ตอนที่ 5 : เลี้ยงกระต่าย》วันที่ 4《
เลี้ยงกระต่าย》วันที่ 4《
วันนี้เป็นวันหยุด
ในหนึ่งสัปดาห์หลานเยี่ยนจะทำงานห้าถึงหกวันตามแต่ความมากน้อยของงานในช่วงนั้นๆ มีหลายวันที่ต้องออกไปร่วมงานสังสรรค์ตามประสาผู้มีอิทธิพลทว่าตั้งแต่มีผมอีกฝ่ายออกไปงานช่วงกลางคืนแทบนับครั้งได้
ความจริงผมสามารถอยู่คนเดียวได้ ยังไงผมก็ใช้เวลาส่วนมากไปกับการหลับอยู่แล้ว...ก็เป็นกระต่ายนี่นา
ถึงอย่างนั้นหลานเยี่ยนก็ยังใช้ผมเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธงานสังสรรค์พวกนั้น ที่ผมรู้ว่าเขาใช้ผมเป็นข้ออ้างก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ คืออีกฝ่ายไม่ชอบสถานที่ที่เสียงดัง วุ่นวายหรือต้องพบปะผู้คนหมู่มาก หากไม่มีความจำเป็นจริงๆ ก็แทบจะไม่ไป ดังนั้นถ้าเทียบกับผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ แล้วหลานเยี่ยนเข้าร่วมงานพวกนี้น้อยกว่ามากแต่ในกรณีที่ไปงานไหนก็มักจะได้รับความสนใจอย่างสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพตามสื่อโซเซียลหรือกระทั่งข่าวในหน้าจอโทรทัศน์
ยิ่งไม่ชอบให้คนสนใจก็ยิ่งมีแต่คนสนใจ
ไม่รู้ว่าควรสงสารหรือหัวเราะดี
วันนี้เป็นวันเสาร์
ก็อย่างที่เกริ่นไปว่าวันนี้เป็นวันหยุด นั่นหมายถึงหลานเยี่ยนไม่ต้องออกไปทำงาน ช่วงเช้าวันนี้ผมจึงไม่ต้องเข้ากระเป๋าเพื่อไปทำงานแต่ถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนขณะเดินลงไปชั้นล่างแทน
ขนาดตัวผมต่อให้โตเต็มที่ก็มีขนาดเล็กกว่ากระต่ายสายพันธุ์อื่นอยู่ดี น่าเสียดายที่ไม่ได้เล็กถึงขนาดจะเข้าไปมุดอยู่ในกระเป๋าเสื้อได้
การถูกอุ้มแบบนี้ใช่ว่าจะไม่ดี ผมค่อนข้างชอบทีเดียวหากเทียบกับการต้องอยู่ในกระเป๋าหรือกรง ไม่รู้ว่ากระต่ายตัวอื่นจะรู้สึกแบบเดียวกับผมไหมที่รู้สึกอุ่นใจเวลาได้สัมผัสถึงอุณหภูมิของมนุษย์
หลานเยี่ยนไม่ได้กอดแน่นถึงอย่างนั้นทั้งกลิ่นไอและไออุ่นกลับเด่นชัดมากในความรู้สึกผมจนอดไม่ได้ที่จะซุกหน้าลงยังท่อนแขนนั้นแล้วหลับตาลงซึมซับความเป็นหลานเยี่ยนผ่านประสาทสัมผัส
เพิ่งตื่นแท้ๆ เริ่มง่วงอีกแล้ว
“เป็นอะไร” หลานเยี่ยนถามเมื่อเห็นว่าผมซุกตัวอยู่นิ่งๆ โดยไม่ขยับเขยื้อน
“เริ่มง่วงน่ะ” ผมพึมพำตอบเสียงแผ่ว ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเดินลงบันไดจึงสามารถพูดคุยได้อยู่
“เพิ่งตื่นยังไม่ถึงชั่วโมงเลย”
“อืม” ก็จริงอย่างที่ว่า
“ไม่สบายรึเปล่า”
“เปล่า สบายดี สงสัยเพราะอากาศเย็นๆ พอได้ซุกอยู่กับแขนอุ่นๆ เลยทำให้รู้สึกง่วงขึ้นมา” ผมลองหาสาเหตุดู วันนี้อากาศเย็นกว่าทุกวันจริงๆ ไม่ใช่เพราะเป็นหน้าหนาวแต่เป็นฤดูฝน
เย็นๆ ชื้นๆ แบบนี้เหมาะแก่การหาที่อุ่นๆ ซุกแล้วหลับสักตื่น
นับวันผมยิ่งทำตัวเหมือนกระต่ายมากขึ้นทุกที
“ฉันอุ่น?” หลานเยี่ยนถามต่อ
“อุ่น”
“ชอบเหรอ”
“อืม...ชอบเวลาอยู่แบบนี้ รู้สึกดีมากเลย” ระหว่างตอบผมพยายามมุดใบหน้าลงไปมากกว่าเดิมจนเสียงที่เปล่งออกมาเริ่มอู้อี้
“อย่ามุด เดี๋ยวได้ตกลงไปหรอก” หลายเยี่ยนเอ่ยเตือนพลางใช้แขนอีกข้างรองไว้กันผมตก
“คุณจะปล่อยให้ผมตกได้ลงคอเหรอ”
“จะจับกลิ้งตั้งแต่ชั้นสามลงไปถึงชั้นล่างเลย” อีกฝ่ายตอบเสียงเหี้ยม
“หลานเยี่ยนที่ผมรู้จักไม่ใจร้ายขนาดนั้น” ทุกวันนี้เขาดูแลผมดีจะตาย แทบจะเปย์ให้ทุกอย่างทั้งที่ผมอยากได้และไม่อยากได้ อาการหนักขนาดนี้ไม่กล้าปล่อยผมตกบันไดหรอก
“ฉันใจร้ายกว่าที่นายคิด ถ้านายรู้จักก็น่าจะรู้ว่ามีแต่คนบอกว่าฉันใจร้ายทั้งนั้น” พูดไปหลานเยี่ยนก็ค่อยๆ ก้าวลงบันไดอย่างไม่รีบร้อนราวกับอย่างถ่วงเวลาเพื่อคุยกับผมให้นานขึ้นอีกหน่อย
“นั่นเป็นสิ่งที่คนอื่นมองและเป็นสิ่งที่คุณแสดงออกเพื่อสร้างภาพลักษณ์นั้นขึ้นมา จะให้คุณที่เป็นถึงผู้นำตระกูลไห่แจกยิ้มหวานพูดด้วยน้ำเสียงแสนไพรเราะกับสายตาหยาดเยิ้มเหรอ...อุ๊บ...คิก!” พอลองจินตนาการถึงหลานเยี่ยนที่ส่งยิ้มหวานและพูดด้วยเสียงไพรเราะก็เกิดหลุดขำออกมา
ตลกเกินไปแล้ว
ไม่เหมาะกับหลานเยี่ยนสักนิด!
