ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขฝ Love inside Silence ขฝ

    ลำดับตอนที่ #5 : (ตอนที่ 4-6)

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 49


    Translated in English By Sue

    Translated in Thai      By sweetie girl

    -4-

    ซองมีเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกทุกข์ใจ ถ้าเกิดว่าเธอออกไปบอกพวกนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นและขอร้องให้พวกนั้นช่วยพาเธอไปหาตำรวจ....ชายพวกนั้นต้องไม่เชื่อเธอแน่ๆ...ซองมีนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นและเริ่มนั่งคิดหาหนทางต่อไป

    ถ้าฉันแอบหนีตอนออกไปกับคนขับรถ...แต่จะหนีไปยังไงล่ะ???

    ซองมีรู้สึกหิวขึ้นมาตะงิดๆเพราะเธอยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า เธอเงยหน้ามองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาบ่ายสองพอดี

    ฮู้....

    เสียงหัวเราะอันข่มขื่นของเธอดังอยู่พักหนึ่ง เธอเหลือบมองไปทางห้องครัวแต่ไม่มีความกล้าพอที่จะเดินไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะอยู่ มันไม่ใช่บ้านบ้านของเธอ ไม่ใช่บ้านที่เธอสามารถทำตัวตามสบายได้ เธอเดินเข้าไปในห้องของเธอ นี่เธอควรจะอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นอย่างนี้ไปจนวันตายเลยรึไง เธอนั่งลงโดยไม่ได้เปิดไฟ...ตอนนี้คงประมาณบ่ายสามโมง....เมื่อประตูหน้าเปิดและเริ่มมีเสียงดัง เธอก็เปิดประตูห้องและเดินไปดูว่ามีอะไร เสื้อผ้าของเธอที่ใส่แล้วแขวนอยู่บนไม้แขวนเสื้อ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ด้วยความคุ้นเคย ถึงแม้ว่าบ้านนี้จะสะอาดเรียบร้อยและไม่ต้องการการทำความสะอาดแล้วก็ตาม....

    แม่บ้านที่กำลังเคลื่อนไปทางโน้นทีทางนี้ทีเงยหน้าขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเธอ

    คุณคือคุณคิมซองมีใช่มั๊ยค่ะ

    ฮือ?...อ๋อ...ค่ะ

    เธอรู้จักฉันด้วยหรอ

    ฉันได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการใหญ่...จริงๆแล้วเป็นเลขาฯของเขาน่ะค่ะ...คุณดูอายุยังน้อยนะค่ะ...อืม...คุณอาศัยอยู่ที่นี่หรอค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้จักการใหญ่พาผู้หญิงมาที่นี่...

    ครั้งแรกหรอค่ะ?

    สำหรับฉันเขาดูเหมือนจะพาผู้หญิงมาที่นี่บ่อยจะตาย

    ค่ะ...นี่เป็นครั้งแรก อืมม...ตามจริงแล้วฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่หรอกนะค่ะแต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับโทรศัพท์และก็เป็นครั้งแรกที่ฉันพบผู้หญิงที่นี่...ผู้จัดการใหญ่ค่อนข้างจะเป็นที่นิยม แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องขึ้นมาที่นี่ เขาก็ต้องขึ้นมากับผู้จัดการใหญ่เท่านั้น....ไม่มีใครประมาณค่าเขาต่ำเลย...โอ้ยนี่ฉันพูดอะไรอยู่เนี่ย...แต่คุณประสบอุบัติเหตุอะไรมารึเปล่าค่ะ ทำไมหน้าคุณเธอมีแต่รอยแผลแบบนั้น

    อ๋อ...ฉันเดินชนอะไรมานิดหน่อยนะค่ะ

    คุณทานอะไรรึยังค่ะ...ฉันทำอาหารไว้เมื่อวานแต่ว่าไม่มีใครทานเลย

    ฉันไม่หิวนะค่ะ

    ~~~ โกรกๆๆๆ ~~~

    ซองมีก้มหัวลงเมื่อใบหน้าเธอเป็นสีแดงระเรื่อ แม่บ้านยิ้มอย่างเข้าใจ

    มาที่นี่เถอะค่ะ...ฉันจะทำอะไรให้คุณทาน....คุณคงจะอึดอัดที่จะทำเองเพราะคุณคงยังไม่รู้จักที่นี่ดีเท่าไหร่นัก...รอสักครู่นะค่ะ...ฉันจะทำของอร่อยๆให้ทาน

    ค่ะ...

