ตอนที่ 9 : ครั้งหนึ่งวันนั้น...ที่ลูคบันทึก
การเดินทางมาอัลสโตเรียครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ตัวเมืองไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไร ยังคงเป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงาม ผู้คนสวมชุดเกราะเดินเล่นเต็มไปหมด และเสียงกระทบกันของเหล็กดังสะท้อนทั่วทุกหัวมุมเมือง
เมื่อสี่ปีก่อน ผมมาอัลสโตเรียครั้งแรกในฐานะเจ้าชาย และมาพร้อมกับท่านพ่อในงานเจรจาติดต่อเรื่องกองกำลังอัศวินและอาวุธเพื่อใช้ปกป้องอาณาจักร แต่คราวนี้ ผมมาในฐานะของนักเดินทางเพียงคนเดียว
ผมมั่นใจว่าหน้าตาของผมไม่ได้เปลี่ยนไปจากสี่ปีที่แล้วมากนัก แต่กลับไม่มีใครจำผมได้สักนิด...ผมสีเงินออกจะสะดุดตาแต่กลับไม่มีใครมองเห็น ตาสีทองที่ค่อนข้างหายาก เมื่อมาอยู่บนในหน้าของผมแล้วคงจืดจา...ง
อ่า...รู้สึกว่าพวกพี่สาวเคยบอกว่าผมจืดจาง...ท่าจะจริง
เรื่องที่ได้เรียนรู้ในการเดินทางครั้งนี้มีมากมากจริงๆ ผมจะเขียนเล่าเป็นเรื่องๆไป
* * * * * * * * * *
เรื่องที่หนึ่ง – ห้าม! เหม่อลอยตอนเดินอยู่คนเดียว
มันเป็นนิสัยที่ผมพึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองเป็น....ในตอนที่เริ่มออกเดินทางคนเดียวมาได้สักพัก ผมมักจะเดินกินลมชมนกชมไม้ไปเรื่อย ไม่ได้มองทางสักเท่าไร มีหลงทางบ้าง สะดุดบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลำบากอะไรนัก
พักหลังก็เริ่มดีขึ้นนะ....แต่ว่าผมดันถูกปีศาจกินฝันทำร้ายเข้าจนได้ ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้น ผมกำลังเดินอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างก่อนเข้าตัวเมืองอัลสโตเรีย
อย่างน้อยปีศาจกินฝันก็ยังรู้ว่าผมเป็นเจ้าชายอะนะ พวกมันรุมโจมตีซะพลังงานทุกอย่างของผมหมด
ผมไม่ตายหรอก วางใจได้ เพราะเมื่อมีอันตรายจนถึงแก่ชีวิต แหวนนั่นจะดึงตัวผมเข้าไปในนั้น
แหวนนั่นที่ว่าคือแหวนเงินแท้ประดับพลอยสีน้ำเงินเข้ม เป็นของกำนัลจากราชาเมืองทรอยแมร์ที่แจกให้เจ้าชายเจ้าหญิงของทุกอาณาจักร…
ผมเคยสงสัยนะ ว่าหน่วยข่าวกรองของทรอยแมร์ต้องดีมากแน่ๆ เพราะขนาดเมืองที่ล่มสลายไปแล้ว พวกเขายังจัดส่งแหวนไปให้อดีตเชื้อพระวงศ์ได้ถูกที่ถูกคน......
อืม.... พอลองนึกย้อนกลับไป แหวนที่พี่สาวได้สวยกว่าของผมตั้งเยอะ
ตามความเห็นของผมแล้ว แหวนจากทรอยแมร์น่าจะแยกชายหญิง เพราะเมื่อผมมองแหวนในนิ้วของอาร์วีและเมดี้ มันเหมือนกับแหวนของผมเป๊ะ ในขณะที่แหวนของอากิเป็นแหวนสีทองที่มีลวดลายแบบเดียวกันกับของพี่สาวของผม...เริ่มนอกเรื่องแหะ
กลับมาที่แหวน(ที่ไม่รู้ว่าจะออกมาได้เมื่อไรอ่ะนะ)
แหวนวงนี้จะคอยป้องกันผู้สวมใส่จากปีศาจกินฝัน ไม่ให้โดนกิน แต่เมื่อเข้าไปแล้ว ก็ไม่สามารถออกมาเองได้ และจะมีสภาพเหมือนหลับใหล จำศีล อะไรประมาณนั้น อยู่ภายในแหวนนั่นล่ะ
ตอนผมเด็กๆ พระราชาทรอยแมร์เคยบอกกับพ่อของผมว่า ทันทีที่ผมโดนปีศาจกินฝันทำร้ายจนต้องเข้ามาอยู่ในแหวน เจ้าหญิงเจ้าชายหรือเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรทรอยแมร์ จะรีบออกเดินทางไปหาผมทันที โดยพวกเขาสามารถรับรู้ได้จากแหวนของพวกเขาเอง...
