คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 250% ll #พีคเมษา ll THE CHAIN PEAK : EPISODE 10
THE CHAIN - PEAK
Hashtag on Twitter #พีคเมษา
THE CHIAN PEAK : EPISODE 10
“กลัวอะไร” น้ำเสียงในตอนพี่พูดบ่งบอกว่ากลัวจริงๆ เธอดูหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด
“กลัวเซ็กซ์” คำตอบของเธอเบาหวิวมาก แม้จะเมาอยู่แต่สายตาเธอบ่งบอกว่ามีอะไรในใจอยู่แน่ๆ
“มันไม่น่ากลัวหรอก” พูดจบก็แตะมือลงบนกลีบปากล่างของเธอ “ผมทำให้หายกลัวเอามั้ย”
“.....” พี่เมไม่ได้ตอบในประโยคนี้แต่จังหวะหนึ่งสายตาผมเหลือบมองผิวเนื้อบริเวณไหปลาร้าจนมาถึงช่างเนินอก ราวกับว่าอยากดูปฏิกิริยาของเธอจึงได้ไล้มือลงไปตรงนั้น ผ่านกรอบหน้า ต้นคอ และแตะลงบนผิวเนื้อตรงไหปลาร้าของพี่เม “จั๊กจี๋นะ”
“ไม่ควรแต่งตัวแบบนี้ต่อหน้าผู้ชายคนไหนมั่วๆรู้มั้ย” ตอนที่พูดรู้สึกเหมือนว่าน้ำเสียงของตัวเองจะแหบกว่าที่เคยเป็น ลำคอดูจะหนืดกว่าปกติด้วยซ้ำ
“ไม่มั่วนะ” ดูเถียงเข้า “น้องพีคหายโกรธพี่เมนะ”
“งั้นลองบอกมาก่อนว่าทำไมถึงกลัว “แม้จะรู้ว่าพี่เมเมาและอาจจะพูดอะไรที่ไม่เป็นเรื่องออกมาก็ได้ แต่บางเรื่องหากไม่เมาพี่เมอาจจะไม่ยอมพูด เหมือนบางครั้งที่เรามักจะกล้าทำ กล้าพูดอะไรตอนที่เมามากกว่าตอนปกติ เพราะดูแล้วหากไม่เมาพี่เมคงไม่ใช่คนที่พูดความลับอะไรออกมาง่าย ๆ
“ถ้ารู้แล้วน้องพีคจะไม่หนีไปใช่มั้ย” มือเล็กวางมือลงหลังมือผม ข้างที่แตะอยู่บนตัวเธอ “ต้องสัญญากับพี่เมก่อนนะ ว่าจะไม่ไปไหน”
“ครับ สัญญา” ผมตอบไปและคนตัวเล็กก็เงียบไปราว ๆ นาทีก่อนจะเอ่ยปาก
“พี่เคยเกือบถูกแฟนเก่าข่มขืน” น้ำเสียงเธอเบาหวิวมากทีเดียว แววตาที่แม้จะเมาแต่ก็เศร้าสลดมากจริงๆ “เขาทำร้ายร่างกายพี่ ถ้าแตงกวาไม่มาช่วยก็คง....”
ผมเคยรู้มาว่าการถูกให้เหยื่อเล่าเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ มันเป็นการทำร้ายจิตใจอย่างหนึ่ง หลังจากรู้ผมจึงไม่ถามต่ออีก มันคงฝังใจเธอมากจนแม้เมาก็ไม่มีทางลืมลง คำพูดทั้งหมดของเธอและแววตาที่แสนเศร้าทำให้ผมชงักไป ความคิดหลายอย่างก็หายไปด้วย
เหลือเพียงแค่ความสงสาร เห็นใจ และไม่รู้ว่าทำไมในใจผมเต้นแรงราวกับว่ากำลังโกรธอยู่
“พีคไม่หนีพี่เมไปไหนหรอก” ว่าจบก็ดึงมือเธอข้างนั้นขึ้นมาจูบเบา ๆ
จากคราวแรกที่แววตาเธอดูเศร้ามากก็เปลี่ยนเป็นปิติยินดี ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้ชายถึงต้องขืนใจอยู่หญิง ใช้ความแตกต่างทางเพศบังคับขืนใจ ผมว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของผู้หญิงเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นจะสวย หุ่นดี หรือแต่งตัวแบบไหนก็ไม่ควรถูกขืนใจ
ผู้ชายไม่ควรโทษความต้องการทางเพศ แต่ควโทษจิตสำนึกของตัวเองมากกว่า
“พี่เมชอบพีคนะ ชอบมากเลย” ริมฝีปากเล็กเผยอพูดในตอนนั้น เธอพยายามปรือตามองผมแล้วนี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เธอบอกชอบผมด้วย “พี่เมไม่ได้รังเกียจพีคด้วย”
