คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Ch.01 คาถาอัญเชิญ
งั่ม งั่ม งั่ม
เสียงอึกทึกโหวกเหวกโวยวายดังมาจากทุกสารทิศ ทางขวามือมีกลุ่มเด็กนักเรียนในเครื่องแบบของ
‘สถาบันเวทมนต์เจมินัส’ กำลังมีปากเสียงกับพ่อครัวร่างท้วมเรื่องมีซากแมลงวันในแซนวิชกันอย่างเมามัน
หรือจะนักเรียนหญิงที่ตบตีกันเพื่อแย่งผู้ชาย แต่ตอนนี้ผมกำลังตั้งหน้าตั้งตาเขมือบขนมปังก้อนเท่ากำปั้น
ลงท้อง เพื่อจะเตรียมตัวสำหรับคาบเรียนที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้
“รีบยัดให้หมดเร็วๆสิ คาบต่อไปจะเริ่มแล้วนะ...” ไอ้หนุ่มหัวม่วงชี้โด่เด่ปากเสียคนนี้คือหนึ่งใน
สามเกลอของผมเอง มันชื่อไอ้เชส เป็นตัวปากเสียประจำกลุ่มส่วนคนผมสีชาเขียวที่นั่งอยู่ข้างๆผม
คือไอ้คุณเพื่อนจอมทะเล้น ไอ้ฟาร์
“เอาน่าๆ ปากมันเล็กนิดเดียว ยัดไปยัดมาเดี๋ยวก็แหกพอดี ค่อยๆใส่ดีกว่าน่า หึๆๆ...”
ฟาร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ โอ้ย! มันจะพูดให้คิดลึกทำไมวะครับ!? ผมกินขนมปังนะเว้ย! ไม่ใช่...เออ ช่างเหอะ
ท่ามกลางสายตาของเพื่อนฝูง ทันทีที่ขนมปังคำสุดท้ายก็กลืนลงคอไป เจ้าเพื่อนตัวดีทั้งสองก็
หิ้วปีกลากผมออกจากโรงอาหารทันที
อ๊ะ ขอโทษๆ ลืมบอกไป ผมชื่อสโนว์ครับ เป็นนักเรียนปีหนึ่งของสถาบันเวทย์เจมินัส^ ^
ที่วันนี้พวกเรารีบร้อนกันขนาดนี้ เป็นเพราะคาบหลังเบรกเที่ยงเป็นคาบแรกของการอัญเชิญอสูรรับใช้ครับ
ซึ่งพวกเราจะได้อัญเชิญอสูรรับใช้ของตนเอง ซึ่งจะเป็นคู่หูที่ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปจนตายเลยทีเดียว
นั่งแกร่วรอในห้องเรียนได้สักพัก อาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามาพร้อมเอกสารกองใหญ่ในมือ
ผมหลับตาแล้วนับหนึ่งถึงสามในใจ หนึ่ง...สอง...สาม! โครม!! อาจารย์ผมดำสะดุดส้นเท้าตัวเองหน้าคะมำ
เอกสารในมือปลิวกระจายไปทั่วพื้นหน้าห้อง ผมถอนหายใจน้อยๆ เป็นอย่างที่รุ่นพี่บอกเลย
อาจารย์รูปร่างผอมสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาแบบคนใจดีซึ่งเป็นอาจารย์ประจำวิชา
ศาสตร์เวทย์อัญเชิญ อาจารย์วินด์ มีสัตว์อัญเชิญคือสุนัขสีเงินที่เดินตามท่านอยู่ตลอดเวลา
อาจารย์วินด์เป็นคนที่ซุ่มซ่ามมากถึงมากที่สุด ผมเดินไปช่วยรวบรวมเอกสารต่างๆ
ให้เป็นกองเดียว แล้ววางมันบนโต๊ะของอาจารย์ที่หน้าห้อง ท่านเงยหน้ามองผมแล้วยิ้มสดใส
“ขอบใจนะนักเรียน อาจารย์นี่ไม่ไหวเลยแฮะ วันแรกก็เอาซะแล้ว แหะๆ” ท่านยิ้มแห้งๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อาจารย์ลุกไหวไหมครับ ให้ผมช่วย....เหวอ!” จู่ๆสุนัขขนสีเงินตัวใหญ่
ก็กระโจนใส่ผมทันที ผมที่ไม่ทันตั้งหลักก็ล้มหงายหลังไปโดยปริยาย หัวทองๆของผมฟาดลงกับพื้นอย่างแรง
โอย...อะไรกันวะครับเนี่ย!
