ตอนที่ 19 : เศษส่วนความเหงา 18
เศษส่วนความเหงา 18
บางครั้งการสูญเสียก็ดีกว่าการได้รับมา
ผมปล่อยเวลาให้เลยผ่าน
เมื่อคืนวานผมต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงบาลเพราะเสียเลือดไปมาก พอกลับมาถึงบ้านผมก็ขังตัวเองไว้ในห้อง มองนาฬิกาทรายที่คว่ำหัวอีกครั้ง ผมจับมันหมุนซ้ำไปซ้ำมา เพราะมันเป็นของเล่นชิ้นเดียวในเวลานี้
ผมไม่อยากออกไปเจอหมอก ผมกลัวว่าเขาจะถามนู้นนี่
รวมถึงเรื่องที่ผมกรีดข้อมือตัวเอง
ก๊อกๆ !
“ชิน ไปซื้อของด้วยกันไหม” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นหลังเคาะประตูห้อง รั้งสายตาผมที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ให้เงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาหา หมอกส่งยิ้มมาให้ ทว่าดวงตาของเขากลับไม่ยิ้มตาม
มันดูหม่นหมองไม่ต่างจากผมเลย
“ของในห้องหมด กูว่าจะไปซื้อสักหน่อย”
“อืม”
“ไปด้วยกันไหม”
“ไม่เอา” ผมส่ายหน้าหลุบตาหนีเขา “มึงจะไปก็ไปเถอะ กูอยู่คนเดียวได้”
“มึงไม่อยากออกไปไหนหรือไง ถ้าไปด้วยกันก็จะได้ดูของที่มึงอยากได้ด้วยไง ไม่ดีเหรอ” หมอกมาหยุดอยู่ด้านข้างยีหัวผมไปมา เหลือบมองนาฬิกาทรายที่ผมวางไว้ที่เดิม “เผื่อมีหนังน่าดูก็จะได้ซื้อมาดูกัน หรือไปซื้ออะไรมากินไหม เรื่องที่ซื้อมาคราวก่อนก็ยังดูไม่จบ”
“กูไม่อยากไปไหน”
“…”
“กูอยากอยู่คนเดียว”ผมตอบไปตามความจริงทำเอามือที่ลูบหัวอยู่ถึงกับชะงัก “อยู่คนเดียวเงียบๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
“แล้วก็ทำอะไรพิเรนทร์ให้กูเป็นห่วงน่ะเหรอ”
“…”
“ความรู้สึกคนไม่ของเล่นมึงรู้ใช่ไหม”เขาถามเสียงแผ่วผมเลยถอนหายใจ ผมรู้ว่าไม่ควรเอาความเป็นห่วงของเขามาทำให้อีกฝ่ายเหนื่อยใจ แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป
และผมต้องการมือถือคืน
“ถ้ามึงไม่อยากไป ก็ไม่ไป อยู่ด้วยกัน ทำอะไรก็ได้”
“แต่มึงบอกว่าของในห้องหมดแล้วไม่ใช่หรือไง”
“ก็ใช่”
“งั้นมึงไปซื้อเถอะ กูอยู่ได้ สัญญาว่าจะไม่ทำไรแผลงๆ” ผมยกยิ้มจับมือเขาแล้วบีบเบาๆ วอนขอความเชื่อใจ “มือกูเจ็บแบบนี้กูจะทำไรได้ ก็ได้แต่นอนรอมึงมาป้อนข้าวป้อนน้ำเนี่ยแหละ”
“มึงมันร้ายจะตายใครจะไว้ใจ”
“กูทำมึงหมดความเชื่อใจในตัวกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“อะ...”
