ตอนที่ 8 : ครั้งหนึงวันนั้น...ที่ฉันเต้นไปตามเกม
ในโลกนี้...เช่นเดียวกับโลกที่ฉันจากมา...เวลา...เป็นสิ่งเดินไปข้างหน้า ไม่ไหลย้อนกลับ ดังนั้น ความปรารถนาที่สุดอย่างหนึ่งของฉันคือ การที่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อที่ฉันจะได้เลือกทางเดินที่ดีที่สุด….
แต่มันก็เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยจะทำได้เลย...การรู้อนาคตหน่ะนะ
สองชั่วโมงถัดมา พวกเราขี่ม้าจนมาถึงเมืองเมืองหนึ่งที่อาร์วีบอกว่าเป็นเมือง ริมแม่น้ำ....เอาจริงๆนะ ฉันจำชื่อเมืองในเกมไม่ได้หรอก ยิ่งเป็นบทแรกๆด้วยแต่ก็ตามน้ำไปกับอาร์วี .....ในใจก็ค่อยๆนึกไป...ว่าในบทแรกมันเกิดอะไรขึ้นนะ
จำไม่ค่อยได้……
เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ มาที่ปัญหาตรงหน้าดีกว่า....ฉันจะลงจากหลังม้าตัวนี้ยังไงดี?
.
..
…
เอ่า อึบ!
ด้วยความช่วยเหลือจากลูค ฉันจึงลงจากม้าได้อย่างปลอดภัยตามคำแนะนำของเขา แต่เมื่อลงมายืนตรงเท่านั้นแหละ อาการปวดเมื่อยต้นข้าจากการขี่ม้าก็เริ่มแสดงออกมา....ฉันจึงยืนขาโก่งอย่างช่วยไม่ได้
“อุ๊ป!”
นาวิรีบเอามือปิดปากตัวเอง และกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่
“หึหึ”
เมดี้ที่ยืนอยู่ข้างๆก็เอามือปิดปากตัวเองเช่นกัน แต่เสียงหัวเราะก็ยังลอดออกมา
“ฮะ ฮ่าๆๆ”
ลูคเองก็หัวเราะตามไปด้วย คนนี้ไม่คิดจะกลั้นเลยสักนิด หัวเราะจนตาตี่เป็นเส้นตรง
“เอ๋? หัวเราะอะไรกันหรอ.....อ่ะ.... ฮ่าฮะฮ่าๆๆๆๆ”
อาร์วีที่เพิ่งกลับมาจากการนำม้าไปพักที่คอกถามขึ้น เมื่อเขาเห็นท่ายืนของฉันแล้วก็ขำออกมาด้วยอีกคน
ทำไมไม่ลงไปนอนขำบนพื้นเลยล่ะคะ
...เฮ้อ...แม่ค่ะ...หนูอายจนอยากจะมุดหัวลงดินตอนนี้เลยค่ะ
“องค์ –ฮ่าๆ– หญิง ไปหา ที่นั่ง กันก่อน –ฮ่า–ไหมขอรับ”
นาวิพยายามพูดพร้อมกันกลั้นหัวเราะด้วยความยากลำบาก
“ไปสิ รีบๆเลย นาวิ”
“ฮ่าๆๆๆ”
“หยุดหัวเราเดี๋ยวนี่ เจ้าชายอาร์วี!!”
“ก็เธอเดินขาโก่งซะ”
“เจ้าชายลูคคะ เอาเจ้าชายอาร์วีไปเก็บ!”
“ฮ่าๆๆๆ แหม่ๆ ไม่ต้องอายหรอกครับ ครั้งแรกก็เป็นแบบนี้ทุกคน ฮ่าๆๆๆ”
เอ่อ...ลูคคะ คำปลอบใจของคุณจะดีกว่านี้ ถ้าคุณไม่หัวเราะเปิดและปิดท้ายประโยคนะคะ!
