ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การเปลี่ยนแปลง
บทที่1
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา แพรไหมก็ต้องตกใจ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เธอต้องรีบถลาเข้าไปประคองร่างที่กำลังจะล้ม
“คุณอา...คุณอาเป็นอะไรคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใย แต่ด้วยรูปร่างที่ใหญ่เกินหญิงทั่วไปแพรไหมถึงกับเซเล็กน้อย เธอจึงค่อยๆพยุงร่างนั้นไปนั่งที่เก้าอี้ หน้าเคาว์เตอร์บาร์ด้วยอาการค่อนข้างทุลักทุเลเต็มที
“อาไม่เป็นอะไรมากหรอกจ๊ะ แค่หน้ามืดนิดหน่อย สงสัยคงจะแก่แล้ว พักสักเดี๋ยวก็คงหาย น้องแพรไม่ต้องเป็นห่วง” เธอพยายามปรับเสียงพูดให้เป็นปกติ แม้คนที่พูดจะเริ่มขึ้นเลขสี่แล้ว หากแต่เธอก็ยังดูสวยกว่าผู้หญิงทั่วไปในวัยเดียวกัน จะเสียก็เพียงแต่รูปร่างที่ใหญ่โตกว่าผู้หญิงปกติทั่วไป กับเสียงที่แหบห้าวเกินพอดี ใช่แล้วเธอคือสาวประเภทสองนั่นเอง
“ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวน้องแพรจะโทรเรียกพี่นนท์ให้มาดูอาการของคุณอาดีกว่า” แพรไหมยังไม่รู้สึกคลายกังวล ดังนั้นเธอจึงเดินไปโทรศัพท์หาพี่นนท์ทันที โดยไม่สนเสียงห้ามปรามของอาเธอ
“สวัสดีค่ะ พี่นนท์นี่แพรเองนะคะ คุณอาไม่ค่อยสบาย ไม่ทราบว่าวันนี้พี่นนท์ว่างไหมค่ะ รบกวนพี่นนท์ช่วยมาดูอาการให้คุณอาของน้องแพรหน่อยนะคะ” เมื่อปลายสายตอบรับ เธอจึงรีบขอบคุณทันที “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวพูดยังไม่ทันจบดีอาของเธอก็เอ่ยปากขึ้น
“น้องแพรไม่น่ารบกวนพี่เค้าเลยเกรงใจเขาเปล่าๆ อาการของอาก็เริ่มดีขึ้นแล้วนะ” คนเป็นอาพูดพร้อมกับทำท่าลุกขึ้น แต่ไม่ทันไรก็ทำท่าเหมือนจะล้มอีกครั้ง ถ้าหากหญิงสาวไม่เข้ามารับเอาไว้ก่อน
“แข็งแรงอะไรกันค่ะ ไปเลยค่ะ ไปนอนพักข้างบน เดี๋ยวพี่นนท์ก็จะมาดูอาการให้ หรือว่าจะให้แพรพาไปหาพี่นนท์ที่โรงพยาบาลดีคะ” แพรไหมพูดพร้อมกับทำท่าทางขู่อย่างขึงขัง ซึ่งเธอรู้ดีว่าถึงอย่างไรอาของเธอก็ไม่มีวันไปโรงพยาบาลแน่นอน ซึ่งเธอมักให้เหตุผลว่า “ไปทำไมโรงพยาบาล อาไม่อยากให้ใครมามองอาด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนอาเป็นตัวประหลาด น้องแพรก็รู้อาชีพอย่างเราสังคมเค้าไม่ค่อยยอมรับกันหรอก แล้วไหนอาก็เป็นแบบนี้อีก” เธอพูดพร้อมกับทำท่าน้อยใจ