    เธอเดินกลับเข้าห้องไปด้วยอาการงงๆเล็กน้อย

    ที่จริงแล้วนายมุนฮีจุนนั่นก็จ้างคนที่มีความรู้สึกมาทำงานเป็นเหมือนกันนิ

    หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูจากนั้นประตูก็ค่อยๆเปิดออกและเธอก็เห็นว่าเป็นแม่บ้านนั่นเอง

    มาทานข้าวเถอะค่ะ

    ค่ะ...

    เธอลุกขึ้นและดินตรงออกไปยังห้องครัว ควันร้อนๆลอยขึ้นมาจากจานข้าว มันยิ่งทำให้ความหิวทวีคูณขึ้นไปอีก

    อร่อยจัง...นี่เป็นเพราะฉันแท้ๆเลยทำให้คุณลำบาก

    ไม่หรอกค่ะ...หลังจากที่ฉันทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้วฉันก็จะทำอาหารเย็นทิ้งไว้...ฉันอยากจะทำอาหารให้ผู้จัดการใหญ่ทั้งสามมื้อเลยเสียด้วยซ้ำแต่ว่าท่านกลับมักบ้านช้า

    ถ้าหมอนั่นกลับบ้านเร็วชื่อของเขาก็คงไม่ใช่มุนฮีจุนหรอก

    แต่...ฉันไม่เห็นคุณยิ้มหรือหัวเราะเลย...

    ฮือ?

    คุณค่ะ!!! ฉันไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะมาหัวเราะหรอกนะ

    ^_^นั่น...ฉันหมายถึง!!เลขาฯของเขา...เขาพูดอะไรเกี่ยวกับฉันหรอค่ะ

    อ๋อก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...เขาแค่บอกกว่ามีคำสั่งพิเศษจากผู้จัดการใหญ่....คือว่าถ้าฉันมาที่นี่ฉันจะพบผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ คิมซองมี...และเขาก็บอกฉันให้ดูแลคุณให้ดีด้วย ฉันคิดว่าถ้าเกิดว่าคนคนนั้นเป็นคนที่ผู้จัดการใหญ่ต้องการให้ฉันดูแลเป็นอย่างดีแล้ว เขาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ...ก็เท่านั้นน่ะค่ะ

    โอ้...

    ทำไมหรอค่ะ?ฉันทำอะไรผิดไปรึเปล่า? ว่าแต่คุณเป็นอะไรกับผู้จัดการใหญ่หรอค่ะ

    ฮู้...เอ่อ...ฉันก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นะค่ะ

    ความสัมพันธ์ก็เป็นแค่เจ้านายกับทาสบ้าๆบอๆนั่นแหละ

    เธอหิวแต่ความอยากอาหารได้หายไปหมดแล้ว เธอจึงวางช้อนลงและยืนขึ้น

    อ้าว...ทำไมละค่ะ....คุณจะไม่ทานต่อแล้วหรอ ดูเหมือนคุณยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้าไม่ใช่หรอค่ะ

    ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันจะไปพักผ่อนแล้ว ให้ฉันล้างจานมั๊ยค่ะ

    ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปพักผ่อนเถอะ

    ฉันขอบคุณหล่อนและเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ฉันไม่รู้สึกขยาดอาหารขึ้นมาทันทีที่นึกถึงฮีจุน...หลังจากนั้นไม่นานแม่บ้านก็มาบอกว่าเธอกำลังจะกลับแล้ว ตอนนี้เธอก็อยู่คนเดียวอีกครั้ง...เธอนั่งอยู่ในห้องตัวเองเฉยๆโดยไม่ได้ทำอะไรเลย เธอไม่รู้ว่าเธอขาดโรงเรียนมากี่วันแล้วเมื่อมาถึงตอนนี้

    ฉันสงสัยจังว่าเกิดอะไรกับบ้านของเราและกับคนที่ต้องการให้ชำระหนี้สินนั้น แล้วไวโอลินฉันล่ะ

    เธอตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงประตูบ้านเปิด เธอหลับไปทั้งๆที่อยู่ในสถานการายเลวร้ายนี่...เธอขยี้ดวงตาที่พร่ามัวของเธอและสางผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ ระหว่างที่เธอถูกพวกผู้ชายพวกนั้นพาไปนั่นมานี่เธอก็ทำยางรัดผมที่ผูกผมเธอไว้หาย เธอค่อยๆลุกขึ้นร่างกายของเธอยังคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเธอก็เดินออกไปข้างนอก ฮีจุนที่เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสบายๆแล้วก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว

    ฮู้ฮู้...ฉันนึกว่าเธอจะหนีไปแล้วซะอีก

    อย่าทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลยดีกว่า!!!!!!!!!”

    เธอตะโกนใส่เขา เขาหยักไหล่เหมือนไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่

    ฮาฮา!!!!เธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย...เพราะว่าฉันไม่รู้เรื่อง

    คุณเอายามสองคนนั้นมาอยู่ที่ประตูทางเข้าและถามว่าทำไมฉันไม่หนีงั้นหรอ...ถ้าฉันทำได้ฉันก็ทำไปนานแล้ว...คุณคิดว่าฉันต้องการอยู่ที่อย่างงี้มากนักรึไง

    ฉันจำได้ว่าฉันเตือนเธอเมื่อวานว่าไม่ให้พูดจาแบบนี้นะ

    ......

    เธอมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองโดยไม่พูดอะไรเลย...เหมือนกับว่าเขากำลังยืนอยู่คนเดียว เขาทำเป็นไม่สนใจกับท่าทางของเธอและเดินไปยังห้องครัว เขาหยิบประป๋องเบียร์ออกมาจากตู้เย็นจากนั้นเขาก็มองไปที่เธอ

    ทำไม...อยากดื่มหรอ?

    ไปตายซะไป

    เมื่อเธอมองการกระทำของเขาด้วยความโกรธ เธอก็ตอบคำถามของเขาด้วยเสียงพึมพำเบาๆและเดินกลับเข้าห้องไป

    -5-

    ฮีจุนคิดจะตามไปพูดกับเธอแต่เขาก็แค่นั่งอยู่กับเก้าอี้และขยอกเบียร์ลงคอ เขาหยิบแฟกซ์ซึ่งได้รับก่อนที่จะกลับบ้าน มันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับซองมี เธอไม่ได้เป็นแค่ลูกสาวธรรมดาของครอบครัวที่ทำธุรกิจเล็ก...

    หรือเพราะ ฉันไม่ต้องการเสียความเป็นตัวของตัวเองเป็นสิ่งที่ทำให้เธอเก็บความภาคภูมิใจเอาไว้

    ในใบเกรดเธอได้เอทั้งหมดเลยไม่เว้นแม้แต่ภาคเรียนเดียว เขาสันนิษฐานว่าเหตุผลที่เธอรักพ่อเธอมากขนาดนี้เป็นเพราะว่าเมื่อแม่ของเธอจากไป พวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน....เขาไม่เคยมีความรู้สึกจริงๆจังกับผู้หญิงคนไหนเลยซักคน...เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ยอมรับข้อเสนอแทนที่จะปฏิเสธ...เขาเจอผู้หญิงแบบซองมีมาก็เยอะแยะ....แม้แต่ตอนนี้ ตอนที่เขาอยู่กับเธอ เขาก็ไม่คิดว่าเขาต้องการผู้หญิงคนนี้ เขาแค่คิดว่าอยู่กับผู้หญิงที่ไม่รู้จักเขาและยิ่งไปกว่านั้นเกลียดเขาคงดีกว่าเก็บผู้หญิงธรรมดาๆซึ่งพร้อมจะให้เขาทุกๆอย่างไว้ มันน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีก็แค่นั้น...เขาคิดที่จะไปคุยกับเธอ

    พรุ่งนี้...ใช่...มันคงจะไม่เลวที่ใช้เวลาทั้งวันอยู่กับผู้หญิงคนนั้น

    เขาขว้างกระป๋องเบียร์ลงไปในถังขยะและเดินไปที่ห้องเธอ...เธอก้มศีรษะลง ไขว้มือไว้ข้างหน้าด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นเขา

    เธอทำอะไรในห้องโล่งๆแบบนี้เนี่ย

    เธอกำลังทำอะไรอยู่ฮะ

    ....

