คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 11,,* การพบกัน
CHAPTER 11,,*
ทันทีที่ก้าวลงมาจากรถเมล์ ขาเล็กก็ออกแรงวิ่งเต็มที่เพื่อไปมหาลัยให้ทันเรียนคาบแรก นึกโทษนาฬิกาปลุกเจ้ากรรมที่ดันมาเสียเอาวันนี้ คาบแรกวิชาของเจ็โหดซะด้วย เมื่อวานนับว่าโชคดีที่โดนแค่ทำโทษเล็กๆน้อยๆ แต่วันนี้คงไม่โชคดีเหมือนเมื่อวานแน่ๆ
ริทชะลอความเร็วลงเล็กน้อยเมื่อเห็นรั้วมหาลัยอยู่ไม่ไกล เล็กซัสคันงามที่จำได้แม่นว่าเป็นของเก่งเลี้ยวเข้ามหาวิทยาลัยก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งไปถึงไม่นานนัก เก่งก้าวลงจากรถด้วยอาการเร่งรีบไม่แพ้เขา กำลังจะส่งเสียงทักแต่ประตูฝั่งข้างคนขับก็ถูกเปิดออกพร้อมกับคนๆนึงที่ก้างออกมาจากรถ
ทำไมเซนกับพี่เก่งถึงมาด้วยกันนะ?
ริทเปลี่ยนใจค่อยๆวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ในบริเวณนั้นที่พอจะเป็นที่ซ่อนตัวให้เขาได้ เงี่ยหูรอฟังบทสนทนาที่กำลังจะเริ่มขึ้น
“ ขอโทษนะครับ เป็นเพราะผมตื่นสาย ทำให้พี่ต้องมาสายกับผมไปด้วย คราวหน้าไม่ต้องรอก็ได้ครับ เดี๋ยวผมนั่งรถเมล์มาเอง ”
“ ไม่เป็นไรหรอก ก็นายไม่สบายนี่ ” เก่งพูดก่อนจะละสายตาไปกดรีโมทล็อครถคันโปรดแล้วจึงกลับมามองที่คู่สนทนาอย่างเดิม
“ ขอบคุณนะครับที่รอผม ” เซนยกมือขึ้นไหว้ ร่างสูงเห็นอย่างนั้นก็รีบปัดมืออีกฝ่ายลงอย่างรวดเร็ว
“ เห้ย ! มาวงมาไหว้อะไร พี่บอกแล้วไงว่าให้นับถือกันเป็นพี่เป็นน้อง ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ”
“ อ่า .. ครับ ” หน้าหวานพยักน้อยๆ เก่งข้อมือขึ้นมาดูเวลาที่นาฬิกาเรือนสวย
“ รีบเข้าเรียนเถอะ นี่ก็สายมาแล้ว ตอนเย็นเจอกันนะ ” จบประโยคทั้งสองคนก็แยกย้ายไปคนละทาง ริทมองรอบๆตัว เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้วจึงก้าวออกมาจากที่ซ่อนตัว
สองคนนั้นไปรู้จักกันตอนไหนนะ?
แถมยังพูดเหมือนอยู่ด้วยกันอีก ..
“ แอบฟังคนอื่นเค้าคุยกันแบบนี้มันจะดีหรอครับ ? ” เสียงหนึ่งดังลอยมาจากที่ไหนซักแห่ง ริทหันซ้ายหันขวาแต่ก็ไม่เห็นใคร
หรือว่า ผะ .. ผีหลอก ! บ้าน่า นี่มันกลางวันแสกๆนะ (สายตะหากโว่ย - - / ไรเตอร์)
“ ฉันอยู่ข้างบนนี่ เงยหน้าสิ ” เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นตามที่เสียงสั่ง ใจหนึ่งก็หวั่นๆว่าจะเป็นผีสางนางไม้ อีกใจก็อยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงนี่กันแน่ แต่ภาพที่เห็นก็หยุดความคิดทั้งหมดทั้งมวลของเขาไว้แค่นั้นก่อนจะอ้าปากค้าง
ชายร่างสูงเพรียวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ ขาข้างหนึ่งยกขึ้นกอดเข่าส่วนอีกข้างห้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วง จมูกโด่งเป็นสันรับกับรูปปากสวย ใบหน้าเรียวได้รูปถูกล้อมรอบด้วยผมซอยสีน้ำตาลเข้มที่จัดทรงมาอย่างดี ผิวพรรณขาวเนียนทำให้ดูโด่ดเด่น แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปได้คือดวงตามีเสน่ห์ที่จ้องมองมาราวกับกำลังร่ายมนต์สะกด
ริทได้สติอีกครั้งเมื่อร่างสูงกระโดดจากกิ่งไม้ลงมายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“ ฮะๆ เลิกทำหน้าตลกอย่างนั้นได้แล้ว ชื่ออะไรหรอครับ ? ”
“ อ่ะ .. เอ่อ ผมชื่อริทฮะ ” ริทตอบคำถามขณะที่สายตาก็มองไปที่ชุดที่อีกฝ่ายใส่อย่างสงสัย
