ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE CHAIN - PEAK

    ลำดับตอนที่ #2 : 250% ll #พีคเมษา ll THE CHIAN PEAK : EPISODE 02

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 64



    THE CHIAN - PEAK

    Hashtag on Twitter #พีคเมษา


    THE CHIAN PEAK : EPISODE 02

     


    หลังจากฉันปรับความรู้สึกได้ฉันก็กลับมาจัดของทำความสะอาดห้อง และตกเย็นวันนั้นพราวก็มาหาฉันที่ห้อง คะยั้นคะยอให้ฉันขึ้นไปด้านบนห้องเธอเพราะพราวบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดเต้ และเต้อยากเลี้ยงเหล้า ฉันก็เลยต้องไปด้วยความรู้สึกไม่อยากเท่าไหร่

    พอขึ้นมาด้านบนฉันก็เห็นว่ามีแตงกว่ากับธีมแฟนของเธออยู่ด้วย แถมยังมีเพื่อนของพีคอีกสามสี่คนด้วย พวกเขาน่าจะเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกัน

    “นึกว่าเมษาจะไม่มาแล้วนะเนี้ย” ธีมแซวฉันในตอนที่นั่งลงบนพื้นข้าง  ๆ แตงกวา ฉันได้แค่ยิ้มกลับไปเท่านั้น และในจังหวะนั้นเองน้องพีคของพราวก็ได้มานั่งตรงข้ามกับฉัน

    “เมเอาไร เหล้าหรือเบียร์” เต้เป็นคนถามส่วนฉันก็ส่ายหัวไปมา

    “เอาเป็บซี่ดีกว่า วันนี้ดื่มไม่ได้น่ะ” เพียงแค่ฉันบอกแค่นั้นและไม่ได้ขายความว่าทำไมเพื่อนก็รับรู้และจัดแจงเทน้ำอัดลมลงให้ฉันจนเต็มแก้ว แต่จริง ๆ วันนี้ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าประจำเดือนมันใกล้มาแล้วเลยไม่อยากดื่มอะไรเย็น ๆ หรืออะไรที่เป็นของแสลงน่ะนะ

    “เออนี่เม นี่น้องจิณกับ น้องเอก น้องเบส แล้วก็น้องต่อนะ เป็นเพื่อนพีคน่ะ ส่วนพีคก็คงรู้จักกันแล้ว” พราวเป็นคนแนะนำเหล่าเพื่อน ๆ ของน้องพีคให้ฉัน พวกเขายกมือไหว้ฉันด้วย

    เอาตรง ๆ เลยนะฉันก็พอรู้อยู่บ้างว่าพวกนักเรียนนายร้อยส่วนใหญ่จะรูปร่างดีเพราะออกกำลังกายกันเยอะ แต่พอมาเจอจริง ๆ แหละหลายคนรวมกันขนาดนี้พวกเขาน่ะสูงและรูปร่างดีกันทั้งหมดเลย แถมหน้าตาก็ยังดีทุกคนอีก ดูบุคลิกภาพดีกันทั้งนั้นเลยนะ

    น้องพีคน้องตัวสูงมากแต่น้องจิณนั้นตัวสูงกว่าน้องพีคมาก ทุกคนดูตัวสูงมาก ถึงแม้คนที่ดูตัวเล็กสุดในกลุ่มน้องพีคอย่างน้องเบสก็ยังดูสูงมากอยู่ดี ธีมกับเต้ก็สูง พราวเองก็สูงด้วย ขนาดแตงกว่ายังสูงร้อยหกสิบห้าเลย มีแค่ฉันนี่แหละที่ไม่ถึงร้อยหกสิบคนเดียว

    ไม่ต้องสืบเลยนะว่าถ้ายืนรวมกันใครจะเป็นหลุมที่แปลกประหลาดสุดในกลุ่ม แต่ฉันก็พยายามจะสูงกว่านี้แล้วนะ แต่มันไม่ได้น่ะ

    “น้องมาดื่มด้วยแต่เดี๋ยวจะออกไปนั่งหาดต่อ” พราวอธิบายต่ออีกและฉันก็ยิ้มไปโดยไม่ได้คิดอะไร ในระหว่างดื่มเราก็พูดคุยกันไป ทานกับแกล้มและขนมกันไป

    จริง ๆ ฉันไม่ได้เป็นคนพูดไม่เก่งนะแต่พออยู่กับคนแปลกหน้าเยอะ ๆ แล้วจะไม่ค่อยพูดเท่านั้นเอล แต่พวกเพื่อนน้องพีคเอ็นเตอร์เทนดีมาก น้องเอก น้องต่อแล้วก็น้องเบสเป็นคนพูดเก่งมาก พราวกับแตงกวาก็พูดเก่ง ทำให้ฉันกลายเป็นคนพูดน้อยไปเลย

    แล้วในตอนนี้คนในวงก็ต่างพากันพูดถึงเรื่องเซ็กซ์ครั้งแรกกัน จริงมันเป็นเรื่องพื้นฐานและธรรมชาติอยู่แล้วเราจึงไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องน่าเกลียดอะไร เพียงแต่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เอามาพูดได้กับทุกคนน่ะนะ แต่สำหรับฉันแล้วก็กลุ่มเพื่อนมองมันเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลและธรรมชาติมากกว่า

