คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ชายหาดต้องห้าม
บทที่ ๑๑ ชายหาดต้องห้าม
แป๊ะ ..แป๊ะ
เมื่อเห็นว่าแขกกลุ่มใหญ่หรือเดอะไนท์ออฟเอดินเบิร์กทั้งหลายต่างเข้ามานั่งรอน้ำลายหกอยู่บนโต๊ะครบทุกคนแล้ว
บริกรชราก็ปรบมือเสียงดังลั่นก่อนจะตามมาด้วยบริกรหนุ่มใหญ่ทั้งหลายที่เรียงรายเข้ามาเสิร์ฟของว่างหลากชนิดอย่างไม่ขาดสายจนในที่สุดโต๊ะที่เคยกว้างขวางกลับแทบไม่เหลือที่พอจะให้วางแก้วน้ำผลไม้หลากสีสันเช่นเดียวกับหัวของเหล่าคนดื่ม ที่ตามมาเลยเสียด้วยซ้ำ
“เชิญทุกท่าน รับประทานตามสบาย” บริกรมากประสบการณ์กล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้เหล่าอัศวินเปิดโต๊ะจีนลิงกันตามใจชอบโดยไม่แคร์ในสายตาตื่นๆจากโต๊ะอื่นๆ ที่บังเอิญเหลือบไปเห็นแล้วเกิดอิ่มแทนคนกินขึ้นมา จนไม่มีกระจิตกระใจจะจัดการกับอาหารรสเลิศตรงหน้าเลยแม้แต่รายเดียว
“นี่ เฟริน นายก็กินให้มันเรียบร้อยหน่อยสิ ดูซิแขกคนอื่นเค้าหันมามองเต็มไปหมดแล้ว” แม่มดสาวหันมางับหัวขโมยผู้ตกเป็นเหยื่อสายตาที่ดูจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลยแม้แต่น้อยกลับยังคงยัดขนมปังเข้าปากต่อไปอย่างไม่ยี่หระ กับคำดุด่าว่ากล่าวที่ได้ยินจนชินหูมาตลอดชีวิตหัวขโมย เมื่อเห็นการกระทำดังกล่าวแม่มดสาวก็ถึงฟิวส์ขาด ได้ฤกษ์เรียกคทาคู่ใจออกมาทันทีหวังสำเร็จโทษเจ้าหญิงจอมตะกละในข้อหาที่ทำให้แขกคนอื่นๆเขาเดือดร้อน
‘คาโล ก็ คาโล ล่ะ ยังไงซะวันนี้ขอสั่งสอนยัยหัวขโมยนี่รวบยอดซักทีเหอะ’ แม่มดสาวเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองก่อนจะกำคทาแน่นหวังจะแลกรอยปูดบนหัวน้ำตาลๆ กับการโดนแช่แข็งไปซักระยะ“อ้ายๆ ไอ้เออิน แออินใอ้อันอีอีเอ็นไอ๋” โป๊ก..ง.ง. นักรบหนุ่มกล่าวทั้งๆที่สภาพไม่ได้ต่างไปจากคนถูกว่าเลยแม้แต่น้อยทำให้แม่มดสาวผู้รักสันติต้องลงโทษเอาเสียดื้ออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“โอ้ยแองอี้อีอั้นอำไอ” นักรบหนุ่มกล่าวพลางลูบหัวปอยๆ โป๊ก .. ก่อนจะโดนซ้ำอีกที คลาวนี้หนุ่มตาเดียวจึงเคี้ยวของกินในปากจนหมดในขณะที่มือยังคงลูบหัวอย่างมึนๆ
“นี่แองจี้ เธอตีฉันทำไม มันเจ็บนะ! แล้วไอ้ที่ควรจะตีน่ะมันไอ้เฟรินโน่น มันนั่งอยู่โน่น” ครี้ดกล่าวพลางยื่นหน้าไปทางเฟริน ที่กำลังนั่งกินอย่างเมามันอยู่ข้างๆเจ้าชายแห่งคาโนวาลอย่างมีความสุข