“ไม่มีใคร...เชื่อใจกูแล้วเหรอ”ผมว่าเสียงแผ่วหัวใจวูบโหวงกับสิ่งที่ได้ยิน มันคงเป็นผลพวงที่ผมหนีเขาไป ทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกจนไว้ใจไม่ได้ ยิ่งกับคนที่เขาให้ใจเราขนาดนี้
การเดิมพันที่ผมวางไว้ก็ไม่ต่างจากการทรยศหักหลัง
“กูคงงี่เง่ามากสินะในสายตามึงตอนนี้”
“ชิน”
“กูขอโทษนะ” ผมยิ้มอ่อน หลุบตามองมือที่ประสานกันไว้ ไม่รู้ว่าหมอกกำลังทำหน้ายัง รู้แค่ที่ว่างตรงหน้าผมถูกแทนที่ด้วยร่างกายของเขา
“กูไม่ได้เสียความเชื่อใจ กูแค่เป็นห่วง”
“...”
“ไม่อยากให้มึงเล่นพิเรนทร์อีก กูไม่อยากกลับมาเจอมึงในสภาพนั้น”
“แต่มึงเป็นคนบอกเองว่ามันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ”
“…”
“กูก็คงไม่วูบบ่อยหรอกมั้ง”ผมยกคำพูดที่เขาร้องขอเมื่อวานมาใช้ หมอกต้องการความสบายใจเลยขอให้ผมโกหกว่าสิ่งที่ผมทำไป มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบที่เกิดขึ้นมา ทั้งที่ความจริงเราต่างก็รู้ดีว่าสภาพจิตใจตอนนี้ของผมมันแย่แค่ไหน
หมอกกระชับวงแขนที่กอดผมไว้ จูบลงบนขมับและผิวแก้ม
ทาบทับรอยเก่าที่อิชิทำไว้
“มึงทำให้กูรู้สึกเหมือนคนใกล้ตาย”
“กูไม่ได้อยากให้มึงรู้สึกแบบนั้น”
กึก !
“แต่กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่ากูเสียมึงไปไม่ได้”เขาประคองใบหน้าผม ทาบหน้าผากลงขณะพูดด้วยความจริงจัง “มึงสำคัญกับกูมากนะชิน ถึงเขาจะมองไม่เห็นค่า แต่กูมองเห็นทุกอย่างของมึงนะ มึงมีค่ากว่าที่มึงคิด มึงเข้าใจไหม”
“…”
“กูอยากใช้ชีวิตกับมึงให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ มึงช่วยทำคำขอกูให้เป็นจริงสักครั้งได้ไหม ชิน”น้ำเสียงเว้าวอนบีบคั้นหัวใจผม ทำเอาเม้มปากแน่นสะกดความรุนแรงของอารมณ์ที่ปะทุอยู่ในร่าง หมอกพยายามบังคับให้ผมสบตากับเขา ทั้งเกลี่ยแก้ม ใช้ปลายนิ้วลากไล้ไปทั่วริมฝีปาก ทำทุกทางที่เราจะผสานนัยน์ตากันได้
ผมพยักหน้ารับคำไป
มันคือการตอบรับคำตอบในหัวของผมเอง
“รู้แล้ว กูจะไม่เล่นพิเรนทร์ กูจะนั่งเป็นเด็กรอมึงกลับมา”
“สัญญา ?”
