ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mafia Heart รักร้ายร้าย คุณชายมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 58


    บทที่ 1

                    เมทิส? เมทิสงั้นเหรอ เดี๋ยว!มันไม่ใช่ชื่อของฉันนี่ ฉันชื่อไพลิน ไพลิน จิวเวอร์เรีย

                    เป็นยังไงบ้าง หือ... เขาคุกเข่านั่งลงตรงหน้าฉันก่อนจะเชยคางฉันขึ้นอย่างเบามือ พลางมองสำรวจใบหน้าของฉัน อย่าพึ่งสิ เขาเป็นใครมาจากไหนฉันยังไม่รู้เลย แล้วเขามาทำแบบนี้กับฉันทำไม เพื่ออะไร

                    อย่าแตะต้องตัวฉันฉันบอกพลางปัดมือของเขาออกอย่างไม่ใส่ใจ

                    เมทิสเธอยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ ดวงตาสีแดงไหววูบจ้องดวงตาของฉันอย่างต้องการคำตอบ

                    ฉันไม่ใช่เมทิสฉันบอกอย่างปัดๆ แล้วฉันก็เหลือบไปเห็นเส้นผมสีไข่ที่ยาวลงมา จริงด้วยสิฉันลืมไปได้ยังไงกันเนี่ย

                    เธอนั่นแหละเมทิส เธอจำฉันจำที่นี่ไม่ได้เหรอโว๊ะ! บอกว่าไม่แล้วแกยังไม่เข้าใจอีกเรอะ จะเปิดสงครามประสาทกับฉันรึไง บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่เล่นด้วย

                    ที่นี่มันที่ไหน แล้วฉันก็ไม่ใช่เมทิสอะไรนั่นด้วยฉันอธิบายอย่างเก็บอารมณ์ไม่ได้ ฉันจะวีนแตกตอนนี้ไม่ไดเด้ดขาด ใจเย็นไว้ไพลินใจเย็นไว้

                    เมทิสเธอจำไม่ได้จริงๆเหรอฮึ่ม! ฉันไม่ไหวแล้วนะ ไม่ไหวแล้วโว้ยยยย!!!!!

                ฉันไม่ใช่เมทิสสสสสสฉันตะโกนปรี๊ดแตกแบบสุดฤทธิ์

                    เพล้ง!

                    กระจกเลนส์แว่นตาแตกเป็นเสี่ยงๆ หึ...แค่นั้นมันยังไม่พอหรอกนะ  คอนแทคเลนส์สีแดงก็ถูกเขวี้ยงลงพื้นในเวลาใกล้เคียงกัน ต่อด้วยฉันที่เข้าไปกระทืบมันซ้ำอย่างเหลืออด ความอดทนไม่เหลือขีดจำกัดอีกต่อไปแล้ว เหลือเพียงความบ้าคลั่งของฉันที่เพิ่มขึ้นทุกทีๆ

                    เมทิส...เขาอุทานเสียงแผ่วเบา โดยมีฉันที่ตวัดหางตาไปทางนั้นอย่างเหยียดๆ ก่อนจะถอดวิกผมแล้วสะบัดอย่างแรง ผมสีน้ำเงินถูกปล่อยลงมา ใช่...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ฉันคือไพลินเต็มตัวแล้ว

                    ใครหน้าไหนกล้ามาหยามมันก็ตายได้เมื่อนั้น!!!!!!!!

                เธอไม่ใช่เมทิสนี่!!!” เขาร้องอย่างตกใจ แววตาจากห่วงใยตอนนี้กลับดูแข็งกร้าว

                    ใครจะจัดการยัยนี่ยังไงก็เชิญเขาบอกแบบปัดๆ พร้อมกับโบกมือไล่ให้พวกลูกน้องที่ยืนเรียงรายอยู่มาจัดการฉัน คิดจะทิ้งกันก็ทิ้งง่ายๆแบบนี้น่ะนะ หึ...คิดเหรอว่าลูกน้องกระจอกๆแบบนั้นจะทำอะไรฉันได้ คิดผิดคิดใหม่ได้นะเว้ย

                เห้ย! นี่มันไพลิน นางแบบที่ดังโกอินเตอร์นี่หว่าลูกน้องคนหนึ่งชี้หน้าฉันอย่างจัง หนอย!!!! เสียมารยาท! มันต้องโดนสั่งสอนซะบ้างแล้ว!

                    กร๊อบ!