เฮ้อ...พอได้ที่นั่ง ฉันจึงขอให้เมดี้ร่ายเวทรักษาให้ เขาแปลกใจที่ฉันรู้ว่าฉันรู้จักพลังเวทของเขาได้อย่างไร ฉันจึงเปิดหน้าจอขึ้นมาให้เขาเห็น ร่ายเวท(ลากลูกแก้ว)เพิ่มประสิทธิภาพให้เขา และขอเมดี้ก็ใช้พู่กันวาด วงเวทย์รักษา กลางอากาศและส่งมาที่ขาของฉัน
วิ้ง....ขาฉันจึงกลับมาสภาพเดิม ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ต้องโก่งขาแล้ว
ส่วนเมดี้ก็ท่าทางปลาบปลื้มในสกิลของตัวเองสุดๆ
“นี่ เจ้าหญิงอากิ เธอไม่เคยหัดขี่ม้ามาก่อนหรือ?”
อาร์วีถามหลังจากเมดี้รักษาเสร็จ
“เท่าที่จำได้ก็ไม่เคย”
ฉันตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ ตัวฉันเองจริงๆก็ไม่เคยหรอก แต่ร่างของเจ้าหญิงทรอยแมร์นี่......ฉันไม่รู้
“ขออนุญาตขัดสักนิดนะขอรับ เจ้าชายอาร์วี เนื่องจากองค์หญิงอากิไปอยู่ที่โลกอื่นมานาน แถมความทรงจำส่วนใหญ่ก็ขาดหาย เพราะฉะนั้น องค์หญิงจะลืมอะไรไปบ้างก็ไม่แปลกหรอกขอรับ”
แล้วฉันเพิ่งมารู้ทีหลังว่า บรรดาเจ้าหญิงเจ้าชายต้องเรียนขี่ม้ากันตั้งแต่เด็ก
“ใช่ๆ ขนาดเวทมนต์ยังใช้ไม่ค่อยเป็นเลย”
“แล้วองค์หญิงอากิจะรับอย่างหน้าชื่นตาบานทำไมล่ะขอรับ”
“อ่าว...นาวิ สองวันก่อนฉันยังเป็นแค่สามัญชนที่อีกโลกอยู่เลยนะ”
“สามวันต่างหาก เจ้าหญิงอากิ”
“เอ๋?”
ฉันหันไปหาลูคที่บอกว่าสามวัน.....ด้วยความงงของฉัน พวกเขาสามคนจึงผลัดกันเล่าออกมาว่าฉันสลบไปวันหนึ่งเต็มๆ เพื่อปลุกพวกเขาทั้งสามออกมาจากแหวนและขี่หลังพวกเขาเพื่อกลับปราสาท....โอ้ย....ต้นขาของฉันเสียซิงให้สามคนไปซะแล้ว
เอ่อ...มันใช่เรื่องไหม?
.
..
...
พวกเราเดินไปรอบๆเมืองตามคำแนะนำของนาวิ เพื่อหาปีศาจกินฝัน
ฉันแอบถามนาวิระหว่างที่เดินว่า เป็นไปได้ไหมที่เจ้าหญิงทรอยแมร์จะเป็นตัวเรียกปีศาจกินฝันเข้ามาหา นาวิขนฟูไปทั้งตัว ตาโตขึ้นด้วยความตกใจ หยุดเดินไป ฉันจึงรีบอุ้มเขาขึ้นมา และเดินตามพวกอาร์วี
พอตั้งสติได้ เขาก็พูดออกมาไม่หยุดจนจบการอธิบาย
เลเวลเจ้าหญิงยังไม่สูงพอที่จะมีสกิลนี้ …
ฉันสรุปจากที่เขาอธิบายยาวยืดออกมา
โอเค ฉันเองก็ไม่อยากเป็นตัวดึงดูดความซวยเหมือนเด็กน้อยนักสืบสักเท่าไร...
อ่ะ.... บทแรก ไม่สิ บทแรกมันเดินทางข้ามมิติมา ต้องเป็นเนื้อเรื่องบทที่สอง...ฉันพอนึกออกแล้ว เด็กน้อยพาเที่ยวรอบเมือง ดราม่า เกิดเรื่องแล้วหลับไป...
อืม....
การที่ฉันขี่ม้ามาอีกเมืองจะทำให้เรื่องมันเพี้ยนไปไหมนะ...