หืม...นี่ใส่เวทย์ติดตามตัวเอาไว้เลยเรอะ?!
แต่ถ้าหมดอายุไขไปก่อนที่โดนปลุกแล้วละก็ ......อ่ะ อย่าไปพูดถึงมันดีกว่านะ
อืม...เอาเป็นว่าอย่าเหม่อเป็นดี แถมการมีแหวนจะทำให้เราโจมตีปีศาจกินฝันได้แรงมากขึ้นด้วย
อีกเรื่องเกี่ยวกับแหวนที่เพิ่งรู้จากนาวิคือ แหวนวงนี้จะกลับมาหาเจ้าของเสมอไม่ว่ามันจะหลุดหล่นกลิ้งตกหายไปไหน มันจะกลับมาหาเจ้าของภายในหนึ่งชั่วโมงเสมอ และสลายไปเมื่อเจ้าของแหวนนั้นสิ้นชีวิต...แน่นอนว่าเชื้อพระวงศ์ของทรอยแมร์ที่ดูแลเราก็จะรู้เช่นกัน...
นาวิครับ กรุณาอย่าเล่าเรื่องสยองขวัญเหมือนพูดเรื่องลมฟ้าอากาศก็ดีนะครับ
บรื้ย~
อ่อ เกือบลืมเล่า
นาวิ คือชื่อของพ่อบ้านของเจ้าหญิงทรอยแมร์ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนตุ๊กตาหมาจิ้งจอกยืนสองขา ขนปุกปุยสีขาวตัวสูง(รวมความตั้งของหูแล้ว) ประมาณต้นขาของผม
ส่วนเจ้าหญิงทรอยแมร์ เธอชื่อ อากิ ตาสีดำผมประบ่าสีน้ำตาล สูงกำลังดี ก้มมองไม่ปวดคอเท่าไร
ทั้งสองกำลังเดินทางไปทรอยแมร์ เพราะอากิพึ่งกลับมาจากโลกคู่ขนาน ส่วนสาเหตุที่เธอไปอยู่ที่นั่น เห็นนาวิบอกว่า เพื่อกันเธอออกจากความวุ่นวายในทรอยแมร์จนกว่าจะถึงเวลาเดินทางกลับ
แต่ระหว่างที่เดินทางกลับมา คงจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทำให้เธอมาโผล่ที่อัลสโตเรียแทนที่จะเป็นทรอยแมร์ และมันทำให้ความทรงจำของเธอหายไปหลายอย่าง ซึ่งนาวิต้องคอยบอกและสอนสิ่งต่างๆที่เธอลืมไป
และเธอก็เป็นคนปลุกผมออกมาจากแหวนด้วย ช่างเป็นพระคุณอย่างสูง
ขอบคุณครับ //ทำหน้าหล่อที่สุดในมิวเซ่
* * * * * * * * * *
เรื่องที่สอง – ผมพึ่งรู้ว่า ขลุ่ยของผมใช้ตีปีศาจกินฝันตายได้...ก็วันนี้
เรื่องมันเริ่มจาก...
