ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY life MY way

    ลำดับตอนที่ #1 : แรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 48






    สวัสดีจ้า  ข้าพเจ้าพึ่งจะเคยมาลงเรื่องเป็นครั้งแรกน่ะ   (มือใหม่หัดแต่งจ๊ะ ^^)





    ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ





                       ิblack_wing  

                         ปีกสีดำแห่งรัตติกาล  จักขอโบยบินในราตรีอันมืดมิด  เพื่อแจกจ่ายจินตนาการไร้ขอบเขตแด่ทุกๆท่าน ..........







    ********************************************************





                    ท้องฟ้าสีคราม  ดอกซากุระที่ค่อยๆ ร่วงลงมาจากต้นในฤดูใบไม้ร่วง  เสียงอันไพเราะของนกกางเขนที่ส่งเสียงเกี้ยวพาราสีกันบนกิ่งไม้ สร้างความสำราญแก่ทุกคนที่ได้ยิน

      





        ช่างเป็นการเริ่มต้นของวันที่ดูสดใสเหลือเกินในความคิดของหลายๆคน   แต่ไม่ใช่สำหรับผู้หญิงคนนี้อย่างแน่นอน ( มั้ง  ^^)







                    ‘ แว้ก !!! สายแล้ว ๆ’  







                     เสียงตะโกนในหัวของยูซึกิเริ่มดังขึ้นทุกที  ขณะกำลังวิ่งด้วยความเร็ว    50 กิโล / ช.ม.        ( เวอร์ปายอ่ะป่าว ) เพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมายอันไกลโพ่น ( ก็โรงเรียนนั้นแหละ )  พลางชำเลืองดูนาฬิกาข้อมือที่บอกว่ามันเกือบจะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว







                     ‘ ตาย ..... ตายแน่ๆ ต้องถูกทำโทษแน่ๆ’  







                     เธอคิดไปถึงหน้าของอาจารย์ คาโตโกะ อาจารย์ประจำห้อง 2A ของเธอที่ทั้งดุ ทั้งขี้บ่น และ โหดชนิดไม่มีใครเทียบได้   หล่อนยังจำได้ถึงใบหน้าโหดๆ ของท่านอาจารย์ตอนสั่งทำโทษหล่อนครั้งแรกได้อย่างแจ่มแจ้ง







    เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว







                    “ นี่  คิโนมิย่าเธอหัดทำตัวเหลวไหลตั้งแต่เมื่อไหรกัน  แบบนี้จะเป็นนักเรียนดีเด่นได้ไง หึ”  







                    เสียงของ อาจารย์(ไม่ค่อย)สาวไฟแรง ลอยมาแต่ไกล หลังจากเธอก้าวเข้ามาในห้องเรียนสายเพียงแค่ 5 นาที ผมสีดำยาวที่ถูกมัดเป็นมวย แว่นตากรอบสี่เหลี่ยม และเครื่องแต่งกายที่ถูกต้องตามกฎระเบียบแป๊ะ ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนั้นคือ อาจารย์ นามิยะ   คาโตโกะ ครูสุดเฮี้ยบประจำห้องเธอนี่เอง







                    ‘ เอาแล้วไงเจ๊แกมาแล้ว  น่าเบื่อจริงๆ’  ยูซึกิคิดพลางถอนหายใจดัง   เฮ้อ







                    ‘ไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกซะก็ดี วิ่งแทบตาย’







                     “เธอฟังที่ครูพูดบ้างรึเปล่า”   เสียงของอาจารย์จอมเฮี้ยบตวาดขึ้น  ดึงเธอให้หลุดออกจากความคิดทันที







                     “ ค…. ค่ะ”  







                     “ งั้นเธอคงรู่ว่าเธอจะต้องไปทำความสะอาดที่ห้องเก็บเอกสาร ที่ชั้น 4 ให้เสร็จภายใน.6 โมงของวันนี้”   อาจารย์ตีหน้าเฉยราวกับว่าเป็นสิ่งธรรมดาที่สุดในโลก