“จินตนาการบ้าๆ” หลานเยี่ยนดึงดูผมเบาๆ เป็นเชิงบอกให้เลิกคิดภาพพวกนั้นซะ
“คุณที่เป็นแบบนี้ดีแล้ว ด้วยฐานะและอาชีพของคุณไม่สามารถแสดงออกถึงตัวตนจริงๆ ของคุณได้ทั้งหมด สภาพแวดล้อมที่อยู่จะหล่อหลอมให้เกิดบุคลิกอันเหมาะสม ถึงอย่างนั้นสิ่งที่อยู่ภายในตัวคุณก็ไม่ได้หายไป”
“หมายถึงอะไร”
“จริงๆ แล้วคุณเป็นคนใจดีและอ่อนโยนมากนะหลานเยี่ยน” ผมไม่ได้พูดประจบแต่อย่างใด เพียงแต่คนที่ได้รับความอ่อนโยนคงมีเพียงหยิบมือ คนใจร้ายจริงๆ น่ะไม่มาดูแลกระต่ายตัวหนึ่งดีขนาดนี้หรอก
จะปล่อยทิ้งขว้างหรือให้คนอื่นดูแลให้ก็ทำได้ง่ายๆ แต่เขากลับเลือกที่จะดูแล เลือกที่จะเล่น เลือกที่จะเข้าหาและเลือกจะผูกพันธ์กับกระต่ายอย่างผม
ผมคิดว่าอีกฝ่ายคงต้องการหาสถานที่ที่สามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ สามารถแกล้ง สามารถยิ้ม สามารถทะเลาะได้ซึ่งสถานที่นั้นเหมือนจะมีผมอยู่ด้วย
อยู่ๆ ภายในอกก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมา
“พูดมาก หลับไปเลย”
“เขินละสิ” ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เบนหลบไปทางอื่น
“ใครจะเขินกัน”
“แต่เหมือนหน้าจะแดง...”
“จื่อจื่อ” หลานเยี่ยนกดเสียงต่ำใส่ผมพร้อมกับท่อนแขนที่รัดแน่นขึ้นจนกระดูกแทบร้าว
“รู้แล้ว...เงียบก็ได้”
พ่อคนขี้อายเอ้ย!
ผมยอมอยู่เฉยๆ ไม่เอ่ยอะไรที่ให้อีกฝ่ายรู้สึกขัดเขินไปมากกว่านี้ พวกเราลงมาถึงชั้นล่างโดยมีจุดหมายอยู่ที่ห้องอาหารเหมือนอย่างทุกวันแม้จะเป็นวันหยุดก็ไม่ทำให้ผมหรือหลานเยี่ยนเปลี่ยนเวลาในการตื่นหรือกินมื้อเช้า
หลานเยี่ยนปล่อยผมลงยังพื้นห้องก่อนจะมีเด็กรับใช้คนหนึ่งคุกเข่าลงและเรียกผมไปหาเพื่อเช็ดตัวทำความสะอาดซึ่งคนที่ทำหน้าที่นี้จะผลัดเปลี่ยนไปในแต่ละวัน หลังเสร็จจากการทำความสะอาดผมก็ถูกปล่อยลงตรงหน้าถาดอาหารอันเต็มไปด้วยหญ้าและผักหลายชนิด
มื้อเช้าของหลานเยี่ยนยังคงมีกาแฟเหมือนอย่างทุกวัน ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคืออาหารง่ายๆ อย่างพวกขนมปังชนิดต่างๆ หรือพวกข้าวต้ม ไข่คนเป็นต้น ผมบ่นเรื่องมื้อเช้าของเขาอยู่นานหลายอาทิตย์กว่าอีกฝ่ายจะยอมจัดมื้อเช้าเพิ่ม
พวกเรากินมื้อเช้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปท่ามกลางบรรยากาศเงียบๆ เนื่องจากมีทั้งพ่อบ้าน แม่บ้านและเด็กรับใช้คอยดูแลจึงไม่สามารถพูดคุยโต้ตอบได้เหมือนตอนอยู่ในห้อง ความจริงเป็นแบบนี้ก็ดี...ขืนพูดคุยกันได้ปกติก็ไม่รู้อีกฝ่ายจะหาเรื่องอะไรมาแกล้งผมอีก ถึงต่อให้พูดคุยกันไม่ได้ผมก็มีสิทธิ์โดนแกล้งอยู่ดีก็ตาม
เมื่อจบมื้อเช้าหลานเยี่ยนลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาช้อนตัวผมขึ้นไปไว้บนท่อนแขนเหมือนตอนขามา แม่บ้านคนสนิทเข้ามาพูดคุยเรื่องมื้อกลางวันอีกเล็กน้อยก่อนหลานเยี่ยนจะเดินออกไป
“งี๊ด” ผมส่งเสียงครางเล็กๆ เรียกหลานเยี่ยนเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะเดินไปทางบันได
“จื่อจื่อ?” ขาที่กำลังก้าวหยุดชะงัก
“งี๊ด” ผมเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีเทานั้นเพื่อร้องขอบางสิ่ง บริเวณนี้มีเด็กรับใช้หลายคนกำลังกวาดพื้นและเช็ดพวกตู้อยู่จึงไม่สามารถพูดตอบโต้เหมือนปกติได้
หลานเยี่ยนเองก็คงรู้ถึงได้เดินเลี่ยงไปบริเวณที่ไม่มีคนแล้วค่อยถามถึงสิ่งที่ผมต้องการ...