วันหนึ่งหลังจากที่อากิฝึกซ้อมเวทมนต์ประจำวันกับนาวิเสร็จ เธอหยิบก้อนหินในแม่น้ำตอนที่พวกเราพักอยู่บนลานกว้างข้างๆ มาใส่พลังความฝันของเธอลงไป
เธอบอกว่าเธอเพิ่งได้เรียนเวทใหม่ที่น่าสนใจมากๆ แต่ใช้ได้เฉพาะทางมากๆเช่นกัน
พวกเราไม่ได้สนใจอะไร เพราะเวทย์ก่อนหน้าที่เธอเรียนได้คือเวทชำระล้าง ซึ่งทำให้การอาบน้ำมันง่ายขึ้น...คือ มันเป็นเวทย์ธรรมดาแต่เธอตื่นเต้นมาก มากจนพวกผมเริ่มเฉยๆตอนที่เธอตื่นเต้นไปแล้ว
[อ่อ ผมลืมเล่าว่าคณะเดินทางของผมตอนนี้มีกัน 4 คน กับ 1 ตัว คือ เจ้าหญิงอากิจากทรอยแมร์ เจ้าชายอาร์วีจากอัลสโตเรีย เจ้าชายเมดี้จากเฟรเชียน และผม เจ้าชายลูคจากมิวเซ่
และเมดี้ยังตั้งชื่อพวกเราว่า คณะเดินทางส่งเจ้าหญิงทรอยแมร์กลับบ้าน อีกด้วย]
เธอถามหาถุงผ้าเล็กๆจากเมดี้ ซึ่งเมดี้ก็บังเอิญมีซะด้วย และผมก็เห็นเธอเก็บก้อนหินไว้ในนั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับปีศาจกินฝันในวันถัดมา เธอหยิบหินจากออกมาจากถุงที่เธอเก็บไว้ ปาเข้าใส่ปีศาจกินฝัน ทันทีที่หินก้อนนั้นถูกตัวของปีศาจกิน ปีศาจกินฝันฝันก็สลายไปทันที ส่วนหินก็ปลิวไปตามแรงขว้างและตกลงพื้นในที่สุด
และยังมีบางก้อนที่คอมโบ ปาทีเดียวเก็บปีศาจกินฝันได้สองตัวอีกด้วย
ผมที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะอยู่แนวหลังกับเธอ ถึงกับทำอะไรไม่ถูก อึ้งสุดๆ
ท่าปาหินก็ธรรมดา วิถีของก้อนหินก็ธรรมดา ความแรงในการปาก็ธรรมดา....แต่ปีศาจกินฝันสลายไป...คนอื่นเค้าสู้กันแทบตาย จนมีเมืองล่มสลายไปหลายแห่งเพราะปีศาจกินฝัน แต่เธอกลับใช้หินขว้างใส่นี่นะ!?
อืม...เป็นวิธีกำจัดแบบธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
เมื่อหินหมด ผมที่ยืนอยู่ข้างๆเธอตอนนั้น จึงถูกขอขลุ่ย ที่เป็นเครื่องมือในการร่ายเวทเสียงเพลงของผมไป
ผมมองนิ้วชี้ของเธอที่ขยับวาดวงเวทย์ลงบนขลุ่ย....ดูไม่ค่อยรู้เรื่องแหะ
และเราสองคนก็ปล่อยให้อาร์วีกับเมดี้ต่อสู้กับปีศาจกินฝันเพียงสองคนอยู่พักหนึ่ง
พอเสร็จ เธอส่งกลับมาให้ผมลองเป่าอีกครั้ง ความสามารถของเวทย์ที่ออกมาจากขลุ่ยก็รุนแรงขึ้น (ตรงนี้ผมรู้สึกได้เอง) และเมื่อปีศาจกินฝันหลุดออกมาจากแนวโจมตีของอาร์วี มันก็พุ่งเข้าประชิดตัวผมกับเธอ ผมเผลอยกขลุ่ยขึ้นมากัน ทันทีที่ปีศาจกินฝันโดนขลุ่ย มันก็สลายไป
ด้วยความไม่แน่ใจ ผมเลยลองใช้ขลุ่ย ฟาดเคาะไปที่ปีศาจกินฝันอีกตัวเบาๆ
มันก็สลายไป…
อากิเห็นดังนั้น จึงตะโกนเรียกเมดี้กลับมาแนวหลังแทน และสั่งให้ผมไปอยู่แนวหน้ากับอาร์วี ผมงงๆในตอนแรกแต่ก็ทำตามที่เธอบอก...
เอาจริงๆนะ ผมรู้สึกเหมือนค้นพบโลกใบใหม่เลยทีเดียว
หลังต่อสู้ อากิบอกว่าพลังแฝงของผมไม่ใช่พลังประเภทสายสนับสนุน เพราะฉะนั้น ควรจะฝึกสายอื่นเอาไว้บ้าง...เพราะฉะนั้นไปอยู่ข้างหน้าซะ!!
