คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ตอนที่ 20
Change ตอนที่ 20
#เปลี่ยนมน
“พี่ว่า.. จินยองยังโกรธพวกเรามั๊ย?”
แจบอมยิ้มบางๆ อย่างเอ็นดูเมื่อมองสีหน้ากังวลของคนรัก จินยองกับยองแจเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ม.ปลาย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเข้ากันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างเป็นคนจิตใจอ่อนโยนนึกถึงอีกฝ่ายเสมอ แม้จะมีเรื่องเข้าใจผิดกันแต่คำว่าขอโทษและคำว่าให้อภัยก็มีให้กันได้เสมอมา
“กับยองแจเนี่ย พี่ว่าไม่โกรธหรอก.. น่าจะแบบ.. เก้อๆ ไรงี้ พึ่งทะเลาะกันมาไง”
“กับผมไม่โกรธ? แล้วจินยองโกรธพี่หรอ??” ยองแจหันไปถามอย่างตกใจ ตาเรียวมองคนรักอย่างเป็นกังวล
“อ่า.. ไม่เชิงโกรธหรอก.. แต่จินยองเหมือนจะไม่รักพี่แล้วมากกว่าน่ะ” ร่างสูงยิ้มแหยๆ ไปให้คนรัก
“เอ๋!?”
อิมแจบอมก็ไม่รู้จะใช้คำไหนอธิบายให้คนรักเข้าใจ ที่ผ่านมาจินยองยอมเค้าแทบทุกเรื่องเพราะเค้าเป็นคนที่จินยองรัก ซึ่งมันทำให้เค้าค่อนข้างเคยชินกับการที่มีน้องที่อยู่ในโอวาท น้องที่ยอมทำทุกอย่างตามที่เค้าบอก ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกที่น้องเคยมีให้เค้า แต่ตอนนี้อะไรๆ มันเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งมันทำให้เค้าได้รับรู้ว่าน้องก็มีชีวิตของตัวเองชีวิตที่ไม่ต้องผูกติดกับเค้าอีกต่อไป ถึงแม้ว่าเค้ายังเป็นห่วงเรื่องคนโรคจิตคนนั้นแค่ไหน แต่อีกฝ่ายดูเหมือนว่าไม่ต้องการการดูแลจากเค้าเท่าไหร่ แม้ไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางโอนอ่อนแบบที่เคย นั่นทำให้ตัวเค้าเองเริ่มรู้ว่าตัวเองไม่ควรไปก้าวก่ายชีวิตอีกฝ่ายมากเกินไป
“พี่โอเครึเปล่า?”
“ทำไมพี่จะต้องไม่โอเคด้วยล่ะ??” ใบหน้าคมหันไปถามคนรักงงๆ
“เอาจริงๆ พี่ก็ดูหงอยไม่ต่างจากผมหรอก” ชเวยองแจพูดก่อนปากเล็กๆ จะพรูลมออกมาอย่างอ่อนใจ
“อืม.. พี่รู้สึกเฮิร์ทๆ นะ รู้สึกเหมือนมีลูกน้อยที่ตอนนี้โตแล้ว แล้วก็จะแยกไปอยู่นอกบ้านอะไรแบบนั้น” เสียงทุ้มบอกพลางเอนหัวซบลงบนไหล่เล็กของคนรัก
“ย๊า! จินยองไม่ใช่ลูกพี่ซะหน่อย ลูกพี่ไม่มีทางน่ารักเท่าจินยองเพื่อนผมหรอกน่า!!”
“รู้ได้ไง?? ลูกพี่ยังไม่เกิดเลย.. ไหนลูกจ๋า? บอกพ่อหน่อยสิว่าลูกน่ารักสู้จินยองได้รึเปล่า??” อยู่ๆ ร่างสูงก็ก้มลงไปถามลูกในมโนของตัวเองบริเวณท้องของยองแจ ทำเอาร่างเล็กที่โดนหาว่ามีลูกของอีกฝ่ายอยู่ในท้องอดโมโหด้วยความเขินไม่ได้ จึงต้องใช้กำปั้นกลมๆ ของตัวเองตุ้บตั้บลงที่ไหล่หนาซะหลายทีเพื่อให้คลายอาการร้อนผ่าวที่แก้มพองๆ ทั้งสองข้างของตัวเองได้บ้าง
“ไอ้พี่บ้า!!”