      



                    “อาจารย์!!!!….”  แต่ก่อนที่หล่อนจะได้ค้านอะไร  







                     “ห้ามเถียง  เธอจะต้องทำให้เสร็จภายในเวลา 6 โมงเย็นของวันนี้เท่านั้น  มีปัญหาอะไรมิทราบ”    อาจารย์แกพูดซะเสียงเหี้ยมขนาดนั้น เราน่ะหรอจะกล้าเถียง







                      “เฮ้อออออ   ค่ะทราบแล้วค่ะ”  







                       ถึงจะพูดแบบนั้นออกไปแต่โรงเรียนนี้มันก็ตั้งมาตั้งร้อยกว่าปีแล้ว ( โหหหหห  เก่าจัง 0_o) เอกสารต่างๆ ถ้ามากองกันนี้ก็ เยอะเท่าภูเขาโลกันต์เลยทีเดียว  แล้วมันก็ถูกหมักอยู่ในห้องเอกสารอันใหญ่โตนั้นมาตลอดไม่เคยจะทำความสะอาดเลยซักครั้ง  แถมไม่เคยเอามาใช้งานจนเป็นห้องร้างไปด้วยแบบนี้  ทำไมไม่ทิ้งมันไปซะ ข้อนี้เธอเองก็คิดมาตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่กล้าถาม  แล้วแบบนี้จะให้เธอตัวคนเดียวไปทำความสะอาดห้องผีสิงนั้นนี้นะ   คิดแล้วสยอง







                        แต่เมื่อมันไม่มีทางหลีกเลี่ยง ได้แล้วเธอก็จำต้องทำอย่างจำใจ  ในขณะที่กำลังปฏิบัติภารกิจอันหนักหน่วงอยู่นั้น ทั้งหนู ทั้งแมลงสาบ หรือแม้แต่จระเข้ ( เฮ้ยยย มาได้งัย ) ก็แวะมาทักทายเธออยู่อยู่เป็นนิจราวกับเธอเป็นญาติสนิทของพวกมันก็มิปาน ( แหม อาจจะใช่ก็ได้นะ   โอ้ย!!! ใครขว้างรองเท้ามาว่ะ)  



      



                         แถมพี่แกยังสั่งอีกว่าถ้าใครหน้าไหนมาช่วยจะต้องถูกลงโทษหนักกว่าร้อยเท่า  สร้างความขยาดให้กับนักเรียนทุกคน เลยไม่มีใครมาช่วยเลย แต่สุดท้ายแม้จะเหนื่อยแทบขาดใจเธอก็ทำเสร็จทันเวลาจนได้  และตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่เคย(คิด)จะทำผิดระเบียบอีกเป็นอันขาด







    กลับมาที่ปัจจุบัน







                          “ ทำไมนาฬิกาปลุกมันต้องมาเจ๊งเอาวันนี้ด้วยละเนี่ย”  







                         ก็ไอ้นาฬิกาเจ้ากรรม นั้นแหละเสียงปลุกมันดันไม่ทำงาน หล่อนจึงยังนอนหลับสบายจนท่านแม่ผู้ประเสริฐศรี ขึ้นมาดูว่าทำไมเธอจึงยังไม่ลงมา พอได้ยินว่ามัน 8.25 น. (โรงเรียนนี้เข้าตอน 8.30 น.)ปั๊บเธอก็ดีดตัวขึ้นมา แล้วด้วยความเร็วเหนือแสงเธอก็อาบน้ำ  แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า ภายใน 30วินาที ( เก่งจัง!!! ) แล้วออกพุ่งตัวมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนทันที







                         ยูซึกิบ่นเป็นหมีกินผึ้งตลอดทาง  จนไม่ได้สังเกตเห็นวัตถุประหลาดรูปร่างเหมือนคน กำลังเคลื่อนที่เข้ามาค้วยความเร็วเดียวกัน จากอีกทางของ 3 แยก ที่เป็นทางแยกสุดท้ายที่จะเข้าโรงเรียนเธอ







                         และเมื่อรถบรรทุก.....เฮ้ย!!!  คน 2 คนที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วมหาศาล ปะทะกัน







    ..............................