“ พี่ชื่อรุจนะ อยู่ปีสาม เพิ่งย้ายเข้ามาวันนี้แต่หาตึกศิลป์ไม่เจอน่ะ ” ร่างสูงแนะนำตัวเอง
มิน่าล่ะ ใส่ชุดมหาลัยเราแต่ไม่ยักกะเคยเห็น หน้าตาดีขนาดนี้ต้องดังแน่ๆอยู่แล้ว
“ รบกวนช่วยพาพี่ไปหน่อยได้ไม๊ ? ”
“ ได้ฮะ ” ริทพยักหน้าหงึกหงังก่อนจะเดินนำหน้าไปโดยมีอีกคนเดินขนาบข้าง เขารู้สึกว่ากำลังถูกอีกฝ่ายจับจ้องอยู่จึงไม่กล้าหันไปสบสายตา หน้าหวานมองตรงแต่ทางข้างหน้าโดยที่ไม่ปริปากพูดอะไร
“ นายนี่ตัวเล็กจัง ถ้าให้เดาคงอยู่ปีหนึ่งสินะ? ”
“ ฮะ ” เขาตอบโดยไม่ได้หันไปมอง
“ แล้วอยู่คณะอะไรหรอ ? ” คราวนี้รุจเร่งฝีเท้า พยายามจะเดินให้ล้ำหน้าเขาเล็กน้อยเพื่อจะสบตา
“ แพทย์ฮะ ” ริทหันหน้าหนีเล็กน้อย เริ่มรู้สึกร้อนๆที่ใบหูก่อนที่ความรู้สึกจะลามไปทั่วใบหน้า ตอนนั้นเองรุจเดินให้เร็วขึ้นก่อนจะหันมาขวางหน้าเขา
“ มิน่าล่ะตาคล้ำๆ อ่านหนังสือจนดึกสิท่า ? ” ริทไม่ทันได้ระวังก็ชนกับร่างตรงหน้าอย่างจัง ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองร่างที่สูงกว่าด้วยความลืมตัว
เหวออ ~ คนอะไรฟะ ทำไมถึงหล่อไม่มีที่ติอย่างนี้ !
นีมันรูปปั้นเดินได้ชัดๆ
“ ว่าไง ? ” เสียงของรุจดึงเขาให้หลุดออกจากภวังค์อีกครั้ง พอรู้ตัวริทก็รีบก้มหน้าอย่างรวดเร็ว ร่างสูงหลีกทางให้เขาก่อนจะผายมือไปข้างหน้าเป็นการบอกให้เดิน
“ อ่า .. เอ่อ .. เปล่าหรอกฮะ พอดีเมื่อคืนมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย ” จบประโยคขาเล็กก็ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง ไม่เข้าใจอารมณ์คนๆนี้เลย คิดจะหยุดก็หยุด คิดจะเดินก็เดิน
“ เรื่องแฟนหรอ ? ”
“ เปล่าฮะ ผมยังไม่มีแฟนซะหน่อย ”
“ ค่อยยังชั่ว ” เสียงทุ้มพูดกับตัวเองเบาๆ ซึ่งริทก็ไม่ได้ใส่ใจจะฟังมากนัก
“ ถึงแล้วฮะ ตึกนี้แหละ ” เท้าเล็กหยุดเดินพร้อมๆกับที่ยกมือขึ้นชี้ตึกข้างหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะชี้ทำไมในเมื่อตรงนี้ก็มีตึกอยู่ตึกเดียว
“ ขอบใจนะ ริท ”
“ ไม่เป็นไรฮะ ” ริทยิ้มแป้นแบบเด็กๆไปให้ ซึ่งอีกคนก็ยิ้มตอบตามมารยาท เขามองตามร่างสูงที่เดินขึ้นตึกไป เหมือนว่ารุจจะรู้ตัวจึงหันมาขยิบตาให้เขาใจเต้นเล่นเป็นการส่งท้าย
----------------------------------------------------------------
อ๊อด ~
พอเสียงออดดังบอกหมดเวลาเรียน เสียงคุยกันของนักศึกษาก็ดังขึ้นแทน กันเดินฝ่าวงเมาท์ของเพื่อนๆออกมาจากห้องเรียนก่อนจะเห็นคนที่กำลังตามหายืนพิงกำแพงข้างประตูอยู่
“ หายหัวไปไหนมาทั้งคาบเนี่ยมึง? โทรไปก็ไม่รับ มือถือมีไว้ปาหัวหมาเล่นหรอห้ะ!? ”
“ กูมาสายโว่ย กลัวโดนเจ๊โหดด่าก็เลยโดดซะ ส่วนมือถืออ่ะกูลืมไว้ที่ห้อง แล้วมือถือกูก็ไม่ได้มีไว้ปาหัวหมา ถ้าจะปาหัวใครซักคนก็คงจะเป็นหัวมึงนั่นแหละ! ” ทั้งสองคนเริ่มสงครามน้ำลายทันทีเมื่อเจอหน้ากัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
“ ฮ่าๆๆๆ ไอ้โง่ คาบนี้จารย์ไม่เข้าว่ะ เสียแรงโดดฟรีแล้วล่ะ แทนที่จะได้นั่งแช่แอร์เย็นๆ ” เขาหัวเราะอย่างสะใจ
“ แล้วทำไมมึงไม่โทรบอกกูห้ะ !? ”
“ เอ้า ! ก็โทรแล้วไง ก็มึงบอกกูเองเมื่อกี้ว่าลืมมือถือไว้ที่ห้อง ” กันนึกขำ เมื่อกี้ตัวเองเพิ่งจะพูดอยู่แท้ๆ ผ่านไปไม่ถึงนาทีก็ลืมซะแล้ว นี่เขามีเพื่อนปัญญาอ่อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“ เออว่ะ ลืม ” ริทยิ้มแห้งๆให้กับความหน้าแตกของตัวเองก่อนจะเดินเข้าห้องเรียน เขาจึงดึงแขนไว้