    ฉันคิดว่าจะบอกเธอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นี่เป็นคำเตือนสุดท้าย....เมื่อฉันถามอะไรไปมันหมายถึงว่าฉันต้องการคำตอบเดี๋ยวนั้น ถ้าเธอฝ่าฝืนคำเตือนข้อสุดท้ายนี้...ฉันจะไม่ยืนอยู่เฉยๆตรงนี้แน่...เข้าใจมั๊ย

    ค่ะ...เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลยค่ะ ท่านพระราชา

    เธอพูดด้วยน้ำเสียงแดกดันและบุ้ยปาก

    นี่...

    น้ำเสียงของฮีจุนเริ่มเปลี่ยนเป็นโทนที่ต่ำลง...ไม่ว่าเธอจะรับรู้หรือไม่ เธอพูดกับเขาต่อด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน

    ทำไมค่ะ...เจ้านาย นี่ฉันควรจะโค้งให้ท่าน หรือว่าควรทำประจบที่เท้าของท่านและสัญญาว่าฉันจะอยู่เพื่อท่านใช่มั๊ยค่ะ...

    ฮีจุนซึ่งกำลังมองเธอและสะกดกลั้นโทสะเอาไว้นั้นหันหน้าหนีและถอนหายใจ...จากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยสายตาอันเย็นชา

    คิมซองมี!!!! ฉันจะพูดเป็นอย่างสุดท้ายนะ...ฉันรู้สึกขอบคุณที่เธอรู้ว่าฉันคือเจ้าของเธอ...แต่ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเล่นกับเธอนะ

    ...ก็ได้...

    เธอกลับไปเป็นซองมีคนเดิม...มันยากสำหรับเธอที่จะไม่รู้สึกกังวลเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเขาและทำเหมือนว่าไม่มีอะไรผิดพลาด เธอคิดอะไรบางอย่างก่อนจะพูดขึ้น

    ขอโทษนะค่ะ แต่ว่าจะเป็นอะไรมั๊ยถ้าฉันจะนั่ง

    อ๊า...เชิญ

    ร่างกายของเธอยังคงไม่ดีขึ้น เธอสาปแช่งไอ้ผู้ชายพวกนั้นที่ทำร้ายเธอเมื่อเธอนั่งลงบนเตียง ฮีจุนมองเธอขณะที่เธอเอนหลังไปพิงกำแพง...ดวงตาของเขาที่กำลังมองเธออยู่นั้นทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ เธอรู้สึกไม่ค่อยมั่นคง เธอถามเขาด้วยเสียงอันเบา

    คุณ...ต้องการพูดเรื่องอะไร

    อ๊า...ถ้าเธอจะอยู่ที่นี่เธอก็คงต้องการเครื่องใช้ส่วนตัวดังนั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปซื้อของพวกนั้นกับเธอ...ความสัมพันธ์อันน่าขบขันระหว่างเจ้านายกับทาสบ้าบออะไรนั่น...ฉันไม่ต้องการคิดถึงคำพูดที่น่าขันแบบนั้น...แต่เธอต้องอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันจึงตัดสินใจที่จะใช้เวลาอยู่กับเธอพรุ่งนี้...พรุ่งนี้ แทนที่คนขับรถ อ๊า!เธอคงไม่ว่าอะไรถ้าฉันจะขอยืมคำของเธอ ยาม อย่างไรก็ตาม ฉันจะอยู่กับเธอแทนที่พวกเขา...แค่จำไว้...ถ้าต้องการอะไรให้บอกฉัน...ถ้าต้องการเฟอร์นิเจอร์บอกฉันว่าจะเอาอันไหน...ของใช้อย่างพวกเสื้อผ้า เครื่องสำอางหรืออะไรก็ตาม เธอตัดสินใจได้ด้วยตัวเธอเอง...ฉันจะไปแล้ว คิดดีๆนะ...อย่าทำท่าทรมานนักสิเพราะว่าเธออยู่กับฉัน....มันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอกนะที่ต้องมองคนที่มีสีหน้าแบบนั้นน่ะ

    เธอไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเขาเลยซักนิด...เธอแค่คิดว่า เขาก็แค่ต้องการพูดเลยปล่อยให้คำพูดของเขาเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา...ทันใดนั้นเธอก็คิดถึงข้าวของเครื่องใช้เธอที่อยู่ที่บ้าน

    ตอนนี้บ้านเราจะเป็นยังไงนะ

    ขณะที่ฮีจุนกำลังหมุนลูกบิดจะออกไปนั้น เธอก็เรียกเขาเอาไว้

    เดี๋ยวก่อน!”

    อะไรอีกล่ะ

    ฉันต้องการให้คุณอนุญาต

    อะไร

    พรุ่งนี้...คุณพาฉันไปที่บ้านได้มั๊ย

    ทำไมฉันต้องทำอย่างงั้นด้วยล่ะ

    ฉันจะไม่หนีหรอกนะ...มันก็แค่...ฉันต้องการเอาข้าวของที่ฉันทิ้งไว้ที่บ้านมานะ ฉันไม่ต้องการเสียมันไปทั้งๆที่มันอยู่กับฉันมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วแค่เพราะว่าฉันต้องมาอยู่ที่นี่...นี่คือเหตุผลเดียว

    ฮุ้~~ ก็ได้...ฉันจะพาเธอไปบ้านตอนที่เราออกไปซื้อของกัน พักผ่อนได้แล้ว

    เดี๋ยวค่ะ...

    ฮีจุนหันกลับมาอีกครั้ง...เธออึกอักก่อนที่จะพูดออกไป

    ขอบคุณค่ะ

    ฮู้...ฉันคิดว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอพูดดีๆกับฉัน!!! เอาเถอะ...นอนได้แล้ว

    -6-

    ฮีจุนและซองมีนั่งอยู่ในรถเบนซ์สีดำโดยไม่มีคำพูดใดๆของทั้งสอง...เธอไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยซักนิดเพียงแค่ก้มหัวนิดๆเท่านั้นและฮีจุนก็กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วยเหลือบมองเธอเป็นพักๆไปด้วย หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไปรถที่พวกเขานั่งมาก็จอดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง...เธอมองไปที่เขาครั้งหนึ่งและลงจากรถ เขาเดินตามหลังเธอไป เธอดึงกระเบื้องแผ่นหนึ่งออกจากเสาหินซึ่งอยู่ถัดจากรั้วบ้านและหยิบกุญแจออกมา เขามองการกระทำของเธอด้วยความสนใจ...เมื่อเธอเสียบกุญแจเข้าไปเธอก็ทำหน้าราวกับว่ามีอะไรแปลกไปจากนั้นก็เปิดประตูเข้าไป...เธอพูดขึ้น ไม่รู้ว่าพูดกับฮีจุนหรือตัวเอง

    นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่...หลังจากงานศพพ่อ...

    เข้าไปเถอะ...

    เธอหยุดกึกเมื่อเธอเดินเข้าไปในบ้าน...ฮีจุนจึงจำต้องหยุดไปด้วย

    นี่มัน....

    กระดาษสีแดงทึบถูกติดอยู่ทุกหนแห่งในบ้าน นี่เป็นสิ่งไม่มีใครคาดคิด แม้แต่ฮีจุน

    ทำไม...ข้อมูลพวกนี้ไม่อยู่ในแฟกซ์นะ

    เธอเดินโซเซไปยังห้องนั่งเล่น...บนโซฟามีหมอนอิงที่แม่เธอทำเองกับมือ...โทรทัศน์ที่เธอเคยแย่งดูกับพ่อของเธอ...เครื่องครัวที่แม่เธอเคยใช้...ทุกทุกที่เธอเห็นแต่กระดาษสีแดงทึบซึ่งกักกั้นความทรงจำเก่าๆของเธอไว้

    เกิด...อะไร...ขึ้น..กับของพวกนี้

    ...มันน่าจะถูกขายถอดตลาดไปแล้ว…”

    สีหน้าอันน่าสงสารของเธอหลังจากที่เขาตอบคำถามเป็นสีหน้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    คุณคิดว่า...ห้องของฉันจะมีกระดาษพวกนี้แปะอยู่รึเปล่า

    น่าจะเป็นอย่างงั้น...