    ตอนนี้กำลังเล่าถึงซ็กซ์ครั้งแรกของแตงกวาและฉันก็เป็นผู้ฟังที่ดี โดยที่ไม่ได้คิดว่าเพื่อนจะเบนเข็มมาที่ตัวเองเลยจนกระทั่ง

    “ต่อไปใครเล่าดีนะ” อันนี้เต้เป็นคนพูดมา เขาสาดสายตาไปรอบ ๆ ก่อนจะมาหยุดที่ฉัน “เมษาแล้วกัน เมาษายังไม่เคยเล่าอะไรเลยนี่นา”

    “นี่เต้” พราวตีแขนแฟนตัวเอง

    “ทำไม ไม่สะดวกใจเหรอ” เขาหน้าเสียหน่อย ๆ ตอนมองมาที่ฉัน จริงเต้เป็นคนนิสัยดีคำพูดเขาไม่ได้สื่อไปในทางคุกคาม และปกติเขาจะค่อนข้างเกรงใจฉันนมากด้วยน่ะนะ

    “ไม่ใช่ไม่สะดวกใจ แต่มันไม่มีอะไรให้เล่าน่ะ” ฉันยิ้มแหยง ๆ กับคำตอบของตัวเอง

    “เมษาไม่เคยมีเซ็กซ์เหรอ” อันนี้เป็นธีมแฟนของแตงกวา เขาสนิทกับฉันมากพอสมควรอาจจะเพราะว่าเมื่อก่อนธีมเคยเรียนภาคเดียวกันแต่ซิ่วไปเรียนวิศวะน่ะนะ แล้วธีมก็คบกับแตงกวานานแล้วด้วย

    “ไม่อ่ะ” ฉันตอบแล้วสายหัวพลางยกน้ำอัดลมขึ้นดื่มแก้เก้อ จริง ๆ ฉันคิดว่าธีมเข้าใจว่าฉันเคยมีเซ็กซ์แล้วมั้ง วันนั้นที่เขาไปช่วยฉันที่หอกับแตงกวาเขาเห็นแค่ตอนที่ฉันกำลังโดนแฟนเก่าตบอยู่แค่นั้นเอง ฉันไม่ได้บอกใครว่าแฟนเก่าฉันทำร้ายร่างกายฉันทำไมน่ะนะ

    “คนนี้แรร์ไอเท็มของภาคเลยน”ะ แตงกวาพูดอย่างภูมิใจพลางกอดคอโดยกฉันไปมา

    “แล้วพี่เมมีแฟนยังอ่ะครับ” น้องเอกเป็นคนถาม เขาไม่ได้มีท่าทีที่จะชอบฉันหรอกแต่เขาดูเป็นคนที่อัธยาศัยดีเลยถามมากว่ามั้ง

    “ไม่มีค่ะ” ฉันตอบกลับไปอีก และตอนนั้นก็บังเอิญได้เสตาไปมองพีคพอดี เขากำลังมองฉันอยู่และในตอนนั้นเขาก็ได้ยกยิ้มมุมปากใส่ฉันอีกรอบ

    “จะจีบเพื่อนพี่เหรอคะน้องเอก ไม่ได้นะไม่ได้ คนนี้พี่ห้าม” พราวพูดพลางส่ายนิ้วชี้ไปมา

    “เปล่าค้าบแค่อยากรู้” น้องเอกพูดแล้วก็ยกเหล้าในแก้วขึ้นดื่ม

    หลังจากนั้นเราเลยเปลี่ยนเรื่องคุยกันไป พวกเพื่อนของน้องพีคดื่มกันถึงประมาณห้าทุ่มก็ออกไปต่อกันที่หาด ฉันเองก็ดื่มอยู่กับเพื่อนตัวเองถึงเที่ยงคืนก็กลับห้องไป อาจจะเพราะเมื่อคืนก็นอนดึกไปแล้วแถมยังตื่นแต่เช้ามาแพ็คของอีกเลยฝืนตัวเองไม่ไหว

    ปกติแล้วขนส่งจะหยุดวันอาทิตย์ เพราะงั้นวันอาทิตย์ก็ถือว่าเป็นวันพักของฉันแต่ก็ยังต้องตอบข้อความรับออร์เดอร์อยู่เหมือนเดิม ช่วงนี้ฉันใกล้เรียนจบแล้วจึงไม่ได้มีวิชาเรียนมากนัก มีแค่สามวันต่อสัปดาห์แค่นั้นเอง

    หลังจากตื่นนอนมาในตอนสายของวัน ฉันก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกมาที่ร้านกาแฟร้านหนึ่งที่อยู่ริมหาด ร้านนี้เป็นร้านของฉันเอง มันไม่ใช่ร้านใหญ่โตอะไรและฉันก็ซื้อมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉันเอง ที่ดินที่หาดก็ค่อนข้างแพงแต่ฉันซื้อมันด้วยเงินแทบจะทั้งหมดของตัวเองเลยแต่พึ่งซื้อได้ปีที่แล้วนี่เอง

    ฉันว่าจะลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ และไม่ได้คิดว่าจะขายของออนไลน์ไปตลอดอยู่แล้วเลยหาอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันทำ และฉันกล้าพูดได้เลยว่าทั้งหมดนี้ฉันหามาได้คนเดียวไม่มีใครมาช่วย แม้กระทั่งพ่อและแม่ของฉันเองก็ไม่เคยออกเงินช่วยสักบาท

