ตอนที่ 16 : เศษส่วนความเหงา 15
เศษส่วนความเหงา 15
เมื่อควันขาวกระจายตัวออก เบื้องหลังเมฆหมอกกลายเป็นความจริง
ผม…กำลังมีความสุข
ทั้งรอยยิ้ม ทั้งเสียงหัวเราะ ทั้งเสียงลมหายใจ ทุกๆ อย่างของพี่อิชิคือสิ่งที่ผมหวังไว้ และตอนนี้ผมก็ได้มันทุกอย่าง เขาอยู่กับผม โอบกอดผมและมอบจุมพิตชวนฝัน ถึงเราจะไม่ได้เลยเถิดไปถึงขั้นนั้น แต่ผมก็พูดได้เต็มปากว่าผมได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว
รักเมื่อตอนม.4เป็นจริงผ่านคนคุยที่รู้จักเพียงสองเดือน
เป็นเรื่องตลกที่คิดว่าคงไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่ ทุกคนมองว่าการรู้จักผ่านแชทที่อีกฝ่ายเซฟเบอร์ผิดเลยขึ้นไลน์ จะทำให้เรามาไกลกันถึงจุดนี้
จุดที่เรายกยิ้ม ยามจับมือเดินดูตะวันตก
จุดที่เราหัวเราะ เวลาเล่าเรื่องขบขันให้ฟัง
จุดที่เรานิ่งงัน ฟังเสียงลมหายใจที่เฝ้ารอมาหลายครั้ง
ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่เป็นมากกว่าคนคุยกัน ยังไม่ใช่แฟน แต่ก็มั่นใจว่าความสัมพันธ์จะทำให้สถานะนั่นเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ทว่าทั้งที่เป็นแบบนั้นผมกลับรู้สึกไม่ดี...
รอยด่างในจิตใจผมย้ำเตือนถึงคนที่รออยู่
‘หมอก’
ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือทำรอยยิ้มผมหดหายไปทันที เรื่องที่พี่อิชิเล่ากลายเป็นเสียงอื้ออึงที่ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่ เพราะผมมัวแต่หลุบตาสนใจคนที่โทรมาหา สองวันแล้วที่ผมไม่โทรหาหมอก เขาส่งข้อความมาผมก็ไม่ตอบ กลัวว่าถ้าให้เขารู้ เวลาแห่งความสุขมันจะหยุดลง
แต่ยิ่งผมมีความสุขเท่าไหร่ ผมก็เหมือนรับรู้ได้ว่าอีกคนทุกข์เท่านั้น
มันกลายเป็นตาชั่งความผิดบาป ที่จะลองใจว่าผมจะเลือกทางไหนในการเดิมพัน
และผมคิดว่าผมเลือกแล้ว
“พี่อิช ผมไปคุยโทรศัพท์แปปนึงนะ”
“หืม ?”
“เผอิญพี่สาวโทรมาน่ะครับ” ผมทำหน้าเกรงใจ เอามือปิดหน้าจอตอนโกหกไปแบบนั้น “เมื่อวานผมก็ไม่ได้โทรหา มัวแต่สนุกจนลืมพี่เขาซะได้ คงจะเป็นห่วงใหญ่แล้ว”
“อ้าวงั้นเหรอ ไปสิ พี่รอได้”
“ไม่นานหรอกครับ แค่บอกว่าอยู่ไหนน่ะ” พี่อิชชื่อที่ผมเรียกใหม่พยักหน้าระคนยีหัวอย่างเอ็นดู ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ในห้องอาหารหรู เดินออกมาด้านนอกแล้วกดรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล”
ปลายสายนิ่งงัน คงตกใจที่จู่ๆผมก็กดรับสาย ทำผมประหม่าไปไม่น้อยเหมือนกัน
ผมอยากได้ยินเสียงมัน
มากกว่าเสียงลมหายใจของคนที่พูดอะไรไม่ออก
(รับสายกูแล้วเหรอ)
ประโยคแรกก็ทำผมจุกจนพูดไม่ออก เสียงของมันทุ้มกว่าวันก่อน อู้อี้เหมือนคนร้องไห้
(นึกว่ามึงจะปล่อยให้กูโทรจนกว่าเงินในมือถือจะหมดสักอีก)
“กูเพิ่งมีเวลาจับโทรศัพท์”
(สนุกกับพี่เขาเหรอ)
“อะ...”
