คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 10,,* เหตุเกิดในห้องสมุด
CHAPTER 10 ,,*
‘ แอ๊ดดด ดด ~ ’
ทันทีที่ก้าวผ่านประตูเข้ามาในห้อง เสียงทั้งหมดก็ถูกดูดหายไปราวกับอยู่ในห้วงอวกาศ แค่หายใจยังไม่กล้าจะทำเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าถ้าหายใจแรงไป คนทั้งห้องสมุดอาจจะได้ยินมัน
ถึงแม้จะเป็นมารยาทที่รู้โดยทั่วกันว่าห้ามส่งเสียงดังในห้องสมุด แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเงียบได้ขนาดนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้มา เขายังไม่เคยเข้าห้องสมุดเลยก็เป็นได้
“ เชี่ย .. ห้องสมุดหรือป่าช้าวะ ยังงี้กูก็แอบตดไม่ได้อ่ะดิ ” คนที่มาด้วยบ่นอุบเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้น คนที่อยู่บริเวณใกล้ๆก็เริ่มหันมามอง
“ ชู่วว ~ เบาๆดิ ” ร่างเล็กปราบพลางยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากของอีกคน แขนเล็กออกแรงพลักเพื่อนสนิทให้เดินไปทางชั้นหนังสือเก่าๆที่มีเจ้าหน้าที่ห้องสมุดกำลังจัดหนังสืออยู่
“ พี่ฮะ .. คือว่าผมมาช่วยจัดหนังสือแทนอาจารย์ทัศนีย์น่ะฮะ ” ริทพูดด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เจ้าหน้าที่ละความสนใจจากหนังสือหันมาที่เขาแล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู ก่อนจะเริ่มอธิบายวิธีจัดหนังสือโดยน้ำดังเสียงปกติ
กรรม .. ผมอุตส่าห์หรี่เสียงแทบตาย
ไอ้เจ้าหน้าที่พูดเอาง่ายๆซะงั้น !
เวลาล่วงเลยไปพักหนึ่ง แต่สำหรับกันและริทมันเหมือนนานมาก ปกติป่านนี้เขาทั้งสองคงไปลั้ลลากับพี่เก่งอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ผู้คนเริ่มทยอยกันออกจากห้องสมุดทีละคนสองคน ทำให้บรรยากาศดูดีขึ้นตามลำดับ คนผิวเข้มถอนหายใจยาวๆทันทีที่นักศึกษาคนสุดท้ายเดินออกจากห้องสมุดไป
“ เฮ้อออออออ ~ ! แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย กูนึกว่าตัวเองจะเป็นใบ้ตายซะแล้ว ” ปากไม่มีหูรูดพูดไปเรื่อย แต่มือใหญ่ที่รู้หน้าที่ก็ยังจัดหนังสือเข้าชั้นต่อไป
“ น้องๆ พี่กลับก่อนนะ พอดีมีธุระ ที่จริงอาจารย์พิมพรบอกว่าจะมีคนมาช่วยจัดอีกคน แต่คงไม่มาแล้วมั้งยังไม่เห็นเลย อ้อ .. ฝากล็อคห้องสมุดด้วยนะ ” เสียงทุ้มๆพูดออกมาอย่างเป็นกันเอง
“ ฮะ ” ร่างเล็กพยักหน้าน้อยๆเป็นการตอบรับโดยที่ยังง่วนอยู่กับการจัดหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ออกจากห้องสมุดไป คนที่ดูเหมือนจะตั้งใจก็หยุดการกระทำทุกอย่างลงก่อนจะนั่งแล้วเอนตัวลงกับโซฟาที่อยู่ใกล้ๆ แขนขาเหยียดออกอย่างสบายใจ เปลือกตาบางค่อยๆหลับลง
“ อื้มมม ~ เมื่อยว่ะ .. ”
--------------------------------------------------------------------------
“ ว่าไงไอ้หน้าขาว ควงสาวทีละหลายๆคนมันเหนื่อยนะ แบ่งมาให้กูบ้างสิว่ะ ” นักเลงตัวหนาร่างถึกคนหนึ่งพูดก่อกวนทำลายการติวหนังสือของเขา ใบหน้าหล่อหันไปมองคนมารยาททรามก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆก็พบว่ารอบข้างแทบไม่มีผู้คน
เพื่อนสาวสามคนที่มานั่งอ่านหนังสือด้วยเริ่มมีสีหน้าหวาดกลัว แต่สายตาที่มองมาก็บอกให้เขารู้ว่าพวกเธอไม่อยากให้เกิดเรื่อง ร่างสูงจึงทำได้แค่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรออกไป
“ มองหน้าแล้วไม่พูด มีปัญหาอะไรเปล่าวะ ? ” เท้าใหญ่ยกขึ้นเหยียบม้านั่งตัวที่เก่งนั่งอยู่อย่างหยาบคาย
“ วันนี้กลับกันก่อนเถอะ ” พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี ยอมรับว่าที่มาติวหนังสือก็เพื่อจะมาหลีสาวๆตามประสาผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขา แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ผู้หญิงสามคนรีบเดินออกจากม้านั่งตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
มือขาวปิดหนังสือเล่มหนาของตัวเองลงก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ แต่ร่างใหญ่กว่าของคนที่มาหาเรื่องก็ยืนขวางทางเขาเอาไว้
“ วันนี้กูคันมือคันตีนว่ะ อยากกระทืบคน แต่ไก่อ่อนอย่างมึง กูต่อให้มึงต่อยกูก่อนได้เลย ” น้ำเสียงดูถูกถูกส่งมาทำเอาคนที่พยายามจะสงบสติอารมณ์หมดความอดทน
“ ขอโทษนะครับ พอดีผมมีการศึกษา ไม่นิยมใช้กำลัง ”
“ นี่มึงด่ากูหรอ !? ”
“ เปล่าครับ ถ้าจะด่า ผมต้องพูดว่า .. คุณมันเป็นพวกไร้การศึกษา ไร้สมอง ชอบใช้แต่กำลัง .. ต่างหาก ” คำพูดกวนเส้นหลุดออกจากปากหมาๆของเขาอย่างเรียบๆ ราวกับเป็นแค่ประโยคธรรมดา
“ ไอ้ห่า ! มึงด่ากู !! ” เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกด่า หมัดหนักๆที่ถนัดใช้ก็กระแทกเข้ากับใบหน้าของเขาเต็มแรง ร่างสูงเซถอยหลังไปนิดหน่อย เมื่อตั้งหลักได้ก็ใช้หลังมือปาดที่มุมปากของตัวเอง เลือดสีแดงสดที่เคยเห็นอยู่บ่อยๆติดมือมา พอความชาที่ใบหน้าหายไป ความรู้สึกเจ็บก็เข้ามาแทนที่ ภายในโพรงปากรับรู้ถึงกลิ่นคาวของเลือดได้ชัดเจน
