ตอนที่ 9 : เศษส่วนความเหงา 08
เศษส่วนความเหงา 08
How come we don’t always know when love begins
But we always know when it ends
ผมเก็บของเดินออกจากคลาสตอนหนึ่งทุ่ม ฟ้ามืดเร็วเพราะฝนตก หลายคนเลือกที่จะฝ่าฝนตรงกลับบ้าน ขณะที่ผมเดินลงบันไดมาหาคนที่ฟุบหลับอยู่ในโรงอาหาร เส้นผมสีดำเคลื่อนไหวตามแรงลม ถึงอย่างนั้นวันนี้สายลมก็อ่อนโยน ไม่ได้หนักหนาดั่งพายุ
ต่างกับหัวใจผม
ปลายเท้าหยุดยืนอยู่ตรงโต๊ะ ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แนบแก้มกับโต๊ะ จ้องมองคนที่หลับใหลด้วยความเหนื่อยอ่อน ผมกวาดตามองหน้าหมอก ไม่ได้ปลุกให้ลุกขึ้น
ผมกำลังสำรวจเพื่อทดแทนบางสิ่งในใจ
หมอกกำลังฝัน ดีหรือร้ายไม่อาจบอกได้ เขานอนนิ่งมากขณะที่ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
ผมเคยอยากทำแบบนี้กับพี่เอส
นอนมองหน้า กวาดตาดูเค้าโครงพวกนั้น สัมผัสอากาศที่ถูกพ่นออกมา ยกยิ้มแล้วจินตนาการว่าเราทำอะไรกับใบหน้านี่ได้บ้าง เกลี่ยคิ้ว ลูบแก้ม หรือจูบปาก
ผมอยากทำแบบนั้น
กับคน...ที่คบกัน
“อือ...”หมอกย่นคิ้วให้ผมหลุดออกจากภวังค์ ดวงตาสีน้ำตาลปรือมองผม กะพริบสองสามครั้งขับไล่ความง่วงซึมให้หายไป ผมหัวเราะ ไม่ได้ลุกขึ้น จับจ้องคนที่มุ่ยคิ้วใส่
คงรับรู้ได้ว่ามีคนมองอยู่
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อกี้”
“ไม่ปลุกวะ”
“เห็นมึงนอนอยู่ ไม่อยากกวน”
“…”
“เมื่อก่อนก็ทำแบบนี้”ผมเหลือบตาครุ่นคิด เมื่อก่อนตอนเรายังเรียนอยู่โรงเรียนเก่า หมอกชอบแอบหลับเวลาผมติวข้อสอบให้เขา ไม่ก็ชอบนอนมองหน้าผมจนหลับไป ผมจะอาศัยเวลานั้นนอนมองหน้าเขาบ้าง อยากรู้ว่าพ่อแม่เขาสรรสร้างลูกชายคนนี้โดยมอบอะไรให้บ้าง
ผมไม่มีมัน ความรักของครอบครัว
ผมลืมหน้าตาพ่อแม่ผม นึกไม่ออกว่าส่วนไหนได้ใครมาบ้าง
มีเพียงแค่ความเหงาที่พวกเขาฝากฝังไว้ให้ คงอยากให้ผมดูแลมันตลอดชีวิต
“วันนี้กูเหงาชะมัด”
“งั้นไปเลยไหม”
“…”
“คลายเหงากัน” เขาไม่ได้ลุกขึ้น แค่จ้องลึกเข้ามาในดวงตาผม มือก็เลื่อนมาจับมือผม ประสานนิ้วลงไปขณะที่ดวงตาเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมยิ้มดีใจ มันฉายชัดแม้จะเคลือบด้วยความเศร้า “ถ้าไม่ลืม ไม่กลับ”
“ก็อาจจะดึกหน่อยนะ”
“พรุ่งนี้เราไม่มีเรียน เพราะงั้นดึกแค่ไหนก็อยู่ได้”
“…”
“อยู่ด้วยกัน” ผมหัวเราะบีบมือเขาตอบเลยกลายเป็นว่าเรากำลังฟุบกับโต๊ะ จับมือกันท่ามกลางสายฝนที่ล้อมรอบอยู่ทั่วโรงอาหาร ผ่านไปสักพักก็ค่อยๆ ลุกเดินไปด้วยกัน หมอกช่วยผมถือของ พาไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านหน้า โบกมือลาคนที่รู้จัก
แล้วก็ตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง
เสียงเพลงไม่ได้เข้ามาในโสตประสาทหู หากแต่รอบข้างดูจะคึกคักยิ่งกว่าอะไร ผมยกยิ้ม สอดสายตามองไป ทักทายเพื่อนที่เรียนคลาสเดียวกันแต่อยู่อีกโต๊ะนึง
“นั่นไอ้หนึ่ง เพื่อนในคลาส”บอกหมอกตอนที่เขาหันไปมองบ้าง “เคยทำงานด้วยกันครั้งหนึ่ง สมองโคตรไว”
