ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Noritz] Robot Boy หุ่นยนต์ที่รัก !

    ลำดับตอนที่ #21 : Special part ,, ตัวเล็ก

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 56


     

    Special part

     



     

    “ น้องริท .. ถึงบ้านคุณลุงแล้วนะ ตื่นได้แล้วจ้ะ ” หญิงสาววัยกลางคนหันไปปลุกลูกชายตัวน้อยของตนที่กำลังนั่งหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข เด็กชายวัยหกขวบในเสื้อยืดลายกระต่ายสีฟ้าอ่อนๆกับกางเกงขาสั้นและร้องเท้าผ้าใบสีขาวค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะใช้นิ้วขยี้ตาตัวเอง

    “ อย่าขยี้ตาสิจ๊ะ ดูซิ .. ตาแดงหมดแล้ว ” คนเป็นแม่ดุน้อยๆพร้อมกับตีมือเล็กเบาๆให้ริทหยุดการกระทำนั้น ร่างเล็กทำปากยู่ใส่เธอแล้วก้มลงไปพูดกับตุ๊กตากระต่ายในอ้อมแขน

    “ คุณกระต่ายย ~ คุณแม่ดุน้องริทอีกแล้วว ~ ” จบเสียงยานคางประตูรถก็ถูกเปิดออกอย่างทุลักทุเลโดยแขนเล็กๆ ขาสั้นๆพยายามจะก้าวลงแตะพื้นแต่ก็ไม่ถึงจึงจำใจต้องกระโดดลงไป แต่เพราะตุ๊กตาที่กอดอยู่นั้นอาจจะใหญ่เกินไปทำให้เด็กน้อยเสียหลักและล้มลงกับพื้นอย่างจัง

    “ ฮึก .. ฮืออออออ ~ แม่จ๋า น้องริทเจ็บบบ ฮือๆ ” คนตัวเล็กร้องไห้เรียกหาแม่ตามประสาเด็กทั่วไป มือกำตุ๊กตาแน่น ขาสองข้างถีบไปมากับพื้นอย่างเอาแต่ใจ

    “ โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคนเก่งของแม่ เดี๋ยวคุณแม่เป่าให้แล้วหายเลย เพี้ยงงง ! ” มุกเก่าแก่แต่โบราณของผู้ใหญ่ถูกนำมาใช้อย่างเคย ซึ่งมันก็ยังคงได้ผลดี เสียงงอแงเงียบลงทันทีเหลือเพียงเสียงสะอื้นเบาๆเท่านั้น

    “ คุณคะ เดี๋ยวชั้นพาริทไปทำแผลในบ้านก่อนนะคะ ” เธอหันไปพูดกับสามีที่กำลังขนของลงจากรถ อีกฝ่ายหันมาพยักหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อสองสามทีก่อนจะหันกลับไปยกของต่อ หญิงสาวอุ้มลูกชายขึ้นมาจากพื้นโดยมีตุ๊กตาตัวก่อเรื่องติดมาด้วยแล้วเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่ลืมที่จะหยิบกล่องปฐมพยาบาลไปด้วย
     

    บ้านหลังนี้ที่ถือเป็นบ้านหลังใหม่สำหรับพวกเขา แต่ความจริงมันคือบ้านของพี่ชายสามีหรือลุงของริทนั่นเอง พวกเขาย้ายมาอยู่ที่นี่ชั่วคราวเพราะเหตุผลบางอย่างเกี่ยวกับงาน ทันทีที่ก้าวเข้ามาแขนเล็กก็กระชับอ้อมกอดของตนให้แน่นขึ้นจนคนอุ้มรู้สึกได้

    “ เป็นอะไรฮึน้องริท ? กอดคุณแม่ซะแน่นเชียว ”

    “ น้องริทกลัววว ~ ที่นี่น่ากลัว ” ตากลมมองไปรอบๆตัวอย่างกลัวๆ พอร่างเล็กถูกวางลงกับโซฟานุ่มก็รีบดึงตุ๊กตามากอดอย่างรวดเร็ว

    “ ไม่ต้องกลัวนะ แม่อยู่นี่แล้ว ไม่กลัวนะ ” มือบางลูบหัวคนเป็นลูกอย่างอ่อนโยนด้วยความเอ็นดู จริงๆแล้วบรรยากาศภายในบ้านหลังนี้ก็ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่จะมีแต่อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรสำหรับสร้างหรือประดิษฐ์อะไรต่างๆของคุณลุงรวมถึงหุ่นยนต์หน้าตาประหลาดๆที่ถูกสร้างและวางทิ้งไว้ ซึ่งถ้าเด็กอายุหกขวบซึ่งค่อนข้างจะมีนิสัยค่อนไปทางเด็กผู้หญิงจะกลัวของเหล่านี้ก็คงไม่แปลก

    “ เดี๋ยวแม่ทายาแดงนะ เจ็บนิดเดียวไม่ร้องนะ ” ริทพยักหน้าหงึกๆแล้วเอาหูกระต่ายขึ้นมาปิดตาสองข้าง หญิงสาวเห็นท่าทางน่ารักๆอย่างนั้นก็อดยิ้มไม่ได้

    “ ที่น้องริทล้มเพราะน้องริทตัวเตี้ยใช่ไม๊ฮะ ? ” เสียงใสๆเอ่ยถามทั้งที่ยังปิดตาอยู่

    “ ทำไมคิดแบบนั้นล่ะจ๊ะ ? เธอพยายามทายาอย่างเบามือที่สุดก่อนจะใช้พลาสเตอร์ยาลายหมีที่เจ้าตัวเล็กเป็นคนเลือกมาแปะปากแผล

    “ ก็เพื่อนที่โรงเรียนบอกว่าน้องริทเตี้ยยย แล้วน้องริทก็ได้ยืนหน้าแถวตลอดเลย ” หูกระต่ายถูกเอาลงตามเดิม เจ้าตัวมองพลาสเตอร์ที่เข่าของตัวเองอย่างพอใจ

    “ ไม่จริงหรอกจ้ะ อย่าคิดมากเลยนะ เดี๋ยวคุณแม่ไปช่วยคุณพ่อขนของก่อนนะ น้องริทเป็นเด็กดีนั่งรออยู่ตรงนี้นะจ๊ะ ”

    “ ฮะ ! ” เด็กน้อยรับคำหนักแน่นแล้วจึงหันไปเล่นกับเพื่อนรู้ใจของตัวเองหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน แต่พอคนเป็นแม่เดินพ้นประตูบ้านออกไป ริทก็หยุดการกระทำทั้งหมดลง คนตัวเล็กค่อยๆลงจากโซฟาที่สูงกว่าส่วนสูงเขาเสียอีกก่อนจะเดินออกทางประตูหลังมาที่สวนหลังบ้าน