---------------------------------------------------------------------
“ อื้มมม ~ เมื่อยว่ะ .. ” ใบหนาคมหันไปมองตามเสียงของเพื่อนรักที่กำลังนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจ เปลือกตาบางหลับพริ้มอย่างมีความสุข ปากเล็กยกยิ้มเล็กน้อยอย่างน่ารัก
ท่าทางของอีกคนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม แต่ก็รีบหุบยิ้มลงเมื่อรู้สึกตัว นี่เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกแปลกๆเวลาอยู่ใกล้กันคนตัวเล็กคนนี้ รู้สึกสับสน ทั้งๆที่เขาเองก็คบกับเกรซอยู่ ผู้หญิงที่เขาแอบมองมาตลอด ผู้หญิงที่เขาคิดว่าสำคัญที่สุด แต่เขาเองกลับรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งเวลาที่มีคนมาสารภาพรักกับริท ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ถึงแม้ว่าริทจะปฏิเสธทุกรายก็ตาม
หรือแม้กระทั่งตอนที่เขาเดทกับเกรซ หลายครั้งที่ใบหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทกลับลอยขึ้นมาในความคิด จนคนรักทักว่าเขาเหม่ออยู่บ่อยๆ
“ กัน .. กูง่วงอ่ะ ขอนอนห้านาทีนะ ” ปากเล็กขยับออกเสียงทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ร่างสูงวางหนังสือลงก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆอย่างระมัดระวัง ซึ่งดูเหมือนริทก็ไม่รู้สึกตัว ตาคมไล่มองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความหลงใหลโดยไม่รู้ตัว แขนแกร่งวางคร่อมร่างที่หลับตาไม่รู้เรื่อง ใบหน้าค่อยๆก้มลงหมายจะสัมผัสริมฝีปากสีชมพูที่เผยอขึ้นเล็กน้อยราวกับเชิญชวน
--------------------------------------------------------------------
“ ไอ้ห่า ! มึงด่ากู !! ”
“ ก็เออสิว่ะ ! อยู่กันแค่นี้ คิดว่ากูด่าควายที่ไหนล่ะ ? ” เก่งย้อนกลับอย่างเหลืออด ตั้งแต่เกิดมาขนาดพ่อแม่ยังไม่เคยตีเขาเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยมีใครกล้าขัดใจ ทายาทคนเดียวของตระกูลอัศวรุ่งเรื่อง แต่เขาลืมคิดไปว่าขนาดตัวของตัวเองกับร่างหนาอีกคนต่างกันแค่ไหน ถ้าเกิดต้องสู้กันจริงๆ คงมีแต่ปาฏิหารย์เท่านั้นที่จะช่วยให้เขาล้มอีกฝ่ายได้
เก่งพุ่งกำปั้นไปข้างหน้ากะจะเอาคืนแต่ก็ถูกหยุดเอาไว้ได้อย่างง่ายดายด้วยมือเพียงข้างเดียว หมัดที่หนักกว่าเดิมสวนกลับมาซ้ำเข้าที่ใบหน้าข้างเดิม ความเจ็บแล่นปรี๊ดเข้ามาเหมือนช่วยดึงสติ สมองเริ่มคิดหาทางรอดเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าสู้ไม่ไหวแน่ๆ
ไม่ปล่อยให้เขาได้คิดนานร่างถึกก็เตรียมจะปล่อยหมัดอีกครั้ง
“ อย่าทำอะไรพี่เก่งนะ ! ” เสียงตะโกนที่ฟังดูไม่รุนแรงดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนหยุดชะงักแล้วหันไปมองคนมาใหม่
เซน ... ?
“ ไอ้หน้าหวาน ถ้าไม่อยากเดือดร้อน อย่าเสือก !! ” เสียงแหบกร้านตะคอกกลับไป
“ เซน .. หนีไป ! ” ร่างสูงตะโกนบอกอีกคน เขาไม่อยากให้เซนต้องมาโดนลูกหลงไปด้วย
ร่างหนาหันความสนใจกลับมาที่คนตรงหน้าอย่างเดิม กำปั้นใหญ่ง้างขึ้นกลางอากาศ แต่ก็ถูกขัดจังหวะอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม
“ อย่าทำอะไรเขานะครับ ! ” คำลงท้ายทำให้สิ่งที่พูดออกมาดูสุภาพเกินไปสำหรับสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นที่สนใจ หมัดหนักๆเตรียมจะซัดลงไปที่ใบหน้าขาว
“ บอกว่าอย่าทำไง ไอ้งั่ง !! ” จากคำพูดขอร้องเปลี่ยนเป็นคำสบถแกมด่า หนังสือเรียนเล่มหนากว่าสามนิ้วที่วางอยู่บนโต๊ะถูกหยิบขึ้นมาก่อนจะฟาดลงบนศีรษะใหย๋อย่างแรง
“ หนีเร็ว ! ” รู้ว่าหนังสือเล่นหนาแค่นั้น(?) คงหยุดคนป่าเถื่อนนี่ได้ไม่นาน มือใหญ่จึงรีบคว้าแขนเล็กของคนที่มาช่วย ทั้งวิ่งทั้งลากคนตัวเล็กออกจากบริเวณนั้นไป
-----------------------------------------------------------
‘ แอ๊ดด ~ ’
เสียงเสียดสีกันจากการเปิดประตูไม้บานเก่าทำให้เขาย้อนนึกถึงเรื่องสมัยก่อน ตั้งแต่ห้องสมุดแห่งนี้ยังเป็นห้องสมุดใหม่ เขามักจะมานั่งรอหญิงสาวที่แอบรักอยู่เป็นประจำ แอบมองบ้าง แกล้งทำเป็นเดินชนบ้าง จากคนรู้จักกลายเป็นคนสนิท จนตอนนี้ก็ได้เลื่อนความสัมพันธ์จากพี่น้องกลายเป็นคนรักสมใจหวัง
ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ สายตาก็สะดุดเข้ากับภาพของผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งที่กำลังคร่อมชายหนุ่มอีกคนอยู่บนโซฟา ดูเหมือนว่าคนด้านบนจะรู้ตัวว่ามีคนมองอยู่จึงรีบลุกออกจากร่างเล็ก ซึ่งนั้นก็ทำให้เขาได้เห็นหน้าตาของคนที่นอนหลับตาอยู่กับโซฟาได้อย่างชัดเจน
ริท !?
“ กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ” เสียงทุ้มพูดทำลายความเงียบทำให้คนตัวเล็กลืมตาก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งและพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แต่พอหันมาเห็นเขาที่ยืนอยู่ที่ประตูก็ทำสีหน้าตกใจเหมือนอย่างทุกครั้ง
“ พะ .. พี่โตโน่ !! ”
“
.. ” เขาทำเพียงแค่ส่งยิ้มไปให้ตามมารยาท ซึ่งก็ทำให้แก้มขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมา ร่างสูงผิวเข้มอีกคนเดินผ่านเขาไป สายตาที่มองมาแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเข้ามาขัดจังหวะทั้งสองก็ได้
หลังจากที่ประตูห้องปิดลง ก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร จนโตโน่ทนความเงียบที่น่าอึดอัดนี่ไม่ไหวจึงถามสิ่งที่อยากรู้ออกไป
“ คนเมื่อกี้แฟนนายหรอ ? ” ว่าพลางเดินเข้าไปหาร่างเล็กที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตา
“ ห๊ะ !? มะ .. ไม่ใช่นะฮะ ! ผมยังไม่มีแฟน ” ริทดูจะตกใจกับคำถาม ก่อนจะปฏิเสธเป็นพัลวัน
จูบกันกลางห้องสมุดกับคนที่ไม่ใช่แฟนเนี่ยนะ ?
ทั้งๆที่ก็น่าจะรู้ว่าผมก็เห็น
ทำไมถึงยังทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ได้ ?
ร่างสูงไล่ความคิดนั้นออกจากหัว มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องไปสนใจมากนัก ริทจะมีหรือไม่มีแฟน จะทำอะไรกับใคร ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว
“ อาจารย์พิมพรให้พี่มาจัดหนังสือน่ะ โทษทีที่มาช้า เหลือชั้นไหนยังไม่ได้จัดอีกไม๊ ? ”
“ อ๋อ .. ฮะ เหลือแค่ชั้นสุดท้าย ” นิ้วเล็กชี้ไปยังชั้นหนังสือชั้นสุดท้ายที่ยังมีหนังสือวางระเกะระกะไม่มีคนมาจัดระเบียบ เขาเดินตรงไปตามทางที่ริทชี้ก่อนจะเริ่มลงมือจัดหนังสือเข้าชั้น
“ เอ่อ ... พี่โตโน่ฮะ มันไม่ได้จัดแบบนั้น ” คนตัวเล็กลุกขึ้นจากโซฟาเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเขาแล้วแย่งหนังสือในมือเขาไป
สายตาคมมองตามการกระทำของร่างเล็กเงียบๆ มือเล็กหยิบหนังสือทั้งหมดลงจากชั้นก่อนจะเรื่มอธิบาย
“ เอาออกมาก่อนแล้วค่อยจัดทีเดียวจะง่านกว่านะฮะ ดูตรงตัวอักษรที่เค้าแปะไว้แล้วก็เรียงตามตัวอักษร .. ” เสียงหวานพูดเจือยแจ้วไปเรื่อย ใบหน้าไร้เดียงสาที่ดูขัดกับการกระทำที่เขาเห็นก่อนหน้าทำให้คนมองนึกสงสัย
หน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ .. ไม่น่าทำเรื่องแบบนั้นได้เลย
จริงๆแล้ว นายเป็นคนยังไงกันแน่นะ ?
“ มีอะไรติดหน้าผมหรอฮะ ? ” ร่างเล็กถามขึ้นดึงให้เขาหลุดออกจากภวังค์ แก้มเนียนใสสีชมพูระเรื่อยิ่งทำให้เจ้าตัวดูน่ารัก เกินกว่าผู้หญิงหลายๆคนเสียอีก
“ เอ่อ .. เปล่าๆ ” มือใหญ่ถูกยกขึ้นมาเกาหัวแก้เก้อ
นี่ผมเผลอมองหน้าน้องเค้านานขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย ?
“ พี่โตโน่ฮะ มันมีหนังสือวางอยู่บนนั้นน่ะฮะ ” ริทชี้นิ้วไปที่ชั้นบนสุด หนังสือเล่มหนึ่งโผล่พ้นขอบออกมาเกือบครึ่ง เขามองตามก่อนจะก้มลงมองส่วนสูงของร่างเล็กก็พอจะเข้าใจว่าอีกคนต้องการจะบอกอะไร
“ เดี๋ยวพี่หยิบเอง ” ปากบางส่งยิ้มมาให้อย่างเขินๆ ซึ่งเขาก็ยิ้มตามด้วยความเอ็นดู แขนแกร่งเอื้อมขึ้นไปหมายจะคว้าเอาหนังสือแต่ความสูงขนาดเขาก็ยังหยิบไม่ถึง ขายาวยกขึ้นเอาเท้าเหยียบชึ้นหนังสือชั้นล่างแล้วดันตัวเองขึ้น
“ พะ .. พี่โตโน่ ระวังตกนะฮะ ” เสียงหวานพูดเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ อื้อ ไม่เป็นไรหรอกน่า ” เขาตอบกลับก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้น แขนยาวเอื้อมจนสุดก็หยิบหนังสือเล่มนั้นได้พอดี ไม่รู้ว่าใครเล่นเอามาวางไว้ข้างบนสุดอย่างนี้ ขนาดคนตัวสูงอย่างเขาจะหยิบยังลำบากเลย
ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองตนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่ยิ้ม แต่ทันทีที่ละความสนใจออกจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ ร่างทั้งร่างก็เซล้มออกมาจากชั้นหนังสือที่เคยเป็นที่ยึดเหนี่ยว
“ เฮ้ยยยย ! / พี่โตโน่ !!! ” เสียงทุ้มและเสียงหวานอุทานออกมาพร้อมกัน แต่ดูเหมือนว่าคนที่ตกใจมากกว่าจะเป็นร่างเล็ก
ด้วยความที่เป็นห่วงแต่ไม่ได้คำนึงถึงขนาดตัวที่แตกต่างกันจึงใช้ร่างของตัวเองเข้าไปรองรับ โตโน่ล้มลงมาทับคนตัวเล็กอย่างจัง ริมฝีปากหนากระแทกเข้ากับปากเล็กเต็มแรง ..