“มีอะไร”
“จะขึ้นห้องเลยเหรอ”
“คงงั้น”
“อีกแป๊บได้ไหม” ผมลองถามดู
“ทำไม” คิ้วสองข้างของหลานเยี่ยนเริ่มขมวดเข้าหากันคล้ายกำลังทำความเข้าใจถึงความคิดผม
“ผมอยากไปวิ่งเล่นในสวน” ผมบอกความต้องการของตัวเองออกไป
วันหยุดทั้งทีผมอยากจะออกไปวิ่งเล่นสูดอากาศบ้างไม่ใช่อยู่แต่ในห้องโดนหลานเยี่ยนแกล้งจนหมดวัน
“ไหนบอกว่าง่วง?”
“ตอนนั้นง่วง ตอนนี้ไม่ง่วงแล้ว” ก่อนหน้านี้รู้สึกง่วงจริงๆ นั่นแหละแต่หลังกินมื้อเช้าเสร็จก็หายง่วงแล้ว อยากเดินเล่นมากกว่า
“เอาใจยากซะจริง” อีกฝ่ายบ่นเสียงเบา
“คุณกำลังเอาใจผมเหรอหลานเยี่ยน” ถ้าผมอยู่ในร่างมนุษย์อีกฝ่ายคงได้เห็นรอยยิ้มกว้างของผมแล้ว
ชีวิตผมตั้งแต่สูญเสียครอบครัวคนสนิทไปก็ไม่เคยถูกใครเอาใจอีกเลย จะมีก็แต่พวกเพื่อนๆ ที่จะตามใจเลี้ยงข้าวหรือพาไปดูหนังในช่วงวันเกิดบ้าง หากเป็นวันปกติล่ะก็มีแต่จะแย่งกันไปคนละร้านดูหนังคนละเรื่องจนต้องตัดสินด้วยการเป่ายิ้งฉุบ เด็กกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
“...” คนถูกถามเงียบลง
“นี่หลานเยี่ยน” ผมเรียกอีกครั้ง
“เงียบ” หลานเยี่ยนเริ่มออกเดินอีกครั้ง
“จะไปไหน”
“นายบอกจะไปไหนล่ะ” อีกฝ่ายย้อนถาม
“...ขอบคุณนะ” ผมอึ้งไปสักพักไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพาไปง่ายๆ แบบนี้
หลานเยี่ยนไม่ได้พูดอะไรอีกพาผมเดินออกไปยังสนามหญ้าด้านข้าง ขนาดของมันถ้าเทียบกับตัวคฤหาสน์นับว่ามีพื้นที่น้อยกว่าแต่ก็ยังถือว่ากว้างมากอยู่ดี หลานเยี่ยนปล่อยตัวผมให้ลงเดินบนพื้นหญ้าหลังก้าวเข้ามาในสนามสองสามก้าว
สัมผัสของหญ้าที่ปัดป่ายอยู่ใต้ท้องให้ความรู้สึกดีแปลกๆ
ผมเริ่มด้วยการออกเดินสลับกับดมไปทั่ว พออยู่ในร่างกระต่ายกลิ่นของหญ้าแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันออกไป ผมสูดกลิ่นไอของธรรมชาติเข้าปอดระหว่างก้าวออกไปไกลขึ้น
“อย่าไปไกล” เสียงของหลานเยี่ยนไล่ตามหลังมา พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าเขาก้าวตามผมมา
“ผมไม่หลงหรอก”
“หลงก็ไม่ตาม”
“จริงเหรอ” ผมถามเสียงยาน
ไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินสักนิด
“เหมือนฝนจะตกเพราะงั้นอย่าไปไกล” หลานเยี่ยนเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเค้าเมฆสีเทาลอยอยู่ประปราย
“คุณไปรอในบ้านก็ได้ เดี๋ยววิ่งอีกสักพักแล้วผมตามเข้าไป” ดูจากสีของท้องฟ้าน่าจะมีเวลาสักพักก่อนฝนจะตก
ได้ออกมาทั้งทีก็ขอออกกำลังหน่อยเถอะ ทุกวันนี้กินอยู่สบายขนาดเดินยังแทบไม่ได้เดินเองเนื่องจากมีหลานเยี่ยนคอยอุ้มตลอด ปล่อยไว้แบบนี้คงน้ำหนักเกินกันพอดี สายพันธุ์ของผมมีน้ำหนักตอนเต็มวัยอยู่ประมาณหนึ่งจุดแปดกิโลกรัมนับว่าเบามากถ้าเทียบกับสายพันธุ์อื่น
หลานเยี่ยนถึงได้ช้อนอุ้มผมตัวลอยได้ง่ายๆ
“นายจะวิ่ง?” หลานเยี่ยนหรี่ตามองคล้ายจะไม่เชื่อ
“อืม ทำไม” ผมวิ่งไม่ได้รึไง
“วิ่งหรือกลิ้งเอาดีๆ”
“หลานเยี่ยน คุณอย่ามาดูถูกความเร็วของกระต่ายลมกรดเชียว” ผมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าจริงจัง
พูดแบบนี้หยามเกียรติกระต่ายชัดๆ
“ขนาดเต่ายังแพ้เลย” หลานเยี่ยนพูดต่อ
“นั่นมันในนิทาน” ชีวิตจริงใครๆ ก็รู้ว่ากระต่ายเร็วกว่าเต่าทั้งนั้น
“จะบอกว่าตัวเองวิ่งเร็ว?”