“เข้าใจแล้ว” ผมตอบกลับไปและสอดประสายนัยน์ตากับเธอ พี่เมน่าหลงใหลกว่าครั้งไหน ๆ คราวแรกที่ผมเจอเธอเธอดูเป็นผู้หญิงที่ดูน่าเบื่อ แต่เอาเข้าจริงแล้วกลับไม่ใช่เลย ยิ่งรู้จักก็ยิ่งน่าสนใจ น่าสนใจมากกว่าทุกครั้งที่สบตาเธอ “อยากลองมั้ย ลองดู”
“มันจะน่ากลัวมั้”ย เธอถามกลับมาและผมก็ยกยิ้ม พลางส่ายหัวไปมาสองสามครั้ง
“มันดี ดีมาก” ผมยืนยันกับเธอ แววตาพี่เมมีท่าทางลังเลหน่อย ๆ ผมเลื่อนมือข้างหนึ่งมาแตะต้นขาของเธอ ไล้ผิวต้นขาของเธออย่างเบามือ “ผมยืนยันว่ามันดี”
CUT HOT SCENE [20+] ลงในกลุ่มนะคะ
End Peak Phichapol Talk
May Mesa Talk
ราวกับว่าเมื่อคืนถูกรุมทึ้งด้วยสัตว์ร้ายและมีพายุหนักหน่วงสาดซัดก็ไม่ปาน ทันทีที่สติรับรู้ว่าตื่นจากการหลับใหล แม้ไม่ได้ลืมตาขึ้นแต่ฉันก็รับรู้ถึงอาการปวดหน่วงปนสะบัดร้อนสะบัดหนาว เหมือนจะเป็นไข้เลย รู้สึกเหมือนตัวเองถูกกอดรัดจากใครสักคน และคนคนนั้นก็คงเป็นพีค
ฉันไม่ได้ลืมว่าเกิดอะไรขึ้น ข้อเสียของฉันคือต่อให้กินเหล้าจนเมาแค่ไหนก็ไม่สามารถลืมเรื่องที่เกิดตอนเมาได้ แต่จริงๆตอนนั้นอาจจะไม่เมา หรืออาจจะเมาน้อยมาก
พอลืมตาขึ้นมาพินิจมองก็เห็นว่าร่างกายฉันถูกดอกรัดโดยเขา ฉันขยับตัวน้อย ๆ และพบว่าช่วงกลางกายฉันมีอะไรสักอย่างแทรกอยู่ พีคไม่ได้ถอดมันออกสินะ แล้วฉันจะทำยังไงดี
“อือ” ในตอนที่ฉันพยายามจะดันเข้าให้ออกห่างจากตัวเพื่อที่จะได้ออกไปจากตรงนี้ เขาก็ส่งเสียงราวกับว่ารำคาญที่ถูกรบกวน ฉันชงักมือเพราะกลัวเขาจะลืมตาขึ้นมา มันคงไม่ดีแน่ ไม่ดีมากด้วยมที่ฉันจะเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้ แต่อยู่ ๆ พีคก็ “ตื่นแล้วเหรอ”
ไม่ๆ ยังไม่ตื่น ฉันได้แต่ก่นพูดในใจ ก่อนจะหลับตาลง
“รู้แล้วว่าตื่น” สุดท้ายก็ต้องลืมตาขึ้นมา พีคเองก็ลืมตาอยู่ เขามองฉันก่อนจูบลงมาบนหน้าผากตามด้วยการกระชับอ้อมกอดฉันแน่นขึ้น “ทำไมตัวร้อนจัง”
“.....” ฉันไม่รู้จะตอบอะไรดีเลย ไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน มันเขินมาก อีกอย่างพีคไม่ได้ถอนส่วนนั้นออกจากกายฉัน และฉันรู้ว่าส่วนนั้นของผู้ชายน่ะมันจะแข็งตอนเช้าไง บ้าบอ
“ไม่สบายหรือเปล่า” ฉันส่งเสียงว่า “อือ” เบาๆเท่านั้น ฉันรู้สึกว่าร่างกายมันปวดเมื่อยไปหมด ส่วนนั้นเหมือนจะระบมเลย รู้สึกหนาวกว่าที่เคยเป็น เหลือบตามองเลของศาของแอร์ที่ผนังด้านปลายเตียงก็พบว่ามันเปิดแค่ยี่สิบองศา
แต่เพราะอยู่ใต้ผ้าห่มนวมผืนหนา และอยู่ในอ้อมกอดของพีคทำให้ฉันอบอุ่นขึ้น แต่มันก็รู้สึกหนาวอยู่ดี จริง ๆ ฉันอยากลุกขึ้นไปอาบน้ำ หรือกินยา ไม่ก็เพิ่มอุณหภูมินะแต่เพราะมันอยู่ในท่าทางอย่างนี้แล้ว ใครจะกล้าขยับล่ะ
“พีค ออกไปก่อนได้มั้ย” ฉันเอ่ยออกไปเสียงเบา ไม่กล้าจะสบสายตาเขาด้วยซ้ำ “พี่อยากไปอาบน้ำ ไปกินยาด้วย”
“ผมรุนแรงกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาถามติดตลก แต่ไม่ต้องมาย้อนถามฉันหรอก เขาน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจวว่าเมื่อคืนเป็นยังไง ฉันไม่ตายก็บุญแล้ว “ขอโทษนะครับแต่มันอดใจไม่ไหว พี่น่ะเอา...”
