ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic } ฟิคบารามอส ภาค ดินแดนน้ำแข็ง

    ลำดับตอนที่ #9 : แผนการเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 49


    บทที่ ๘ แผนการเดินทาง

    เคร้ง…แก๊ะ….เคร้ง!!ๆ สวบ!!วว

    เสียงอาวุธกระทบกันอย่างรวดเร็วที่สามารถบ่งบอกได้ถึงฝีมือของผู้ใช้ โดยที่มือบางทั้งสองข้างยังคงจับอาวุธมากระชับไว้ในมืออย่างแน่นหนาในขณะที่การออกอาวุธเข้าโจมตีศัตรูยังคงเป็นไปอย่างไม่ลดละ แบบไร้ซึ่งความเมตตา ไม่เหลือแม้ความปราณี ไม่มีแล้วความเป็นมนุษย์ และ ไม่หยุดกินอย่างตะกละตะกลาม

    เฟริน! เสียงปรามดังกึกก้องออกจากปากเหล่าทะโมนปีสามรวมกันเป็นเสียงเดียว คงเหลือก็แต่นักบวชผู้รักสันโดษและเจ้าชายหนุ่มรูปงามที่ไม่ชอบจิ๊จ๊ะกับใคร ทำให้นักกินลมกรดกระเพาะควยกระหายอาหารผู้นี้ต้องชะงักศาสตราวุธในมือทั้งสองออกจากศัตรูตรงหน้าอย่างเสียดาย

    เดี๋ยวฉันจะมาจัดการกับพวกแก คราวนี้พวกแกไม่รอดแน่ อย่าหนีไปไหนซะก่อนล่ะ คำประกาศก้องที่ในใจถูกส่งไปข่มขวัญเหล่าปัจจามิตรที่ถูกขังอยู่ในภาชนะ ร่างบางของหญิงสาวที่กินไม่สมกับรูปร่างก้มลงไปมองอาหารที่อยู่ในชามอย่างเสียดายเมื่อต้องหยุดการลำเลียงพวกมันเข้าสู่เรียวปากบางของหล่อนอย่างจำใจจนน้ำตาแทบเล็ด

    ก่อนจะละสายตาออกมาจากศึกโภชนาอย่างเชื่องช้า เพื่อมาสบกับสายตาหลากสีสันของเพื่อนๆผู้หวังดีอยากให้เจ้าหญิงคนใหม่เลิกลืมตัวเสียที ดวงตาสีน้ำตาลหวานจนมดแทบอยากเจาะส่งสายตาอาวรณ์อาหารเป็นนัย ให้เพื่อนๆ ‘พวกแกก็รู้นี่นาว่าฉันชอบกิน แล้วจะมาจ้องกันเขม็งทำซากอะไรว้า

    หากแต่เพื่อนๆเองก็รู้ใจกันดีว่าหัวขโมยตรงหน้านั้นเป็นอย่างไร แต่ก็จะไม่ปรามก็ไม่ได้เพราะเจ้าหล่อนเล่นกินซะน่ากลัวจนพวกเขาหายอยากอาหาร แต่อยากสำรอกเอาของเก่าออกมาแทน

    “นายจะกินให้มันเรียบร้อยกว่านี้ได้ไหม ฮะ ไอ้ขโมยหน้าหวาน” นักฆ่าเพื่อนรักเลือกใช้คำพูดกวนประสาท ประเภท ตบหัวแล้วลูบหลัง ส่วนคนถูกตบหัวอย่างแรงจนถึงกับต้องสะบัดใบหน้าหวานมาถลึงตาใส่ ทำให้นักฆ่าแอบยิ้มน้อยๆยังไงซะ เรื่องเมื่อคืนก็เป็นสิ่งที่สามสาวที่คงจะเข้ามามีบทบาทในการดูแลเพื่อนรักคนนี้มากกว่าเขาซึ่งเป็นผู้ชายแน่นอนในอนาคต ควรได้รับรู้เอาไว้ เขาคิดในขณะที่พยายามเบี่ยงหน้าหลบดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นที่พยายามถลึงใส่อย่างถึงเลือดถึงเนื้อ