    “ น้องริทไม่ชอบที่นี่เลยคุณกระต่ายยย ไปเล่นข้างนอกกันน้า ” พูดเองเสร็จสรรพพร้อมกับดันตุ๊กตาตัวใหญ่ผ่านช่องเล็กๆของรั้วบ้านแล้วตามด้วยร่างเล็กๆของตัวเอง พยายามอยู่ซักพักกว่าจะลอดพ้นช่องเล็กๆนั้นออกมาข้างนอกได้

    ตากลมมองไปรอบๆกับสถานที่ที่ไม่คุ้นตา ถนนสองเลนที่ทอดยาวไปเรื่อยๆกับบ้านที่เรียงรายเป็นแถวต่อไปไม่รู้จบ ซักพักก็มีเด็กสองคนขี้จักรยานผ่านมา

    “ นี่ ~ ขอน้องริทไปด้วยยยย ” กว่าจะพูดได้จบประโยคจักรยานทั้งสองก็แล่นผ่านไปเสียแล้ว ขาสั้นๆออกแรงวิ่งตามไปเท่าที่จะมีแรงแต่ก็เหมือนว่ามันจะห่างไกลเด็กน้อยออกไปทุกทีๆ

    “ รอน้องริทก่อนนนน ~ ” เด็กสองคนเลี้ยวจักรยานเข้าไปในซอยๆหนึ่งซึ่งทำให้คนตัวเล็กคลาดกับมัน ริทหยุดวิ่งแล้วพักหอบหายใจ ตุ๊กตาที่ถูกลากมาด้วยกองอยู่กับพื้นเพราะถูกเด็กชายจับไว้แค่ส่วนหู แต่แล้วในขณะที่กำลังจะหมดหวังอยู่ดีๆเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานก็ดังขึ้นมาจากที่ไหนซักแห่งใกล้ๆ ร่างเล็กตัดสินใจอุ้มตุ๊กตากระต่ายขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเดินตามเสียงนั้นไปเรื่อยๆ




     






     

    หลังจากทำแผลให้ลูกชายตัวดีเสร็จหญิงสาวก็เดินออกมาช่วยสามีขนของ นี่นับเป็นครั้งที่สามที่พวกเขาต้องย้ายที่อยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอค่อนข้างกังวลใจว่าริทจะปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงและสภาพแวดล้อมใหม่ๆไม่ได้

    “ คุณน่ะเอาใจริทมากเกินไปนะ ”

    “ แหม .. คุณก็ เค้ายังเด็กอยู่เลยนะคะ ” ร่างบางทำเสียงหวานกลบเกลื่อน สามีของเธอมักจะไม่พอใจทุกครั้งที่เธอเอาใจหรือตามใจลูก

    “ ถึงจะเด็กแต่ก็เป็นเด็กผู้ชาย คุณไม่ควรตามใจริทมากมันจะทำให้ลูกติดนิสัย ทุกวันนี้ริทก็ชักจะนิสัยเหมือนเด็กผู้หญิงเข้าไปทุกวันแล้วนะ ” เสียงทุ้มต่ำดุภรรยาน้อยๆโดยไม่วางมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ รูปร่างร่างกายที่บึกบึนและนิสัยห้าวๆของอีกคนไม่ได้ส่งทอดไปถึงลูกชายเลยซักนิด

    “ ค่ะๆ เอาเป็นว่าชั้นจะพยายามแล้วกันค่ะ ” เธอพยักหน้ารับแล้วจึงเลือกยกกล่องที่เบาที่สุดออกจากท้ายรถแล้วเดินเข้ามาในบ้าน ย่อตัวลงกับพื้นก่อนจะวางกล่องลงกับพื้นช้าๆ ในตอนที่กำลังเงยหน้าขึ้นมานั่นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นโซฟาที่ควรจะมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ แต่มันกับว่างเปล่า

    “ คุณคะ ! ริทหายไปไหนก็ไม่รู้ !!!

     



     

     






     

    “ ว้าววววววว ~ !! ” ตาเล็กเบิกกว้างตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็น สนามเด็กเล่นที่มีเด็กๆหลายคนอายุไล่เลี่ยกับเขาต่างกำลังสนุกสนานอยู่กับเครื่องเล่นนานาชนิด ริทมองหาเครื่องเล่นซักชิ้นที่พอจะว่างให้ได้เล่นบ้างแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะไม่ว่าจะเป็นม้าหมุน สไลด์เดอร์ บ่อทราย หรือชิงช้าต่างก็มีคนจับจองกันหมดแล้ว

    “ น้องริทอยากเล่นชิงช้าาาาาา ~ ” เด็กน้อยเริ่มงอแงอย่างเอาแต่ใจอย่างที่ชอบทำบ่อยๆกับคุณแม่ ซึ่งมันจะได้ผลเสมอ แต่เจ้าตัวคงลืมไปว่าตนเองหนีออกมาคนเดียว

    “ ไอ้เตี้ยยย ! เด็กใหม่หรอเนี่ย ดูสิ เล่นตุ๊กตายังกับเด็กผู้หญิงแน่ะ ! ” เด็กโตกลุ่มหนึ่งอายุราวๆสิบเอ็ดสิบสองเดินเข้ามาหาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่ากลัวสำหรับเขา

    “ น้องริทไม่เตี้ยนะ คุณแม่บอกว่าน้องริทไม่เตี้ยยย ” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงจะมีนิสัยขี้กลัวเหมือนเด็กผู้หญิงแต่ถ้าเป็นเรื่องเถียงล่ะก็ริทเถียงหัวชนฝา

    “ เตี้ยย !! แบบนี้เขาเรียกว่าเตี้ย ฮ่าๆๆๆ ” เด็กร่างท่วมอีกคนพูดขึ้นพร้อมกับหันไปหัวเราะกับคนอื่นๆซึ่งริทก็หันไปประจันหน้าแล้วเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

    “ น้องริทไม่เตี้ยน๊าาาาาา อ๊ะ! เอาคืนมาาา ~ ” เสียงใสๆโวยวายดังขึ้นกว่าเดิมเมื่อตุ๊กตาตัวโปรดถูกเด็กนิสัยไม่ดีแย่งไป คนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มรับตุ๊กตามาจากอีกคนก่อนจะยืดแขนจนสุดยกมันขึ้นไปกลางอากาศ

    “ ถ้าไม่เตี้ยก็มาเอาคืนไปให้ได้เซ่ น้องหนู ฮ่ะๆๆ ก๊ากกก ”

    “ เอาเพื่อนน้องริทคืนมาาา ฮืออ ~ เอาคืนมาน๊าาาาาาา ” ร่างเล็กเริ่มร้องไห้แต่ก็ยังคงพยายามเขย่งปลายเท้าและยืดแขนให้ได้มากที่สุดแต่ก็สูงได้แค่ส่วนอกของอีกฝ่าย มือเล็กปัดป่ายไปมาก่อนจะดึงทึ้งเสื้อคนที่แย่งตุ๊กตาไป