                        เอ๊ะ!! ทำไมไม่มีเสียงเลยล่ะ   อ่อ  ยูซึกินั้นเองที่กระโดดตีลังกาหลบไปได้ (เก่งจริงนะแม่คุณ) ส่วนคู่กรณีอีกคนก็ ...... ยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ (อ้าว)







                       “โทษทีนะ”    ยูซึกิหันกลับมาพูดกับบุรุษร่างสูงผมสีน้ำตาลเข้ม เจ้าของตาสีเขียวลึกลับ ใบหน้าคมเข้ม หล่อกระชากใจที่ไม่ว่าสาวไหนเห็นเป็นต้องกรี๊ด (แต่ทำไมเธอไม่ยักกะเป็นก็ไม่รู้)  แล้วก็ออกตัววิ่งไปในทันที







                        แต่มือของชายคนนั้นมารั้งเอาไว้ซะก่อน







                      “มีอะไรหรอ”  ยูซึกิถามอย่างหงุดหงิดเพราะใกล้จะสายเต็มทีแล้ว







                      “นี้..” เขายื่นพวงกุญแจรูปกะต่ายสีขาวที่มอมแมมไม่เป็นท่าให้ พร้อมยิ้มให้บางๆ “..ของเธอใช่ไหมเห็นมันตกอยู่น่ะ”







                      “ขอบคุณ...”  พูดจบก็รีบขว้าไป







                      “เอาไปปัดฝุ่นซะหน่อยคงใช้ได้แล้วล่ะ  แล้วก็...วันนี้เธอจะมีเคราะห์ระวังตัวให้ดี” ชายคนนั้นพูดจบก็จากไป ทิ้งให้หญิงสาวของเราที่นิ่งจังงังไปเรียบร้อย ยืนเอ๋ออยู่อย่างนั้นคนเดียว







                      หลังจากพ้นระยะจากหญิงสาว “นี่น่ะหรอนางาชิม่า  ยูซึกิ  คนที่เราถูกสั่งมาให้จัดการ”  เขากล่าวรำพึง แล้วคลี่ยิ้มบางๆ







    “น่าสนใจดี”







                        ****************************************









    ห้อง xxx ของโรงเรียน นิชิเตะ







                      ติ้ง.....ต่อง        ติ้ง....ต่อง         ติ้ง .....







                      เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด .......ปึ๊ง !!!!







                      . . . . . . . . . .







                      ครืดดดด....  







                      พอประตูห้องเปิด ห้องทั้งห้องหันมามองเเป็นจุดเดียวก็เห็น ……







                     ร่างบางของหญิงสาวที่เมื่อตะกี้ยังวิ่งหอบแฮ่กๆ กลับเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย หน้าเชิด อกผ่าย ไหล่ผึ่ง ราวกับนางพญามาจุติก็มิปาน  ผมที่ยุ่งจากการวิ่งก็จัดให้เข้าทรงเหมือนเดิม  เสื้อผ้าที่ยับยู้ยี้ก็จัดให้เรียบเหมือนเดิม  ไม่หลงเหลือมาดของหญิงสาวกระเซอะกระเซิงตอนเช้าเลยสักนิด







                     “ ขออนุญาตค่ะ”    ยูซึกิพูดเสียงเรียบ







                     “แหม   คิโนมิย่าเกือบจะสายอยู่แล้วเชียวนะ”   ท่านครูคาโตโกะพูดเบาๆ หรี่ตาอย่างจับผิด  







                     “แต่กริ่งก็ยังดังไม่ครบสามครั้งไม่ใช่หรอค่ะ คงไม่ถือว่าสายหรอกนะค่ะ”   เธอพูดด้วยท่าทางไม่เกรงกลัวต่อสายตาอันคมกริบของอาจารย์เลยสักนิด  ทั้งๆที่ในใจกลับร้อนรนจนแทบจะระเบิดออกมา  เพื่อนในห้องเองต่างก็กำลังลุ้นให้ในใจอยู่เงียบๆ