    ฉันเริ่มขายของออนไลน์มาตอนปีหนึ่งตอนนั้นก็พอมีกินมีใช้มีจ่ายค่าเทอม แต่พึ่งมาได้ยอดเยอะช่วงจะเข้าปีสอง รายได้เดือนหนึ่งของฉันตกเดือนละหลายแสนบาทนะแต่กว่าจะมีทุกวันนี้ได้ก็ลากเลือดเหมือนกัน ฉันเคยอยู่ในจุดที่ไม่มีมาก ๆ พอมีแล้วฉันจึงหาวิธีต่อยอดมันให้งอกงามขึ้น

    ร้านกาแฟร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของฉันเพราะมันค่อนข้างจะมียอดขายที่ดีมาก ๆ และคิดว่ามันก็คงมั่นคงหากฉันไม่หยุดพัฒนา เพราะถ้าฉันล้มมันก็ไม่ได้มีใครให้พึ่งมากขนาดนั้น

    “คุณเมสวัสดีค่ะ” พอเข้ามาในร้านช่วงใกล้เปิดพนักงานก็กำลังเตรียมของกันอยู่ “พี่อุ้มพนักงานและเป็นผู้จัดการของร้านก็ทักฉัน วันนี้เข้าร้านเหรอคะ”

    “ค่ะ พอดีไม่ได้มาหลายวันแล้วเพราะสอบ พอสอบเสร็จก็เลยแวะมาน่ะค่ะ” ฉันตอบแล้วก็ยิ้ม “เดี๋ยวเที่ยงเมเลี้ยงข้าวนะคะ ฝากพี่อุ้มบอกพนักงานด้วยนะ”

    หลังจากบอกแบบนั้นไปแล้วฉันก็เข้ามาที่ห้องทำงานด้านหลังร้าน ตรวจดูพวกบัญชียอดขายอะไรต่างๆอยู่นานพอสมควร รวมไปถึงคุยวิดีโอคอลกับนักคิดค้นสูตรอาหารด้วย ช่วงนี้ใกล้ช่วงไฮท์ซีซันละอีกไม่สองเดือนก็จะสงกรานต์แล้วน่ะนะ ร้านควรจะออกเมนูใหม่สำหรับช่วงน่าร้อนมาก

    พอคุยงานอะไรเสร็จแล้วฉันก็ออกมารับข้าวด้านนอกที่สั่งมาให้พนักงานแต่ก็ดันพบว่าพวกน้องพีคและเพื่อนก็ดันอยู่ในร้านนี้ด้วย ตอนแรกฉันว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วแต่ว่าน้องเอกก็ได้เงยหน้าขึ้นมาเห็นฉันก่อน มันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะทักทายกัน

    “พี่เม” คนที่ทักฉันคือน้องเอก และนั่นมันก็ทำให้ทุกคนบนโต๊ะหันมาทางฉัน วันนี้มีแค่สามคนคือน้องพีค น้องจิณ แล้วก็น้องเอก อีกสองคนไม่เห็นแล้ว “พี่เมมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”

    “มาดูร้านน่ะค่ะ นี่ร้านพี่น่ะ” ฉันตอบ และในตอนนั้นพนักงานก็มารับถุงพิซซ่าที่ฉันสั่งมาให้พอดี

    “ร้านพี่เมเองเหรอครับ” ฉันพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้ม” สงสัยผมต้องมาอุดหนุนบ่อย ๆ แล้ว”

    “ขอบคุณค่ะ “ฉันตอบรับกลับไป แต่จังหวะนั้นฉันก็ได้เบนหน้ามามองฝั่งน้องพีคและน้องจิณเพื่อจะยิ้มทักทาย แต่ทว่าฉันก็เห็นว่าพีคนั้นมองฉันอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าเขากึ่งยิ้มแต่เป็นร้อยยิ้มที่กึ่งจะร้ายหน่อยๆ บางทีเหมือนเขารู้ว่าพอฉันใจเต้นแรงกับใบหน้าท่าทางแบบนี้ของตัวเองเขาก็มักจะทำใส่ฉัน

    “สวัสดีครับพี่เม” เป็นเสียงของน้องจิณเองและฉันก็ค้อมหัวให้

    บอกตามตรงในกลุ่มสามคนนี้น้องเอกดูเป็นคนอัธยาศัยดีและพูดเก่งที่สุด ดูคาดเดาง่าย แพรวพราว และดูเจ้าชู้แบบอ่านออกง่าย ๆเหมือนผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไปที่ไม่ได้มีชั้นเชิงเยะ ส่วนน้องจิณเขาดูเป็นคนผู้ชายที่ Gentle man มาก ๆ พูดน้อยแต่ไม่ได้ดูร้ายหรือเจ้าชู้อะไร ส่วนพีคนั้นก็อย่างที่เคยบอกไปนั่นแหละ

    “ตามสบายนะ พี่ขอไปทำงานต่อก่อน” ฉันบอกไปแล้วหันหลังกลับให้ แต่พอเดินมาได้อีกไม่กี่ก้าวฉันก็รู้สึกว่าตัวเองถูกมองจนต้องหันหลังกลับไปมองอีกรอบ เป็นพีคที่มองฉันอยู่

    End May Mesa Talk

    Peak Pichaphon Talk

     

    “ไอ้พีค ไปมองพี่เขามาเดี๋ยวเขาก็หาว่ามึงโรคจิตหรอก” ไอ้จิณสะกิดผมพร้อมกับพูดมาส่วนไอ้เอกก็หัวเราะเบา ๆ “มึงชอบพี่เขาเหรอ”