    “ ปล่อยนะโว่ยย ” ร่างสูงผลักริทจนล้มลงกับพื้น แผลที่เพิ่งได้มาเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่แล้วถูกซ้ำอีกครั้ง คราวนี้คนตัวเล็กปล่อยโฮเสียงดังจนคนทั้งสนามต่างหันมามอง เด็กเกเรเห็นท่าไม่ดีก็รีบวิ่งหนีแยกย้ายกันออกไปคนละทาง

    “ ฮือออ อย่าเพิ่งปายย ฮึก .. เอาคุณกระต่ายคืนมาก่อนนน ”

    “ ริท !! ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เด็กน้อยสะดุ้งโหยง ริทรีบป้ายน้ำตาออกก่อนจะหยุดร้องไห้เพราะรู้ดีว่าคุณพ่อไม่ชอบให้ตนร้องไห้ คนเป็นพ่อเดินเข้ามาหาเขาที่นั่งกองอยู่กับพื้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าคมเข้มแดงก่ำ ทั้งเป็นห่วงทั้งโมโหในเวลาเดียวกัน

    “ คุณพ่อ .. คุณกระต่ายโดน .. ”

    “ หนีออกมาคนเดียวได้ยังไง !? รู้ไม๊ว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงเราแค่ไหนห้ะ !!? กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ !

     







     

    บรรยากาศมื้อค่ำของครอบครัวเป็นไปอย่างอึมครึม ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เด็กที่ยกสูงกว่าปกติกำช้อนซ้อมไว้ในมือแต่กลับไม่แตะข้าวในจานตัวเองซักคำ ใบหน้าที่เคยสดใสร่างเริงกลับเศร้าซึมเมื่อถูกคนเป็นพ่อดุไปกว่าครึ่งชั่วโมง แถมตุ๊กตาตัวโปรดที่ปกติต้องอยู่ติดตัวตลอดเวลากลับถูกขโมยไปอีก

    “ น้องริท กินข้าวหน่อยสิจ๊ะ ” เสียงใจดีของแม่ทำให้ริทยอมปฏิบัติตามแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายเขี่ยผักในจานออกตามนิสัยเดิมๆ

    “ เขี่ยผักทิ้งทำไม ? ” คราวนี้กลับเป็นเสียงดุดันของพ่อที่ดังขึ้นแทน ตากลมช้อนขึ้นมองหน้าร่างสูงอย่างกลัวๆ ปากเล็กเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง

    “ ไม่เอาน่าคุณ ริทจะร้องไห้แล้วนะ ” ฝ่ายแม่ก็พยายามช่วยลูกเต็มที่ ใบหน้าที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ทำให้ผู้เป็นแม่อย่างเธอรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ แต่สามีเธอกลับมองว่ามันเป็นการให้ท้ายลูกเสียมากกว่า

    “ ไม่ต้องร้องไห้เลยนะ เป็นเด็กผู้ชายห้ามร้องไห้ แล้วก็กินผักในจานให้หมด ห้ามเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว! ” คนเป็นพ่อออกคำสั่งเด็ดขาด

    “ แต่ .. แต่น้องริทไม่ชอบผัก น้องริทเกลียดผัก แม่ฮะ .. ” ร่างเล็กหันไปมองแม่ตาแป๋วอย่างขอความช่วยเหลือ หญิงสาวมองลูกอย่างสงสารแต่ก็ลำบากใจ บางทีเธอก็รู้สึกว่าตัวเองตามใจลูกมากเกินไปเหมือนกัน ถูกพ่อปรามบ้างก็คงจะดี

    “ เพราะไม่ยอมกินผักอย่างนี้ไงถึงไม่โตซักที นมก็ไม่ยอมดื่ม เด็กคนอื่นทั้งผู้หญิงผู้ชายเค้าตัวโตกันหมดแล้ว มีเราน่ะไม่สูงอยู่คนเดียวถึงได้โดนแกล้งอย่างวันนี้ไงล่ะ ! ” เด็กชายได้ยินคำพูดแทงใจดำแบบนั้นก็ปล่อยโฮออกมาทันที คำพูดของคนเป็นพ่อทำให้นึกถึงคำล้อของเพื่อนๆที่บอกว่าเขาไม่โต ไม่เหมือนคนอื่น

    “ ฮืออออ ~ ฮึก .. คุณพ่อใจร้ายยย ” คนตัวเล็กกระโดดลงจากเก้าอี้เด็กแต่ก็ต้องล้มลงกับพื้นเพราะความสูงที่ผิดกันกับตัวเอง แต่คราวนี้เจ้าตัวกลับลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งหนีหายขึ้นบันไดไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกของแม่

    คนเป็นพ่อมองตามลูกชายไปอย่างรู้สึกผิด เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดทำร้ายจิตใจลูกแบบนี้ แต่ก็ไม่อยากให้ริทเป็นเด็กตัวเล็กอ่อนแอจนมักถูกเด็กคนอื่นแกล้งอีกแล้ว ถึงจะอยากปกป้องริทแค่ไหนแต่พวกเขาก็ไม่สามารถอยู่ปกป้องริทไปจนตายได้

     



     


     





     

    “ เฮ้อออ ~ ไม่ทันอีกแล้ววววว ” เสียงหวานถอนหายใจด้วยความผิดหวังเมื่อชิงช้าที่หมายตาไว้ถูกเด็กคนอื่นแย่งเล่นซะก่อน นี่ก็นับเป็นวันที่สามแล้วที่ริทแอบมาเล่นที่สนามเด็กเล่นแห่งนี้ แต่ก็ยังไม่ได้เล่นอะไรซักที เพราะพอเด็กที่เล่นอยู่เลิกเล่นก็จะมีเด็กคนอื่นวิ่งเข้ามาเล่นต่อแทบจะทันที ร่างเล็กพยายามจะวิ่งเข้าไปเล่นบ้างแต่ก็ไม่เคยจะวิ่งทันซักครั้ง

    “ ไม่เล่นหรอ ? ” เสียงๆหนึ่งเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับเด็กชายวัยสิบขวบคนหนึ่งที่มายืนอยู่ข้าง ใบหน้าที่ฉายแววความหล่อเหลาแต่เด็กทำให้ริทจ้องมองไม่วางตา

    “ เห็นมายืนแบบนี้หลายวันแล้วนี่ ไม่เมื่อยบ้างหรอ ? ” คำถามยังคงถูกส่งมาให้เรื่อยๆทั้งๆที่ริทยังไม่ได้ตอบคำถามแรกด้วยซ้ำ เด็กน้อยนึกถึงคำสอนของแม่ที่เคยบอกว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้า