“คิดว่าเร็ว” ผมไม่เคยวิ่งเต็มสปีดแต่คิดว่าไม่น่าช้า
“ฮืม...”
“คุณจับตามองผมให้ดีๆ ผมจะวิ่งให้ดู”
“ระวังหน้าทิ่ม”
“ห่วงผมจังนะ” ผมหันมองหน้าหลานเยี่ยนที่เดินมาขนาบข้าง
“จะวิ่งก็วิ่งไป”
“ครับพ่อ!”
“กวนเก่ง” หลานเยี่ยนคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินคำว่าพ่อจากปากผม
แน่นอนว่าผมไม่อยู่ให้โดนบ่นเริ่มออกวิ่งเริ่มจากเหยาะๆ แล้วค่อยเพิ่มความเร็วขึ้นทีละนิด กระแสลมตีเข้าใบหน้าอย่างจังเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น ความรู้สึกดีแล่นไปทั่วร่าง ราวกับกำลังได้ปลดปล่อยสัญญาณและประสาทสัมผัสทั้งหมด
ผมวิ่งไปเรื่อยๆ โดยไม่ลดความเร็วกระทั่งได้ยินเสียงของหลานเยี่ยนที่บอกประมาณว่าผมไปไกลเกินไปแล้วจึงหมุนตัววิ่งกลับไปหาเจ้าของเสียงเรียก
วิ่งไปมาอยู่หลายรอบผมจึงเปลี่ยนไปวิ่งรอบตัวของหลานเยี่ยนเป็นวงกลมแทน ฝ่ายหลานเยี่ยนที่เห็นไม่ได้ก้าวเดินไปไหน หยุดยืนอยู่กับที่พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอัดคลิปผมที่วิ่งไปรอบตัว
เท่าที่รู้จักหลานเยี่ยนไม่ใช่คนที่ติดโซเซียล เฟสบุ๊ก ไอจีหรือแม้แต่ทวิตเตอร์เรียกว่าล้างจนคนติดตามลืมไปแล้วว่าเคยฟอลไว้ มีพักนี้ที่เขาเริ่มหยิบจับโทรศัพท์มาถ่ายภาพหรืออัดคลิปซึ่งสิ่งที่อยู่ในภาพก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นตัวผมเองนี่แหละ
“ผมน่ารักล่ะสิ” ผมหยุดวิ่งก่อนจะยกเท้าหน้าขึ้นทำท่ากวักๆ ระหว่างที่กล้องยังคงถ่ายมา
“หึ...เจอจะต่ายหลงตัวเองด้วย” หลานเยี่ยนเก็บโทรศัพท์ลงหลังถ่ายจนพอใจ
“คุณก็หลงกระต่ายตัวนี้เถอะ”
“คิดเอาเอง”
“คิดถูกล่ะสิ”
“ฝนเริ่มลงแล้ว รีบเข้าบ้าน” หลานเยี่ยนเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมีสายฝนโปรยปรายลงมา
“อืม” ผมพยักหน้าตอบเพราะไม่อยากเปียกเช่นกัน
เพียงพริบตาหลังจากนั้นฝนที่โปรยปรายก็เปลี่ยนเป็นกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงทำเอาหลานเยี่ยนรีบอุ้มผมขึ้นก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในตัวบ้าน ถึงจะเข้ามาในบ้านได้สำเร็จแต่สภาพของหนึ่งคนหนึ่งกระต่ายเรียกว่าเปียกโชกไปทั้งตัว ขนสีเทาเปียกลู่หมดความน่ารักอยู่ในอ้อมแขนของหลานเยี่ยน
“ตายแล้ว คุณชาย เปียกหมดเลย ผ้าเช็ดตัวๆ” หัวหน้าแม่บ้านส่งเสียงร้องออกมาเมื่อเห็นสภาพของเจ้าของบ้าน
“ไม่เป็นไร จะขึ้นไปอาบบนห้องเลย” หลานเยี่ยนตอบอีกฝ่ายที่เตรียมเรียกเด็กรับใช้ให้ไปหยิบผ้าเช็ดตัว
“ได้ค่ะ กระต่ายน้อยเปียกหมดเลย แบบนี้อาบน้ำก่อนค่อยเช็ดตัวดีกว่านะคะ” หัวหน้าแม่บ้านเสนอหลังมองสภาพของผม ปกติผมไม่ได้อาบน้ำเพราะไม่สกปรก แค่ใช้กระดาษเช็ดเปียกทำความสะอาดเช้าเย็นก็สะอาดมากพอแล้ว
“มีแชมพูกระต่ายรึเปล่า” หลานเยี่ยนถามต่อ
“มีเตรียมไว้ค่ะ” อีกฝ่ายให้แม่บ้านอายุน้อยอีกคนไปหยิบกล่องที่มีแชมพูหลายขวดใส่เอาไว้
ซื้อแชมพูเตรียมไว้ด้วยสินะ
“ขอบคุณ” หลานเยี่ยนรับมาก่อนจะพาผมเดินขึ้นชั้นบนทั้งๆ แบบนั้น
“คุณจะอาบให้ผมเหรอ” ผมส่งเสียงถามเมื่อเห็นว่าบริเวณนี้ไม่มีใคร
“ใช่”
“คุณเองก็เปียกอยู่ควรรีบอาบน้ำ ให้คนอื่นอาบให้ผมก็ได้นะ” ผมไม่ดิ้นหรือดื้อหรอก
“ฉันอยากอาบ”
“เดี๋ยวไม่สบายเหมือนวันก่อนหรอก”
“ตัวแค่นี้ไม่กี่นาทีก็อาบเสร็จแล้ว” หลานเยี่ยนให้เหตุผล
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมห่วงว่าคุณจะป่วยนี่” เพราะเป็นห่วงจึงอยากให้อีกฝ่ายรีบอาบน้ำแต่งตัว
“ระหว่างหมักตัวนายฉันจะอาบน้ำแล้วค่อยล้างแชมพูให้อีกที” อีกฝ่ายบอกสิ่งที่คิดจะทำคร่าวๆ
“...ผมไม่อยากเห็นคุณโป๊หรอกนะ”
“มีแต่คนอยากเห็น”