“หยุดนะเซรัน! อา ขอโทษนะ เซรันเขาชอบไอเวทย์ธาตุแสงน่ะ เขากระโดดเข้าหาแบบนี้ เธอเป็นนักเวทย์สายซัพพอร์ตสินะ” แหะๆ ก็นะ เวทย์ธาตุแสงเป็นเวทย์ที่ใช้สำหรับสนับสนุนโดยเฉพาะ
อาทิ เวทเยียวยา เวทเสริมพลัง เวทคุ้มกัน เป็นต้น ซึ่งผมถนัดเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะครับ...
แล้วก็ใช้ได้อยู่แค่ธาตุเดียวด้วย แหะๆ
“ก็...ครับผม^ ^;;”
หลังจากเรื่องวุ่นๆก่อนเข้าเรียนจบลง นักเรียนทุกคนถูกพาเดินไปที่ลานกว้างของโรงเรียน
ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับฝึกพลังเวทของโรงเรียน สภาพแวดลอมโดยรอบเป็นพื้นที่โล่ง พื้นของลานกว้างมี
อิฐสีขาวเรียงรายอย่างสวยงาม ตอนนี้ผมตื่นเต้นสุดๆเลยล่ะครับ อีกเดี๋ยวก็จะได้เห็นหน้าคู่หูแล้วนี่นา
จะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันนะ อยาเจอเร็วๆจัง ฮิๆ > <
“เอาล่ะทุกคน ผมจะแจกเอกสารเรื่องวิธีการอัญเชิญอสูรรับใช้ให้ ขอให้อ่านทำความเข้าใจให้ดี
ก่อนที่จะเรียกอสูรรับใช้ออกมานะครับ” อาจารย์หน้าใสตะโกน พวกผมรับเอกสารมาแล้วอ่านมันทันที
การประกอบพิธีอัญเชิญอสูรรับใช้
1.วาดวงแหวนเวทอัญเชิญที่ได้สอนไปก่อนหน้านี้ด้วยเวทธาตุหลักของตน
2.ยืนที่กลางวงแหวน กรีดเลือดของตนออกมาจำนวนหนึ่งแล้วปล่อยให้ไหลบนวงเวท
3.ร่ายคาถา
โอเค...อาจารย์แกกะเอาความจำมาใช้แทนการทดสอบใช่ไหมหา!!! แต่ไม่เป็นไร ผมจำได้ หึๆๆ
“เอาล่ะ นักเรียนคนแรกที่จะอัญเชิญอสูร ขอให้เป็นคุณสโนว์แล้วกันนะครับ” อาจารย์วินด์พูดยิ้มๆ
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้าวเท้าออกมาจากกลุ่มนักเรียน แล้วเริ่มวาดลวดลายลงบนพื้น
แสงสีเหลืองอ่อนลากเป็นเส้นยาวแล้วแตกออกเป็นหลายสาย เส้นของพลังเวทโค้งมาบรรจบกันจน
กลายเป็นวงแหวนเวทที่มีลวดลายวิจิตร จากนั้นจึงนำกริชที่เหน็บอยู่ข้างเอวขึ้นมากรีดลงบนข้อมือ
เลือดสีแดงเข้มค่อยๆไหลลงมาจนเริ่มเจิ่งนอง ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกหน้ามืดแล้วสิ...ไม่ได้ๆ! ผมต้องพยายาม!
“โปรดสดับฟังเสียงเพรียกแห่งข้า ห้วงเวหาร้อยดาราจงหยุดเคลื่อน เพื่อเป็นสหายร่วมพันธะสัญญา เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังอำนาจ จิตใดที่ได้ยินเสียงแห่งข้า โปรดมาจุติ ณ ที่นี้!”