                      หลังจากช่วงเวลาอันยาวนานมากกกก (แค่30วิ)ในที่สุดอาจารย์คาโตโกะก็ทำลายความเงียบลง







                     “แต่ก็ช่างเถอะ   ไปนั่งที่ได้แล้วล่ะ”  







                     “ขอบพระคุณค่ะ”    เธอตอบเรียบๆ  แล้วเข้ามาในห้อง  







                     เมื่อถึงโต๊ะตัวเองปั๊บ  ยูซึกิก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ โล่งราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก







                    “ เฮ้ออออ  ทันจนได้”







                   “ นี้เธอไปทำอีท่าไหนมา  ถึงได้หมดสภาพแบบนี้ล่ะ”  อายุมิเพื่อนสนิทของเธอหันมาถามเบาๆ  ให้แค่ทั้ง 2 ได้ยิน ดวงตาสีน้ำตาลมีแววสงสัย







                    “ก็ไอ้นาฬิกาห่วยๆ นั้นน่ะสิมันดันเสีย  แถมกลางทางยังเจอคนประสาทอีก”   เธอกระซิบกลับไป







                   “ คนประสาทหรอ”  อายุมิถามอย่างสนใจ







                   “ใช่   คนคนอะไรก็ไม่รู้ประหลาดชะมัด  หมอนั้น.....”   แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดจนจบ  อาจารย์คาโตโกะก็ขัดขึ้น ทั้งสองเปลี่ยนมานั่งตัวตรงเหมือนเดิม







                    “ เอาล่ะนักเรียน...”  เธอพูดพลางตบมือเรียกความสนใจของนักเรียน  “.....วันนี้จะมีนักเรียนใหม่เข้ามานะ”   พูดจบเสียงพึมพำในห้องก็ดังขึ้นทันที







                    ‘เฮ้อ   น่าเบื่อจริงๆ  แค่นี้ก็ทำเป็นตื่นตูมไปได้’   เธอคิดอย่างหน่ายๆ พร้อมกับมองไปที่กลุ่มเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่กำลังวีดว้ายกระตู้วู้กันใหญ่







                    “ เขามาจากเกาหลี  แล้วพึ่งย้ายเข้ามาในญี่ปุ่นเมื่อ 2-3 อาทิตย์นี้เอง  เพราะฉะนั้นพวกเราก็คอยดูแลเขาดีๆหน่อยนะ  เอาล่ะ มุตโต้มาแนะนำตัวหน่อยสิ”







                      ประตูห้องเรียนเปิด   แล้วชายหนุ่มร่างสูง เจ้าของตาสีเขียวคนเดียวกันกับที่เธอเจอตอนเมื่อเช้า ก็เดินเข้ามาในห้อง ยูซึกิมองเขาอย่างตกตะลึง กับบุคคลที่เธอไม่คิดจะได้เจอกันอีกเป็นครั้งที่สอง







                       “ ......ผมชื่อ  มุตโต้   ทัตซึยะ  อายุ 17 ปี  ย้ายมาจากเกาหลี  ความจริงผมเกิด และโตที่ญี่ปุ่น แต่ต้องย้ายตามครอบครัวไปตอน 9ขวบเพราะงาน พึ่งจะกลับมาก็เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนนี้เอง  ผมไม่ค่อยรู้เรื่องญี่ปุ่นสักเท่าไหร  ต้องขอฝากตัวเนื้อฝากตัวด้วยครับ ”  เขาพูดด้วยสำเนียงญี่ปุ่นแท้ๆ แบบดั้งเดิมไม่เหมือนคนที่ไปโตที่ชาติเมืองอย่างเขาเลย  นักเรียนหญิงมองชายหนุ่มอย่างเคลิ้มฝัน แล้วพากันกรี๊ดกร๊าดใหญ่ จนนักเรียนที่เหลือในห้องรวมทั้งอาจารย์แก้วหูแทจะแตก

      





                       “นักเรียนเงียบหน่อยสิ”  อาจารย์คาโตโกะตะโกนแข่งกับเสียงในห้องเรียน







                       “เงียบ!!!!!”