“นายหัดดูตัวเองซะบ้าง ก่อนจะไปว่านายเฟรินน่ะ รู้ไหมว่ามันทำโต๊ะข้างเขาเดือดร้อน” เธอเถียงกลับเสียงลั่น ทำให้เหล่าผู้คนที่หันมามองต้องรีบหันกลับเพราะไม่อยากไปยุ่งเรื่องชาวบ้างโดยเฉาะเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน
“เธอหันมาสนใจเรื่องของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ แองเจลีน่า โรมานอฟ” น้ำเสียงทุ้มที่อ่อนโยนเหมือนจะปลอบประโลมให้อารมณ์กรุ่นๆของหญิงสาวคู่กรณีได้ทุเลาลงบ้างซึ่งก็ได้ผลชะงักเมื่อคู่สนทนาที่เมื่อครู่ยังกรุ่นๆแต่ตอนนี้กลับดูสวยน่ารักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาเธอไม่อารมณ์เสียซึ่งปกติก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นบ่อยนักเพราะมีลิงให้ตามตีกระบาลเยอะไปหมดไม่เว้นแต่ละวัน ในขณะที่ดวงตาเพียงข้างเดียวของนักรบหนุ่มก็กำลังจับจ้องมองเข้าไปยังดวงตาทั้งคู่ของแม่มดสาวที่ออกอาการนิ่งๆมาซักพักเหมือนต้องการจะขุดหาความจริงที่เพียรเก็บซ่อนของเธอคนนั้น
“ฉัน ฉัน ”
‘นั่นน่ะสิทำไมเราต้องไปยุ่งเรื่องของนายนั่นด้วย ไม่สิ ไม่สิ เดี๋ยวก่อน’ “ฉันแค่ไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อนย่ะ” แม่มดสาวที่อ้ำๆอึ้งๆมาซักพัก ตอบเสียงดังลั่นก่อนจะเดินกระทืบส้นปังๆไปทางห้องน้ำ ซึ่งอาการอย่างนี้ทำให้นักรบหนุ่มเผยรอยยิ้มกริ่มออกมาที่มุมปาก“แองจี้” เจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาลร้องเสียงหวานพลางจะลุกไปตามเพื่อนสาวแต่กลับถูกมือของมาทิลด้าซึ่งนั่งอยู่ข้างๆรั้งไว้พลางส่ายหัวอย่างปลงๆซึ่งก็เป็นสัญญาณบอกให้เจ้าหญิงแห่งคาโนวาลนั่งลงแต่โดยดีในที่สุดเช่นกัน
“อะ ฮ่า ฮ่า ไอ้อี้ด แออี่อัน แอ่อิงๆอิงๆเอย อะแฮกๆอะแฮกๆ” กำตามสนองคนใช้ปากไม่ถูกเวลาเมื่อขนมติดคอเข้าอย่างจัง จนหัวขโมยเริ่มไอกระโดกกระเดกเดือดร้อนไปถึงเจ้าชายมาดมากที่นั่งอยู่ข้างๆต้องเข้ามาดูแล
“อะแฮกๆ ไอ้คิล .แฮก.. แกดูไอ้ครี้ดมันเอาไว้เป็นตัวอย่างสิ นี่ล่ะเสน่ห์มัดใจสาวล่ะ” คนไม่ดูตัวเองเอ่ยแซวเพื่อนรักอย่างเคยชิน ทั้งๆที่เพิ่งจะสำลักขนมเข้าไปหยกๆ ขนขณะที่คาโลเองก็กำลังเอามือลูบหลังปอยๆให้พร้อมกับส่งแก้วน้ำให้แก่หญิงสาวที่อยู่ในอารักขาของเขา ก่อนร่างบางจะรับไปดื่มอย่างว่าง่าย
“เหมือนที่ไอ้คาโล มันกำลังทำกับแกใช่ไหม” นักฆ่าสวนกลับหมัดตรง เล่นเอาหัวขโมยสำลักน้ำที่เพิ่งจะดื่มเข้าไปหมาดๆ ทำให้เจ้าชายแห่งคาโนวาลต้องเข้ามาช่วยดูแลอีกครั้งทั้งๆที่เพิ่งจะทำไปหยกๆอย่างเลี่ยงไม่ได้