    “ เพิ่งมาอยู่ใหม่หรอ ? พี่ไม่คุ้นหน้าเราเลย ” แต่ทว่ารอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรของอีกฝ่ายบวกกับความที่อยากจะมีเพื่อนบ้าง ร่างเล็กจึงตัดสินใจขัดคำสั่งแม่ซักวัน

    “ น้องริทย้ายมาอยู่บ้านคุณลุงฮะ พี่ชายยย ” ตอบพลางชี้ไปที่บ้านของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลนัก กระเบื้องหลังคาสีน้ำตาลเข้มต่างจากหลังอื่นๆทำให้อีกคนมองเห็นได้ไม่ยากนัก

    “ นั่นมันบ้านคุณลุงนักประดิษฐ์นี่ ! พี่น่ะชอบงานประดิษฐ์ของคุณลุงมากเลยนะ โดยเฉพาะหุ่นยนต์ที่เขาสร้างน่ะ เจ๋งสุดๆไปเลย ” น้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นทำให้ร่างเล็กไม่เข้าใจนักว่าของพวกนั้นมันน่าสนใจตรงไหน

    “ ที่บ้านน่ากลัวจะตายย น้องริทไม่เห็นชอบเลยยย ” หัวกลมๆส่ายไปมาเพื่อยืนยันว่าตนไม่ชอบจริงๆ ร่างสูงหัวเราะเบาๆกับความซื่อของเด็กน้อยก่อนจะก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วพูด

    “ เรานี่น่ารักจังน้า น่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ ” ไม่พูดเปล่า มือใหญ่ก็ยกมาหยิกแก้มเนียนใสเบาๆอย่างหยอกล้อ ริทมองใบหน้าอีกฝ่ายที่อยู่ห่างไม่กี่คืบแล้วก็ต้องรีบก้มหน้างุด มือเล็กขยำเสื้อตัวเองจนยับยู่ยี่เมื่อเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้า

     

    กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง

    ร่างเล็กหันไปมองรถเข็นขายไอติมอย่างดีใจ ขาสั้นๆรีบวิ่งไปหารถเข็นที่กำลังจะขับผ่านพร้อมกับตะโกนเสียงใสจนคนขายต้องเหลียวกลับมามอง

    “ หยุดก่อนนนน น้องริทอยากกินไอติมมม ~ ” เสียงยานคางสั่นนิดๆตามจังหวะการวิ่ง รถขายไอติมหยุดลงซักพักกว่าเด็กชายจะวิ่งมาถึง

    “ เอา เอาอันที่เป็นสีชมพู ~

    “ อันไหนล่ะหนู ? สีชมพูมันมีตั้งหลายแบบ ”

    “ ก็สีชมพูที่น้องริทชอบกินไง เป็นแท่งๆ ” เพราะมองไม่เห็นแผ่นป้ายรูปไอติมข้างบนที่ถูกตู้เก็บไอติมบังอยู่ ร่างเล็กจึงพยายามอธิบายสิ่งที่ตัวเองต้องการแต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยให้คนขายเข้าใจมากขึ้นซักเท่าไหร่

    “ ไอติมมันก็เป็นแท่งหมดล่ะหนูเอ้ย ” เสียงแหบพร่าของคนมีอายุเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ

    “ ก็สีชมพูอันนั้นอ่า น้องริทจะกินนน ~ อ๊ะ ! ” เสียงหวานร้องตกใจเมื่อจู่ๆตัวเองก็ลอยขึ้นสูงจากพื้น

    “ เอ้า ! จะกินอันไหนก็ชี้เอา ” ร่างสูงพูดกับคนตัวเล็กในอ้อมแขน เขายืนขำอยู่กับท่าทางของเด็กน้อยเมื่อครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้ามาช่วย ไม่งั้นวันนี้ริทจะได้กินไอติมสีชมพูที่ว่านั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้

    “ เอาอันนั้น ” นิ้วสั้นป้อมชี้ไปที่รูปบนแผ่นป้าย คนขายก้มลงไปควานหาไอติมในตู้ซักพักก็เงยขึ้นมาพร้อมกับยื่นให้

    “ สิบห้าบาท ” ริทเงยหน้ามองคนขายก่อนจะแกะซองไอติม โยนมันทิ้งและเอาไอติมสีหวานเข้าปาก ดูดเสียงดังจ๊วบจ๊าบสองสามทีแล้วจึงตอบ

    “ น้องริทไม่มีตังค์น๊า ” พูดหน้าตาเฉยพลางดูดไอติมอย่างเอร็ดอร่อย คุณลุงคนขายได้แต่กุมกบาลกับความซื่อที่น่าโมโหของเขา

    “ แล้วลุงจะไปเก็บตังค์กับใครล่ะหนู ? ” ชายแก่พยายามถามอย่างใจเย็น ถึงจะรู้ว่าเด็กไม่ได้มีเจตนาจะชักดาบหรืออะไรทำนองนั้น แต่มันก็อดโมโหกับหน้าตาไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวนั่นไม่ได้

    “ น้องริทไม่รู๊ ~

    “ เดี๋ยวผมจ่ายให้เองครับ ” คนที่โตกว่าและพอจะรู้เรื่องรู้ราวออกปากพร้อมกับจ่ายเงินค่าไอติมให้ร่างเล็ก คุณลุงเมื่อได้รับค่าเหนื่อยแล้วก็ขี่รถมอเตอร์ไซต์ต่อไปยังซอยอื่นๆเพื่อทำหน้าที่ของตน

    “ แสบจริงๆนะเรา ” ร่างสูงหันไปพูดกับคนที่กำลังเลียไอติมสีชมพูอย่างเอร็ดอร่อย

    “ อื้ม ! แต่น้องิรทไม่ร้องไห้น๊า น้องริท ทนด้ายยย ” เด็กน้อยลากเสียงสูงพร้อมกับเอานิ้วถูรอบๆปากแผลที่ยังไม่หายดีตรงหัวเข่า จบประโยคก็จัดการเอาไอติมใส่เข้าปากต่อ

    “ อ้าว .. ไปหกล้มตอนไหนเนี่ยเรา ? ” เสียงทุ้มต่ำถามอย่างตกใจนิดๆ ตอนวิ่งมาก็ไม่เห็นล้มนี่หว่า

    “ ล้มเมื่อวานของเมื่อวาน แต่พลาสเตอร์มันหลู้ดดดดด ”

    “ พี่มีพลาสเตอร์อยู่ เอาไปแปะก่อนแล้วกัน ” คนเป็นพี่ย่อตัวลง หยิบพลาสเตอร์ที่พกไว้ในกระเป๋าสตางค์ออกมาฉีกซองออกก่อนจะแปะเบาๆเพื่อปิดปากแผล

    “ น้องริทไม่ชอบลายนี้น๊า ” คนตัวเล็กมองพลาสเตอร์ลายอุลตร้าแมนที่หัวเข่าของตัวเองพร้อมกับบ่นออกมา

    “ แต่ก็ขอบคุณฮะ ” เสียงหวานใสมาพร้อมกับรอยยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันซี่เล็กขาวสะอาดเรียงเป็นระเบียบในปาก จนร่างสูงอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

    “ พี่ชายย ย ” ริทเรียกเสียงดัง ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็มองเขาอยู่แล้ว มือหนาลูบผมนิ่มสลวยของคนตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว

    “ หืมม ?