“เอาอีกแล้วนะคะคุณอาโทษตัวเองอีกแล้ว เพราะอย่างนี้ไงละคะน้องแพรถึงให้พี่นนท์มาดูอาการคุณอาที่นี่ แต่สมัยนี้สังคมก็เปิดกว้างมาขึ้นแล้วคุณอายังจะต้องไปสนใจใครอีกละคะ ในเมื่อเราไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนใครเขาสักหน่อย และถึงแม้ใครจะว่าอะไร หรือใครจะมองคุณอาว่าเป็นอย่างไร น้องแพรก็รักคุณอามากที่สุดในโลกค่ะ” ทุกครั้งที่เธอเห็นอาเธอทำท่าน้อยใจ หรือไม่สบายใจเธอก็จะเข้าไปกอดพร้อมกับบอกรักคุณอาของเธอเสมอๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“พี่นนท์ก็เหมือนพี่ชายน้องแพร เพราะฉะนั้นก็เท่ากับเค้าเป็นหลานของคุณอาอีกคนหนึ่ง คุณอาทำใจให้สบายเถอะค่ะ” อาของแพรไหมจึงมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังจะขึ้นไปข้างบนนั้นเอง สองสาว(แต่ไม่ค่อยสาว)ก็เดินนวยนาดเข้ามาในร้าน พร้อมกับส่งเสียงดัง
“นี่พีชชี่ หนังที่เราดูกันวันนี้นะ หล่อนเห็นตอนนังชะนีมันตบนางเอกรึเปล่า ฉันนะอยากกระโดดทะลุจอเข้าไปตบนังชะนีตัวโกงนั่นจริงๆเลย”
“ใช่ๆ นังชะนีนางเอกนั่นก็เห่ยซะไม่มี”คู่สนทนาตอบรับเป็นลูกคู่ทันที
สองสาว(เทียม)กำลังนินทานางเอกละครอยู่อย่างเมามันก็ต้องแปลกใจเมื่อหันมาเห็น แพรไหมกับท่าทางอาของเธอ
“อุ๊ย คุณมาม่า(มาม่าซัง)เป็นอะไรค้า.....”สองสาวพูดเกือบจะพร้อมกัน
“พี่สองคนมาก็ดีแล้ว เดี๋ยวน้องแพรจะพาคุณอาไปข้างพักข้างบนก่อนทางนี้ฝากพี่สองคนช่วยดูแลให้หน่อยนะคะ” แพรไหมเอ่ยปากฝากร้านกับสองสาว
“ได้ค่า.......” ทั้งสองสาวจึงตอบรับพร้อมกัน เมื่อแพรไหมกับอาของเธอไปข้างบนแล้ว สองสาวก็เริ่มจับกลุ่มนินทา นางเอกละครกันต่ออย่างเมามัน แต่แล้วอยู่ๆกระเทยที่ชื่อพีชชี่ก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นทันที
“นี่ซินนี่ หล่อนว่าไหมน้องแพรนี่นับวันจะสวยวันสวยคืนนะยะ”
“อุ๊ย ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละแก ว่าแต่แกเหอะนังพิชชี่วันนี้ดูอ่อนระโหยโรยแรงนะยะ เมื่อคืนไปทำอะไรมายะหล่อน” ซินนี่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
คนที่ถูกเอ่ยถึงจึงสะบัดหน้าให้หนึ่งทีก่อนจะตอบ “ชิชะหล่อนอย่ามาทำเป็นรู้ดี จิตอกุศลนะยะ เมื่อคืนฉันนั่งดูละครเกาหลีดึกหรอกยะ ไม่เหมือนหล่อนหรอกนะโจ๊ะทั้งคืน ยังไงก็เลือกหน่อยนะยะระวังจะเจอลูกนายกโดยไม่ได้ตั้งใจนะยะหล่อน” ทันใดนั้นสายตาหาเหยื่อของซินนี่ก็ไปเจอกับชายหนุ่มที่เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด ลมอะไรหอบคุณหมอรูปหล่อมาหาซินนี่ได้ละค่า........”ซินนี่พูดพร้อมกับเดินเข้าไปหาด้วยอาการกระดี๊กระด๊า ส่งสายตาโลมเลียจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด จนเพื่อนของเธออดแขวะไม่ได้
