนพีคส่งรูปที่ฉันไปงานแฟนมีตหนังมาแล้วเขาก็บอกว่าชอบหนังเรื่องนี้เลยได้คุยกัน

    Me : ก็ได้ค่ะแต่ว่าพีคต้องให้พี่เลี้ยงจริงๆนะ ห้ามออกเด็ดขาด

    Peak : โอเคครับ ผมรอนะ

    พอพีคส่งกลับมาฉันก็ยิ้มให้กับข้อความของเขา

    Peak : ฝันดีนะครับพี่เม กินเยอะๆเลยนะจะได้อ้วนๆ ตอนนี้ตัวเล็กไป

    Me : โอเคคับ ฝันดีเหมือนกันค่ะ

    หลังจากส่งไปฉันก็มาทานไวไวที่พีคซื้อมาให้ครัว เป็นร้านไวไวร้านโปรดฉันเลย มันตั้งอยู่ถนนริมหาดวอนนภา ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเปิดห้าโมงเย็นถึงตีหนึ่งมั้ง ฉันน่ะชอบบางแสนนะ มีอะไรให้ทำเยอะดีอยู่ใกล้กรุงเทพด้วย ถึงจะห่างจากบ้านที่ลพบุรีสามชั่วโมงก็เถอะ

     

     

    ในตอนเช้าของวันถัดมาฉันต้องกลับบ้านที่ลพบุรี ฉันอาจจะนอนที่นั่นสักสามสี่คืนเพราะไม่รู้ว่าบ้านเป็นยังไง ไม่มีคนอยู่เกือบเดือนแล้วเพราะพี่ไม้ไม่ได้ออกมา

    พีครู้แล้วว่าวันนี้ฉันไม่อยู่บางแสน เพราะเมื่อเช้าเขาทักมาชวนฉันไปดูหนังแต่ฉันบอกว่าคงว่างสัปดาห์หน้าเลยน่ะนะ เขาดูนอยด์ๆแหละแต่จะให้ฉันทำไงได้ล่ะเนอะ

    “เดี๋ยวเมกลับขึ้นไปเอาของแป๊บนึง เมลืมบั๊บเบิ้บกันกระแทก” เพราะฉันขนของบางส่วนกลับไปแพ็คด้วย รวมถึงบอกให้ทางแบรนด์ส่งสินค้าล็อตใหม่ไปลพบุรีเลยก็ต้องเอาพวกอุปกรณ์แพ็คไปด้วยน่ะนะ การขายของออนไลน์มันก็ต้องทำตลอดเพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ ถ้าหยุดรายได้ต่อวันก็จะหายไป

    “อย่านานนะ พี่กลัวฝนจะตก” นี่เป็นเสียงพี่ไม้ที่กระชับตามหลังมา

    “ว้าย” ระหว่างที่ฉันเดินมาถึงหน้าห้องประตูห้องพีคก็ถูกเปิดออกพร้อมกับดึงฉันเข้าไปด้านใน ใจฉันร่วงลงไปอยู่ตาตุ่มได้เลยในจังหวะนั้น “พีค ทำอะไร”

    “.....” เขายังไม่ได้ตอบแต่พอปิดประตูลงเขาก็ดันฉันชิดประตูแถมยังเอาแขนข้างหนึ่งดันประตูไว้อีก แต่ดูจากลักษณะพีคน่าจะงอแขนนะ “พี่ไม้ตามติดพี่แจเลย หาเวลาอยู่พี่ใกล้ไม่ได้”

    คำพูดของเขาออกแนวตัดพ้อ อาจจะเพราะตอนขนของลงไปฉันเดินสวนกับพีคที่ลงไปเอาข้าวพอดีทั้งขาขึ้นกับขาลง พี่ไม้ก็ตัวติดกับฉันจริงๆราวกับพี่ว่ากลัวฉันจะหายไปไหน

    “ผมหาโอกาสคุยกับพี่ตั้งนาน แถมพี่ไม่ตอบแชตผมอีก” ดูคำพูดของเด็กนี่นะ

    “พี่ขนของอยู่เลยไม่ได้จับมือถือเลย” ฉันบอกเสียงเบา “แล้วพีคจะคุยอะไรกับพี่”