“สัญญา” ผมขานรับปากเปล่าหมอกเลยยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้า ผมยกยิ้มบางๆ นานแล้วที่เราไม่ได้ทำ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ว่าเขาไร้สาระอย่างทุกที ยอมเกี่ยวก้อยให้เขาสบายใจ สบตาด้วยความวูบไหว และหลีกหนีเพื่อซ่อนมัน “แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม”
“ก็ต้องเป็นแบบนั้น” เขาถอนหายใจแล้วผละออก “ถ้ามึงไม่ไปก็นอนรออยู่นี้ กูจะรีบไปรีบกลับ”
“งั้นกูขอมือถือกูหน่อยได้ไหม”
“ทำไม”
“กูอยากโทรหาชิชา” ผมบอกหวังเพียงให้เขาเชื่อใจ “กูยังไม่ได้โทรหาพี่เลยตั้งแต่กลับมา”
“เอามือถือกูไปก็ได้ กูไม่ได้เอาไป”
“แล้วถ้ากูอยากสั่งของเพิ่มมึงจะทำไง”
“…”
“กูต้องลงไปหามึงเหรอ ?”หมอกชะงักไปตอนผมถามแบบนั้น สีหน้าบ่งบอกว่าเขาไม่อยากให้โทรศัพท์กับผม “อีกอย่างมึงจะรอกูคุยโทรศัพท์เป็นชั่วโมงหรือไง เกิดเพื่อนในสาขามึงโทรมาตามงาน ก็เสียเวลากันหมดพอดี”
“คงไม่มีใครโทรตามหรอกมั้ง ดึกป่านนี้”
“คราวก่อนก็โทรมาเวลานี้ไม่ใช่หรือไง”
“…”
“เอามือถือมาให้กูเถอะ กูสัญญาว่าจะไม่คุยกับพี่เขา” ผมทำหน้าจริงจังเพื่อให้หมอกเชื่อใจ เรื่องเดียวที่เขากลัวตอนนี้คือกลัวว่าผมจะกลับไปคุยกับพี่อิชอีก ผมเลยเงยหน้ามองเขาด้วยความจริงใจ ให้เขารู้ว่าผมจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง
หมอกนิ่งคิดไปสักพัก เจอสายตาแน่วแน่ก็พ่นลมหายใจใส่
ก่อนจะหยิบมือถือที่เหน็บไว้ที่กระเป๋าหลังส่งมาให้
“อย่าทำให้กูต้องผิดหวังซ้ำสอง”
“รู้แล้ว”ผมพยักหน้า แทบไม่คิดตามคำพูดที่เขาบอก ตอนนี้ผมสนใจแค่แชทสีเขียวที่ขึ้นเลขแจ้งเตือนเรียกให้ผมหลุบตามอง แต่ก่อนจะกดอ่านผมต้องมั่นใจก่อนว่าหมอกจะไม่เห็นสิ่งที่ผมกำลังจะทำ “มึงไปเถอะ จะได้รีบกลับมาดูหนังกัน”
“พอได้มือถือล่ะร่าเริงเชียวนะ” ผมแสร้งหัวเราะ ให้เขายีหัวใส่ “กูจะรีบไปรีบกลับ มึงอย่าลืมโทรหาชิชาแล้วกัน”
“รู้แล้ว เดี๋ยวโทรเลย” ผมว่าพร้อมกดเบอร์มือถือชิชาโทรออกให้เขาเห็น ระหว่างนั้นก็เดินไปส่งเขาที่หน้าห้อง จะได้ลงไปซื้อของสักที “อื้ม ผมไม่เป็นไร ก็แค่มีดบาด”
กึก !
“แค่อารมณ์ชั่ววูบน่ะชิชา หมอกช่วยผมไว้ทันก็ดีแล้ว”
ผมว่าพลางทำหน้าสำนึกผิด หมอกเลยยีหัวเป็นการปลอบ คงรู้ว่าถ้าผมคุยกับชิชาคงใช้เวลานานไม่หยอก ผมเลยดันหลังเขาให้เดินออกจากห้อง บอกให้เขาลงไปซื้อของตามที่ตั้งเป้าไว้
พอหมอกแน่ใจว่าผมไม่ได้ซ่อนแผนไร เขาก็หมุนตัวเดินไปที่ลิฟต์ ผมยืนรอส่งเขาจนหายลับตาไป ก่อนจะเอามือถือออกเลิกเล่นละครที่สร้างไว้
ผมกดตัดสายชิชาก่อนที่มันจะขึ้นเสียงสัญญาณต่อสายซะอีก
ผมกลับเข้ามาในห้องรีบปิดประตู และเสียงโทรศัพท์ จากนั้นก็รีบเข้าแชทบนสุดที่บอกว่าผมยังไม่ได้อ่าน พลันคิ้วสวยก็ขมวดกันมั่น
แชทพี่อิชโดนบล็อกไปแล้ว
“ไอ้หมอก”ผมพึมพำ เลียปากอย่างคิดหนัก มันคงเห็นแชทที่พี่เขาส่งมา เลยบล็อกพี่เขาเพื่อที่เราจะได้คุยกันไม่ได้
เพราะงี้หรือเปล่าเขาถึงไม่ยอมให้มือถือผม เขากลัวผมรู้ว่าลุกล้ำพื้นที่มากไป ผมส่ายหน้า รีบกดปลดบล็อกแล้วเพิ่มเพื่อนกับพี่อิช จากนั้นก็รีบไล่สายตาอ่านข้อความที่พี่เขาส่งมา ผมคิดถึงเขามาก มากจนไม่รู้จะทำยังไง ทว่าแมสเสจที่เขาส่งเอาไว้กลับทำให้หัวใจ...