“จินยองขอยืมมือถือหน่อยดิ่ เราขอเช็คโซเชี่ยลหน่อยมือถือเราแบตหมด” เสียงหวานใสจากสาวน้อยหน้าตาน่ารักข้างตัวดังขึ้นทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปมอง ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อพบกับคริสตัลเพื่อนโรงเรียนเดียวกับเค้าตั้งแต่ม.ต้น แต่ช่วงม.ปลายอยู่คนละห้อง แต่พอเข้ามหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน จึงกลับมาสนิทกันอีกครั้ง แม้ไม่สนิทเท่าพวกยองแจ แบมแบม แต่ก็จัดว่าเป็นเพื่อนที่สนิทมากคนนึง
“เอาไปดิ่ มือถือแบตหมดบ่อยนะ แชทหนุ่มเยอะหรา” จินยองเอ่ยแซวเมื่อจำได้ว่าเพื่อนสาวเค้ายืมมือถือไปเช็คเฟสบุ้ค ทวิตเตอร์ อาร์ค บ่อยอยู่เหมือนกัน
“โหย อย่ามาทำเป็นแซวเราเลยจินยองนั่นแหละ! อย่าคิดว่าเราไม่เห็นนะพี่มาร์ควิศวะอ่ะ ยังงัยๆ” หญิงสาวโต้กลับทั้งๆ ที่ยังก้มหน้าก้มตากดมือถือเพื่อนอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะดีกรีเป็นถึงเชียร์หลีดเดอร์ของมหาลัยก็ต้องป็อปเป็นธรรมดา ขาดการติดต่อทางโซเชียลไปแค่ครึ่งวันการแจ้งเตือนก็ล้นทะลักเป็นร้อยข้อความต้องไล่ดูไล่ตอบจนเหนื่อย
“เย้ยยย ไม่มีอะไรซะหน่อย”
“เห้ย ไม่มีอะไรได้ไง พี่เราเสียใจเลย” แบมแบมที่นั่งอีกด้านบ่นออกมา
“นั่นดิ่ๆ ตกลงยังไงอะแบม วันก่อนตอนไปผับเราถามแบมว่าพี่เค้าเป็นเกย์ปะ แบมบอกไม่รู้ แล้วตอนนี้โผล่มาจีบจินยองนี่ชัวแล้วปะ? โหยยย เสียดายผู้ชายหล่ออออ” คริสตัลโอดครวญพลางกดมือถือยิกๆ ต่อไป ขณะที่แบมแบมกับยองแจส่งเสียงเชียร์จนจินยองเริ่มหน้าแดงแปร๊ดและตอบคำถามเพื่อนไม่ถูก
ยังไม่ทันต่อความยาวสาวความยืดเรื่องจินยองกับพี่มาร์ควิศวะสุดหล่อ เสียงของเพื่อนอีกคนก็ดังขึ้น “ตัล มือถือใครอ่ะ?” ซอลลี่เพื่อนสนิทคริสตัลที่พึ่งเดินมาเข้าคลาสถามขึ้น ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เพื่อน
“มือถือจินยองอะ ตัวไปไหนมา ตอนแรกเราจะยืมมือถือตัวแต่หาในกระเป๋าหนังสือไม่เจอ” หญิงสาวบอกพลางทำหน้าบูดใส่เพื่อน
“อ๋อ อยู่ในกระเป๋าถือใบเล็กอ่ะไม่ใช่เป๋าหนังสือ พอดีเราติดไปซื้อกาแฟด้วย อะนี่ของตัว” บอกพลางวางกาแฟลงที่ข้างหน้าเพื่อน แล้วก็วางไว้ข้างหน้าตัวเองอีกแก้วนึง ทำให้คริสตัลต้องส่งยิ้มหวานแทนคำขอบคุณที่เพื่อนซื้อมาเผื่อ
“โหย น้องซอลลี่ไม่ซื้อฝากพี่แบมแบมบ้างหรอค้าบ” แบมแบมเอ่ยปากแซวขณะที่จินยองได้แต่กลั้นหัวเราะ
“อ้าว พี่แบมแบมชอบกินกาแฟหรอคะ มิน่า ผิวงี้สีเดียวกับกาแฟเรย คึคึคึ” แซวมาซอลลี่ก็แซวกลับ ไม่โกงนะคะ เรียกได้ว่าหัวเราะครืนกันทั้งโต๊ะ พอคุยเล่นกันได้สักพักอาจารย์ก็เข้าคลาสพอดี คริสตัลจึงส่งมือถือคืนให้เพื่อนโดยไม่ลืมที่จะกดออกจากเฟสบุ้คของตนให้เรียบร้อย
“เอ้อ จินยอง ตกลงเรื่องพี่มาร์คนี่ยังไง??” พอหมดคาบเรียนแบมแบมก็เปิดประเด็นทันทีเพราะพอเพื่อนสาวอย่างคริสตัลทักขึ้นมาเค้าเลยอยากรู้ว่าสรุปแล้วเพื่อนตัวเองกับพี่ชายเค้ามันถึงขั้นไหนกันแล้ว
“ยังไงอะไรหรอ?”
