คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : แผนการเดินทาง
บทที่ ๘ แผนการเดินทาง
เคร้ง แก๊ะ .เคร้ง!!ๆ สวบ!!วว
เสียงอาวุธกระทบกันอย่างรวดเร็วที่สามารถบ่งบอกได้ถึงฝีมือของผู้ใช้ โดยที่มือบางทั้งสองข้างยังคงจับอาวุธมากระชับไว้ในมืออย่างแน่นหนาในขณะที่การออกอาวุธเข้าโจมตีศัตรูยังคงเป็นไปอย่างไม่ลดละ แบบไร้ซึ่งความเมตตา ไม่เหลือแม้ความปราณี ไม่มีแล้วความเป็นมนุษย์ และ ไม่หยุดกินอย่างตะกละตะกลาม
เฟริน! เสียงปรามดังกึกก้องออกจากปากเหล่าทะโมนปีสามรวมกันเป็นเสียงเดียว คงเหลือก็แต่นักบวชผู้รักสันโดษและเจ้าชายหนุ่มรูปงามที่ไม่ชอบจิ๊จ๊ะกับใคร ทำให้นักกินลมกรดกระเพาะควยกระหายอาหารผู้นี้ต้องชะงักศาสตราวุธในมือทั้งสองออกจากศัตรูตรงหน้าอย่างเสียดาย
‘
เดี๋ยวฉันจะมาจัดการกับพวกแก คราวนี้พวกแกไม่รอดแน่ อย่าหนีไปไหนซะก่อนล่ะ’ คำประกาศก้องที่ในใจถูกส่งไปข่มขวัญเหล่าปัจจามิตรที่ถูกขังอยู่ในภาชนะ ร่างบางของหญิงสาวที่กินไม่สมกับรูปร่างก้มลงไปมองอาหารที่อยู่ในชามอย่างเสียดายเมื่อต้องหยุดการลำเลียงพวกมันเข้าสู่เรียวปากบางของหล่อนอย่างจำใจจนน้ำตาแทบเล็ดก่อนจะละสายตาออกมาจากศึกโภชนาอย่างเชื่องช้า เพื่อมาสบกับสายตาหลากสีสันของเพื่อนๆผู้หวังดีอยากให้เจ้าหญิงคนใหม่เลิกลืมตัวเสียที ดวงตาสีน้ำตาลหวานจนมดแทบอยากเจาะส่งสายตาอาวรณ์อาหารเป็นนัย ให้เพื่อนๆ ‘พวกแกก็รู้นี่นาว่าฉันชอบกิน แล้วจะมาจ้องกันเขม็งทำซากอะไรว้า
’หากแต่เพื่อนๆเองก็รู้ใจกันดีว่าหัวขโมยตรงหน้านั้นเป็นอย่างไร แต่ก็จะไม่ปรามก็ไม่ได้เพราะเจ้าหล่อนเล่นกินซะน่ากลัวจนพวกเขาหายอยากอาหาร แต่อยากสำรอกเอาของเก่าออกมาแทน
“นายจะกินให้มันเรียบร้อยกว่านี้ได้ไหม ฮะ ไอ้ขโมยหน้าหวาน” นักฆ่าเพื่อนรักเลือกใช้คำพูดกวนประสาท ประเภท ตบหัวแล้วลูบหลัง ส่วนคนถูกตบหัวอย่างแรงจนถึงกับต้องสะบัดใบหน้าหวานมาถลึงตาใส่ ทำให้นักฆ่าแอบยิ้มน้อยๆ
‘ยังไงซะ เรื่องเมื่อคืนก็เป็นสิ่งที่สามสาวที่คงจะเข้ามามีบทบาทในการดูแลเพื่อนรักคนนี้มากกว่าเขาซึ่งเป็นผู้ชายแน่นอนในอนาคต ควรได้รับรู้เอาไว้’ เขาคิดในขณะที่พยายามเบี่ยงหน้าหลบดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นที่พยายามถลึงใส่อย่างถึงเลือดถึงเนื้อส่วนคนมูมมามก็ไม่คิดจะติดใจอะไรกับไอ้นักฆ่าตัวนี้ ทั้งๆที่ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเหตุผลที่มันเอาเรื่องอดีตเก่าๆที่ขมขื่นของเธอไปเล่าให้ใครต่อใครฟัง แต่เธอก็รู้ว่า ยังไงซะการกระทำเหล่านั้นของมันก็คงไม่พ้นความหวังดีรักเพื่อนฝูงที่นักฆ่าหนุ่มนั้นมีให้แก่เธอ ตั้งแต่รู้ตัวว่าไปเป็นเพื่อนสนิทของนักฆ่าผู้อ่อนต่อโลกเข้าให้อย่างจัง