คล้ายจะตายลงตรงนี้
S : ชิน กลับไปแล้วเหรอ
S : พี่ไม่ได้อยากให้ชินมาเป็นเมียน้อยพี่ เราคุยกันเหมือนเดิมได้
S : ถ้าเหงาก็มาหากันไง แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ
S : พี่พร้อมจะเปิดโอกาสให้ชินนะ
ผมนิ่งงันกับข้อความสุดท้าย ที่บอกจะเปิดโอกาสให้หมายถึงโอกาสแบบไหน โอกาสที่เราจะคบกัน สานสัมพันธ์กันได้หรือโอกาสที่ไปเป็นมือที่สาม เครื่องแก้เหงาให้กับคนที่ไม่รู้จักพอ ผมเม้มปากแน่นแวบแรกผมยกยิ้มที่เรื่องของเราอาจเป็นไปได้ แต่แล้วก็กลับมานิ่งต่อเพราะต่อให้เขาพูดยังไง...
สุดท้ายแล้วมันก็แค่คำโกหกของคนเห็นแก่ตัวเท่านั้น
พลันหัวใจผมก็เต้นแรงไม่เป็นส่ำ กวาดตามองดูหน้าจอที่เปลี่ยนไป
S Calling
วินาทีนั้นผมร้อนรน ไม่รู้ว่าควรจะกัดรับสายหรือว่าตัดมันทิ้งไป ผมเลียปากจู่ๆก็อยากบุหรี่ ทว่าผมก็ไม่ได้ดิ้นรนหามันเหมือนก่อนหน้านี้ ผมกำลังสนใจสายเรียกเข้า ใจนึงบอกผมให้ตัดขาดจะได้ไม่ผิดสัญญากับหมอกอีก แต่อีกใจผมก็บอกให้กดรับจะได้เคลียร์ชัดเรื่องราวให้จบไปแบบสนิท
ใจนี่จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก มันว่างั้น
ผมกัดปาก มือสั่นตอนเขาโทรมาย้ำ
และพ่ายแพ้ให้กับความอยากของตัวเอง
“ฮัลโหล”ผมกดรับ หัวใจวูบโหวงตอนได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอก “พี่อิช”
[ดีใจจังที่ได้ยินเสียงชินอีก]
“อะ...”
[พี่นึกว่าชินจะโกรธพี่จนไม่รับสายแล้ว]
“ผมก็ควรทำงั้น” ผมเผลอยิ้มตอบกลับด้วยความสุข มันเป็นความรู้สึกที่ห้ามไม่ไหว แม้เสียงผมจะแผ่วเบายิ่งกว่าอะไรก็ตาม “พี่มีอะไรหรือเปล่า ถึงโทรมาหาผม”
[พี่คิดถึงชิน]
“พี่อิช...”