“อ้าววว ก็แบบว่าถึงขั้นไหนแล้ว กอด จูบ หรือว่า...”
“เห้ยยย แบมอ่า.. พูดงั้นได้ไง พี่เค้าเสียหายนะ ไม่ได้เป็นไรกันซักหน่อย”
“จิงดิ๊” เป็นยองแจที่หันมามองงงๆ ไม่ใช่อะไรนะ พี่มาร์คสุดหล่อนั่นดูเป็นห่วงเพื่อนเค้าแบบสุดๆ เลย ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ยองแจก็งงนะ
“เห็นแมะ ยองแจยังงงเลยไม่ได้เป็นไรกันได้ไง ไปรับไปส่งขนาดนี้ดูแลอย่างดีน้องจินยองจะเอาอะไรตามใจทู้กกกกอย่าง” แบมแบมลากเสียงอย่างน่าหมั่นไส้
“งื้อ.. ไม่รู้อ่า.. ก็พี่เค้าไม่เคยพูดอะไรนี่” ปากแดงๆ ยื่นออกมาอย่างเสียไม่ได้ ก็อีกฝ่ายใจดีกับเค้าก็จริง แต่ไม่เคยพูดว่าชอบ หรือขอคบเป็นแฟนเลย แล้วจะให้เค้าตอบว่ายังไงเล่า..
“แล้วจินยองชอบพี่เค้าปะ?” ยองแจเอียงคอถามเพื่อน เค้าไม่รู้ว่าที่เพื่อนเคยบอกว่าไม่ชอบพี่แจบอมแล้วนี่คือเพราะว่าชอบพี่มาร์ครึเปล่า หรือยังไงเค้าก็ไม่แน่ใจ
“ก็.... ก็แบบ...” แก้มขาวเป็นสีชมพูระเรื่อพลางก้มหน้าก้มตาหลบสายตาสอดรู้สอดเห็นของเพื่อนทั้งสองคนที่มองมาอย่างคาดคั้น “ก็.. อื้อ”
“บ๊ะ!!” เป็นแบมแบมที่ดีใจจนตบโต๊ะซะดังจนจินยองต้องรีบบอกให้เบาเสียงเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน
“ดีอะจินยอง พี่มาร์คเค้าน่ารักดี” ยองแจบอกพลางส่งยิ้มให้เพื่อนอย่างเอ็นดู แต่แบมแบมนี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ซะจนจินยองเริ่มรู้สึกหนาวๆ ยังไงไม่รู้
“อะ.. อื้อ”
“งี้จินยองก็รอให้พี่เค้าบอกอยู่อะดี”
“งืมม”
“แล้วยังไม่บอกอีกหรอ ทำไมพี่มาร์คมันช้าจังวะ?” แบมแบมพูดพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย ทีกับลูกค้าสาวๆ นี่เร็วจั๊งงง แค่สบตาปุ๊ปไปเปิดห้องด้วยกันแล้ว ทีกับเพื่อนเค้าทำสโลว์โมชั่นไปเพื่ออะไร?? ไหวมั๊ยเนี่ย
“เราก็ไม่รู้..” ปาร์คจินยองก้มหน้ามองมือตัวเอง บางทีเค้าก็ไม่แน่ใจนะว่าที่อีกฝ่ายทำทุกอย่าง เพราะชอบเค้า หรือไม่ได้ชอบกันแน่ มันเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นคนใจดี และเห็นว่าเค้าโดนคนโรคจิตตามรึเปล่าถึงยิ่งดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น
“งั้นเรามีวิธีนะ” แบมแบมบอกพลาง
“วิธีอะไรหรอ??” คนตากลมช้อนตาสบกับเพื่อนตาแป๋ว
“งี้ต้องยั่ว!”