     

     

     

     

     

     

    นั่นไม่ใช่เสียงไก่ทอดกรอบแต่อย่างใด(=_= ) แต่มันคือมือของฉันที่เอื้อมไปคว้าข้อมือลูกน้องหน้าตากระจอกนั่นไว้ก่อนที่จะหักมันอย่างไม่ไยดี 

                    (=o= ) ทุกคนในสถานการณ์จ้องฉันตาไม่กระพริบ แม้แต่นายหัวเทาที่เรียกฉันว่าเมทิสนั่นก็ด้วย

                    หึ!” ฉันหันไปแสยะยิ้มใส่นายนั่นก่อนจะทำในสิ่งที่หลายๆคนไม่คิดว่าคนอย่างฉันจะทำได้

                    พลั่ก!

                ฉันใช้มือข้างเดียวกระตุกไอ้ลูกน้องอวดดีคนนี้จนหัวฟาดพื้นและหมดสติลงในทันที ชิ...บอกไว้ก่อนนะถ้าคิดจะเล่นกับฉันแล้ว จะตายจะอยู่ฉันก็ไม่สน!!!!

                อึก... พวกลูกน้องกิ๊กก๊อกของนายหัวเทากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ต่างคนต่างหน้าเครียด แต่ดูท่านายหัวเทาจะเครียดกว่าผู้ใดทั้งปวง

                    มองหน้ากันทำอะไรวะ! จัดการซะสิหรือว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวก็จัดการไม่ได้!” นายหัวเทาพูดเสียงเย็นแต่ก็ดูแผ่รังสีอำมหิตในเวลาเดียวกัน ทำเอาลูกน้องทั้งหลายหน้าเสียกันยกใหญ่ หึ...สะใจจริงๆ(^-^ )

                ฟุ่บ! อ๊าก! โอ๊ย! อ๊อก!

                เสียงที่ฟังดูเจ็บปวด(?) ดังมาจากปากของเหล่าลูกน้องต๊อกต๋อยของนายหัวเทา วะฮ่าฮ่ามีความสุขจริงอะไรจริง ( ^-^)

                    ฉึก!

                อึก! ความเจ็บปวดเริ่มแผ่ออกมาจากบริเวณหลังมือทำให้ฉันหันไปมองต้นตอความเจ็บปวดในทันที...

                    มีดเล่มไม่เล็กไม่ใหญ่ปักเข้าที่หลังมือข้างขวาของฉันอย่างจัง เลือดสีแดงสดเริ่มไหลออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน แต่อารมณ์ของฉันในตอนนี้บอกไว้เลยว่ามันไม่เหมือนเลือดของฉันเลยสักนิด มันร้อนระอุเหมือนทะเลทรายช่วงกลางวันเลยก็ว่าได้!!

                แก...ฉันตวัดหางตาไปมองงเจ้าของมีดอย่างเลือดเย็น ความร้อนรุ่มถูกสุมรวมกันภายในตัวฉัน เหลือเพียงแต่ความเลือดเย็นที่เคลือบมันไว้อยู่ด้านนอก

                    ฉันใช้ปากกัดมีดเล่มนั้นไว้ก่อนจะกลั้นใจดึงมันออกมาจากมือ ซึ่งเมื่อถึงตอนนี้เลือดของฉันก็เริ่มทยอยไหลออกมา เช่นเดียวกับฉันที่มันเดือดเต็มทน!!! ฉันใช้เล็บของมือซ้ายจิกเข้าที่ชายกระโปรงก่อนจะฉีกมันอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวพันผ้าเข้าที่มือข้างขวา ถ้าใครมาเห็นฉันในตอนนี้คงคิดว่าฉันโรคจิตแหงๆ เพราะ เลือดของฉันมันเปื้อนไปรอบๆตัว ปากของฉันก็ยังคงคาบมีดไว้ โดยที่มือก็ยังคงถูกพันด้วยผ้าชายกระโปรงแถมเลือดยังเปื้อนเยอะอีก แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาห่วงสังขารตัวเองหรอกนะ ขอแค่ฉันได้แก้แค้นให้กับแผลตัวเองก็เป็นอันพอ!!!!!!!

     

    แกอยากใช้มีดมาก...ใช่มั้ย? ฉันถือมีดไว้ในมือซ้าย ที่มุมปากของฉันก็ยังคงมีเลือดของตัวเองติดอยู่ ทำให้ลูกน้องคนนั้นเริ่มตัวสั่นขึ้นมาอย่างหวาดกลัว

                    ฉึก!

