คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ฟ่าว....~^~>(เช่นเคย)
เสียงสายลมกรรโชกพัดผ่านที่ราบกว้างใหญ่อันเคว้งคว้างว่างเปล่าซึ่งเป็นส่วนที่เรียกได้ว่าทุรกันดานที่สุดของสโนว์แลนด์
แต่ถึงกระนั้น ณ ดินแดนส่วนนี้ที่ไม่น่าจะมีมนุษย์อาศัยอยู่กลับมีสองชีวิตแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ กำลังต่อสู้กับความหนาวเหน็บจากสายลมเกรี้ยวกราดที่เปรียบดั่งใบมีดโกนซึ่งคอยเชือดเฉือนเอาเรี่ยวแรงของผู้ที่ท้าทายมันอย่างต่อเนื่อง
บาโร วาเนบลี เดอะ ปริ๊นซ์ ออฟ คาโนวาล คือผู้ที่เดินทางมายังสโนว์แลนด์ตามลำพัง เพียงตัวคนเดียว เพื่อเป็นการลงโทษตัวเองที่อ่อนแอจนไปสามารถแม้แต่จะปกป้องคนรักของตัวเองได้
'เขาช่างอ่อนแอ ไร้ความสามารถสิ้นดี เพียงแค่สตรีอันเป็นที่รักนางเดียว เขายังไม่สามารถปกป้องดูแลเธอได้ แล้วนับประสาอะไรกับการปกครองประชาชนในประเทศที่ต้องดูแลอีกหลายชีวิตมากมายนัก ตัวเขาเองคงไม่มีความสามารถพอที่จะรับผิดชอบชีวิตของประชาชนตาดำๆเหล่านั้นได้แน่ เพราะแม้แต่หนึ่งชีวิตของเธอเขายังรั้งไว้ไม่ได้เลย '
ความคิดเหล่านี้ วิ่งวนไปวนมาภายในหัวเขา เพื่อซ้ำเติมตัวเองให้จมอยู่ในความโศกเศร้า ที่ได้มาจากการทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขา ความผิดที่เป็นเพราะเขาห่วงแต่จะก่อสงครามจนลืมไปเลยว่าสงครามครั้งนั้นก่อขึ้นเพื่ออะไร และเพื่อใคร?
-ก็เพื่อเธอ...อลิเซีย
แต่......ตอนนี้บุรุษผู้สูงศักดิ์หาได้กลับมือเปล่าเพียงชีวิตเดียวเหมือนตอนจากมาไม่ เพราะขณะนี้มือแกร่งทั้งสองข้างของเขากลับกำลงังโอบอุ้มอีกหนึ่งชีวิต ชีวิตซึ่งเปรียบประดุจประกายแห่งความหวังของเขา ความหวังให้ชีวิตเฉาๆของเขาให้มีความหมายในการดำรงอยู่ต่อไป
แต่เขาเองกลับรู้สึกผิดต่อชีวิตน้อยในอ้อมอกนี้ ชีวิตที่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่มาจากสตรีอีกนางหนึ่ง ที่ทำให้เขาได้รู้ว่า รักแท้ อาจไม่ได้มีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
--------------
อู้ววว~~~~.......____ว
เสียงหอนโหยหวน ของสัตว์ป่าแห่งรัตติกาล ที่กำลังออกล่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมาเป็นอาหารในคืนนี้ ดังระงมอยู่ทั่วทั้งป่าสนเมืองหนาว แต่หาได้ทำให้บุรุษผู้แข็งแกร่งองอาจ นาม บาโรผู้นี้ หวาดเกรงเลยแม้แต่น้อย
เขาเดินทางเข้าสู่เขตป่าไม้สนนี่ตอนพลบค่ำพอดี และมีอาหารมื้อโอชา เพียงมื้อเดียวของวันเป็นเนื้อกระต่ายป่าหนานุ่ม ที่ช่วยฟื้นคืนกำลังให้แก่ชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
หลังจากจัดการกับอาหารเขาก็จัดแจงกางเขตอาคมให้เป็นวงกว้าง แล้วจึงค่อยเดินหากิ่งไม้แห้งๆ ให้มากพอที่จะเติมลงในกองไฟ เพื่อให้ความอบอุ่นกับเขา และผู้ร่วมเดินทางตัวน้อยได้ตลอดทั้งคืน
แสงไฟอุ่นๆ จากกองไฟที่กำลังลุกโชติช่วง มีเสียงปริแตกของกิ่งไม้แห้งๆ ที่เขานำมาทำฟืน ดังเป็นระยะๆ ช่วยขับเป็นเสียงกล่อมบุรุษผู้เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ให้เข้าสู่ห้วงนิทราแสนสุข พร้อมๆกับเจ้าตัวเล็กที่เขาโอบกอดอยู่
--------
จิ๊บ..จิ๊บ..
ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาเพราะเสียงจากนาฬิกาปลุกจำเป็น ซึ่งเขาคงไม่มีปัญญาปีนขึ้นไปปิดได้แน่
ถึงแม้ว่าพลังกายของเขาจะฟื้นกลับมาแล้ว จากอาหารมื้อโอชาและการพักผ่อนที่เพียงพอ แต่กำลังใจของเจ้าชายหนุ่มกลับกำลังถดถอยอย่างรุนแรง เนื่องจากความเป็นห่วงเด็กทารกแรกเกิดที่ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
ทารกน้อยกำลังหลับปุ๋ยคาอ้อมอกอุ่นของผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นอย่างนี้มาหนึ่งวันเต็มๆแล้ว ทำให้เขาอดห่วงไม่ได้ แต่ราวกับรู้ว่าถูกจ้องทารกนน้อยค่อยๆลืมดวงตาสีฟ้าคู่สวยขึ้นมามองบิดาอีกครั้งทำให้ผู้เป็นพ่อใจชื้นขึ้นมาทันที
"ไม่เป็นไรใช่ไหมคนเก่ง นักรบคาโนวาลก็ต้องเข็มแข็งอยู่แล้ว ใช่ไหม หือ" เสียงอ่อนโยนออกจากปากผู้เป็นบิดา หากแต่ทารกน้อยจะรู้ไหมว่าคนอย่างเขาไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้มานานแล้ว
มือใหญ่ของผู้เป็นพ่อขณะนี้กำลังแหย่เด็กน้อยในอ้อมแขนเล่น ทำให้ทารกร้องเสียงอ้อ แอ้ ขณะที่แขนเล็กกำลังง่วนอยู่กับนิ้วมือโตๆของเจ้าชายแห่งคาโนวาล
"ทนหน่อยนะคาโล เดี๋ยวก็ถึงแล้วล่ะนะ ปริ๊นซ์ ออฟ คาโนวาล"ชายหนุ่มกล่าวด้วยสายตาเอ็นดู และน้ำเสียงที่หวานหูยิ่งนักเมื่อเห็นภาพเด็กทารกกำลังหลับปุ๋ยเพราะเหนื่อยจากการหยอกกับนิ้วใหญ่ๆของผู้เป็นบิดา
องค์ชายแห่งคาโนวาลรีบทำการกลบเกลื่อนร่องรอยการก่อไฟทันทีที่กล่าวจบ แล้วออกเดินทางตรงไปยังชายแดน
ซาเรสอย่างไม่รอช้า
เพราะไม่มีอะไรเป็นหลักประกันให้กับเขาได้ว่าทารกน้อยแรกคลอดจะสามารถทนต่อการขาดนม และอากาศที่หนาวเหน็บได้ซักกี่วันกันเชียว
---------
แสงแดดยามสายของดวงตะวันสาดส่องไปทั่วทั้งป่าสนที่ชายหนุ่มกำลังเดินทางผ่าน ทำให้เขานึกถึงเหตุผลที่เขามาที่นี่ตามลำพัง
ทุกสิ่งทุกอย่างในป่าสนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ตั้งแต่พื้นหญ้ายันใบสนที่ปกติจะมีสีเขียวเข้มแต่ตอนนี้สีเดียวที่สามารถมองเห็นได้คือสีขาวของหิมะเท่านั้น ไม่เว้นแม้แต่ลำธารที่เคยไหลอย่างไม่เคยหวนกลับ กลับถูกหยุดอยู่กับที่ราวกับต้องเวทย์หยุดกาลเวลา