“จะลมอะไรก็ไม่เกี่ยวกับแกแน่นอน เลิกทำท่าทางเป็นนังจูออนได้แล้ว”“คุณหมอมาหาน้องแพรเหรอค่ะ น้องแพรกับมาม่าอยู่ข้างบนค่า........” พีชชีรีบดึงรีบบอกชายหนุ่มพร้อมกับดึงเพื่อนสาวของเธอออกห่างจากเขา
“ขอบคุณครับ” เขาพูดจบก็รีบขึ้นไปข้างบนทันที ด้วยรู้สึกหวั่นใจกับท่าทางของกระเทยที่ชื่อซินนี่เหลือเกิน
จึงทำให้ซินนี่เกิดอาการหงุดหงิด “แหมหล่อนฉันก็แค่หยอกคุณหมอเล่นก็เท่านั้นเองทำท่าเป็นหมาหวงก้างไปได้ สำหรับฉันนะผู้ชายอย่างคุณหมอก็เปรียบเหมือนยาชูกำลังแค่มองก็พอแล้ว”
“แหมทำเป็นพูดดีไป ฉันไม่รู้หรอกนะหยอกเล่นหรือหยอกจริง แต่ท่าทางแกเหมือนขอขย้ำเหยื่อยังไงไม่รู้ ” พีชชีรีบตักเตือนเพื่อน เพราะรู้ว่าคนอย่างซินนี่ไม่เคยเลือกของแค่ว่าเป็นผู้ชายก็พอแล้ว เธอจึงคอยเตือนสติอยู่เสมอด้วยความเป็นห่วง การพบกัน
“แหมใครจะเหมือนหล่อนละจ๊ะ แม่กอล์ฟฟี่ ชั่วโมงบินสูง ไม่ต้องออกไปหาเหยื่อให้เมื่อยแข็ง มีภุชงค์ผู้ชายมาหาถึงที่ แต่ระวังนะจะกลายเป็นพวกบัวแล้งน้ำนะจ๊ะ”
แม้ซินนี่จะพูดลอยๆแต่พีชชี่ก็รู้สึกสะอึกอยู่ในลำคอ ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยโดนผู้ชายหลอกมาก่อน เพียงแต่เธอไม่สามารถที่จะอยู่ได้หากไม่มีใครคอยเคียงข้างแม้รู้อยู่เต็มอกว่าเขาเหล่านั้นหวังเพียงเงินและร่างกายของเธอก็ตาม
พีชชี่จัดว่าเป็นกระเทยน่ารักพอสมควรแม้จะไม่สวยสะดุดตา แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หามองดูผิวเผินจะเหมือนผู้หญิงทั่วๆไป โชคดีที่เธอเกิดมามีเชื้อสายจีนแต่ด้วยครอบครัวจีนแบบโบราณที่หวังให้ลูกชายเป็นหัวหน้าครอบครัวทำให้พ่อแม่ของเธอรับไม่ได้เมื่อรู้ว่าลูกชอบที่จะเป็นหญิงมากกว่าชาย จึงไล่ออกจากบ้านตัดขาดความเป็นลูกทำให้เธอต้องออกมาอยู่ข้างนอกหางานทำ และได้รู้จักกับอาของน้องแพรด้วยความบังเอิญจึงได้มาทำงานที่นี่ แรกๆเธอไม่ค่อยชอบซินนี่สักเท่าไหร่ ซึ่งซินนี่มักจะพูดจาไม่ค่อยรักษาน้ำใจใคร แต่เมื่อต้องทำงานร่วมกันนานวันเข้าและได้รับการช่วยเหลือจากซินนี่อยู่เสมอทำให้ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนปาท่องโก๋ก็ว่าได้
แต่แฟนหนุ่มของเธอกลับไม่ชอบซินนี่ เพราะซินนี่มักชอบพูดจาเหน็บแนมแฟนหนุ่มของเธอทุกครั้งที่ได้เจอกัน
“เป็นอะไรไปพีชชี่เงียบเชียว”
“ไม่เป็นไร คิดอะไรเพลินๆอยู่”