.....ดังนั้น ผมจะคิดนอกกรอบให้มากขึ้น เผื่อจะเจอวิธีใช้งานขลุ่ยมากกว่านี้
**หมายเหตุ - ความแข็งแรงของขลุ่ยไม่มีผลอะไรกับปีศาจกินฝัน ผมต้องระวังไม่ให้ขลุ่ยไปฟาดโดนอย่างอื่น ไม่งั้นขลุ่ยอาจแตกร้าวเสียหายได้ อากิบอกผมภายหลังด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
* * * * * * * * * *
เรื่องที่สาม – จากการที่ได้เดินทางไปทั่วอัลสโตเรียโดยร่วมทางกับอากิ ผมก็ได้รู้ว่า อย่าทำให้ผู้หญิงที่ร่าเริงเป็นนิจนั้นรู้สึกโกรธ เพราะเธอจะจดบัญชีแค้นไว้ และสะสางทั้งหมดในคราเดียว
...ซึ่งมันน่าสยองมาก เธอยิ้มทั้งๆที่กำลังทำการแก้แค้นทารุณกรรมอยู่...ขณะเขียนตอนนี้ผมยังรู้สึกขนลุกไม่หาย
เรื่องนี้เริ่มจากตอนที่เราไปหยุดแวะ เมืองศูนย์กลางอัศวิน ซึ่งมันเป็นน่าจะเป็นช่วงวันที่สามของการเดินทาง
หลังจากกำจัดปีศาจกินฝันของเมืองนี้ได้ทั้งหมด ก็มีกลุ่มคนที่อ้างตัวว่าตัวเองเป็นนักวิจัยของสถาบันแม็กน่า เข้ามากล่าวหาอากิว่า เธอเป็นคนที่ทำให้ปีศาจกินฝันมาที่เมืองนี้
ตามที่พวกเขาอ้าง มีเนื้อหาประมาณว่า...
เนื่องจากเธอเป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรความฝัน มีพลังความฝันสูงลิ่ว ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวังกับความฝัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ปีศาจกินฝันชอบกินมาก ดังนั้นไม่แปลกที่เธอจะเป็นตัวดึงดูดความซวย...ไม่ใช่สิ ปีศาจกินฝันต่างหาก
…ประมาณนี้
อืม...คิดพวกเขาอย่างนี้จริงดิ...
ผมลองนึกย้อนไปคืนแรกที่เราสี่คน+หนึ่งตัว พักแรมในเต็นท์กลางทุ่งหญ้าของอัลสโตเรีย ...หลังจากเราออกเดินทางจากปราสาทแล้ว
ระหว่างที่อากิกำลังเรียนวิธีใช้เวทมนต์กับนาวิ อากิได้ถามนาวิว่า มีวิธีจะทำให้ปีศาจกินฝันที่กระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆในเมืองมารวมกันเป็นกระจุกเดียวกันหรือเปล่า เพราะเธออยากจัดการในคราวเดียว ไม่อยากเดินไปรอบๆเมืองเพื่อค่อยๆกำจัดหรือลากมันออกมารวมกันแล้วกำจัดทีเดียวเหมือนที่เธอทำในวันนี้ ซึ่งนาวิบอกว่าใช้ได้ แต่พลังของเธอตอนนี้ยังมีไม่พอที่จะใช้สกิล(?)นั้น
อากิยอมรับอย่างหงอยๆ
ว่าแต่ สกิลมันคืออะไร?
ในวันถัดมาอากิต้องเดินลากปีศาจกินฝันจากทั่วทั้งเมืองให้มารวมกันในที่กว้างๆ เช่นลานกลางเมือง หรือ ลานพักก่อนเข้าเมือง แล้วพวกเราสี่คนค่อยจัดการทีเดียว
โดยตัวปกติของแหวนจากทรอยแมร์เอง มันจะช่วยดึงความสนใจของปีศาจกินฝันได้ระยะหนึ่งอยู่แล้ว เพราะแหวนนั้นมีพลังที่ปีศาจกินฝันกลัว แต่เรียกปีศาจกินฝันออกมาไม่ได้หรอก
ตามหลักทั่วไป อะไรที่อันตรายกับมัน มันก็ต้องกำจัดก่อนใช่ไหมล่ะ
ดังนั้น เมื่อปีศาจกินฝันปรากฏตัว มันก็ต้องกำจัดอันตรายก่อนจึงค่อยทานอาหาร (พลังความฝัน)
สรุปคือ อากิเพียงคนเดียวยังไม่สามารถเป็นตัวเรียกปีศาจกินฝันเคลื่อนที่ได้หรอกนะ…ข้อกล่าวหาจึงตกไป