(มีความสุขใช่ไหม)
ผมเม้มปาก หัวใจคล้ายถูกบีบอัดด้วยมือที่มองไม่เห็น
(กูแค่อยากรู้ว่ามึงเป็นไงบ้าง มึงไม่ตอบไลน์ ไม่โทรหา ชิชาก็เป็นห่วงมึงรู้ไหม)
“...”
(จะทำให้เป็นห่วงไปถึงไหน จะไปก็น่าจะบอกกูจะได้ขับรถไปส่ง)
“หมอก...”
(มึงไปคนเดียวกูกังวลมากรู้ไหม ไม่รู้ว่ามึงจะไปลงป้ายไหน มีใครบอกทางให้ไหม เสื้อผ้าก็ไม่เอาไป กินข้าวครบทุกมื้อหรือเปล่า...)
“…”
(แล้วมีคนดูแลมึงเหมือนที่กูทำไหม)
“…”
(กูคิดถึงมึง)
“กูขอโทษ”ผมพูดออกไปเมื่อความอึดอัดอัดแน่นอยู่ในร่าง ยกมือขึ้นปิดปาก พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ที่ผมไม่รับสายเพราะผมไม่อยากรู้ว่ามันเป็นห่วงผมแค่ไหนไง
อิทธิของความรู้สึกที่มีให้ มันรุนแรงกว่าชิชาเยอะ
“กูขอโทษที่ไม่โทรกลับ ขอโทษที่ไม่บอกอะไรมึงสักอย่าง”
(...)
“แต่มึงไม่ต้องห่วงนะ กูสบายดี”
กึก !
“พี่เขาดูแลกูดี ดีกว่าที่คิดเยอะเลย”ผมหวังเพียงให้มันสบายใจขึ้น ทั้งที่รู้ว่าตราบใดที่ผมอยู่ไกลมัน มันจะไม่มีวันสบายใจ “อีกไม่นานกูก็กลับแล้ว กูแค่อยากมาเติมไฟ เติมพลังให้ตัวเองก่อน”
(แล้วมึงไม่คิดถึงกูเหรอ)
“อะ...”
(เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหม)
วินาทีนั้นสิ่งที่กดทับไว้ไหลทะลัก น้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาจนต้องยกมือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น ไม่คิดว่าเขาจะถามผมแบบนี้ คำถามเดียวกับวันที่ผมลังเลใจในความสัมพันธ์ ผมอยากตอบเขาว่าผมคิดถึงเขามาก อยากเจอเขา อยากเล่าให้เขาฟัง
แต่ถ้าผมเล่าหรือพูดทุกๆอย่าง มันจะไม่ต่างจากการหยิบมีดไปแทงเขา
ผมไม่อยากให้หมอกเจ็บ เขาเหนื่อยเพราะผมมามาก
ผมอยากให้เขาพัก
อยากให้เขา...