ช่างเถอะ
เมื่อเดินมาถึงลานกว้างของเมือง ปีศาจกินฝันก็ปรากฏตัวขึ้นมาจำนวนมาก รูปร่างก็ดำๆเป็นก้อนควัน ชาวบ้านแถวนั้นตกใจ แต่บรรดาอัศวินที่ทำงานได้รวดเร็วก็เข้ามา จัดการกันคนออกไปจากบริเวณนี้ และเมื่อเห็นอาร์วี พวกเขาต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฉันแอบได้ยินพวกเขาบอกว่า ดีแล้วที่เจอเจ้าชายอาร์วีแถวนี้ จะได้กำจัดปีศาจกินฝันให้สิ้นซาก ไม่ต้องมาคอยไล่ไปแล้วรอมันกลับมาอีก
...นี่ พวกนายเห็นเจ้าชายของอาณาจักรเป็นอะไรกัน? เครื่องมือกำจัดปีศาจกินฝัน?
ฉันไม่ได้คิดอะไรต่อจากนั้น ...ฉันก็มีสิ่งที่ตัวเองต้องทำ ฉันเปิดหน้าจอขึ้นมาให้ฉันมองเห็นคนเดียว ลากลูกแก้ว(ร่ายเวท)เสริมพลังให้สามคนนั่น และ...ฉันก็ได้รู้จัก ฟังก์ชั่นของลูกแก้วระเบิด.....
นอกจากมันจะทำลายลูกแก้วรอบๆแบบในเกมแล้ว มันยังส่งก้อนพลังเวทย์มาให้ฉันยิงไปที่ปีศาจกินฝันอีกด้วย แต่ธาตุอะไรนั้นเป็นแบบสุ่ม ดังนั้น ระหว่างต่อสู้ พลังของฉันจึงเป็นสีเขียวที สีฟ้าที สีแดงที สีม่วงที สุ่มๆกันออกมา
โคตรจะรู้สึกภูมิใจเลยอ่ะ //ทำมือเป็นรูปปืนแล้วเป่านิ้วชี้ของตัวเอง
ส่วนพวกอาร์วี ...ในเกมเราจะเห็นแค่พวกเขาโดดเข้าไปปะทะกับปีศาจกินฝันใช่ไหมล่ะ แต่ความจริงตรงหน้าของฉันคือ.....อาร์วีเอาดาบใหญ่เข้าไปฟันปีศาจกินฝันอย่างต่อเนื่อง ไม่มีผลัดกันรุกผลัดกันรับเหมือนในเกม....
อืม โอเค แต่พลังของฉันก็จะคอยส่งไปเพิ่มให้พวกอาร์วีทุกๆสิบวิเหมือนเดิม เท่าที่ฉันนับ....อาร์วีฟันร่างของปีศาจกินฝันไปประมาณห้าครั้งปีศาจกินฝันถึงจะสลายไป
ส่วนลูค เขาจะใช้ขลุ่ยร่ายเวทเสียงเพลงออกมา คอยเสริมประสิทธิภาพการโจมตีของอาร์วี และมีบ้างที่พวกตัวโน๊ตเข้าไปโจมตีปีศาจกินฝัน แต่ส่วนใหญ่จะคอยตรึงปีศาจกินฝันไว้กับที่ได้ช่วงเวลาหนึ่งมากกว่า
ทางเมดี้....สีจากพู่กันของเขาเหมือนกับเป็นยาพิษไปป้ายที่ตัวของปีศาจกินฝัน แสบๆคันๆ แต่ไม่ถึงตาย แต่ดิ้นทุรนทุราย.....และเหมือนจะทำให้ก้อนควันของปีศาจกินฝันมีรูปร่างที่ชัดเจนขึ้น....แต่ถ้าป้ายบนสิ่งอื่น จะไม่เกิดอะไรขึ้น และจะหายไปหลังจากผ่านไปได้สักพัก ซึ่งเมดี้มาอธิบายทีหลังว่า มันเป็นสีที่เกิดจากพลังเวทของเมดี้เอง
อ่า....ตัวโจมตีน้อยไปแหะ จะไปหาเพิ่มที่ไหนดีเนี่ย
สายตาที่ซุกซนของฉันละออกมาจากการต่อสู้ และกลับมามองที่หน้าจอโปรงแสง
พอจ้องมองไปที่หลอดHPของแต่ละคน...เอ๋? ทำไมมันไม่รวมกันเป็นหลอดเดียวแบบในเกมล่ะ นี่เป็นของรายบุคคลเลย แถมเมื่อแตะที่ลูกแก้วหัวใจแล้ว ก็ต้องไปกดที่ไอคอนรูปเจ้าชายอีก...
