ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข - นิยาย ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข : Dek-D.com - Writer
×

    ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข

    คนเรามักจะจมปลักกับอดีตและสิ่งเก่าๆ หากจะเป็นสิ่งของมักมีคุณค่า แต่กับชีวิตทุกคนต้องพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า แม้ว่าทางข้างหน้าจะมีทั้งสุขทั้งทุกข์ก็ตามแต่

    ผู้เข้าชมรวม

    2,219

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    2.21K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  25 มี.ค. 52 / 21:35 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    คนเรามักจะจมปลักกับอดีตและสิ่งเก่าๆ หากจะเป็นสิ่งของมักมีคุณค่า แต่กับชีวิตทุกคนต้องพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่จะเข้ามาสู่ตัวเอง และเรียนรู้ที่จะพบกับคนอื่นๆที่เขาเข้ามาในชีวิต แม้ว่าทางข้างหน้าจะมีทั้งสุขทั้งทุกข์ก็ตามแต่

                    แต่ทุกบทเรียนของชีวิตย่อมมีบททดสอบ ไม่ว่าผิดหรือถูกก็ไม่มีคะแนนสำหรับบททดสอบของชีวิต มีทั้งยากและง่าย ตามแต่บุคคลซึ่งมีหลากหลายสาเหตุแตกต่างกัน หากแต่เจอปัญหาใดก็ตามแต่ จงอย่าท้อ ให้คิดว่านั่นคือบทที่ท้าทาย ที่เราควรจะเอาชนะให้จงได้

                    เนื้อหาในเรื่องนี้ไม่จำเพาะเจาะจงว่าจะนำไปใช้กับใคร หากแต่อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคน ไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา เป็นกำลังใจเมื่อท้อ ทุกครั้งที่คุณหยิบมาอ่านนั่นหมายถึง คำตอบของคุณ

     

     

     

                                                                                                                                                                    เพื่อนใจ

                                                                                                                                                                     อริสรา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    นี่คือชีวิต

    มองคนรอบข้างทุกคนย่อมมีอะไรที่แตกต่างกันทั้งวิถีชีวิต และการใช้ชีวิต หรืออีกหลายๆอย่าง บางคนก็ดูร่ำรวยมีความสุข จนทำให้ใครต่อใครต่างอิจฉา แต่หากมองย้อนกลับไปในอดีตของแต่ละคนที่ประสบความสำเร็จ ทุกชีวิตไม่เคยมีใครโรยด้วยกลีบกุหลาบ เหมือนกับละครที่แสดงให้ดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่พระเอกและนางเอกต้องมีอุปสรรคมากมายกว่าจะได้ลงเอยกัน แม้กระทั่งชาวนาที่เป็นสันหลังของชาติ หากใครได้รู้ถึงวิธีทำเขาจะนำข้าวมาให้เรากินได้ต้องผ่านขั้นตอนอะไรมากมาย เกือบจะเป็นปีกว่าผลผลิตจะออกมา ผ่านอุปสรรคต่างๆ แม้บางครั้งผลผลิตไม่ได้อย่างที่หวัง พวกเขาเหล่านั้นก็ยังไม่ท้อที่จะทำสิ่งเหล่านั้นต่อไป

    ชาวนากว่าจะเริ่มปลูกข้าว พวกเขาจะต้องหาเมล็ดพันธ์คัดเลือกเมล็ดดีมีคุณภาพ หว่านเสร็จเป็นต้นกล้าก็ต้องถอนออกมาดำ ดำเสร็จก็ต้องบำรุงปุ๋ย และป้องกันศัตรูมากัดกินข้าว บางปีฝนกระหน่ำน้ำท่วม ก็ต้องไถหว่านปลูกกันใหม่ ปีไหนแล้งก็ต้องหาน้ำมารดเติมทุ่งนา หากมีโรคระบาดในนาข้าวก็ต้องไปกู้ธนาคารมาลงทุน พอข้าวออกรวงก็ต้องรีบเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวเสร็จก็ต้องนำมาตากแห้งเพื่อสร้างราคา จะเก็บสินค้าก็ไม่ได้เพราะมีหนี้สินต้องรีบจ่าย แต่พวกเขาก็ยังพร้อมที่จะทำต่อไปแม้จะต้องเข้าสู่วัฏจักรเดิมๆ จากรุ่นสู่รุ่น