    “เปล่า” ผมตอบกลับไปเบาๆก่อนจะยกอเมริกาโน่ขึ้นดื่มสองสามอึก “พี่เขาก็แค่น่าสนใจดี”

    “สนใจของมึงก็แปลว่าอยากได้นั่นแหละ” ไอ้เอกพูดมา “อย่างตอนนั้นมึงบอกว่ารถของมึงน่าสนใจแต่มึงไม่ได้อยากได้มึงก็ยังซื้อมาเลย”

    “กูซื้อมาเพราะมันน่าสนใจ มันสวย ไม่ได้ซื้อมาไว้ขับ” ผมไม่น่าจะอธิบายผิดตรงไหนนะ บางอย่างก็แค่ซื้อมาไว้เพราะสนใจ ไม่ได้ต้องการใช้งาน หรืออาจจะแค่ได้มาเป็นของตัวเองแค่นั้นก็พอ

    “มึงกำลังบอกกูว่ามึงอยากได้พี่เมเฉย ๆ ไม่ได้อยากเอาเป็นแฟนเหรอ” เป็นคำถามที่ตรงไปตรงมาดีและไม่น่าจะตอบยากเท่าไหร่

    “กูยังไม่ได้พูดเลย” ผมเฉไฉแล้วเบนหน้ากลับไปทางที่พี่เมเดินกลับไปอีกครั้ง

    “ตอแหลน่าพีค “ไอ้เอกยังว่าส่วนไอจิณก็แค่นั่งมองเฉย ๆ จะว่ากันไปแล้วไอ้จิณมันไม่ได้เป็นคนมักมากเรื่องผู้หญิงมากขนาดนั้น และออกจะเป็นคนที่ดีที่สุดในกลุ่มแล้วด้วย มันมีแฟนแล้วและรักแฟนของมันมาก ลักษณ์เป็นผู้หญิงที่โชคดี ทุกคนเชื่ออย่างนั้น เพราะงั้นเรื่องไม่ดีตัดมันออกได้

    “พี่เขาดูไม่น่าจะเหมาะให้มึงเอามาเป็นของเล่นสนุก ๆ หรอกพีคถ้าไม่จริงจังก็อย่ายุ่งกับเขา” ไอ้จิณพูดมาเรียบ ๆ และคำพูดของมันก็ทำผมนิ่ง “ถ้าเขาเป็นคนง่าย ๆ เขาคงไม่ซิงมาจนถึงตอนนี้มึงน่าจะรู้”

    “พวกมึงปรักปรำกู กูยังไม่ได้บอกว่าจะยุ่งอะไรกับพี่เขาเลยนะ” ผมยืนยันอีกครั้ง

    “กูเห็นมึงมองพี่เขานะเมื่อวาน” ไอ้เอกพูดมาแล้วก็ยกเครื่องดื่มในแก้วขึ้นดื่มด้วย “แต่ก็นะถึงมึงบอกว่าว่าอยากได้แต่พี่เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่จะจีบง่ายหรอก”

    “พวกมึงดูถูกกูเกิน” ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อะไรกับพี่เมขนาดนั้นแต่การที่พวกมันมองว่าผมไม่สามารถจีบพี่เมได้มันก็เกินไป

    “ผู้หญิงที่โสดนาน ๆ ทำทุกอย่างเองได้ มีความสุขกับตัวเองจีบอยากสุดนะ เมื่อวานมึงก็ได้ยินนี่ว่าพี่เมโสดมามากนานแล้ว” ผมนึกย้อนกลับไปเมื่อคืนตามที่ไอ้จิณพูด หลังจากที่เราไม่ได้คุยกับถึงเรื่องเซ็กซ์แล้ว มีจังหวะหนึ่งที่พูดอะไรสักอย่างกันแล้วพี่พราวก็บอกว่าพี่เมโสดมานานมากแล้วน่ะนะ

    “จริง ผู้หญิงที่รักตัวเองมากเขาไม่สนใจผู้ชายที่จะไม่ได้ช่วยให้เขามีชีวิตดีขึ้นหรอก เขาต้องหาผู้ชายที่เป็นแฟนแล้วดีกว่าอยู่คนเดียว” ไอ้พวกนี้มันพล่ามอะไรกันอยู่

    “พูดเหมือนกูไม่มีดี” ผมว่าด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะยกยิ้มออกมา

    “มึงมีดี” ไอ้จิณพูดพร้อมพรูลมหายใจ

    มึงหล่อ ไอ้เอกว่านิ่งๆ

    “มึงรวย” ไอ้จิณอีกครั้ง

    “แต่มึงเหี้ยไง” ไอ้สองตัวนี้พูดออกมาพร้อมกัน อันที่จริงถ้าไอ้จิณด่าผมยังพอยอมรับได้ แต่ถ้าไอ้เอกที่นิสัยเรื่องผู้หญิงไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่มาด่ามันไม่ได้จริง ๆ

    “แล้วถ้ากูจีบเขาได้ล่ะ.....”