ซูม!...เลือดที่ไหลนองอยู่บนวงแหวนเวทค่อยๆซึมลงไปอย่างช้าๆ พร้อมกับพลังเวทที่ถูกสูบออก
จากร่างกายอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าผม ผิวกายขาวซีดรับกับเรือนผมสีดำแซมเงิน ปีกค้างคาวขนาดใหญ่กางสยายบนแผ่นหลังกว้าง นัยน์ตาคมกริบตวัดมองมาที่ผม
“อินคิวบัส?...” ผมพึมพำเบาๆ
และวินาทีนั้นเอง ที่ทุกสิ่งมืดดับลง...
“อือ...” เมื่อลืมตาขึ้นก็นอนหนุนตักเชสอยู่บนม้านั่งข้างลานกว้าง แล้วนี่ผม...เออใช่! เมื่อกี้ผมวืดไปนี่นา
“อ้าว ฟื้นแล้วหรอเจ้าหญิงนิทรา” เสียงกวนส้นแบบนี้ ไอ้ฟาร์!
“นี่เอ็งว่าใครเป็นเจ้าหญิงฟะ ไอ้งี่เง่า...อ่ะ...” เมื่อยันตัวขึ้นนั่ง ภาพตรงหน้าก็วูบไปเล็กน้อย
ไอ้ฟาร์รีบจับผมนอนลงหนุนตักของเชสดังเดิม
“แกวูบเพราะเสียเลือดมาก ทางที่ดีใช้เวทย์เยียวยารักษาตัวเองก่อนดีกว่านะ...”เชสว่า
ผมพยักหน้าน้อยๆ วางมือลงบนอกของตัวเองแล้วเริ่มใช้เวทย์ แสงสีขาวเหลืองเป็นประกายห่อหุ้มลงบนร่างของผมจนกระทั่งร่างกายกลับมาเป็นปกติ
“ว่าแต่...อินคิวบัสตนนั้นล่ะ” เชสชี้ไปที่ชายผมดำข้างหลังม้านั่งที่ผมนอนอยู่
นัยน์ตาเรียวคมสีรัตติกาลเหล่มองผมอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร
จริงสิ คู่หูของผมเป็นอินคิวบัสนี่...เดี๋ยว อินคิวบัส!?
อินคิวบัส คือปิศาจที่จะเข้าฝันของหญิงสาวเพื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ดูดกลืนพลังชีวิตของพวกเธอ ผู้หญิงที่ถูกเข้าฝันอาจรู้สึกว่าฝันไป หรือถูกจัดฉากว่าโดนคนอื่นข่มขืน
โดยเหยื่อที่พวกมันสนใจเป็นพิเศษคือนักบวช...ใช่ ผมเป็นนักบวช...
“นาย...คงไม่ทำอะไรฉันใช่ไหม...แหะๆ” ผมเกาหัวพลางหัวเราะแห้งๆถ้าเจ้านี่ดูดพลังผมไป...
ผมเป็นคนร่างกายไม่แข็งแรงด้วยสิ ถ้าดูดไปได้แย่แน่ๆ
อินคิวบัสมองผมด้วยหางตา แววตาของเขาเหมือนมองอะไรบางอย่างที่เกลียดเข้าไส้
“เจ้าคิดว่าตัวเองวิเศษขนาดนั้นเลย?...”
น้ำเสียงเย็นชาพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน ผมมองเจ้าของเสียงอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าน่ะ ไม่สนใจพวกต่ำทรามอย่างนักบวชหรอกนะ”
ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย...ผมทำอะไรให้ไม่พอใจหรือไง...
“...ฉัน...”
“ไม่ใช่อินคิวบัสทุกตนจะต้องสนใจแต่นักบวชหรือแม่ชีสักหน่อย เหม็นสาบจะตาย”
ผมน่ะ...แค่อยากทำความรู้จักเท่านั้นเอง พึ่งเจอกันครั้งแรกด้วย...ผม...
“ตูไปฆ่าพ่อฆ่าแม่เอ็งหรือไง!!! ไปเอาสุนัขออกจากปากบ้างเหอะ ไอ้เวรเอ้ยยยยย!!!”
ความคิดเห็น