    แม้วันนี้คุณอาจจะมองว่าคุณสุดแสนจะลำบาก มีปัญหามากมายสารพัดรุมเร้า เหมือนกับคลื่นพายุในทะเล ก็ขอให้คิดว่าชีวิตของคุณก็เหมือนละครฉากหนึ่งที่กำลังจะนำไปสู่ความสำเร็จและความสุข ถึงจุดที่จะก้าวหน้าต่อไป ซึ่งเป็นแบบแผนโครงสร้างของชีวิตที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าทุกคนต้องมีอุปสรรค จะมากน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัย เวลา โอกาส และสถานการณ์ ต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้น มีสิ่งหนึ่งที่ควรจำฝังใจคือ ไม่ได้มีคุณคนเดียวในโลกที่เป็นเช่นนี้ อย่ามองหาแต่ความสำเร็จ โดยไม่มองจุดเริ่มของมัน และมองหาหนทางที่จะก้าวไป แต่ทุกย่างก้าวอย่างมั่นคง มีสติ และไม่ประมาท นั่นจะนำทางสำเร็จมาสู่คุณ  และหากคุณจะมองหาใครที่ลำบากกว่าคุณขอให้มองย้อนกลับไปดูพวกเขาชาวนา ที่ทุกคนเรียกว่า กระดูกสันหลังของชาติ

     

    ทุกชีวิตบนโลกแห่งความจริง ล้วนไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ มีทั้งสุขทั้งทุกข์คละเคล้ากันไป ขอเพียงมีกำลังใจทุกฝันย่อมเป็นจริง

     

     

     

     

     

     

    ยึดหลักสายกลาง

    หากคุณยืนอยู่ตรงกลางโดยไม่เอนเอียงคุณจะมองเห็นความแตกต่างทั้งสองข้าง ทุกสิ่งคือความต่างของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์ สมหวังและผิดหวัง ไม่มีชีวิตที่ลงตัวหรือสำเร็จรูปเหมือนบะหมี่ที่ฉีก แค่เติมน้ำร้อนก็กินได้

    ไม่มีใครจะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งความคิดก็ยังมีคำว่าขัดแย้งแม้กับตัวเอง เพียงแต่เรามองความต่างที่คิดว่านั่นคือจุดด้อยของตัวเอง แล้วพัฒนามันให้เป็นจุดเด่น ให้มันเกิดการพัฒนาจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริง

    วันนี้ชีวิตอาจจะมีความสุขมากเกินคำบรรยาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณชีวิตจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป เพราะวันพรุ่งนี้เมื่อคุณตื่นขึ้นมาคุณอาจจะพบความความทุกข์ที่แสนสาหัสจนอาจทำให้คุณอยากจะหายตัวไปจากโลกนี้ก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้คุณรู้ไว้ว่านี่คือชีวิตที่เป็นจริง คุณจึงควรทำความเข้าใจและมองให้รู้ซึ่งถึงความจริงว่าคนเรามีขึ้นย่อมมีลง เหมือนดัชนีตลาดหุ้นมีดิ่งขึ้นและดิ่งลงและไม่ช้ามันก็จะดิ่งขึ้นใหม่ เป็นเช่นนี้อยู่เสมอ คุณจึงควรที่จะอยู่ตรงกลางของชีวิต เมื่อมีสุขก็จงอย่าสุขให้เกิดตัว หากมีทุกข์ก็อย่าทุกข์จนเกินพอดี ทุกสิ่งทุกอย่างควรทำอย่างสมเหตุผล จึงจะเรียกว่าทางสายกลาง

