คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ปีศาจ
บทที่ ๔ ปีศาจ
ขอต้อนรับลูกแกะของพระเจ้าทุกท่านสู่โบสถ์อันศักดิ์ของเรา!
น้ำเสียงที่แสนอบอุ่นของบาทหลวงชรา กล่าวอย่างภาคภูมิใจเมื่อพาคณะเดินทางผ่านประตูไม้ที่แกะสลักสวยงามเข้าสู่ส่วนที่พักรับรองด้านในโบสถ์
ภาพที่ผ่านเข้าครองจักษุของเหล่าคณะเดินทางคือ ภาพผนังและพื้นถูกปูด้ายแผ่นไม้เนื้ออ่อนยาวๆ สีเหลืองอ่อนๆและลวดลายตามธรรมชาติของแผ่นไม้ที่ถูกขัดจนขึ้นมันนั้น ให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่ผู้มาเยือนเสมือนอยู่ที่บ้านของตนเองไม่มีผิด
เฟอร์นิเจอร์ ส่วนใหญ่ทำจากไม้เนื้อแข็งที่มีสีเข้มตัดกับพื้นสีอ่อน แสงจากโคมไฟระย้าเรือนใหญ่กลางห้องโถงที่พวกเขากำลังยืนอยู่ เมื่อสะท้อนกับแผ่นไม้ขัดเงาสีอ่อนๆแล้ว ทำให้ห้องโถงที่กว้างไม่ใช่น้อยกลับดูสว่างไสวทุกซอกทุกมุม หน้าต่างขอบไม้สีขาวที่มีกระจกใสสี่แผ่นติดที่ส่วนบนและล่างของแต่ละบานจัดกันเป็นคู่
เมื่อลองมองผ่านหน้าต่างออกไปจะสามารถแลเห็นทุ่งดอกไม้ และลานน้ำพุข้างๆโบสถ์โดยมีตึกรามบ้านช่องของประชาชนชาวกิลดิเรก ที่รายล้อมตัวโบสถ์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี ส่วนท้องทะเลกว้างก็อยู่ไม่ห่างจากตัวโบสถ์มากนัก
โดยจะอยู่ทางข้างหลังของโบสถ์ สังเกตได้จากการที่ร้านรวงต่างๆไม่หนาตาเท่าด้านอื่นๆ ส่วนตอนนี้พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไม่แล้วเหลือเพียงแต่พระจันทร์ ซึ่งคืนนี้ก็เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามโดยรอบได้อย่างชัดเจนประดุจจะเป็นใจให้ผู้มาเยือนสามารถรับชมความงามของกิลดิเรกได้อย่างเต็มอรรถรสโดยแท้
“แปะๆ เอาละ เอาละ ลูกๆทุกคน ห้องพักของเราอยู่ชั้นบน ห้องหนึ่งพักได้ สี่คน ยกให้ผู้หญิงทั้งห้อง ส่วนผู้ชายอีกสามคนหากให้ไปนอนพัก ร่วมกับแขกอีกคนของเราคงไม่มีปัญหานะ” บาทหลวงปรบมือเพื่อเรียกสติที่หลุดลอยไปกับภาพเบื้องหน้าของชาวป้อมให้กลับมาเข้าร่าง และแจกแจงรายละเอียดต่างๆแก่ผู้มาเยือน ก่อนส่งคำถามเพื่อความเรียบร้อย
“ครับ” คาโลตอบแทนครี้ดและคิล ที่ดูเหมือนจะยังไม่ได้สติดีนัก ส่วนคนถูกตอบแทนก็ได้แต่พยักหน้าเออออห่อหมกไปด้วย ทั้งๆที่ไม่ได้ฟังที่บาทหลวงกล่าวเลยแม้แต่น้อย
“งั้นดี ห้องน้ำอยู่ทางขวาของห้อง ส่วนระเบียงรับลมอยู่สุดทางเดินด้านหลัง เอาล่ะตอนนี้ลูกๆ ทุกคน ก็ขึ้นไปอาบน้ำกันก่อนเถอะ ห้องของผู้ชายอยู่ทางบันไดด้านซ้าย ส่วนห้องของผู้หญิงอยู่บันไดด้านขวา” บาทหลวงผู้โอบอ้อมอารี ใช้มือกร้าน ชี้ไปยังเชิงบันไดทั้งสองข้าง
“ขอให้พระเจ้าอวยพรลูกๆ ทุกคน ณ บัดนี้ ลูกเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของพระองค์แล้วลูกแกะทั้งหลาย แล้วเจอกันที่ห้องอาหารนะ เหล่าผู้มาเยือนทั้งหลาย” บาทหลวงกล่าวอวยพร พลางใช้นิ้วหยาบชี้ไปที่ประตูไม้บานใหญ่ที่เป็นประตูห้องอาหาร ก่อนเดินตรงไปตามนิ้วที่ชี้
“อาบน้ำเสร็จให้ลงมารอกันที่ห้องโถง” คาโลแจกแจง ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องของตนตามด้วยครี้ดและคิล รวมทั้งสามสาวที่เดินขึ้นห้องของตัวเองบ้าง เหลือไว้แต่หัวขโมยที่เดินขบคิดอะไรบางอย่างเดินรั้งท้าย