    “ที่ถามไปเมื่อวาน ยังรอคำตอบอยู่นะครับ” เขาพูดและขยับใบหน้าเขามาใกล้ฉันมาก แต่ในจังหวะก่อนที่หน้าเขาจะมาใกล้กว่านี้เขาก็เบี่ยงใบหน้าไปที่ข้างหูฉันแทน “ที่ถามว่าลองคุยกันก่อนน่ะครับ ผมถามจริงๆนะ ไม่ได้ล้อเล่นเลย”

    ประโยคของเขาที่พูดมามันชิดใบหูฉันมาก มาจนขนอ่อนตามตัวซีกซ้ายฉันลุกเกรียวเลย ฉันน่ะรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อเป็นๆพันตัวบินอยู่ในห้องก็ไม่ปาน

    “คือ.....” ฉันกระอักกระอวนใจที่จะตอบเป็นอย่างมาก อาจจะเพราะเมื่อคืนพอถึงห้องฉันก็ยุ่ง ๆ แทบจะไม่ได้คิดเรื่องที่พีคถามเลย พอเช้ามาฉันก็ต้องเตรียมของกลับบ้านที่ลพบุรีไม่ค่อยได้คิดเรื่องที่เขาถามเหมือนกัน พอพีคมาทวงแบบนี้ฉันก็ไม่กล้าตอบเลยแฮะ

    บางทีฉันอาจจะเป็นประเภทที่เวลาจะเลือกอะไรสักอย่างก็ต้องคิดดี ๆ เลยไม่กล้าที่จะให้คำตอบพีคตอบนนี้ไง แต่สายตาพีคตอนนี้น่ะ แทบจะแทงฉันจะทะลุแล้ว

    “ว่าไงครับ” ฉันเม้มปากจนแทบจะเป็นเส้นตรงตอนที่เขาคาดคั้นประโยคนี้มา ฉันมองตาพีคชั่วครู่ก็หลบสายตาไป ตาเขาน่ะมันทำให้ฉันไหววูบจนเกือบลืมหายใจไปเลย

    “พะ...พีค” ฉันถอยจนแทบจะสิงเข้าไปในประตูตอนพีคขยับตัวและใบหน้าเข้ามาใกล้ฉันกว่าเดิม เราแทบจะแนบชิดกัน หัวใจฉันเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา ฉันตื่นเต้น ทั้งตื่นกลัวเพราะเรื่องในอดีตมันยังคงตามหลอกหลอนฉันอยู่ บางทีฉันก็แค่ไม่ชอบการสกินชิปแบบรุกแรงเท่าไหร่

    มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เกือบจะถูกข่มขืนเมื่อสองปีก่อนเลย

    “ถอยออกไปก่อนได้มั้ย” ฉันพูดเสียงเบา ลมหายใจก็แทบจะผิดจังหวะในความเรียว หัวใจเต้นแรงจนเกือบจะวายไปเลย ในจังหวะนั้นฉันเอามือข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถือมือถือดันหน้าซ้ายเขาไว้ หัวใจเขานั้นเต้นในจังหวะที่ดูปกติกว่าฉันมากเลย

    “ตอบก่อนสิครับ” น้ำเสียงเขาแหบพร่า ทำเอาขนตามตัวฉันรุกเกรียวอีกครั้ง “ลองคุยกันก่อน ถ้าไม่โอเคผมก็แล้วแต่พี่เม แต่ผมชอบพี่จริงๆนะ”

    “......” ฉันไม่ได้ตอบอะไรในประโยคนั้น แต่ในจังหวะหนึ่งมือถือที่ถืออยู่ก็สั่น เป็นพี่ไม้ที่โทรมาตอนฉันก้มลงไปดู สถานการณ์ตอนนั้นกดดันมาก มากจนฉันไม่รู้จะต้องจัดการยังไงดี ฉันกดล็อคหน้าจอมือถือแล้วหันมาเผชิญหน้ากับพีคดี ๆ พลางพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองใจเต้นแรง

    “หรือผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจหรือเปล่า” ในตอนนั้นตาเขาเริ่มละห้อยลง