“อะแฮกๆ อะแฮก” เฟรินสำลักน้ำจนจมูกแดงแต่ที่แดงกว่าจมูกก็คือแก้มทั้งสองข้าง ถึงกระนั้นเธอก็มิอาจปฏิเสธความหวังดีของคนข้างๆได้ ส่วนเหล่าเพื่อนๆทั้งหลายแหล่ก็พยายามกลั้นหัวเราะๆให้ได้นานที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าคนเส้นตื้นอย่างนักฆ่าก็ย่อมมีความอดทนในเรื่องแบบนี้น้อยเป็นธรรมดา สุดท้ายก็ยอมพ่ายแพ้แก่ความฮาที่ตัวเป็นคนก่อ ก่อนจะลงไปนอนชักดิ้นชักงอ แต่ก็ไม่วายยังใช้นิ้วมือชี้มาทางเพื่อนสาวไปหัวเราะท้องแข็งไปจนน้ำตาเล็ด
“อะแฮก อะแฮกๆ แก หัวเราะอะไรของแก แฮก วะไอ้คิล อะแฮกๆ” เฟรินพยายามพูดให้มากที่สุดแต่ก็เป็นไปได้ยากเพราะน้ำที่ยังคงสำลักไม่เลิก ส่วนเจ้าชายคนเก่งก็ยังคงตีหน้าตายในขณะที่กำลังเทคแคร์พระคู่หมั้นอย่างเต็มที่ ส่วนคนถูกดูแลก็หน้าแดงเป็นแอปเปิ้ลสุก แถมยังสำลักน้ำไม่ยอมหยุดจนน้ำตาเล็ด
“ก็แกไงเฟริน แบบนี้ก็แปลว่า ..คิกๆ .ไอ้คาโลมัดใจแกได้ซะอยู่หมัดเลยใช่ไหมวะ ฮ่าๆ ปังๆ” ครี้ดพูดกลั้วหัวเราะ ตอบแทนเพื่อนนักฆ่าที่ปากไม่ว่างตอบ พลางอั้นหัวเราะจนตัวสั่น และเมื่อกล่าวจบความอดกลั้นก็หมดลง เมื่อนักรบหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะไม่ต่างจากนักฆ่า พลางใช้มือข้างหนึ่งลงไปกุมท้องส่วนอีกข้างก็ทุบโต๊ะดังปังๆอย่างทรมาน
“นี่ๆ พวกแกมันชักจะเส้นตื้นเกินไปแล้วนะ เฮือก อึก” หัวขโมยผู้โชคร้ายกล่าวหลังจากที่หายจากการสำลักน้ำได้ไม่นานกลับต้องมาสะอึกต่อ ซึ่งแน่นอนว่ายังไงซะก็หนีไม่พ้นท่านเจ้าชายต้องช่วยยื่นน้ำส่งให้นักมวยอีกอยู่ดี ส่วนแม่ตัวแสบก็ได้แต่รับความหวังดีมาอย่างไม่มีทางเลือกทั้งๆที่อายก็อาย ยิ่งให้มันมาดูแลก็ยิ่งเหมือนกับฆ่าตัวเองตายชัดๆ
“คาโลแกก็ช่วยฉันหน่อยสิวะ มีแต่ยืนซื่อบื้ออยู่ได้” เมื่อหายสะอึกดีแล้วสาวจ้าวก็หันไปด่าตัวต้นเหตุที่พออยู่ใกล้มันทีไรเป็นอันต้องมีเรื่องให้อับอายเสียทุกทีไป
“หรือนายไม่ชอบ ฮึ๊ เฟริน” เจ้าชายกระเซ้าเสียงทุ้มนุ่มลึกก่อนจะประทับริมฝีปากลงจรดหน้าผากมนๆของคนเสียเปรียบอย่างรวดเร็วก่อนจะกลับมาตีหน้าซื่อบื้ออย่างที่ถูกกล่าวหาต่อ ซึ่งนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะให้ดังยิ่งขึ้นไม่เว้นแม้แต่สาวๆ ขอทาน หรือนักบวชผู้รักสันโดษ ที่ถึงจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องของคนอื่นมากนักแต่ก็อดเสียไม่ได้เมื่อเหตุการณ์มันมีให้ดูสดๆ