“อืม”
“เสียดายที่โดนลากไปอยู่กลุ่มอื่น ไม่งั้นงานใหม่คงได้ทำด้วยกัน” ผมยกเหล้าขึ้นดื่ม ให้ฤทธิ์แอลกอฮอล์แผดเผาร่าง หมอกพยักหน้า พ่นควันสีขาวขณะดื่มเหล้าไปด้วย
มีคนบอกว่าถ้าไม่อยากเมาก่อน ก็ดูดบุหรี่ให้สมองมันโล่ง
มันจะทำให้เราดื่มได้นานขึ้น
“มวนที่เท่าไหร่”
“เกินโควต้าแล้ว” หมอกไหวไหล่ ไม่สนใจว่าเขากำลังทำผิดสัญญา “จะยึดบุหรี่กูก็ได้นะ กูมีอีกซอง”
“ส้นตีน”ผมด่ามันพร้อมกับแบมือขอ บุหรี่มวนใหม่ถูกส่งให้ แล้วเก็บซองไว้ที่เดิม “ไฟ”
“ขยับมาสิ” มันยักคิ้วหลุบตามองบุหรี่ที่ดูดอยู่ กวนประสาทระคนท้าทายว่าผมกล้าไหม ผมยกยิ้มขยับกายเข้าหา คาบบุหรี่แล้วจ่อส่วนปลายกับของมัน ให้ไฟลามมาติดกัน แล้วค่อยผละออก
หมอกนิ่ง ประจำผมไม่ค่อยต่อไฟกับมันแบบนี้เท่าไหร่
ผิดกับมันที่ดูจะชอบทำ...
เวลาผมเหม่อลอย
ผมถอนหายใจพ่นควันกลบทับความเศร้า แอลกอฮอล์ในร่างกัดกินไปพร้อมกับสารพิษที่เพิ่งสูบอัด นิโคตินมากมายทำให้สมองของผมได้หยุดพัก
มันลบเรื่องราวความเศร้า เหลือเพียงความว่างเปล่าเอาไว้
ครืน
มือถือผมสั่น หน้าจอสว่างวาบปรากฏข้อความ
S : หายไปไหน เลิกเรียนแล้วไม่ใช่เหรอ
ผมยิ้มขำแปลกใจที่เขาจำตารางเรียนของผมได้
“ไม่ตอบ ?”ร่างสูงเลิกคิ้วใส่ ผมส่ายหน้าและคว่ำหน้าจอลง
“ไม่จำเป็น” เจ้าตัวขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจที่ผมตอบแบบนั้น ตอนนี้ผมอยากลืมสิ่งที่เขาสร้าง แล้วผมจะสนใจเขาทำไม อย่างนั้นก็กลับบ้านไปคุยกับเขาดีกว่าไหม
ตอนนี้ผมอยากให้กำลังใจตัวเอง
“เอาอีกขวด” ผมสั่งพนักงาน ชูขวดเหล้าว่างเปล่าในพริบตา ผมอยากเมานั่นแปลว่าต้องสูบบุหรี่ให้น้อยกว่าการดื่ม “วันนี้มาเมากัน”
“เมามากกูจะขับรถกลับไม่ได้”
“มึงบอกว่าเราจะอยู่ด้วยกัน”
“…”
“อย่าผิดสัญญา”ผมทักท้วง เรื่องบุหรี่นี่ผมยกให้เพราะถ้าไม่ดูด เราคงน็อคกันตั้งแต่ขวดสองขวดแรก ผมไม่ได้ดื่มเหล้าเก่ง แต่หมอกสอนให้ผมเรียนรู้ที่จะอยู่ให้เป็น
สังคมเดี๋ยวนี้มันโหดร้าย ถ้าไม่หัดไว้บ้างจะโดนมองว่าเป็นไก่อ่อน
ผมไม่อยากให้ใครมาตราหน้าผมแบบนั้นหรอก แค่เป็นคนหยิ่งประจำคณะก็ถือว่ามากพอแล้ว
ตึก
ขวดใหม่ถูกวางให้ผมหยิบมันมาเปิดเทลงแก้ว ผมแบ่งให้หมอก สลับกับดื่มเองจนในหัวมึนไปหมด ผมหัวเราะตอนเขากระซิบอะไรสักอย่าง ผมไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร กระทั่งเขาดึงแขนให้เดินไป
เราอยู่กลางฟอล์
หมุนไปมาตามจังหวะ โยกย้ายแบบที่ไม่ชอบทำ ประจำผมจะไม่เต้นหรอก ผมมาดื่มมากกว่ามาเที่ยวเล่น
แต่ครั้งนี้ผมยอมให้หมอกทำ เขาหัวเราะตอนเราเต้นด้วยกัน ไม่ได้รุนแรงเหมือนคนอื่น แค่เอียงตัวไปมาตามทำนอง พอถึงท่านช้าทุกคนเริ่มโอบกอด
ผมคล้องคอมัน ทาบหน้าผากเข้าด้วยกัน
“มึงเมาแล้ว” เขาพูด ผมส่ายหน้า
“ยังไม่เมา”
“มึงโกหก” หมอกยิ้มขำ กอดเอวผมไว้สูดลมหายใจที่คละกลิ่นเหล้าและนิโคติน “เหมือนฝันเลย”
“เหมือนตรงไหน ?”