    “เปล่าๆ” ฉันรีบปฏิเสธอย่างไว เพราะพีคก็ไม่ได้มีข้อไหนที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่โอเค ไม่ชอบใจ กลับกันมันดีมากเลย เลยจริงๆ ฉันสามารถคุยกับน้องได้โดยบทสนทนาไม่จบลง และเขาอินในสิ่งเดียวกับฉันมันเลยไม่ดูพยายาม ฉันสบายใจที่ได้คุยกับเขานะ

    แต่ฉันแค่ไม่แน่ใจว่าต้องการที่จะอยากสร้างความสัมพันธ์กับใครสักคนในเวลานี้มั้ย ฉันไม่แน่ใจว่าฉันพร้อมหรือเปล่า มันค่อนข้างเป็นเรื่องยาก

    “ถ้าเปล่าแล้วทำไมเหรอครับ” คำถามของเขาทำเอาฉันสะอึก พีคน่ะรู้เหมือนว่าเขาจะรู้วิธีต้อนฝ่ายตรงข้ามให้จนมุมจากคำพูดของคนนั้นเลย “ผมจะให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพี่ถ้าพี่ไม่โอเคพี่จะหายไปเลยก็ได้นะครับ ผมจะไม่ว่าอะไรพี่เลย”

    ลำคอฉันแห้งผากราวกับขาดน้ำมาเป็นปี และตอนนั้นเองพี่ไม้ก็โทรกลับมา คราวนี้พีคกลับฉวยหยิบมือถือฉันไปถือไว้

    “ตอบก่อนครับผมถึงจะคืน” ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มันกดดันมาก สุดท้ายฉันก็ใช้ความคิดที่ผุดขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งตัดสินใจ

    อันที่จริงพีคไม่มีอะไรที่ต้องปฏิเสธเลย เขาดีนะแต่ฉันแค่ไม่มั่นใจในตัวเอง ว่าถ้าเกิดคุยกันไปแล้วไม่โอเคแล้วฉันหายไปพีคจะโอเคมั้ย ยังไงเขาก็เป็นน้องของเพื่อนสนิทฉัน ห้องก็อยู่ตรงข้ามกัน หนีกันไม่พ้นหรอกจริงๆแล้วน่ะ

    “ก็ได้” เป็นการตัดสินใจของฉันที่ฟังเสียงอีกข้างที่ค่อนข้างจะเป็นเสียงส่วนใหญ่ พีคเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหวในรอบสองปี ฉันว่ามันคงต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น ฉันก็แค่อยากจะลองเชื่อความรู้สึกแรกของตัวเองดูบ้าง อย่างน้อยก็อาจจะไม่ได้แย่เหมือนแฟนเก่าทั้งสองคนก็ได้มั้ง

    “อะไรนะครับ” เขายกยิ้มในตอนที่ฉันตอบไป ฉันรู้ว่าเขาได้ยิน แต่เขาอยากแกลังฉันมากกว่า “ก็ได้แปลว่าอะไรนะครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจ”

    “.......” ฉันยู่หน้าในตอนที่เขาต้องการให้ฉันอธิบาย สองแก้มฉันร้อนผ่าวราวกับว่ามันจะมีไฟลุกออกมาก็ไม่ปาน ฉันน่ะเขินมากเลยนะ

    “เร็วครับ” เขาย้ำกับฉัน ฉันน่ะไม่มีความสามารถที่จะทำให้หัวใจของตัวเองสงบได้แล้วล่ะ

    “ก็หมายถึงพี่จะยอมคุยกับพี- อื้อ” ก่อนที่ฉันจะพูดจบประโยคในหน้าคมสันหล่อเหลาราวกับเทพตั้งใจปั้นแต่ง ก็โน้มลงมา ริมฝีปากกรุ่นร้อนชิดริมฝีปากฉัน ก่อนใบลิ้นชื้นแฉะจะแทรกเข้ามา

    เรียวลิ้นชื้นแฉะตวัดเกี่ยวลิ้นฉันราวกับช่ำชองมากเหลือเกิน มือฉันข้างที่อยู่ตรงอกซ้ายเผลอขยุ้มเสื้อเขาและรับรู้ถึงจังหวะหัวใจที่เปลี่ยนไปของเขาด้วย ช่องท้องฉันบิดมวล เขาไม่ได้จูบรุนแรงเลยแต่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนจะตายให้ได้ เขาเก่งกว่าฉันมาก มากจริงๆ

    เขารู้จังหวะที่ทำให้ฉันปั่นป่วนจนแทบบ้า เสี้ยวนาทีหนึ่งเขาเปลี่ยนมือข้างที่ดันประตูอยู่มารั้งเอวฉันเข้าหาตัวเขา เราแนบชิดกันมาก จังหวะการจูบรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ในหัวฉันว่างเปล่ามาก ไม่มีอะไรเลยนอกจากการโฟกัสจูบของเขา

    เรียวลิ้นของเขาตวัดเกี่ยวลิ้นฉัน ทุกอย่างดูพัลวันแต่พีคกับควบคุมมันได้ ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองปวกเปียก แม้แต่จังหวะการหายใจของฉันเขาก็ยังควบคุมมันได้เลย

    “เฮือก” ก่อนวินาทีที่ลมหายใจจะขาดห้วงไปเขาก็ยอมถอนจูบออกแต่โดยดี ฉันไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ แต่เขายังรั้งเอวฉันไว้อยู่ แก้มฉันร้อนผ่าวจนแทบจะติดไฟได้แล้วในตอนนี้น่ะ

    “พี่เม” เสียงเขาแหบพร่าและแผ่วเบามากๆ เป็นเสียงที่ทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว ฉันน่ะเกลียดเวลาที่ตัวเองทำตัวไม่ถูกมากจริงๆนะ

    “หืม” ฉันขานรับก่อนจะช้อนตาขึ้นมอง แต่เพียงชั่วครู่ก็ต้องหลบตา แววตาเขาลุ่มลึกและดูเร้าร้อนมากในวินาทีนี้ ฉันไม่เคยมองตาใครแล้วรู้สึกถึงรังสีของ Sex appeal ขนาดนี้มาก่อนเลย  

    “พี่สวยมากนะ รู้มั้ย” คำพูดเขาน่ะ น้ำเสียงเขาน่ะ แทบจะทำให้ฉันใจวายตรงนี้ได้เลย เขาเป็นเด็กแค่เพียงอายุเท่านั้น ในขณะที่ฉันแก่กว่าแต่กลับเหมือนเด็กที่ไม่เคยเผชิญโลกมาเลยเมื่อเจอเขา “ถ้าพี่ไม่อยู่ผมคงคิดถึงพี่แย่เลย”

    “......” ฉันไม่กล้าตอบอะไรเพราะเขินอยู่ แต่ในตอนนั้นมือถือก็สั่นขึ้นมาอีกหน “ขอมือถือพี่คืนได้มั้ย พี่ต้องไปแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่ไม้สงสัยเอา”

    “ครับ” เขาตอบรับแต่ก็ยังไม่ยอมคืนมือถือมาให้ แถมยังโน้มใบหน้าลงมาจูบลงบนหน้าผากฉันอีก ริมฝีปากเขาร้อนลวกเหลือเกิน ผิวฉันตรงนั้นเหมือนถูกถ่านจี้เลย ฉันรับรู้ถึงลมหายใจกรุ่นร้อนที่เป่ารดตรงนั้น หลังจากถอยใบหน้าออกมาเขาก็พูด “เจอกันนะครับ ถึงแล้วบอกผมด้วยนะ”

    “ค่ะ” ฉันตอบรับแล้วรับมือถือมา “พี่ไม้วางสายไปแล้ว”

    ฉันรีบเปิดประตูออกไปแล้วก็เข้าห้องตัวเองยิบเอาม้วยบั้บเบิ้ลทั้งที่จังหวะหัวใจยังไม่ปกติด้วยซ้ำ แต่พอจะออกจากห้องแล้วลงไปข้างล่างก็กลายเป็นว่าพี่เดินขึ้นมาถึงหน้าประตูห้องแล้ว ฉันตกใจมากนะ

    “น้องเม” พี่ไม้เรียกฉันทำเอาฉันหน้าเอ๋อไปเลย คือเขาน่าจะต้องสงสัยแน่ๆว่าทำไมฉันถึงไม่รับสายเขา พี่ไม้โทรมาไม่ต่ำว่าสี่รอบเลย “ทำไมไม่รับสายพี่ ทำอะไรอยู่”