    “ น้องริทกลับบ้านแล้วน๊า เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จับได้ว่าแอบมาเที่ยววว ” ว่าจบก็ดึงไอติมที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งแท่งออกจากปาก น้ำเหนียวๆที่เกิดจากการละลายของไอติมผสมกับน้ำลายของตัวเองไหลย้อยออกจากปาก

    “ เลอะแล้วน่ะ ” นิ้วใหญ่เกลี่ยเช็ดน้ำเหนียวๆสีชมพูออกจากริมฝีปากบาง สัมผัสนุ่มนิ่มที่นิ้วทำให้รู้สึกแปลกๆอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    “ น้องริทให้น๊า พี่ชายใจดี ” ไอติมที่เยิ้มไปด้วยน้ำเหนียวๆถูกยื่นไปให้ พออีกคนรับไปคนตัวเล็กก็วิ่งออกจากสนามเด็กเล่นกลับไปที่บ้านของตัวเองโดยมีร่างสูงมองตามไปจนลับสายตา

     




     


     

             




     

    “ ไม่เล่นหรอ ? ” คำถามเดิมจากคนๆเดิมทำให้ริทที่กำลังยืนมองชิงช้าที่ถูกเด็กคนอื่นเล่นหันไปมองก่อนจะยิ้มกว้าง

    “ น้องริท รอเล่นชิงช้าาา า ” ทันทีที่พูดจบเด็กคนที่กำลังเล่นชิงช้าอยู่ก็เลิกเล่นพอดี ร่างเล็กออกแรงวิ่งเต็มที่เพื่อไปให้ถึงชิงช้านั้นให้เร็วที่สุด แต่ก็มีเด็กอีกคนวิ่งมาเหมือนกัน

    “ อ๊าา .. ขอน้องริทเล่นน๊า ” เสียงหวานร้องขอในขณะที่เจ้าตัวก็วิ่งเต็มกำลัง เด็กอีกคนก็วิ่งเร็วกว่าเขาเสียเหลือเกิน แต่แล้วชิงช้าที่เด็กน้อยทั้งสองหมายปองนั้นก็ถูกชิงไปหน้าตาเฉยโดยเด็กชายร่างสูงที่เขารู้จักดี

    “ พี่ชายยยย แย่งน้องริทเล่นหรออ !

    “ เปล่า ก็มาจองให้เรานั่นแหละ ขาสั้นอย่างนั้นจะไปวิ่งทันใคร ” คนตัวโตกว่าพูดหยอกๆแต่ดูเหมือนร่างเล็กจะไม่ขำด้วย ใบหน้าที่สลดลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้เขาใจหายวาบ

    “ ใช่ น้องริทมันเตี้ยนี่ ”

    “ เฮ้ย พี่ยังไม่ได้ว่าเลยนะ ล้อเล่นนิดเดียวเอง ”

    “ ........ ” คนตัวเล็กนิ่งเงียบ ใบหน้าหวานพองลมในแก้มแสดงความไม่พอใจ แต่มันกลับดูน่ารักเสียมากกว่า

    “ โอ๋ๆ พี่ชายขอโทษนะครับ ไม่ว่าแล้วๆ มาเล่นชิงช้าดีกว่านะ ” ริทช้อนตาขึ้นมองร่างสูงอย่างเคืองๆแต่ก็ยอมเดินเข้าไปหาแต่โดยดี เขาไม่ได้เห็นแก่เล่นหรอกนะแค่กลัวอีกฝ่ายเสียน้ำใจต่างหาก ขาเล็กเกาะที่นั่งชิงช้าพร้อมกับใช้ขาดันพื้นขึ้นไปแต่ก็ขึ้นนั่งไม่ได้ซักทีจนคนที่มองทนไม่ไหวต้องอุ้มร่างเล็กขึ้นนั่งบนชิงช้า

    “ แกว่งให้หน่อย พี่ชายยย ”

    “ คร๊าบบบ ” คนถูกขอร้องทำตามอย่างไม่อิดออด มือใหญ่จับเชือกชิงช้าแกว่งไปมาช้าๆเนิบนาบก่อนจะเพิ่มแรงให้เร็วขึ้นทีละนิด ร่างเล็กหัวเราะอย่างสนุกสนาน ผมสลวยพลิ้วไปกับลมที่ปะทะใบหน้ายามชิงช้าแกว่งขึ้นลง ใบหน้าหวานดูสดชื่นแจ่มใสจนคนมองถึงกับหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะกับรอยยิ้มนั้น

    กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง

    เสียงกระดิ่งจากรถขายไอติมเจ้าเดิมดังขึ้นเรียกเด็กชายตัวน้อยให้หันไปมองอย่างสนใจ ใจหนึ่งก็อยากกินไอติมแต่ก็ไม่อยากทิ้งชิงช้าไว้เพราะกว่าจะกลับมาอีกทีก็คงโดนแย่งเล่นอีกแน่ๆ คิ้วเล็กขมวดเข้าหากัน ร่างเล็กใช้ความคิดอย่างหนักกับเรื่องเล็กๆตามประสาเด็กอายุหกขวบจนร่างสูงจับสังเกตได้

    “ เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ก็ได้ ”

    “ เดี๋ยวฮะ ” มือเล็กดึงมือร่างสูงไว้พร้อมกับยัดเหรียญห้ากับเหรียญสิบใส่มือ เด็กชายคนโตหัวเราะเบาๆให้กับความน่ารักของคนตัวเล็กก่อนจะเดินตรงไปหารถขายไอติม ชิงช้าที่ไม่มีแรงผลักค่อยๆแกว่งช้าลงเรื่อยๆจนกระทั่งหยุดนิ่ง แต่แล้วอยู่ดีๆมันกลับถูกผลักอย่างแรงจนริทแทบจะหงายหลัง

    “ แบร่ ~ !! ฮ่าๆๆๆ ” เด็กร่างท้วมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขาแล้ววิ่งกลับไปหากลุ่มของตัวเอง เด็กนิสัยไม่ดีกลุ่มเดิมกลับมาแกล้งเขาอีกแล้ว ร่างเล็กพยายามไม่สนใจถ้าไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นตุ๊กตากระต่ายที่อยู่ในมือคนตัวสูงนั่นซะก่อน