“ผมคนหนึ่งที่ไม่อยาก” เอ๊ะ หรือจะอยากดี ยังไงตอนนี้ผมก็เป็นกระต่าย อีกอย่างร่ายกายของไห่หลานเยี่ยนเชียวนะ เชื่อเถอะว่าต้องมีคนยอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อจะเห็นร่างกายนั้น
“แต่นายทำหน้าเหมือนลังเลนะ” หลานเยี่ยนเปิดประตูพาผมเข้ามาวางในอ่างน้ำก่อนจะเปิดน้ำในอุณหภูมิไม่สูงมาก
“แล้วแต่คุณเถอะ” จะเห็นหรือไม่เห็นก็ได้
“เอาแชมพูแบบไหน ขนนุ่มลื่น กำจัดกลิ่นสาปหรือจะฟื้นฟูขนแห้งเสีย มีสำหรับโรคเรื้อนด้วย” หลานเยี่ยนหยิบแชมพูขึ้นมาอ่านทีละขวด
“ขนนุ่มลื่น” ผมเลือกทันที ตัดอันที่เป็นโรคเรื้อนได้เลยผมออกจะสุขภาพดี
“ได้ น้ำร้อนไปรึเปล่า” ดวงตาสีเทาหันมามองผมที่ตอนนี้อยู่ใจกลางอ่างน้ำสีขาว ระดับน้ำค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นทีละนิด
“ไม่ร้อน กำลังดี”
“งั้นอาบเลย” หลานเยี่ยนที่นั่งอยู่บริเวณขอบอ่างลุกขึ้นถอดเสื้อเปียกๆ โยนไว้มุมห้องน้ำก่อนจะคุกเข่าอยู่ด้านนอกใช้เพียงสองมือยื่นเข้ามากวักน้ำรดตัวผมก่อนจะผสมน้ำกับแชมพูแล้วขยี้ไปทั่วทั้งตัวจนเกิดกลุ่มฟองปกคลุมทั่วทั้งตัว
“ยิ้มอะไร” ผมเห็นนะว่ามุมปากของหลานเยี่ยนยกขึ้น
“ตลก”
“ผม?”
“ใช่ ขนสีเทากลายเป็นขนสีขาวไปแล้ว ตลกดี” รอยยิ้มของอีกฝ่ายกว้างขึ้นทีละนิด เป็นรอยยิ้มจริงๆ ไม่ใช่รอยยิ้มเสแสร้ง
“ผมเหมาะกับสีขาวไหม” ในเมื่อเรื่องนี้ทำให้หลานเยี่ยนยิ้มได้ผมก็พร้อมที่จะคุยต่อ
“สีเทาเหมาะกว่า”
“งั้นรีบล้างเลย”
“ฉลากเขียนไว้ว่าต้องทิ้งไว้อย่างน้อยห้านาที รอไปก่อน” ระหว่างขยี้ขนผมหลานเยี่ยนปล่อยน้ำออกทำให้ในอ่างเหลือเพียงตัวผม
“คุณรีบไปอาบน้ำเถอะ” ผมกลัวเขาจะป่วยจริงๆ นะ
“รู้แล้ว” หลานเยี่ยนลุกขึ้นเดินตรงไปยังฝักบัวที่อยู่ด้านข้าง ด้วยขนาดตัวที่เล็กและด้วยมุมที่ผมอยู่ทำให้มองเห็นเพียงบริเวณหน้าท้องเปลือยเปล่าของหลานเยี่ยนขึ้นไปเท่านั้น
แบบนี้ก็ไม่ถือว่าโป๊ หน้าท้องและแผ่นอกนั่นเห็นอยู่ทุกวัน ผมเองก็มีกล้ามเนื้อแบบนั้นมาก่อนคิดถึงจังเลยนะ
หลานเยี่ยนใช้เวลาในการอาบน้ำไม่นานก่อนจะหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่ไว้ ผมถูกจับทำความสะอาดจนแชมพูออกหมดถึงค่อยเริ่มใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัว อีกฝ่ายอุ้มผมออกมานั่งบนเตียงขณะเช็ดตัวให้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
“ไปแต่งตัวก่อนก็ได้นะ” ผมบอกพลางหลับตาพริ้มเมื่อรู้สึกดีกับสัมผัสที่ได้รับ
“เช็ดนายให้แห้งก่อน”
“เริ่มแห้งแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเช็ดผมตัวเองด้วย” ดวงตากลมโตของผมลืมขึ้นจับจ้องไปยังหลานเยี่ยนที่ผมเปียกจนแนบไปกับแผ่นหลัง เส้นผมสีทองหม่นของอีกฝ่ายยาวมาก คงต้องใช้เวลากว่าจะเช็ดให้แห้งสนิท
“นอกจากพ่อ ฉันยังไม่เคยถูกใครสั่งมาก่อน”
“ผมไม่ได้สั่งแค่เป็นห่วง ผมเช็ดตัวเองต่อได้เพราะงั้นไปจัดการตัวเองเถอะหลานเยี่ยน”
“เช็ดตัวเองได้?” อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
“อืม แบบนี้ไง” ผมให้หลานเยี่ยนปล่อยมือแล้วนอนราบลงกับผ้าขนหนูก่อนจะกลิ้งไปมา
“สนุกไหม”
“สนุกดี มาลองทำไหม” สายตาท้าทายของผมที่ส่งไปเรียกเสียงหัวเราะจากหลานเยี่ยนได้
จากนั้นอีกฝ่ายก็เดินไปแต่งตัวและกลับมานั่งลงบนเตียงโดยที่บนหัวมีผ้าขนหนูกำลังเช็ดผมเปียกๆ ของตัวเองอยู่ ผมเองก็กลิ้งไปกลิ้งมาสลับกับสะบัดขนจนแห้งสนิท
“ฝนตกขนาดนี้ไม่ต้องเปิดแอร์ละกัน” หลานเยี่ยนมองออกไปนอกหน้าต่างระหว่างพูด
“อืม ถ้าเปิดจะเย็นไป อากาศเหมาะกับการนอนสุดๆ” ผมทิ้งผ้าขนหนูชื้นๆ ให้อีกฝ่ายจัดการส่วนตัวเองก็กลับขึ้นไปอยู่บนที่นอนตัวเองซึ่งอยู่ข้างหมอนของหลานเยี่ยน
“ง่วงแล้ว?”