    “......” ว่าแล้วไง ฉันเงียบเลยล่ะ สมองก็รีบประมวลผลว่าควรตอบว่าอะไรดี จนสุดท้ายก็... “คือว่าเมเข้าห้องน้ำอยู่น่ะค่ะ เอามือถือวางไว้ข้างนอก เมอยากเข้าให้เสร็จเลยขี้เกียจแวะปั๊ม”

    “งั้นเหรอ” ให้ตายเถอะฉันไม่รู้เลยว่าพี่ไม้จะเชื่อมั้ยหลังจากที่เขาใช้คำว่า “งั้นเหรอ” มันดูชอบกลเหลือเกิน มันเหมือนกับว่าให้โอกาสพูดใหม่อีกทีเลย “เสร็จแล้วก็ลงไปเถอะพี่หมอกรอแล้ว”

    “ค่ะ” ฉันตอบรับเสียงเบา กะว่าจะไม่อธิบายเพิ่มแล้วต่อให้พี่ไม้จะไม่เชื่อทั้งหมดก็เถอะ แต่มันก็คงง่ายกว่าน่ะนะ  แต่ไม่ทันที่ฉันจะโล่งใจดีประตูห้องฝั่งตรงข้ามก็ถูกเปิดออกโดยพีค

    เขาเปิดประตูและเดินออกมา และฉันพึ่งเห็นชัดเลยว่าบนริมฝีปากเขามีรอยลิปสติกของฉันติดอยู่ มันสีเดียวกันเป๊ะเลย เล่นเอาฉันรีบเช็ดหน้าผากตัวเองตอนพี่ไม้หันไปมองพีคน่ะ ฉันกลัวว่าลิปสติกมันจะติดหน้าผากฉันตอนที่พีคจูบมัน”

    “อ้าว” พีคเป็นคนเอ่ยปากและฉันก็หลบตาเขา ฉันเห็นว่าพี่ไม้มองพีค ก่อนจะหันมามองฉัน “เจอกันอีกแล้วนะครับ ผมนึกว่าไปลพบุรีแล้วซะอีก”

    “กำลังจะไป” พี่ไม้ตอบติดห้วนหน่อยๆ ตอนฉันช้อนตาขึ้นมาอีกหนฉันก็เห็นว่าพี่ไม้มุ่นคิ้วมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง “แล้วมึงจะไปไหน”

    “ผมจะขึ้นไปห้องพี่พราวน่ะครับ เดินทางปลอดภัยกันนะครับ” พีคพูดและปิดประตูห้องตัวเองลง ส่วนฉันก็ทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ “เดินทางปลอดภัยนะครับ”

    พีคพูดก่อนจะทำท่าเดินจากไปจากตรงนี้ ฉันได้แต่ภาวนาให้พีควิ่งไปแบบฟาสต์แปด หรือวาร์ปไปเลยก็ได้ แต่ว่าพี่ไม้นั้นเหมือนกำลังจะทำสงครามประสาทอยู่กับฉันและพีคเลย

    “เดี๋ยว” เขาน่าจะบอกพีค และพีคก็หยุดเกินก่อนจะหันมาเผชิญหน้าจนเต็มตา ใจฉันเต้นรัวเร็ว ราวกับว่ามันแทบจะทะลุออกมาด้านหน้าได้อยู่แล้วน่ะนะ “ปากมึงติดอะไร แดงเชียว เช็ดออกหน่อยเดี๋ยวคนเขาจะคิดว่ามึงเป็นนะ”

    “อ้อ” พีคขานรับก่อนจะยกยิ้มมุมปาก แล้วก็ทำท่าเช็กปากตัวเองด้วยนิ้วหัวแม่มือข้างหนึ่ง ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลยในตอนนี้ พี่ไม้เอามีดมาแทงฉันยังง่ายกว่าเลย “โทษทีครับ ผมลืมสังเกต”