                ให้มีดแก่ท่านมีดนั้นถึงตัว แต่ตอนนี้แกจะตายเพราะเลือดหมดตัว เข้าใจ? ทุกสายตาดูทั้งอึ้งปนตะลึง เพราะหมอนั่นนอนหายใจรวยรินโดยมีมีดเล่มนั้นปักอยู่ที่ตำแหน่งหัวใจ เอ๊ะ!ฉันบอกรึยังว่าทำร้ายท่านแค่ไหน ท่านจะทำร้ายกลับแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว หึ!

                เกิดอะไรขึ้นน่ะเสียงใสๆปนมาดนางร้ายดังมาจากในคฤหาสน์ ทำลายความเงียบไปอย่างสิ้นเชิง

                    อะไรกันน่ะ(*-*)เจ้าของเสียงมองดูเหตุการณ์นองเลือดด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะลากสายตามาที่ฉัน จะสบตากันอย่างตรงๆ...

                    ... ฉันกับเธอคนนั้นจ้องตากันคล้ายกับหาคำตอบอะไรบางอย่าง

                    พี่ไพลิน! / ยัยจีเซล!” เรา 2 คนต่างอุทานออกมาพร้อมกันพลางโผเข้ากอดกันเหมือนห่างหายกันไปเนิ่นนาน

                    !!!??

                ทุกคนในเหตุการณ์งงแบบอภิมหางง โดยเฉพาะนายหัวเทาที่เงียบจนไร้เงาและตัวตน แต่ใครเค้าได้สนกันล่ะ ชิ!

                    จีเฮลล่ะ?ฉันถามจีเซลพลางมองซ้ายมองขวา

                    พี่ไพลิน!” ‘จีเฮลวิ่งมาทางฉันอย่างกระหืดกระหอบ พลางทำตาโตเมื่อเห็นสภาพอันน่าสงสารของฉัน แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ ว่าฉันไม่ได้ต้องการมัน

                    ฝีมือใครน่ะ?จีเฮลถามพลางมองไปที่นายหัวเทาอย่างต้องการคำตอบ

                    คนที่แกเรียกว่าไพลินนั่นแหละนายหัวเทาส่งสายตาหัวเสียมาทางจีเฮลอย่างเบื่อหน่าย

                    จริงเหรอค่ะ พี่ไพลินสุดยอดไปเลยจีเซลยิ้มจนหน้าบาน สร้างความสงสัยให้ฉันขึ้นมานิดๆ แต่ดูเหมือนว่าจีเซลจะเดาออก

                    พอดีหนูไม่ค่อยชอบหน้าลูกน้องพวกนี้น่ะค่ะ พวกนี้บอกว่าถ้าได้ลงไปนอนกองอยู่พื้นอย่างน่าสมเพชด้วยฝีมือผู้หญิงเมื่อไหร่ พวกมันจะไสหัวไป ฮะๆจีเซลยังคงยิ้มต่อไป แต่พวกที่กองอยู่พื้นถึงกับหน้าซีดลงไปทันที พวกที่เหลือก็ได้แต่มองดูสถานการณ์เงียบๆ

                    นิ่งอยู่ทำไมล่ะ เอาไอ้พวกนี้ไปกองไว้หน้าคฤหาสน์ซะสิ ไป จีเซลโบกมือไล่อย่างไม่ไยดี ก่อนจะหันมามองทางฉันบ้าง

                    พี่ไพลินไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ

                หาหมอเหรอ...

                    ฉันขอเล่าประวัติของจีเซลให้รู้แล้วกันนะ เธอคือ ลูกสาวคนเดียวในตระกูลมาเฟียชื่อดังในอิตาลี มีฝาแฝดคือจีเฮล เธออายุ 21 ปี เราเคยทำงานในวงการด้วยกันหลายครั้ง แต่ด้วยที่เธออายุแค่ 18 เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยต้องบอกลาวงการไปตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือสอบท่าเดียว จนเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียว เลยไม่ได้เจอกันตั้งแต่ตอนนั้น รวมเป็นเวลา 3 ปีแล้วที่เราไม่ได้เจอะเจอกัน เดี๋ยวสิถ้ายัยนี่เป็นลูกสาวมาเฟีย แสดงว่าฉันอยู่ที่คฤหาสน์มาเฟียอย่างนั้นหรอกเหรอ?

                ...