“ใช่...ง่วงมากด้วย มานอนกลางวันด้วยกันเถอะ”
“ชวนเป็นเด็กอนุบาลเลย” หลานเยี่ยนอมยิ้มกับคำชวนผมแต่ก็ยอมขยับตัวมานั่งพิงหัวเตียง
“นั่นสิ” นับวันนิสัยผมยิ่งเด็กลง เพราะถูกเอาใจมากเกินไปแน่ๆ
หลานเยี่ยนกำลังทำให้ผมติดเขาซึ่งผมก็ยินดีที่จะติด
พวกเราพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยไม่กี่ประโยคก็เป็นผมที่หลับไปก่อน ส่วนหลานเยี่ยนคงรอจนผมแห้งแล้วจึงนอนตามมาอีกที ที่ผมรู้เพราะตอนลืมตาขึ้นมาหลังจากหลับไปร่วมชั่วโมงภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าด้านข้างของหลานเยี่ยน
วันต่อมาก็ยังคงเป็นวันหยุดหรือก็คือวันอาทิตย์ ปกติวันนี้บริษัทขนส่งน่าจะหยุดให้บริการแต่กลับมีของหลายกล่องมาส่งในช่วงสายตามการรายงานจากเจียงฮุยที่มาบอกถึงหน้าห้อง
พวกเจียงฮุยนั้นมีห้องพักอยู่ที่ชั้นหนึ่งส่วนบอดี้การ์ดคนอื่นๆ มีห้องพักให้อยู่ด้านหลัง มีอาหารสามมื้อบริการให้อย่างดีบางวันเจียงฮุยกับไป๋หยางจะมาร่วมโต๊ะกับหลานเยี่ยนด้วย บางวันที่ไม่มาแปลว่ามีเรื่องให้ต้องจัดการหรือตระเตรียม
หลานเยี่ยนที่รู้ว่ามีของมาส่งไม่ได้ให้เจียงฮุยเอาของขึ้นมาแต่ลงไปด้วยตัวเองโดยมีผมที่ถูกอุ้มไปด้วยอย่างงงๆ
ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องลงมาด้วย
กล่องพัสดุประมาณแปดกล่องวางอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ยหน้าชุดโซฟาสุดหรู ผมค่อนข้างแปลกใจที่หลานเยี่ยนสั่งของมากมายขนาดนี้ เท่าที่ผมรู้เขาไม่ใช่ขาช้อป ที่ช่วงนี้ช้อปเยอะก็จะเป็นพวกของเกี่ยวกับกระต่ายทั้งนั้น
หรือว่า...
“หลานเยี่ยน” ผมเรียกอีกฝ่ายหลังหันซ้ายขวามองแล้วว่าไม่มีใครอยู่ในห้องรับแขกนี้
“ฮืม?”
“อย่าบอกนะว่าซื้อที่นอนผมอีกแล้วน่ะ” ผมถามเสียงเข้ม อันล่าสุดที่มาส่งยังไม่ได้เปลี่ยนใช้เลย
“เปล่า”
“พวกกรงหรือกระเป๋าก็คงไม่ใช่สินะ” ผมถามต่อ
“ไม่ใช่” หลานเยี่ยนส่ายหน้า
“หรือจะเป็นพวกขนมกับอาหาร...ของเก่ายังมีอยู่ตั้งเยอะ”
“ไม่ใช่ทั้งขนมและอาหาร” คำตอบของหลานเยี่ยนทำให้ผมเงียบลงเพราะนึกไม่ออกแล้วว่าจะเป็นอะไรได้อีก
“เป็นใช้ของคุณสินะ โทษทีที่ขึ้นเสียง” ผมรีบปรับโทนเสียงให้เป็นปกติ ถ้าเป็นของให้ผมนั้นน่าบ่นอยู่แต่ถ้าเป็นของส่วนตัวหลานเยี่ยนผมไม่จำเป็นต้องบ่นและไม่มีสิทธิ์ที่จะบ่นด้วย
“เปล่า...เป็นของนายทั้งหมดแหละ”
“...อะไรของผม?”