    “พี่ไม้ไปกันเถอะค่ะ” เพราะทันไม่ไหวจึงบอกพี่ชายและรีบเดินมาก่อน

     ฉันไม่แน่ใจเลยว่าพี่ไม้ดูออกมั้ย แต่เขาดูเจนโลกมากว่าพี่หมอกอีก เพราะงั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะหลอกตัวเองว่าพี่ไม้ไม่รู้ แต่ฉันก็แค่อยากให้พี่ชายรู้ว่าฉันโตแล้ว ไม่อยากให้เขาห่วงฉัน คิดมากเรื่องฉันขนาดนั้นไง แต่ฉันก็รู้ว่าเขาห่วงเพราะเขาเป็นพี่ชายฉัน และเราไม่ได้มีพ่อมีแม่มาคอยห่วง

    End May Mesa Talk

    Mike Porames Talk

               

                “พี่ไม้ไปกันเถอะค่ะ” สิ้นเสียงน้องสาวก็เดินดุ่ม ๆ นำหน้าไปก่อนโดยไม่รอผมเลย แค่นี้ก็ดูออกว่าน้องเมมีพิรุธ บางทีอาจจะพิรุธตั้งแต่ผมเห็นว่าตอนแรกหน้าผากเธอมีรอยลิปสติกติดอยู่

    ไม่ทันที่ผมจะได้ท้วงไอ้พีคก็เปิดประตูออกมา บนปากมันมีลิปสติกสีเดียวกับน้องสาวผม หากไม่โง่หรือตาถั่วเกินไปก็คงมองออก บางทีผมอาจจะแค่พยายามหลอกตัวเองอยู่ว่าไม่ใช่ แต่เป็นไปได้อยากมากที่จะไม่ใช่ในแบบที่ผมคิด

    ไอ้พีคไม่ใช่คนไก่อ่อน มันรู้ดีว่าจะทำยังไงให้ผู้หญิงชอบ รู้วิธีเข้าหาผู้หญิงเพราะส่วนใหญ่เวลาอยู่กรุงเทพผมก็มักจะเจอกันตามผับอยู่หลายครั้ง รอบตัวมันรายล้อมไปด้วยผู้หญิง ถึงผมกับมันจะไม่เคยบาดหมางกันโดยตรงก็เถอะ แต่เรื่องทั้งหมดก็เริ่มจากผู้หญิงเหมือนกัน

    ผมไม่ชอบที่มันมายุ่งกับน้องเม แต่เหมือนจะห้ามไม่ได้ซะแล้ว สองคนนี้กำลังคุยกันอยู่แน่ๆ แต่ผมชักไม่มั่นใจว่าจะคบกันแล้วหรือยัง

    ตามนิสัยของน้องเมที่ผมรู้จักเธอแทบจะไม่วุ่นวายกับผู้ชายคนไหนเลย ไม่เคยไปไหนมาไหนกับผู้ชายสองต่อสองด้วยซ้ำถ้าไม่นับไอ้แฟนเก่าเวรนั่นทั้งสองคนน่ะนะ ไอ้พีคแทบจะเป็นผู้ชายคนแรกในรอบสองปีที่น้องผมยอมให้ไปไหนมาไหนด้วย

    ผมรู้ตั้งแต่วันนั้นที่ผมบอกมันไม่ให้ยุ่งกับน้องเมแล้วว่ามันจะไม่หยุดหรอก แต่ผมก็แค่เตือนมัน และหวังสักสิบเปอร์เซ็นว่ามันจะแค่ยั่วโมโหผมเฉยๆ ไม่ได้อยากยุ่งกับน้องเมจริงๆ

    ตลอดการเดินทางกลับบ้านที่ลพบุรีผมค่อนข้างคิดมากไปหน่อย พี่หมอกเป็นคนขับรถและใช้เวลาเกือบๆสามชั่วโมงก็ถึงบ้านที่อยู่ในค่าย พี่ชายผมทำงานที่นี่

    ผมกับน้องเมอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่น้องเมขึ้นมอปลายและผมอยู่มอหก เราย้ายมาที่นี่กันหมดเพราะไม่อยากเป็นภาระใครอีกต่อไป

    เราสามคนพี่น้องไม่ได้ร่ำรวย ช่วงที่พี่หมอกเป็นนายสิบเขาต้องรับจ้างเข้าเวรแทบทุกวันเพื่อหาเงินให้ผมเรียนกรวดวิชาเข้าเตรียมทหาร แต่ผมก็เข้าได้จากโควตานายสิบ แล้วก็หาเงินมาให้น้องเมเรียนพิเศษ เขาทำทุกอย่างเพื่อเรา

