อีกหนึ่งชีวิต - อีกหนึ่งชีวิต นิยาย อีกหนึ่งชีวิต : Dek-D.com - Writer

    อีกหนึ่งชีวิต

    อีกแง่มุมหนึ่งชีวิตที่บางคนไม่เคยรู้ แต่อาจเป็นจริงในหลายๆคน

    ผู้เข้าชมรวม

    193

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    193

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ต.ค. 50 / 03:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      คุณเคยหรือไม่? เวลาคุณเลือกซื้อเสื้อผ้าต้องไม่ให้มันเป็นลายขวางเพราะมันจะไปขยายส่วนที่เกินอยู่แล้วของคุณ เคยหรือไม่ที่ต้องยืนตัวลีบๆ เวลาอยู่บนรถไฟฟ้าช่วงเลิกงาน และคุณเคยมั้ยที่ต้องย่องเบาๆเวลาคุณก้าวเข้าลิพท์ที่มีคนเต็มในช่วงที่คุณรอมันมาใหม่ไม่ได้ หรือต้องคอยระแวงว่าคนอื่นกำลังคิดยังไงเวลหันมามองคุณทุกครั้ง   บางคนเคยเป็น  บางคนอาจไม่เคยเลย แต่สิ่งเหล่านี้เป็นยิ่งกว่าสองเท่ากับเธอคนนี้ มนต์จันทร์
      จันทร์เป็นคนรูปร่างออกจะท้วมสักหน่อยหนึ่ง (ท้วมนิ้ดดเดียวจริงๆนะ) ต้องพบปะกับกับเรื่องแบบนี้ทำให้จันทร์ไม่อยากออกไปไหน ชอบอยู่แต่บ้านกินและกิน และชอบอ่านหนังสือไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน นิยาย ไม่ว่าแนวไหนๆ จันทร์ก็อ่านได้ ยกเว้น หนังสือเรียน (99%ไม่มีใครชอบอ่านหนังสือเรียนอยู่แล้วนี่จริงปะ) ด้วยความที่เป็นคนสวยประกอบกับอายุยังเอ้าะๆ เลยมีดันดาราให้ไปประกวดราชินีช้าง รอบแรกผ่านฉลุย เข้ามารอบรองต้องทำกิจกรรมกลุ่มกับผู้ประกวดคนอื่นๆ เมื่อถึงวันจริง โอ้วว! พระเจ้าช่วยกล้วยบวชชี มีทั้งสาวท้วมน้อยกว่า ท้วมมากกว่า แต่งตัวแต่ละคนโอ้โห จุดนั้นเป็นแสงสว่าง (หรือแสงมารก็ไม่รู้นะ) ให้กับจันทร์ เธอริเริ่มกล้าที่จะแต่งตัว ค่อยๆพัฒนาลองโน้นลองนี่ จนมาถึงช่วงเรียนมหาวิทยาลัยจันทร์ได้ออกมาอยู่หอคนเดียว จึงทำให้จันทร์ยิ่งแต่งตัวมากขึ้น หวาน เปรี้ยว ซ่า กล้า บ้าบิ่น และใช้ชีวิตโลดโพนโจนทะยานยิ่งกว่านักกายกรรมเสียอีก เที่ยวเป็นเที่ยวจนบ๋อยรู้จักกันทั่วผับได้ขึ้นเต้นโชว์วีดิโอ แบบว่าปีทองของสาวท้วม อิอิ วันไหนไม่เที่ยวก็แชทห้องเสียวกันสนั่นจนรู้จักขึ้นชื่อลือนามว่าเป็นศิราณีปรึกษาด้านเซ็กส์ ถ้าใครโอเคจันทร์ก็โอเค การมีคู่นอนไม่เว้นแต่ละวันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลบปมด้อยของจันทร์ก็เป็นได้ ยิ่งได้สะสมซิง หรือมีแบบสวิง 2ชาย1หญิง ยิ่งภูมิใจ ทำนานเข้าก็เริ่มเบื่อที่ต้องนั่งสับรางเช้า กลางวัน เย็น เลยเอาแต่เที่ยวๆๆดิ้นๆๆ จนหัวใกล้หลุด และมียาเข้ามาเกี่ยวข้องตามประสาคนเที่ยว