“นินทาฉันในใจหรือไงยะ”
“อย่างหล่อนฉันไม่นินทาให้เสียสมองหรอกยะ”
“แหมแดกดันซะไม่มี” คำพูดของซินนี่สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากคู่สนทนา
“เอ่อ!...พีชชี่กี่โมงแล้วยะหล่อน”
“ว๊ายจะห้าโมงแล้ว อีก2ชั่วโมงก็จะได้เวลาเปิดร้านแล้วนี่ เร็วนังซินนี่รีบไปจัดร้าน เดี๋ยวมาม่าซังลงมาโดนดุอีกแน่ๆ”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังวุ่นวายกับการจัดโต๊ะเก้าอี้อยู่ พนักงานอีกคนของร้านก็มาถึง
“สวัสดีครับพี่พีชชี่ พี่ซินนี่ นทีเป็นพนักงานเคาว์เตอร์บาร์ของของไนท์คลับแห่งนี้ โดยได้รับคำแนะนำให้มาทำงานที่นี่จากอาของเขาซึ่งเป็นพนักงานอีกคนของร้านซึ่งเป็นผู้ชายแท้ๆเพียงคนเดียวของพนักงานทั้งหมด และนอกจากนี้เขายังเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีเข้ากับคนง่ายจึงเป็นที่รักของทุกคน โดยเฉพาะพีชชี่กับเบลล่ากระเทยรุ่นน้อง ซึ่งเป็นคู่กัดกันเสมอ กัดกันได้ทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องไร้สาระอย่างวันนี้
“ว้าย...........พี่ทีวันนี้มาเร็วจังเลยนะค้า......คิดถึงเบลเหรอค้า.......”
เบลล่ากระเทยสาวพูดพร้อมกับส่งสายตาที่คิดว่าหวานหยาดเยิ้มพร้อมกับเอียงกายซบไหล่ชายหนุ่ม แต่เขาเบี่ยงตัวหลบซะก่อนเธอจะล้มหัวทิ่ม
“พี่ทีอีกแล้วนะ แกล้ง..........”ยังพูดไม่ทันจบซินนี่ก็ขัดขึ้นซะก่อน
“สมน้ำหน้า”ซินนี่พูดพร้อมทำท่าสะใจ
“คนนอกไม่ต้องมาสะเออะ แฟนเค้าจะหยอกล้อกัน”
“ต๊ายๆ พูดออกมาได้หน้าด้านๆนะ นังกระเทยฮักกี้ น้องทีเค้าไม่ตาต่ำคว้าแกมาทำพันธุ์หรอกยะ”ซินนี่โต้กลับทันควัน
“ถึงทีเค้าไม่เอาอย่างเดี๊ยนไปทำพันธุ์ แต่เค้าก็ไม่โง่ไปคว้ากระเทยยายอย่างพี่มาทำพันธุ์เหมือนกัน”เบลล่าโต้กลับดุเดือดไม่แพ้กัน
“หยุดเลยนะทั้งสองคน ถ้ายังไม่อยากตกงาน” พีชชี่รีบห้ามก่อนเรื่องราวจะไปกันใหญ่ ใกล้เปิดร้านแล้วรีบแยกไปแต่งตัวกันได้แล้ว ก่อนที่มาม่าซังมาเห็นเข้าแล้วจะโดนพักงานระยะยาวนะจะบอกให้
ทั้งคู่ถึงได้แยกกันไปทำงาน แต่เมื่อทั้งคู่เข้ามาห้องแต่งตัวก็เกิดเรื่องทะเลาะกันอีกจนได้
“โอ้ย นี่หล่อนไม่เห็นเหรอว่ามีคนยืนอยู่” ซินนี่ทำท่าโวยวาย
“เห็นโทษทีนึกว่าท่อนซุง”เบลล่าลอยหน้าลอยตาตอบ
ซินนี่จึงเกิดอาการเลือดขึ้นหน้า “หนอย วันนี้ขอตบนังกระเทยหัวโปกสั่งสอนสักวันเหอะ” พูดพร้อมกับเงื้อมือจะตบ อีกฝ่ายก็เตรียมสู้เต็มที่ แต่แล้วก็มีเสียงดังมาจากข้างนอกเสียก่อน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่พีชชี่ เบลล่า”