หยุดวิ่งสักที
(กลับมาเถอะ มึงยังต้องเรียนอีกนะ)
“กูรู้ พรุ่งนี้กูจะกลับ”
(ให้กูไปรับที่ท่ารถนะ)
“กูกลับเองได้”
(แต่กูอยากเจอมึงเป็นคนแรกไง)
“…”
(นะชิน)
ผมเม้มปากแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวยามร้องไห้ คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้แล้วว่าผมเป็นยังไง ผมได้ยินเสียงถอนหายใจ เบาบางราวกระซิบ ไม่มีคำพูดอะไรออกมาอีก ผมขานรับสั้นๆ แล้วกดตัดสายทิ้งเพื่อจบปัญหา กลัวว่าถ้าเรายังคุยกันมากกว่านี้ จะเป็นผมเองที่ทนไม่ไหว
ผมกอดตัวเองย่อตัวลงแล้วฝังหน้าร้องไห้ ปล่อยโฮไม่อายใครไม่สนใจคนที่จับจ้องอยู่
ผมได้ยินเสียงพี่อิชถามว่าเป็นอะไร
ได้ยินเสียงเขาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ได้ยินเสียงเขาที่ขอร้องให้ผมเอ่ยตอบ
และได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวตอนโอบกอดผมเอาไว้ ผมส่ายหน้า ปฏิเสธทั้งความจริงและความคิด ถึงอย่างนั้นก็ยอมให้ไออุ่นนี่กัดกินร่าง
นี่คือผลลัพธ์ของคนที่เลือกเดินจากมา
ผลการเดิมพันถูกเฉลยแล้ว
อิชิพาผมขึ้นไปปลอบบนห้อง เฝ้าถามว่าผมเป็นอะไรทำไมถึงไปนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ผมตอบเขาอยู่ไม่กี่คำถามก่อนจะนิ่งเงียบเหมือนเป็นใบ้ พอเงียบเข้าหน่อยพี่เขาก็เลิกเซ้าซี้ และเลือกจะไปหยิบผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้
วันนี้เรามีนัดสำคัญ ผมไม่อยากให้มันล่มก่อนที่เราจะไป
พรุ่งนี้ผมก็ต้องเดินทางกลับแล้วใช่ไหม ผมอยากเก็บเกี่ยวทุกความทรงจำให้มากที่สุด
“ไหวไหมเนี่ย ให้พี่เลื่อนนัดไปก่อนไหม ?”
“ไม่เป็นไร ยังมีเวลาเหลืออยู่ไม่ใช่เหรอ”
“…”
“เดี๋ยวผมก็ดีขึ้น ขอเวลาผมอีกหน่อย”
“ชิน”
“ผมใกล้ดีขึ้นแล้ว”ผมโกหกเขา พยายามฝืนยิ้มแม้น้ำตานองหน้า ผมจะดึงเขาให้มาเกี่ยวข้องกับความรู้สึกผิดชอบในใจไม่ได้ พี่เขาไม่ได้ผิด คนผิดคือผมที่ดูแลตัวเองได้ไม่แกร่งพอ
ถ้าเกิดผมตัดสายไปตั้งแต่ทีแรก บางทีหมอกอาจจะเลิกวุ่นวายกับผม
พอผมกลับไปเราก็จะได้เป็นเพื่อนกันแบบเมื่อก่อน
ผมส่ายหน้ากัดปากตัวเองจนห้อเลือด อิชิเลยย่อตัวลงนั่งคุกเข่า ประคองใบหน้าผมให้มองเขา เราสองคนสบตากันส่งมอบความอ่อนโยนมาให้ ความห่วงใยที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น