“กูเคยอยากให้มึงทำแบบนี้”
“…”
“แต่มึงไม่ชอบเต้น” เราสบตากัน ผมยิ้มไม่ได้ตอบรับ “แต่วันนี้มึงยอมทำ”
“กูอยากสลัดความรู้สึกนี่”
“…”
“กูอยากเอามันออกไป”เสียงผมสั่น โอบคอเขาแน่นขึ้น “กูไม่อยากเสียใจ กูอยากมีความสุข”
“แต่เขาทำมึงเหงา”
“ใช่”
“มึงเหงากว่าเดิมไหม”
“…”
“มากกว่าตอนไม่มีเขา”คำถามนั้นทำผมใบ้กิน หลุบตาต่ำขณะคิดตามที่เขาพูด เมื่อก่อนตอนไม่มีเขา ผมเหงาและรู้สึกเดียวดาย ผมอยู่กับคนมากมาย หัวเราะกับแสงสี นานวันไปโลกก็กลายเป็นสีเทา มองอะไรก็ไร้สีสัน มีแค่พี่สาวและคนตรงหน้าที่ทำให้วันเวลาไม่ได้หายไปอย่างสูญเปล่า
แต่แล้ววันนึงแชทนั้นก็เด้งเข้ามา
S : สวัสดีครับ
ไม่รู้ว่ามาจากไหน
S : น้องชื่ออะไร
แต่มันทำให้...
S : ยินดีที่ได้รู้จักนะครับJ
ความเหงามลายสิ้น
ช่วงเวลานั้นมันทำให้ผมยิ้ม โลกที่เป็นสีเทากลายเป็นมีสีสันอีกครั้ง แลกกับการตัดขาดกับคนภายนอก สนใจแค่เจ้าของแชทที่ทักมาคุยกัน แรกๆ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาไปเอาไลน์ผมมาจากไหน เขาบอกว่ามันขึ้นมาในไลน์เขา คาดว่าน่าจะเมมเบอร์ลูกค้าผิดก็เลยขึ้นชื่อมา
เป็นต้นเหตุให้ได้คุยกัน
เป็นต้นเหตุที่ทำให้ความรู้สึกก่อตัวและเคลื่อนผ่าน
เป็นต้นเหตุที่ทำให้ความเหงานั่นหายไป
และกลับกลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้ความเหงานั้นกลับมา
ผมสบตาหมอก บอกเขาผ่านนัยน์ตา ช่วงเวลาก่อนหน้าและหลังจากมีเขามันไม่ต่างกันเท่าไหร่ ช่วงแรกทุกอย่างมันดี อาจผิดที่ผมตกหลุมรักคนง่าย เขาทำให้ผมมีความสุข รู้สึกไม่เดียวดาย
แต่แล้วก็ผลักผมลงไปในกับดัก เวียนว่ายอยู่กับความรู้สึกที่เขามอบให้
โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าข้างใน...
มันคืออะไรกันแน่
“ทำไงดี กูไม่อยากอยู่กับความรู้สึกนี่เลย”
“...”
