คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : มุม
บทที่ ๑๓ มุม
วี้ดๆ..วี้ดๆ วี่ .. ซ่า
จิ้งหรีดร้องระงมตามพุ่มไม้หนาเหมือนเป็นการบ่นประท้วงให้กับอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติไปหน่อยจนน่ารำคาญ ผสมผสานกับเสียงคลื่นน้ำทะเลใสที่ไม่ว่าจะฟังซักกี่รอบก็ยังลื่นหูอยู่เป็นนิจ ท่วงทำนองแห่งท้องทะเลกว้างนี้บางทีอาจจะเป็นกับดักของธรรมชาติตามที่ชายชรากล่าวเตือนเอาไว้ก็เป็นได้
“อ้าวคุณเฟริน” หญิงสาวสวยเจ้าของผมสีม่วงยาวราวเจ้าหญิงตุ๊กตาในฝัน ผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกด้านเอ่ยเสียงหวานชื่นใจชายหนุ่มให้แก่หญิงสาวอีกนางหนึ่งที่กำลังเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาหา พลางกวักมือเรียกเพื่อนสาวข้างกายให้หันมาต้อนรับเพื่อนหญิงหมาดๆคนใหม่
“อ้าวเฟรินทำไมนายเลิกเล่นหมากรุกซะล่ะ” แม่มดสาวผู้มีผมสีทองและนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลสงบซึ่งขับรับกับผิวขาวเกลี้ยงเกลาของนางได้อย่างลงตัว เธอเอ่ยปากถามเพื่อนสาวคนใหม่ด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสหลังจากที่ได้นั่งกินลมทะเลเย็นๆจนอิ่มซึ่งนั่นก็ช่วยให้อารมณ์ขี้หงุดหงิดของหล่อนทุเลาลงบ้าง
“ยิ้มแฉ่งอย่างนี้อย่าบอกนะว่านายไปเล่นหมากรุกแพ้มา” สาวแกร่งผิวสีเข้มผู้ทรงอำนาจในมาดผู้นำเอ่ยประชดถามเพื่อนสาวในแบบที่เป็นกันเองซึ่งต่างกับเมื่อก่อนเหมือนกับเป็นคนละคนกันในเวลาพักผ่อนแบบนี้ ก่อนเจ้าแม่แห่งป้อมจะขยับที่บนม้านั่งยาวให้เพื่อนสาว แต่ดูเหมือนว่าผู้มาใหม่จะหน้าบูดลงตั้งแต่ที่เธอกล่าวจบ
“กระดานนั้นฉันไม่นับ” หัวขโมยกล่าวห้าวพลางทิ้งตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิดผิดจากตะกี้ลิบลับซึ่งนั่นเป็นสัญญาณว่าเธอไปแพ้คนอื่นมาจริงๆ
“แล้วใครล่ะที่ชนะนายได้ ป้อมเราจะได้มีตัวเลือกผู้เดินหมากเพิ่มมาอีกคน” สีหน้าจริงจังของแม่มดสาวยิ่งทำให้หัวขโมยเหงื่อตกพร้อมกับเบือนหน้าหนีเหมือนกับไม่อยากเอ่ยถึงมันอีก
“ใครล่ะเฟริน โร หรอ หรือว่า ครี้ด ไม่ใช่สิน่าจะเป็นนายกัสมากกว่า หรือว่าจะไม่ใช่คนในป้อมเรา” แม่มดสาวยังตอแยไม่เลิกด้วยความหวังที่จะมีผู้เดินหมากเพิ่มสำรองไว้อีกซักคนในเกมหมากกระดานปีนี้
“หรือว่าจะเป็นเจ้าพี่คาโลค่ะ คุณเฟริน เพราะเมื่อครู่นี้เรนอนเห็นเจ้าพี่เพิ่งจะเดินเข้าไปได้ไม่นานคุณเฟรินก็เดินกลับออกมาแทน เรนอนพูดถูกไหมค่ะ” องค์หญิงผมม่วงคาดคั้นหัวขโมยสาวด้วยสมมุติฐานที่แทงใจดำจนทำให้คนถูกแทงถึงกับสะดุ้งทั้งๆที่หันหลังให้เหล่าสาวๆอยู่แท้
“ตานั้นฉันไม่นับ” เจ้าหญิงสองแผ่นดินเอ่ยอย่างหน่ายๆเพื่อพยายามกลบเกลื่อนว่ามันไม่ใช่เรื่องสละสำคัญอะไรมากนักทั้งๆที่จริงๆแล้วเธอเองก็อารมณ์เสียกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เพราะถ้าแพ้คนอื่นเกมก็คงมีสีสันมากขึ้นกว่านี้ แต่นี่ดันมาแพ้ให้ไอ้คนมาดมากปากหนักนั่นซะได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดแต่อารมณ์เหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้หน้ากากฟาโรว์อย่างหนาตราช้างทั้งสิ้น