ไม่มากก็น้อย
“ไม่เป็นไรนะคนเก่ง เดี๋ยวเรื่องแย่ๆ มันก็ผ่านไป”
“พี่อิช”
“เรื่องดีๆกำลังจะเกิดขึ้นรู้ไหม แค่ต้องข้ามผ่านเรื่องร้ายๆ ไปให้ได้ก่อน” เขายิ้มให้ผม บีบจมูกเหมือนมันเขี้ยว เนินนานกว่าผมจะพยักหน้าตอบ คงเพราะกำลังประมวลผลว่าถ้อยคำนั้นมันจะเป็นจริงหรือเปล่า ร่างสูงยีหัวผม กดจูบเบาๆที่หน้าผาก “ไม่ร้องแล้ว ต้องสู้สิ ชินของพี่เก่งจะตาย ต้องสู้ๆ”
เขากำมือยกขึ้นไปมาประกอบคำพูด ตอนแรกผมก็ยังหม่นอยู่ สักพักก็เริ่มยิ้ม หัวเราะเล็กน้อยตามประสา
พี่อิชเลยผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกออกมา
เขาลูบหัวผม จูบลงบนขมับอีกครั้ง ปลอบขวัญด้วยรสสัมผัสแล้วผละมากอดผมไว้
“สู้ๆนะ คนเก่งของพี่”
ผมดีขึ้นเยอะจากการนอนพัก มันเหมือนเยียวยาอะไรหลายอย่าง ดีหน่อยที่ผมไม่ได้หลับยาวจนลืมเวลา พี่อิชิจองร้านอาหารไว้ตอนหกโมงกว่า ผมเลยรีบตื่นมาล้างหน้าล้างตาแต่งตัวใหม่ เขาให้ผมใส่ชุดลำลองสบายๆ ไม่ต่างจากชุดเมื่อวานที่เอามาให้ ยกยิ้มพอใจเวลาเห็นเสื้อผ้าเขาบนตัวผม
“น่ารัก” ผมส่ายหน้าให้กับคำเยินย่อ ก่อนที่อีกฝ่ายจะก้มมาจูบลงบนเรียวปากน ลิ้มรสความหวานครั้งแล้วครั้งเล่าจนผมต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี
เอามือปิดปากไม่ให้เขาตามมาแกล้งผมอีก ไม่งั้นเราคงไม่ได้ไปกินข้าวเย็น
“พี่จูบผมเยอะไปแล้ว”
“ก็ชินหวานนี่น่า พี่ก็เลยติดใจ”
“แต่ปากผมช้ำหมดแล้ว พี่เห็นไหม”
“ยังไม่ช้ำเท่าไหร่เลย สงสัยต้องซ้ำอีกที” เขาทำท่าจะจูบลงมาอีก ผมเลยเบี่ยงหน้าหลบ หัวเราะเล็กน้อยตอนเห็นสายตางอนๆ ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมหยุด โถมตัวมาจูบผมอีก ผมก็หนีเท่าที่ทำได้ เลยกลายเป็นว่าเรากำลังวิ่งไล่กันในห้องแล้วเสียหลักลงไปทับกันบนเตียง “จับได้แล้ว”
ผมยิ้มขำ ตาหยีอย่างมีความสุข พี่เขาเลยทาบหน้าผากลงมา เอาจมูกมาถูเป็นการหยอกเย้า เกลี่ยแก้มผมเบาๆ ราวกับกลัวว่าผมจะบุบสลาย
ผมเห็นภาพตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาอ่อนโยนคู่นั้น
ดวงตาที่จับจ้องผมคนเดียวอย่างที่ต้องการ
“ชักไม่อยากไปแล้วสิ อยากนอนมองชินอย่างนี้ทั้งวัน”
“ไม่ได้นะครับ เสียมัดจำไปแล้ว ก็ต้องไป”
“ก็ชินทำให้พี่อยากมองชินนี่น่า”
“เปล่า...”