                ฉันได้แต่นั่งเงียบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งอยู่อย่างนั้น เพราะตอนแรกฉันนึกว่าจีเซลจะพาฉันไปหาหมออยู่ในโรงพยาบาล ที่ไหนได้ คฤหาสน์นี้มีหมอประจำ แถมเครื่องมือแพทย์ ยารักษายังมีครบอีกต่างหาก เชอะ!นึกว่าจะได้หนีไปจากที่นี่ซะหน่อย น่าเบื่อจริงๆ

                    มือขวาพยายามอย่าใช้บ่อยๆนะคะ เพราะแผลลึกมาก ส่วนมือซ้ายก็รู้สึกว่าจะปวดๆอยู่บ้าง ทานยาตามที่สั่งนะคะ ไม่ 1 อาทิตย์ หรือ 1 เดือนก็น่าจะหายค่ะ ^-^” คุณหมอยิ้มหน้าตาระรื่น จนอยากจะละเลงแผลบนใบหน้าให้สัก 4 หรือ 5 แผล หึ...

                    ไปกันเถอะค่ะ 

                ไปไหน เสียงที่ไม่คุ้นเคยแต่ดันติดหูลอยมาไม่ใกล้ไม่ไกล

                    ก็ให้พี่ไพลินพักที่นี่ไง มีปัญหาเหรอน้องสาวตัวเล็กหันไปถามอย่างเอาเรื่อง

                    ก็เดี๋ยวยัยนี่ก็สร้างความวุ่นวายให้หรอกนายหัวเทาพูดแก้เก้อ แต่ก่อนที่จะพูดไปมากกว่านั้นจีเซลกลับกัดฟันพูดข้างๆนานนั่นอย่างเคืองๆ

                    ถ้าพี่ไพลินออกไป พี่ก็ต้องสั่งเก็บ สู้ให้พี่ไพลินอยู่ที่นี่กับฉันยังดีกว่า แต่ถึงจะยังไงก็ช่าง พี่ไพลินเป็นคนที่ฉันสนิทและนับถือ เธอจะต้องไม่ตายเด็ดขาด เข้าใจ?จีเซลทำสีหน้าจริงจังจนฉันยังต้องตกใจ

                    อยู่ก็ได้ แต่พี่ไม่รับประกันนะว่าเธอจะอยู่ครบ 32นายหัวเทาทำสีหน้าเยือกเย็น แต่มันก็ไม่มีผลใดๆกับตัวฉัน

                    เพราะฉันอยู่ในสังคมตีหน้ามาเยอะ!

                    ไปเถอะค่ะพี่ไพลินจีเซลเข้ามาคว้าแขนข้างซ้ายของฉันไว้ และไม่ลืมส่งสายตาไม่พอใจไปทางนายหัวเทาก่อนจะกระทืบรองเท้าส้นสูงจนดังก้องคฤหาสน์

                    ฉันกำลังหยุดยืนอยู่ที่ห้องโทนสีชมพูหวานๆ ทุกอย่างในห้องถูกตกแต่งให้เป็นสีชมพู จนฉันต้องหันไปเหลือบมองเจ้าของห้องเพื่อชื่นชมในความบ้าคลั่งสีชมพูของเธอ ซึ่งเธอก็ได้แต่ยิ้มให้อย่างเขินๆ ก่อนจะล็อกประตูแล้วนั่งลงที่ปลายเตียง แล้วผายมือไปที่โต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ตรงข้ามกันเป็นเชิงให้นั่ง

                    ที่นี่ที่ไหนเหรอฉันถามคำถามที่อัดอั้นมาได้นานพอสมควรหลังจากที่นั่งลงแล้ว

                    คฤหาสน์ประจำตระกูลหนูค่ะ จีเซลตอบพลางม้วนผมไปพลาง

                    ส่วนผู้ชายที่ผมสีเทา ตาสีแดงน่ะ พี่ชายของหนูเองค่ะ ชื่อเซโนท่าทางจะเซย์เยสไม่เป็นสินะ ห๊ะ!