    “ คุณกระต่ายย ยย ” ริทกระโดดลงจากชิงช้า วิ่งไปหาเด็กกลุ่มนั้นโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง

    “ เก่งจริงก็มาเอาไปเซ่ ฮ่าๆๆๆ ” เด็กนิสัยไม่ดีวิ่งหนีออกจากสนามเด็กเล่น ไกลออกจากบริเวณที่มีผู้คนเรื่อยๆ ริทยังคงวิ่งตามไปโดยไม่สนใจอะไร ยิ่งวิ่งก็ยิ่งเหนื่อย รอบข้างเริ่มกลายเป็นถนนที่ไม่รู้จัก

    ไฟนีออนจากเสาไฟฟ้าถูกเปิดขึ้นตามข้างทางแทนที่พระอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้า ร่างเล็กวิ่งช้าลงเรื่อยๆตามกำลังที่กำลังจะหมดไป พอเด็กเกเรเห็นว่าเขาเริ่มวิ่งตามไม่ไหวแล้วจึงหยุดหนีแล้วเดินเข้ามาหาแกล้งต่อ

    “ อะไรกัน แค่นี้เอง เหนื่อยแล้วหรอไง ? ” ไม่พูดเปล่าแต่มือหนายังผลักหัวเขาแรงๆจนต้องเซไปข้างหลัง

    “ อย่าแกล้ง น้องริทน๊ะ ” ริทพยายามยกแขนขึ้นมาปัดป้องหัวตัวเองแต่มือหนาก็ยังคงตีลงมาเรื่อยๆ

    “ ไอ้เตี่ยยยยย ! เตี้ยแบบนี้เป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย ” คำพูดสะกิดต่อมโมโหทำให้ร่างเล็กฮึดขึ้นมา เสียงหวานเถียงคนปากเสียตรงหน้าทั้งๆที่ความจริงก็กลัว

    “ น้องริทไม่เตี้ย คุณแม่บอกว่าน้องริทไม่เตี้ยย ”

    “ ไม่เตี้ยหรออ ? ไม่เตี้ยก็มาเอาไอ้นี่คืนไปสิ ! ” คนที่สูงที่สุดในกลุ่มเสริม ตุ๊กตาสุดรักถูกนำมาเป็นเครื่องล่อ

    “ เอาคุณกระต่ายคืนมาน๊า คุณกระต่ายยย ย ” ริทพุ่งตัวเข้าไปหมายจะเอาตุ๊กตาคืนจากร่างสูง แต่ออกตัววิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกเด็กอีกคนใช้มือยันหน้าผากไว้ แขนสั้นๆพยายามดึงแขนอีกฝ่ายออกแต่ก็ไม่สำเร็จ ถ้ามีใครมาเห็นภาพตอนนี้ที่ริทได้แต่วิ่งอยู่กับที่โดยถูกเด็กอีกคนยันไว้คงขำได้ไม่ยาก แต่นี่มันไม่ขำสำหรับร่างเล็กเลย

    “ เอาเพื่อนริทคืนมาาา ฮืออ ริทไม่มีเพื่อนแล้วว ว ” เด็กชายเริ่มร้องไห้ออกมา เขามีตุ๊กตาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เพราะมันไม่เคยแกล้งเขา มันไม่เคยว่าเขา มันไม่เคยหยุดยิ้มให้เขาถึงแม้ว่าเขาจะชอบดึงหูมันก็ตาม

    “ เตี้ยแล้วยังติดตุ๊กตาอีก ฮ่าๆๆ ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ยยยย ! ” เสียงล้อยังคงดังขึ้นไม่หยุด ร่างเล็กหลับตาร้องไห้ออกมา เสียงสะอื้นดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ในขณะที่ฝนเริ่มปรอยลงมา จากทีละหยดสองหยดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเนื้อตัวเปียกปอน แต่เด็กนิสัยไม่ได้ก็ยังคงรุมแกล้งเขาต่อไป

     

    พลั่ก !
     

    เสียงดังทำให้ริทลืมตาขึ้นมองภาพข้างหน้า พี่ชายใจดีคนนั้นยืนคร่อมเด็กเกเรคนนึงที่ลงไปกองอยู่กับพื้นเพราะโดนหมัดหนักๆเข้าไปเต็มๆ ไอติมสีชมพูของเขาถูกทิ้งอยู่ข้างๆ แต่ร่างเล็กไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่นัก

    “ พี่ชายยย คุณกระต่ายย ” ร่างสูงมองตามนิ้งที่เขาชี้ไปก่อนจะวิ่งไปหาเด็กที่เป็นคนถือตุ๊กตานั้นอยู่ ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรแค่ง้างกำปั้นขึ้นคนที่เก่งแต่แกล้งคนอ่อนแอกว่าก็รีบปล่อยตุ๊กตาลงกับพื้นแล้ววิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต

    “ อ่ะนี่ .. ไปหาที่หลบฝนกันก่อนเถอะ ” ตุ๊กตากระต่ายในสภาพที่ดำเลอะเทอะถูกยืนมาให้แต่ริทก็รับมันมากอดอย่างดีใจ ร่างสูงถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเหลือแต่เสื้อยืดธรรมดาแล้วใช้มันบังฝนให้เขาก่อนทั้งคู่จะรีบวิ่งไปหาที่บังฝนที่ใกล้ที่สุด

    ร่างสูงค่อยๆย่อตัวเข้าไปใต้โต๊ะอย่างยากลำบากต่างกับอีกคนที่ตัวเล็กและเข้าไปได้อย่างสบายๆ โต๊ะหินอ่อนถูกใช้เป็นที่บังฝนชั่วคราวสำหรับเด็กสองคนกับตุ๊กตาอีกหนึ่งตัว ริทหดตัวกอดเพื่อนรักแน่นเพราะอากาศชื้นแชะทำให้เริ่มรู้สึกหนาว ร่างเล็กทั้งสั่นเพราะแรงสะอื้นและเพราะความหนาว เสียงร้องไห้ยังคงดังขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง

    “ โอ๋ๆ ไม่ร้องไห้นะครับ ร้องไห้แล้วไม่น่ารักเลย ” คนเป็นพี่พูดปลอบ นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาใสที่ไหลอาบแก้ม

    “ น้องริทไม่น่ารัก ฮืออ คุณพ่อไม่รักน้องริท ฮึก เพราะน้องริทเตี้ยใช่ไม๊พี่ชายย คุณพ่อไม่รัก ฮึก เพราะน้องริทเตี้ยใช่ไม๊ ฮืออออ อ ” ความรู้สึกน้อยใจถูกระบายออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้น ริทก้มหน้าลงซุกกับตุ๊กตากระต่ายตัวดำจนหน้าตาตัวเองเปรอะเปื้อน