    ส่วนคนมูมมามก็ไม่คิดจะติดใจอะไรกับไอ้นักฆ่าตัวนี้ ทั้งๆที่ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเหตุผลที่มันเอาเรื่องอดีตเก่าๆที่ขมขื่นของเธอไปเล่าให้ใครต่อใครฟัง แต่เธอก็รู้ว่า ยังไงซะการกระทำเหล่านั้นของมันก็คงไม่พ้นความหวังดีรักเพื่อนฝูงที่นักฆ่าหนุ่มนั้นมีให้แก่เธอ ตั้งแต่รู้ตัวว่าไปเป็นเพื่อนสนิทของนักฆ่าผู้อ่อนต่อโลกเข้าให้อย่างจัง

    “ไม่เป็นไรๆ เชิญพวกลูกทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านพวกลูกๆ เองเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ เอาให้เต็มที่เลย ถือซะว่าเป็นการเลี้ยงอำลาเหล่าผู้มาเยือนก็แล้วกัน” มิคาเอลผู้อาวุโสกล่าวอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดี เพราะไอ้นิสัยไม่เกรงใจใครนี่แหละทำให้เจ้าบ้านสามารถวางตัวได้ง่ายและเป็นกันเองมากที่สุด

    ส่วนหัวขโมยพอได้รับคำอนุญาติเท่านั้นแหละศัตรูในสายตาของคนตะกละก็เป็นอันมลายสิ้น สาบสูญซึ่งเผ่าพันธุ์ไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูกให้คนรุ่นหลังได้บูชาเลยแม้แต่น้อย ไม่นานนักมื้อเช้าที่ดูเหมือนจะเป็นการนั่งดูคนกินมากกว่าก็สิ้นสุดลงโดยความอิ่มของเจ้าหญิงแห่งบารามอส ก่อนที่เหล่าผู้ร่วมเดินทางจะแบกเอาสัมภาระของตนลงมาจากห้องตามมาด้วยการไปลาบาทหลวงทั้งสองท่านเพื่อเริ่มออกเดินทางแต่เช้าตรู่

    จิ๊บ…จิ๊บ….กรุบกรับ….กรุ๊บกรับ

    เกวียนยาวยังคงวิ่งต่อไปอย่างเอื่อยๆ รับกับสายลมอ่อนที่แสนสดชื่นของยามเช้าที่พระอาทิตย์ยังโผล่มาไม่ถึงครึ่งดวง ตามคำสั่งของเจ้าชายแห่งคาโนวาลที่ไม่อยากให้พระคู่หมั้นของตนตื่นจากนิทราแสนหวาน ความจริงแล้วจุดประสงค์ของการออกเดินทางแต่เช้านั้นก็เพื่อให้องค์หญิงของเขาออกห่างไอ้บาทหลวงบ้าน้ำลายนั่นโดยเร็วที่สุด ทั้งๆที่กำหนดการเดินทางของพวกเขานั้นดูเหมือนจะเป็นการเที่ยวเตร็ดเตร่ไปทั่วๆเอเดนในเวลาก่อนเปิดภาคเรียนเสียมากกว่า

    “เอาล่ะ เรามาทบทวนแผนการเดินทางกัน” เจ้าแม่แห่งป้อมเอาแผนที่เอเดนมากางลงบนพื้นไม้เรียบของเกวียนที่สั่งทำมาอย่างดี เรียกความสนใจของทุกคนในเกวียนส่วนหน้าให้หันมารับฟัง โดยมีขอทานรับหน้าที่คุมบังเหียน ส่วนหัวขโมยก็นอนแอ้งแม้ง อยู่ที่เกวียนส่วนหลังอย่างมีความสุขจนไม่มีใครอยากปลุก เพราะคิดว่าหัวขโมยก็คงไม่สนใจแผนการเดินทางเท่าไหร่นัก และอีกอย่างคือพวกเขาเข้าใจว่าเฟรินยังแทบไม่ได้นอนเลยจากเรื่องเมื่อคืน