รักษาได้ทีละคนหรือไงค่ะ ม่ายยยยย
แต่พอให้เมดี้ใช้สกิวฮีลแล้ว ทุกคนได้รับการเพิ่มHP เหมือนกันหมด เฉลี่ยๆกันไปคนล่ะ สามร้อย...ดีงาม
อ่อ ฉันลืมบอกไป เมื่อฉันกดใช้สกิลแล้ว ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเจ้าชายก็จะเพิ่มขึ้น อย่างอาร์วีก็ฟันปีศาจกินฝันได้ทีเดียวสองสามตัว ตามที่อยู่ในวิธีดาบ หรือเวทเสียงของลูคทำให้ปีศาจหายไปได้ทันที...หนึ่งตัวถ้วน ส่วนเมดี้ก็ตามที่บอกไปเมื่อครู่
ฉันรู้สึกเหมือนเล่นเกมออนไลน์MMORPG แบบในนิยายที่ฮิตในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้เลยทีเดียว
อีกเรื่องคือ ถ้าฉันกดสกิลของเจ้าชายนอกเวลาการต่อสู้ สกิวจะไม่ทำงานจนกว่าเจ้าชายคนนั้นๆจะตัดสินใจใช้ อาร์วียังบอกอีกว่ารู้สึกเหมือนมีพลังเอ่อล้นอยู่ตลอดเวลา และจะไม่หายไปจนกว่าจะได้ใช้พลังนั้นออกมา แถมเมื่อใช้ออกมาแล้ว มันจะออกมาเป็นในรูปแบบใดก็ได้ ตามที่เจ้าชายคนนั้นต้องการ
ถ้าให้ยกตัวอย่าง....ซึ่งมันเป็นเรื่องหลังจากตอนนี้ ฉันลองกดสกิลให้อาร์วีและ เขาก็เอาไปใช้ร่ายเวทจุดไฟเพื่อก่อกองไฟ จากเดิมที่เคยได้แค่เท่าลูกเทนนิส(อาร์วีบอกมา) ตอนนี้ขนาดใหญ่กว่าลูกบาสอีก และเผาเนื้อกวางที่ล่ามาได้สุกทั้งตัวพอดี
กลับมาที่กลางเมือง
หลังจากปีศาจกินฝันหายไปจนหมด ฉันขอให้นาวิพยายามตรวจสอบโดยรอบดูอีกครั้ง และพบว่าไม่มีปีศาจกินฝันเหลือในเมืองนี้แล้ว พวกเราจึงเดินทางกันต่อ
พวกเราไม่ได้เดินทางไปตามเส้นทางของในเกมหรอก เราเริ่มเมืองแรกที่เมืองริมแม่น้ำ และไปทางตะวันออก เดินทางไล่ลงไปตามเมืองต่างๆวนตามเข็มนาฬิกา....
ระหว่างทาง ฉันเปิดหน้าจอดูสเตตัสของเจ้าชายทั้งสามไปเรื่อยๆ และเมื่อเห็นความสามารถแฝงของพวกเขาจึงรีบนำออกมาใช้จริงทันทีที่เจอกับปีศาจกินฝัน พวกเราเหน็ดเหนื่อยกันบ้าง หอบกันบ้าง แต่ด้วยเวทมนต์ของเมดี้ รวมกับวิธีใช้ของฉัน พวกเราราวกับได้ยาชูกำลัง...การล้างบางปีศาจกินฝันในอาณาจักรอัลสโตเรียจึงเริ่มขึ้นโดยพวกเราสี่คน และเริ่มมีกองกำลังขนาดเล็กของดยุกคนหนึ่งมาช่วยพวกเราด้วย ...จนกว่าจะกลับไปถึงเมืองริมแม่น้ำอีกครั้ง
ระหว่างนั้น ฉันก็ได้รู้จักสกิวของเจ้าหญิงทรอยแมร์เพิ่มขึ้นสองสามสกิล
อย่างเช่น
เวทสลักอาวุธ...ซึ่งช่วยทำให้สิ่งที่โดนเวทนี้สลักลงไปกลายเป็นอาวุธ....