    “ ไม่จริงหรอก น้องริทไม่เตี้ยซะหน่อย ตัวเล็กต่างหาก ”

    “ ฮึก .. ตัวเล็ก หรอ ? ” หน้าหวานเงยขึ้นมาสบตาร่างสูง ตากลมใสที่คลอไปด้วยน้ำตามองอย่างรอคำตอบ พี่ชายยกยิ้มบางๆมือใหญ่เกลี่ยปอยผมขึ้นทัดหู

    “ อื้ม น้องริทตัวเล็กนะ น่ารักจะตาย ”

    “ คุณพ่อก็รักน้องริทใช่ไม๊ น้องริทตัวเล็กแล้วคุณพ่อจะรักไม๊ ” เสียงสะอื้นเริ่มหายไปเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มน่ารัก

    “ รักสิ ใครๆก็รักน้องริทนะ ” มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบผมที่เปียกชื้นของร่างเล็กอย่างเอ็นดู

    “ ถ้างั้นทำไมน้องริทถึงโดนแกล้งล่ะ ?

    “ เพราะน้องริทตัวเล็กไงคนอื่นก็เลยอิจฉา เพราะงั้นน้องริทต้องสู้เค้านะ ต่อยมันเลย มันทำเรานะ ” ร่างสูงยกกำปั้นขึ้นต่อยอากาศเป็นการสาธิต

    “ พี่ชายต่อยให้น้องริทน๊า ต่อยมันเล๊ยย ต่อยให้น้องริท ”

    “ แล้วถ้าวันนึงพี่ชายไม่อยู่ล่ะ ถ้าวันนั้นเราโดนแกล้งจะทำยังไง ? ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ริทหยุดคิดอยู่ซักพักก่อนจะตอบ

    “ พี่ชายจะอยู่น๊า พี่ชายจะอยู่กับตัวเล็กตลอดไป ” แขนเล็กดึงคอร่างสูงเข้ามากอดแน่นโดยมีตุ๊กตาตัวใหญ่คั่นอยู่ตรงกลาง

    “ น้องริท พี่ .. ”

    “ เรียกว่าตัวเล็ก ตัวเล็กชอบให้เรียกว่าตัวเล็กน๊า ” ประโยควนๆจากเด็กน้อยซื่อๆทำให้คนเป็นพี่หลุดขำออกมา

    “ อื้ม .. ตัวเล็ก ”

     



     



     







     

    “ อื้ออ ” เสียงครางจากร่างเล็กที่สะลึมสะลือตื่นขึ้นจากห้วงนิทราที่ยาวนาน ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวร้อนอึดอัดข้างในร่างกายจนต้องร้องเรียกหาคนเป็นแม่

    “ คุณแม่ ตัวเล็กร้อนจังงง ” ทันทีที่ส่งเสียงเรียกหญิงสาวที่กำลังทำข้าวต้มอยู่ในครัวก็รีบวิ่งมาดูอาการลูกชายอย่างรวดเร็ว

    “ คุณคะตาริทตื่นแล้ว ! เป็นยังไงบ้าง หลับไปตั้งวันนึงคุณแม่เป็นห่วงมากเลยรู้ไม๊ ? ” มือบางแนบกับหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ คนเป็นพ่อละจากการทำงานวิ่งมาดูอาการลูกรักแทบจะในทันที

    “ น้องริทอย่าแอบออกไปข้างนอกอีกนะ พ่อเป็นห่วงเรานะรู้ไม๊ คราวหลังอยากไปไหนบอกพ่อ พ่อจะพาไป ” เสียงทุ้มที่ฟังดูนุ่มนวลพูดขึ้นบ้าง ริทถึงกับยิ้มอย่างดีใจที่พ่อพูดกับตนแบบนี้ เขานึกว่าพ่อจะโกรธที่เขาแอบหนีออกไปแล้วดุซะอีก ร่างเล็กดึงตุ๊กตากระต่ายที่ถูกนำไปซักจนใหม่เอี่ยมเหมือนเดิมเข้ามากอด ซุกหน้าสูดกลิ่นน้ำยาซักผ้าที่ยังหลงเหลืออยู่

    “ ถ้าพี่ชายคนนั้นไม่อุ้มน้องริทมาส่งบ้านป่านนี้จะเป็นยังไงฮึ ดีนะแค่ไข้ขึ้น คราวหลังไม่เอาอีกแล้วนะจ๊ะ ” หญิงสาวพูดเสริม ตอนนั้นเธอแทบทำอะไรไม่ถูกที่อยู่ดีๆมีเด็กผู้ชายอุ้มลูกตัวเองที่หมดสติในสภาพเปียกฝนขนาดนั้นมาส่งที่บ้าน โชคดีที่สามีเธอรีบพาริทไปส่งโรงพยาบาลได้ทัน ไม่งั้นหมอบอกว่าถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้อาจจะเป็นปอดบวม

    “ พี่ชายยย พี่ชายใจดี ตัวเล็กชอบเล่นกับพี่ชายฮะ ”

    “ เอ่อ .. น้องริท พี่ชายกับครอบครัวเค้าจะย้ายไปที่อื่นวันนี้แล้วนะจ๊ะ น้องริทต้องเล่นกับเพื่อนคนอื่นบ้างนะ จะเล่นกับพี่ชายคนเดียวไม่ได้หรอก ” พูดด้วยน้ำเสียงกังวล จริงๆแล้วมันยากมากที่จะเห็นลูกชายตัวน้อยติดใครแบบนี้ ปกติริทจะชอบเล่นอยู่คนเดียวกับตุ๊กตาเสียมากกว่า

    “ ไม่เอาน๊า พี่ชายจะอยู่กับตัวเล็กสิ พ่อฮะ พาตัวเล็กไปหาพี่ชายหน่อยย ” ร่างเล็กที่เพิ่งตื่นมาได้ไม่นานเริ่มงอแง

    “ แต่ว่าน้องริทยังมีไข้อยู่นะ ”

    “ นะ แล้วริทจะยอมกินผักน๊า พาริทไปหาพี่ชายย ย ” ริทยื่นข้อเสนอที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ขึ้นมา ชายหนุ่มหันไปมองหน้าภรรยาอย่างขอความเห็นก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างเล็กขึ้นมาจากเตียงแล้วเดินไปสตาร์ทรถ

     











     

    รถยนต์สีครีมอ่อนจอดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ภายในบ้านว่างเปล่าข้าวของถูกย้ายออกไปหมด ไม่มีเหลือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ซักชิ้น