หลังจากคุยกันเมื่อเย็นเสร็จยองแจกับแบมแบมก็ตามกลับมาที่หอ โชคดีที่เป็นวันศุกร์พี่มาร์คเลยต้องเข้าร้านเร็วทำให้ยองแจกับแบมแบมมีเวลาเตรียมการอ่อย(?)ที่หอเค้า ซึ่งจินยองก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่เห็นเพื่อนสนิทอย่างแบมแบมคะยั้นคะยอให้ทำมากๆ ทั้งสนิทอีกคนอย่างยองแจก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย ทำเอาเค้าต้องคล้อยตามอย่างเสียไม่ได้ แม้คิดว่าไอ้วิธีการนี้ไม่น่าจะได้ผลก็เถอะ
“เอาจริงๆ หรอแบม”
“จริงดิ่ พรุ่งนี้พอพี่เค้ามาหา ทำตามที่เรากับยองแจบอกนะ”
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่นะ ไม่อยากรู้หรอว่าพี่เค้าคิดอะไรกับจินยองรึเปล่าอะ??”
“อยากรู้นะ.. แต่..”
“จินยองไฟติ้ง!” พอเห็นสีหน้าเพื่อนดูจะอิดออดยองแจก็ส่งเสียงให้กำลังใจ ก่อนจะพากันกลับหอ ส่วนแบมแบมก็ออกไปเข้าร้านตามปกติ และไม่ลืมที่จะบอกให้พี่ชายเจ้าของร้านไปหาเพื่อนเค้าในวันเสาร์อย่างที่ทำทุกที ซึ่งคนโดนบอกก็ยินดีจะทำอยู่แล้วไม่มีอิดออด
ในที่สุดบ่ายวันเสาร์ที่ประหม่าที่สุดในโลกของปาร์คจินยองก็มาถึง ร่างผอมขาวยืนมองกระจกที่สะท้อนตัวเองในเสื้อเชิ๊ตสีขาวบางตัวโคร่งที่ยาวลงมาปิดสะโพกอย่างพอดีเป๊ะจนถึงขึ้นที่ว่าถ้าเค้าก้มตัวไปหยิบอะไรสักอย่างที่พื้นชายเสื้อต้องเลิกขึ้นมาจนเห็นชั้นในสีขาวที่ใส่อยู่แน่ๆ ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้นักศึกษาตัวน้อยที่อยู่หอคนเดียวต้องประหม่าหรอกนะ ถ้าเทียบกับเสียงออดที่ดังอยู่หน้าประตูตอนนี้
“งื้อออ เปลี่ยนชุดดีมั๊ยเนี่ย.. ประหลาดถึงเปล่า คนบ้าอะไรไม่ใส่กางเกง..” มือขาวเอื้อมมือไปหยิบกางเกงขาสั้นขึ้นมาก่อนจะวางลงอย่างอ่อนใจ เมื่อเสียงแจ๋วๆ ของเพื่อนดังขึ้นมาในโสตประสาท ‘ไม่อยากรู้หรอว่าพี่เค้าคิดอะไรกับจินยองรึเปล่าอะไม่อยากรู้หรอว่าพี่เค้าคิดอะไรกับจินยองรึเปล่าอะ’ ไอ้อยากรู้มันก็อยากรู้หรอกนะ แต่เค้าอยากจะถามแบมแบมเหลือเกินว่าไอ้การใส่เสื้อตัวเดียวโดยไม่ใส่กุงเกงอยู่หอเนี่ยมันเกี่ยวยังไง สุดท้ายมือเล็กก็วางกางเกงขาสั้นลงเมื่อได้ยินเสียงออดเป็นครั้งที่สาม ร่างเล็กสูดหายใจเข้าแรงๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้คนที่ตนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร
“ขอโทษที่มาเปิดช้านะครับ”
“ไม่เป็นระ...” เสียงทุ้มถูกกลืนหายไปในลำคออย่างไม่ทันจะพูดจบประโยค ตาคมได้แต่จ้องคนตรงหน้าข้างอยู่อย่างนั้น น้องจินยองในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียว.. แบบไม่ใส่กางเกง..
