ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic } ฟิคบารามอส ภาค ดินแดนน้ำแข็ง

    ลำดับตอนที่ #19 : ผู้บุกรุก

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 49


    บทที่ ๑๘ ผู้บุกรุก!

    ขบวนเกวียนของชาวป้อมอัศวินแล่นออกมาจากที่พักตั้งแต่เวลาเช้าตรู่หลังจากการรับประทานอาหารที่ค่อนข้างสลึมสลือของคนทั้งคณะที่มัวแต่ดูทะเลแสงดาวที่ขึ้นชื่อจนดึกดื่น ยกเว้นผู้ทำหน้าที่คุมบังเหียนจำเป็นเพราะไม่มีใครมีสติพอที่จะทำได้ กับสาวเจ้าที่นั่งจ้ออยู่ข้างหูเขาตลอดเวลา

    “ อี่ อาโอ อันอีกไอไอ๋ อะ” เฟรินในชุดรุ่มร่ามของผู้ชาย ที่ประกอบด้วยเสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสามส่วนเอ่ยไม่ได้ศัพท์ ทั้งที่ยังมีเสบียงอยู่เต็มกระพุ้งแก้มทั้งสอง พลางมองออกไปยังผืนน้ำสีฟ้าครามที่กำลังไกลออกไป ทุกทีๆ

    “ไอ้ อาโอ……อึก!….ฉันถามน่ะได้ยินไหมวะ”

    “…ไกล” โชเฟอร์กล่าวแก่ผู้โดยสารในขณะที่กำลังบังคับอาชาทั้งสี่ ให้ลัดเลอะไปตามเชิงเขาอย่างชำนาญ

    “ฉันก็เพิ่งเห็นวันนี้แหละ ว่าไอ้ที่เรียนมาน่ะ มันมีประโยชน์”

    เฟรินเอ่ยพลางคิดย้อนไปถึงคาบเรียนเรื่องการบังคับพาหนะที่เธอคิดว่ามันช่างไร้สาระเสียนี่กระไร แต่เมื่อมาได้เห็นกับตาตรงนี้ถึงได้รู้จักคำที่ว่า รู้ไว้ ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม

    แล้วไอ้พวกบ้าเนี่ย เมื่อไหร่มันจะตื่นกันได้ซักที นอนกินบ้างกินเมืองอยู่ได้!….อุ๊บ” เฟรินหันกลับไปด่าสี่หนุ่มที่นอนอยู่เกวียนข้างหลังเธอ ส่วนคำตอบที่ได้รับคือหมอนดุ้นๆของนักฆ่ามือไว

    “ฉันเดินสวนกับพวกนี้ ตอนลงมาจัดของ” ประโยคบอกเล่าของเจ้าชายแห่งคาโนวาลที่แสนจะเย็นชา เปลี่ยนช่วงสายของวันที่สดใส ให้กลายยเป็นวันที่น่าหงุดหงิดอีกครั้ง

    “แล้วนายลงมาจัดของอะไรของนาย” หัวขโมยเริ่มซักด้วยน้ำเสียงยียวน

    “ก็ที่นายเพิ่งจะกินไป” สายตาที่แน่วแน่กับการทำหน้าที่ของคาโล ทำให้คนซักเริ่มฉุน เมื่อรู้สึกเหมือนตนเองไม่ได้รับความสนใจ

    “แล้วทำไมตอนนั้นแกถึงไม่บอกแต่แรกว่าเป็นแก” เฟรินถามด้วยความหงุดหงิดไม่น้อย เพื่อพยายามหาข้อพิพาทให้ได้ทะเลอะกันในที่สุดให้ได้ ถ้าเป็นคนร้ายจริง มีหรอเราจะมาเจอก่อน เพราะยังไงซะเขตอาคมของหมอนี่ก็ไม่มีทางพลาดง่ายๆอยู่แล้ว

    ก็นายไม่ถาม” คำตอบกวนประสาททำให้คนฟังถึงกับถอนหายใจอย่างควบคุมอารมณ์ แต่เมื่อหันไปสบกับสายตาและสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของคนพูดก็ทำให้อารมณ์ที่เพียรจะสงบเกิดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

    “ตุ๊บ!…..ไอ้บ้า” หมอนที่อยู่ใกล้มือหัวขโมยที่สุดถูกนำมาใช้เป็นอาวุธที่พาลแต่จะสร้างความรำคาญให้ร่าง

    ใหญ่ตรงหน้าเฉยๆ

    “รู้อย่างนี้ฟันมันให้ตายไปเลยดีกว่า ขอบอกไว้ก่อนนะว่าที่แกหลบได้น่ะ เพราะฉันออมมือให้หรอกนะเฟ้ย!