“น้องแพร คุณหมอ” ทั้งคู่ร้องออกมาเกือบพร้อมกันเมื่อเห็นแพรไหมยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับคุณหมอ
“พี่ซินนี่ เบลล่า พอได้แล้วนะคะ อาดิษกำลังไม่สะบาย แล้วถ้าเค้ารู้ว่าพวกพี่สร้างปัญหาไม่เลิกเค้าจะรู้สึกยังไง แพรขอสั่งให้พี่กับเบลขอโทษกันซะ”ถึงแม้ว่าแพรไหมจะเด็กกว่านักแต่ด้วยน้ำเสียงและสายตาอันแหลมคมที่ดูมีอำนาจ ก็ทำให้ทั้งสองคนต้องยอมทำตามแต่โดยดี
“ขอโทษ”ทั้งสองคนพูดแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก
“ไม่ได้พูดแค่นี้ยังไม่พอ ต้องจับมือแสดงความจริงใจ แล้วพูดออกมาดีๆ ไม่ใช่พูดเหมือนคนโดนผึ้งต่อยอย่างนี้” แพรไหมพูดพร้อมกับส่งสายตาขู่บังคับ
“ก็ได้ ขอโทษย่ะหล่อน”ซินนี่พูดขึ้นก่อนพร้อมกับยื่นมือออกไปเพื่อแสดงสปิริตของรุ่นพี่”
“เบลก็ขอโทษคุณพี่ด้วยค่ะ”เบลล่าพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย
“ดีมาก และแพรก็หวังว่าต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก สัญญาได้ไหมค่ะ”
“ค่า”ทั้งคู่รับคำแบบไม่เต็มใจนัก
แพรไหมยิ้มพอใจกับผลงานของตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปส่งชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างตัวขึ้นรถแท็กซี่ ก่อนจะขึ้นรถชายหนุ่มได้เอื้อมมือมากุมมือหญิงสาวพร้อมกับเอ่ยปากด้วยความเป็นห่วง
“น้องแพรไม่ต้องเป็นห่วงอาการของคุณอานะ พี่จะรักษาให้ดีที่สุด แล้วอย่าลืมรักษาสุขภาพตัวเองด้วยนะพี่เป็นห่วง ส่วนเรื่องยาเดี๋ยวพี่จะจัดมาให้”
“ค่ะ ขอบคุณพี่นนท์มากค่ะ ค่าใช้จ่ายเรื่องยาพี่นนท์บอกได้ไม่ต้องเกรงใจนะคะ”
ชายหนุ่มรับคำก่อนจะขึ้นรถออกไป
แท็กซี่ออกไปนานแล้วแต่แพรไหมก็ยังยืนอยู่ที่เดิม คิดถึงคำพูดของชายหนุ่มที่คุยกับเธอเมื่อออกมาจากห้องของคุณอา
“คุณอาเป็นอะไรคะพี่นนท์”
ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะตอบ”คุณอาป่วยเป็นโรคหัวใจต้องได้รับการผ่าตัดด่วน”
“แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดีค่ะ คุณอาต้องไม่ยอมไปโรงพยาบาลแน่”แพรไหมพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“คงต้องให้คุณอาพักผ่อนให้มากๆ แล้วเดี๋ยวพี่จะเอายาบำรุงมาให้ทาน เพื่อพยุงอาการไม่ให้ทุเลาไปกว่านี้ ส่วนงานก็หาคนมาดูแลแทนท่านไปก่อน”
“พูดหนะง่ายแต่จะหาคนที่ไหนมาดูแลให้ล่ะ”เธอพึมพำกับตัวเอง
“น้องแพร น้องแพร........”