‘
นี่มันอะไรกัน เราไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนนี่นาความรู้สึกเหมือนมีบางอย่างของเราอยู่ใกล้ๆ ยังไงชอบกล’ เฟรินใช้มือลูบแผลเป็นใต้ตาซ้ายบนดวงหน้ามนอย่างเคยชิน แผลเป็นที่เคยหายไปแล้วแต่ถูกเจ้าหล่อนซ้ำรอยเก่าอีกเลยกลับชัดขึ้นมาอีกครั้งแผลแห่งความทรงจำในวัยเด็กแบเบาะของเธอ บาดแผลที่เป็นตำหนิเดียวบนร่างกายเธอ“ช่างมันเถอะ หิวก็หิว จะมายืนทำบ้าอะไรตรงนี้วะ” เสียงหวานบ่นกับตัวเอง เพื่อให้หลุดจากความคิด ก่อนจะวิ่งแจ้นเข้าห้องเพื่อรีบไปแย่งสามสาวอาบน้ำแล้วลงไปรอที่ห้องโถงโดยเร็ว เพราะไปเร็วคงก็จะได้กินเร็ว
แต่มันกลับเป็นตรงกันข้ามกับที่หัวขโมยน้อยคิด เมื่อเธออาบน้ำเสร็จก็รีบมานั่งรอที่ห้องโถงโดยหารู้ไม่ว่า ยิ่งมาเร็วยิ่งทรมาน เมื่อเจ้าหล่อนนั่งๆนอนๆกลิ้งๆไปๆมาๆถึงสิบนาที จึงจะมีคนที่สองเข้ามาในห้องโถงต่อจากเธอซึ่งก็คือคิลนั่นเอง
ซึ่งก็ช่วยให้เจ้าหัวขโมยมีอะไรทำมากขึ้นนอกจากนั่งรอ อีกห้านาทีต่อมาคือ มาทิลด้า และครี้ด เมื่อผ่านไปได้อีกสองสามนาที
“นี่ทำไมพวกแกอาบน้ำนานกันจังเลยวะ” หัวขโมยสาวเอามือท้าวคาง พลางบ่นกระปอดกระแปด ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วลงไปนอนกองกับโต๊ะ และเมื่อผ่านไปได้ สิบนาที เรนอน แองจี้ และคาโลจึงลงมากันครบพร้อมหน้าพร้อมตา แต่กว่าจะครบก็เล่นเอาคนขยันที่ลงมารอคนแรก หลับไปหลายตื่นแล้ว
“เฟรินไปกันเถอะ เรามากันครบแล้ว” เสียงเย็นที่ดังเข้ามาในโสตประสาท ทำให้ให้หัวขโมยสดุ้งโหยงก่อนจะวิ่งหน้าตั้งเข้าห้องอาหารไปอย่างไม่เกรงใจใคร
“ถวายบังคม องค์หญิง” ภาพตรงหน้าของคนหิวจัดคือขอทานหนุ่ม ที่มานั่งจิบชาอยู่ในโบสถ์ได้ยังไงก็ไม่รู้
‘นี่เราหิวจนตาลายรึเปล่าเนี่ย’ เฟรินใช้มือบาง ขยี้ตาเบาๆ เรียกร้อยยิ้มกริ่มบนริมฝีปากขอทานเจ้าเล่ห์ ส่วนคนที่เดินตามเข้ามาก็มีอาการไม่ต่างกันนัก ยกเว้นคาโลที่ดูเหมือนพอจะเดาออกว่าไอ้ทาสตัวแสบนี่คงไม่ยอมห่างนายมันเป็นแน่“ไอ้โร แกมาอยู่นี่ได้ยังไงวะ”เฟรินถามออกไปทั้งๆที่ยังไม่เชื่อในสายตาของตนเอง
“แล้วพระองค์ทรงคิดว่าไงล่ะ” คำราชาศัพท์ครึ่งท่อนถูกใช้กับหัวขโมยผู้เป็นนาย ทำให้เธอเบือนหน้าอย่างปลงๆ
‘มันไม่บอกก็ชั่งหัวมันเถอะ’ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตามด้วยคนอื่นๆ“อ้าวรู้จักกันแล้วเหรอ งั้นก็ยิ่งดีสินะ” บาทหลวงที่เดินเข้าเห็นเหตุการณ์พอดี เขามาพร้อมกับ กัส และบาทหลวงหนุ่มอีกคนหนึ่ง
“นี่กัส โทนีย่า ส่วนนี่หลวงพ่อ เบอมิงตั้น และพ่อชื่อ หลวงพ่อ มิคาเอล” ทั้งสามค้อมตัวลงเล็กน้อย ก่อนเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร
“เชิญร่วมกันสวดขอบคุณพระเจ้าก่อนรับประทานอาหาร” หลวงพ่อมิคาเอลกล่าว ก่อนยกอาหารพื้นๆ อย่างขนมปังและซุปผัก มาวางแจกจ่ายบนโต๊ะ แล้วเริ่มสวด
เฟรินต้องทนกลืนน้ำลายหลายรอบกว่าบทสวดจะจบลง จากนั้นจึงไปแปลกที่จะตามมาด้วยการสาธิต วิธีการยัดนุ่นโดยหัวขโมยสาว ที่หลับหูหลับตา กวาดขนมปังและซุปผักที่ถึงแม้จะดูธรรมดา แต่รสชาตินั้นต้องยอมรับเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