    เขาขอให้เธออย่าตั้งคำถามอะไรกับเขาอีกเลย ทันใดนั้นเธอก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เหมือนว่านึกอะไรขึ้นได้...ฮีจุนตามหลังเธอไป เขามองไม่เห็นเธอบนชั้นนี้เลยแต่ประตูห้องห้องๆหนึ่งเปิดอยู่เขาจึงเดินเข้าไปด้วยคิดว่าคงเป็นห้องเธอและเขาก็พบเธอกำลังนั่งอยู่บนพื้นอย่างใจลอย

    เรื่องพวกนี้...มัน...มันเกิดขึ้นได้...ยังไง

    .....ไม่มีใครมาก่อนที่พ่อเธอจะเสียหรอ ตามจริงแล้วลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ต้องยื่นข้อเสนอก่อนจะมาเอาสมบัติของใคร

    ทำไมฉันพูดอะไรที่ไร้ประโยชน์แบบนี้เนี่ย

    ฉันบอกคุณว่านี่เป็นครั้งแรก...หลังจากการเล่นดนตรีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ก่อนการฝึกสำหรับการเล่นดนตรีในช่วงฤดูหนาว...ฉันไปเที่ยวภูเขามากับเพื่อน...ตอนที่ฉันอยู่ที่นั่น....ฉันได้ยินว่าพ่อฉันเสียแล้วและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล...ฉันไม่รู้อะไรเลย...ฉันไม่คิดจะกลับบ้าน...บริษัทของพ่อฉันล้มละลาย...และไม่มีใคร...ไม่มีใครมา...ฉันไม่ต้องการส่งพ่อไป...พวกเขาให้ฉันใส่ชุดไว้ทุกข์...และฉันก็ฝังเขาไปใต้ดิน...ฉันไม่ใช่คนที่ส่งเขาไป

    ......

    ฮีจุนไม่มีอะไรจะพูด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซองมีถึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง แต่เขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆและฟังเธอ....เธอไม่สามารถรับกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้...เธอไม่รู้แม้กระทั้งว่าเธอกำลังพูดอยู่กับใคร...มันไม่สำคัญอีกแล้ว...เธอรู้สึกว่าเธอต้องอธิบายเพราะความรู้สึกนั้นที่โถมเข้ามา

    ฮีจุนจ้องเธออยู่เงียบๆจากนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าเธอและจับแขนทั้งสองข้างของเธอ

    ลุกขึ้นเถอะ...ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว

    เธอไม่ขยับเขยื้อน...ส่วนมากแล้วฮีจุนมักจะใช้การกระทำที่แข็งกร้าวกับคนที่ไม่ใส่ใจเขาแต่...เขารู้สึกเห็นใจเธอ

    ถึงเธออยู่ที่นี่ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกนะ...รวบรวมของที่เธอต้องการ ที่ไม่มีกระดาษพวกนั้นแปะไว้ แล้วออกไปกันเถอะ

    เธอเงยหน้ามองไปรอบๆห้อง...เขาสามารถมองไปยังรอบๆห้อง ซึ่งระหว่างระเบียงและห้องมีประตูซึ่งให้ความรู้สึกคลาสสิคและห้องทั้งห้องก็ให้ความรู้สึกถึงความเป็นผู้หญิงได้อย่างดี

    ผ้าม่านสีงาช้างกับตะเข็บสีทองก็ให้ความรู้สึกเรียบหรูเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นยังไม่รูปภาพของเธอ...เขาหยุดมองรอบๆห้องและหัวเราะตัวเอง

    ฮู้...นี่ฉันกำลังทำอะไรเนี่ย ฉันกำลังศึกษาห้องของเธอในสถานการณ์แบบนี้อยู่เนี่ยนะ

    เธอไม่มีอะไรที่จะเอาไปด้วยหรอ

    เธอหยิบกระเป๋าเป๋ซึ่งวางอยู่ถัดจากโต๊ะเขียนหนังสือเธอหยิบหนังสือสองเล่มซึ่งไม่มีกระดาษแปะอยู่ ตุ๊กตาหินอ่อน...อัลบั้มรูปและใส่มันลงไปในกระเป๋า