    แม้บางคนที่เกิดในครอบครัวที่มีปัญหา แต่ชีวิตกลับประสบความสำเร็จมากมาย แต่บางคนเกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์ในทุกๆด้าน แต่ชีวิตกลับพบแต่ความล้มเหลว ทุกอย่างย่อมเกิดได้เสมอ ไม่มีความแน่นอนตายตัว แต่สิ่งที่จะช่วยพยุงตัวเองได้คือ ทางสายกลาง

     

     

    กล้าก้าวเดิน ทุกย่างก้าวย่อมมีอุปสรรค ทุกก้าวแรกย่อมมีสะดุด

    ยอมเป็นผู้แพ้เพื่อที่จะชนะ ทุกอย่างย่อมมีแพ้มีชนะแต่หากว่าคุณไม่รู้จักแพ้ คุณก็จะไม่รู้จักการพัฒนา เพราะการพัฒนาคือหนทางสู่ความสำเร็จ

    อย่าวางตัวให้ฉลาดบางครั้ง บางเรื่องเราก็ควรที่จะโง่ เพราะความโง่อาจทำให้คุณปลอดภัย

     

     

     

     

     

     

     

    การเปลี่ยนแปลง

    รู้จักคำถาม

                    การที่คุณได้ย้อนกลับมาคิดพิจารณาถึงจิตใจตัวเอง มองหาความต้องการ มองหาเหตุผล เพื่อที่จะหาคำตอบหรือข้อมูลให้กับตัวเองและสิ่งต่างๆรอบข้าง คุณจะมีคำถามมากมายไม่มีสิ้นสุด เหมือนเป็นการต่อสู้ที่มีอยู่ต่อเนื่อง มีหนักเบาตามแต่ละบุคคล แต่หนังสือเล่มนี้มีวิธีที่จะช่วยให้คุณรู้จักตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบและข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น

                    ซึ่งโดยปกติทั่วไปคำถามที่เรามักจะได้ยินและเป็นที่นิยมใช้กันทั่วไปมากที่สุดคือ ทำไม แม้แต่ในบทเรียนที่เราเรียนก็จะมีคำถามประเภทนี้เสมอ แต่คำถามนี้ก็ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้พบคำตอบมามากมายแล้วเหมือนกัน แต่ที่อยากจะบอกก็คือ ทำไม ไม่สามารถใช้หาคำตอบของชีวิตได้ดีพอ

     

    ยกตัวอย่าง

    ทำไมฉันถึงเรียนไม่เก่งเลยนะ

    ทำไมเขาไม่พาฉันไปด้วย

    ทำไมฉันถึงอ้วนแบบนี้

     

                    นี่คือตัวอย่างคำถามที่จะทำให้คุณอยู่ในวังวน ที่หาทางออกไม่พบ จนกลายเป็นความหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง ซึ่งจะนำความสิ้นหวังมาสู่คุณ คำถามเหล่านี้จะทำให้คุณเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เพราะคุณพยายามที่จะหาคำตอบหาข้อมูลมาตอบปัญหาของตัวเอง จนกลายเป็นความรู้สึกหดหู่ การตำหนิตัวเอง และอาจกลายเป็นปัญหามากขึ้นไปอีก เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับมากมายเกิดความจำเป็น ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จะพาคุณออกจากวังวนของคำถามแย่ๆเหล่านี้

                    ต่อไปนี้จะนำเข้าสู่การตั้งคำถามที่เกิดปัญญา คำถามที่นำไปสู่ข้อมูลที่มีประโยชน์ เพื่อการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าที่จะก่อให้เกิดผลที่ดีจากที่ทุกครั้งคุณเคยใช้คำว่า ทำไม ลองกลับมาใช้คำว่า อะไร แทนแล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

     

     

     /span>

     

     

     

     

                    ยกตัวอย่าง

     

