คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ผ้าเช็ดหน้า
บทที่ ๑๔ ผ้าเช็ดหน้า
แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดส่องต้องกระทบกับหน้ากระดาษผิวเรียบมันลื่นของหนังสือเล่มใหม่ในมือเจ้าชายผู้เย็นชา ผ่านเข้าไปยังนัยน์ตาสีฟ้าสวยดูสุขุมอ่านยากไร้อารมณ์อยู่เสมอทั้งสองข้าง พลันในหัวที่เคยมีแต่ข้อความในหนังสือเมื่อครู่กลับกลายมาเป็นใบหน้าทะเล้นของหญิงสาวผมสีน้ำตาลคนนั้นไปได้อย่างน่าประหลาด
‘
นี่ฉันอยู่โดยไม่มีนายไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เฟริน’ คาโลหัวเราะเยาะตัวเองในใจทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขากลายเป็นคนที่ขาดอีกหนึ่งชีวิตของใครบางคนไปไม่ได้เลยแม้เพียงแค่ครึ่งวันเสียแล้วและไวเท่าความคิดบุรุษหนุ่มผู้ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวก็ปิดหนังสือลงแบบไม่รีรอ พลันก้าวเท้าเดินออกไปอย่างองอาจเพื่อออกไปหาคู่ชีวิตที่เขาฝากเอาไว้กับสามสาวซะนานจนเกือบลืม โดยไม่สนใจวงหมากรุกข้างๆที่ยังคงเล่นกันต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะเลิกง่ายๆรวมไปถึงนักบวชหนุ่มที่เป็นไปกับเขาด้วย
“เฟรินล่ะ” ร่างสูงใต้เรือนผมสีเงินกล่าวเสียงเรียบ เรียกความสนใจจากสามสาวที่กำลังนั่งซุบซิบอะไรบางอย่างซึ่งเป็นเรื่องที่คนอย่างเขาคงไม่มีวันไปใส่ใจเป็นแน่แท้
“อ้าวคาโล แหม พูดถึงก็มาพอดีเลยนะ” แองเจลีน่าเอ่ยขำๆอย่างประหลาดๆพร้อมทั้งอีกสองสาวก็มีอาการไม่ต่างกัน ทำให้เกิดความฉงนในใจเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ยิ่งนัก
“เฟรินไปไหน” น้ำเสียงยังคงนิ่งเงียบ บ่งบอกถึงความจริงจังของชายหนุ่มตรงหน้าประกอบกับแววตาอ่านยากที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น พร้อมๆกับการย้ำคำถามเดิม ทำให้สามสาวต้องหันมาสนใจคนจริงจัง
“คุณเฟรินไปทางโน้นน่ะค่ะ เจ้าพี่คาโล” รัชทายาทสาวแห่งคาโนวาลเอ่ยเสียงหวานที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังพลางชี้นิ้วเรียวไปทางด้านขวาซึ่งเป็นชายหาดที่ทอดตัวยาวไปถึงผาหิน
เมื่อได้รับข้อมูลมาเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็ไม่มัวพูดพร่ำทำเพลง เริ่มสาวเท้ายาวๆไปอย่างรนๆกึ่งวิ่งกึ่งเดิน ไม่รู้ว่ารักษามาดดี หรือจะวิ่งออกไปตามเสียงเรียกของหัวใจดี ซึ่งอาการเหล่านี้ก็เรียกรอยยิ้มน้อยใหญ่จากสาวๆที่นั่งดูอย่างสบายใจผิดกับในใจของคนถูกมองลิบลับ ก่อนร่างสูงจะพ้นจากสายตาไป