    เธอจะเอาตุ๊กตาไปทำบ้าอะไรของเธอ

    เขาไม่เข้าใจการกระทำบางอย่างของเธอแต่...เขาไม่ได้รู้สึกอยากเข้าไปยุ่งดังนั้นเขาจึงมองดูอยู่เฉยๆ...เธอมองไปรอบๆห้องเพื่อดูว่าไม่มีอะไรที่เธอสามารถเอาไปได้แล้ว...เธอคิดถึงบางอย่างและเปิดประตูบานนั้นและเดินออกไปที่ระเบียง...

    แล้วนี่เธอจะทำอะไรอีกละเนี่ย

    จากข้างนอก เธอถอนหายใจด้วยความโล่งใจ...ฮีจุนค่อยๆเคลื่อนร่างกายของเขาไปยังที่ที่เธอยืนอยู่...เธอดูมีความสุขเมื่อเปิดตู้ซึ่งไม่มีกระดาษแปะอยู่ เขายืนพิงกับกระจกเพื่อดูว่าเธอกำลังจะทำอะไร...เธอหยิบกล่องเครื่องประดับออกมาและยิ้มเป็นครั้งแรกขณะที่เปิดมันออก ขณะที่เขามองเธอด้วยความสนใจอยู่นั้น เขาก็ถามขึ้น

    เจออะไรดีๆงั้นหรอ

    ....

    เธอผงกหัว...ดวงตาของเธอจดจ้องอยู่กับกล่องเครื่องประดับนั่น

    เธอหาอะไร

    เธอค่อยๆหยิบสร้อยเพชรออกมาจากกล่อง...มันไม่ได้ใหญ่มาก...เขายิ้มอย่างออกหน้าอีกครั้ง

    เธอดีใจเพราะของเล็กๆแบบนี้นะเหรอ

    ....มันไม่ใช่อย่างนั้น...มันคือ...ช่างมันเถอะ

    เธอค่อยๆใส่มันที่คอ

    ฮู้...ถ้าเสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ

    ไหล่ของเธอดูเล็กมากเมื่อเธอเดินลงไปข้างล่างอย่างอ่อนแรงพร้อมด้วยกระเป๋าเป๋...เธอยืนอยู่ข้างหน้าบ้าน ฮีจุนพูดกับซองมีซึ่งกำลังลังเลอยู่

    ไปกันได้แล้ว...

    เธอมองกลับไปที่บ้านอีกครั้ง...ดูเหมือนว่าน้ำตากำลังคลออยู่ที่เบ้าตาขณะที่เธอก้าวออกมาจากตัวบ้าน...ฮีจุนเปิดประตูให้เธอ เธออึกอักจนกระทั่งฮีจุนบอกเธอให้เข้าไปในรถ...เขาเดาว่าเธอจะต้องมองไปทางบ้านแน่ๆแต่เธอกลับหันหน้าไปอีกทางหนึงและไม่แม้แต่จะชำเลืองดูซักนิดเดียว

    เธอพยายามจะลืมใช่มั๊ย

    หลังจากฮีจุนสั่งให้ออกรถเพื่อไปยังห้างสรรพสินค้า รถก็เลื่อนออก...เธอพูดขณะที่รถกำลังแล่นผ่านบริเวณใกล้เคียงไป...น้ำเสียงของเธอดูจะปนไปด้วยน้ำตา...แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่...น้ำเสียงของเธอช่างไม่แจ่มใสเอาซะเลย

    ฮู้....น่าจะเป็น...

    ......

    เมื่อเธอหันหน้าไปทางหน้าต่าง เธอปาดน้ำตาออกโดยทำเหมือนว่าเธอเสยผมขึ้น...เขามองเธอด้วยความสงสารและยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอ เธอตกใจกับท่าทีของเขาและรับผ้าเช็ดหน้ามาอย่างระวัง

    คนคนนี้...อาจจะไม่เย็นชาอย่างที่เราคิดก็ได้....

    (จบตอนที่ 6 )

    *********************************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×