“งั้นนายก็แพ้นายคาโลมาจริงๆสินะ ไม่ต้องอธิบายให้พวกฉันฟังก็พอจะเดาออกอยู่หรอกว่านายไปแพ้อีท่าไหนมา” มาทิลด้ากล่าวกลั้วหัวเราะ ส่วนหัวขโมยยังคงเลือกที่จะนิ่งเสียตำลึงทองซึ่งนั่นก็ได้ผลเพราะไม่นานนักสามสาวก็เลิกสนใจกับเรื่องแปลกๆระหว่างหัวขโมยกับก้อนน้ำแข็งที่มีให้เห็นจะชินตาแทบไม่เว้นแต่ละวัน นับตั้งแต่ที่พวกมันทั้งคู่ตัดสินใจจะคบกันแบบเปิดเผย
“แองจี้ เธอรู้ไหมว่าเวลาเธอไม่โกรธเนี่ย เธอสวยไม่แพ้เรนอนเลยนะ” หัวขโมยเพ่งพิจแม่มดสาวผู้นั่งจ้องมองออกไปยังทะเลอย่างสงบอยู่นานก่อนจะเอ่ยคำหวานเรียกความสนใจจากผู้ถูกชมและอีกสองชีวิตให้หันมามองเพื่อนสาวด้วยสายตาแปลกๆ
“นี่เฟริน นายอย่าลืมสิว่าตอนนี้นายน่ะเป็นผู้หญิงนะ แล้วนายจะมาหยอดชั้นทำไมกัน” คนถูกชมหันมาขมวดคิ้วเอาเรื่องกับหัวขโมยที่ชอบเอาความรู้สึกของเธอมาล้อเล่น
“ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงในตอนนี้ แต่เมื่อสิบห้าปีที่แล้วฉันก็เคยเป็นชายเต็มตัวมาก่อนทำไมฉันจะไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ลูกผู้ชายอย่างชั้นน่ะเห็นนกก็ชี้เป็นนกไม่มีทางชี้นกเป็นไม้ได้อย่างเด็ดขาด จริงไหมจ๊ะเรนอนคนงาม” หัวขโมยยืดอกพูดอย่างภาคภูมิในชาติกำเนิดเพศเดิมของตน ก่อนจะส่งสายตาหวานหยาดเยิ้ม ไปให้ผู้ถูกกล่าวถึงทั้งสอง
“งั้นเฟริน ในฐานะที่นายเคยเป็นผู้ชายมาก่อน ฉันขอถามนายตรงๆเลยนะว่าไอ้ที่นายหยอดๆไปเนี่ยนายเคยจริงจังบ้างไหม” มาทิลด้าเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาแบบเปิดอกคุย ซึ่งหัวขโมยจอมฝอยแตกผู้โชกโชนมาทั้งสองเพศมีหรือจะพลาดโอกาสถ่ายทอดประสบการณ์อันเลื่องชื่อให้สามสาวฟังเพื่อเป็นวิทยาทานในการดูผู้ชาย
“คำหวานเป็นเพียงลมปากที่ชายใดก็พูดได้แต่ถึงกระนั่นสตรีก็มักจะหลงไหลได้ปลื้มกับมันอยู่เสมอเวลาที่ได้รับมันมา เพราะฉะนั้นฉันขอเตือนในฐานะผู้หญิงว่าพวกเธอจงอย่าหลงในคารมของผู้ชายเด็ดขาด” เจ้าหญิงจอมแก่นวางภูมิอย่างผู้เป็นอาจารย์พลางลุกเดินไปๆมาๆหน้าม้านั่ง พร้อมเอามือกอดอกแน่น ก่อนจะหยุดเดินเมื่อเจ้าหญิงคนงามมีคำถาม
“อาจารย์ค่ะ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะค่ะ ว่าคนไหนจริงใจน่ะค่ะ” เจ้าหญิงแห่งคาโนวาลยกมือถามท่านอาจารย์อย่างสุภาพซึ่งเรียกรอยยิ้มอย่างภูมิใจในมาดของตนจนล้นเหลือของอดีตนักรักมืออาชีพ
“อ่า เป็นคำถามที่ดีมากศิษย์รัก งั้นอาจารย์จะขอชี้แจงตรงนี้เลยว่า ผู้ชายที่จริงจังน่ะจริงใจน่ะดูไม่ยากหรอก แต่ต้องแบ่งประเภท ประเภทแรก ขี้อาย จะมีอาการไม่กล้าคุยกับคนที่เขารักเหมือนที่คุยกับหญิงอื่น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าเพื่อนฝูงเพราะกลัวถูกแซวและกลัวถูกปฏิเสธจากหญิงที่ตนแอบรัก” ผู้รอบรู้กล่าวอธิบายยาวละเอียดยิบทำให้สามสาวต้องนั่งฟังข้อมูลอีกด้านที่คงหาฟังจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