ทันทีที่พ้นจากสายตาชาวบ้าน ขายาวๆของคนตัวสูงก็เริ่มออกวิ่งไปเรื่อยๆอย่างไม่อายมาดของตัวเอง พร้อมทั้งใช้ดวงตาคู่คมทั้งสองข้างกวาดตามองหาเป้าหมายซึ่งเขาหวังว่าคงจะอยู่แถวๆป่าโปร่งริมชายหาดเป็นแน่แท้ โดยได้แต่ภาวนาในใจให้แม่ตัวดีเกิดหมดอารมณ์จะทำอะไรป่วนๆอีก เพราะความร้อนน่ารำคาญของแดด แต่ดูเหมือนความร้อนก็มิอาจสะกัดกั้นความมึนในสายเลือดของเจ้าหญิงครึ่งปีศาจได้ เมื่อนัยน์ตาสีฟ้าข้างหนึ่งเหลือบไปเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งซึ่งเขายังจำได้เรื่องที่แม่หัวขโมยมาบ่นให้ฟังเรื่องผ้าผืนนี้ที่เธอถูกเพื่อนสาวยัดเยียดให้พกเอาไว้และเขาเองก็สนับสนุน
แล้ว มันมาลอยอยู่แถวนี้ได้ยังไงกัน หรือว่า! ความจำเดิมในหัวสมองของพวกคงแก่เรียนหวนกลับเข้ามาอีกครั้ง มันคือคำเตือนของจ้าวถิ่นเกี่ยวกับทะเลแถวนี้ที่เขาเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ใครจะสนล่ะเพราะถ้าหากสมมุติฐานของเขาเป็นจริงขึ้นมา ตอนนี้เธอคนนั้นคงกำลังลำบากและคงเหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่นัก
สายตาของเจ้าชายน้ำแข็งเริ่มกวาดออกไปรอบๆท้องทะเลกว้างที่ดูจะมีสีเข้มของน้ำเร็วกว่าปกติ เพื่อมองหาเป้าหมายที่คงกำลังลำบาก และไม่นานนักแววตาทั้งคู่ก็สำรวจพบกลุ่มฟองอากาศที่ขึ้นออกจากน้ำเป็นกลุ่มเล็ก แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ร่างสูงเตรียมจะกระโจนลงไปช่วยทันที หากเพียงแต่มีหัตถ์ของปีศาจมาฉุดรั้งที่ไหล่ของเขาไว้ไม่ให้ทำได้ดั่งใจนึก
เขารีบปัดป้องมือนั้นออกทันทีอย่างไม่ยี่หระพร้อมจะกระโจนลงไปอีกครั้งแต่ก็ถูกมือข้างนั้นรั้งไว้อีกเช่นเคย แต่คราวนี้ด้วยความรำคาญจนแทบขาดสติเขาจึงเลือกที่จะตีไปที่มือข้างนั้นอย่างแรง หวังจะให้เลิกมาตามขัดขวางเขาซักทีเพราะเวลาของเธอคงเหลือน้อยเต็มทน
ป๊าป! .คนถูกตีสวนกลับด้วยการใช้มืออีกข้างสวนกลับมาฟาดกระบาลอย่างไม่เกร็งใจคนถูกกระทำจนเจ้าชายน้ำแข็งเส้นอารมณ์ขาดผึ่ง กำหมัดแน่นก่อนจะหันมาประจัญหน้ากับบุคคลที่คอยขัดขวางเขามาตลอด นี่ถ้าหากเข้าไปช่วยเธอคนนั้นไม่ทันล่ะก็เขาขอสาบานด้วยเกียรติของคาโนวาลเลยว่ายังไงซะเขาต้องเอาชีวิตของคนคนนี้ให้ได้
“เจ็บนะโว้ยไอ้บ้า ตีมาได้” แววตาครุกกรุ่นอย่างแค้นเคืองของชายหนุ่มหันมาสบกับแววตาลุกโชติช่วงอย่างหัวเสียของหญิงร่างบางเจนตาคนหนึ่ง
“เฟริน?” ประกายเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้งก่อนร่างสูงจะโผเข้ากอดร่างบางที่กำลังสะบัดข้อมือบวมเป่งไปมาอย่างเจ็บปวด โดยไม่สนอาการดิ้นกระแด่วๆของคนในอ้อมอก
“ไม่ต้องเลยแก ปล่อยเลยๆ ฉันเจ็บนะโว้ย ตีลงมาได้ ฉันงอนแล้วด้วย” ร่างบางประท้วงก่อนจะพยายามผละออกจากพันธนาการอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ จึงเลือกวิธีงอนเอาซะดื้อๆเหมือนเด็กๆจึงทำให้เจ้าชายยอมคลายวงแขนออก