“ จะไปไหน ? ”
“ ก็ไปนั่งที่โต๊ะไง คงไปขี้หลังห้องมั้งคร๊าบบบ ” น้ำเสียงยียวนกวนเบื้องล่างที่ส่งมาทำเขาเหนื่อยใจจนต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ แล้วจึงพูดประโยคต่อไปที่ทำให้ริทหน้าแตกซ้ำสอง
“ งั้นเชิญคุณเพื่อนไปขี้หลังห้องให้สบายตูดเถอะครับ ส่วนกระผมกับเพื่อนทั้งห้องจะไปอีกห้อง พอดีว่าคาบต่อไปมันต้องย้ายห้องน่ะขอรับ ! .. ไอ้ฟาย ”
“ อ้าวหรอ ? แหะๆ หน้าแตกเลยอ่า ” กันมองเพื่อนตัวเล็กที่เอาปลายนิ้วชี้มาจิ้มๆกันแก้เขินด้วยความหมั่นไส้
“ เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว มันไม่ได้น่ารักซักนิด ! ไปกันเหอะ ” ถึงจะพูดไปว่าไม่น่ารักแต่ความจริงเขาไม่ได้คิดแบบนั้น ริทดูน่ารักมากสำหรับเขา ยิ่งเวลาที่ทำท่าทางเด็กๆแบบนี้
“ เชอะ ! ” ร่างเล็กสะบัดหน้าพอเป็นพิธีก่อนจะเริ่มออกเดิน
“ นี่เมื่อคืนมึงได้นอนป่ะเนี่ย ตาคล้ำเป็นหมาเลยว่ะ ฮ่าๆๆ ” เขาถามเมื่อเพิ่งสังเกตุเห็นรอยคล้ำรอบดวงตา
“ หมาอะไรของมึง? ” ริทถามด้วยความไม่เข้าใจ ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่เขาคาดไว้
“ หมาแพนดี้ หมีแพนด้าไง ฮ่ะๆ ฮ่าๆๆๆ ” กันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างภูมิใจกับมุขของตัวเองเต็มที่
“ .......... ” ริทหยุดเดินอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ เป็นไรวะ? ”
“ จะสงบนิ่งไว้อาลัยให้มุขกากๆของมึงห้าวิ ” ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังสุดชีวิต
5 ... 4 ... 3 ... 2 ... 1
“ โอเค ไปกันเหอะ ” แล้วริทก็เดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ โห มุขมึงเด็ดสะระตี่มาก มุขกูดับเลยอ่ะ แล้วตกลงจะตอบกูได้ยังว่าทำไมตามึงเป็นงี้ ? นอนดึกหรอ ? ” ท้ายประโยคน้ำเสียงแสดงออกถึงความเป็นห่วงโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว
“ ก็มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยอ่ะ เอ่อ .. กัน ที่จริงมันมีเรื่องที่กูยังไม่ได้บอกมึงอ่ะ ” สีหน้าริทดูซีเรียสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนเขาเริ่มอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนขี้เล่นของเขาจริงจังได้ขนาดนี้
“ ? ”
“ คือว่า วันนั้น ... ” ร่างเล็กเริ่มเล่าตั้งแต่ที่มีกล่องมาส่งให้ที่ห้อง เรื่องต่างๆมากมายถูกบอกเล่าผ่านลมปาก เขาตั้งใจฟังทุกคำพูดของอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้โต้ตอบอะไรเลย ริทเล่าจนถึงเรื่องเมื่อวานประจวบกับที่ทั้งคู่เดินมาถึงห้องพอดี
“ พี่เก่งก็รู้เรื่องนี้แล้วหรอ? ” กันถามหลังจากที่เอาแต่ฟังอยู่นาน
“ อื้ม ก็ตั้งแต่วันแรกที่ .. ”
“ เออดี คราวหลังมึงมีเรื่องอะไรก็บอกกูคนสุดท้ายแล้วกัน ” เขาพูดขัดก่อนที่จะฟังริทพูดจนจบ น้ำเสียงที่ใช้ฟังดูค่อนข้างรุนแรงจนตัวเองยังตกใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอรู้ว่าคนแรกที่ริทบอกเรื่องราวทั้งหมดไม่ใช่ตัวเอง เขาก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาซะเฉยๆ กันเดินเข้าไปหาที่นั่งในห้องโดยไม่ได้สนใจจะรออีกคน
45%
------------------------------------------------------