    “ก่อนแยกกันที่เอดินเบิร์กแล้วออกมาตามเฟริน เราถามทุกคนดูแล้วว่ามีใครจะให้ไปรับบ้าง” มาทิลด้าชี้แจงต่อ ซึ่งทำให้คนที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมต้องเริ่มเข้าใจ ซึ่งก็มี ครี้ดและคิล ที่มัวแต่ฟังหัวขโมยฝอย ส่วนกัส และโร นั้นเป็นผู้มาใหม่ที่รู้เรื่องนี้แล้วเพราะเคยถูกถามไปก่อนหน้านี้

    “เราเริ่มจากบารามอส ซึ่งไม่มีคนจะไปกับเรา ต่อมาก็คาโนวาล” พูดถึงตรงนี้มาทิลด้าก็หยุดแล้วหันหน้าไปหาคาโนวาลทั้งสอง “อยู่ที่นี่หมดแล้ว” มาทิลด้ากล่าวต่อ ก่อนจะละมือออกจากแผนที่เพื่อส่งหน้าที่นี้ต่อให้แก่คาโล

    “กิลดิเรก กัส เอเธนส์ นิกส์ ทริสทอร์ --- และ ซาเรส เดท” เสียงเรียบไร้อารมณ์ กล่าวสั้นรวบรัด ตามสูตรสำเร็จที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าชายแห่งคาโนวาล กล่าวชี้แจงแก่องค์ประชุมทั้งหลาย

    “ทำไมถึงมีกันแค่นี้วะ พวกเราอุตส่าห์ออกมาบริการแล้วแท้ๆ”ครี้ดกล่าวอย่างหัวเสียอย่างไม่เข้าใจว่าเพื่อนๆผู้รักสนุกทั้งหลายแห่งป้อมอัศวิน เหตุไฉนเลยจึงไม่อยากออกมาเตร็ดเตร่ทั่วๆเอเดนทั้งๆที่มีคนบริการไปรับถึงที่สบายออกจะตาย

    “เพราะว่าฝนทองที่ตกหลังสงครามน่ะค่ะ คุณครี้ด ทำให้ทุกคนอยากอยู่บ้านเฉยๆจะได้ชื่นชมกับความอุดมสมบูรณ์ที่กลับมาเหมือนเมื่อหลายร้อยปีก่อนไม่มีผิดยังไงคะ”เสียงหวานชี้ทางสว่างแก่นักรับหนุ่มตาเดียวผู้รักสนุก

    “อีกอย่าง ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่สงครามเพิ่งจะเลิกไปหมาดๆ เจ้าพวกนั้นก็เลยมีอะไรต้องทำล่ะมั้ง” นักฆ่าเสริมต่อจากเจ้าหญิงคนสวยทำให้ความสงสัยข้อนี้ของนักรบตกไป นั่นสิ สงครามก็เพิ่งจะเลิก คงจะมีแต่พวกบ้าที่ว่างจัดๆเท่านั้นแหละที่ยังออกเที่ยวสบายใจเฉิบอยู่ นักรบหนุ่มนึกหัวเราะตัวเองที่บ่อจี้ ปฏิเสธคนไม่เป็นจนต้องมากลายเป็นพวกว่างจัดกับเขาด้วยเลย

    “ขึ้นเหนือสู่เอเธนส์ ผ่านเวนอล เจมิไน และวิทช์ สู่ซาเรส แล้วกลับทางเก่าผ่านคาโนวาล โคมิเน่ ก็ถึงเอดินเบิร์ก” แผนการเดินทางที่ถูกเปลี่ยนแปลง เพราะเจ้าขอทานแสนรู้ดันมาอยู่ผิดที่ ผิดเวลา ถูกแจ้งให้ทุกคนได้รับทราบ ด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบของก้อนน้ำแข็งที่แข็งแต่เปลือก ก่อนเจ้าของเสียงจะลุกออกไปดูหัวขโมยขี้เซา พร้อมๆกับการปิดตัวลงขององค์ประชุมเฉพาะกิจของป้อมอัศวินปีสาม