    “ สงสัยจะไม่ทันแล้วล่ะ เค้าคงไปกันแล้วมั้งน้องริท ” ร่างสูงหันไปพูดกับเด็กชายที่นั่งอยู่เบาะหลังกับภรรยา ริทได้ยินอย่างนั้นเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นรถสีดำคันหนึ่งที่กำลังขับออกไปเสียก่อน เขารีบรุดเปิดประตูแล้วกระโดดลงจากรถอย่างรวดเร็วจนคนเป็นแม่ห้ามไว้ไม่ทัน ขาเล็กวิ่งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เคยวิ่งมาในชีวิตแต่ระยะห่างก็ยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    “ พี่ชายยยย รอตัวเล็กก่อนน น ” เสียงหวานตะโกนดังที่สุดเท่าที่จะดังได้แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครในรถคันนั้นได้ยิน รถเก๋งยังคงแล่นห่างออกไปเรื่อยๆจนกระทั่งลับสายตา ริทหมดแรงลงไปกองกับพื้นกอดตุ๊กตาที่อุ้มมาด้วยแน่นก่อนจะระเบิดเสียงโฮออกมาชนิดที่เรียกว่าได้ยินกันทั่วทั้งหมู่บ้าน

    “ ฮืออออออออออ ~ ! พี่ชายยย ย  ฮือออ ” เขาหลับตาร้องไห้อย่างหนักราวกับชีวิตนี้ไม่เคยเศร้าอะไรอย่างนี้มาก่อน

    “ ร้องไห้อีกแล้วนะตัวเล็ก ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างๆหูทำให้ร่างเล็กลืมตาขึ้นมอง แล้วเสียงร้องไห้ก็หยุดลงทันทียังกับกดปุ่มสต๊อป

    “ พี่ชายยย !

    “ วิ่งตามรถมั่วเลยนะเราเนี่ย พี่ยังเก็บของอยู่ในสวนอยู่เลย ” มือหนาขยี้เรือนผมสีดำเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ภาพที่คนตัวเล็กวิ่งตามรถของใครก็ไม่รู้แถมยังตะโกนเรียกเขาซะเสียงดังทำให้ไม่รู้จะสงสารหรือจะขำดี

    “ พี่ชายอย่าทิ้งตัวเล็กน๊า อย่าไปไหน ” พูดอ้อนพร้อมกับดึงมือใหญ่มากุมแน่น

    “ ไม่ได้หรอกครับ พี่ชายต้องไปจริงๆ ” เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบแต่จริงจัง

    “ ........... ” ใบหน้าหวานสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ปากเล็กยื่นเชิดออกมาอย่างน้อยใจ

    “ แต่ถ้าตัวเล็กเป็นเด็กดี ไม่ดื้อกับคุณพ่อคุณแม่ แล้วก็ไม่ร้องไห้อีก พี่ชายจะกลับมาหานะ ” จบประโยคตากลมก็ช้อนขึ้นมองเขาอย่างดีใจ หัวกลมพยักหน้ารัวๆจนคนมองมึนหัวแทน

    “ ตัวเล็กสัญญา พี่ชายต้องกลับมาน๊า ”

    “ ได้เลยครับ ! ” ร่างสูงขยี้ผมนุ่มเบาๆเป็นครั้งสุดท้าย

    “ ตาโน่ ไปกันได้แล้วลูก ”

    “ ครับม๊า พี่ไปแล้วนะตัวเล็ก ” หันไปพูดกับคนเป็นแม่ก่อนจะหันมาร่ำลาเด็กน้อยน่ารักที่มองมาด้วยสายตาอาลัยอาวรจนแทบจะใจอ่อน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตนไม่ได้มีสิทธิเลือกมากนัก ร่างสูงกำลังจะหันหลังกลับไปขึ้นรถแต่ก็ถูกดึงไว้ซะก่อน

    “ พี่ชายยย เอาคุณกระต่ายไปด้วยน๊า จะได้ไม่ลืมตัวเล็ก ” ตุ๊กตาตัวใหญ่พอๆกับเจ้าของถูกยื่นมาให้

    “ แต่คุณกระต่ายเป็นเพื่อนคนสำคัญของตัวเล็กนี่ ไม่มีคุณกระต่ายแล้วจะไม่เหงาหรอ ?

    “ ไม่เหงาแล้ว ต่อไปนี้ตัวเล็กจะเล่นกับเด็กคนอื่น ” ร่างเล็กพูดอย่างไม่ลังเล

    “ อื้ม ขอบใจนะตัวเล็ก ” พูดก่อนจะก้มตัวลงไปหอมหน้าผากคนตรงหน้าทีนึง เล่นเอาใบหน้าหวานแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุก ซึ่งนั้นก็ทำให้คนที่ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรถึงกับต้องเขินบ้าง ริทยกมือบ๊ายบายร่างสูงตลอดตั้งแต่อีกฝ่ายเดินขึ้นรถจนกระทั่งรถแล่นลับสายตาไปจึงเอามือลง เขาเงยหน้าขึ้นมองพ่อแม่ที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆก่อนจะยิ้มอย่างมีความสุข






     


     

     




     

    “ เอาล่ะเด็กๆ วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเทอม ทำความรู้จักกับเพื่อนๆไว้นะจ๊ะ ” เสียงคุณครูสาวใจดีตะโกนบอกเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ในสวนของโรงเรียนอย่างสนุกสนาน ร่างเล็กที่เพิ่งจูบร่ำลากับพ่อแม่เดินเข้ามาในโรงเรียนอย่างตื่นเต้นกับการเริ่มต้นครั้งใหม่

    “ นี่เธอ .. เอ่อ นาย เอ๊ะ นี่ผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ? ” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ริทที่กำลังมองภาพตรงหน้าเหลียวหลังไปมอง เด็กชายร่างสูงคนหนึ่งที่อายุพอๆกับเขา ผิวสีแทนเข้มตัดกับฟันขาวสะอาดตา แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นเด็กที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง

    “ ริทเป็นผู้ชายย ” เสียงใสเอ่ยเจือยแจ้วอย่างเป็นมิตร ยิ้มน่ารักถูกส่งไปให้

    “ เราชื่อกัน นายเป็นผู้ชายจริงหรือเปล่าเนี่ย ? ทำไมเตี้ยจัง ”

    “ ริทไม่เตี้ย ริทตัวเล็กน๊า ”

     


     

              End.

     








     

             

     

              TALK ;}

              ถึงจะการบ้านเยอะอย่างไรเราก็ไม่ลืมวันเกิดริทนะ

              เรื่องนี้ถือว่าอัพเนื่องในวันเกิดริท

              เหมือนเป็นที่มาของคำว่า ตัวเล็ก อ่ะนะ

              ก็ถือว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องโรบอทบอยนะ 555 นิดหน่อยๆ

              พยายามแต่งให้ออกมาน่ารัก แต่ไม่รู้จะเห็นด้วยกันหรือเปล่า 5555
     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×