“พอแล้ว ๆ” ฉันบอกเขา พีคยิ้มระรื่นราวกับว่าชอบใจที่ทำให้ฉันเขินเขาได้
“พี่เม” ในจึงหวะนั้นเขาก็มองตาฉัน แววตาขี้เล่นเมื่อกี้แปรเปลี่ยนเป็นแววตาจริงจัง สองแขนยังคงกระชับอ้อมกอดเข้าหาตัวเอง ฉันไม่แน่ใจเลยว่าพีคคิดอะไรอยู่จนกระทั่งเขาเอ่ยคำหนึ่งที่ทำให้ฉันชงักไปเลย “เป็นแฟนกับผมมั้ย”
“......” ราวกับถูกตอกตึงเอาไว้ด้วยคำพูดของเขา ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยคิดเรื่องเป็นแฟนกับพีคเลย ถึงแม้ฉันจะชอบเขามากก็ตาม เรารู้จักกันมาแค่เดือนกว่า คุยกันจริงจังแค่สัปดาห์เดียว ไม่รู้ว่ามันจะเร็วเกินไปมั้ย ฉันยังไงไม่เคยพูดหลายเรื่องให้พีคฟังเลย
“ทำไมถึงไม่ตอบ” เขาถามเสียงเบา ฉันปั่นป่วนเมื่อเขาก่ายขาข้างหนึ่งบนขาฉัน เราแนบชิดกันกว่าที่เคยเป็น เขากดดันฉันผ่านการคำพูด การกระทำ อ้อมกอด และส่วนนั้น เขากำลังตอกย้ำว่าเราไปถึงไหนกันแล้ว เมื่อคืนเรามีอะไรกันโดยที่ยังไม่เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ “ผมไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า”
“.....” ฉันเม้มปากตัวเอง ทุก ๆ อย่างนตอนนี้ชวนให้ฉันปั่นป่วน ร่างกายฉันไม่พร้อมฉันป่วยอยู่ และมันไม่ใช่ท่าทางปกติที่คุยกันเลย “เรายังไม่ได้รู้จักกันดีพอเลย”
“คบกันไปก็เรียนรู้กันอยู่ดี” มันก็ถูกของเขา ฉันเคยไม่เข้าใจคนที่คุยกันนาน ๆ ก่อนคบเลย แต่หนึ่งสัปดาห์มันเร็วเกินไปจริง ๆ นะ
ฉันอยากรู้จักพีคให้ดีกว่านี้ แล้วก็ให้พีครู้จักฉันดีกว่านี้ด้วย สำหรับฉันการตกลงเป็นแฟนคือการที่เราคิดดีแล้ว ไม่ได้คิดเล่น ๆ ฉันอายุเท่านี้แล้ว จะเรียนจบในอีกสองสัปดาห์เท่านั้น ฉันอยากจริงจังกับชีวิตมาก ๆ ด้วย ไม่ได้อยากคบ ๆ เลิก ๆ หรือต้องไปเริ่มความสัมพันธ์ใหม่อีก
“ยังมีหลายเรื่องที่พี่ยังไม่ได้บอกพีค” ฉันพูดไปและช่วงล่างก็ปั่นป่วน น้ำเสียงฉันแหบแห้งหน่อยๆ และครวญคิดว่าท่าทางอย่างนี้มันใช่มั้ยที่ต้องมาคุยกันเรื่องนี้
“อย่างเช่น?” เขาถามและรอให้ฉันตอบเขากลับไป
“พี่จะเรียนจบแล้ว พี่อยากคบกับใครจริงจัง ไม่ได้อยากเลิกแล้วด้วย” ฉันตอบไปตามตรงเพราะตอนนี้ฉันก็ถือว่ามีงานที่มั่นคงในระดับหนึ่ง ฉันมีรถ มีร้าน และอีกไม่นานก็จะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ฉันวางแผนธุรกิจเพิ่มเติมเอาไว้ด้วย การที่จะมีคนรักก็ต้องเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจ
“ผมก็ไม่ได้บอกว่าจอยากเลิกกับพี่ “แล้วฉันเถียงอะไรได้อีกมั้ย บางอย่างสำหรับฉันรู้สึกว่าพีคยังมีความคิดที่เด็กอยู่ รักสนุกและไม่อยากผูกมัดกับใคร ดูจากที่เขามีFWB ก็รู้ มันน่าเชื่อยากที่เขาบอกว่าจะหยุดแค่ที่ฉัน ฉันไม่ได้ซีเรียสเรื่องเซ็กซ์ขนาดนั้นที่ว่ามีอะไรกับใครแล้วเขาต้องรับผิดชอบ
โอเคฉันยอมรับว่าฉันชอบพีคมาก ๆ แต่การจะคบกับใครสักคนแค่ชอบมันไม่พอไง
“ผมอยากเป็นแฟนกับพี่จริง ๆ ” ตาเขาเว้าวอนกว่าที่เคยเป็น แม้ฉันจะรู้สึกว่ามีความคิดหลายอย่างขัดแย้งกันก็ตาม แต่เกราะป้องกันที่แสนจะหนาองฉันก็พังลงง่าย ๆ เพราะเขา “ผมเคยบอกพี่แล้วไงว่าผมเลิกยุ่งกับFriend With Benefit. ของผมเพราะผมอยากเป็นแฟนกับพี่”
ใช่นะ เขาเคยพูดเชิงอย่างนั้นวันที่เขาบอกว่าชอบฉัน ตอนที่อยู่ในรถน่ะ เขาดูจริงจังมากด้วย ฉันไม่รู้จะตอบยังไงดีเลย ทุก ๆ อย่างอยู่ในสภาวะกดดัน แต่ฉันก็รู้ตัวดีว่าฉันชอบเขามาก มากกว่าใคร ๆ ที่เคยรู้จัก มากกว่าผู้ชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิต
“เชื่อใจผม” เขาดึงมือฉันไปวางไว้บนหน้าอกซ้ายของตัวเอง จังหวะหัวใจเขาเต้นหนักหน่วงมาก สายตาเขาส่งมายังฉันที่มองเขาอยู่ก่อน “เป็นแฟนกับผมนะ”
“ค่ะ” สุดท้ายฉันก็ตอบไปอย่างนั้น ราวกับว่าถูกต้องมนต์สะกดให้ตอบอย่างนั้น
“พี่เม มากินข้าวก่อน” หลังจากพีคไปเอาข้าวขึ้นมาจากข้างล่างเขาก็เดินมารียกฉันที่นอนซมอยู่ในห้อง ฉันรู้สักปั่นป่วนท้อง ปวดเมื่อยตัวด้วยเพราะหลังจากที่พีคขอฉันเป็นแฟนและฉันตอบตกลงไปเขาก็ทำเรื่องอย่างนั้นอีกรอบ ทั้งที่ฉันป่วยอยู่ เด็กคนนี้มัน....