“รับผิดชอบเลย” ยู่ปากใส่อย่างง้องอน เป็นภาพที่น่ารักสำหรับผม ก็เลยแกล้งทำเป็นมองฟ้ามองลม พี่เขาเลยจูบลงมาเบาๆแล้วผละออก ให้ผมถลึงตาใส่ ตีเขาไปหนึ่งที แต่แทนที่จะหยุดเขากลับจูบอีก คราวนี้ยาวนาน แช่ค้างคล้ายทวงคืนกำไรของตัวเอง
“อื้อ” ผมครางในลำคอ กัดปากเขาเล็กน้อยเป็นการลงโทษที่ตักตวงไม่รู้จบ ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนตรงหน้า ทว่าก็ไม่ถอนจูบ กลับกันเขาบดเคล้า เริ่มลุกล้ำโดยการสอดลิ้นเข้ามากวาดต้อนความหวาน ผมโอบรอบคอเขา จูบตอบเท่าที่จะทำได้ ยอมให้เขาช่วงชิงลมหายใจ ไม่ต่างจากการกินแอปเปิ้ลอาบยาพิษ
พี่อิชไม่ได้เกินเลย เขาเพียงแค่จูบผมอย่างที่เขาต้องการ
สักพักก็ถอนจูบ มองหน้าแล้วยกยิ้มหวาน
“ติดใจซะแล้ว”
กว่าจะงัดเขาให้ลุกจากเตียงได้ ผมเกือบต้องโทรไปยกเลิกร้านที่จองไว้
พี่อิชขับรถพาผมมาตามสถานที่นัด เขาบอกว่าวันนี้มีเซอร์ไพรส์ใหญ่ ให้ผมเตรียมใจไว้ได้เลย
“อชิระครับ” เขาบอกชื่อกับพนักงานหน้าเคาท์เตอร์ ปล่อยผมให้กวาดตามองร้านอาหารหรูกว่าทุกที่ที่ผ่านมา มีคนไม่น้อยที่มาใช้บริการ อาจเพราะมันติดทะเลด้วยมั้ง การได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของเสียงทะเลที่กระทบชายหาด เป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่คนส่วนใหญ่ชอบกัน
ผมเองก็ชอบมันนะ มันดูสงบดี
“เชิญทางนี้ค่ะ”
“ไปกันชิน” ผมพยักหน้าตอนเขากระตุกมือให้เดินตาม ละสายตาจากทะเลในช่วงหัวค่ำ อีกไม่นานดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า
ถ้ามีกล้องสักตัวผมคงเก็บภาพตอนนี้ไว้
แล้วเอาไปให้ใครสักคนที่ชอบเก็บภาพของเรา
“เชิญเลยค่ะ”พนักงานสาวผายมือไปที่โต๊ะ เราสองคนเลยกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนเธอจะปลีกตัวออกไป โต๊ะที่พี่อิชจองไว้เป็นจุดที่ดีที่สุดในร้าน โซนส่วนตัวที่ติดกับชายหาด พื้นที่รุกทะเลเข้าไปไม่มาก แต่ก็พอที่จะทำให้รับรู้ถึงแรงสั่นยามผิวน้ำเคลื่อนไหว ผมอ้าปาก ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเลือกที่แบบนี้ให้
นี่มันโคตรโรแมนติก
“เชิญครับคุณผู้ชาย” พี่อิชเลื่อนเก้าอี้ให้ผม สวมบทพนักงานมารยาทดี “ไม่ทราบว่าวันนี้คุณอยากทานอะไร”
“ขอเป็นเมนูแนะนำแล้วกันครับ” ผมเล่นตามบท ทิ้งตัวลงนั่งอย่างขบขัน “ไม่ยักรู้ว่าพนักงานที่นี่หน้าตาดีขนาดนี้นะครับ”
“มันเป็นจุดดึงดูดลูกค้าเลยครับ” เขาขยิบตา ผมเลยถือวิสาสะบีบจมูกโด่งรั้นด้วยความมันเขี้ยว พี่อิชหัวเราะ ยอมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามหลังจากจัดแจงเก้าอี้ให้ผมเรียบร้อย “เอาเมนูแนะนำใช่ไหม พี่บอกเลยว่าร้านนี้เมนูแนะนำเยอะมาก”
“งั้นพี่สั่งเลยครับ ผมตามใจ”
“แน่ใจนะว่าจะตามใจ กินไม่ได้แล้วจะมาบ่น”
“ถ้าผมบ่นก็ตีปากผมได้เลย”
“หือ” เขาครางในลำคอ เท้าคางมองด้วยแววตากรุ่มกริ่ม “แล้วถ้าพี่ไม่อยากตี พี่ทำอย่างอื่นกับปากชินได้ไหม ?”