    การที่เราเป็นแบบนี้ทำให้ผมรู้ว่าไอ้พีคกับน้องเมไม่สามารถไปด้วยกันได้ ผมเห็นสังคมของมันแล้ว มันร่ำรวยมากและคิดว่าคนอย่างมันน่าจะไม่ได้จริงจังกับน้องผมหรอก

    แต่อันที่จริงน้องสาวผมเก่งมาก เธอสามารถหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำตั้งแต่เรียนอยู่ ซื้อรถและทำร้านได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง แถมเธอยังโอนเงินให้ผมใช้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องทั้งที่ผมปฏิเสธแล้วแท้ ๆ ส่วนหนึ่งที่พี่หมอกได้ไปเรียนต่อก็เพราะน้องเม

    เพราะทางต้นสังกัดให้ทุนแค่เฉพาะค่าเรียนเท่านั้น พี่ชายผมชวดทุนเต็มจำนวนน้องเมจึงอาสาจ่ายทั้งหมดเพราะพี่หมอกทำเพื่อเรามามากพอแล้ว น้องสาวผมเป็นคนเก่ง อาจจะเก่งกว่าผมด้วยซ้ำ เธอแทบจะไม่แสดงด้านอ่อนแอให้ผมเห็นเลย

    ที่ผมห้ามเธอกับไอ้พีคก็อาจจะเพราะผมอยากให้เมเจอคนดีๆ คนที่รักและทะนุถนอมหัวใจน้องสาวผมเป็นอย่างดี ไม่อยากให้น้องเมเป็นแค่ของเล่นใคร

    อีกอย่างไอ้พีคมันเด็กกว่ามาก มันยังไม่อยากจริงจังตอนนี้หรอก

    “มึงเป็นไร กูเห็นทำหน้าเครียดมาตั้งแต่บางแสนแล้ว” ระหว่างที่ผมกำลังสูบบุหรี่อยู่หลังบ้านพี่หมอกก็เดินมาหา “เอามาตัวดิ๊”

    “.....” ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่ส่งซองบุหรี่กับไฟแซ็คให้เขา ก่อนจะอัดบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่และพ่นควันออกมาหนักๆ “คิดเรื่องน้องเมอยู่”

    “คิดเรื่องน้องทำไม” เขาถามพลางคาบบุหรี่แล้วป้องปากจุดไฟ “เรื่องน้องกับไอ้เด็กคนเมื่อวานน่ะเหรอ ชื่อไรนะ พีคใช่มั้ย”

    “ครับ” ผมตอบและอัดเข้าไปอีกเฮือก ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่าควรจะบอกเรื่องที่เห็นดีมั้ย แต่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของน้อง น้องเป็นผู้หญิง โตมาก ๆ แล้ว ใกล้ถึงวัยที่จะมีครอบครัวแล้วด้วยซ้ำ “ผมแค่ไม่ค่อยโอเคถ้าน้องจะคบกับไอ้พีค ไอ้พีคมันยังเด็กและมันคงไม่ได้จริงจังกับน้อง”

    “น้องเมโตแล้วนะไม้ น้องเก่งมากด้วยมึงก็รู้” ผมไม่ได้เถียงพี่ชายเลย ผมรู้ว่าน้องโตมากแล้วและเก่งมากด้วย “เราคอยดูน้องอยู่ห่างๆได้ ให้น้องได้ลองผิดลองถูกเอง ถ้าพลาดเราก็แค่รอปลอบ แค่นั้นเอง”





     ••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

    - BABYBOW -

    เแงงงงงงง พี่ไม้คือดูออก พี่ไม้ไม่โอเคกัวน้องจะเป็นของเล่น แต่ไม่น่าจะทันแล้ว อีพีคมันจูบน้องพี่ไปแล้วค่ะ เหลือแต่อีพีคมันจะลากน้องเมขึ้นเตียงแล้วด้วย คนพี่ก็หวง ส่วนคนจีบก็ยั่วโมโหเก่ง

    มอบมีม

       

    Contact me

    FB : Babybow TW : Babybbow_ Group NC : Bababow [H+]



     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×