“ไม่อยากกินน่ะ” ฉันว่าแต่ก็พยายามจะลุกขึ้นเพื่อเดินออกมาด้านนอก ที่ฉันอยู่ในภาพแบบนี้อาจจะเพราะแฮงค์ด้วย ฉันกินเหล้าเข้าไปเยอะมากนี่นา
“ดื้อเดี๋ยวก็โดน” ฉันมุ่นคิ้วกับคำพูดของเด็กนี่ แต่ยังไงก็ต้องฝืนกินแหละเพราะฉันต้องแพ็คของเตรียมส่งพรุ่งนี้ด้วย เพราะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคอลลาเจนที่ฉันขายมันขาดตลาดไป รอบนี้ยอดสั่งเลยเยอะมาก มันเป็นช่วงกอบโกยฉันจึงเปลี่ยนมาใช้ขนส่งที่เปิดวันอาทิตย์
พีคสั่งข้าวต้มมาให้ฉันแต่พอทานแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมากเลย อาการปั่นป่วนท้องหายไปจนหมด เมื่อเช้าตอนเข้ามาในครัวเห็นโหลเหล้าพีชแล้วฉันก็ขยาดแทบไม่ทัน ถ้าไม่เมาเมื่อคืนฉันอาจจะห้ามตัวเองไว้ได้ทัน แต่ก็นั่นแหละมันไม่ทันแล้วจริง ๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จฉันก็ต้องฝืนพิมพ์ที่ยู่ลูกค้าเพื่อนพริ๊นซ์ออกมาสำหรับแพ็คของ ฉันน่ะไม่ชอบเลยเวลาที่ตัวเองป่วย ฉันไม่สามารถเบี้ยวนัดลูกค้าได้ด้วย แถมวันนี้ต้องแพ็คตั้งเกือบสองร้อยกล่อง
“พี่เม ทำไมไม่ไปนอนพัก” เจ้าเด็กถามกับฉันตอนที่ฉันนั่งอยู่บนพื้นแล้วหันหลังพิงโซฟา “เดี๋ยวก็ไม่หายสักทีหรอก”
“พี่ทำงานอยู่ วันนี้ต้องแพ็คของเยอะเลย” ฉันตอบโดยที่ไม่ทันไปมองเขาด้วยซ้ำ “แล้วใครเป็นคนทำให้พี่เป็นแบบนี้ล่ะ”
“ผมเองแหละ แต่ว่าผมทำอะไรนะ” จังหวะนั้นต้องทำให้ฉันหันไปมองค้อนเขา พีคดูชื่นชอบกับท่าทางอย่างนั้นของฉันมากก่อนจะแกล้งต่อ “ผมลืมแล้วไหนพี่บอกผมหน่อยสิว่าผมทำอะไร”
“ไอ้เด็กบ้า” ว่าจบฉันก็หยิกขาเขาไปที หลังจากที่รู้จักกันมากขึ้นพีคเป็นคนที่ถึงแม้จะดูขรึมหรือเย็นชาแต่เขากลับชวนคุยเก่งมาก เขาทำให้ฉันผ่อนคลายมากด้วย
“ให้ผมช่วยมั้ย” ว่าจบเขาก็ลงจากโซฟามานั่งข้างฉัน เขาเกยคางกับไหล่ฉันด้วย
“พีคจะทำเป็นเหรอ “ฉันถามเขาและมีท่าทางลังเลหน่อยๆ แต่อาการง่วงซึมจากฤทธิ์ยาค่อยๆเล่นงานจนฉันหาวหวอดๆ
“ทำไมเป็นก็สอนไง ครั้งแรกมันยากเสมอแหละแต่ครั้งต่อไปเดี๋ยวก็ชิน” คำพูดสองแง่สองง่ามของเขาทำให้ฉันแทบจะฟาดเขาไปสักที เดี๋ยวนับวันยิ่งชอบพูดอะไรแบบนี้ “มองค้อนทำไม พี่คิดลึกเหรอ”
“ไปเอาถุงกล่องกับเทปกาวมา ที่อยู่กับออร์เดอร์เสร็จแล้วเดี๋ยวต้องแพ็คของ” ฉันไล่เขาพีคส่งเสียงงึมงำก่อนจะหอมแก้มฉันหนึ่งทีแล้วรีบลุกไป
“เขาเดินไปที่วางอุปกรณ์แพ็คของของฉันแล้วหยิบมาจังหวะที่หันหลังฉันก็เห็นว่าหลังเขาแดงมาก มีรอยหยิก รอยข่วนด้วย ฉันพลันตอนเห็นหน้าฉันก็ร้อนขึ้นอย่างห้ามไม่ฟัง ความทรงจำเมื่อคืนยังหลั่งไหลเข้ามา ทั้งการกระทำ ความรู้สึกในตอนนั้นก็ด้วย
“ทำไมไม่ใส่เสื้อดี ๆ ถอดเสื้อทำไม” ฉันว่าเขาก่อนจะหลุบตาลงมาสนใจงานในแล็ปท็อปต่อ
“ทำไมครับ มันยั่วพี่เหรอ นี่ยังกลางวันอยู่เลยนะ” เพราะทนไม่ไหวแล้วกับคำพูดสองแง่สองง่ามของเขาแบบนี้ฉันจึงคว้าหมออิงที่อยู่ข้าง ๆ แล้วขว้างใส่เขาจนเต็มแรง พีคหัวเราะชอบใจกับการกระทำของฉันนักหนา “ก็มันร้อนถ้าเปิดแอร์เดี๋ยวพี่ก็หนาวอีก ผมก็ต้องถอดเสื้อไง”