“ เอ่อ .. ” เก่งลากเสียงยาวพลางกรอกตามองอาการของเพื่อนรุ่นน้องอีกสองคนอย่างงงๆ คนที่ปกติมักจะหาเรื่องคุยในช่วงพักเที่ยงกลับก้มหน้าก้มตากินโดยไม่โงหัวขึ้นมาสบตาใครส่วนอีกคนที่ปกติจะกระซวกอาหารตรงหน้าด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยกลับเอาช้อนเขี่ยข้าวในจานไปมา ส่วนสายตาก็มองไปยังเพื่อนอีกคนอย่างรู้สึกผิด
“ นี่ทะเลาะกันหรอ ? ” ในที่สุดเขาก็ถามออกมาหลังจากสังเกตุท่าทีแปลกนี้ได้ซักพัก กันยังคงซู้ดเส้นก๋วยเตี๋ยวในชามแข่งกับเสียงจอแจของคนในโรงอาหารเหมือนไม่ได้ยินอะไร หน้าขาวจึงหันไปหาอีกคนอย่างขอคำตอบ ซึ่งริทก็พยักหน้าช้าๆ
“ เห้อ ~ กูว่ากูพอจะเดาได้นะว่าเรื่องอะไร .. ไอ้เตี้ยนี่ไม่ได้บอกแกเรื่องเจ้าหุ่นยนต์นั่นสินะ? ” กันชะงักเล็กน้อยที่ได้ยินเรื่องหุ่นยนต์ แต่ก็รีบใช้ตะเกียบคีบเส้นเข้าปากต่ออย่างไม่สนใจ เก่งสายหัวน้อยๆกับเพื่อนซี้สองคนนี้ที่งอนกันเป็นเด็กๆ
“ กัน กูขอโทษนะ กูจะไม่ทำอีกแล้ว คราวหลังมีอะไรกูจะบอกมึงคนแรกเลย นะ ดีกั .. ”
“ ริท !! ระวังข้างหลัง !! ” เก่งร้องเตือนอย่างตกใจเมื่อเห็นอะไรบางอย่างกำลังพุ่งมาทางริทจากด้านหลัง ร่างเล็กทำหน้าเหวอใส่เขาอย่างไม่เข้าใจความหมาย มือขาวเอื้อมไปดันหัวเล็กไปด้านข้างก่อนที่วัตถุชิ้นนั้นจะกระแทกลงบนมือเขาแทน
“ เห้ย !! พี่เก่ง ! เป็นอะไรหรือเปล่า ? ” ริทรีบดึงมือที่อาบไปด้วยเลือดของเขาไปดู คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างอุทานอย่างตกใจ จนเขาทั้งสามกลายเป็นจุดสนใจในโรงอาหาร กันลุกขึ้นยืนก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“ ใครเล่นบ้าอะไรวะ !? ถ้าโดนหัวคนขึ้นมาจะทำยังไง !! ”
“ ใจเย็นน่ามึง นั่งลงเหอะ ” เขาปรามเพื่อน คนในโรงอาหารเยอะแยะขนาดนี้จะไปรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นคนทำ ไม่แน่บางทีอาจจะเป็นนักเลงที่เขาไปมีเรื่องด้วยเมื่อวาน
“ ไปทำแผลที่ห้องพยาบาลเถอะพี่เก่ง แผลใหญ่ไม่ใช่เล่นเลยนะ ” ริทพูดอย่างเป็นห่วง
“ อื้ม ”
ทั้งสามคนเดินออกจากโรงอาหารโดยที่ทุกคนต่างก็แหวกทางให้อย่างเห็นใจ เลือดที่ไหลไม่หยุดหยดจากมือลงบนพื้นทำให้ดูสยองไม่ใช่น้อย
“ โอ๊ยยย ~ เจ็บชะมัด !! ” ทันทีที่พ้นสายตาของผู้คน เก่งก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บ คุณหนูอย่างเขา นอกจากที่โดนชกเมื่อวานแล้ว แค่มีดบาดยังไม่เคยเลยด้วยซ้ำ
“ แหมๆ ตอนทีสาวๆมองนี่เก๊กเท่ห์ทำเป็นไม่เจ็บ พอไม่มีสาวๆหน่อยล่ะทำเป็นบ่น หมั่นไส้นัก ” ร่างเล็กพูดแขวะ
“ นี่มึงพูดกับผู้มีพระคุณอย่างนี้หรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะกูยอมเสียสละมือขาวๆของกูไปผลักหัวมึง ป่านนี้กะโหลก ฟอราเมน แมกนัม มึงร้าวไปแล้ว ! ”
“ โหยย ไม่ต้องมาวิชาการใส่เลย แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะพี่เก่ง ไม่งั้นหัวผมคงแตกไปแล้วจริงๆ ” ริทขอบคุณอย่างจริงใจ ความสุภาพถูกเพิ่มเข้าไปในประโยคด้วยสรรพนามแทนตัวที่ฟังดูน่าอภิรมย์มากกว่าเดิม
“ ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ ขอค่าทำขวัญห้าร้อยก็พอ ”
“ นี่เห็นแก่ความดีความชอบของพี่หรอกนะ วันนี้ยอมไม่เถียงวันนึง ! ”
“ โอยย เมื่อไหร่จะถึงห้องพยาบาลเนี่ย? ” เก่งบ่นออดแอด เขาใช้มือกดปากแผลให้แรงขึ้นเมื่อเห็นว่าเลือดไม่ยอมหยุดไหลเสียที กันยังคงเดินตามหลังเขาสองคนมาอย่างเงียบๆ ท่าทางที่ไม่เคยเห็นแบบนี้ทำให้เขาแอบคิดว่าทำไมเรื่องแค่นี้จะต้องงอนกันเป็นตุ๊ดไปได้