------------------------------------------------------------------
ขาเรียวที่ออกแรงวิ่งมาเป็นระยะเวลาพอสมควรเริ่มลดความเร็วลง กล้ามเนื้อเกร็งส่งสัญญาณบอกเจ้าของว่าถูกใช้งานหนักเกินไป ร่างเล็กที่รู้ตัวว่าวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้วเอ่ยปากบอกอีกคนที่ยังคงวิ่งอยู่เหมือนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
“ พอแล้วมั้งครับพี่เก่ง มันคงตามไม่ทันแล้วล่ะ ” พูดไปหอบไปแต่ยังคงต้องวิ่งอยู่เพราะร่างสูงยังจับมือเขาแน่นไม่ยอมปล่อย เก่งหันมามองสภาพคนตัวเล็กที่มีอาการล้าอย่างเห็นได้ชัดจึงยอมหยุดฝีเท้าลง
“ เขามาช่วยพี่ทำไม ? ถ้าวิ่งหนีมันไม่ทันนายโดนอัดเละไปแล้ว ” เสียงทุ้มพูดดุเรียบๆ แต่ก็มีอาการหอบนิดหน่อย เซนได้มองหน้าอีกคนเคืองๆ ตอนนี้ทำได้เพียงหายใจให้ทันเสียก่อน พอหายจากอาการหอบ ปากกล้าของเขาก็เถียงขึ้น
“ ใครกันแน่ที่จะเละ ถ้าผมไม่เข้าไปช่วย ป่านนี้พี่โดนต่อยฟันร่วงหมดปากแล้ว ” นิ้วเรียวจิ้มลงที่มุมปากของคนตัวโตกว่าเบาๆ แต่ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายดูจะรุนแรงกว่าที่คาดไว้
“ โอ๊ยยย ~ ! เจ็บ !! ” เก่งร้องเสียงหลง ใบหน้าเหยเกแสดงออกถึงความเจ็บปวด
“ อ๊ะ .. ผมขอโทษ เจ็บมากหรอครับ ? ” เขารีบกล่าวขอโทษอย่างตกใจ สายตาเป็นห่วงถูกส่งออกไปให้อีกคนรู้ว่าเขาเป็นห่วงจริงๆ
“ เจ็บสิ .. ลองมาโดนชกเองไม๊ล่ะ ? ซี๊ดด~ ”
“ อยู่นิ่งๆนะครับ ” อยู่ดีๆเซนก็พูดในสิ่งที่ร่างสูงไม่เข้าใจออกมา เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กสีน้ำเงินเข้มก่อนจะแตะลงเบาๆที่มุมปากของอีกคน
“ .......... ”
“ เลือดออกน่ะครับ ” พูดโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปาก มือเล็กบรรจงเช็ดเลือดที่ปากแผลอย่างพิถีพิถัน กลัวว่าอีกคนจะเจ็บ
“ ขะ .. ขอบใจ ” สิ้นเสียงทุ้มก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก มือของเขาก็หยุดนิ่งอยู่ที่เดิม ความเงียบทำให้บรรยากาศรอบความดูเปลี่ยนไป พร้อมๆกับความรู้สึก
ต่างคนต่างจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย คนหนึ่งมองด้วยความรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจ อีกคนมองด้วยความรู้สึกหลายหลายที่ถูกอัดแน่นอยู่ในใจ ความรู้สึกที่เขาเก็บเอาไว้มานาน พอรู้สึกตัว เขาก็ชักมือออกจากมุมปากของร่างสูง ก่อนจะขยับปากพูดเบาๆเหมือนกลัวอะไรซักอย่าง
“ เอ่อ .. มือ ... ” เขามองไปที่มืออีกข้างของตัวเองที่ยังถูกมือใหญ่จับไว้แน่นตั้งแต่ตอนที่ออกวิ่ง ร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อยแล้วรีบปล่อยมือทันที
“ ขะ .. ขอโทษ ”
“ ก็ไม่เป็นไรนี่ครับ ” ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าผู้ชายจะจับมือกัน เพราะมันก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียหายตรงไหน แต่อีกคนกลับทำท่าทางราวกับว่าเขาเป็นผู้หญิง
“ กลับบ้านกันเถอะ ” เก่งพูดเสียงเรียบ
“ ครับ ” ประโยคสั้นๆถูกนำมาใช้เพราะต่างก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี มือไม้ถูกยกขึ้นมาเกาหัวอย่างเก้ๆกังๆ ตอนนี้แขนขาของตัวเองดูจะเกะกะไปซะหมด ไม่รู้ว่าควรจะวางมันไว้ตรงไหนดี
ร่างสูงหยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพงเครื่องใหม่เอี่ยมออกจากกระเป๋า นิ้วเรียวแตะลงบนหน้าจอแบบสัมผัส ก่อนจะยกขึ้นแนบหูตัวเอง
“ ฮัลโหล .. ป้าครับ วันนี้ผมไม่ได้เอารถมา ป้าให้คนมารับผมที่ .. ” ยังไม่ได้บอกสถานที่ที่ตัวเองอยู่ โทรศัพท์เครื่องหรูก็ถูกมือเล็กดึงไปซะก่อน
“ ป้าครับ ผมเซนนะครับ ไม่ต้องให้คนมารับพี่เก่งแล้วนะครับ พี่เก่งบอกว่าวันนี้อยากเดินกลับเอง ” พูดจบก็ตัสายทิ้งทันที
“ ทำอะไรน่ะ ? ตั้งแต่เกิดมาพี่ยังไม่เคยเดินกลับบ้านเองเลยนะ ”
“ งั้นพี่ควรจะดีใจนะครับเพราะวันนี้พี่ก็จะได้เคยแล้ว ลองทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำบ้างเถอะครับ ไม่งั้นพี่อาจจะรู้สึกเสียดายถ้าพี่ต้องตายก่อนที่จะได้ทำมัน ” ประโยคบอกเล่าแสนธรรมดาที่มีความนัยแฝงเอาไว้ไม่ได้ทำให้ร่างสูงรู้สึกเอะใจอะไรเลย ปากบางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ พี่จะกลับแท็กซี่ ”
“ ตามใจครับ ผมก็แค่หวังดี พี่อยากกลับแท็กซี่ก็กลับคนเดียวแล้วกัน ผมเดินคนเดียวก็ได้ .. ” เขาทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย แต่ร่างสูงก็สังเกตเห็นอาการได้อย่างชัดเจน เซนหันหลังแล้วเดินออกมาช้าๆไปตามทางฟุตบาท ไม่นานนัก เสียงทุ้มก็ตะโกนตามหลังมา
“ เดี๋ยว ! เซน .. รอพี่ด้วย ! ”
-----------------------------------------------------------------------------
“ เฮ้ยยยย ! / พี่โตโน่ !!! ” เขาตะโกนออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นร่างสูงล้มลงมาจากชั้นหนังสือ พอรู้ตัวอีกทีเขาก็เอาร่างของตัวเองไปรองรับอีกคนแล้ว โตโน่ล้มมาทับอย่างพอดิบพอดีทำให้เขาหงายหลังลงบนพื้นห้องสมุดอย่างแรง ความเจ็บแล่นปรี๊ดขึ้นมาตั้งแต่หลังไล่มาจนถึงศีรษะ ความรู้สึกมันงงทำให้เห็นภาพตรงหน้าไม่ชัด
ริทหลับตาลงสักพักก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นใหม่ ใบหน้าที่ตัวเองเคยหลงใหลของอีกฝ่ายอยู่ใกล้จนเขาตกใจ พอตั้งสติได้ก็เพิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของตัวเองถูกประทับด้วยปากของอีกคน
หลายคนคงมองว่าเหมือนนิยายน้ำเน่า แต่สำหรับเขาตอนนี้ไม่มีอารมณ์เคลิ้มไปกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ความเจ็บมันมีมากกว่าจนดีใจไม่อกที่ได้จูบกับพี่โตโน่ตัวจริง .. แบบนี้ ! ไม่นานนักร่างสูงก็รีบผละปากออกจากเขาแล้วยันตัวขึ้น
“ เอ่อ .. ขอโทษนะ นาย .. เจ็บหรือเปล่า ? ”
“ มะ .. ไม่เจ็บฮะ ” คำโกหกคำโตหลุดออกจากปากอัตโนมัติ
โคตรรรรรรรรรร เจ็บเลยฮะ .. ไอ้เหล็กดัดฟันทำผมโคตรเจ็บปากเลย ! เป็นแผลในปากแหงๆเลย ได้กลิ่นคาวเลือดด้วยอ่า ~ ไม่เห็นจะสบตากันปิ๊งๆแล้วเคลิ้มเหมือนในละครที่ผมเคยดูเลย ! ถึงจะได้จูบกับพี่โตโน่ตัวจริงเสียงจริงก็เถอะ แต่ผมไม่รู้ว่าไอ้แบบนี้ชาวบ้านเขาจะเรียกว่าจูบกันหรือเปล่า ?