      ชีวิตดำเนินอย่างนี้ไปเป็นปี และจันทร์ได้มีปากเสียงกับทางบ้าน จึงเกิดความน้อยใจตามประสาวัยรุ่น คิดว่าชั้นคนนี้ไม่เกิดมาก็ดีจะได้ไม่มีคนทำให้พ่อแม่เสียใจ ถ้าไม่มีคนอย่างชั้นอยู่ก็คงไม่มีใครเสียใจ เลยคิดหาทางฆ่าตัวตาย   (เอาแบบไม่ทรมานนะ) แรกเลยกะจะกินยาตายแต่ในห้องดันมีแค่พารากับยาแก้อักเสบ หมดไปร่วมๆ 50เม็ด จะตายมั้ยเนี่ย  แต่เอ้ะ เรามียาหลอดนึงนี่นา มาอัพให้ตายไปข้างดีกว่า นอนเบลออยู่ครึ่งชั่วโมงก็นึกถึงกรีดข้อมือได้ ศพคงจะสวยดีและไม่ทรมานด้วย ไปค้นเอาคัตเตอร์มาเช็ดสะอาดก่อน (คนมันรักสะอาดนี่เนอะ) แต่กลัวเจ็บอะ เลยลองกรีดท้องแขนดูก่อน อืมม เจ็บแปลบนิดเดียวเสียวดี ลองกดลึกอีกหน่อย อู้ย เสียวแวบ ลองจริงละทีนี้ ฮึบ........ไหงมันออกน้อยอย่างนั้นละ ไม่เห็นเหมือนในหนังเลย -*- ซ้ำอีกทีสิ ครั้งนี้ค่อยออกเยอะหน่อย เห็นเส้นขาวๆเลยทีนี้ เอ้ะ นี่มันเส้นเอ็นนี่หน่า ขาดไปครึ่งแล้ว ไม่ได้ๆเดี๋ยวเกิดชาติหน้าพิการต้องระวังๆหน่อยแล้ว เลยบรรจงกรีดที่เส้นเลือดอย่างเดียวทั้ง 2 ข้าง นอนมองดูเลือดไหลซักพัก เลือดเริ่มแห้งไม่ค่อยออก (สงสัยวิตามินkเยอะ) เลยไปเปิดน้ำฟักบัวรองน้ำใส่ถัง นั่งแช่ข้อมือตากน้ำฟักบัวไปพลาง (มันไม่มีอ่างน้ำนี่นะจะได้เหมือนในหนัง) นั่งตัวเปียกไปสักพัก หนาวววจัง เลยเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมานอนข้างนอก พี่ที่รู้จักข้างห้องคงรู้สึกผิดสังเกตเพราะปกติจันทร์ชอบเปิดประตูห้องค้างไว้และชอบออกมาคุย เลยมาเคาะประตู (เพื่อป้องกันคนมาช่วยเลยแอบยอดกาวตราช้างที่กลอนประตู) พี่คนนั้นแอบมองลอดใต้ประตูเข้ามาเห็นแต่รอยเลือดและเห็นจันทร์กำลังนอนซมอยู่บนเตียงเลยเรียกให้เปิดประตู จันทร์ก็คลานมาใกล้ประตูแล้วบอกว่าหยอดกาวไว้เปิดไม่ออก(หรือข้อมือไม่มีแรงบิดไม่รู้เหมือนกัน) กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยทีนี้ ไปเอาบันไดมาปีนทางหน้าต่าง คนทั้งหอพากันออกมามุงดู รุ่นพี่รีบพาส่งคลินิก (ขนาดคลินิกยังไกลตั้ง 2 กิโล แล้วโรงพยาบาลจะไกลขนาดไหน) ฉีดยาชาที่แขนสองข้างเย็บไป 17 เข็ม แอบบ่นเล็กน้อยว่าข้างขวายังไม่ชาเลยหมอเย็บซะแล้ว หลังจากกลับจากโดนเย็บสด รุ่นพี่พากันมานั่งเฝ้าคงคิดว่าจะทำบ้าอะไรอีกมั้ง พอช่วงบ่ายพ่อแม่และยายมารับกลับบ้าน (เพราะรุ่นพี่อีกนั้นแหละที่โทรไปน่าขอบใจจริงๆ เล้ย) จันทร์นอนซมอยู่กับบ้านเกือบอาทิตย์ เพื่อนๆเริ่มทยอยชวนกันไปโน้นไปนี่ พี่สาวคอยชวนไปขายของ จันทร์จึงเริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังผ่านช่วงเหตการณ์ร้ายๆมา จันทร์มารู้ทีหลังว่าแม่ที่ปกติชอบบ่นชอบว่าจันทร์ไม่เคยดีกับจันทร์เลย มาร้องไห้เมื่อรู้ข่าวฆ่าตัวตายของจันทร์ ตั้งแต่นั้นจันทร์มีความรู้สึกผูกพันกับแม่มากขึ้น เริ่มไปหาไปเยี่ยมแม่บ่อยขึ้น (อยู่กันคนละบ้านแต่ภายในพื้นที่เดียวกัน)
      เมื่อความเหงามาทักทายอีก แต่จันทร์เบื่อกับการมานั่งคุยแชทในรูปแบบเดิมๆ แค่เริ่มทักทายก็เบื่อซะแล้ว จึงหันไปเล่นเกมส์ออมไลน์ เป็นเกมส์แรกที่ฮอทฮิต ตั้งหน้าตั้งตาเล่นๆ จนมาเจอกับหนุ่มคนหนึ่งในนั้น ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรือฟ้าลิขิตให้มาปิ้งรักในเกมส์ออนไลน์ จากคุยในเกมส์อย่างสนิทสนม จนโทรคุยกันอย่างออกรสรู้สึกถูกชะตา แต่ด้วยความรู้สึกที่อยากจะคบกันอย่างตรงไปตรงมาจันทร์จึงเล่าความจริงทั้งหมดในชีวิตที่ผ่านมาและถามว่าเค้ารับได้หรือไม่ที่จันทร์เป็นคนแบบนี้แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้ทำแบบนั้นแล้ว คำตอบคือรับได้ คำๆนี้ใครก็พูดได้ แต่การกระทำมันจริงยิ่งกว่าคำพูด จึงตกลงใจนัดเดทกัน จันทร์รู้สึกประทับในใจในตัวตนทีเค้าเป็นที่แสดงออกจากใจจริงว่าไม่ได้รังเกียจในตัวตนของจันทร์เลย ซ้ำยังปฎิบัติกับจันทร์เหมือนคนทั่วไป (ในแง่ของคนท้วมอะนะ) ความรู้สึกมีชีวิตชีวากลับมาอีกครั้ง และยิ่งสดใสเมื่อเค้าขอคบเป็นแฟน นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่มีคนเอ่ยขอเป็นแฟน แหม โรแมนติกม้าก มาก เหมือนในหนังเลยละ (ในชีวิตผู้หญิงก้ออยากให้มีคนมาโรแมนติกกับเราบ้างหรือว่าไม่จริง)
      เหมือนฟ้าหลังฝน ที่มีแต่ความสุขสดชื่น ต่อจากนี้จันทร์คงจะมีชีวิตเป็นปกติเหมือนชาวบ้านทั่วไปเค้าเป็นกัน (คาดว่าคงจะนะ) มองไปทางไหนก็มีแต่สีชมพู ทางๆนี้คงจะราบรื่นตลอดไป แต่แล้วเหมือนฟ้ายังไม่อยากให้จันทร์สบายไปนัก บันดาลให้ญาติฝ่ายชายไม่ชอบขี้หน้าจันทร์ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เฮ้อ! ชีวิตของจันทร์จะเป็นอย่างไรต่อไปนะ เค้าถึงว่าชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่จะโรยด้วยหนามกุหลาบตะหาก เดินผิดเดินพลาดเป็นได้โดนหนามตำชนิดที่บ่งออกไม่ได้เลยเชียวละ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×