[คิดถึงมากๆ คิดถึงจนไม่รู้จะทำยังไง พี่ส่งข้อความไปเราก็ไม่ตอบ แล้วเราก็บล็อก พี่ใจหายมากเลยรู้ไหม]
น้ำเสียงที่ส่งผ่านมาเต็มไปด้วยความจริงใจ แต่ผมไม่รู้เลยว่ามันเชื่อถือได้ไหม
[พี่รู้ว่าตอนนี้ชินอาจจะไม่เชื่อใจพี่แล้ว แต่พี่คิดถึงชินจริงๆ พอไม่มีชินแล้วชีวิตพี่มันเหมือนมีอะไรขาดหาย เรื่องที่พี่บอกว่าชินเป็นเหตุผลการใช้ชีวิตของพี่ มันคือเรื่องจริงนะ เพราะพอเราทะเลาะกัน พี่ก็หมดแรงที่จะใช้ชีวิต]
“…”
[พี่อยากให้ชินอยู่ตรงนี้ พี่อยากกอดชินมากๆ]
ผมยิ้มกว้าง ความสุขล้นหัวใจของคนที่หลอกตัวเองมาหลายวัน ผมคิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องพูดแบบนี้ ทำให้ผมดีใจที่ได้รู้จักเขา ผมกุมโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองข้าง ผมอยากจะนั่งรถไปกอดเขาอย่างที่อีกฝ่ายพูดไว้
ทว่าผมก็นึกถึงภาพที่เขาพูดไว้ได้
“ ‘ก็ที่พี่อยู่กับชินไง’
‘มันยังรับผิดชอบไม่พออีกเหรอ’
นี่คือการรับผิดชอบความรู้สึกที่เสียไปอีกหรือเปล่า ?
[พี่ไม่อยากให้เราห่างกันเลย]
“นี่คือคำโกหกอีกหรือเปล่าครับ”
[ชิน]
“ถ้าใช่ก็ช่วยเก็บมันไว้เถอะครับ ผมรับคำโกหกของพี่ไม่ไว้แล้ว” ผมว่าเสียงสั่น หัวใจบีบอัดจนน้ำตาไหลมาคลอเบ้า “สิ่งที่เกิดขึ้นมาหนักกับผมมากนะพี่อิช พี่ทำให้ผมเสียความรู้สึกกับพี่จนแทบทนไม่ไหว พี่อย่ามาเล่นกับใจผมได้ไหม ผมรู้สึกยังไงพี่ก็รู้”
[พี่รู้ว่าพี่ทำผิด และพี่อยากขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อน]
“…”
[พี่ไม่ได้อยากทำให้ชินรู้สึกแย่ พี่ก็แค่โกรธที่ชินทำหน้าแบบนั้นต่อหน้าฟาง]
รอยยิ้มของผมถูกทอนลง ภาพของวันที่เราเถียงกันริมหาดย้อนเข้ามาในหัวผม โดยเฉพาะตอนที่เขาบอกว่าผมเป็นคนที่ไม่เดินออกไปจากชีวิตผมเอง ทั้งที่เขาให้โอกาสแล้ว น้ำเสียงในตอนนั้น แววตาในตอนนั้นผมจำมันได้ทั้งหมด มันต่างจากตอนนี้ที่ได้ยินอยู่ลิบลับ
[พี่ไม่อยากทะเลาะกับเขา เรากำลังจะแต่งงานกัน เราควรมีความสุข]
“แล้วพี่คิดว่าการโทรมาหาผมแบบนี้ ถ้าพี่ฟางรู้ เขาจะมีความสุขเหรอครับ”
[…]
“พี่กำลังทำผิดต่อเธอนะ แล้วพี่ก็ทำให้ผมทำผิดต่อเธอไปด้วย”ผมเค้นเสียงบอกเขา ข้างในเจ็บจนจุกไป “ผมให้ใจพี่ หวังให้พี่มีใจให้ผมบ้าง แต่สิ่งที่ได้มาคือการทรยศหักหลัง พี่คิดว่าความรู้สึกผมมันมีมากขนาดที่จะให้อภัยพี่ได้หลายครั้งเลยเหรอ”
[ชิน]
“พี่ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมเจ็บแค่ไหน”
[แต่เราก็มีความสุขไม่ใช่เหรอตอนเราอยู่ด้วยกัน]