ไม่อย่างนั้น บรรดาเจ้าชายเจ้าหญิงของทุกเมืองได้เป็นตัวซวยดึงดูดปีศาจกินฝันกันหมดพอดี
กลับมาตอนที่อากิกำลังโดนกล่าวหา …เธอนั้นยืนฟังนิ่งๆ
กลับกันอาร์วีเริ่มโกรธจัด เขาจริงจังกับการมีความฝันแล้วความหวังมาก เพราะมันเป็นวิถีอัศวิน? (...ที่ผมกำลังทำความเข้าใจจากคำบอกเล่าของเขา) และจะเข้าไปบวกกับพวกแม็กน่าทันทีโดยไม่รอพวกนั้นพูดจบ
...อ่า...ขอบคุณเมดี้ที่รั้งตัวไว้ได้ทัน
แต่อากิที่ยืนประจันหน้า ก็โดนอีกฝ่ายกล่าวหาไปไม่น้อย
เธอยิ้มน้อยแบบหน้านิ่งๆ และถามกลับพวกเขาเมื่อหยุดพูดว่า
พูดจบยัง ถ้าจบแล้วฉันจะพูดบ้าง
และเธอก็พูดด้วยเสียงเรียบๆ
ถ้าจะกล่าวหา ช่วยเอาหลักฐานมายืนยันด้วยค่ะ ว่าฉันเป็นตัวเรียกปีศาจกินฝันมา
ปริมาณความฝันมันต้องมากจริงๆถึงจะทำให้ปีศาจกินฝันปรากฏตัวได้ แถมเมื่อปรากฏตัวแล้วมันก็จะไม่หายไปจนกว่ามันจะอิ่ม...เรื่องนี้ทุกคนก็รู้กันดีอยู่ไม่ใช่หรือไงค่ะ
ปีศาจกินฝันน่ากลัวก็จริง แต่ถ้าคิดว่าใส่ความใครที่ดูอ่อนแอสักคนแล้ว จะช่วยให้ความคับแค้นในใจหายไปได้...มันดูไม่ยุติธรรมกับคนที่โดนกล่าวหาไปหน่อยนะคะ
เอาเถอะ ปากที่พูดก็เป็นปากของคุณ คำพูดก็ของคุณ รับผิดชอบกันด้วยนะ ส่วนตัวฉันเองไม่มีเวลามากขนาดนั้น จะไปกำจัดปีศาจกินฝันที่เมืองถัดไปต่อ ขอตัวก่อนค่ะ
เธอเดินกลับมาหาพวกเรา หันหลังให้พวกเขาอย่างเท่ๆ
นาวิพุ่งเข้าไปปลอบใจอากิ ผมเห็นเธอกลอกตามองบนไปที ก่อนจะคว้าตัวนาวิตรงหน้ามากอดและซุกหน้าลงไปบนขนที่ดูนุ่มฟูนั่น
เธอบอกว่าเธอโกรธมาก แต่แค่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าทันที เท่านั้น
พวกเราจึงไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ยืนอยู่ข้างๆเธอตลอดแทน
เมื่อพวกเราเดินทางไปยังเมืองถัดไป...เธอก็ร่าเริงขึ้น...แต่ ก็ยังคงเจอพวกแม็กน่าเข้ามาพูดจาไม่ดีใส่ เสมอๆหลังจากที่กำจัดปีศาจกินฝันหมดไป...ทุกครั้ง
มันแปลก...ทำไมต้องมาหลังจัดการเสร็จด้วยล่ะ? ทำไมไม่มาช่วยกันกำจัดล่ะ
หลายวันผ่านไป ประมาณวันที่แปดนับตั้งแต่ออกเดินทางมา
เมื่อผ่านเมืองใหญ่หนึ่ง อาร์วีได้จัดการให้อัศวินหน่วยหนึ่งของดยุกที่รู้จักกันมาช่วยคุ้มกันระหว่างเดินทางด้วย เพราะเริ่มรำคาญพวกแม็กน่าที่เข้ามาต่อว่าอากิทุกครั้งที่กำจัดปีศาจกินฝันเสร็จ
อากิดีใจ จึงได้มอบเวทที่เธอเรียกอย่างหรูๆยาวๆว่า “การลงอาคมกำจัดปีศาจกันฝันใส่ในอาวุธซึ่งจะทำให้ใช้กำจัดปีศาจกินฝันได้ชั่วคราว” ให้กับอาวุธทุกชนิดของหน่วยอัศวิน มันเป็นเวทเดียวกับที่ลงบนขลุ่ยของผมนี่แหละ
หมายเหตุ**เมดี้วาดรูปประกอบชื่อเวทย์ของอากิได้แย่มาก...
ซึ่งผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไปลงอาคมฯให้หม้อและตะหลิวของพ่อครัวในกองทัพด้วย?
ผมลองหยิบดาบที่เธอร่ายเสร็จแล้วมาดูสักเล่ม ถามเธอไปเรื่องจำนวนวงเวทย์ที่ผมมองเห็น เธอทำสีหน้างงงวย พอผมชี้ให้เธอดู เธอกลับบอกว่าเธอมองไม่เห็น
(อ่าว เฮ้ย!)