    การรู้จักตั้งคำถามจะพาไปหาข้อมูลที่รวดเร็ว

    ก่อให้เกิดการพัฒนาทางปัญญา

     

    คำถามเกี่ยวกับตัวเอง                  

    คำถามเดิม                                                         คำถามใหม่

                    ทำไมฉันรู้สึกแย่อย่างนี้                                                อะไรที่จะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น

                    ทำไมฉันเรียนแย่อย่างนี้                                             ฉันต้องเรียนอะไรเพิ่มเติมเพื่อที่จะเรียนดีขึ้น

                    ทำไมฉันอ้วนอย่างนี้                                     อะไรบ้างที่ฉันกินแล้วทำให้อ้วนขึ้น

                                                                                                    อะไรที่จะช่วยให้ฉันผมลง

                    ทำไมฉันทำได้แค่นั้นนะ                                          อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ฉันทำได้แค่นั้น

                                                                                                    ฉันต้องพัฒนาอะไรบ้างเพื่อที่จะทำได้ดีขึ้น

                    ทำไมฉันถึงมีแต่ความทุกข์                        ฉันได้เรียนรู้อะไรจากความทุกข์เหล่านี้

                    ทำไมชีวิตฉันต้องล้มเหลวตลอดเวลา                อะไรคือสิ่งที่จะทำให้ฉันสมหวัง

                   

    คำถามเกี่ยวกับคนรอบข้าง

    คำถามเดิม                                                         คำถามใหม่

    ทำไมเขาสับสนอย่างนั้น                                    อะไรที่จะทำให้เขาหายสับสน

                    ทำไมเขาไปจากที่นี่                                             อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาไปจากที่นี่

                    คุณทำอะไรลงไป                                            อะไรทำให้เขาต้องทำอย่างนั้น

                                                                                                    อะไรคือหนทางแก้ไขสำหรับเขา

                    ใครใช้ให้คุณทำ                                                               เขาต้องการอะไรจึงให้คุณทำอย่างนี้

                                                                                                    เขาได้อะไรจากการทำอย่างนี้

                    ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจ                                           อะไรทำให้เขาไม่เข้าใจ

                                                                                                    เขาควรเรียนรู้อะไรเพื่อให้เข้าใจ

                    เกิดขึ้นได้อย่างไร                                             ควรแก้ไขอะไรบ้างกับเรื่องนี้

     

     

     

    คำถามที่นำไปสู่ปัญญาควรใช้เมื่อไหร่และอย่างไร

    หลายครั้งที่เพื่อนของคุณมีปัญหา หรือเมื่อคุณเกิดปัญหา ต้องการใครสักคนที่จะรับฟัง แต่ถ้าหากผู้รับฟังไม่สามารถจะตั้งคำถามที่ดีได้นั้น อาจจะทำให้เขาหรือคุณไม่สามารถจะรับรู้ข้อมูลของปัญหาได้ เช่น เมื่อวานคุณอยู่ที่ไหน  ใครเป็นคนทำ  เพราะอะไรจึงทำอย่างนั้น คุณก็จะได้รับฟังเพียงเรื่องราว เหมือนเรื่องเล่าของนิทาน หรือบทละคร เพราะฉะนั้นถ้าคุณกลับมาตั้งคำถามแบบที่หนังสือนี้แนะนำ คำถามที่ทำให้เกิดปัญญา อย่างเช่น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคุณรู้สึกอย่างไร อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกอย่างนั้น คุณหรือเขาก็จะช่วยให้ปัญหานั้นคลี่คลายโดยง่ายดายขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่คาดคิด

    ก่อนที่คุณจะใช้คำถาม อะไร คุณจะต้องก้าวข้ามรายละเอียดของเรื่องและข้อมูลไปสู่ผลลัพท์ที่ต้องการก่อน หลีกเลี่ยงที่จะทำความเข้าใจถึงปัญหา เพื่อที่จะหาทางแก้ วิธีนี้คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจปัญหาเพื่อที่จะรู้วิธีแก้ แต่วิธีนี้จะช่วยให้คุณก้าวได้ไกลกว่าปัญหา คำถามที่ถามด้วยคำว่า อะไร จะทำให้เห็นว่าการแก้ปัญหาคือเป้าหมายที่ต้องการ