    “เฟริน นายตื่นแล้วเหรอ แล้วนี่นายกำลังทำอะไรอยู่” ร่างสูงที่เพิ่งจะย่างก้าวเข้ามาบนเกวียนส่วนที่สอง ถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงความสงสัย เพราะภาพที่เห็นเบื้องหน้ากลับไม่ใช่หัวขโมยสาวที่นอนหลับตาพริ้มจนดูน่ารักเหมือนก่อนอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นแม่หัวขโมยตัวแสบที่กำลังขลุกๆขั่วๆอยู่กับอะไรบางอย่าง

    ร่างบางในเสื้อผู้ชายตัวหลวมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามดังมาจากคนข้างหลังที่เข้ามาเร็วเกินไปจนไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะหันหน้ามาเผชิญกับหัวเงินๆของเจ้าชายแห่งคาโนวาล พร้อมๆกับสมองที่เริ่มทำงานหาทางเอาตัวรอด

    “นี่ แกเข้ามาทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนน่ะ” คำตอบที่ทำให้คนฝังรู้สึกผิดจนหน้าขึ้นสี เมื่อร่างบางหันมาตวาดเสียงเจื้อยแจ้ว ทั้งสีหน้าและท่าทางดูเอาเรื่องเลยทีเดียว

    “ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้นี่ว่า…” คาโลแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ด้วยท่าทางเย็นชาเหมือนเก่า คงเหลือแต่ใบหน้าแดงเรื่อๆ ที่ปิดยังไงก็ไม่มิด แล้วเธอจะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ ประตูก็ไม่มีให้เคาะ คาโลนึกเข้าข้างตัวเองภายในใจเงียบๆ

    “เออๆ เออ นั่นแหละๆ แล้วแกจะออกไปได้รึยังวะ” เฟรินเริ่มตวาดอย่างรำคาญนิดๆ ได้ผลแฮะ มันเชื่อสนิทเลย แหม ถ้าเป็นเรื่องอย่างนี้นี่ว่าง่ายจังนะไอ้น้ำแข็งกิ๊กก๊อก เธอคิดในใจอย่างผู้ชนะ เมื่อรู้ว่าแผนการอัจฉริยะของเธอประสบผลสำเร็จอย่างงดงามต่อคนตรงหน้านี้ ในขณะที่ข้อมือบางก็ถูกชักขึ้นมาเท้าใส่เอวเอาไว้ ด้วยท่าทางที่ดูฉุนๆปนรำคาญอยู่ไม่น้อย เพื่อให้สมบทบาท

    “งั้น ฉันออกไปรอข้างหน้าแล้วกัน” เสียงเย็นกับการตีหน้าตายช่างไม่เข้ากับสีแดงเรื่อๆบนหน้าเลยสักนิด ไม่นานเมื่อเจ้าชายผู้สูงศักดิ์เดินออกไปแล้ว หัวขโมยก็ปล่อยหัวเราะก๊ากใหญ่กับความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ก่อนจะงมๆซาวๆทำอะไรบางอย่างของเธอเองจนเสร็จโดยไม่ลืมเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วตามที่ต้มก้อนนั้นแข็งเดินได้เอาไว้ ก่อนจะผละจากเกวียนส่วนหลังเพื่อเข้าร่วมวงเรื่องเล่าเช้านี้ซึ่งก็คงจะดำเนินรายการโดยเธอที่มาแทน สรยุทธ ตามปกติของที่นี่อยู่แล้ว ส่วนออรปรียา ก็คงจะเป็นไอ้ครี้ดตาเดียวเจ้าเก่า โดยมีนักฆ่าถ่ายทำ ส่วนที่เหลือก็นั่งฟัง ยุติธรรมดี!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×