“ จัดเสร็จแล้ว กลับกันเถอะ ” เสียงทุ้มพูดขึ้นพลางดันหนังสือเล่มสุดท้ายในมือเข้าชั้น
“ พี่โตโน่กลับไปก่อนก็ได้ฮะ เดี๋ยวผมรอไอ้กันก่อน ” เขายิ้มน่ารักให้ กันบอกจะไปเข้าห้องน้ำตั้งนานแล้วยังไม่กลับมาเลย จะให้เขาไปกับพี่โตโน่แล้วทิ้วเพื่อนไว้ก็คงจะดูเลวไปหน่อย
“ กัน ? ” คำสั้นๆพูดเชิงถามเมื่อได้ยินเชื่อของคนที่ไม่รู้จัก
“ อ๋อ .. เพื่อนผมคนเมื่อกี้น่ะฮะ ” ร่างเล็กพูดไปตามความจริงโดยไม่รู้เลยว่ายิ่งทำให้อีกคนเข้าใจเขาผิดมากกว่าเดิม
“ เพื่อน .. ? ”
“ ไอ้ริท ! จะกลับได้ยังวะ ? ” เพิ่งจะพูดถึงได้ไม่นาน เจ้าตัวที่กำลังยืนพิงขอบประตูห้องสมุดก็ส่งเสียงเรียก ใบหน้าที่ปกติมักจะมีรอยยอ้มให้เขาเสมอกลับบึ้งตึงแสดงให้เห็นว่ากำลังอารมณ์ไม่ดีสุดๆ
“ อื้ม .. ผมไปนะฮะพี่โตโน่ ” เขาพยักหน้าน้อยๆให้กันก่อนจะหันมาเอ่ยลากับร่างสูงตรงหน้า กำลังจะเดินไปหาอีกคนที่รออยู่แต่ก็ถูกคว้ามือไว้ซะก่อน
“ ให้พี่ไปส่ง .. นะ ”
“
” คำพูดของโตโน่ทำให้เขาหยุดชะงัก ทั้งงง ทั้งตกใจ ทั้งดีใจ แต่กลับทำให้คนที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วยิ่งแสดงอาการมากขึ้นอีก กันเดินตรงมาที่ทั้งสองอย่างรวดเร็ว พอเข้ามาประชิดร่างเล็กได้ก็กระชากแขนของเขาให้หลุดออกจากการจับกุมของอีกฝ่ายทันที
“ คนของผม .. ผมดูแลเองได้ !! ” คำพูดกำกวมถูกตะคอกออกไปด้วยความโมโห คนตัวเล็กสุดได้แต่ทำหน้าเหวอกับอารมณ์และสิ่งที่กันพูดออกมา ไม่ทันที่จะได้พูดอธิบายอะไร เขาก็ถูกลากออกมาจากห้องสมุดซะก่อน
“ กัน .. กูเจ็บแขน ” ริทพูดพลางมองกันด้วยใบหน้าที่แสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน แต่ร่างสูงก็ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย ตรงกันข้ามมือหนากลับยิ่งเพิ่มแรงบีบให้มากกว่าเดิม ขายาวๆก้าวลงบันไดอย่างรวดเร็วทำเอาเขาที่เดินไม่ทันแทบจะกลิ้งตกบันได ริทถูกลากมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัย
“ ปล่อย !! มึงเป็นบ้าอะไรวะ ? กูบอกว่ากูเจ็บ !! ” คนตัวเล็กขึ้นเสียง ในเมื่ออีกคนแรงมาเขาก็แรงไป เขาสะบัดแขนเต็มแรงจนกันต้องยอมปล่อยแล้วยกขึ้นใช้มืออีกข้างถูเบาตามแขนเหมือนว่ามันจะช่วยให้เขาหายเจ็บได้บ้าง
กันหยุดนิ่งอยู่กับที่ มองมาที่เขาด้วยสายตาที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ เขาไม่เคยเห็นเพื่อนสนิทเป็นแบบนี้มาก่อน
“ มึงเป็นอะไรเนี่ย ? กูไปเป็นคนของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ? พูดแบบนี้ถ้าพี่โตโน่เข้าใจผิดว่าเราเนแฟนกันกูจะทำยังไง ?? ” พอเป็นอิสระได้ร่างเล็กก็ตวาดใส่ รู้อยู่ว่าเขาชอบพี่โตโน่มากแค่ไหน อุตส่าห์ได้คุยกันแล้วแท้ๆ แต่กันก็เข้าไปขัดจังหวะแถมยังพูดอะบ้าๆออกไปอีก ถึงจะหมั่นไส้เขาแต่ก็ไม่น่าจะแกล้งกันแบบนี้
“ ก็กูหวงมึง ! มึงเป็น .. เป็นเพื่อนกูนะ !! ” ร่างสูงตอบมาด้วยอารมณ์ที่รุนแรงไม่แพ้กัน
“ ไอ้ฟายยยย ~ กูจะรักมึงมากเลยถ้ามึงไม่ทะลึ่งมาหวงกูตอนนี้ ! กับพี่โตโน่มึงไม่ต้องมาหวงกูหรอก ทำเป็นเด็กๆไปได้นะมึง ” ขนาดตัวเขาเองยังไม่หวงตัวเองกับโตโน่เลยด้วยซ้ำ
“
” มือใหญ่ที่กำแน่นสั่นนิดๆ แต่กลับไร้การโต้ตอบจากร่างสูง
“ มึงเป็นอะไรหรือเปล่า ? วันนี้มึงดู .. แปลกๆ ” ริทถาม สายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงถูกส่งไปให้อีกคน
“
.. ” ร่างสูงหลบสายตาของเขาแล้วก้มหน้าลง
“ ไม่สบายหรอ ? ” มือนุ่มแตะลงบนหน้าผากของกันเบาๆก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นมาแตะหน้าผากตัวเองเพื่อวัดอุณหภูมิ
“ เปล่า ” เสียงทุ้มพูดอย่างราบเรียบ กันหันหน้าหนีสัมผัสของเขาแล้วดึงแขนเล็กขึ้นมาดู
“ อ๊ะ ! เจ็บนะเว้ย จับเบาๆดิวะ ” ริทร้องเสียงหลงเมื่อแขนที่เพิ่งโดนบีบจนขึ้นรอยแดงเมื่อครู่ถูกสัมผัสอีกครั้งจากคนๆเดิม แต่ครั้งนี้เป็นสัมผัสที่อ่อนโยนลง
“ ขอโทษ .. ที่ทำเมื่อกี้กูขอโทษนะ ” คำขอโทษถูกพูดออกมาซ้ำๆพลางมองแขนเล็กที่บอบช้ำเพราะการกระทำโง่ๆของตัวเองด้วยความรู้สึกผิด
“ เออ ! โทษฐานที่ทำร้ายคนน่ารักๆอย่างกู วันนี้มึงไปส่งกูที่คอนโดเลย ” เขายักคิ้วกลับ มุมปากยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่เอาเปรียบอีกคนได้ ความจริงเขาไม่ได้โกรธอะไรเลย ถึงจะเจ็บแขนจริงๆแต่ก็รู้ว่ากันคงไม่ได้ตั้งใจ