                พี่ชายเธอ?ฉันทวนอย่างงุนงง ไอ้บ้านั่นน่ะนะพี่ชายของจีเซล บ้าน่า

                    ใช่ค่ะเธอตอบรับเสียงใส ดวงตากลมโตสีส้มเป็นประกายวิบวับ ผมสีน้ำตาลอ่อนออกไปทางสีเทาถูกมัดรวบเอาไว้ จะว่าไปเค้าโครงหน้าของเธอคนนี้กับนายเซโนอะไรนั่นเหมือนกันแฮะ

                    จ๊อก~

                    อยู่ๆเสียงท้องของฉันก็ประท้วงอีกครั้ง จริงสิเมื่อวานฉันก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย หึ...ไอ้ท้องเนรคุณไม่ยอมรับอาหาร(เกี่ยวมั้ยเนี่ย?) จีเซลที่นั่งอยู่ถึงกับแอบปิดปากหัวเราะ ชิ!ถึงไม่แอบก็รู้หรอกย่ะว่าหัวเราะ

                    นี่ก็สายแล้วนะคะ หนูต้องไปเรียนอีก 30 นาทีข้างหน้า เดี๋ยวหนูไปบอกพี่เลี้ยงหนูให้เอาของกินมาให้ อ้อ!พี่เลี้ยงคนนี้ไว้ใจได้ค่ะ แต่ถ้าคิดไม่ซื่อตอนไหน ชีวิตหล่อนจะจบทันที หนูไปนะคะจีเซลบอกฉันพลางทำท่าสะพายกระเป๋า

                    เดี๋ยวสิฉันเรียกจีเซลไว้พลางใช้มือซ้ายที่เจ็บๆอยู่ชี้ไปที่ผมตัวเอง ที่ตอนนี้มันดูไม่เป็นทรง

                    มัดผมให้ก่อนสิ ใครมาได้ยินคงคิดว่าฉันงี่เง่า แต่ฉันแคร์เรื่องพวกนี้มากจนถึงมากที่สุดเชียว ถ้าผมพันกันยุ่งเหยิงล่ะนะ อายชาวบ้านตายเลย

                    เสร็จแล้วล่ะค่ะ หนูต้องรีบไปแล้ว ดูแลตัวเองนะคะจีเซลส่งยิ้มให้ฉัน ก่อนจะเปิดประตูออกแล้วปิดมันอย่างเบามือ ตอนนี้ก็คงเหลือเพียงแต่ฉันที่หันมุมมองจากปลายเตียงมาเป็นหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งแทน เพื่อจะได้มองดูสังขารตัวเองได้ง่ายและทั่วถึงขึ้น

                    ผมสีน้ำเงินทั้งหมดถูกมัดรวบเอาไว้ที่ด้านหลัง ทำให้ดูเรียบร้อยขึ้นมานิดๆ หน้าตาก็ดูซีดๆลง เพราะขาดข้าวขาดน้ำแหงๆ มันถึงดูโทรมลงไปขนาดนี้ 

                    ขอเข้าไปนะคะ เสียงใดเสียงหนึ่งดังมาจากหน้าประตู แต่แปลกแฮะมีแต่เสียงพูดไม่มีเสียงเคาะประตู

                    เข้ามาค่ะฉันตอบออกไปอย่างไม่ค่อยไว้ใจสักเท่าไหร่

                ขอโทษที่มาช้าไปหน่อยนะคะ พอดีในครัวยุ่งๆอยู่ผู้หญิงที่อายุราว 30 ต้นๆเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ

                    ขอบคุณนะ พี่ยุ่งอะไรก็ไปจัดการให้เสร็จเถอะฉันตอบรับอย่างปัดๆ

                    ค่ะเธอตอบรับเพียงเท่านั้น ก่อนจะเปิดประตูออก แล้วปิดมันอีกครั้ง

                    ชีวิตหนอชีวิตฉันได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเองในห้อง ก่อนจะหันไปมองสิ่งที่ยัยพี่คนเมื่อกี๊เอาเอามาให้

                    จานสีเงิน ส้อม และสปาเกตตี้

                    แค่เห็นก็อยากยัดเข้าไปในท้องละ=_= (ฉันไม่ได้เป็นคนเห็นแก่กินนะ ไม่เห็นแก่กิ๊น ไม่เห็นแก่กินจริงๆ) ไม่ไหวแล้วนะ หิวมากเลยจริงๆ ฉันเอื้อมมือซ้ายไปหวังจะหยิบส้อมแต่มันก็ดัน

                    โอ๊ย!” ฉันดันลืม ลืมไปซะสนิท ว่ามือทั้ง2ข้างมันทั้งปวดและเจ็บ ยิ่งเวลาขยับมันยิ่ง พระเจ้ายังต้องตกใจ

                    แล้วฉันจะกินยังไงอ่ะT-T”

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×