อาจจะดูประหลาด แต่ฉันทดลองครั้งแรกกับก้อนหินกลมที่หยิบมาจากแม่น้ำ และเขวี้ยงแบบนักเบสบอลไปที่ปีศาจกินฝัน...ทะลุ...และสลายไปทันที....
...
หึหึ...เสร็จโจร
…
จากนั้น ฉันก็เอาพู่กันของเมดี้มาลงสลักเวท...ไม่มีผลอะไรกับปีศาจกินฝัน...อืม....ทำไมนะ แต่เมื่อฉันมองในแง่ดีว่าอาจจะมีวิธีใช้กับอย่างอื่นก็ได้ เมดี้ผู้ไม่คิดอะไรมากก็ค่อยๆลองหากันไป
แต่พอเอาขลุ่ยของลูคมาลงสลักเวท.....ตอนเป่าก็ไม่เท่าไร แต่แล้วเมื่อเอาไปฟาดปีศาจกินฝันโดยบังเอิญ มันก็สลายหายไปทันทีที่โดนตัว.....ตัวเล็กตีแค่เบาๆ ตัวใหญ่ให้ตีแรงๆ
เออ ดี นี่มัน อ้างอิง ตามแบทเทิลสกิวของเจ้าชายในเกมสินะ ดี ดี
ทีนี้ลูคเลยเอาขลุ่ยไปฟาดเล่นอย่างเมามัน
สิบวัน....พวกเราเดินทางไปทั่วอัลโตเรียในสิบวัน
ขอบคุณเวทรักษาสารพัดประโยชน์ของเมดี้ ขอบคุณหัวคิดประยุกต์ที่แสนปราดเปรื่องของลูค...ทำให้ฉันต้องมานั่งสลักเวทบนอาวุธให้กับอัศวินทุกเมืองที่เราผ่าน และขอบคุณอาร์วีที่ทำหน้าที่ไกด์ทัวร์พร้อมตัวแทงค์ตลอดทริปนี้
เลเวลของเจ้าหญิงทรอยแมร์เลยเพิ่มพรวดๆ และของเจ้าชายทั้งสามคนก็ด้วย
เมื่อกลับมาที่เมืองริมแม่น้ำอีกครั้ง
หน้าจอก็แจ้งว่าเลเวลของลูคและเมดี้ถึงระดับที่พอจะจุติแล้ว
“นี่...นาวิ ....แล้วฉันจะจุติเจ้าชายยังไงอ่ะ”
“จุติ? คืออะไรหรือขอรับ ใช่อัพเกรดเปลี่ยนชุดหรือเปล่า? ถ้าเช่นนั้นก่อนอื่นก็ต้องซื้อผ้ามาตัดนะขอรับ”
“หืม..แล้วแฟรี่หรือพวกภูติล่ะ?”
“องค์หญิงอากิ เจ้าชายแค่เปลี่ยนชุด จะให้ภูติมาทำไมล่ะขอครับ แถมภูติก็มีอยู่แค่ที่แดนภูติด้วย”
ฉันกระพริบตาปริบๆ
นี่....ตกลงมันอ้างอิงตามเกมไหมนะ หรือเกมในมือถือมันจะลดฟังก์ชั่นบางอย่างไปให้ง่ายต่อการเล่นบนมือถือกันนะ?
ฉันควรมองมันเป็นเกมออนไลน์แทนหรือเปล่า?
ไม่สิ ฉันควรมองตามความเป็นจริงมากกว่า ถึงเวทของเจ้าหญิงทรอยแมร์จะดูคล้ายๆกับอินเตอร์เฟสของนิยายเกมออนไลน์คลื่นสมองก็ตาม
ว่าแต่...สกิวตัดเสื้อผ้า ฉันจะไปหาจากไหนอ่ะ?
To be continue...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

5555
ขอยืมมุกไปใช้นะ