“งั้นก็กลับห้องตัวเองเลยไป” ฉันว่าแต่อีตาเด็กนี่ก็ยังคงไหวไหล่ใส่ฉัน
“ไม่ไปหรอก ก็แฟนผมอยู่นี่จะให้กลับไปห้องนั้นทำไม” ว่าจบเขาก็วางพวกกล่องพัสดุลง ฉันลุกขึ้นไปตรวจดูของที่ต้องส่งแล้วก็ยกมาทั้งถุงก่อนจะเริ่มสอนเขา
จริงมันไม่ได้อยากอะไรขนาดนั้น แค่ใส่ของลงไปในกล่องให้ตรงตามจำนวนสินค้าที่สั่ง ปิดกล่องด้วยเทปกาวแล้วก็แปะที่อยู่ทับลงไปแค่นั้นเลย หากฉันทำคนเดียวก็คงประมาณสามสี่ชั่วโมง พีคหัวไวมากพอที่จะรับรู้มัน แต่ฉันเกรงใจเขามากทีเดียว เขาไม่จำเป็นต้องมาทำอย่างนี้เลย
ฉันรู้ว่าฐานะทางบ้านของเขาร่ำรวยแค่ไหน เพราฉันเป็นเพื่อนพราวมาเกือบสี่ปี ฉันจึงรู้ว่านั้นมีฐานะที่ดี ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเลย พีคเองก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้เขาต้องมาแพ็คของช่วยฉัน มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องทำด้วยซ้ำ
“พี่เม เดี๋ยวผมทำเองพี่ไปนอนพักก่อนหน้าแดงหมดแล้ว” ฉันส่ายหัวเป็นคำตอบให้เขา ฉันไม่กล้าจะพูดว่าไม่อยากให้เขาทำเพราะพุดไปพีคก็ดื้ออยู่ดี “จะไปนอนดี ๆ หรือต้องโดนสักทีก่อน”
“นี่ คิดเรื่องอื่นบ้างก็ได้มั้ย” ฉันบ่นเขา
“อะไรผมแค่หมายถึงโดนตีสักที” คำพูดเขาแบบนี้เหมือนบ่งบอกว่าฉันเหมือนคนที่คิดลึกเลย แต่เขานั่นแหละชอบพูดสองแง่สองง่ามแบบนี้ “เนี้ยพี่หื่นอ่ะ”
“ไม่คุยด้วยแล้ว”
“ไม่คุยด้วยก็ไปนอน เดี๋ยวผมทำให้” ฉันยังคงนั่งอยู่แม้พีคจะยืนยันอย่างนั้นแต่ฉันก็ยังลังเลอยู่ ฉันไม่อยากปล่อยพีคไว้ทำคนเดียวนี่นา มันคืองานของฉันทั้งหมดเลย แต่พีคที่เห็นท่าฉันยังลังเลเขาก็ยื่นคำขาด “ถ้าไม่ไปนอนผมก็จะอุ้มพี่ไปนะ เอามั้ย แต่จะได้นอนเลยมั้ยก็อีกเรื่องนึง”
“ไปก็ได้ แต่ถ้าไม่ไหวก็หยุดเลยนะ” ฉันกำชับเขา
“ครับ แต่ผมอึดนะ หมายถึงทำงานอึด” ว่าจบก็หัวเราะชอบใจกับท่าทางของฉันเป็นอย่างมาก สุดท้ายฉันเลยต้องจำใจไปนอน แต่ก็เกรงใจเขามากอยู่ดี
ฉันเหนื่อยมากพอหัวถึงหมอนก็หลับไปเลย ดูเวลาก่อนนอนก็ประมาณบ่ายโมงได้ ฉันหลับไปนานมาก อาจจะเพราะฤทธิ์ยารวมถึงการปวดเมื่อยตามตัวแล้วก็อาการอึนๆจากการแฮงค์เหล้าด้วย ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีเกือบๆสี่โมงเย็นเลย ตื่นมาก็ได้ยินเสียงเหมือนพีคคุยโทรศัพท์อยู่
อาจจะเพราะฉันไม่ได้ปิดประตูบานเลื่อนที่เชื่อมระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเลนที่พีคนั่งแพ็คของอยู่ ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรแปะบนหน้าผากของตัวเอง พอแตะดูจึงรู้ว่ามันคือเจลลดไข้
“กูไม่ว่างว่ะ ไปเหอะ” ตอนที่ฉันลุกขึ้นนั่งและมองไปยังพีคที่ตั้งหน้าตั้งตาแปะเทปกาวบนกล่องอยู่นั้นฉันก็ได้ยินสียงเขา “กูขี้เกียจออกด้วย / เออไอ้เหี้ย แค่นี้แหละ”