    หุบ…ปาก!!!! นักรบครี้ด ผู้มีถุงใต้ตาเป็นเครื่องประดับโวยเข้าให้ กับเสียงอันดังของหญิงสาวที่กลับหันไปค้อนเขาวงโตๆอย่างหาเรื่องกับคนนอนไม่พอ

    เที่ยงวัน

    เกวียนยาวถูกจอดไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเนินหญ้าหลังจากออกห่างชายฝั่งทะเลมาได้ไม่นาน ส่วนชาวป้อมอัศวินที่กำลังอยู่ในสภาพสลึมสลือก็กำลังทานอาหารเที่ยงกันอย่างเอร็ดอร่อย เหมือนควายเคี้ยวหญ้า

    “คุณเฟรินค๊ะ ไม่ทานหน่อยเหอรค๊ะ” เสียงหวานจากเรน่อน หนึ่งในสามสาวที่ดูจะอาการดีกว่าหนุ่มๆเพราะไม่ได้ถูกเสียงรบกวนเอ่ย ก่อนจจะยื้นก้อนขนมปังให้แก่คนตระกละที่ยังไม่ลงมือแตะต้องอะไรในมื้อนี้เลย จนผิดปรกติ

    “ไม่เป็นไรฮะ เรน่อนเชิญตามสบายเถอะ พอดีผมอิ่มแล้ว” สุภาพบุรุษเสียงใสเอ่ยตามนิสัยเก่าอย่างลืมตัว

    “มันไม่เอาก็ช่างมันเถอะเรน่อน พอดีระหว่างทางมันคงต้องหาอะไรมาอุดปากมันไว้จนมันอิ่ม เพราะถ้าไม่ทำ

    แบบนั้นเราคงไม่ได้นอนกันพอดี” พูดจบครี้ดก็หยิบความหวังดีของเรน่อนเข้าปาก ก่อนจะจับก้อนหินที่ถูกปามาจากผู้ถูกกล่าวหาได้อย่างเหมาะมือ

    “อะไอ อิล(อะไรคิล)” นักรบแอบเห็นเพื่อนรักมองก้อนขนมปังของหญิงสาวที่เขาคาบอยู่ในปากแว้บนึง

    “อะ ฉันยกให้นาย” ครี้ดคายก้อนขนมปังที่ยังคาบไว้เมื่อครู่ออกมายื้นให้นักฆ่า

    “ไอ้บ้า…อุ๊บ! ศอกแหลมถูกกระทุ้งเข้าเต็มรักของนักรบ เรียกยิ้มหวานจากหญิงสาวต้นเหตุ

    “เรน่อน ญาติเธอนี่เป็นอย่างนี้ทุกรึปล่าว” เฟรินชี้ไปยังคาโลที่นั่งทำหน้าตายอยู่ข้างๆเธออย่างเบื่อหน่ายเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆกับที่ทีไร้อารมณ์ของเจ้าชายคนเก่ง ส่วนคนถูกถามได้เพียงแต่หัวเราะคิกๆ ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ เจ้าพี่คงไม่ยอมกลายเป็นตัวตลกแน่ๆ แต่ว่าถ้าเป็นคุณเฟรินนี่ล่ะก็

    แล้วขโมยเค้าต้องเป็นเหมือนนายทุกคนเลยรึไง” แม่มดสาวที่นั่งฟังอยู่นานแล้วเอ่ยซัดคู่อริกลับอย่างไม่ไว้หน้า

    “ไม่หรอกแองจี้ เธอเข้าใจผิดแล้ว ไม่มีขโมยที่ไหนเค้าหล่อเหมือนฉันหรอก” คำพูดของคนลืมตัวกลับยิ่งทำให้

    ชาวป้อมหยุดหัวเราะไม่ได้หนักขึ้นไปอีก โดนเฉพาะคนเส้นตื้นอย่างคิล

    “งั้นมันก็เหมือนกันกับที่ฉันไม่เหมือนกับญาติทุกคนน่ะสิ” คนนั่งฟังอยู่นานโต้กลับได้อย่างสวยงามทำให้สาวน้อยเริ่มเข้าใจสถานะการแล้วว่าเธอ ถูกรุม!

    นี่! พวกนาย ดูเหมือนงานนี้เราจะเจอปัญหาซะแล้ว” โร เซวาเรส พยุงร่างของ เพื่อนนักบวชที่แขนข้างซ้ายได้รับบาดเจ็บออกมาจากพุ้มไม้อย่างทุลักทุเล หลังจากทั้งสองขอตัวไปล้างหน้าล้างตาที่ลำธารใกล้ๆได้ไม่นาน ตามมาด้วยเสียงฟีเท้านับสิบคู่ที่กำลังตามมาข้างหลังคนทั้งสองอย่างรวดเร็ว!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×