“ ไหวไม๊เนี่ยพี่เก่ง ทนอีกนิดนะใกล้ถึงละ ”
“ อื้อ .. เอ๊ะ นี่เมื่อคืนไม่ได้นอนหรอวะเนี่ย ตาดำเป็นหมีแพนด้าเชียว ” เก่งเอ่ยทักเมื่อเพิ่งสังเกตุเห็นรอยคล้ำที่บริเวณรอบดวงตาของร่างเล็ก ยอมรับว่ารอยคล้ำพวกนี้ไม่ได้ทำให้ความน่ารักของริทลดลงเลยแม้แต่น้อย
“ เอ่อ .. ก็เมื่อวา .. ”
“ เอาแต่คิดเรื่องหุ่นยนต์บ้าๆนั่นกับไอ้โตโน่จนไม่ได้หลับไม่ได้นอนล่ะสิ เหอะ! ในหัวมันก็มีแต่เรื่องพวกนี้นี่ ” กันสวนขึ้นมาทำเอาเก่งสะดุ้งโหยง เขาไม่เคยเห็นกันพูดแบบนี้มาก่อน
“ อย่าเรียกพี่โตโน่ว่าไอ้นะ ! ” ร่างเล็กขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ
“ มึงไม่เคยขึ้นเสียงใส่กู .. ”
“ โอยย ปวดแผลอ่ะริท เดินเร็วๆหน่อยดิ ” เก่งรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ดูจะแย่ลงกว่าเดิม เขาวิ่งเหยาะๆไม่กี่ก้าวก็มาถึงห้องพยาบาลก่อนที่ริทและกันจะตามมาสมทบ
“ โว้ อาจารย์ห้องพยาบาลก็ไม่อยู่อีก มาๆ ผมทำแผลให้ก็ได้ ” ร่างเล็กหยิบอุปกรณ์ทำแผลทั่วๆไปมาวางที่โต๊ะแล้วจับมือเก่งขึ้นมา
“ เดี๋ยวมานะ ” กันพูดสั้นๆก่อนจะเดินออกจากห้องพยาบาลไป
“ เห้อ .. ไอ้กันไม่อยู่ละ เล่าเรื่องที่ทำให้ตามึงเป็นแบบนี้มาดิ๊ ”
“ อ๊ากกกกกก ~! เจ็บโว่ยเจ็บบ ” แล้วเขาก็ได้ฟังเรื่องราวที่อยากรู้ไปพร้อมกับเสียงโหยหวนของตัวเอง
----------------------------------------------------------------------
“ ไม่ไปด้วยกันจริงๆหรอพี่เก่ง? ”
“ อื้อ มึงสองคนก็รีบๆดีกันซะ เพื่อนกันมีอะไรก็พูดกันดีๆ กูไปก่อนนะ ”
“ เออพี่เก่ง เมื่อเช้า .. ” ร่างเล็กหยุดพูดอยู่แค่นั้นพร้อมกับทำหน้าเหมือนกำลังชั่งใจอะไรอยู่
“ เมื่อเช้าอะไร? ”
“ เปล่าๆ ไม่มีอะไร พี่ไปทำธุระของพี่เหอะ บ๊ายบายย ” ริทโบกมือบ๊ายบายก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินไปตามทางโดยที่กันเดินตามมาด้วย
“ มีอะไรปิดบังกูอีกล่ะ? ” ทั้งที่ความจริงก็อยากจะปรับความเข้าใจกับร่างเล็กตรงหน้าแต่ปากหมาๆของเขาก็เผลอพูดจาไม่ดีออกไป
“ กูขอโทด ” ริทพูดเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิด หน้าหวานก้มลงมองเท้าของตัวเองที่ก้าวเดินช้าๆ
“ .......... ” เขามองท่าทางของเพื่อนอย่างรู้สึกผิดไม่แพ้กัน
“ มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้ แต่อย่าโกรธกูเลย ”
“ กูไม่เคยโกรธมึง ก็แค่ .. น้อยใจ ” มือหนาวางลงบนหัวกลมๆของพี่ฝ่ายเบาๆ
“ จริงนะ ? ” ริทหันมาหาเขาอย่างรวดเร็วตั้งแต่ยังพูดไม่จบประโยค
“ อื้อ ”
“ กูขอโทษ กูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว อย่าเป็นแบบนี้อีกนะ อย่าเงียบใส่กูแบบนี้ ให้มึงด่ากูซะยังดีกว่า ตบหัวกูก็ได้ แต่อย่าทำแบบนี้อีกนะ กูขอร้องล่ะ ” ร่างเล็กพูดรัวๆจนฟังแทบไม่ทัน มือสองข้างเขย่าแขนเขาไปมาเป็นเด็กๆ ริทมักจะทำนิสัยเด็กๆแบบนี้กับเขาเสมอจนชินเสียแล้ว
“ อื้มม ! แต่วันนี้มึงต้องพากูไปดูหน้าหุ่นยนต์นั่นนะ อยากเห็นว่าจะเหมือนจริงแค่ไหน? ” กันยื่นข้อเสนอที่ง่ายแสนง่ายให้ แน่นอนว่าอีกคนไม่ปฏิเสธ
“ โอเค! ” คนตัวเล็กพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วก่อนจะหันกลับไปเดินต่อด้วยท่าทางมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด ค่อยสมเป็นริทที่เขาชอบหน่อย
ชอบ .. งั้นหรอ ?
หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อย ทั้งสองก็คุยกันอย่างออกรสออกชาติตลอดทางเพื่อชดเชยที่วันนี้ทั้งวันแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ผลัดกันขุดคุ้ยเรื่องนู่นนี่นั่นสารพัดปัญหาร้อยแปดมาเถียงกันไม่มีเบื่อ ระหว่างที่นั่งรถเมล์นั้น อยู่ดีๆร่างเล็กก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“ เออ ไอ้กัน มึงรู้จักเซนป่ะ? ” ริทเริ่มเปิดประเด็นเรื่องใหม่
“ รู้จักดิ มารหัวใจมึงกับพี่โตโน่ไม่ใช่หรอ? ” เขาพูดไปตามที่รู้ ก็เห็นใครๆเค้าก็ลือกันว่าสองคนนั้นดูสนิทกันเกินเพื่อน
“ หึ .. คนที่เป็นมารหัวใจกูไม่ใช่เซนหรอก ”
“ อ้าว งั้นใครล่ะ? ”
“ ช่างเหอะ มึงไม่รู้จักหรอก เข้าเรื่องของกูดีกว่า ” ริทพูดปัดๆ
“ เออๆ ว่ามา ” กันตั้งใจฟังอย่างจริงจังราวกับกำลังประชุมลับอะไรซักอย่างกันอยู่ ริทมองขำๆก่อนจะเริ่มพูด
“ เมื่อเช้ากูเห็นเซนลงมาจากรถพี่เก่ง ”
“ ห้ะ! จริงดิ? ไอ้พี่เก่งหวงรถนั่นจะตาย รักยังกะลูกในไส้ ” เขาถามอย่างอึ้งๆ จำได้ว่านอกจากพวกเขาแล้ว เก่งไม่เคยให้ใครได้แตะรถคันนั้นเลยซักครั้ง
“ ก็จริงอ่ะดิ ที่จริงกูกะจะบอกมึงตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว จะได้ช่วยกันซักไอ้พี่เก่งมัน แต่โดนมึงโกรธซะก่อนเลยชวดไป ” ริทแบะปากเล็กน้อย พอดีกับรถเมล์จอดลงที่ป้ายพอดี เขากับริทลงที่ป้ายนั้นก่อนจะเดินเข้าไปในซอย
“ พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ละ ต้องรออีกตั้งวันจันทร์กว่าจะได้รู้ เฮ้อ .. ” เขาบ่นอย่างเสียดาย หันไปจะพูดกับคนข้างกายแต่เจ้าตัวกลับหยุดเดินเสียดื้อๆ ตากลมมองไปที่ร้านขายดอกไม้เล็กๆที่ข้างทางอย่างเหม่อลอย
“ ............ ” ริทไม่พูดอะไรต่อ กันได้แต่มองตามสายตาของเพื่อนไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ อยากได้ดอกไม้หรอ? ”
“ ............. ”
“ ไอ้ริท! ”
“ ห้ะ!? อะ อะไรหรอ? ” ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับละสายตาจากร้านดอกไม้มองมาเขาแทน
“ จ้องขนาดนั้นเดี๋ยวดอกไม้ก็เหี่ยวกันพอดี อยากได้รึไง? ” กันถามซ้ำ
“ เปล่าๆ ไปกันเหอะ ” ริทพูดปัดๆก่อนจะเริ่มเดินต่อ
พอมาถึงคอนโด ร่างสูงก็หันมาเร่งอีกคนให้เดินเร็วๆ เพราะเขาอยากจะเห็นหุ่นยนต์ที่เก่งบอกว่าเจ๋งนักเจ๋งหนาเต็มแก่แล้ว แต่ริทก็ไม่สนใจจะฟังคำเร่ง ยังคงเดินชมนกชมไม้ต่อไปอย่างสบายใจ
“ มาเปิดประตูเร็วๆเลยไอ้เตี้ย ! ” กันพูดเสียงดังอย่างตื่นเต้นเมื่อมาถึงหน้าห้อง
“ ชู่วว .. ” ริทยกมือมาปิดปากเขาอย่างรวดเร็วก็จะส่งสายตาดุๆมาให้ มือเล็กอีกข้างหนึ่งค่อยๆใช้กุญแจไขประตูก่อนจะเปิดมันเบาๆ
รุ่นพี่สุดหล่อที่เขาเคยเห็นอยู่ที่มหาวิทยาลัยบ่อยๆกำลังนั่งเอนกายอยู่บนโซฟา ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแบบมนุษย์ทั่วไป ตามร่างกายไม่มีรอยต่ออะไรที่พอจะบอกได้ว่าสิ่งที่เห็นนี่เป็นหุ่นยนต์ ไม่แปลกใจเลยที่ริทจะสงสัยว่าเจ้านี่มันคนหรือหุ่นยนต์กันแน่?