                       “ชั้นบอกให้เงียบได้ยินมั๊ย!!!!!”







                      “ชั้นจะให้พวกเธอทั้งห้องไปขัดห้องน้ำนะ!!!!”







                      “เดี๋ยวให้ตกรวดหมดทั้งห้องซะเลย!!!!!”







                       อาจาร์ไม่ว่าจะห้ามยังไงก็ไม่ยอมหยุด จนสุดท้ายต้องสวมวิญญาณเจ้าสำนักเส้าหลิ่น ใช้ฝ่ามืออรหันต์ผ่าโต๊ะหน้าห้องออกเป็นสองซีก







                      ยากกกกกกกกกกกกกกส์  ......ครืนนน







                      ........................







                      เงียบ~.....







                     เหล่านักเรียนต่างพากันมองครูของตนสลับกับโต๊ะที่ถูกกระทำเป็นสองซีกอย่างตะลึง และในที่สุดห้องเรียนกลีบสู่ความสงบอีกครั้ง







                     “ อะแฮ่ม ๆ .... เอาล่ะ งั้นมุตโต้เธอไปนั่งข้างๆ คิโนมิย่าแล้วกันนะ”  อาจารย์กลับมาใช้โหมดเดิม







                    “ครับ”     ยูซึกิสะดุ้ง







                     เขาเดินไปจนถึงโต๊ะของยูซึกิ    “ ยินดีที่ได้รู้จัก...เออ..ไม่สิต้องพูดว่าเจอกันอีกแล้วมากกว่าสินะ ”  ทัตซึยะยิ้มทักทายให้ตามมารยาทผู้ดี๊ ผู้ดี







                      ด้วยประโยคๆนี้เท่านั้น ทำเอาห้องทั้งห้องหันมามองคนทั้งคู่กันในทันใด โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่ส่งสายตาอยากกินเลือดกินเนื้อ  และเหล่าผู้ชายที่ทำหน้าเหมือนเกลียดกันตั้งแต่ชาติปางก่อน   ( ก็ยูซึกิเขาเป็นดาวเด่นของโรงเรียนเชียวน้า เรียนก็เก่ง กีฬาก็เยี่ยม แถมยังได้รับโหวดให้เป็นสาวสวยประจำโรงเรียนนี้มาตั้ง 4 สมัยอีกต่างหาก  ..เห็นมั้ยนางเอกของเราเพอร์เฟ็กแค่ไหน     เฮอะ ๆ ๆ... ^0^ )



      



                      “นี้เธอสองคนรู้จักกันแล้วหรอ?”  อาจารย์ขัดเมื่อเริ่มรู้สึกถึงรังสีอำมหิตย์ที่แผ่ออกมาจากนักเรียนทั้งชายหญิงตลบอบอวนอยู่ในห้องอย่างหนาแน่น







                      “ไม่เชิงหรอกค่ะ  เราแค่บังเอิญเจอกันตอนเช้าเท่านั้นเอง”







                     “งั้นก็ดี     มุตโต้จะได้มีเพื่อนใหม่บ้าง เธอก็คอยดูแลเขาแล้วกันนะคิโนมิย่า”







                     “ค่ะ/ครับ”  ทั้งสองนั่งลงพร้อมกับความรู้สึกเสียวสันหลังวาวเป็นระยะๆจากรอบข้าง







                     ‘มาวันแรกก็สร้างป้ญหาให้ซะแล้ว  แล้ววันต่อๆไปชั้นจะเป็นยังไงล่ะเนี่ย เฮ้อ..กลุ้ม’







           ****************************************





    พักกลางวัน







                       “ขอโทษนะยูซึกิ  ชั้นคงไปกินข้าวกับเธอไม่ได้แล้วล่ะ”    อายุมิวิ่งเข้ามาบอก ขณะที่เธอกำลังเดินไปโรงอาหาร  