“อ้าวพี่ลิลลี่”
“เป็นอะไรน้องแพรทำไมมายืนเหม่ออยู่หน้าร้านคนเดียวแบบนี้”
“พี่ลิลลี่คะแพรมีเรื่องอยากจะปรึกษา”แพรไหมรู้ดีว่าเธอจะต้องหาใครสักคนที่จะช่วยเธอแก้ปัญหานี้ ซึ่งลิลลี่ก็คือใครคนนั้นที่เธอต้องการ ด้วยเธอเห็นลิลลี่มาตั้งแต่เธอจำความได้ลิลลี่จึงเปรียบเหมือนพี่สาวแท้ๆของเธอ(ถึงแม้จะเป็นสาวเทียมก็เหอะ)เมื่อเธอเล่าจบ
ลิลลี่ก็เอ่ยขึ้น“ลำพังพวกพี่ดูแลกันเองได้อยู่แล้วจะมีปัญหาก็แต่นังพีชชี่กับเบลล่านั่นแหละที่ไม่น่าไว้วางใจ”
“แต่พวกเค้าก็ให้สัญญาแล้วนะคะว่าจะไม่ทะเลาะกันอีก”แพรไหมขัดขึ้น
“รอบที่เท่าไหร่แล้วละที่บอกว่าสัญญา ไปเชื่ออะไรกับนังพวกนั้น”เธอพูดกับแพรไหมจากประสบการณ์ที่เห็นมาอยู่บ่อยๆ ซึ่งแพรไหมก็รู้ดี
“นั่นซินะ”เธอพูดพร้อมกับนิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดว่า “แล้วถ้าเป็นพี่ลิลลี่ละคะ”
“ไม่ได้หรอกจ๊ะ ไม่ใช่ไม่อยากช่วยแต่หากพี่ต้องเป็นมาม่าซัง ก็จะขาดคนที่จะคอยต้อนรับลูกค้าอีกนะ แล้วนี่”เธอพูดพร้อมกับยืนสมุดเล่มหนึ่งให้กับแพรไหม
“อะไรคะ”
“บัญชีรายรับ-จ่ายของร้านเปิดดูซิ”
“โห......ทำไมแพรไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร้านเรารายจ่ายเยอะขนาดนี้”
“อาของน้องแพร ห้ามไม่ให้บอกเรื่องนี้กับแพรกลัวจะทำให้ไม่สะบายใจ อาเค้ารักแพรมากนะ”
“แพรทราบดี และหากแพรช่วยอะไรได้แพรยินดีทำเต็มที่เลยค่ะ”
“ถ้างั้นทำไมแพรไม่มาทำหน้าที่แทนคุณอาซะละ”
“แพรนี่นะคะ แพรกลัวจะทำไม่ได้”
“ใช่ ไม่ต้องกลัวไปแพรไม่ต้องไปนั่งรับต้อนรับแขกเหมือนพวกพี่หรอก แค่เดินไปเดินมายิ้มหวานๆก็พอแล้ว และคอยดูความเรียบร้อยในร้านก็พอจ๊ะ ว่าไงตกลงไหม”
“ก็ได้ ลองดูค่ะ แต่แพรแต่งตัวไม่เป็นนะคะ”
“ไม่ยาก เดี๋ยวพี่จัดการเอง เมื่อพร้อมแล้วไปเตรียมตัวกันเถอะรับรองทุกคนจะต้องตะลึง”ลิลลี่ทำท่าทางกระดี๊กระด๊าเหมือนได้ตุ๊กตาตัวใหม่ แต่หญิงสาวกลับมีท่าทางกล้าๆเกร็งๆ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วเธอก็ต้องลุยเต็มที่ ลิลลี่จัดแจงพาแพรไหมแปลงโฉมเลือกชุดนั้นชุดนี้ จนมาลงตัวที่ชุดกี่เผ้าคอจีนสีแดงสดแขนกุ๊นปักด้วยลวดลายมังกรสีทองรับกับรองเท้าส้นสูงสีแดงสด
“สวยจริงๆน้องแพรใส่ขึ้นดีทีเดียวดูซิยิ่งทำให้ผิวดูขาวนวลเชียว”แพรไหมโชคดีที่เกิดมาได้ผิวนวลละออของมารดา แต่คมคายเหมือนพ่อ ดังนั้นเมื่อเธอแต่งหน้าเสร็จเธอจึงสวยเหมือนสาวพม่านัยน์ตาแขก สาเหตุก็เพราะพ่อของเธอเป็นคนใต้แต่มาพบรักกับแม่ของเธอที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ลิลลี่รวมผมแพรไหมถักเปียเหมือนสาวจีนสมัยก่อนแล้วปล่อยปอยผมเล็กน้อยคลอเคลียข้างใบหน้า ยิ่งทำให้น่ามองยิ่งขึ้น