    บางครั้งคุณอาจจะอยากอยู่กับปัญหาเพียงลำพัง หรือคุณอาจจะเคยช่วยคนที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือ ในความรู้สึกนั้นคุณจะรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เมื่อคนที่คุณต้องการช่วยเขาอยากจะนั่งขบคิดกับปัญหามากกว่าจะนั่งแก้ไข

    ถึงแม้ว่าคุณอยากจะทำสิ่งเหล่านั้นให้กระจ่างด้วยตัวเอง แต่คุณต้องใช้เวลาและมีความอดทน เพราะการถามคำถามที่จะนำไปสู่ปัญญาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เกิดประโยชน์มาก ไม่ว่ากับเพื่อน กับคนที่คุณรัก หรือตัวคุณเอง เพราะมันจะช่วยให้คนอื่นได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ ไม่ว่าคุณจะใช้คำถามที่นำไปสู่ปัญญาที่จะช่วยให้คุณหรือคนอื่นได้เดินไปข้างหน้าหรือไม่ก็ตาม ขอให้รู้ไว้ว่า คุณได้มาในทางที่ถูกต้องแล้ว

    นอกจากนี้คุณยังสามารถนำคำถามเหล่านี้ไปใช้ในเรื่องการทำงาน เมื่อพบกับลูกค้าได้อีกด้วย

    ตัวอย่าง

    ถ้าคุณเป็นหัวหน้างานแล้วบริษัทของคุณกำลังประสบปัญหาร้ายแรง และมีพนักงานคนหนึ่งไม่พอใจกับผลสรุปของปัญหานี้ คุณได้เรียกเขาเข้าพบแล้วสอบถามทันที อะไร คือสิ่งที่ทำให้คุณไม่พอใจกับผลสรุปของงานชิ้นนี้ พนักงานคนนั้นเงียบไป คุณจึงถามเขาใหม่ว่า ตอนประชุมคุณรู้สึก อะไร กับโครงการนี้บ้าง แล้วตอนนี้คุณต้องการ อะไร อะไร คือเป้าหมายของคุณต่อโครงการ อะไร ที่จะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จในความคิดคุณ ฉันสามารถช่วย อะไร คุณได้บ้าง อะไร ที่จะช่วยให้เราทำงานชิ้นได้ให้บรรลุผล

    แรกๆพนักงานของคุณจะรู้สึกขัดขืน เพราะเข้าใจว่าคุณจะสั่งสอนเขา แต่เมื่อคุณไม่ได้ตำหนิหรือต่อว่า แต่คุณกลับใช้คำถามที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ เขาก็เริ่มแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น เขาจึงหมดข้ออ้างที่จะเข้าข้างตัวเองหรือพฤติกรรมการปกป้องตนเอง หลังจากที่คุณและเขาได้เปิดอกคุณกัน คุณและเขาก็จะได้รู้ถึงความไม่มั่นใจของตนเอง ความกลัวและเป้าหมายของเขา การทำเช่นนี้จะช่วยให้ความสัมพันธ์ในการทำงานได้ผลยิ่งขึ้น

    คำเตือน

    มีข้อยกเว้นอยู่ว่า อะไร จะเป็นคำถามที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ซึ่งคุณอาจจะใช้ถามใครต่อใครมาหลายครั้งแล้ว ฉันควรทำอะไรดี คุณควรจะถามใหม่ว่า ฉันต้องการอะไร มันคือคำถามสั้นๆแต่ได้ใจความ แต่หลายคนมักจะหาบทสรุปกับคำถามนี้ไม่ได้ เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร อะไรคือความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น