     

     

     

    หลังจากวันนั้นผมก็กลับเข้าโรงเรียนตามปกติ จนถึงวันสุดสัปดาห์อีกครั้ง และสัปดาห์นี้ก็เป็นช่วงวันหยุดยาวพอดี ผมต้องกลับเข้าโรงเรียนอีกทีในวันอังคารตอนเย็นเพราะงั้นผมจึงว่างเยอะกว่าปกติ แต่พรุ่งนี้ผมต้องไปบางแสนอีกครั้งเพื่อทำธุระบางอย่าง

    อันที่จริงหากผมสอบไม่ได้ติดทีโรงเรียนปัจจุบันผมก็คงจะมาเรียนที่มหาลัยนี้เหมือนกัน เพราะงั้นหากผมกลับจากโรงเรียนผมจึงมักจะมาที่นี่ บางทีก็นอนกับพี่พราวบ้าง บางทีก็มานอนกับเพื่อนที่อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ก็ไปเปิดห้องนอน จนผมรู้สึกว่าต้องหาที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งสักที

    จวบกับสัปดาห์นี้พี่พราวไม่ได้อยู่ที่นี่ และไปบ้านพี่เต้ที่อยู่จังหวัดหนึ่งทางภาคอีสานด้วยผมจึงคิดว่ามันเป็นจังหวะที่ดีที่ผมจะเข้ามาที่นี่

                “มึงว่าไง โอเคมั้ย ถ้าไม่ใช่มึงกูไม่แถมตกแต่งให้นะบอกไว้ก่อน” ผมมองคนเป็นอาที่พูดก่อนจะเบนบ้านท้ายพิงพนักโซฟาด้านหลัง

    “อารวยจะตาย ให้หลานแค่นี้เอง” ผมว่าและทำให้อาแอมป์ส่ายหัว

    “เดี๋ยวเมียกูรู้ได้ด่ากูตายน่ะสิ” พอได้ยินผมก็หัวเราะออกมาเบาๆ ตอนนี้อาของผมไม่ได้หลงเหลือความเจ้าชู้เอาไว้แม้แต่น้อยเลย

    “อากลัวเมียเหรอ” เขาเองก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เก้อ ถึงแม้ไม่ได้ตอบว่ากลัวแต่ผมก็ดูออก แต่จริง ๆ อาโบว์ก็ใจดีมากเหมือนกัน เธอน่ารักกับผมมากด้วย

    อาแอมป์เขาเป็นอาของผมเอง แต่ผมไม่ได้เป็นลูกของอาโอห์มหรืออาเอ็กซ์พี่ชายอาแอมป์นะ คือผมจะอธิบายยังไงไม่ให้งงดี ปู่ทวดของผมเป็นปู่ของอาแอมป์ ส่วนปู่ของผมก็เป็นพี่ชายคนโตของปู่อรรถ พ่อของอาแอมป์เข้าใจใช่มั้ย แล้วพ่อของผมก็เป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของอาแอมป์อีกที อาแอมป์แต่งงานกับอาโบว์แล้วก็มีลูกแล้วหนึ่งคนคือน้องอคิณทร์

    Rrrrr Rrrrr ในตอนนั้นเองสายโทรศัพท์ของอาแอมป์ก็เข้ามาพอดี และผมก็เหลือบเห็นว่าอาโบว์ ภรรยาของเขาโทรมาพอดีเขาจึงกดรับแล้วเดินไปทางระเบียง

    “ว่าไงคะที่รัก” ผมได้ยินแล้วผมก็ต้องกรอกตา อาผมน่ะตั้งแต่มีเมียก็เปลี่ยนไปเหมือนคนละคน เขารักภรรยามากส่วนตัวผมที่ไม่ได้วาดหวังอนาคตตัวเองเรื่องแต่งงานเอาไว้เลยก็ได้แต่ตั้งคำถามว่า

    มันขนาดนั้นเลยเหรอวะ

    บางทีผมอาจจะยังไม่เข้าใจความรักมากมายขนาดนั้นมั้ง หรือบางทีก็อาจจะแค่ใช้ชีวิตไปวันๆโดยไม่ได้สนใจว่าจะมีชีวิตคู่ในตอนนี้ ผมก็แค่พึ่งอายุยี่สิบ และคิดว่าชีวิตนี้ยังต้องเจออะไรอีกมาก

                “เดี๋ยวกูกลับเลยนะ อคิณทร์ไม่สบาย” หลังจากได้ฟังผมก็ตกใจหน่อย ๆ แต่เมื่ออาบอกว่าลูกของเขาแค่เป็นไข้ผมจึงโล่งอกไป อคิณทร์ที่ตอนนี้ขวบกว่าเขาก็มีศักดิ์เป็นน้องของผมทั้งที่ห่างกันเกือบยี่สิบปี ในณะที่ผมอายุห่างจากพ่อเขาแค่แปดปีเอง

    “ครับ เดินทางกลับดี ๆ” ผมยกมือไหว้คนที่มีศักดิ์เป็นอา และเขาก็ขายคอนโดพร้อมตกแต่งใหม่ให้ผม เป็นคอนโดที่เดียวกับพี่พราวแต่อยู่คนละชั้นกับพี่พราว พี่พราวอยู่ชั้นเจ็ด ส่วนห้องที่ผมซื้ออยู่ชั้นหก และมันก็อยู่โซนเดียวกับพี่เมด้วยถ้าจำไม่ผิด

    แต่ไม่รู้จะบังเอิญขนาดไหนเมื่อตอนเปิดประตูออกมาในตอนบ่ายสองผมก็เห็นว่าพี่เมนั้นเปิดประตูห้องฝั่งตรงข้ามออกมาพอดี อันนี้ผมไม่ได้จงใจซื้อห้องที่มันอยู่ตรงข้ามเธอนะ แล้วผมก็จำไม่ได้ว่าห้องเธออยู่ตรงไหน แค่มองเห็นจากระเบียงเมื่ออาทิตย์ก่อนเท่านั้นเอง