“ฉันขอโทษเฟริน อย่างอนฉันเลยนะ” เสียงเรียบขรึมที่ฟังยังไงก็ไม่เข้ากับประโยคง้อทำให้หัวขโมยที่กำลังทำแก้มป่องพลางใช้มือกอดอกแล้วหันหน้าหนี อารมณ์เย็นลงมาหน่อย
“ยื่นมือมาสิ” เสียงทุ้มของเจ้าชายเอ่ยซึ่งหัวขโมยก็ยอมทำตามแต่โดยดี คาโลบรรจงรับข้อมือบางที่บวมแดงช้ำจากการกระทำเมื่อครู่ของเขามาอย่างแผ่วเบาและถนุถนอม ก่อนจะเริ่มลงมือร่ายเวทย์รักษา ทำให้อาการบวมลดลงเรื่อยๆจนหายไป ตามมาด้วยการระดมจูบไปยังข้อมือของหญิงสาวซ้ำๆจนเฟรินเริ่มจั๊กจี๋
“พอแล้วๆ แกนี่มันจริงๆเลยคาโล ฉันเลิกงอนแกแล้ว ว่าแต่แกอยากเล่นน้ำมากขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงขนาดมีคนมาห้ามก็ยังจะไปเนี่ย” คำถามของหัวขโมยทำให้เจ้าชายคนเก่งถึงกับเหงื่อตก
“ฉัน..เห็นผ้าเช็ดหน้านายลอยอยู่ฉันก็เลย ” สีหน้าที่เรียบเหมือนน้ำเสียงที่ออกยานคางกว่าปกติ ทำให้หัวขโมยตัวดีจ้องมามองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์หวังเจาะใจเจ้าชาย
“แกก็เลยจะลงไปเก็บงั้นสิ ฮึ โถ่ๆโถ ฉันก็สู้อุตส่าห์นึกว่าถ้าฉันจมน้ำแกจะดำลงไปช่วย ที่ไหนได้แกเสียดายผ้าเช็ดหน้างั้นสิ” หญิงสาวยืนกอดอกแน่นพร้อมเอ่ยน้ำเสียงและแววตาที่เย้อหยันเจ้าชายมาดนิ่งที่ไม่คิดจะห่วงเจ้าของผ้าเช็ดหน้าน้อยเลยซักนิด
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะเฟริน” น้ำเสียงที่อ่อนลงพร้อมกับท่าทางที่กำลังพยายามอธิบายให้แฟนสาวเข้าใจนั้น ทำให้หัวขโมยเกิดความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
“ฉันรู้หรอกน่า .คาโล” เจ้าหญิงแห่งเดมอสยิ้มหวานละไมให้เจ้าชายมาดมากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะใช้มือทั้งสองบีบแก้มขาวๆของก้อนน้ำแข็งขึ้นลงไปมาจนออกแดงแบบที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน
“นี่แล้วแกหัดอ่านป้ายซะบ้าง เขาเขียนว่าห้ามเล่นน้ำเพราะมีแมงกระพรุนชุกชุม ถึงฉันจะโง่ฉันก็อ่านออกนะโว้ยแล้วส่วนไอ้ผ้าเช็ดพื้นบ้าบออะไรนั่นน่ะ มันปลิวของมันไปเองแหละพอดีว่าลมแถวนี้มันแรง” หญิงสาวชี้นิ้วเรียวไปยังป้ายขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างมากนักก่อนจะสวดยาวเป็นชุดให้เจ้าชายรับฟัง
“ตราบใดที่ป้ายมันยังไม่บอกว่าห้ามคนบ้าเล่นน้ำล่ะก็ ฉันไม่ไว้ใจนายหรอก” เจ้าชายกล่าวจบก็ออกวิ่งนำออกไปอย่างลืมตัวโดยตามมาติดๆด้วยคนถูกหลอกด่าที่แยกเขี้ยวอ้าปากไล่งับไปจนถึงภัตตาคาร เพื่อเป็นการออกกำลังควายก่อนรับประทานอาหารเย็นพอดิบพอดี
ความคิดเห็น