เป็นการคุยที่กระชับและรวดเร็วมาก ถ้าดูจากคำพูดของพีคแล้วน่าจะเป็นเพื่อนเขาที่โทรมาชวนออกไปเที่ยวแน่ พอพีควางสายเขาก็โยนมือถือไปที่โซฟา เป็นตอนที่ฉันเดินออกมาข้างนอกพอดี ดูกล่องที่ถูกแพ็คเสร็จแล้วและเรียงรายอยู่มันเยอะมากทีเดียว
“ตื่นแล้วเหรอ” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำดื่มที่ตู้เย็นมา ก่อนจะเดินมานั่งด้านข้างพีค กะว่าจะทำต่อจากเขา เมื่อเขาเห็นว่าฉันนั่งลงและกำลังจะเปิดขวดน้ำเขาก็คว้าไปเปิดให้ทันที เขาทำแบบนี้ให้ตลอด ไม่แน่ใจว่านี่เป็นช่วงโปรโมชันมั้ย แต่ผู้หญิงแทบทุกคนคงชอบที่จะถูกผู้ชายทำแบบนี้ให้
“เพื่อนชวนไปเที่ยวเหรอ” หลังจากดื่มน้ำเสร็จกถามกับเขา ตอนที่เขาตอบเพื่อนไปว่าไม่ว่างฉันกลัวว่าพีคจะปฏิเสธเพื่อนเพราะทำงานให้ฉันอยู่
“ครับ แต่ผมไม่ไปหรอก” เขาตอบยิ้มๆแล้วก็หยิบกล่องใบใหม่มาติดเทปกาวต่อ
“ไปได้นะเดี๋ยวพี่ทำต่อเอง พี่ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” ฉันบอกไปเพราะหลังจากได้นอนแล้วมันก็รู้สึกดีขึ้นมาก อาจจะเพราะกินยาเข้าไปสองเม็ดด้วยแหละมั้ง แถมยังมีคนใจดีแอบซื้อเจลลดไข้มาแปะให้ด้วย “พีคแปะเจลนี่ให้พี่เหรอ ไปซื้อมาตอนไหน”
“บ่ายสองมั้งครับ ผมลงไปซื้อกาแฟเลยซื้อเจลมาแปะให้ด้วย” มันเป็นอะไรที่น่ารักมากจริง ๆ นะ ถ้าเทียบกับแฟนเก่าสองคนที่ฉันเคยคบมา มันไม่มีใครทำอย่างนี้ให้ฉันเลย “ไหนตัวหายร้อนยัง”
ว่าจบก็ยื่นมือมาจับที่แก้มของฉันทั้งสองข้าง เป็นการตรวจที่แปลกดี แต่น่ารักมากเลยล่ะ เมื่อก่อนฉันไม่เคยชอบคนเด็กกว่าเลย แต่พอลองคบดูแล้วมันก็ดีมากเลยแฮะ
“หายร้อนแล้ว แต่กินยาอีกเม็ดก็ดีนะ จะได้ไม่กลับมาไข้ขึ้นอีก” เขาเอื้อมมือไปหยิบยาลดไข้ที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกมาแกะให้อีกเม็ด ระหว่างที่ฉันกำลังกินยาเขาก็พูดต่อ “พวกไอ้เอกมันมาแล้วก็โทรมาชวนผม แต่ผมไม่อยากไป”
“ไม่อยากไปเพราะนี่หรือเปล่า” ฉันพยักเพยิดไปยังกองพัสดุที่อยู่ด้านหน้า
“เปล่า ไม่อยากไปเพราะอยู่กับพี่มากกว่า” คำพูดของเขาทำให้ฉันเขินมากทีเดียว ยอมรับเลยว่าพีคเป็นคนที่รู้จักใช้คำพูดกับผู้หญิงมากจริง ๆ นะ
จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่อดทนกับผู้ชายหน้าตาดี รู้จักใช้คำพูด และรู้จักว่าตัวเองควรจะปฏิบัติตัวยังไงต่อหน้าผู้หญิงกัน ขนาดฉันที่พยายามจะหักห้ามใจแล้วยังทำไมได้เลย ถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นรักแต่ความชอบ และความรู้สึกดีมันมากเลยทีเดียว
เคยได้ยินคำพูดที่เคยได้ยินคำพูดที่บอกว่าผู้หญิงที่ทำทุกอย่างเองได้ ใช้ชีวิตเองได้มักจะแพ้คนใส่ใจ และทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้มั้ย
พีคทำแบบนั้นให้ฉัน เปิดประตูรถให้ในครั้งแรกที่เราต้องขึ้นรถด้วยกัน ใส่ใจเรื่องความชอบของฉันอย่างเช่นหนัง หรือคาเฟ่ พยายามเอาถั่วงอกออกจากจานให้เพราะรู้ว่าฉันไม่กิน เปิดขวดน้ำให้ ไหนจะการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างอื่น มันทำให้ฉันรู้สึกดีมากเลยนะ