    “อะ อ้าว” พี่เมเป็นคนทักผมก่อน สองมือเธอมีถุงผ้าที่ใบใหญ่มากจนคล้ายกระสอบอยู่สองใบ และด้านหน้าห้องเธอก็มีบางอยู่อีกสี่ใบ ทั้งหกใบนั้นมีกล่องพัสดุอยู่จนเต็ม เธอตัวเล็กมากและมันก็ทำให้ถุงผ้านั้นแทบลากพื้นตอนเธอถือ “น้องพีคมาทำอะไรห้องนี้เหรอคะ”

    “ผมซื้อห้องนี้น่ะครับ” ผมตอบไปเสียงเรียบและปกติแต่ก็อดสงสัยและถามในสิ่งที่เธอกำลังทำไม่ได้ “กำลังจะไปส่งของเหรอครับ ให้ผมช่วยถือลงไปมั้ยท่าทางจะหนัก”

    “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่ถือลงไปเองก็ได้ มันเยอะเดี๋ยวพี่ทยอยขนเองดีกว่า ไม่รบกวนพีคหรอก” เธอตอบยิ้มๆแต่ท่าผมก็ถือวิสาสะเข้าไปช่วยเธอถือถุงที่เหลือเอาไว้ข้างละสองถุงทำให้พี่เมตกใจมาก “มันเยอะนะ หนักด้วยพีควางลงก่อนมั้ย”

    “ไม่เป็นไรครับ” ผมยกได้ลิฟต์ก็อยู่แค่นี้เอง ว่าจบผมก็บุ้ยหน้าไปทางลิฟต์

    พี่เมทำหน้ากระอีกกระอักกระอวนใจแต่ผมไม่รอให้เธอพูดอะไรและเดินนำมาก่อน พี่เมจึงปิดประตูห้องแล้วเดินตามหลังผมมา จะว่าไปไอ้ถุงสองข้างนี่ก็หนักเป็นบ้า พอถึงลิฟต์ผมก็รีบวางมันลงในทันที

    “พีคซื้อห้องนั้นเมื่อไหร่เหรอ” นี่แทบจะดูเป็นคำถามแรกที่เธอคุยกับผมแบบอยากรู้จริง ๆ แต่ที่ผ่านมากนั้นดูเหมือนถามเป็นมารยาทก็เท่านั้นเอง

    “ผมซื้อไว้เดือนก่อนน่ะครับ แต่พึ่งรีโนเวทเสร็จ มันเป็นห้องเก่าของอาผม” เธอครางรับเบาๆเท่านั้นและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก “บังเอิญจังนะครับ”

    “ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา “ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้นะ”

    เธอเหมือนกำลังชี้โพรงให้กระรอกและผมก็คงจะมีเรื่องให้เธอช่วยอีกเยอะแยะเต็มไปหมด หลังจากที่ถือของลงมาช่วยเธอแล้วก็เอาไปใส่รถให้ รถพี่เมเป็นรถที่ดูราคาแพงอยู่นะ ถึงแม้จะไม่ใช่รถยุโรปและเป็นรถที่เป็นที่นิยมซื้อในไทยแต่มันก็เป็นตัวค่อนข้างท็อปของยี่ห้อเลย

    พี่เมเป็นคนหน้าตาดีนะ เธอสวยมากด้วย ผิวดี ถึงจะตัวเล็กไปหน่อยก็เถอะ มันทำให้ตอนที่ผมได้ยินเธอพูดว่าไม่มีแฟนครั้งแรกผมยังแอบไม่เชื่อเลย แต่เธอนั้นดูขี้อายไปหน่อย เธอเหมือนกระต่ายสีขาวตัวเล็ก ๆ ตาแป๋ว ๆ เวลาอยู่กับผมเธอชอบทำเหมือนว่าเธอกำลังจะถูกเสือขย้ำยังไงไม่รู้

    หมายถึงดูเธอกลัวหน่อย ๆ หรือไม่ก็อาจจะระแวดระวังตัวเองค่อนข้างมากน่ะนะ

    “ขอบคุณมากนะคะ” เธอพูดอีกครั้งตอนปิดประตูด้านหลังที่เอาถุงอีกสองใบใส่ไว้แล้ว

    “ไม่เป็นไรครับ ถ้าให้ผมช่วยอีกก็บอกได้” เธอยิ้มละไม่ได้พูดอะไรอีก แต่คิดว่าจะปล่อยโอกาสที่จะจีบเธอไปไม่ได้จึงได้ถามต่อ “พรุ่งนี้พี่เมว่างหรือเปล่าครับ ต้องทำงานมั้ย”

    “ไม่ค่ะ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ขนส่งหยุด” เธอตอบมา “ทำไมเหรอคะ”

    “ตอนบ่ายผมอยากชวนพี่ไปทำธุระเป็นเพื่อนหน่อย พอดีผมพึ่งย้ายเข้าแล้วก็ไม่รู้ว่าจำเป็นต้องซื้ออะไรบ้าง พี่พราวก็ไม่อยู่” มันเป็นประโยคที่ยาวมาก ๆ ผิดกับตัวผมที่เป็น ผมไม่ใช่คนพูดยาวขนาดนี้ไม่ว่ากับผู้หญิงคนไหน แต่ก็เว้นแม่กับพี่พราวแล้วก็น้องสาวผมอีกคน