“แต่มันก็เป็นของปลอมไม่ใช่เหรอครับ”
[…]
“พี่ไม่ได้รักผมจริงๆ พี่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับผมเลย” ผมอยากรู้จังว่าตอนนี้พี่เขาทำหน้ายังไง จะเจ็บรวดร้าวแบบผมที่รู้สึกไหม เขาจะรู้ไหมว่าเขากำลังทำให้คนคนนึงมีความสุขแทบบ้า แล้วก็กระชากลงนรกไปแผดเผาพร้อมกัน ผมร้องไห้ ไม่กลั้นเสียงสะอื้นเพราะอยากให้เขารู้ว่าผมเสียใจที่ให้ใจเขาแค่ไหน
ผมคิดว่าการคุยกันอาจจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นก็ได้
แต่ก็เปล่า
[พี่ไม่อยากรู้สึกผิดที่ทำให้ชินเสียใจ พี่อยากรับผิดชอบกับสิ่งที่ก่อไว้]
“โดยการโกหกผมไปเรื่อยๆน่ะเหรอครับ”
[…]
“พี่แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลยรู้ไหม” ผมหัวเราะขืนๆ น้ำตาไหลลื่นทั่วใบหน้า “พี่ทำให้คนคนนึงรักพี่แม้ไม่เคยเห็นหน้า แล้วก็ทำลายความรู้สึกเขาเพียงเพราะว่าอยากรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
[แล้วชินจะให้พี่ทำไง ให้พี่อยู่เฉยๆ ปล่อยชินเสียใจเหรอ]
“ก็ถ้าพี่ให้ในสิ่งที่ผมต้องการไม่ได้ พี่จะกลับเข้ามาในชีวิตผมทำไม”
[…]
“เลิกยุ่งกับผมได้ไหม ออกไปจากชีวิตผมเถอะ” ผมสะอื้นจนทรุดตัวลงนั่ง หยาดใสอาบแก้มทั้งสองข้างตอกย้ำถึงความโง่เขลา หมอกอุตส่าห์ตัดเขาออกไปจากชีวิตให้ แต่ผมก็ยังดันทุรังจะรั้งเขากลับมาให้ได้
ผมอยากหลอกตัวเอง ทว่าเขาไม่เล่นตามบท
และบทสรุปของคนที่ควบคุมความรู้สึกไม่ได้ก็คือความเสียใจ
แพ้เดิมพันครั้งสุดท้ายแล้ว
“พี่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเสียใจ ผมจะแบกรับสิ่งที่พี่เหลือไว้ให้ เพราะพี่คงไม่อยากได้ใช่ไหม...หัวใจของผมน่ะ”
ผมมอง...ตัวเองในกระจก
มันเป็นภาพของคนที่ซูบผอมดูอ่อนไหว ทุกความเหนื่อยล้า ทุกความเสียใจติดตรึงอยู่บนใบหน้า กวาดมองความอิดโรยที่แสดงออกผ่านนัยน์ตา
ผมเหมือนกับคนที่กำลังจะตายทั้งเป็น
เผลอๆ คนที่ตายไปแล้วอาจจะสภาพดีกว่าผมก็ได้ มันทำให้ผมไม่อาจทนดูตัวเองอีกต่อไป เดินออกมาจากห้องน้ำ ประคองร่างที่ใกล้หมดแรงลงทุกที
ผมยกยิ้ม แต่ใจไม่ยิ้มตาม มองเศษซากปรักหักพังที่เกลื่อนกลาดอยู่บนที่นอน ทั้งข้าวของ ทั้งปลอกหมอน ไหนจะผ้าห่มที่ถูกปาลงกับพื้นแล้วเดินเหยียบมันซ้ำๆ ราวกับมองไม่เห็น รวมถึงมือถือที่ถูกปกคลุมด้วยผ้าผืนหนา หน้าจอมันสว่างวาบปรากฏข้อความที่ผมไม่คิดจะก้มไปอ่าน
ผมไม่ชอบแสงสว่าง มันช่างเจิดจ้าจนแทบทนไม่ไหว
ผมเดินข้ามมองดูตัวเองผ่านบาดเกล็ดที่ติดฟิลม์ดำเอาไว้
เปิดประตูพาตัวเองออกไป...