“ ได้ทีเอาใหญ่นะมึง อย่าให้ถึงคราวกูบ้าง .. ” ไม่พูดอย่างเดียว มือใหญ่วางลงบนหัวเล็กๆของอีกฝ่ายแล้วขยี้ผมนุ่มแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยวกับ่ทาทางลั้ลลาเกินเหตุนั่น
“ ไอ้กันนน ! ผมกูเสียทรงหมด อย่าแกล้งกูดิ มึงยังมีความผิดอยู่นะ เดี๋ยวเหอะๆ ไอ้เพื่อนเลววววว ~ ” เสียงหวานลากยาวที่คำสุดท้ายเป็นพิเศษ
“ เออดิ .. คนดีๆที่ไหนเค้าจะมาคบกับมึงล่ะ ? ”
“ มึง .. อย่าอยู่เล้ยยย ! ” จบประโยคร่างเล็กก็วิ่งไล่เตะคนตัวโตกว่าก่อนจะต้องวิ่งหนีเมื่อถูกไล่เตะคืน ทั้งสองคนวิ่งไล่เตะตีกันไปมาอย่างสนุกสนานเหมือนเด็กๆ ราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย คงเป็นเพราะความเป็น ‘เพื่อน’ ที่มีให้กันทำให้พวกเขาไม่เคยโกรธกันจริงๆได้ซักที
-----------------------------------------------------------------------
“ เซน .. แวะร้านเค้กก่อนได้ป่ะ ? พี่หิว ” เก่งพูดเหมือนขออนุญาตอีกคนทั้งๆที่เขาไม่เคยขออนุญาตใคร ใบหน้าหวานหันมามอง ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหย้า
พอได้รับคำอนุญาตเขาก็ยิ้มแป้นทันที เก่งเร่งฝีเท้าเดินไปยังร้านเค้กที่อยู่ถัดไปอีกไม่กี่สิบเมตรทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งทำท่าเหนื่อยจะเป็นจะตาย พอถึงที่หมายมือใหญ่ก็ผลักประตูร้านเข้าไป ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศปะทะเข้ากับใบหน้าทำให้รู้สึกดีขึ้นเป็นกอง เขาสาวเท้าตรงไปหาคนที่กำลังก้มหน้าง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างอยู่หลังเคาท์เตอร์ไม้สีเข้ม
“ สวัสดีครับพี่กิ่ง ไอ้กันล่ะครับ ? ”
“ อ้าว .. ? สวัสดีจ้ะเก่ง กันมันโทรมาบอกว่าวันนี้ขอหยุดน่ะ พี่นึกว่ามันบอกเก่งแล้วซะอีก ” หญิงสาวร่างเล็กกะทัดรัดเงยหน้าขึ้นจากการจัดเค้ก ทักทายอย่างเป็นกันเองแล้วจึงตอบคำถาม
“ ที่จริงมันก็บอกแล้วล่ะครับว่าต้องไปจัดหนังสือที่ห้องสมุดกับไอ้ริทมัน แต่ผมชินปากน่ะครับ ฮะๆ ” เก่งหัวเราะแก้เก้อ ทุกครั้งที่เขามาที่นี่ก็มักจะถามหากันเสมอ ถึงความจริงแล้วจะได้ไม่จะมาหาเพื่อนก็เถอะ ส่วนมากที่มาที่นี่ก็เพื่อมานั่งส่องสาวๆซะมากกว่า แต่พี่กิ่งก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะหน้าตาหล่อเหลาดูดีมีชาติตระกูลของเขาก็ช่วยเรียกลูกค้าสาวๆได้เหมือนกัน
“ เมื่อกี้ยังทำเป็นเดินหอบอยู่เลยนะครับพี่เก่ง ” ไม่รู้ว่าเซนมายืนอยู่ข้างๆเมื่อไหร่ ร่างสูงหันไปตามเสียงก่อนจะยิ้มแห้งๆให้
“ ใครหรอจ้ะเก่ง ? ” คนเป็นเจ้าของร้านเอ่ยถามพลางมองคนมาใหม่อย่างเอ็นดู
“ อ๋อ .. เอ่อ .. ชื่อเซนน่ะครับ ” เขาพยายามเลี่ยงไม่ตอบตรงคำถาม เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าเซนกับเขาเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร
“ สวัสดีครับ ผมเป็นคนรับใช้บ้านพี่เก่งครับ ” เซนยกมือไหว้อย่างสุภาพก่อนจะยิ้มให้ตามมารยาท
“ จ้า .. ไม่ต้องไหว้ก็ได้ พี่ชื่อกิ่งนะ ” คนตัวเล็กสุดยิ้มกลับ
“ พี่กิ่งครับ ผมขอสตอเบอร์รี่ชีสเค้กสองชิ้นแล้วก็ชามะนาวสองแก้วนะครับ ”
“ จ้ะ .. ไปนั่งรอแป็บนึงนะ เห็นแก่ความน่ารักของเซนนะเนี่ย เดี๋ยวพี่ลัดคิวให้ ” หญิงสาวหัวเราะชอบใจก่อนจะเดินเข้าหลังร้านไป
ร่างสูงเดินตรงไปที่โต๊ะเล็กๆสำหรับสองคนที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในร้านโดยมีคนตัวเล็กเดินตาม พอนั่งลงเรียบร้อยเขาก็เอ่ยปากถามคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามทันที
“ ทำไมไปบอกพี่กิ่งแบบนั้น ? ”
“ แบบไหนหรอครับ ? ” เซนถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ
“ ก็ที่นายบอกว่าเป็นคนรับใช้น่ะ ” พูดพลางยกมือขึ้นปลดกระดุมแขนเสื้อเพื่อคลายความอึดอัด
“ ผมตอบตามความจริง ”
“ ไม่จริงซะหน่อย พี่บอกแล้วไงว่าจ้างนายมาอยู่ในฐานะเพื่อน ” น้ำเสียงแสดงถึงความไม่พอใจเล็กน้อย มือใหญ่ปลดกระดุมสองเม็ดบนของคอเสื้อ เผยให้เล่นผิวขาวเนียนที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี
“ ขอโทษครับ ”