สายตาแพรวพราวทำให้ผมส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ หนำซ้ำยังจะยกเมนูตีเขาอีก พี่อิชย่นจมูกล้อเลียน ก่อนจะหันไปสั่งเมนูตามใจพี่เขา
ระหว่างรออาหาร ผมก็ชื่นชมกับบรรยากาศสวยงาม กลิ่นอายของทะเลทำให้ผมผ่อนคลายเหมือนกับ...
บุหรี่
ผมไม่ได้สูบเลยตั้งแต่มานี่
รู้สึกไม่อยากเท่าไหร่
“ชอบไหมร้านนี้”
“ชอบสิ”
“หึ”
“ชอบมากเลย”ผมมองเขานิดหน่อยก่อนจะเท้าแขนกับราวกัน เวลานี้ทะเลกำลังจะกลายเป็นสีดำ เพราะดวงตะวันโบกมือลาแล้ว “ตะวันตกดินสวยชะมัด เมื่อก่อนผมชอบมานั่งดูเวลาคิดมาก”
“…”
“มันทำให้คิดได้ว่าชีวิตคนเราก็ไม่ต่างจากพระอาทิตย์ มีเรื่องดีเดี๋ยวก็มีเรื่องร้าย สลับกันไปในแต่ละวัน” ว่าพลางนึกถึงวันที่ได้ดูพระอาทิตย์ตกดินในสวนสาธารณะ ใบหน้าของหมอกที่เหม่อลอยยามมองมัน เป็นภาพที่ผมปักหมุดไว้ในความทรงจำของตัวเอง
เพราะคงไม่ได้เห็นมันบ่อยๆ หรือไม่ก็คงไม่ได้เห็นอีกแล้ว
“อยู่ที่ว่าเราจะปรับตัวยังไง”
“เหมือนกับวันนี้ที่ชินร้องไห้”
“อะ...”
“พอชินทำใจได้ เรื่องร้ายก็ผ่านไปเหมือนพระอาทิตย์ที่ตกดิน” พี่อิชยกยิ้ม มองตะวันลับฟ้าด้วยแววตาอ่อนโยน “พี่เองก็ชอบนะมาดูพระอาทิตย์ตก มันทำให้พี่คิดถึงวันเวลาที่ผ่านมา สุขเศร้าเคล้าน้ำตาก็ชีวิต”
“อืม...”
“และชินก็ทำให้พี่ไม่เกลียดดวงอาทิตย์”
กึก !
“เพราะตอนที่พี่ไม่มีใคร พี่เกลียดแสงของวันใหม่ มันทำให้พี่เบื่อหน่ายคิดว่าจะใช้ชีวิตไปเพื่ออะไร พอมันตกดินพี่ก็รู้สึกว่าทำไมมันผ่านไปเร็วจัง ยังไม่ทันทำอะไรเวลาก็หมดลงแล้ว”
“…”
“แต่พอมีชิน มันก็ทำให้พี่รู้ว่าพี่ต้องตื่นมาเจอใคร”
“พี่อิช”
“ทำให้รู้ว่าต่อให้ตะวันลับฟ้าไป พี่ก็จะยังมีชินอยู่เหมือนเดิม”เขายิ้มเอื้อมมาจับมือผมไว้ ผมทาบมือลงไปหัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ “ชินกลายมาเป็นเหตุผลในการตื่นมาใช้ชีวิตของพี่ แล้วก็เป็นเหตุผลที่ทำให้พี่นอนหลับเพื่อฝันถึงเรา”
“…”
“ขอบคุณนะที่วันนั้นไม่บล็อกไลน์พี่ไปก่อนน่ะ พี่มีความสุขมากเลยนะตลอดเวลาที่ผ่านมา”ผมหัวเราะเบาๆ ยอมรับว่าตกหลุมรักกับคำพูดของเขา ดีใจที่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ส่งผ่านมา ทั้งแววตา ทั้งสีหน้า มันเต็มไปด้วยความจริงใจและอบอุ่น โดยเฉพาะประโยคต่อหลังที่ทำผมด่ำดิ่งสู่ห้วงลึก
เขาทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่าพอที่จะอยู่ในชีวิตใครสักคน
“หลังจากนี้ก็เป็นเหตุผลให้พี่ใช้ชีวิตต่อนะ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายยังไง”
“...”
“เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้พี่อยากมีชีวิตต่อนะ” ผมยิ้มกว้างมองเขาที่กดจูบลงบนมือผม นาทีนั้นผมเหมือนจะร้องไห้ น้ำตาไหลมาคลอใกล้ทะลักออกเต็มทน ถึงอย่างนั้นผมก็อดทน ฝืนมันแล้วพยักหน้า
“ผมจะทำเท่าที่ได้ เพื่อพี่ครับ”
“ขอบคุณ” เราบีบมือกันไปมาเป็นสื่อแทนใจ คิดว่าถ้าตรงนี้ไม่มีคน คงได้รับสัมผัสชวนฝันจากเขาก็ได้ ทว่ายังไม่ทันที่จะเปิดหัวข้อใหม่ โทรศัพท์พี่อิชก็ดังขึ้นมา
เจ้าตัวหลุบตา รอยยิ้มถูกทอนลงชั่วขณะ
“เดี๋ยวพี่มานะ”
“ครับ”ผมพยักหน้า ไม่ก้าวก่ายหรือใคร่รู้ บางทีอาจจะเป็นเจ้านายชอบดุของเขา เจ้าตัวยีหัวผม ลุกขึ้นเดินออกไปรับโทรศัพท์ ปล่อยผมให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเพียงลำพัง ขณะที่ใครบางคนส่งข้อความมาหาผม
หมอก : กูจะรอมึงนะ
ผมเม้มปากแน่น ไล่สายตามองแมสเสจนั้นผ่านๆ กำลังคิดว่าควรจะตอบหรือปล่อยให้เขาส่งมาอย่างนั้น หมอกไม่ได้เซ้าซี้ เขาแค่อยากบอกให้รู้ว่าเป็นห่วงผมแค่ไหน
เขากลัวว่าผมจะโดนหลอกจากคนทางไกล
แล้วความตลกคืออะไรรู้ไหม ?
มันคือเรื่องจริง
“ชิน”เสียงทุ้มต่ำที่เรียกจากด้านหลัง ทำให้ผมหันไปมองพี่อิชที่เดินมากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก เธอยิ้มให้ผม แต่งตัวสุภาพน่ารัก พอยืนข้างกันแล้วให้ความรู้สึกเหมือนมองคู่รักที่เหมาะกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก
แหวนสีเงินที่นิ้วนางส่องแสงยามต้องกับแสงไฟ แล้วผมเพิ่งเห็นว่าพี่อิชเองก็ใส่
ข้างเดียวกัน
นาทีนั้นหัวใจผมเต้นแรงไม่เป็นส่ำ เจ้าตัวจับมือข้างนั้นก่อนจะหันมาบอกกับผมว่า...
“นี่ฟาง คู่หมั้นพี่เอง”
ติดแท็ก #เศษส่วน52Hz
ทวิต ael_2543
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อีพี่อิช พี่ทำอย่างนี้กับน้องได้ยังไง ห๊ะะ น้องชินทิ้งอีพี่มันไป!! กลับไปหาคนที่แคร์เราดีกว่าเนอะ //อินหนักมาก
ไหนจูบปากน้อง ไหนขอใหน้องเป็น
เหตุผลในการใช้ชีวิต
แล้วแหวนที่นิ้วนางคู่หมั้นที่พาคืออะไร?!?!
จ้าาาาา ชินควรเลือกให้ถูกคนนะค่าา เราทีมหมอก