อยู่นอกระเบียง
ไม่มีคำพูด ไม่มีการเปล่งเสียง มีเพียงแค่การกางแขนออกให้สายลมหอบเอาความรุ่มร้อนในร่างออกไป แล้วแทนที่ด้วยความเหน็บหนาว กวาดตามองดูรอบๆ แล้วค้นพบว่าทุกอย่างมันช่างกว้างขวางกว่าที่ผมคิดไว้ คล้ายกับโลกนี้ผมเป็นเพียงแค่มดตัวเล็กที่ใกล้ตาย
ผมหัวเราะแม้เสียงจะไม่ได้หลุดออกจากร่าง
“เย็นจัง” พึมพำขณะก้มมองพื้นด้านล่างที่ห่างจากตัวผมประมาณเจ็ดชั้น
วันนี้มันดูใกล้กว่าทุกวัน
ใกล้จนเหมือนผมกระโดดลงไปได้
“โดดลงไปดีไหมนะ”ผมพูดเสียงแผ่วพลางถามกับตัวเองอย่างหลากหลาย
ถ้าผมกระโดดลง ขาของผมจะถึงพื้นไหม ?
ถ้าผมกระโดดลงไป หัวใจของผมจะหยุดเต้นหรือเปล่า ?
แล้วถ้าผมกระโดดลงไปจริงๆ จะมีคนได้ยินเสียงกระดูกที่แตกหักของผมไหม ?
ตึกตัก ตึกตัก
พอคิดอย่างนั้นหัวใจผมก็เต้นแรงไม่เป็นส่ำ ผมทาบมือตัวเองลงกับราวกัน เหยียบบนราวทีละขั้น ดวงตาจับจ้องไปที่พื้นด้านล่าง มันมองไม่เห็นเงาผมเนื่องจากอยู่สูงเกินไปที่เงาจะทอดผ่าน จู่ๆ ก็รู้สึกอยากเห็นเงาตัวเองใกล้ๆ ขึ้นมา
มันอาจจะสวยกว่าที่ผมคิดก็ได้ ใครจะรู้
“เหมือนได้ยินเสียงเพลงเลย”ผมยิ้มขำหัวเราะกับตัวเองทั้งที่ความจริงไม่มีอะไร ผมอาจจะสร้างเสียงเพลงนั้นขึ้นมาในใจให้แทนที่เสียงลมหายใจของผม
ผมเบื่อเสียงลมหายใจนี่
เบื่อที่ต้องคอยปล่อยทิ้งและสูดเข้า
ผมเบื่อที่ต้องทำเหมือนว่าการหายใจเป็นเรื่องยาก ทั้งที่การหยุดหายใจมันง่ายกว่า
“แค่โดดลงไป ก็จะหลุดออกจากความรู้สึกนี้แล้ว” ขาผมสั่นตอนจะก้าวข้ามขั้นสุดท้าย ผมว่าตัวเองไม่ได้กลัวตาย บางทีอาจจะหนาวก็ได้
ผมปลอบตัวเอง
“แค่โดดลงไปก็จะไม่ต้องกลับมาเจ็บปวดซ้ำๆ”
กึก !
“และถ้าโดดลงไปสักครั้ง...ก็จะไม่ต้องเหงาอีกเลย”
ใช่...ผมเหงา
เหงากับความเศร้าในหัวใจตัวเอง
เหงาที่ปล่อยให้ตัวเองเละเทะมาจนถึงตอนนี้
ตลอดสิบกว่าปีผมหาทางออกจากความเหงานี่ไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้วว่าผมกำลังจะทำอะไร
เพียงแค่หลับตาแล้วกระโดดลงไป...
ผมก็จะไม่ต้องเหงาอีกเลย
#เศษส่วน52Hz
ทวิต ael_2543
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไม่ได้อยากตายเพราะอยากหนี แต่อยากจากไปเพราะไม่อยากให้ตัวเองเจ็บปวด
เราเข้าใจ เราหัวอกเดียวกัน😭
น้องงง งืออ เจ็บนมไปหมดแล้ว พี่หมอกรีบกลับมาเร็ว
ชินไม่นึกถึงชิชากับหมอกก่อนหรอออ
เราเป็นห่วงชินมากพอๆกับห่วงหมอก