'ใช่แล้ว เขามาที่นี่เพื่อหยุดเวลาของเธอเอาไว้ เวลาแห่งความสุขของเธอและเขา ถึงแม้เขาไม่อาจจะย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ อย่างน้อยเขาขอเพียงได้หยุดเวลาแห่งความสุขของเขาไม่ให้ไหลไปกับกระแสแห่งกาลเวลาหรือกงล้อแห่งโชคชะตา การทำโทษตัวเองโดยการจดจำวันเวลาแห่งความสุขแล้วหยุดมันไว้ยื้อมันไว้ให้อยู่กับเขาตลอดไป'
เขายิ้มน้อยๆให้กับความคิดที่น่าสมเพชของตัวเอง ในขณะที่ขายังก้าวต่อไปอย่างไม่ลดละ 'อดีตคือบทเรียน หากไม่สามารถก้าวผ่านมันมาได้ อนาคตอันสดใสที่รออยู่ก็จะไม่มีวันมาถึง' คำพูดของเธอคนนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา เธอ...อันเป็นรักแท้ครั้งที่2 ของเขา
"นั่นสินะคาโล อนาคตของเรา เรามาลิขิตด้วยกันเถิดลูกรัก" ชายหนุ่มกล่าว ขณะนี้ในตาทั้งคู่กำลังจ้องมองความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ
แสงแดดยามสายบัดนี้กำลังทำหน้าที่ละลายน้ำแข็งในแม่น้ำลำธาร ละลายหิมะบนใบสน ละลายหิมะบนพื้นหญ้าเขียวขจี บัดนี้ทุกสิ่งกำลังหลุดพ้นจากเวทย์กาลเวลาตามธรรมชาติ น้ำแข็งทุกหนแห่งกำลังละลาย รวมถึงน้ำแข็งภายในใจของเจ้าชายหนุ่มเองด้วย
"เจ้าชายบาโร!" เสียงเรียกจากนายทหารกลุ่มหนึ่งที่กำลังวิ่งตรงมายังชายหนุ่มเจ้าของชื่ออย่างรีบร้อน
"องค์เหนือหัวมีรับสั่งให้หม่อมฉันมาตามตัวพระองค์กลับคาโนวาลเพื่อเข้ารับการคัดเลือก พะยะคะ"หัวหน้านายทหารเอ่ยเสียงเข้มปนหอบเพราะรีบวิ่งมาหาเจ้าชายตัวเต็งในการขึ้นครองบัลลังก์
"ได้ แต่พวกท่านช่วยหาแม่นมให้ข้าทีสิ"เจ้าชายบาโรพูดประโยคขอร้องแต่ด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจประโยคขอร้องจึงกลายเป็นประโยคคำสั่งแทน
"ได้ครับแต่ท่านจะ..."นายทหารตกตะลึงเมื่อสายตาของเขามองไปเจอคำตอบพอดี ร่างทารกน้อยถูกห่อหุ้มอย่างดีกำลังหลับอุตุอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายคนสำคัญ
"ท่านได้ยินไม่ผิดหรอก นี่คือ คาโล วาเนบลี เดอะ ปริ๊นซ์ ออฟ คาโนวาล" คำประกาศก้องจากปากองค์ชายรัชทายาท ทำให้เหล่าทหารอึ้งกิมกี่ ตาแทบถลนออกจากเบ้า 'ตอนไปมีหนึ่งไหงกลับพร้อมของฝากติดไม้ติดมือมาด้วยล่ะเนี่ย' นายทหารคิด
"ทราบแล้วกระหม่อม " หัวหน้านายทหารที่ได้สติก่อนนายทหารคนอื่น เอ่ยเรียบๆแล้วจากไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย
ความคิดเห็น