พอผมบอกจำนวนวงเวทย์ให้เธอฟัง เธอก็บอกว่านั้นเป็นจำนวนเดียวกันกับจำนวนเทิร์น?ของบทเวทย์ที่เธอร่ายทับๆกันลงไป...เพราะถ้าไม่ลงไว้เยอะๆ พอกำจัดปีศาจกินฝันไปได้ปริมาณหนึ่ง ฤทธิ์ของอาคมฯก็จะหมดไปกลับไปเป็นอาวุธธรรมดาที่กำจัดปีศาจกินฝันไม่ได้
ผมเลยยื่นขลุ่ยของผมให้เธอ และยิ้มกว้าง
รบกวนด้วยนะครับ
เธอก็พูดแค่ว่า
ลูค...นายเปลี่ยนไปนะ และหัวเราะแห้งๆ
เราเพิ่งรู้จักกันกี่วันเอง...เธอ...
จนวันสุดท้ายที่พวกเราจะอยู่ในอัลสโตเรีย พวกเราเดินทางกลับมาที่เมืองริมแม่น้ำอีกครั้ง... ซึ่งวนครบทุกเมืองของอัลสโตเรียแล้ว
อาร์วียังกล่าวแบบอึ้งๆว่า เป็นการเดินทางที่เร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองเคยทำมา เมืองหนึ่งอยู่ไม่ถึง 3 ชั่วโมง
ขณะที่เดินเล่นในเมืองเพื่อรอมูนโร้ดปรากฏ
จู่ๆ ก็มีนักบวชของสถาบันแม็กน่ามาพูดใส่ร้ายอากิอีกครั้ง คราวนี้ ...กลางตลาด....เลยทีเดียว
(หมายเหตุ** คราวนี้ไม่ได้รอให้พวกเรากำจัดปีศาจกินฝันก่อนเรอะ? – อาร์วีบอก แล้วผมรู้สึกตลกดี จึงจดไว้)
อากิกลอกตา มองบน ถอนหายใจเสียงดังอย่างไม่ปิดบัง เธอมองจ้องไปที่บรรดานักบวช
“ไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไงนะ”
ผมขำกับคำพูดของเธอ จะมองโลกในแง่ดีไปไหม แต่อีกห้าวินาทีถัดมา ผมต้องกลืนคำชมที่จะบอกเธอลงคอไป....เพราะ...
อากิวิ่งตรงเข้าไปที่นักบวชคนหนึ่ง เฮตบัตใส่คางของเขาอย่างจัง กดเขาล้มลงไปนอนบนพื้น และเธอก็ตามลงไปนั่งคุกเข่าบนตัวของเขา กระฉากคอเสื้อขึ้นแล้วข่มขู่...ไม่สิ สอบถามว่าทำไมต้องมาตามเธอไปทุกเมืองด้วย
และผมก็เจอภาพ สาวน้อยผมสีน้ำตาลที่แสนร่าเริงกำลังหักนิ้วของศัตรูพร้อมๆรอยยิ้ม
กระแสเวทที่ออกมากจากตัวของเธอนั้นแรงมาก เส้นแสงสีต่างๆทั้ง แดง ฟ้า เขียว เหลือง ม่วง พุ่งออกมาวนรอบตัวเธอ และส่วนหนึ่งก็ช่วยเธอกดตัวของคาซ่าเอาไว้
ผมสติหลุดไปตอนที่เธอหักนิ้วที่สาม...เมดี้บอกว่าผมมองเธอหักนิ้วต่างๆได้นิ่งมาก
รู้ตัวอีกที ก็ตอนที่อากิบอกให้ผมเข้ามาค้นตัวคาซ่า...อืม...โดยที่เธอยังนั่งอยู่บนร่างของเขาพร้อมจับมือที่มีแต่นิ้วหักๆไว้
ผมค้นเจอแผ่นไม้เล็กๆจากช่องในเสื้อคลุมของเขา
คาซ่านี่ใครนะ ไอหมอนี้หรอ?