อาจจะเพราะฉันทำทุกอย่างเองจนชิน พอมีคนมาทำให้มันกลายเป็นพิเศษขึ้นมาเลย อีกอย่างเขากล้าแสดงออกว่าชอบฉันต่อหน้าเพื่อนของเขา ต่อหน้าพี่ชายของฉัน ต่อให้กำแพงหัวใจหนาเท่ากำแพงเมืองจีนก็ต้องหวั่นไหวอยู่ดีแหละ ฉันก็คนเหมือนกันนี่นา
หลังจากดีขึ้นฉันก็ช่วยพีคทำงานต่อ จริง ๆ มันคืองานของฉันนั่นแหละ เพราะหลังจากแพ็คออร์ของวันนี้ที่จะต้องส่งพรุงนี้เสร็จแล้วฉันก็ได้รับออร์เดอร์จากทางบริษัทมาเพิ่มอีก เดือนนี้ฉันน่าจะโปะเงินค่าร้านหมดพอดีน่ะนะ จะได้ทำงานหนักน้อยลงด้วย
ฉันมีแพลนทำแบรนด์เป็นของตัวเองหลังจากเรียนจบ พอมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง ร้านในไอจีของฉันสองร้านยอดฟอลร้านละห้าหมื่นกว่า ๆ มันก็พอทำให้ฉันปั้นแบรนด์องตัวเองได้ไม่ยากเลย ฉันอยากมีทุกอย่างที่มั่นคงกว่านี้ ในตอนที่ฉันยังทำไหว
ประมาณหนึ่งทุ่มตัดสินใจออกไปหาอะไรกินกัน ตอนที่เดินออกมาจากห้องพีคให้ฉันเดินนำไปก่อนเพราะเขาลืมกุญแจรถ แต่ไม่นานเท่าไหร่นักฉันก็ได้ยินเสียงเขาตามมา ไม่เกินอึดใจเหราก็เดินมาหยุดด้านข้างในตอนที่ฉันกดลิฟต์อยู่
“ทำไมเดินท่านั้น” ตอนพูดก็สอดมือเข้ามาโอบเอวฉันด้วย ฉันหันไปมองค้อนเขาในทันที เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะคำพูดที่พีคพูดกับฉันเมื่อคืนมันไม่ได้หายไปไง ตอนที่เรากำลังทำเรื่องนั้นกันน่ะ “ทำไมมองผมแบบนั้น นี่ถามเพราะห่วงนะ กลัวเจ็บขา”
“พอเลย” ว่าจบฉันก็หยิกเขาไปทีเหมือนพอเขารู้ว่าฉันจะเขินเวลาเขาพูดแบบนี้แล้วเขาก็ยิ่งพูด
ไม่นานนักเราก็ออกมาถึงร้านอหาร มันเป็นร้านที่ขายทั้งพวกของหวานแล้วก็ของคาวด้วย ค่อนข้างกังอยู่ในระแวกนี้ แล้วก็มีคนมาเยอะมากโดยเพสะช่วงวันหยุด แต่มันก็มีโต๊ะว่างอยู่โต๊ะหนึ่งพอดี
ฉันกับพีคนั่งโต๊ะด้านในเพราะข้างนอกลมแอบแรงเกินไปมันเหนียวตัว ด้านในมีคนนั่งทุกโต๊ะ และโต๊ะเยื้องด้านข้างเราก็เป็นคู่รักคู่หนึ่ง ฉันเห็นพีคผงกหัวให้ทั้งสองคนตอนเดินเข้ามา
“รู้จักกันเหรอ” ฉันถามไปหลังจากที่ฉันเห็นว่าผู้หญิงนั้นมองพีคอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปคุยกับแฟนของเธอ อันที่จริงก็น่าจะเป็นแฟนแหละ เห็นจับมือกัน
“ก็....ครับ” ระหว่างตอบเขาเกาหางคิ้วน้อย ๆ “เพื่อนน่ะ”
“อ๋อ” ฉันครางรับแบบไม่ใส่ใจอะไรมาก แต่อยู่ๆพีคก็เล่าต่อโดยที่ไม่ทันจะได้ถามเขาด้วยซ้ำ
“จริง ๆ คือ คนนั้นแหละ Friend with benefit.” ฉันนิ่งกับคำพูดของเขาไปครู่หนึ่ง ย้อนไปในวันนั้นที่ฉันเจอเขาครั้งแรกฉันเจอเขาจูบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้านเหล้า
ฉันเห็นหน้าพีคชัดนะแต่ไม่เห็นหน้าผู้หญิงเลย วันที่เขาบอกชอบฉันเขาบอกว่าเธอเป็นแค่FWB. แต่จบกันไปแล้วซึ่งฉันก็เข้าใจได้