    “พี่ขอดูก่อนได้มั้ยคะ” เธอดูมีสีหน้าที่ลังเลมาก ๆ และพวกผู้หญิงหลายคนชอบบอกว่าดูก่อน แปลว่าไม่ไปสินะ “พี่อาจจะไม่ว่างถ้าลูกค้าทักมาสั่งของเยอะ”

    “ครับ แต่ผมรอได้นะ” ถึงแม้ว่าพวกไอ้เอกจะบอกว่าผู้หญิงอย่างพี่เมดูจะจีบยาก แต่พิจารณาพื้นฐานนิสัยแล้วเธอดูเป็นขี้เกรงใจ ขี้สงสาร และดูใจอ่อนง่ายด้วย

    หลังจากแยกกับพี่เมผมก็แวะมาที่หอของเพื่อนผม จริงๆจะว่าเพื่อนก็คงไม่ใช่ เรียกว่าเป็นคู่ขากันมากกว่า คนเดียวกันกับที่พี่เมเห็นผมจูบกับเธอเมื่อวันนั้นนั่นแหละ

    ผมยังไม่มีแฟน มีแค่ความสัมพันธ์ไม่ผูกมัดและคิดว่ามันสบายใจดี ทุกคนสามารถทำได้ถ้าตกลงกันด้วยความพอใจทั้งสองฝ่าย และต่างฝ่ายต่างไม่มีความสัมพันธ์ที่จริงจังกัน มันแฟร์ ๆ กันทั้งคู่นะผมว่า

    End Peak Pichaphon Talk

    End May Mesa Talk

               

    ก๊อกๆ ๆ ก๊อกๆ ๆ ในระหว่างที่ฉันกำลังทำความสะอาดห้องอยู่นั้นเสียงประตูก็ถูกเคาะขึ้น ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ และฉันก็ไม่ได้คิดว่าเป็นน้องพีคด้วย จนกระทั่งเปิดประตูออกก็เห็นเขายืนอยู่หน้าประตู ลืมไปเลยแฮะว่าเขาย้ายมาอยู่ห้องตรงข้ามกันน่ะ

    “พีค มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันถามพลางพิจารณาเขาไปด้วย เขาอยู่ในชุดกางเกงยีนสีดำเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน และใส่เข็ดขัดหลุยต์เสียด้วย

    “พอดีผมไปกินข้าวกับเพื่อนมา แล้วก็เลยซื้อขนมมาฝากพี่เมด้วย” สาบานเลยว่าพีคไม่ได้ดูเป็นคนที่จะทำอะไรอย่างนี้ แต่เมื่อเจอแบบนี้ฉันก็อึ้งอยู่นิดเหมือนๆกัน เขาดูเป็นคนนิ่งๆ ไม่ได้พูดเยอะขนาดนั้น ดูคาดเดายากและที่สำคัญไม่ได้ดูจะอยากจะทำอะไรแบบนี้ให้เลยนะ

    “พี่เกรงใจจัง” ฉันพูดและเขาก็ส่งถุงขนมมาให้ มันเป็นแบรนด์ที่พึ่งมาเปิดใหม่ที่ถนนเส้นลงหาด นอกจากมีขนมอยู่ตั้งสามกล่องแล้ว ยังมีน้ำอยู่ด้วยหนึ่งแก้ว “ซื้อมาเยอะจังพี่จะกินหมดมั้ย...”

    “ผมว่าหมดนะ วันนั้นพี่ก็ซื้อขนมมาเยอะ” เขาคงหมายถึงวันที่เขาเจอฉันที่เซเว่นหน้าคอนโดหรือเปล่า แต่ฉันก็ไม่ได้ซื้อมากินวันเดียวนี่นา “แล้ววันนี้ตอนเย็นว่างมั้ยครับ ผมจะชวนไปซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่พราวด้วย อาทิตย์หน้าผมไม่น่าจะได้กลับ พี่เมไปกับผมได้ใช่มั้ย”

    “เอ่อ....ก็ว่างค่ะแต่ว่างหลังสี่โมงเย็นนะ” ฉันบอกไปและถ้าหากบอกว่าไม่ว่างอีกก็เกรงใจเขา เขาอุตส่าห์ซื้อขนมมาให้ด้วย แล้วก็เมื่อวานยังช่วยถือของลงไปอีก มันกระอักกระอวนแหละถ้าหากโกหกว่าไม่ว่างน่ะ อันที่จริงฉันก็ว่างยาวไปถึงวันอังคารเลยด้วย

    “งั้นห้าโมงเย็นพี่เมโอเคมั้ยครับ” ฉันพยักหน้ารับเบา ๆ ส่วนเขาก็ฉายรอยยิ้มขึ้นมาราวกับว่าดีใจที่ฉันตอบไปอย่างนั้น แต่มันก็น่าแปลกใจว่าทำไมพีคถึงอยากให้ฉันไปด้วยนักหนา

    “ค่”ะ หลังจากรับคำฉันก็กับเข้าห้องมา แล้วนั่งลงที่โซฟาหน้าทีวี มองไปยังถึงขนมที่พีคซื้อมาให้ มันเป็นเค้กวนิลาหนึ่งชิ้น เค้กโรลล์ประมาณสี่ชิ้น แล้วก็ชิพฟ่อนเค้กอยู่กล่องสุดท้ายซึ่งโดยกล่องสุดท้ายนั้นมีโน้ตแปะอยู่ด้วยหนึ่งแผ่น