แว็บหนึ่งที่เธอละสายตาจากคาซ่ามามองผม สายตาที่ดุดันและโกรธเกรี้ยวเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนที่มาพร้อมคำพูดว่า ขอบคุณค่ะ ลูค
พร้อมๆกับเสียงกร๊อบ นิ้วของคาซ่าหักไปอีกหนึ่งนิ้ว
ผมยิ้มค้างๆ แอบรู้สึกดีใจ ที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับเธอ
อาร์วีเห็นดังนั้น จึงสั่งให้พวกอัศวินค้นตัวพรรคพวกคาซ่าทุกคน
ทันทีที่แผ่นไม้ทั้งหมดถูกนำออกมาจากตัวของนักบวชทุกคนตามคำสั่งของอาร์วี ไม่นาน ปีศาจกินฝันออกมาอีก
อากิวาดแขนโบกมือวาดเวทสองสามที ผมแอบเห็นว่าเธอปาก้อนหินเล็กๆ ออกไปโดนปีศาจกินฝันอย่างเนียนๆด้วย
ปีศาจกินฝันหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
เธอให้เมดี้รักษานิ้วมือของคาซ่า พร้อมพูดอะไรบ้างอย่างกับชาวเมือง ตรงนี้ผมไม่ได้ฟัง เพราะผมเอาแต่มองใบหน้าของเธอ ท่าทางตอนพูดของเธอ และเส้นกระแสเวทย์ที่ปล่อยออกมาจากตัวเธอ
ผมรู้สึกเหมือนว่าจะแต่งเพลงได้อีกเพลงซะแล้วสิ
อยากให้ชื่อเพลงว่า พายุโหมกระหน่ำในวันที่ท้องฟ้าสดใส จัง
น่าจะเข้ากับอากิได้ดี....
จะใส่คำร้องว่าอะไรดีนะ
...แต่ตอนแต่งเพลงผมห้ามมองภาพวาดของเมดี้เด็ดขาด...เพราะมันทำให้มู้ดของผมหายไปหมด
เอาเป็นว่า
อย่าทำให้ผู้หญิงที่ไม่ค่อยสนอะไรโกรธ เพราะเธอจะทำทุกทางจนกว่าคุณจะยอมแพ้
* * * * * * * * * *
เรื่องที่สี่ – ในหัวของอาร์วีกับเมดี้น่าจะมีปัญหา ผมว่าผมต้องปรึกษาอากิดูถ้ามีโอกาส…
สามสี่วันที่พวกเรา คณะเดินทางส่งเจ้าหญิงทรอยแมร์กลับบ้านขี่ม้าไปตามเมืองต่างๆของอัลสโตเรีย ผม อาร์วี เมดี้ และ อากิ พวกเราสี่คนสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ
จนเริ่มไม่เรียกว่า เจ้าหญิงเจ้าชายแล้ว เรียกชื่อเพียวๆนี่ล่ะ
สำหรับผมถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่จริงผมเป็นคนสุดท้ายที่เริ่มเปลี่ยนวิธีเรียก ผมอยากสนิทกับทุกคนนะ แต่กังวลว่าเขาหรือเธอนั้นอยากให้ผมสนิทได้หรือเปล่า
ผมเลยลองอ่านใจทั้งสามคนเป็นระยะ
แน่นอน ผมอ่านใจตลอดเวลาไม่ได้ พลังพิเศษที่ได้จากมูนโร้ดนั้น จะใช้พลังอย่างใดอย่างหนึ่งที่เรามี ผมมีพลังกาย กับ พลังเวทย์ พลังความฝัน ซึ่งการใช้พลังพิเศษนี้มันกินพลังเวทย์ของผมเป็นระยะๆ
อากิมักจะบอกว่าพลังเวทย์ของผมไม่เต็มหลอดเลยสักครั้ง
ผมไม่รู้หรอกว่าพลังเต็มๆผมมีเท่าไร แต่เมื่อเริ่มรู้สึกมีพลังเวทย์พอแล้ว ผมก็ใช้อ่านความนึกคิดของคนรอบๆทันที
อย่างตอนที่พวกเรากำลังพักค้างคืน อยู่บนลานกว้างริมชายป่าระหว่างสองเมือง
อากิดูคล่องแคล่วในการกางเต้นท์มาก และเมื่อผมอ่านใจดู พบว่าเธอกำลังคิดทบทวนเกี่ยวกับวิธีการกางเต้นท์ที่พี่ชาย(ในโลกเดิมของเธอ) เคยสอน และค่อยๆทำความเข้าใจกับชิ้นส่วนของเต้นท์ในโลกนี้ และมีความคิดที่จะซ้อมลากลูกแก้ว(มันคืออะไรฟะ?) เพื่อให้ตัวเองใช้เวทย์ได้คล่องขึ้น...ตรงนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจ แต่เหมือนเธอเคยบอกว่าเป็นวิธีใช้พลังความฝันของทรอยแมร์...