ในตอนนั้นฉันกับเขาไม่ได้รู้จักกัน จึงไม่จำเป็นต้องไม่โอเคถ้าเขาจะมีความสัมพันธ์แบบนั้น ฉันอยู่ในสังคมที่เปิดกว้างพอที่จะเข้าใจความสัมพันธ์แบบนั้น เขาไม่มีแฟน เขาจะไปนอนกับใครก็ได้ถ้าเขารู้จักป้องกัน แต่ถ้าเขามีแฟนแล้ว การไปนอนกับคนอื่นไปเรื่อยมันจะกลายเป็นเรื่องแย่ทันที
ฉันไม่ได้สองมาตรฐานแต่มันคือเรื่องจริงนี่นา ความซื่อสัตย์ทั้งทางกาย และทางใจ ไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นหากมีคนทำได้ แต่มันคือสามัญสำนึกขึ้นพื้นฐานของมนุษย์ด้วยซ้ำ
“ตอนนี้เขามีแฟนแล้วครับ” พีคตอบมาอีกและฉันก็พยักหน้ารับกลับไป “แค่ทักทายตามประสาเพื่อนเฉย ๆ นะ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย พี่โอเคมั้ย”
“พี่ยังไม่ว่าอะไรเลย คิดมากอะไรเนี้ย” ฉันยิ้มกับการกระตือรือร้นบอกของเขา “มันคือตอนก่อนที่พีคจะรู้จักพี่นี่นา พี่ไม่เห็นจะต้องไม่โอเคเลย”
จังหวะนั้นฉันหันไปแล้วก็เห็นว่าเธอมองมาที่ฉันพอดี เธอเป็นฝ่ายยิ้มให้ฉันก่อนด้วย ซึ่งฉันก็ยิ้มตอบกลับไป เธอสวยมากเลยนะ ดูจะหุ่นดีด้วยแหละ สูงกว่าฉันเยอะเลย
“พรุ่งนี้จะกลับยังไง” ระหว่างที่กำลังทานของหวานตบท้ายฉันก็ถามเขา
“น่าจะกลับเองแต่ถ้าพี่ไปส่งก็จะดีมากครับ” ฉันไม่แน่ใจเลยว่าพีคเป็นเด็กขี้อ้อนตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงหน้าเขาจะไม่ให้แต่พอทำหน้า ทำสายตาอย่างนั้นแล้วมันดูขี้อ้อนมากเลยนะ “ถ้ายังป่วยอยู่ก็ไม่เป็นไร”
บอกว่ากลับเองได้ก็กลับเองไง ฉันตอบไปเสียงเบา นครนายกไม่ได้ใกล้เลย เวลาเดินทางสองชั่วโมงกว่าจากบางแสนไป ไหนจะขากลับอีก
“แต่อยากให้ไปส่ง” ถ้าพูดมาแค่นี้ก็รู้แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องอ้อมค้อมว่ากลับเองได้เลยน่ะนะ “อยากอยู่ด้วยนาน ๆ ไง อย่างน้อยนั่งรถไปด้วยกันสองชั่วโมงก็ยังดี”
แต่ในระหว่างนั้นก็มีเด็กผู้หญิงประมาณห้าหกขวบเดินมาพร้อมตะกร้าที่ใส่ดอกกุหลาบสีแดงมาหลายดอก แถวหาดมีแบบนี้เยอะแยะเลย ขายทั้งลูกอมขนม น้องน่าสงสารนะสำหรับฉัน ยังไม่โตเท่าไหร่ก็ถูกพ่อแม่ใช้มาขายของโดยใช้ความเป็นเด็กให้คนสงสาร
“พี่เอาดอกไม้มั้ยคะ ดอกละสามสิบห้าบาทค่ะ” จริงมันแพงหูฉี่มากดอกกุหลาบแบบนี้อยู่ตลาดหนองมนดอกละแปดบาทเอง ฉันตั้งท่าจะปฏิเสธเพราะเจอแบบนี้บ่อย ๆ น่ะนะ แต่พีคกลับหยิบแบงค์ห้าร้อยออกมาจากกระเป๋าสตางค์พร้อมพูดว่า
“พี่เหมาหมดเลยค่ะ” ฉันแน่ใจว่าทั้งหมดในตะกร้ามันไม่ถึงห้ารอยหรอก “ไม่ต้องทอนนะคะ”
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
- BABYBOW -
ทุกคนคะ ทุกคนคิดว่าใครคลั่งรักกันแน่คะ ไรท์ว่าไม่น่าใช่พี่เมนะ5555555555555 มีคนอ้อนให้พี่ไปส่ง มีความแซวพี่ด้วยว่าทำไมเดินแบบนั้น ใครนะเป็นคนทำพี่
ทุกคนเม้นให้ไรท์หน่อยได้มั้ยคะ รู้สึกกำลังใจหายมาก แต่ไรท์ก็พยายามจะอัปต่อไป ยอมรับว่าเม้นต์มันส่งผลต่อกำลังใจมากจริงๆ ไรท์แค่อยากรู้ว่านิยายมันดีหรือไม่ดีอ่ะค่ะ เม้นต์ให้หน่อยน๊า
Contact me
FB : Babybow TW : Babybbow_ Group NC : Bababow [H+]
ความคิดเห็น