“กัส นายจะไปกับพวกเราไหม” มาทิลด้ากล่าวตรงประเด็นตามเหตุผลที่เดินทางมา เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจบนโต๊ะอาหารให้เจ้าบ้านทั้งสองเลิกหันไปสนใจการสาธิตของเพื่อนสาวที่แสนหน้าขายหน้านั่นซักที
“แล้วพวกนายมาที่นี่ทำไมล่ะ” กัสตอบ ก่อนหันหน้าไปสบตากับ บาทหลวงพ่อชรา เป็นเชิงขออนุญาต ซึ่งคำตอบที่ได้คือรอยยิ้มและการพยักหน้าของบาทหลวงชรา
“ปัง! นี่ หลวงพ่อจะยอมให้พวกปิศาจ มาร่วมโต๊ะกับเรา ในเขตของพระเจ้าหน้าตาเฉยอย่างนี้หนะเหรอ ผมยอมไม่ได้หรอกครับ หลวงพ่อ ยิ่งโดยเฉพาะกับลูกครึ่งปีศาจที่พรากชีวิตคนนับหมื่นด้วยแล้วล่ะก็”
บาทหลวงหนุ่ม ทุบโต๊ะเสียงดังตามมาพร้อมกลับประโยคตอกย้ำความผิดพลาดครั้งใหญ่ของใครบางคน ทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงที่กำลังดื่มน้ำอยู่นั้นถึงกับสำลักน้ำ ก่อนที่ใบหน้ามนจะหลุบลงต่ำพร้อมกับวางแก้วอย่างเชื่องช้า
ความผิดที่เคยกระทำไว้เริ่มประดังเข้าสู่ห้วงความคิดเพื่อตอกย้ำผู้กระทำ แต่ก่อนที่จะมีใครได้ว่าอะไร เฟรินก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เป็นปกติ
“ไม่เป็นไรฉันชินแล้วล่ะ” คนถูกว่ากล่าวเสียงเรียบ พร้อมๆกับรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะจัดการกินต่ออย่างไม่ยีหรากับคำพูดแทงใจดำของบาทหลวงหนุ่ม
“ในแสงสว่างย่อมมีความมืด นะ เบอมิงตั้น เอ๋ย ปิศาจนั้นสืบเชื้อสายมาจากซาตานซึ่งหากไม่มีซาตานเราจะแบ่งแยกได้อย่างไรว่าอะไรคือพระเจ้าฉันใด ปิศาจเองก็มีไว้เพื่อแบ่งแยกความเป็นมนุษย์เช่นกันฉันนั้น” บาทหลวงชราร่ายคำยามสั่งสอนบาทหลวงผู้อ่อนต่อโลกกว่า
“แต่ ” บาทหลวงหนุ่มพยายามจะเถียงแต่ก็ถูกดักคอไว้ก่อนโดยบาทหลวงชราคนเดิม “ไม่มีแต่ เบอมิงตั้น เจ้าก็รู้ว่าคนเราเลือกเกิดได้ซะที่ไหน แล้วเจ้าจะแน่ใจเหรอ ว่าเจ้าจะไม่ทำเฉกเช่นเดียวกับนางในสถานะการณ์เช่นนั้น” บาทหลวงหนุ่มนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนกล่าวคำที่ควรกล่าว “ครับหลวงพ่อ แม่นาง พ่อขอโทษด้วยที่กล่าวอะไรไม่คิดให้ดีก่อน”
“ไม่เป็นไรฮะ” เฟรินรับคำขอโทษแต่โดยดี และแล้วการรับประทานมื้อนั้นก็จบลงเมื่อทุกคนอิ่มหนำสำราญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกผมขอตัวนะครับหลวงพ่อ” ขอทานกล่าวขออนุญาตหลวงพ่ออาวุโส เมื่อเห็นว่าสหายร่วมป้อมออกอาการเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไม่น้อยน้อยเลยทีเดียว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าบาทหลวงมิคาเอลเองก็จะสังเกตเห็นข้อนี้ไม่ต่างกัน
“ตามสบาย ลูกพ่อ”
หลังจากนั้นชาวป้อมอัศวินก็ งัวเงียๆ คลานขึ้นห้องนอนของตนเอง เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนและสุดท้ายทั้งหมดก็หลับสนิทในเวลาไม่นานเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เหลือเพียงแต่บางคนที่หลับไม่ลงเพราะมีเรื่องค้างคาใจอยู่
ความคิดเห็น