“พูดยาก”
“ยากอะไร” แค่บอกมันยากตรงไหนกัน
“เห็นเองดีกว่าจื่อจื่อ” หลานเยี่ยนอุ้มผมวางบนโต๊ะสีทองที่มีกล่องพัสดุวางซ้อนกันอยู่ เจ้าของบ้านอย่างหลานเยี่ยนเดินไปหยิบคัตเตอร์และกลับมานั่งเตรียมแกะทีละกล่อง
เมื่อกล่องแรกถูกกรีดออกของภายในก็ถูกยกออกมาวางเป็นกล่องพลาสติกสีใสที่ภายในเต็มไปด้วยริบบิ้นรูปแบบต่างๆ ซ้อนทับกันอยู่ในกล่องพัสดุถึงสามกล่อง บางอันเป็นขอบลูกไม้ บางอันเป็นขลิบทอง เรียกว่ามีให้เลือกกว่าหกสิบแบบ
“หลานเยี่ยน?” ผมตวัดสายตาไปมองอีกฝ่ายที่แกะเปิดฝาทั้งสามกล่องออกด้วยใบหน้าพึงพอใจ
“สีไหนก่อนดี สีฟ้านี่ก็เหมาะอยู่” หลานเยี่ยนไม่รอให้ผมตอบหยิบริบบิ้นสีฟ้าที่บริเวณขอบเป็นลูกไม้สีขาวออกมาสองเส้น แต่ละเส้นผูกเป็นโบว์ไว้กับหูผม อีกฝ่ายพยักหน้าให้กับผลงานตัวเองก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย
“นี่...อย่าบอกนะว่าอีกเจ็ดกล่องนั่นเป็นริบบิ้นทั้งหมดน่ะ” ผมหวังแค่ว่าจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิด
“ไม่ใช่ริบบิ้น”
“แล้วเป็นอะไร...หรือว่าเสื้อผ้า?” เท่าที่คิดได้ก็เหลือแค่พวกเสื้อผ้าแล้ว
“ใช่ เสื้อผ้า”
“เสื้อผ้าผมทั้งหมดนั่น?”
“อืม”
“เยอะไปแล้ว” กล่องหนึ่งใช่ว่าจะเล็กๆ
“นายชอบโชว์ร่างเปลือยเปล่าโป๊ๆ แบบนี้เหรอ” สายตาที่เหมือนจะลวมลามไปทั่วตัวนั่นทำเอาผมรู้สึกเหมือนโดนมองทะลุกลุ่มขนสีเทายังไงยังงั้น
หัวใจดวงเล็กๆ เต้นรัวขึ้นเพราะสายตาหยาบโยนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“มันโป๊ที่ไหนกัน!” ผมสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
ถ้ากระต่ายไม่ใส่เสื้อผ้าเรียกว่าโป๊พวกสัตว์ชนิดอื่นๆ ก็คงไม่ต่างกัน
หลานเยี่ยนไม่สนใจจะโต้ตอบกับผมง่วนอยู่กับการแกะพัสดุทีละกล่อง กล่องที่สองเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกว่ายี่สิบตัวมีทั้งโทนสีปกติและมีลวดลาย กล่องที่สามเป็นถุงเท้าสีพื้นหลายสิบคู่กับเครื่องประดับอย่างแว่นตาอีกนับสิบ กล่องที่สี่เป็นหมวกรูปแบบต่างๆ มีทั้งหมวกแก๊ปไปจนถึงหมวกวิ๊งๆ เหมือนใส่แสดงโชว์ กล่องที่ห้าเป็นปลอกคอและสร้อยคอรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบโซ่สีเงินยันหูกระต่ายสีขาว
ผมนั่งมองของแต่งตัวมากมายที่ถูกแกะวางเรียงรายเหมือนภูเขาขนาดย่อมด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก
ผ่านมาไม่กี่เดือนหลานเยี่ยนกลายเป็นทาสกระต่ายไปโดยสมบูรณ์แล้วสินะ
“กล่องนั่น...แบรนด์เสื้อผ้า?” ผมมองไปยังกล่องที่เจ็ดยังไม่ได้ถูกเปิด แต่ละกล่องจะมีชื่อแบรนด์ติดเอาไว้บ่งบอกถึงราคาและคุณภาพที่ไม่ธรรมดาถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าตกใจเท่าแบรนด์ที่ผมเห็นนี้ แบรนด์GSนี้เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ได้รับความนิยมในแทบเอเซียเป็นอย่างมาก ได้ยินว่าเจ้าของแบรนด์เป็นลูกครึ่งจีนที่อายุน้อยแต่ฝีมือเกินตัว ผมอาจไม่เคยบอกใครว่าชอบเสื้อผ้าแบรนด์นี้มากๆ
และเท่าที่ผมรู้แบรนด์นี้ไม่ได้ผลิตเสื้อผ้าสำหรับสัตว์
“ดูดี” หลานเยี่ยนนำชุดสูดไซส์กระต่ายหลายสิบชุดออกมาวางแต่ละชุดจะมีไม้แขวนและถุงใส่กันฝุ่นให้ราวกับเป็นเสื้อผ้าคนไม่มีผิด
“อย่าบอกนะว่าคุณสั่งตัดน่ะ” ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งเพื่อขอคำตอบ
“ใช่ แบรนด์นี้รูปแบบสวยเหมาะกับนายมาก” หลานเยี่ยนพยักหน้าตอบโดยไม่ปิดบัง
“และคงแพงมากด้วย” ผมต่อประโยคให้ แค่ชุดปกติก็เป็นระดับคนมีเงินระดับนึงถึงซื้อได้ยิ่งย่อขนาดลงโดยที่รูปแบบยังคงเดิมราคาคงสูงลิ่ว
“มีส่วนลดพิเศษ”
“นั่นไม่ใช่ประเด็นไหม ฟุ่มเฟือยไปแล้ว”
“ฉันรวย” เพียงคำเดียวสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
“ครับๆ คุณรวย แต่ก็สวยจริงๆ นั่นแหละ” ผมก้มลงไปมองสูทสีขาวที่ตัดแต่งอย่างปรานีตโดยมีเสื้อกั๊กสีเลือดนกกับหูกระต่ายอันเล็กสีเดียวกัน สวยมากๆ
“ลองใส่ดู” หลานเยี่ยนจัดการแกะริบบิ้นที่ผูกไว้ออกเปลี่ยนชุดให้ผมเสร็จสรรพ
รู้ตัวอีกทีก็ถูกจับวางบนโซฟาสีทองก่อนจะถูกถ่ายรูปรัวๆ
“ผมยังไม่ทันเก๊กหล่อเลย อย่าถ่ายรัวสิ” ผมยกเท้าหน้าขึ้นแล้วกวักน้อยเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายหยุดถ่ายรัวได้แล้ว
“จะเก๊กไม่เก๊กก็เหมือนกัน”
“เหมือนที่ไหน”
“งั้นลองเก๊กดู”
“ได้ นี่แหละถ่ายเลย” ผมยืดตัวขึ้นหันข้างทำมุมกับกล้อง หรี่ดวงตากลมๆ จิกกล้องขณะเชิดจมูกขึ้นน้อยๆ
“หึ...คิก” หลานเยี่ยนถึงกับทนความหล่อเหลาของผมไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังจนแม่บ้านหลายคนต้องเข้ามาดูอาการ
ไม่บ่อยนักที่หลานเยี่ยนจะระเบิดหัวเราะแบบนี้
ผมน่าตลกขนาดนั้นเลย?