“พอเลยๆ พวกแกนี่ล่ะก็” เฟรินรวบยอดเมื่อดูท่าว่าเหตุการณ์เอาไปเอามาไหงก็มาลงอีหรอบเดิมอีกแล้ว จะยังไงซะพวกมันก็ขำอยู่ดีที่คนอย่างเธอจะอายอะไรเป็นกับเขาด้วย ก่อนร่างบางจะยืนขึ้นเป็นสัญญาณให้สองสหายเลิกหัวเราะได้แล้วเพราะไม่งั้นล่ะก็ความอายของเธออาจจะได้มอบความตายให้แก่ใครบางคน ซึ่งดูเหมือนทั้งสองจะรู้ข้อนี้ดีว่าเพื่อนสาวเลิกเล่นแล้ว จึงพากันหยุดหัวเราะลงอย่างช้าๆก่อนจะหยุดสนิท
“แกไม่ต้องมายิ้มเลยคาโลแกก็เหมือนกันแหละ” เฟรินหันไปดุเจ้าชายหน้าตายที่ถูกแม่ตัวดีจับได้ว่าแอบยิ้มในใจจึงต้องเผยรอยยิ้มออกมาเพราะถูกรู้ทัน
“เฮ้ย ไอ้ขอทานปัง เมื่อไหร่แกจะหยุดหัวเราะแล้วพาเราออกไปจากที่นี่ซักทีวะ” หัวขโมยโวยวายใส่ขอทานที่ยังหัวเราะคิกๆคักๆไม่หายก่อนจะตบโต๊ะด้วยฝ่าเท้าอย่างไม่สมมารยาทหญิง
“นายก็ได้ยินแล้วนี่นายหัวขโมย เมืองที่ใกล้ที่สุดห่างออกไปครึ่งวัน แล้วนี่ก็บ่ายสองแล้วด้วย เพราะฉะนั้นคืนนี้เราจะพักที่นี่ขอรับนายหญิง” ขอทานตอบกลับอย่างไม่แยแสด้วยน้ำเสียงกวนๆแกมเจ้าเล่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของคนๆนี้
“ห้องพักอยู่ชั้นบน ห้องละสองเตียงนอน ส่วนอาหารเย็นก็จะเป็นไปตามรายการที่ท่านสั่งครับ”บริกรชราที่ไม่รู้มาจากไหนเข้ามาแจกแจงรายละเอียดพลางเก็บโต๊ะอาหารที่เหลือเป็นโต๊ะสุดท้ายของบ่ายวันนี้
“ก็ดีนะ พวกเราไม่ได้รีบไปไหนอยู่แล้วด้วยจริงไหม ความจริงแล้วพักซะบ้างก็ไม่เลวนะ แล้วอีกอย่างลมแถวนี้ก็เย็นดีด้วย” เจ้าแม่กล่าวด้วยท่าทางเพลียๆซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบ่ายนี้เธอคงไปหาที่งีบหลับซักแห่ง ซึ่งความจริงอันประเสริฐที่ถูกกล่าวมานี้ก็ไม่มีใครคัดค้าน
“ตกลง เราจะพักที่นี่หนึ่งคืน” คาโลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาทรงอำนาจตามแบบฉบับเจ้าชายแห่งคาโนวาลที่ถอดแบบมาจากใครบางคน ส่วนบริกรก็โค้งรับคำสั่งแต่โดยดี
“ที่นี่จะมีการแสดงจากท้องทะเลในเวลากลางคืน ส่วนเรื่องน้ำกรุณาอย่าลงเล่น ไม่งั้นจะหาว่าทางเราไม่เตือนไม่ได้นะครับ” คำทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปเรียกความฉงนในหัวของทุกคนว่าในน้ำทะเลใสๆแบบนี้มันจะมีอะไรเป็นอันตรายได้อย่างไรกัน และไอ้การแสดงที่ว่านั่นมันคืออะไรกันแน่
ความคิดเห็น