“ไม่เป็นไรๆ เชิญพวกลูกทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านพวกลูกๆ เองเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ เอาให้เต็มที่เลย ถือซะว่าเป็นการเลี้ยงอำลาเหล่าผู้มาเยือนก็แล้วกัน” มิคาเอลผู้อาวุโสกล่าวอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดี เพราะไอ้นิสัยไม่เกรงใจใครนี่แหละทำให้เจ้าบ้านสามารถวางตัวได้ง่ายและเป็นกันเองมากที่สุด
ส่วนหัวขโมยพอได้รับคำอนุญาติเท่านั้นแหละศัตรูในสายตาของคนตะกละก็เป็นอันมลายสิ้น สาบสูญซึ่งเผ่าพันธุ์ไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูกให้คนรุ่นหลังได้บูชาเลยแม้แต่น้อย ไม่นานนักมื้อเช้าที่ดูเหมือนจะเป็นการนั่งดูคนกินมากกว่าก็สิ้นสุดลงโดยความอิ่มของเจ้าหญิงแห่งบารามอส ก่อนที่เหล่าผู้ร่วมเดินทางจะแบกเอาสัมภาระของตนลงมาจากห้องตามมาด้วยการไปลาบาทหลวงทั้งสองท่านเพื่อเริ่มออกเดินทางแต่เช้าตรู่
จิ๊บ จิ๊บ .กรุบกรับ .กรุ๊บกรับ
เกวียนยาวยังคงวิ่งต่อไปอย่างเอื่อยๆ รับกับสายลมอ่อนที่แสนสดชื่นของยามเช้าที่พระอาทิตย์ยังโผล่มาไม่ถึงครึ่งดวง ตามคำสั่งของเจ้าชายแห่งคาโนวาลที่ไม่อยากให้พระคู่หมั้นของตนตื่นจากนิทราแสนหวาน ความจริงแล้วจุดประสงค์ของการออกเดินทางแต่เช้านั้นก็เพื่อให้องค์หญิงของเขาออกห่างไอ้บาทหลวงบ้าน้ำลายนั่นโดยเร็วที่สุด ทั้งๆที่กำหนดการเดินทางของพวกเขานั้นดูเหมือนจะเป็นการเที่ยวเตร็ดเตร่ไปทั่วๆเอเดนในเวลาก่อนเปิดภาคเรียนเสียมากกว่า
“เอาล่ะ เรามาทบทวนแผนการเดินทางกัน” เจ้าแม่แห่งป้อมเอาแผนที่เอเดนมากางลงบนพื้นไม้เรียบของเกวียนที่สั่งทำมาอย่างดี เรียกความสนใจของทุกคนในเกวียนส่วนหน้าให้หันมารับฟัง โดยมีขอทานรับหน้าที่คุมบังเหียน ส่วนหัวขโมยก็นอนแอ้งแม้ง อยู่ที่เกวียนส่วนหลังอย่างมีความสุขจนไม่มีใครอยากปลุก เพราะคิดว่าหัวขโมยก็คงไม่สนใจแผนการเดินทางเท่าไหร่นัก และอีกอย่างคือพวกเขาเข้าใจว่าเฟรินยังแทบไม่ได้นอนเลยจากเรื่องเมื่อคืน