“ยกตัวอย่างเช่น ไอ้คิล อ่า พวกนี้ต้องการความมั่นใจในตัวเองบ้างเพราะฉะนั้นฝ่ายหญิงจึงต้องเป็นฝ่ายทอดสะพานให้เห็นอยู่รำไรเพื่อที่จะเป็นใบผ่านทางให้คนกลุ่มนี้มุ่งมั่นต่อไป” เฟรินเมื่อได้โอกาสก็เชียร์เพื่อนรักสุดฤทธิ์แต่ก็ยังไม่ทิ้งมาดอาจารย์ผู้ปราดเปรื่อง
‘ไอ้คิลเสร็จงานนี้แกติดหนี้บุญคุณฉันแน่’“
แล้วพวกกะล่อน อย่างนายล่ะ” แม่มดสาวเท้าคางถามเหมือนไม่ค่อยใส่ใจนักทั้งๆที่เมื่อครู่ยังดูกระตือรือร้นที่จะฟังอยู่เลยแท้ๆ“อ่า ศิษย์รักแองจี้ คนกลุ่มที่เธอว่า จะเป็นพวกปากอยู่ไม่สุขชอบหยอดคนโน้นคนนี้ทีไปเรื่อยเพื่อเรียกความมั่นใจและเพื่อบริหารเสน่ห์ของตัวเอง จากคำพูดก็พอจะสังเกตได้เลยล่ะ เพราะหากเป็นการหยอดจะใช้คำว่าสวย แต่หากเขาคิดจะจริงจังล่ะก็พวกเขาจะใช้คำว่าน่ารักแทน และอีกอย่างคือพวกนี้ชอบพูดมากกว่าทำ แต่หากเมื่อไหร่ที่เขาทำมากกว่าพูดล่ะก็นั่นคือความจริงใจของคนกลุ่มนี้ โฮ่ๆๆ” อาจารย์วิชาบุรุษวิทยาเอ่ยอธิบายพลางใช้มือสางผมสีน้ำตาลไปมาเพื่อ
วางมาดแทนเพราะไม่มีเคราให้ลูบ
“ฉันอยากรู้คำจำกัดความของคำชมว่า สวย และ น่ารัก” คำพูดจริงจังของเจ้าหญิงแดนหญิงแกร่งที่จริงจังได้แม้แต่เรื่องไร้สาระในวันหยุดสุดสบายแบบนี้
“แหม หนูมาทิลด้าฉันนึกว่าเธอจะไม่สนใจซะแล้ว ไอ้คำว่า “สวย” น่ะ ใช้เรียกคนสวย แต่มันต่างกันตรงที่ น่ารัก ไม่จำเป็นต้องสวยและนี่ต่างหากที่สำคัญ” อดีตขโมยหนุ่มเอ่ยไขข้อข้องใจแก่สาวแกร่งที่ดูยังไงก็คงไม่ได้ใช้วิชาของเขา
“แล้วเจ้าพี่คาโลเป็นคนยังไงเหรอคะคุณเฟริน” เสียงหวานของเรนอนหัวม่วงที่ดูเหมือนจะเชียร์คนสัญชาติเดียวกันให้ตอกย้ำความรู้สึกในใจของเจ้าหญิงแห่งเดมอสอยู่เสมอๆ จนคนถูกถามสะดุ้งโหยงหลุดมาดทันทีเมื่อได้ยินชื่อของคนคนนั้น ก่อนเจ้าหล่อนจะถอนหายใจยาวอย่างกังวลที่จะพูด
“ไม่เป็นไรหรอกน่าเฟริน พวกนายก็ตัดสินใจแล้วนี่ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวลเลย เล่าให้พวกเราฟังบ้างก็ได้ดูสิมีแต่ผู้หญิงด้วยกันทั้งนั้น” แองเจลีน่าผู้สอดรู้สอดเห็นตามประสา พยายามกล่อมให้หัวขโมยคายเรื่องของชายหนุ่มคนรักของตัวเองให้ฟังบ้าง
“ก็ได้ๆ แต่พวกเธอต้องสัญญานะ ว่าจะไม่บอกใคร” หัวขโมยสาวเอ่ยเสียงเอื่อยก่อนจะส่งคำถามให้สามสาวซึ่งคำตอบที่ได้รับคือใบหน้าที่พยักขึ้นลงไปมา
เอาล่ะ เริ่มที่ตรงไหนดี เอาเป็นวันแรกของการรายงานตัวที่เอดินเบิร์กตอนนั้นฉันยังเป็นแค่หัวขโมยกระจอกๆ แต่ก็เป็นผู้ชายนะ แล้วพอการขานชื่อเริ่มเมื่อฉันก้าวออกไปตามเสียงเรียกนั่นฉันก็ได้เจอกับไอ้คาโล ในตอนแรกฉันคิดว่ามันน่ะทั้งหยิ่งทั้งเย็นชาบ้าอำนาจ แต่แล้วพอฉันแล้วก็ไอ้คิลได้มาอยู่ร่วมห้องกับมัน ทุกๆอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป .
สามสาวนั่งฟังเรื่องเล่าแห่งความหลังของเพื่อนสาวผู้โชคดีได้พบกับรักแท้เป็นคนแรก อย่างตั้งอกตั้งใจ บนม้านั่งเล็กๆที่แสนอบอุ่นใต้ต้นมะพร้าวสูงที่ให้ร่มเงาหลบแดดร้อน ท่ามกลางสายลมทะเลที่เย็นชื่นฉ่ำ ในมุมมุมหนึ่งของนางฟ้าทั้งสี่
ความคิดเห็น