                        “เธอ...นัดแฟนไว้”  มันไม่ใช่คำถาม







                         พูดแค่นี้หน้าของอายุมิก็ขึ้นสีทันที >o< แถมทำท่าทางเหนียมอาย บิดๆอยู่นั้นแหละจนยูซึกิอดหมั่นไส้ไม่ได้







                        “อะ..อืม..คือ เคียวอิจิเขาบอกให้ไปหาเขา ตอนพักกลางวันน่ะ  บอกว่ามีอะไรให้ดู”







                        “งั้นก็ไปสิ..ชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย” ยูซึกิตอบเรียบๆ แต่ในใจกลับอิจฉาล็กๆอยู่เหมือนกัน







                        อายุมิได้ยินปุ๊บก็กระโดดกอดยุซึกิทันที “แท็ง-กิ้ว นะจ๊ะ  ยูซึกิใจดีที่สุดเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเลี้ยงข้าวให้นะจ้า จู๊บบบ...” แถมยังทำท่าจะจูบเข้าจริงๆ แต่ดีที่ยูซึกิผลักออกไปซะก่อนไม่งั้นได้มีคนคิดว่าพวกเธอเป็นพวกไม้ป่าเดียวกันแหงมเลย







                         “ เออๆ...ไปได้แล้วเดียวแฟนรอ  เฮ้อ...อิจฉาคนมีแฟนแถวนี้จังเล้ย  สวีดกันจริงจิ๊ง…ดูสิ..มดกัดเต็มไปหมดเลย…”  ยูซึกิพูดพลางทำท่าประกอบ “.เดี๋ยวพรุ่งนี้เป็นตุ่มแน่เลย”







                          “พอๆ....ไม่ต้องมากระแทกกระทั้นก็ได้  ชั้นไปแล้วย่ะ”  พูดจบก็ไปทันที ทิ้งนางเอกของเราให้กินข้าวอยู่คนเดียว  โดดเดี่ยว..เดียวดายเหลือเกิน







                           แต่ไม่นานนัก  เพราะ พอพวกผู้ชายเห็นว่ายูซึกินั่งอยู่คนเดียว ก็สงสาร หวังจะเป็นสุภาพบุรุษมานั่งเป็นเพื่อนสาวให้หายเหงา  และด้วยประการเช่นนี้แลสงครามชิงตำแหน่งสุภาพบุรุษประจำใจสาว (แสร้ง)ขี้เหงา จึงเกิดขึ้น







                            ตอนแรกก็แบ่งเป็นฝ่ายแดง-น้ำเงินแล้วสู้กัน ฝ่ายไหนชนะก็ต้องมาสู้กันภายในกลุ่มอีกทีเพื่อหาคนชนะคนสุดท้าย (จริงจังอย่างกับจะชิงเงินสดหนึ่งล้านบาทยังไงยังงั้น) แต่ไปๆมาๆ สุดท้ายก็กลับมาจบลงที่การตะลุมบอล (อยู่ดี) จนอาจารย์ และนักเรียนที่เหลือต่างช่วยกันห้ามเป็นพัลวัน ยูซึกิจึงได้ใช้โอกาสนี้รีบแว้บออกจากที่เกิดเหตุที่ตนเป็นผู้ก่อโดยไม่ได้ตั้งใจ  







                            แต่ก่อนจะเดินออกจากประตูโรงอาหาร เธอก็บังเอิญหันมาเห็นทัตซึยะที่ยืนอยู่ปะปนกับพวกนักเรียนยิ้มอย่างรู้ทันให้เธอ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะก้าวออกไป

        







        

    *************************************



    ลงเสร็จแล้วจ้า





    ดีไม่ดียังไงก็ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วย..........





       Black_wing

    ปีกสีดำแห่งรัตติกาล  จักขอโบยบินในราตรีอันมืดมิด  เพื่อแจกจ่ายจินตนาการไร้ขอบเขตแด่ทุกๆท่าน ..........





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×