“ก่อนแยกกันที่เอดินเบิร์กแล้วออกมาตามเฟริน เราถามทุกคนดูแล้วว่ามีใครจะให้ไปรับบ้าง” มาทิลด้าชี้แจงต่อ ซึ่งทำให้คนที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมต้องเริ่มเข้าใจ ซึ่งก็มี ครี้ดและคิล ที่มัวแต่ฟังหัวขโมยฝอย ส่วนกัส และโร นั้นเป็นผู้มาใหม่ที่รู้เรื่องนี้แล้วเพราะเคยถูกถามไปก่อนหน้านี้
“เราเริ่มจากบารามอส ซึ่งไม่มีคนจะไปกับเรา ต่อมาก็คาโนวาล” พูดถึงตรงนี้มาทิลด้าก็หยุดแล้วหันหน้าไปหาคาโนวาลทั้งสอง “อยู่ที่นี่หมดแล้ว” มาทิลด้ากล่าวต่อ ก่อนจะละมือออกจากแผนที่เพื่อส่งหน้าที่นี้ต่อให้แก่คาโล
“กิลดิเรก กัส เอเธนส์ นิกส์ ทริสทอร์ --- และ ซาเรส เดท” เสียงเรียบไร้อารมณ์ กล่าวสั้นรวบรัด ตามสูตรสำเร็จที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าชายแห่งคาโนวาล กล่าวชี้แจงแก่องค์ประชุมทั้งหลาย
“ทำไมถึงมีกันแค่นี้วะ พวกเราอุตส่าห์ออกมาบริการแล้วแท้ๆ”ครี้ดกล่าวอย่างหัวเสียอย่างไม่เข้าใจว่าเพื่อนๆผู้รักสนุกทั้งหลายแห่งป้อมอัศวิน เหตุไฉนเลยจึงไม่อยากออกมาเตร็ดเตร่ทั่วๆเอเดนทั้งๆที่มีคนบริการไปรับถึงที่สบายออกจะตาย
“เพราะว่าฝนทองที่ตกหลังสงครามน่ะค่ะ คุณครี้ด ทำให้ทุกคนอยากอยู่บ้านเฉยๆจะได้ชื่นชมกับความอุดมสมบูรณ์ที่กลับมาเหมือนเมื่อหลายร้อยปีก่อนไม่มีผิดยังไงคะ”เสียงหวานชี้ทางสว่างแก่นักรับหนุ่มตาเดียวผู้รักสนุก
“อีกอย่าง ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่สงครามเพิ่งจะเลิกไปหมาดๆ เจ้าพวกนั้นก็เลยมีอะไรต้องทำล่ะมั้ง” นักฆ่าเสริมต่อจากเจ้าหญิงคนสวยทำให้ความสงสัยข้อนี้ของนักรบตกไป
‘นั่นสิ สงครามก็เพิ่งจะเลิก คงจะมีแต่พวกบ้าที่ว่างจัดๆเท่านั้นแหละที่ยังออกเที่ยวสบายใจเฉิบอยู่’ นักรบหนุ่มนึกหัวเราะตัวเองที่บ่อจี้ ปฏิเสธคนไม่เป็นจนต้องมากลายเป็นพวกว่างจัดกับเขาด้วยเลย“ขึ้นเหนือสู่เอเธนส์ ผ่านเวนอล เจมิไน และวิทช์ สู่ซาเรส แล้วกลับทางเก่าผ่านคาโนวาล โคมิเน่ ก็ถึงเอดินเบิร์ก” แผนการเดินทางที่ถูกเปลี่ยนแปลง เพราะเจ้าขอทานแสนรู้ดันมาอยู่ผิดที่ ผิดเวลา ถูกแจ้งให้ทุกคนได้รับทราบ ด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบของก้อนน้ำแข็งที่แข็งแต่เปลือก ก่อนเจ้าของเสียงจะลุกออกไปดูหัวขโมยขี้เซา พร้อมๆกับการปิดตัวลงขององค์ประชุมเฉพาะกิจของป้อมอัศวินปีสาม