“ คราวหลังอย่าไปบอกใครแบบนั้นอีกนะ มันเหมือยดูถูกตัวเอง ”
“ ครับ ” เซนส่งยิ้มมาให้ เขาชะงักเล็กน้อยกับรอยยิ้มของอีกคน ทำไมถึงได้รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นดูน่ารักซะเหลือเกิน ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวทั้งๆที่หายเหนื่อยตั้งนานแล้ว
“ มาแล้วจ้า ~ ” เสียงหวานใสดังขึ้นพร้อมกับเค้กหน้าตาน่ากินสองชิ้นที่ถูกวางลงบนโต๊ะตามด้วยน้ำอีกสองแก้ว
“ ขอบคุณครับพี่กิ่ง ” รางสูงเอ่ยขอบคุณก่อนจะรีบตักเค้กเข้าปากอย่างรวดเร็ว
“ รสชาติเป็นไงมั่งจ๊ะ ? ”
“ อร่อย .. ฝีมือไม่เปลี่ยนเลยนะครับ ” เก่งเอ่ยชม ไม่ใช่คำชมตามมารยาท เขาตักเค้กอีกคำเข้าปากเป็นการบอกว่ามันอร่อยจริงๆ
“ ขอบใจจ้า .. งั้นพี่ไปรับลูกค้าก่อนนะ เชิญตามสบายนะจ้ะเซน ” ประโยคสุดท้ายหญิงสาวหันไปพูดกับอีกคนที่เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาก่อนจะพาร่างเล็กขนาดพกพาของตัวเองเดินออกไปรับลูกค้าด้วยใบหน้าที่แจ่มใส
“ ไม่กินหรอ ? ” เก่งถามเมื่อสังเกตว่าร่างเล็กเอาแต่นั่งมองเขากินเค้กอยู่ฝ่ายเดียว
“ ? ” เซนไม่ตอบ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยพร้อมกับเอียงคอนิดๆเหมือนเด็กๆ
“ ก็เค้กนี่ไง พี่สั่งมาเผื่อนาย ”
“ ขอบคุณครับ ” จบคำขอบคุณของอีกคนเขาก็ก้มหน้าก้มตากินของโปรดของตัวเองต่อ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ยังเห็นคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งเหมือนเดิมกับเค้กสตอเบอร์รี่ที่ยังไม่ถูกแตะต้อง
“ ไม่ต้องเกรงใจหรอก ” เขาพูดพลางเลื่อนจานเค้กเข้าไปใกล้ๆเซน แต่มันก็ถูกอีกคนเลื่อนกลับมาที่เดิม
“ เปล่าครับ คือ .. ผมไม่ชอบกินเค้ก ”
“ อ้าวหรอ ? งั้นดื่มน้ำไปก่อน พี่สั่งมาให้นายเหมือนกัน ” มือใหญ่ดันแก้วน้ำชามะนาวของโปรดของตัวเองไปให้อีกคนก่อนจะถูกดันกลับมาอย่างเดิม
“ ขอบคุณมากนะครับ แต่ผมไม่ชอบชามะนาว ”
“ ทำไมล่ะ ? อร่อยออก ” เขาตักเค้กใส่ปากตัวเองทันทีที่พูดจบประโยคโดยที่สายตายังคงมองอยู่ที่คู่สนทนา
“ ไม่รู้สิครับ ผมไม่เคยดื่ม แค่รู้สึกว่าไม่ชอบ ” เก่งพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจ แต่พอเค้กในปากถูกกลืนลงคอเขาก็ถามคำถามต่อ
“ ไม่เคยแล้วรู้ได้ไงล่ะว่าจะไม่ชอบ ? ถ้านายลองดื่มนายอาจจะชอบก็ได้ ”
“
.. ” เซนไม่ได้ตอบอะไร บทสนทนาจบลงเพียงแค่นั้น เสียงเพลงบรรเลงเบาๆที่ถูกเปิดเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของร้านช่วยให้สถานที่แห่งนี้ไม่เงียบจนเกินไป
--------------------------------------------------------------------
“ เฮ้ยยย ~ ! กูยอมแล้ว ยอมแล้วคร๊าบบบบ ” ร่างเล็กโวยวายเสียงดัง เขาหยุดวิ่งลงก่อนจะใช้แผ่นหลังพิงกับประตูห้องของตัวเองอย่างหมดแรง ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะวิ่งขึ้นบันไดหนีอีกคนมา พยายามควบคุมการหายใจของตัวเองให้ลึกที่สุดเพื่อบรรเทาอาการเหนื่อยหอบ
“ มึงเตะกูก่อนนะไอ้ริท ” กันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มีเพียงการหายใจที่เร็วกว่าปกติที่พอจะบ่งบอกได้ว่ากำลังเหนื่อย นอกจากนี้แล้วร่างสูงก็ดูปกติดีทุกอย่างทั้งๆที่ก็วิ่งขึ้นบันไดมาเหมือนกัน
“ แต่มึงก็ .. ก็เตะกูคืนแล้วนี่ ” เขาเถียงด้วยเสียงที่ขาดๆหายๆ ตอนนี้แค่พูดสักประโยคก็ทำได้ลำบาก รู้สึกว่ามันยากเย็นเหลือเกินแต่ก็จะเถียงให้ได้
“ ก็ใช่ แต่มึงก็เตะกูอีก เตะกูไปตั้งห้ารอบแล้ว ”
“ มึงก็เตะกู ... คืนหมดแล้ว .. มะ ไม่ใช่หรอวะ ? ” แทนที่ได้ยืนพักจะทำให้เขาหายเหนื่อย แต่การพูดของเขาทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมาขึ้น อกบางถูกยกขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ
“ เหลืออีกครั้งนึงต่างหาก มึงนับเลขมั่วแล้ว ไอ้โง่ ” ด่าจบนิ้วใหญ่ก็ดีดเข้าที่หน้าผากมนแรงๆหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้
“ โอ๊ย ! ไอ้เชี่ยกัน กูเจ็บนะเว้ยย ” ริทลูกหน้าผากตัวเองไปมา ปากบางเชิดขึ้นเล็กน้อยใส่อีกคน
“ ก็จะทำให้เจ็บไง แล้วที่มึงเตะกูเนี่ยคิดว่ากูไม่เจ็บหรอ ? ” มือใหญ่ดึงมือเขาออกจากหน้าผากเพื่อดูผลงานของตัวเอง ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะเจ็บตัวเพราะร่างสูงนี่ตลอด