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามาในห้องแล้ว เปลือกตาที่ปิดสนิทพอจะทำให้เขาเดาได้ว่าร่างสูงนี่คงหลับอยู่ ริทค่อยๆย่องเบาๆไปที่มุมห้องแล้วกวักมือเรียกให้เขาเดินตามไป
“ แล้วนายจะพิสูจน์ยังไงว่าที่นายคิดว่าหุ่นยนต์ของนายกับพี่โตโน่เป็นคนๆเดียวกันน่ะมันจริง? ” กันเริ่มคำถาม
“ ก็ .. ไม่รู้สิ กูยังไม่ได้คิดเลยว่ะ ” ร่างเล็กตอบ คิ้วเรียวย่นเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
“ ลองไปค้นๆในห้องเจ้านี่กดูไม๊ เผื่อจะเจออะไรดีๆ ” กันเสนอ
“ ไม่มีหรอก ”
“ อ้าว .. มึงเคยค้นแล้วหรอ? ”
“ เปล่า กูหมายถึง ห้องพี่โตโน่น่ะไม่มีหรอก ”
“ อ่ออ .. กูลืมไปคอนโดมึงมีห้องนอนห้องเดียวนี่หว่า ” กันยกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เก้อ
“ อ่าฮ้ะ ”
“ เห้ย ! ถ้างั้นไอ้หุ่นนี่นอนที่ไหนอ่ะ? อย่าบอกนะว่า .. ” กันลากเสียงยาวรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ ได้แต่หวังว่าคำตอบคงไม่ใช่อย่างที่ตนคิด
“ ก็นอนด้วยกันไงครับ ” เสียงที่สามแทรกขึ้นมาทำให้กันและริทหันไปทางต้นเสียงที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างตกใจ โตโน่มองมาที่เขาซึ่งเป็นผู้มาใหม่ก่อนจะยิ้มนิดๆเป็นการทักทาย
“ ตะ .. ตื่นตั้งแต่ตอนไหนหรอฮะ? ”
“ ก็เมื่อกี้น่ะครับ ได้ยินที่กันถามพอดีเลยตอบให้ ”
“ นอนด้วยกันนี่หมายความว่ายังไง? ” เขาถามต่อ คำตอบที่ค่อนค้างกำกวมเมื่อครู่ทำให้เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“ หมายความตามที่พูดนั่นแหละครับ แฟนกันนอนด้วยกันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ” โตโน่ลุกขึ้นเดินมาที่ริทก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้ตัว ก้มหน้าลงที่ข้างหูก่อนจะพูดเบาๆแต่จงใจให้อีกคนได้ยิน
“ จริงไม๊ครับตัวเล็ก? ”
“ จะ .. จะบ้าหรอ !? ผมไม่ใช่แฟนพี่ซะหน่อย ! ” ริทผลักโตโน่ออกเบาๆ ถึงปากจะปฏิเสธแต่หน้าที่แดงก่ำก็ฟ้องได้ว่าเจ้าตัวกำลังเขินแค่ไหน กันรู้สึกไม่พอใจกับภาพที่เห็น ถึงจะรู้ดีว่าริทแอบรักโตโน่อยู่ แต่ที่มหาลัยเขาไม่เคยเห็นริทใกล้ชิดกับร่างสูงขนาดนี้
“ กูจะมาอยู่กับมึงด้วย กูไม่ไว้ใจหมอนี่เท่าไหร่ ”
“ คุณนั่นแหล่ะที่ไม่น่าไว้ใจ ผมเป็นแฟนริท หน้าที่ของผมคือดูแลริท แล้วอีกย่างผมก็เป็นหุ่นยนต์ จะทำอะไรริทได้? ” โตโน่เถียงกลับ เริ่มไม่พอใจทีถูกอีกคนเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับริท
“ แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณเป็นหุ่นยนต์จริงๆไม่ใช่คน ? เล่นเหมือนคนซะขนาดนี้ ” กันได้โอกาสถามสิ่งที่สงสัยออกไป เขาเองก็อยากจะรู้ความจริงไม่แพ้กับริท โตโน่ชะงักไปเล็กน้อยกับคำถาม
“ ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกใครๆนี่ ” โตโน่ตอบ แต่คำตอบที่ได้ไม่ช่วยให้ความสงสัยของกันน้อยลงไปได้เลยซักนิด
“ ถึงยังไงผมก็ไม่ไว้ใจคุณอยู่ดี ผมจะย้ายมาอยู่กับริท ” กันยืนยันซ้ำอีกครั้ง โตโน่ซึ่งไม่รู้จะสู้ยังไงจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากคนตัวเล็ก
“ ตัวเล็ก .. บอกเพื่อนไปสิว่าอยากอยู่กับพี่แค่สองคน ~ ” ร่างสูงทำเสียงหวานออดอ้อน กับเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ ร่างเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันพลางกรอกตามองเขากับโตโน่สลับกันไปมาอย่างครุ่นคิด
---------------------------------------------------------------------
“ ~ ชอบก็จีบเลย ชอบก็จีบเลยเซ่ ชูวับ ชูวับ! ~ ” ร่างสูงโปร่งฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะกำลังเปิดตู้เย็น เขาไล่สายตาไปตามช่องใส่ของที่เหลือเพียงขนมปังเพียงก้อนเดียววางแน่นิ่งอยู่ ไอซ์หยิบอาหารเย็นของตัวเองออกมาก่อนจะปิดตู้เย็นเบาๆ
“ ~ ยอมให้จีบเลย ยอมให้จีบเลย ยอม ฮอ ฮอ ฮอม ~ ” เสียงเพลงที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นยังคงดังอยู่เรื่อยๆเพื่อกลบเกลื่อนความเงียบภายในห้อง
ถึงเขาจะอยู่คนเดียวแบบนี้มาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกชินเสียที ขายาวเดินมานั่งลงที่โซฟาพร้อมกับเปิดทีวี ขนมปังก้อนโตถูกยัดเข้าไปในปากกว่าครึ่งชิ้นภายในครั้งเดียว พอปากไม่ว่างเสียงเพลงก็หายไปพร้อมกับความเงียบที่เข้ามาแทนที่ ไอซ์มองไปรอบๆห้อง ข้าวของต่างๆวางอยู่นิ่งกับที่ราวกับจะตอกย้ำว่า มีเพียงเขาคนเดียวจริงๆ ในห้องนี้
เห้อ .. น่าเบื่อชะมัด !