อาร์วีที่กำลังย่างปลาอย่างขะมักเขม้น แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยเรื่องดาบ เขาอยากเอาดาบสั้นไปสอนเด็กๆที่เรียนดาบกับเขา เพราะมีเด็กหลายคนเริ่มโตพอที่จะใช้ดาบจริงได้แล้ว แต่ถ้าให้ใช้ดาบยาวก็คงหนักเกิน และมีเด็กคนหนึ่งบอกว่าอยากใช้ทวน อาร์วีเลยตัดสินใจว่า จะให้เริ่มจากกระบองยาวก่อนน่าจะเข้าท่า....และเจ้าตัวก็ตระหนักได้ว่า ถ้าเดินทางกับเจ้าหญิงทรอยแมร์แล้ว จะไม่ได้ไปสอนเด็กๆอีกพักใหญ่เลย เพราะฉะนั้น เมื่อเดินทางถึงเมืองถัดไป เขาจะต้องเขียนจดหมายไปหาผู้ที่ดูแลการสอนและฝากให้เขาไปจัดการเรื่องของเด็กๆตามนี้
นาวิที่กำลังทำซุป....คือ ความคิดของนาวิมันซับซ้อนมากจนผมปวดหัวทันทีที่อ่าน จึงเลิกอ่านไป แปลกจังนะครับ ตัวเล็กแค่นี้ แต่เรื่องอะไรไม่รู้มากมายเต็มหัวไปหมด เล่นเอาซะพลังเวทย์ของผมเกือบเกลี้ยงหลอด แต่กลับอ่านได้แค่ว่า ติวเข้มอากิเพื่อให้เป็นเจ้าหญิงที่สมบูรณ์แบบให้ได้.....เออ อากิก็เป็นเจ้าหญิงอยู่แล้วนี่ครับ ....ไม่ค่อยเข้าใจเลยครับ
ส่วนเมดี้....ที่กำลังช่วยผมกับอากิกางเต้นท์ หมอนี่ไม่ต้องอ่านก็รู้ความคิดแล้วครับ เพราะเล่นพูดออกมาหมด พูดไม่หยุดเลยตั้งแต่พวกเราเริ่มกางเต้นท์จนทำเสร็จ
ศิลปะเป็นเรื่องที่เข้าใจยากจริงๆครับ
มีคืนหนึ่ง ผมลองอ่านใจอาร์วีที่นั่งมองท้องฟ้า
เขาคิดว่า เจ้าหญิงทรอยแมร์คนนี้ บ้าพลังดีแหะ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าปีศาจกินฝันคืออะไรก็วิ่งกำจัดไปซะทั่วเมือง...ดูเป็นคนเอาการเอางานดี
จากนั้นพลังเวทย์ผมก็หมด จึงอ่านต่อไม่ได้
อีกคืนหนึ่งผมก็ลองอ่านใจเมดี้ดู
ตอนที่เมดี้กำลังมองแผ่นกระดาษเปล่า
จะวาดภาพอะไรดีนะ เอาให้ลูคตบมุกถูก เอาให้อากิหัวเราะด้วย
แต่ถ้าเป็นคนนั้น คงขำแห้งๆ และบอกว่าตัวเองไม่ค่อยเข้าใจศิลปะ แต่อากิกลับถามเอาๆว่าภายนี้คืออะไร ตรงนี้คืออะไร และมันสื่อถึงอะไร...ไม่เจอคนที่พยายามเข้าใจแบบนี้มานานแล้ว
และพลังเวทย์ของผมก็หมดไปอย่างรวดเร็ว
ผมรู้สึกไปเหยียบแดนสนทยาของทั้งคู่ยังไงก็ไม่รู้สิ
เอาเป็นว่าเรื่องที่อ่านใจได้ ผมจะไม่พูดถึงมันอีก เพราะตอนที่ข้ามมายังดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะนี่ พลังพิเศษของผมก็เปลี่ยนเป็นเพิ่มการโจมตีซะแล้วล่ะ ว่าแต่...ผมจะลองถามทั้งสี่คนดูดีไหม ว่าได้พลังพิเศษอะไรมา
To be continue...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

16 ความคิดเห็น
-
#14 My min@Tea (จากตอนที่ 9)วันที่ 8 มีนาคม 2561 / 12:09กลับมาอ่านใหม่อีกรอบแล้วอยากกลับไปเล่นยูเมะร้อยใหม่ทันทีเลยค่ะ TwT#141
-
#14-1 nightya(จากตอนที่ 9)18 พฤษภาคม 2562 / 10:20สู้ๆนะคะ ทางนี้ก็กลับมาเล่นใหม่เหมือนกัน#14-1
-