กันโน้มตัวลงมาเล็กน้อยก่อนจะเป่าลมรดลงบนหน้าผากของเขาเบาๆ ริทยื่นนิ่งไม่ได้ขัดขืนอะไร กันมักจะชอบทำแบบนี้กับเขาอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นเพื่อนที่สนิทมากและเป็นเพื่อนที่ไว้ใจมากที่สุดเลยไม่รู้สึกแปลกกับการกระทำแบบนี้
“ กูกลับล่ะ มึงอยู่คนเดียวได้นะ ? ”
“ อื้ม ” คนตัวเล็กพยักหน้ารับ อีกคนจึงค่อยหันหลังเดินกลับไป
จริงสิ .. กันยังไม่รู้เรื่องหุ่นยนต์พี่โต่โน่เลยนี่นา
จะตะโกนเรียกก็ไม่ทันเมื่อร่างสูงเดินเข้าไปในลิฟต์เสียแล้ว ริทหันหน้ากลับมาที่ประตูห้องของตัวเองก่อนจะใช้กุญแจไขห้องตัวเอง
“ ใครมาส่งน่ะพี่ริท ? ” คนที่เพิ่งเปิดประตูห้องฝั่งตรงข้ามออกมาเอ่ยถาม
“ เพื่อนน่ะ ว่าแต่ทำไมวันนี้เลิกเรียนเร็วจังฮะเรา ? ” เขาถามกลับโดยไม่ได้หันไปมอง มือเล็กเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไปโดยมีอีกคนเดินตามเข้ามา ไอซ์ที่อยู่ในกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดสีครีมอ่อนใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกของตัวเองหลังจากผ่านการอาบน้ำมา
“ ผมโดดช่วงบ่ายอ่ะ เบื่อ .. ไม่มีครูผู้ชายมาสอนเลย ”
“ แกนี่มันจริงๆเลยน้า ” ริทบ่นไปตามประสา คำพูดแก่แดดแก่ลมแบบนี้เขาได้ยินเป็นประจำ รู้ดีว่าตัวเองไม่ดีที่ปล่อยให้เด็กคนนี้ทำอะไรผิดๆหลายอย่างโดยที่ไม่ห้าม ไม่ใช่ว่าไม่อยากห้าม แต่เพราะเขาคงห้ามไม่ได้
“ ทำไมกลับช้าจังตัวเล็ก ? พี่คิดถึงจะแย่แล้ว ” เสียงทุ้มของคนมาใหม่ดังขึ้นแทรกก่อนเจ้าตัวจะเดินออกมาจากห้องนอน จะพูดว่าคนมาใหม่ก็ไม่ถูก เพราะร่างสูงนี่อยู่ในห้องมาตั้งแต่แรกแล้ว
“ ว้า ~ เซ้งเจ้าหุ่นนี่ชะมัด ผมกลับไปอยู่ที่ห้องผมก็ได้ ไม่อยากอยู่เป็น กขค. แล้วก็เลิกมองผมด้วยสายตาผลักไสไล่ส่งกันขนาดนั้นได้แล้วครับคุณพี่หุ่นกระป๋อง ” ไอซ์หันหลังกลับก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างเซ็งๆทั้งที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่ถึงนาที พอเหลือกันอยู่แค่สองคนในห้องร่างสูงก็ถามซ้ำ
“ ทำไมกลับช้าจังครับตัวเล็ก ? ” ไม่ถามอย่างเดียว คราวนี้แขนแกร่งเอื้อมมากอดรัดเขาจากด้านหลังด้วย ริทพยายามขัดขืนเล็กน้อยแต่ปากก็ตอบคำถามกลับไป
“ โดนอาจารย์ทำโทษน่ะฮะ ” แขนเล็กที่กำลังดันตัวออกจากการรัดกุมของอีกคนหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินประโยคถัดไป
“ พี่หมายถึงหลังจากออกจากห้องสมุดน่ะ ”
“ .......... ”
“ เอ่อ .. ตัวเล็กทานข้าวมายัง ? อยากกินอะไรไม๊ครับ เดี๋ยวพี่ทำให้ ” โตโน่ปล่อยเขาให้เป็นอิสระแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างผิดปกติ ตาคมเสมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตาคนตัวเล็ก
“ อะไรก็ได้ฮะ ผมกินได้หมด ” เขาตอบพลางมองปฏิกิริยาของอีกคนไม่วางตา
“ อ่ะ .. อื้ม ! งั้นรอแป็นเดียวนะ ” พูดจบก็รีบเดินเข้าห้องครัวไปอย่างรวดเร็ว ริทมองตามด้วยสายตาจับผิด เขายังไม่ได้พูดเลยว่าไปจัดห้องสมุดมา มีแค่กัน เก่ง แล้วก็โตโน่ตัวจริงที่รู้
หุ่นยนต์พี่โตโน่น่าจะอยู่ที่ห้องตลอดนี่นา ..
แล้วพี่เขาจะรู้ได้ยังไงว่าผมไปไหนมาบ้าง ?
ไหนจะท่าทางมีพิรุธนั่นอีก ..
ถึงจะไม่น่าเป็นไปได้ แต่สิ่งที่ผมคิดตอนนี้มีอยู่อย่างเดียว
พี่โตโน่ทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน !?
TBC ,,*
------------------------------------------------------------------------------------------------------
TALK ;}
หายไปนานน๊านนาน นานแสนนาน 55
ไรเตอร์รู้ตัวดีและไม่ขอแก้ตัว
ขี้เกียจอธิบายเหตุผล
SF ก็ยังแต่งไม่จบยังอุตส่าห์ลงเรื่องยาว 55
แถมยังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้อีก
สะใจจริงๆ เอิ๊กๆๆๆๆ
สอบเสร็จแล้ว ปิดเทอม
หลังจากนี้ คาดว่า จะอัพบ่อยขึ้น
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม ที่คลิ๊กเข้ามาอ่าน
ไม่ต้องเม้นท์ก็ได้ แค่เข้ามาอ่านและมีความสุขไปกับฟิคเรื่องนี้
ไรเตอร์ก็พอใจแล้วค่ะ 5555 (<< กระแดะจริงๆ 555)
ความคิดเห็น