“อะ.. เอ่อ..” จินยองก็เริ่มอายขึ้นมาเมื่อถูกอีกฝ่ายจ้องเอาๆ แบบนั้น มือขาวจับชายเสื้อดึงลงอย่างประหวั่นในใจ เริ่มอยากให้เสื้อมันยืดออกได้เสียอย่างนั้น
มาร์คพยายามละสายตาตัวเองออกจากเรียวขาขาวๆ ของคนตรงหน้า ขาของจินยองไม่ได้เล็กๆ เหมือนก้านมะยมแบบผู้ชายทั่วไป แต่กลับมีเนื้ออวบอิ่ม ทั้งยังขาวมาก จนตรงหัวเข่าเป็นสีชมพูอ่อนๆ ซึ่งนั่นทำให้ร่างสูงยิ่งมองช้อนขึ้นไปบริเวณขาอ่อนอย่างห้ามไม่ได้ จนได้เสียงประตูห้องอื่นดังอยู่ใกล้ๆ คนพี่เลยรีบดันตัวน้องให้เข้าไปในห้อง เพราะเข้าไม่อยากให้คนอื่นเห็นจินยองในแบบนี้.... มันออกจะเซ็กซี่เกินไปล่ะนะ
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะครับ?” สุดท้ายมาร์คก็ถามออกไปตรงๆ
“เอ่อ.. อ่า.. คือกางเกงหมดครับ ซักไม่ทัน..” ตอบคำโกหกไปตามที่แบมแบมบอกเป๊ะ แต่มันกลับทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างแปลกใจ เพราะจินยองคนข้างจะเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อย ไอ้การไม่ซักผ้าจนชุดหมดนี่มันดูไม่เหมือนคนตรงหน้าเลย
“อืม ครับ” มาร์คไม่ถามอะไรให้มากความ เพราะยังไงอยู่บ้านไม่เจอใครอยู่แล้ว บางทีเค้าเองยังใส่แค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเลย น้องคงมีโมเม้นอยากอยู่สบายๆ บ้าง ร่างโปร่งของคนเป็นพี่วางถุงอาหารที่ซื้อมากินด้วยกันลงบนโต๊ะกินข้าวแล้วกลับมานั่งบนโซฟา เตรียมเปิดหนังดูตามประสาวันเสาร์ว่างๆ ของทั้งคู่
“พี่มาร์คไม่ชอบหรอครับ?” ร่างบางถามพลางเดินไปนั่งอีกด้านนึงของโซฟาแบบห่างกับมาร์คได้ 1 ไม้บรรทัดพอดิบพอดี
ใบหน้าหล่อหันมามองน้องน่ารักที่ก้มหน้าจนชิดออก มือขาวคว้าหมอนมาวางบนหน้าขาเพราะเสื้อตัวสั้นนั้นเลิกขึ้นมาจนถึงไหนถึงไหน แก้มแดงๆ ของปาร์คจินยองนี่มัน.. อันตรายต่อหัวใจเค้าจริงๆ เลย..
“ชอบครับ”
นั่นคือคำตอบของคนเป็นพี่ซึ่งนั่นทำให้คนตั้งคำถามเป็นฝ่ายเงียบไปแทน เพราะต้องสู้รบกับก้อนเนื้อในอกที่เต้นแรงมากจนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
“...”
พอเห็นน้องนั่งเงียบมาร์คก็ได้แต่ระบายยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู “ตกลง เราจะดูหนังกันมั๊ยครับ?”
“ดะ.. ดูครับ!” จินยองที่มัวอายกับคำพูดของอีกฝ่ายรีบถลาไปหยิบหนังที่เพื่อนให้มาวันก่อน แล้วสอดเข้าไปในเครื่องเล่นอย่างรวดเร็ว จนไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องท่าทางก้มๆ เงยๆ ของตนจนแทบละสายตาไม่ได้
มาร์คอยากจะถามออกไปเหลือเกิน.. น้องน่ารักจะอ่อยพี่หรอครับ??