“มันเหงา” ผมพึมพำ เสียงสั่นตอนโดนจูบหน้าผาก “กูรักเขาโดยไม่มีข้อแม้ แต่เขากลับไล่กูเหมือนกูรอมานานแล้ว”
“แล้วมึงยังจะรออยู่ไหม”
“…”
“บางอย่างถ้าอยู่แล้วไม่สบายใจ ถอยออกมาสักก้าวก็ได้นะ”ผมสบตากับหมอก มองความจริงใจที่เขาส่งผ่านมาให้ มือหนาเกลี่ยแก้ม ใช้ปลายจมูกถูจมูกผมไปมา ขณะที่คลี่ยิ้มบาง
ช่างอ่อนโยน
“กูอยู่ตรงนี้”
“หมอก”
“หลังม่านควันบุหรี่ที่มึงสูบ”
“…”
“ถ้ามึงไม่ไหวก็แค่มองมาที่กู”
“…”
“กูจะเหงาเป็นเพื่อนมึงเอง”หมอกยิ้มกว้างกว่าเดิม ดูสุขสมเคล้าความเศร้า หากแต่คำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มหวาน หัวใจเต้นถี่ไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป ผมกอดเขา สัมผัสความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาให้ เราสบตากันอีกครั้ง เชื่อมประสานด้วยความพอใจ
เช่นเดียวกับริมฝีปากที่ไม่หลีกหนีไป
เขากดลงมา...บนเรียวปากผม
เสียงหยาบโลนดังทั่วร่าง สลับกับเสียงครางหวานของความเสียดเสียว หยาดน้ำตาร่วงผล็อยยามกายแกร่งเคลื่อนที่ ร่างกายผมบิดเร่ากอดหมอกไว้แน่น ฝังหน้าลงกับบ่าชื้นเหงื่อ
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราถึงมาจบกันตรงนี้
ไม่รู้ว่าผ่านมากี่นาทีที่ความรุ่มร้อนนี้ก่อตัวขึ้นมา
รู้เพียงแค่ว่าเมื่อมันก่อตัวขึ้นมา ท่ามกลางความรู้สึกที่ถูกปลุกเร้า มันกลายเป็นราคะที่แยกเราออกจากกันไม่ได้
ผมกดจูบ เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นร้อนขณะที่หอบหายใจ หมอกกวาดต้อนความหวานจากปากของผมไป แล้วสวนกายหนักกว่าเดิม
ผมลืมทุกอย่าง
ทุกความเศร้า ทุกความเหงา
จดจำเพียงแค่รสสัมผัสที่เขาส่งผ่านมาให้
มือหนาที่ปัดป่ายไปทั่วกุมมือของผมไว้
ประสานกันแน่นเช่นเดียวกับลมหายใจที่แลกเปลี่ยนกันไปมา
หมอกกลายเป็นสารเสพติดอันตราย ที่ถ้าได้ลิ้มลองครั้งหนึ่งแล้ว...
จะหยุดลองไม่ได้เลย
“ชิน” เสียงทุ้มต่ำเรียกชื่อผม ดูเย้ายวนและอ้อนวอน “มึงเป็นของกู”
“อื้อ”
“ของกู...คนเดียว”หมอกจับเอวผมไว้ สอบกายเข้าหาอย่างดุดัน เขาซุกไซ้ซอกคอทิ้งรอยแดงเป็นจ้ำ ไล่จูบตั้งแต่หน้าผาก เปลือกตา พวงแก้ม มาจบที่ริมฝีปาก
สอดลิ้นเข้ามาลองชิมความหวาน ผละไปเม้มปากกับลำคอระหงส์
วินาทีนั้นผมไม่อาจทำให้ตัวเองสงบลง ผมจิกมือลงกับแผ่นหลัง ขีดข่วนจนมันขึ้นรอยแห่งอารมณ์ที่พุ่งสูง เหงื่อกาฬไหลหยดลงบนเตียง บางส่วนหยดลงบนร่างให้ร้อนกว่าเดิมคล้ายแผดเผา
เราสองคนเสร็จด้วยกัน เขาพลิกกายผม สอดร่างเข้ามาหา
ย้ำกายหนักหน่วงพาให้ผมสมองขาวโพลนยิ่งกว่าบุหรี่ที่เพิ่งสูบไป
ผมสะอื้น หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม ร้องไห้ให้กับความเสียดเสียว หมอกพลิกกายผมกลับมา ดึงรั้งให้นั่งบนตัก โอบกอดผมด้วยความรัก จูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
แทรกซึมความร้อนมาทุกอณูผิว ให้ผมตอบรับกายร้อนนั้น
เราครวญคราง ปล่อยให้หัวใจเต้นในจังหวะเดียวกัน และเขาทำให้ผมได้เข้าใจถึงความหมายของคำพูดเขา
‘กูจะเหงาเป็นเพื่อนมึง’
เขาทำให้ผม...ไม่เหงาอีกแล้ว
ติดแท็ก #เศษส่วน52Hz
ส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์แล้วนะคะ จะผ่านไหมก็รอ 2-3 เดือนแล้วจะรู้ผล
ตอนหน้าจะเริ่มแบ่งพาร์ทอัพแล้วนะคะ จะได้มาอัพบ่อยๆน้า
ฝากติดตามด้วยค่า
ทวิต ael_2543
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตื่นมาก็ขอให้คิดเอาไว้ว่ามีหมอกเสมอเรื่องบนเตียงกับหมอกก็เรื่องจริง
ถ้า-พี่เอสมายุ่งอีกก็ อย่าไปยุ่งเลย
ทำไมเริ่มกลัวใจจะม่ากว่านี้อีกมัยค่าเนี่ยยย