ไอซ์เริ่มใช้ความคิดว่าเขาควรจะหาอะไรซักอย่างทำ ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็นึกไอเดียแจ่มๆขึ้นมาได้
ไปป่วนพี่ริทดีกว่า !
ขนมปังที่เหลือถูกยัดเข้าปากอย่างรวดเร็วก่อนจะเด้งตัวลุกจากโซฟาโดยไม่ลืมที่จะปิดทีวี เขาหัวเราะเบาๆเมื่อนึกถึงเรื่องสนุกๆที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่พอเปิดประตูห้องของตัวเองออกก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังทำท่าลับๆล่อๆอยู่หน้าห้องของริท
“ นี่นาย ! จะทำอะไรน่ะ !!? ” อีกฝ่ายหันหน้ามาอย่างตกใจ ซึ่งเขาเองก็ได้ประหลาดใจเป็นรอบที่สองเมื่อเห็นใบหน้านั้นชัดๆ
“ อ๊ะ ! นาย.. อุ๊บ !! ” ปากเล็กถูกปิดทันทีก่อนจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ ร่างโปร่งถูกลากกลับเข้ามาในห้องของตัวเองอย่างทุลักทุเล ผู้บุกรุกรีบปิดประตูห้องแทบจะพร้อมๆกับที่ริทเปิดประตูห้องจัวเองออกมา
“ อ่อยอ๋มอ๊ะ ! (ปล่อยผมนะ) ” ไอซ์พยายามส่งเสียงเพื่อบอกให้อีกคนปล่อย แต่ผลกลับตรงข้าม มือหนาปิดปากเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม
“ ไอซ์ ! มีอะไรหรือเปล่า พี่ได้ยินเสียงเอะอะ ”
“ บอกริทไปว่าไม่มีอะไร ” คนตัวโตกว่าออกคำสั่งเบาๆ มือหนาค่อยๆคลายลงเพื่อให้เขาสามารถพูดได้ตามที่สั่ง สายตาที่ส่งมาจ้องมองเขาอย่างแข็งกร้าวราวกับกำลังขู่
“ ..... ” ไอซ์นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ไม่ใช่เพราะกลัว ปากเล็กขยับยิ้มอย่างท้าทาย
“ ขอร้องล่ะ ! ” น้ำเสียงที่ใช้อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าคนที่ถือไพ่เหนือกว่าไม่ใช่ตัวเอง
“ ไม่มีอะไรหรอกฮะพี่ริท สงสัยผมจะเปิดทีวีดังไปหน่อย ” สิ้นประโยคเขาก็ยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ตอนแรกนึกว่าจะได้แกล้งริทเล่นสนุกๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเจอเรื่องที่สนุกกว่าเดิมเข้าให้เสียแล้ว
“ ว่าไงฮะ? .. พี่กัน ”
TBC,,*
-----------------------------------------------------------------------------------
TALK ;}
อิอิ คิคิ กุ๊กๆ
ตอนนี้เค้าปิดเทอมแล้วนะทุกคนนน !
อิจฉาล่ะซี่ ~ ฮี่ๆๆๆ
นั่นแปลว่า .. จะอัพได้เร็วขึ้น ! ไวขึ้น ! มั้งนะ
แต่ก็จะพยายาม ให้สมกับที่มีคนรอ :DD
ตอนนี้เริ่มมีความรู้สึกอยากแต่ง SF มากกกก
เนื่องจากพ่อเอาซี่รี่ย์ฝรั่งมาให้ดู
เรื่อง แวมไพร์ไดอารี่ หนุกมากจริงๆ - -
ก็เลยอยากแต่งอะไรเกี่ยวกะแวมไพร์
แต่ก็อยากแต่ง RBB นี่ก่อนเพราะเนื้อเรื่องไม่ค่อยกระเตื้องเลย
55555
ใครที่อ่านไรเตอร์พร่ำมาถึงตรงนี้ยินดีด้วยย !
เพราะไรเตอร์กำลังจะบอกความลับ ที่ใครไม่อ่านช่วงทอร์กก็จะไม่มีวันได้รู้ อิอิ
ที่จริงก็ไม่ได้บอกหรอก แค่ใบ้ให้ไปคิดเอาเอง
นั่นก็คือสิ่งที่หลายๆคนน่าจะสงสัยและอยากรู้
จาก chapter 9 ที่ริทของเราไม่ยอมบอกว่า หุ่นยนต์โตโน่ มี .. รึป่าว?
ก็เลยจะบอกให้ทุกคนลองคิดดูนะว่า ..
ถ้าตอนนั้นริทเห็นว่าหุ่นยนต์สุดหล่อของไรเตอร์นั้น ไม่มี จุดจุดจุด
ริทจะสงสัยหรือว่า หุ่นยนต์นี่อาจเป็นโตโน่ตัวจริง?
แสดงว่า ..
หึหึหึ รู้นะว่าคงเข้าใจกันแล้วใช่ไม๊?
แค่นี้แหละที่จะบอก
55555555555555555555555
“ อื้ม .. ก็เมื่อวาน .. ” ริทเริ่มเล่าเรื่องพร้อมกับกดสำลีชุบแอลกอฮอล์ลงบนแผลอย่างตั้งอกตั้งใจ
ความคิดเห็น