เอาเถอะ ทำให้หัวเราะได้ก็ดีแล้ว
“หล่อล่ะสิ”
“สุดๆ” ดวงตาสีเทาของหลานเยี่ยนยังทอประกายขบขันอยู่เลย
“อีกท่าไหม”
“สนุกเหรอจื่อจื่อ”
“สนุกดี หลานเยี่ยน...ขอบคุณนะ” ผมเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่ออกมาจากใจ ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาเขาทุ่มให้ผมมากจริงๆ
“ไม่มีอะไรต้องขอบคุณ”
“มีเยอะเลยล่ะ ผมดีใจที่ได้คุณเป็นเจ้านาย” ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นรอยยิ้มที่ผมส่งไปรึเปล่า
“ถ้าดีใจก็ลองใส่ของในกล่องนี้ให้ดูหน่อย” หลานเยี่ยนหันไปหยิบกล่องสุดท้ายที่ยังไม่ได้ถูกแกะมาตรงหน้าผม คัตเตอร์คมๆ กรีดลงอย่างเชื่องช้าก่อนอีกฝ่ายจะหยิบของภายในออกมา
“อะ...” ผมถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นสิ่งที่วางเรียงอยู่เบื้องหน้าในตอนนี้
“ตัวไหนดีจื่อจื่อ ส่ายเดี่ยวตัวนี้น่ารักนะ” หลานเยี่ยนหยิบชุดสายเดี่ยวสีชมพูฟูฟ่องมาตรงหน้าผม
“หลานเยี่ยน!” ผมตวัดขาแตะส่งชุดสีชมพูนั่นจนตกลงพื้น
กล่องสุดท้ายเต็มไปด้วยชุดเสื้อผ้าของผู้หญิง เอาตรงๆ คือชุดของกระต่ายตัวเมียนั่นแหละ ผมรู้เลยว่าอีกฝ่ายจงใจสั่งมาแกล้งผมโดยเฉพาะ
ผมอาจยอมให้ผูกริบบิ้นแต่กับชุดสาวจ๋าขนาดนี้อย่าหวัง
“หึหึ โกรธแล้ว”
“คุณจงใจแกล้งผมชัดๆ”
“หึ” อีกฝ่ายไม่ตอบแต่ยกยิ้มมุมปากแทน
นั่นแปลว่าจริง
“รับความโกรธของผมไปเลย” พูดจบผมไม่รอช้ากระโจนใส่หน้าหลานเยี่ยนทั้งข่วนทั้งชกทั้งเตะเท่าที่กระต่ายตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งจะทำได้
“โอ้ย! จื่อจื่อหยุด”
“ไม่ อย่างคุณมันต้องโดนซะบ้างหลานเยี่ยน”
“กระต่ายดุ”
“ไม่ใช่แค่ดุแต่ผมจะกัดด้วย” จัดการกับหลานเยี่ยนจนพอใจผมกระโจนกลับไปยังกองเสื้อผ้าฟรุ้งฟริ๋งทำการใช้ขาหน้ากดยึดไว้ก่อนจะกัดกระชากทำลายชุดพวกนั้นจนกลายเป็นเศษผ้าในชั่วพริบตา
.........................................
งื้อออ น่ารัก!
คู่นี้น่ารักเกินไปแล้ววว
ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น!
อยากจะแอบเจาะรูที่ประตูแอบมองหลานเยี่ยนอาบน้ำให้จื่อจื่อจังเลย
หลายคนคาดเดาเนื้อเรื่องไปหลายแบบมาก มีทั้งที่ทายถูกและไม่ถูกซึ่งเราขอยังไม่เฉลยนะคะ
รอติดตามต่อไปน้าา
ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นท์และกำลังใจที่ให้มากเลยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการโดเนทด้วยนะคะ เราดีใจมากๆ เลย
ตอนหน้าจะเป็นบทของหลานเยี่ยน
รอติดตามความหลงกระต่ายได้เลยค่า
ไว้เจอกันตอนหน้าน้าา
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

-การหิ้วหลังคอกระต่ายไม่ดีนะ น้องอาจบาดเจ็บได้ ยิ่งน้ำหนักตัวเยอะยิ่งไม่โอเคเลย เพราะงั้นอย่าหิ้วไปมาแบบพี่หลานเยี่ยนนะ
-กระต่ายอาบน้ำได้ แต่อย่านาน และต้องเป่าลมให้แห้งเดียวจะเป็นปอดบวม ที่ดีคือใช้โฟมแห้งเช็ดตัวน้อง
-กระต่ายเด็กอายุ6-8เดือนทานแต่หญ้าอัลฟาฟ่า โตมาถึงกินหญ้าทิมโมธี โอ้ต ออชาร์ด
-กระต่ายกินผักผลไม้สดได้ แต่ไม่มากและได้บางชนิด ที่นิยมให้กินก็แครอต สตอเบอรี่ บลูเบอรี แอปเปิ้ล
อยากให้ไรท์อัพทุกวันเลยแง๊!