“แหมถ้าลูกค้าหนุ่มๆมาเห็นสงสัยหลงมาม่าซัง ของเราน่าดู”ลิลลี่พูดอย่างภาคภูมิใจในผลงานของตัวเอง ขณะที่มือก็สาละวนกับการแต่งตัวให้กับแพรไหม หญิงสาวจึงเกิดอาการเขินเล็กน้อย
“เสร็จแล้วจ้ะ ออกไปแสดงตัวกันได้แล้วจ๊ะ”
“แพรรออยู่นี่ไม่ได้เหรอคะ”แพรไหมยังรู้สึกประหม่า
“น้องแพร ถ้าขนาดคนในร้านเรายังไม่กล้าออกไปให้เค้าเห็นแล้วคนข้างนอกละเราจะกล้าเหรอ ทำตัวให้ชินเข้าไว้ เพื่อคุณอา สู้ สู้” ลิลลี่พยายามปลอบใจพร้อมกับสร้างขวัญกำลังใจให้แพรไหม
“ค่ะเพื่อคุณอา”แพรไหมเกิดแรงฮึดขึ้นมาทันที
เมื่อลิลลี่ลงมาข้างล่างก็ป่าวประกาศให้ทุกคนฟังทันที
“แต่น แต๋น ต้อนรับมาม่าซังคนไหม่”พูดจบแพรไหมก็ก้าวลงมาจากข้างบน
ทุกคนต่างพากันตะลึงและแปลกใจ
“เอ๊า มัวแต่ตะลึงกันนั่นแหละ จำน้องแพรไม่ได้เหรอไงกันจ๊ะ”
ซินนี่เข้าใจก่อนเพื่อนเธอเข้ามาสำรวจใกล้ๆแพรไหม “นี่น้องแพรเหรอจ๊ะ แหมจำกันไม่ได้เลย ต่อไปนี้ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะจ๊ะน้องแพร ไม่ซิต้องเรียกว่ามาม่าซัง”
“แหมรีบประจบเชียวนะค้า พี่ซินนี่” เบลล่าอดแขวะไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้ แต่ซินนี่ก็ไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่ชื่นชมกับแพรไหม
“อย่างนี้ต่อไปร้านเราคงครึกครืน ต้อนรับลูกค้าไม่หวาดไม่ไหวเป็นแน่”พีชชี่พูดขึ้นด้วยความดีใจ เบลล่าจึงหันมาวาดฝันว่าจะได้เจอลูกค้าหล่อๆ กับรายได้งามๆจนลืมเรื่องของซินนี่ไป
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”แพรไหมรีบออกตัว
“แต่ยังไงก็มีผู้ชายคนนึงตรงนี้น้ำลายหกเป็นทางซะแล้ว”ลิลลี่อดแซวหลานชายคนเดียวไม่ได้ที่ยืนมองแพรไหมตาค้างจนไม่เป็นอันทำงานทำการ ชายหนุ่มเมื่อรู้ว่าถูกแซวก็รีบหนีไปหลังร้านด้วยความอาย
“พี่ลิลลี่ไม่น่าไปแซวทีเค้าอย่างนั้นเลย”
“ช่างมันเถอะ ต้องเปรกๆมันมั่งเดี๋ยวมันเหลิง”เธอรู้ดีว่านทีเองก็แอบชอบแพรไหมอยู่แต่ด้วยความเจียมตัวจึงได้แต่ชื่นชมอยู่ในใจ
“เอ๊า! แยกย้ายไปเปิดร้านได้แล้วเร็ว”เสียงของลิลลี่ทำให้ทุกคนแตกกระเจิงไปได้สำเร็จ
“เดี๋ยวพี่ก็ต้องไปแต่งตัวก่อน แพรก็นั่งอยู่แถวนี้แหละ ลูกค้ามาค่อยไปเยือนต้อนรับนิดหน่อยพอเป็นพิธีไม่ต้องเกร็ง ทำตัวตามสะบายนะ นี่พัดถือไว้จะได้เหมือนมาม่าซังหน่อย” พูดจบเธอก็ออกไปแต่งตัวทันที ทิ้งให้แพรไหมนั่งอยู่เพียงลำพัง สำรวจรอบๆร้าน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น