“หนังเรื่องอะไรครับ?” พอจินยองจัดการกับเครื่องเล่นซีดีเรียบร้อย จอสี่เหลี่ยมตรงหน้าก็เริ่มฉายยี่ห้อผู้ผลิตต่างๆ พร้อมๆ กับร่างบางที่เดินกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม
“Fifty shade of Grey ครับ หนังรักๆ อะครับ” ร่างบางบอกไปตามที่เพื่อนบอกมา อันที่จริงเค้าไม่ชอบดูหนังหวานๆ เท่าไหร่ แต่ยองแจกำชับว่าต้องดูเรื่องนี้เพราะต้องสร้างบรรยากาศโรแมนซ์อยู่กันสองคนอะไรเทือกนั้น ซึ่งจินยองก็กลัวเหลือเกินว่าทั้งตัวเค้าและพี่มาร์คจะหลับไปซะก่อน
“หืม?” แค่ได้ยินชื่อเรื่องมาร์คก็แทบจะจำได้ว่ามันเป็นที่ฮือฮาขนาดไหนตอนเรื่องนี้เข้าโรง นี่น้องจินยองไม่รู้จริงๆ ใช่มั๊ยเนี่ย
“ทำไมหรอครับ?”
“มันเป็นหนังโป๊นะ”
“เอ๋!?” ร่างบางร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อสิ้นเสียงทุ้ม ในจอเริ่มฉายภาพนางเอกแสนสวยแต่ดูเปิ่นนิดๆ พอน่ารักที่ต้องเข้าไปสัมภาษณ์เจ้าของบริษัทแทนเพื่อน “งั้น.. เราเปลี่ยนเรื่องดีมั๊ยครับ?” ร่างบางเตรียมจะลุกไปหยิบดีวีดีแผ่นอื่นที่วางเรียงอยู่ตรงหน้าแทน
แต่แขนแกร่งกว่าของคนเป็นพี่ดึงตัวเค้าไว้ซะก่อน มือยาวๆ พาดลงบนไหล่เล็กก่อนจะนั่งไขว้ห้างดูหนังตรงหน้าต่อ “ไม่เป็นไรครับพี่ก็ยังไม่ได้ดู ดูเรื่องนี้แหละ” บอกพลางยิ้มให้น้อง 1 ที
ตอนนี้จินยองกำลังกังวลว่าพี่มาร์คจะคิดว่าเค้าเป็นพวกหื่นกามรึเปล่าเนี่ย ถึงชวนพี่เค้ามาดูหนังโป๊เนี่ย โอ๊ยยย ยองแจนะยองแจ เค้าอยากจะวิ่งไปหยิกแก้มขาวๆ ย้วยๆ นั่นให้หายโมโหซักที
สุดท้ายร่างบางก็เพ่งสมาธิกับหนังในจอทีวีอีกครั้ง เอาจริงๆ หนังมันก็น่ารักดี นางเอกเป็นนักศึกษาเข้าไปสัมภาษณ์พระเอกที่เป็นเจ้าของบริษัทแบบเปิ่นๆ เพราะพระเอกหล่อมาก นางเอกก็เลยเขินไปหลายตลบ ต่อด้วยการเจอกันแบบจงใจบ้างไม่จงใจบ้างของทั้งคู่ แล้วจากนั้นพอเริ่มรักกันพระเอกก็พานางเอกขึ้นเฮลิคอปเตอร์สุดหรูเพื่อไปที่เพ้นเฮ้าส์ โอ้โห โรแมนติคสุดๆ เริ่มเข้าใจเพื่อนมานิดนึงแล้วว่าทำไมต้องดูเรื่องนี้กับคนที่ชอบสองต่อสอง
#เปลี่ยนมน
......................................................................................................................................................................
มาอัพต่อแล้วจ้ะ ขออภัยในความหายเป็นช่วงๆ ช่วงหยุดยาวเค้าไปเที่ยวระเริงมา ถถถถถถถถถถถถ
ช่วงนี้หยุดตามหาสตอคเกอร์ก่อนนะ ขอหวานๆ ก่อน #อิ ตอนหน้ายัยลูกแมวเค้ายั่วคนพี่ล่ะะะ~
แท้กฟิค #เปลี่ยนมน ในทวิตเตอร์นะจ๊ะ
ความคิดเห็น