    มันถูกเขียนว่า “ดีใจที่ได้เป็นเพื่อนห้องตรงข้ามกับพี่เมนะครับ” อ่า หลังจากอ่านฉันรู้ว่าตัวเองหัวใจเต้นผิดจังหวะไปมาก พีคไม่น่าเป็นคนอย่างนี้ เมื่อเห็นการกระทำฉันก็อดแปลกใจไม่ได้ แต่เขาคงไม่ได้ชอบฉันหรอกมั้ง เขาน่าจะมีแฟนแล้วนี่นา

    อีกอย่างนึงเขาก็เป็นน้องชายของเพื่อนสนิทฉันด้วย ถ้าต้องมาอยู่ห้องตรงข้ามกันคงได้เจอกันบ่อย ๆ น้ำคงอยากจะมีความสัมพันธ์ที่ดีหรือเปล่า

    แต่เมื่อฉันนั้นตั้งสติได้ฉันกลับนึกได้ว่าตัวเองกำลังยิ้มบาง ๆ ให้กับโน้ตแผ่นนั้นอยู่ ฉันเป็นอะไร

    เวลาล่วงเลยมาถึง  ตอนห้าโมงเย็นฉันแต่งตัวเสร็จ เปิดประตูห้องออกมาก็เห็นว่าพีคนั้นยืนพิงพนังฝั่งห้องตัวเองรออยู่ก่อนแล้ว เขาเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงสแล็คสีดำและเสื้อเชิ้ตสี ดำเช่นกัน เรียกได้ว่าออลแบล็คเลยล่ะ พอใส่แบบนี้แล้วฉันก็เห็นว่าผิวเขาขาวมากทีเดียว

    “รอนานมั้ยคะ” ฉันถามและเขาก็เงยหน้าจากมือถือขึ้นมาองพร้อมกับส่งยิ้มให้ด้วย

    “ไม่นานครับ ไปกันเลยมั้ย” ฉันพยักหน้ารับและเราก็เดินไปโดยไม่พูดอะไรกันจนถึงด้านล่าง

    ในจังหวะที่ฉันกำลังเดินผ่านล็อบบี้ด้านหน้าซึ่งมีพี่นิติฯที่รู้จักกันดีเพราะพี่เขาทานวิตามินซีที่ฉันกำลังขายอยู่ด้วยน่ะนะ พอพี่เขาเห็นฉันเขาก็ทักไว้ก่อน

    “น้องเมคะ” ฉันและพีคหยุดเดินและหันไปมองทางพี่นิติคอนโดคนนั้น มีคนฝากของเอาไว้ให้ค่ะ “พี่กำลังจะโทรบอกพอดีเลย”

    “ฝากอะไรเหรอคะ” เพราะฉันจำได้ว่าไม่ได้สั่งอะไรมาในช่วงนี้ แล้วก็ไม่มีใครบอกอะไรเลย จะว่าเป็นของจากบริษัทก็คงไม่ใช่เพราะว่าพี่เจ้าของแบรนด์บอกว่าพรุ่งนี้ถึงจะได้เอามาส่งให้น่ะนะ

    “ดอกไม้น่ะค่ะ” ว่าจบเธอก็เอาชื่อดอดไม้ที่คราแรกวางอยู่ด้านล่างขึ้นมาวางเอาไว้บนเคาท์เตอร์ด้านหน้าให้ มันคือช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ล้อมด้วยดอกกุหลาบสีขาว

    “ของเมเหรอคะ” ฉันยังถามย้ำเพราะไม่น่าจะมีใครส่งมานี่นา ฉันเดินเข้าไปที่เคาท์เตอร์เพื่อดูช่อดอกไม้นั้นใกล้ๆ แต่ตอนฉันเหลือบตามามองทางเดิมก็เห็นพีคยืนมองอยู่ เขายังคงมองฉันอยู่แบบนั้น และสลับไปมองดอกไม้บนเคาท์เตอร์นั้นด้วย “ใครฝากมาเหรอคะพี่”

    “ลงชื่อว่าคุณพีรทัชค่ะ” พอได้ฟังฉันก็ถึงบางอ้อว่านคนที่ฝากดอกไม้เอาไว้คือพฤกษ์นั่นเอง


     ••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

    - BABYBOW -

    ว๊ายยยย อีพีคมีคู่แข่งแหละทุกคน คิดเหรอว่าจะได้จีบลูกสาวชั้นง่ายๆน่ะ ฝันไปเถอะย่ะ คู่แข่งแกเขาฝากดอกไม้ช่อโตเอาไวเให้ลูกสาวชั้นแล้ว แต่น้อนพีคก็คือซื้อขนมมาฝากพี่ พี่ยังตกใจเพราะเพราะคิดว่าพีคไม่ใช่คนแบบนั้น สงสาร แต่ก็นะแกมันร้ายอ่ะแกต้องวางแผนอะไรกับเพื่อนแกแน่ๆ

    Contact me

    FB : Babybow TW : Babybbow_ Group NC : Bababow [H+]


    ฝากนิยายใหม่ด้วยนะ ใครชอบแนวหน่วงๆอีกเชิญที่เรื่องนี้ค่ะ อัปสิ้นเดือน

    จิ้มรูป

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×