“เฟริน นายตื่นแล้วเหรอ แล้วนี่นายกำลังทำอะไรอยู่” ร่างสูงที่เพิ่งจะย่างก้าวเข้ามาบนเกวียนส่วนที่สอง ถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงความสงสัย เพราะภาพที่เห็นเบื้องหน้ากลับไม่ใช่หัวขโมยสาวที่นอนหลับตาพริ้มจนดูน่ารักเหมือนก่อนอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นแม่หัวขโมยตัวแสบที่กำลังขลุกๆขั่วๆอยู่กับอะไรบางอย่าง
ร่างบางในเสื้อผู้ชายตัวหลวมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามดังมาจากคนข้างหลังที่เข้ามาเร็วเกินไปจนไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะหันหน้ามาเผชิญกับหัวเงินๆของเจ้าชายแห่งคาโนวาล พร้อมๆกับสมองที่เริ่มทำงานหาทางเอาตัวรอด
“นี่ แกเข้ามาทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนน่ะ” คำตอบที่ทำให้คนฝังรู้สึกผิดจนหน้าขึ้นสี เมื่อร่างบางหันมาตวาดเสียงเจื้อยแจ้ว ทั้งสีหน้าและท่าทางดูเอาเรื่องเลยทีเดียว
“ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้นี่ว่า ” คาโลแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ด้วยท่าทางเย็นชาเหมือนเก่า คงเหลือแต่ใบหน้าแดงเรื่อๆ ที่ปิดยังไงก็ไม่มิด
‘แล้วเธอจะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ ประตูก็ไม่มีให้เคาะ’ คาโลนึกเข้าข้างตัวเองภายในใจเงียบๆ“เออๆ เออ นั่นแหละๆ แล้วแกจะออกไปได้รึยังวะ” เฟรินเริ่มตวาดอย่างรำคาญนิดๆ
‘ได้ผลแฮะ มันเชื่อสนิทเลย แหม ถ้าเป็นเรื่องอย่างนี้นี่ว่าง่ายจังนะไอ้น้ำแข็งกิ๊กก๊อก’ เธอคิดในใจอย่างผู้ชนะ เมื่อรู้ว่าแผนการอัจฉริยะของเธอประสบผลสำเร็จอย่างงดงามต่อคนตรงหน้านี้ ในขณะที่ข้อมือบางก็ถูกชักขึ้นมาเท้าใส่เอวเอาไว้ ด้วยท่าทางที่ดูฉุนๆปนรำคาญอยู่ไม่น้อย เพื่อให้สมบทบาท“งั้น ฉันออกไปรอข้างหน้าแล้วกัน” เสียงเย็นกับการตีหน้าตายช่างไม่เข้ากับสีแดงเรื่อๆบนหน้าเลยสักนิด ไม่นานเมื่อเจ้าชายผู้สูงศักดิ์เดินออกไปแล้ว หัวขโมยก็ปล่อยหัวเราะก๊ากใหญ่กับความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ก่อนจะงมๆซาวๆทำอะไรบางอย่างของเธอเองจนเสร็จโดยไม่ลืมเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วตามที่ต้มก้อนนั้นแข็งเดินได้เอาไว้ ก่อนจะผละจากเกวียนส่วนหลังเพื่อเข้าร่วมวงเรื่องเล่าเช้านี้ซึ่งก็คงจะดำเนินรายการโดยเธอที่มาแทน สรยุทธ ตามปกติของที่นี่อยู่แล้ว ส่วนออรปรียา ก็คงจะเป็นไอ้ครี้ดตาเดียวเจ้าเก่า โดยมีนักฆ่าถ่ายทำ ส่วนที่เหลือก็นั่งฟัง ยุติธรรมดี!
ความคิดเห็น